<<< อลวน "คน" กับ "ผี" >>> ตอนที่ 15 ตายทั้งกลม Part 1 [03-Aug-18]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <<< อลวน "คน" กับ "ผี" >>> ตอนที่ 15 ตายทั้งกลม Part 1 [03-Aug-18]  (อ่าน 22520 ครั้ง)

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
"เพื่อน" ทำให้เป็นได้ทั้งคนดีและเลวจริงๆ อยู่ที่ว่าจะเลือกคบเพื่อนแบบไหน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ปมเต็มไปหมดเลย
เรื่องสะกดจิตระลึกชาติก็ดูน่าสงสัย

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
สายชล แมนมาก เก่ง ๆ ปลื้มจัง   o13
ชอบเรื่องนี้มากที่เอาเรื่องจริง ๆ ในสังคมมาสอดแทรกในนิยาย
สอนเรื่องบาปบุญคุณโทษที่คน ๆ นั้นจะได้รับ จากการกระทำของตัวเอง
กำลังกลัวว่า ลูกทรพีนี่จะกลับมาล้างแค้นชลเนี่ยสิ ถึงกำลังจะหมดอายุขัยก็เถอะนะ
แล้วคุณไตรจักร จะเกี่ยวข้องยังไงกับนะโมนะ เป็นคนทำให้นะโมเป็นแบบนี้หรือเปล่า
เงื่อนงำเยอะแยะมากมาย รอตอนต่อไปจ้า ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ตอนที่ 12 เปรต


     กว่าผมจะจัดการเรื่องงานเสร็จเรียบร้อยเวลาก็ล่วงเลยไปจนเกือบสองทุ่มแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ผมยังอดเป็นห่วงเรื่องคุณป้าร้านขายเมื่อตอนบ่ายไม่ได้เลย ลองคิดดูแล้วผมเองก็ใจร้อนเกินไปที่พุ่งเข้าไปเอาเรื่องลูกชายของคุณป้าอย่างนั้น ถ้าเด็กนั่นมันเกิดโมโหในสิ่งที่ผมทำแล้วไประบายด้วยทำร้ายคุณป้าตอนที่ผมไม่อยู่ล่ะก็ ผมคงรู้สึกผิดมากที่เป็นต้นเหตุให้คุณต้องเจ็บตัวจากน้ำมือลูกชายของอีกครั้ง แล้วถ้าเกิดว่าเด็กนั่นมันเกิดมีเป็นไปตามที่นายนะโมว่าไว้เสียก่อนที่จะได้กลับไปหาคุณ คุณป้าก็คงจะเสียใจมาก ไม่ว่าทางไหนก็ไม่ดีไปกว่ากันสำหรับคุณป้าเลยสักนิด

     “ผมรู้นะว่าชลเป็นห่วงคุณป้าคนนั้น ทำใจให้สบายนะครับ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ผมรู้ว่ามันยากแต่ผมจะผ่านไปมันไปพร้อมกับชลเอง” แววตาแห่งความห่วงใยและรอยยิ้มที่อบอุ่นละมุนจากนายนะโมที่ส่งมาให้ผม ถึงมันจะไม่ได้ทำให้ความกังวลของผมบรรเทาลงสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจว่าไม่ว่าเพราะจะต้องพบเรื่องกับที่มันน่าเศร้าขนาดไหน ก็ยังจะมีนายนั่นที่อยู่เคียงข้างผมและไม่มีวันปล่อยให้ผมต้องเคว้งคว้าง ผมอมยิ้มแทนคำขอบคุณตอบกลับนายนะโม ขอบคุณมากนะที่อยู่ข้างกัน


     เฮ้ย!

     ผมอุทานออกมาดังลั่น ไปพร้อม ๆ กับการเหยียบเบรกอย่างแรงเพื่อหยุดรถอย่างกะทันหัน เมื่อในระหว่างทางที่ผมขับรถมาอยู่ดี ๆ อยู่ ๆ ก็ปรากฏร่างของชายสูงวัยขวางหน้ารถผมเอาไว้อย่างกะทันหัน โชคยังดีที่รถผมไม่เกิดเสียหลักไป แต่เมื่อพินิจดูดี ๆ แล้วผมก็พอจะเดาออกว่าคุณลุงคนนั้นคงไม่ใช่มนุษย์เป็นแน่ ผมยกมือขึ้นทาบสัมผัสหัวใจยังสั่นระรัวเพราะยังไม่คลายจากอาการตกใจ ตอนที่ต้องเบรกอย่างกะทันหันเมื่อครู่หัวใจผมแทบจะตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม โชคยังที่ไม่มีรถแล่นตามหลังมา ไม่อย่างนั้นล่ะก็คงจะเกิดเป็นภาพที่ผมไม่อยากจะนึกถึงมันเลย

     “ช่วยเมียลุงด้วย เมียลุงกำลังตกอยู่ในอันตราย” ทันทีที่รถของผมจอดนิ่งสนิทคุณลุงคนนั้นกระโดดขึ้นมาบนกระโปรงหน้ารถผมด้วยท่าทางที่ดูร้อนอกร้อนใจพร้อมกับตะโกนบอกเรื่องที่กำลังทุกข์ใจ ผมพยายามจะที่จะตั้งสติให้ได้เร็วที่สุดเพื่อจะสื่อสารกับคุณลุงคนนั้น เพราะดูแล้วคุณลุงคงกำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างมากเป็นแน่



     เมื่อสื่อสารกันจนได้ความจนผมทราบว่าภรรยาของคุณลุงคนนั้นก็คือคุณป้าร้านข้าวเมื่อตอนบ่าย ผมรีบวกรถกลับไปอย่างกระวนกระวายใจ เมื่อรู้ว่าตัวผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้คุณป้าต้องตกอยู่ในอันตรายด้วยน้ำมือลูกชายตัวเองอยู่ตอนนี้ มันเป็นเพราะความใจร้อนของผมแท้ ๆ เลย

     “ใจเย็น ๆ ชลขับเร็วขนาดนี้เดี๋ยวก็เกิดอุบัติเหตุหรอก”

     “ฉันเย็นไม่ไหวหรอกนะโม ฉันทำให้คุณป้าเขาเดือดร้อนนะ ถ้าฉันไม่ไปมีเรื่องกับเด็กนั่นมันคงไม่โมโหจนกลับไปทำร้ายคุณป้าตอนที่ฉันไม่อยู่”

     “มันไม่เกี่ยวกับชลหรอก ต่อให้เขาไม่ได้มีเรื่องกับชล เด็กคนนั้นเขาก็ทำร้ายแม่เขาอยู่ดี เพราะจิตใจของเด็กคนนั้นมันก้าวเข้าสู่ความเป็นเปรตจนแทบจะไม่เหลือจิตใต้สำนึกของความเป็นมนุษย์แล้วยังไงล่ะ”


     ถึงนายนะโมจะพูดแบบนั้น แต่ก็มันไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่ อย่างไรเสียผมก็มีส่วนยั่วยุอารมณ์ของเด็กนั่นอยู่ดี ไม่รู้ว่าป่านนี้คุณป้าจะเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้ผมใจไม่มีดีเลย ยิ่งประกอบกับที่ได้เห็นท่าทีวิตกและร้อนใจอย่างหนักจากวิญญาณคุณลุงคนนั้นเพราะเป็นห่วงภรรยาที่อยู่ต่างภพภูมิ ก็ยิ่งพาให้ผมใจเสียไปด้วย ถ้าเกิดเด็กคนนั้นได้รู้ว่าวาระสุดท้ายของตัวเองกำลังจะมาถึง เขาจะคิดได้บ้างไหมนะว่าสิ่งที่เขาทำผิดบาปอย่างมหันต์แค่ไหน


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     ตั้งแต่วินาทีแรกที่รถของผมเลี้ยวเข้าไปในซอยบ้านคุณป้าตามเส้นทางที่วิญญาณคุณลุงได้บอกไว้ ผมก็ต้องพบกับเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวยอันน่าสะพรึงกลัว มันดูเป็นเสียงกรีดร้องจากความเจ็บปวดและทรมานของอสูรกาย มันฟังดูทั้งน่ากลัวและน่าหดหู่ไปพร้อม ๆ กัน ถ้าไม่ติดว่ายังต้องควบคุมรถผมแทบอยากจะละมือจากพวกมาลัยมาอุดหูให้รู้แล้วรู้รอด ผมไม่อยากได้ยินเสียงนั่นเลยมันช่างเป็นเสียงที่ทรมานโสตประสาทการรับเสียงเสียเหลือเกิน

     “นี่มันเกิดอะไรขึ้นนะโม”

     “ไม่ต้องกลัวชลพวกเขาก็แค่มารอรับเพื่อนใหม่ มันจวนนะถึงเวลาแล้ว” นายนะโมตอบกลับด้วยท่าทีที่ดูนิ่งสงบ คำว่าถึงเวลาของนายนะโมผมเข้าใจดีว่านายนั่นหมายถึงอะไร เพราะอย่างนั้นผมถึงต้องรีบเหยียบคันเร่งตรงไปให้ถึงบ้านของคุณป้าให้เร็วที่สุด



     เสียงเอะอะโวยวายและเสียงร้องไห้อย่างน่าเวทนาของหญิงสูงวัยดังออกมาถึงนอกตัวบ้าน ผมรีบบุกเข้าไปอย่างฉายเดียวเพราะนายนะโมไม่สามารถผ่านผู้ดูแลบ้านเข้ามาได้ ภาพที่ผมเห็นมันคงเป็นสิ่งคงจะไม่มีใครบนโลกนี้รับได้ รวมถึงตัวผมเองก็เช่นกัน เด็กระยำคนนั้นกำลังกระชากคอเสื้อและใช้กำปั้นของตัวเองกระแทกใส่ใบหน้าผู้เป็นมารดาอย่างไม่ยั้งมือซ้ำแล้วซ้ำอีก แม้คุณป้าคนนั้นจะทั้งยกมือไหวและและส่งเสียงอ้อนวอนร้องขอความเมตตาแต่มันก็ไม่ได้สะกิดใจผู้เป็นลูกชายแท้ ๆ เลยแม้แต่น้อย เด็กนั่นมันสัตว์นรกกลับชาติมาเกิดชัด ๆ สิ่งที่ผมคว้าได้ในตอนนั้นคือขวดแก้วเปล่าที่วางอยู่ใกล้ ๆ ถ้าวันนี้ผมไม่ได้เอาเลือดชั่วออกจากหัวเด็กระยำนั่นออกก็อย่าเรียกผมว่าคนอีกเลย

     “มึง!” ผมกระชากตัวไปเด็กนั่นออกจากคุณป้าคนนั้น ก่อนจะใช้ขวดแก้วในมือฟาดลงบนหัวมันอย่างไม่ต้องยั้งคิดทันที

     “โอ๊ย!” เด็กนั่นร้องลั่นทันทีที่ถูกกระทำ ผมรีบผลักตัวมันออกไปโดยไม่ได้ใส่ใจกับเลือดที่ไหลเอ่อจากหัวของเด็กนั่นเพราะรอยแผลที่ผมเพิ่งกระทำลงไป ผมรีบเข้าไปประครองร่างของคุณป้าที่ล้มกองอยู่กับพื้น ใบหน้าของคุณป้าที่อาบไปด้วยเลือดใครเห็นก็คงจะอดสงสารไม่ได้ น้ำตาที่ไหลรินของผู้เป็นแม่ที่ผสมไปกับน้ำเลือดที่เอ่อล้นจากรอยแผลทั่วไปหน้ามันช่างเป็นภาพที่น่าสะเทือนใจยิ่งนัก และที่น่าหดหู่ไปกว่านั้นก็คือรอยแผลทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากน้ำมือของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกในไส้ของคุณป้าเอง ถ้าชะตากรรมของเด็กเป็นอย่างที่นายนะโมว่าไว้จริง ๆ ......


     มันก็สมควรตายแล้ว......


     “นี่มึงอีกแล้วเหรอ” เด็กนั่นตวาดชี้หน้าผม แววตาที่มันมองมาที่ผมดูเต็มไปด้วยความอาฆาต ผมยกแขนขึ้นกันคุณป้าไว้ และมืออีกข้างยกขวดปากฉลามที่ได้มาจากการเอาเลือดชั่วออกจากหัวเด็กนรกนั่นขึ้นมาเป็นการ์ดรอรับมือกับมัน

     “เออกูเอง กูบอกมึงแล้วไงถ้ากูรู้ว่ามึงทำร้ายแม่มึงอีก กูจะกลับมาจัดการมึง” ผมตอบกลับอย่างไร้ซึ่งความเกรงกลัว ก็มันมีอะไรที่ผมต้องกลัวด้วยเหรอ เมื่อตอนกลางวันผมก็คว่ำมันมาแล้ว และแผลใหญ่บนหัวมันก็ฝีมือผมอีกเช่นกัน เจ้าเด็กนั่นตั้งท่าจะพุ่งเข้าใส่ผมหลายครั้งแต่ก็ยังดูเกรงอาวุธในมือผม ทุกครั้งที่ตั้งท่าจะพุ่งเข้ามามันก็เป็นอันชะงักและถอยกลับไป


     ผมถึงกับต้องกลืนก้อนสะอึกเมื่อสองตาเหลือบไปเห็นบานกระจกที่อยู่ด้านหลังของเจ้าเด็กเลวที่กำลังยืนประจันหน้ากับผม เมื่อภาพที่สะท้อนในกระจกนั้นผมไม่สามารถมองเงาสะท้อนตรงส่วนหัวของเด็กนั่นได้เลย มันใกล้จะถึงเวลาแล้วจริง ๆ สินะ

     “เฮ้ย!” เพียงเสี้ยววินาทีที่ผมเผลอ เจ้าเด็กนั่นพุ่งเข้ามายื้อแย่งขวดปากฉลามในมือผม ผมกับมันยื้อแย่งขวดแก้วนั่นกันอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บแปลบจะมาเยือนที่หน้าท้องผมพร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยันที่แสยะขึ้นบนใบหน้าของเจ้าเด็กนั่น เมื่อเบนสายตาลงมองด้านล่างผมถึงได้ผมกับต้นเหตุของความเจ็บนั้น ปลายแหลมของขวดแก้วปักที่อยู่หน้าท้องของผม

     เด็กนั่นกระชากขวดแก้วปลายแหลมนั่นออกไปพร้อมกับร่างกายของผมที่ล้มลง ผมถูกมันเตะเสยคางจนฟุบกับพื้น ผมพยายามที่จะดันตัวเองลุกขึ้นแต่ถูกมันตามมาเตะเข้าที่กลางลำตัวซ้ำเข้าตรงแผลที่ถูกแทง ผมนอนตัวงอเอามือกุมท้องเพราะทั้งจุกและเจ็บแผลอย่างหนัก ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างสาแก่ใจของเจ้าเด็กระยำคนนั้น

     “พอเถอะลูก อย่าทำเขาเลยแม่ขอร้องนะ” คุณป้าพยายามที่เข้าไปรั้งลูกชายที่กำลังจะเข้ามาประทุษร้ายร่างกายผมซ้ำอีก

     “ไม่ต้องมาเสือก” คำร้องขอจากผู้เป็นแม่ไร้ซึ่งความหมายสำหรับลูกทรพี เด็กนั่นผลักคุณป้าอย่างแรงจนคุณป้ากระเด็นไปอีกทาง ก่อนที่คุณป้าจะล้มฟุบและหมดสติไป

     “มึงรนหาที่เองนะ” เด็กนั่นว่าพลางเหยียบลงไปบนรอยแผลที่กำลังโชกไปด้วยเลือดบนหน้าท้องผม เท้าของเด็กนั่นขยี้อย่างแรงบนแผลของผม ผมได้แต่ส่งเสียงร้องและดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาน


     มือที่ถือขวดฉลามเงื้อขึ้นเป็นวงกว้าง ก่อนที่เจ้าเด็กนั่นจะส่งด้านที่เป็นปลายแหลงพุ่งตรงมาที่ผม ผมได้เพียงหลับตารอรับชะตากรรมอย่างหมดหนทางสู้ ผมมาที่นี่เพราะตั้งใจจะมาช่วยคุณป้าที่กำลังเดือดร้อนแท้ ๆ แต่ทำไมผมกลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ถ้าผมต้องตายไปพ่อกับแม่ผมจะเป็นยังไง พ่อครับ แม่ครับ ผมรักพ่อกับแม่มากนะขอบคุณที่ดูแลผมมาอย่างดีตลอด...


     เวลาล่วงเลยไปเกือบนาทีแต่ผมกลับยังไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการที่ความแหลมคมจากขวดแก้วนั้นที่พุ่งเข้ามาทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด มันเกิดอะไรขึ้นผมไม่เชื่อหรอกนะว่าคนอย่างเจ้าเด็กระยำคนนั้นจะคิดได้ด้วยตัวเอง และเปลี่ยนใจไม่ทำร้ายผม ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ก่อนจะพบกับภาพเจ้าเด็กนั่นที่กำลังพยายามที่จะใช้อาวุธในมือจ้วงแทงผม แต่ราวกับมีพลังงานบางอย่างที่ฉุดรั้งเอาไว้ทำให้มันไม่สามารถบังคับร่างกายของตัวเองได้

     ร่างกายของเด็กนั่นค่อย ๆ ลอยขึ้นเหนือจากพื้นก่อนจะลอยพุ่งไปกระแทกกับกำแพงอย่างแรงราวกับถูกจับเหวี่ยง ไฟทั้งบ้านดับมืดสนิท ก่อนจะตามมาด้วยเสียงกระจกทุกบานและอุปกรณ์ทุกอย่างภายในบ้านที่จากแก้วแตกพร้อม ๆ กัน เจ้าเด็กนั่นตัวยังติดอยู่กับกำแพงราวกับถูกใครบางคนกดเอาไว้ เจ้าเด็กนั่นจับที่คอตัวเองและดิ้นทุรนทุรายสภาพราวกับคนกำลังขาดอากาศหายใจ

     “พอเถอะนะโม” คงจะมีแค่ผมคนเดียวที่มองเห็นผู้ที่กระทำสิ่งนั้นได้ แววตาของนายนะโมดูดุดันจนน่ากลัวอย่างที่ผมไม่เคยมาก่อน มือหนาของนายนั่นบีบคอเจ้าเด็กระยำอย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงร้องห้ามจากผมทำให้นายนั่นชะงัก ผมพยายามใช้กำลังที่ยังพอมีดันตัวเองลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล แววตาของนายนะโมที่มองมาทางผมแปรเปลี่ยนจากแววตาที่ดุดันเป็นแววตาที่อ่อนโยนและแฝงไปด้วยความห่วงใย ก่อนที่ร่างของเขาจะค่อย ๆ จางหายไป


     ดวงไฟทั้งบ้านกลับมาให้ความสว่างไสวเป็นปกติ เจ้าเด็กนั่นล้มลงก่อนจะรีบลุกขึ้นมาเหลียวมองไปมองรอบตัวอย่างหวาดระแวง


     “มากราบเท้าขอโทษนายเดี๋ยวนี้” ผมพูดรั้งเจ้าเด็กนั่นที่กำลังอยู่ในอาการหวาดผวาอย่างรุนและกำลังตั้งท่าจะวิ่งหนีออกไป พลางเหลียวมองไปที่ร่างของคุณป้าที่กำลังนอนสลบไสลเพราะร่างกายบอบช้ำอย่างหนัก

     ที่ผมพูดไปแบบนั้นเพราะผมรู้ว่าการออกจากบ้านครั้งนี้ของเด็กนั่น เขาจะไม่มีโอกาสได้กลับมา สิ่งที่ผมพูดไปผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เขาควรจะทำเป็นครั้งสุดท้ายในขณะที่ยังมีลมหายใจ ผมเปลี่ยนแปลงดวงชะตาของใครไม่ได้ แต่อย่างน้อยการที่ให้เด็กนั่นได้กราบขอขมาผู้เป็นแม่ มันอาจจะช่วยผ่อนปรนโทษทัณฑ์ที่เขาจะต้องได้รับในชีวิตหลังความตายได้บ้าง ไม่มากก็น้อย เพราะเวรกรรมที่เขาได้กระทำมันหนักหนาเหลือเกิน

     เด็กนั่นที่กำลังสติแตกขวัญกระเจิงแทบจะไม่ได้ใส่ใจฟังสิ่งที่ผมพูดเลยด้วยซ้ำ ภาพเด็กนั่นที่วิ่งเตลิดออกจากไปทำให้ผมอดใจหายไม่ได้ อย่างไรเสียสัตว์โลกก็ต้องเป็นไปตามกรรม


     ภาพการรับรู้ของผมค่อย ๆ มืดลงจนถูกตัดขาดหายไปในที่สุด....


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     เมื่อรู้สึกขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตัวเองอยู่ในชุดคนไข้และนอนอยู่ในเตียงของโรงพยาบาลสักแห่ง พ่อ คุณนายนกยูง เจสซี่ และพัตเตอร์ อยู่ล้อมรอบเตียงคนป่วยที่ผมนอนอยู่ ทุกคนดูดีใจไม่น้อยที่ได้เห็นผมลืมตาขึ้นมา บรรยากาศดูน่าจะอบอุ่นเป็นอย่างดี แต่ทำไมผมกลับรู้สึกหวิว ๆ ก็ไม่รู้ หรืออาจเป็นเพราะผมไม่ได้พบหน้าคนที่ผมมักจะได้พบหน้าเป็นคนแรกอยู่เสมอยามที่ลืมตาตื่นขึ้นมา แต่ทำไมในเวลานี้ถึงไม่มีเขาอยู่ตรงนี้ นะโมนายอยู่ไหน...

     เมื่อได้ทราบข่าวว่าคุณป้าคนนั้นปลอดภัยดี ผมก็พอเบาใจไปได้ส่วนหนึ่ง ผมถูกคุณนายนกยูงดุเอาเป็นการใหญ่เรื่องที่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตราย แต่ยังมีคำชื่นชมจากพ่อที่ว่าผมกล้าเข้าไปให้ความช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อน ทุกอย่างดูจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่ก็ยังมีอีกเรื่องที่ผมยังอดห่วงและเป็นกังวลไม่ได้ ป่านนี้นายนะโมจะเป็นยังไงบ้างนะ ขนาดเมื่อคราวก่อนที่นายนั่นใช้พลังเพื่อเอาปากมาสัมผัสกับปากผมเขายังสูญเสียพลังไปมากจนแทบจะต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้ม แต่สิ่งที่นายนั่นทำไปเมื่อคืนมันคงจะต้องใช้พลังมากกว่านั้นหลายเท่าตัวนัก และในตอนนี้ผมไม่สามารถสัมผัสถึงเขาได้เลย ไม่แม้แต่จะได้ยินเสียง นายนั่นจะรู้บ้างไหมว่าผมเป็นห่วงเขามากแค่ไหน


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     เสียงกรีดร้องอันโหยหวนปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาในยามวิกาล เสียงนั้นมันชวนให้แสบแก้วหูเกินกว่าที่ผมจะทนนอนต่อไปได้ แต่เมื่อหันมองไปทางคุณนายนกยูงที่มานอนเฝ้าไข้ผม เธอกลับยังนอนได้อย่างเป็นปกติดี คงจะมีแค่ผมสินะที่ต้องเผชิญกับเสียงที่หลอกหลอนนั่น ความน่ากลัวเสียงนั่นมันช่างคล้ายคลึงกับเสียงที่ผมได้ยินตอนที่กำลังไปหาคุณป้า ผมลุกขึ้นอย่างทรมานเพื่อตามหาที่มาของเสียงนั้น เพียงแค่ขยับตัวนิดเดียวความรู้สึกเจ็บจี๊ดที่แผลตรงหน้าท้องก็มาเยือนอย่างรุนแรงแต่ผมก็ยังฝืนเดินไปที่ระเบียง เพื่อมองหาที่มาของเสียงที่ทรมานโสตประสาทนั้น


     ทันทีที่เปิดม่านออก ภาพที่เห็นทำเอาผมแทบช็อก นั่นมันเด็กคนนั้นลูกชายของคุณป้านี่ ศีรษะของเด็กนั่นอยู่ตรงหน้าระเบียงห้องผมดี และตรงปากของเขาเล็กมากเสียจนแทบจะมองไม่เห็น แววตาที่เขามองราวกับอยากจะสื่อสารอะไรบางอย่างแต่เพราะปากที่เล็กมากเกินกว่าจะสื่อออกมาเป็นคำพูดได้ มีแต่เพียงเสียงกรีดร้องอันโหยหวนดังออกมา แต่ห้องที่ผมพักก็อยู่ชั้นที่สูงพอตัว แต่ส่วนหัวของเด็กมาโผล่ถึงชั้นนี้ได้ อย่างนั้นก็แสดงความว่า...

     เมื่อผมลองมองลงไปด้านล่างจึงได้พบว่าลำตัวของนั่นยาวสูงพอกับตึกแปดชั้น มือทั้งสองข้างแผ่บานใหญ่อย่างกับใบตาล ผมถึงกับผงะ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้คือสิ่งที่ใครต่อใครเรียกกันว่าเปรต สิ่งที่ถูกเล่าขาลกันมาแต่โบราณว่าเป็นเวรกรรมที่ลูกทรพีทุบตีบิดามารดาจะต้องได้รับและต้องทนทุกข์ทรมาน เด็กนั่นกลายเป็นเปรตไปแล้วจริง ๆ หรือนี่ ผมพยายามที่จะตั้งสติ และทำในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดที่พอจะทำได้ในตอนนั้นก็คือการสวดอุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณอสูรกายตรงหน้า ไม่นานนักเสียงกรีดร้องที่ทรมานโสตประสาทนั้นก็สงบลงไปพร้อม ๆ ร่างของเปรตตนนั้นที่หายไปในความมืด


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     พาดหัวข่าวบนหนังสือพิมพ์ของวันนี้ กลุ่มเด็กวัยรุ่นเสพยาจนคลุ้มคลั่งและเกิดเหตุฆ่ากันตาย ภาพของผู้เสียชีวิตหนึ่งในนั้นก็คือลูกชายของคุณป้าคนนั้น นั่นก็เป็นสิ่งช่วยยืนยันถึงที่มาในสิ่งที่ผมได้พบเจอเมื่อคืน และยิ่งตอกย้ำสัจธรรมที่ว่าไม่มีใครหนีกฎแห่งกรรมพ้น เมื่อทำอะไรไว้สิ่งนั้นมันก็จะย้อนกลับมาสนองไม่ช้าก็เร็ว เพราะฉะนั้นเมื่อยังมีโอกาสก็จงสร้างแต่กรรมดีกันไว้เถอะ


     “พัตเตอร์ วันนี้แกมีเรียนไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ทั้งวัน” ผมเอ็ดให้เจ้าเด็กพัตเตอร์ที่วันนี้ใส่ชุดนักศึกษามาแต่ไม่ยอมไปเรียน กลับมาอยู่เฝ้าผมตั้งแต่เช้าจนบ่ายคล้อย

     “ไม่เป็นไรหรอกน่า ผมฝากเพื่อนจดเลคเชอร์แล้ว พี่เจ็บอยู่นี้ให้ผมไปเรียนผมก็เรียนไม่รู้เรื่องหรอก”

     “พี่ชลกินผลไม้นะ เดี๋ยวผมไปจัดใส่จานให้” เจ้าพัตเตอร์รีบชิงตัดบท คงรู้ตัวว่าจะโดนผมว่าให้อีกเป็นแน่ พัตเตอร์คว้ากระเช้าผลไม้ที่ลูกค้าที่ร้านเพิ่งแวะเอามาเยี่ยมผมเมื่อสักพักใหญ่แล้วเจ้าเด็กนั่นก็รีบเดินแยกตัวออกไป


     “นี่ตาชล ลูกกับพัตเตอร์นี่ยังไงกันแน่ เป็นแฟนกันเหรอ” คำถามที่คุณนายนกยูงกระซิบที่ข้างหูผมตั้งแต่ที่เจ้าเด็กพัตเตอร์ยังไม่ทันจะคล้อยหลังไป ทำเอาผมแทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง ไม่รู้ว่าคุณนายนกยูงเธอคิดอะไรถึงได้ถามคำถามนั้นออกมา

     “แม่เอาอะไรมาพูด ผมกับเจ้าเป็นพี่น้องกันเฉย ๆ ไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย” ผมรีบแก้ต่างให้ตัวเองอย่างทันควัน

     “ก็แม่เห็นพัตเตอร์เขามาเฝ้าลูกเช้าถึงเย็นถึง ตอนที่ลูกยังไม่ได้สติเขานั่งเฝ้าทั้งคืนไม่ยอมหลับยอมนอน แม่ว่าดูยังไงก็ไม่น่าเป็นแค่เพื่อนหรือพี่น้องกันนะ ถ้าจะคบหากันจริง ๆ แม่กับพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ แม่กับพ่อหัวสมัยใหม่อยู่แล้วลูกจะรักจะชอบใครพ่อแม่ก็ไม่ว่าอะไรหรอก แถมเด็กนั่นก็หล่ออย่างกับพระเอกละครหลังข่าว แม่ชอบ” คุณนายนกยูงกอดอกแสดงวิสัยทัศน์ที่ผมอยากจะกุมขมับ  เธอบอกว่าเธอเป็นคนหัวสมัยใหม่มันช่างขัดแย้งกับความชอบส่วนตัวของเธอที่นำพามาซึ่งการมองเห็นในสิ่งที่คนทั่วไปเขาไม่เห็นกันของผมเสียจริง ๆ

     หันมองไปอีกด้านเจ้าเด็กพัตเตอร์ยืนอมยิ้มพลางจัดผลไม้ใส่จาน รู้นะว่าได้ยินที่คุณนายนกยูงพูด ยังทำเฉยอยู่ได้แทนที่จะมาช่วยกันแก้ต่าง


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     หลังจากที่ผมออกจากโรงพยาบาล ผมได้มีโอกาสแวะเวียนไปเยี่ยมและให้กำลังใจคุณป้าอยู่บ้างเป็นครั้งคราว หัวใจของคนเป็นแม่ แม้ว่าลูกจะทำตัวไม่ดีด้วยสักเพียงใด แต่สำหรับคนเป็นแม่แล้วลูกก็ยังเป็นยอดรักยอดดวงใจอยู่วันยันค่ำ เมื่อลูกชายอันเป็นที่รักมาด่วนจากไปอย่างกะทันหันหัวใจก็แทบสลาย ผมยังจำภาพตอนที่ผมไปร่วมงานเผาศพของลูกชายคุณได้อยู่เลย คุณป้าร้องไห้ปานใจจะขาดและพร่ำเอ่ยแต่คำกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองที่เลี้ยงลูกได้ไม่ดี จนเป็นเหตุให้ลูกชายอันเป็นที่รักต้องมาพบจุดจบที่น่าสลดใจเช่นนี้ ผมได้แต่เพียงให้กำลังใจและบอกให้คุณป้าหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณลูกชายผู้ล่วงลับ ผมก็ได้แต่หวังว่าคุณป้าและกลับมาเข้มแข็งและยืนหยัดได้โดยเร็ว วิญญาณของคุณลุงยังคงเฝ้ามองคุณป้าด้วยความห่วงใยที่เปี่ยมล้น


     ผมไม่รู้ว่าดวงวิญญาณของลูกชายคุณป้าอยู่ที่ไหนในเวลานี้เพราะหลังจากที่โรงพยาบาลในวันนั้นผมก็ไม่ได้พบเห็นดวงวิญญาณของเด็กนั่นอีกเลย เช่นเดียวกับที่เป็นเวลาล่วงเลยมากว่าสองสัปดาห์แล้วที่ผมไม่ได้พบเจอ ไม่ได้สัมผัสและไม่สามารถรับรู้ถึงสิ่งใดที่เกี่ยวข้องนายนะโมได้เลย ผมไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนและเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง และไม่รู้เลยว่าเขาจะรู้บ้างไหมว่าผมคิดถึงและเป็นห่วงเขามากแค่ไหน


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     เป๊าะ

     เสียงดีดนิ้วของดร.กุสุมา เรียกให้ผมกลับออกมาจากภวังค์ ครั้งนี้ผมก็ยังไม่สามารถมองเห็นอะไรได้จากการสะกดจิตเพื่อระลึกชาติอีกเช่นเดิม ถึงตอนนี้จะเข้าสู่สัปดาห์ที่สามแล้วที่ผมไม่สามารถติดต่อกับนายนะโมได้เลย แต่ผมก็ยังไม่หยุดที่จะค้นหาปริศนาที่ช่วยนำพาให้นายนั่นกลับเข้าร่างให้ได้

     “ผมมองไม่เห็นอะไรเลยครับพี่โรส” ผมเรียกชื่อเล่นเธอหลังจากที่มีการพูดคุยกันจนเกิดความสนิทสนม

     “อย่าเพิ่งท้อนะจ้ะ เพิ่งครั้งที่สองเอง คนที่ประสบความสำเร็จในการระลึกชาติด้วยด้วยการสะกดจิตของพี่แต่ละคนใช้เวลากันเป็นสิบ ๆ ครั้ง การที่จิตของคนเราจะแข็งแรงพอที่จะมองย้อนไปเห็นได้ถึงอดีตชาติมันไม่ใช่เรื่องง่ายนะจ๊ะ ของแบบนี้มันต้องใช้เวลา”

     “เดี๋ยวชลนั่งพักในห้องพี่ให้หายเหนื่อยก่อนก็แล้วกันนะ ได้ยินว่าคราวที่แล้วถึงขั้นหมดสติไปเลยนี่ เดี๋ยวให้คนเอาน้ำกับขนมเข้ามาให้” พี่โรสกล่าวก่อนจะลุกออกไป


     การสะกดจิตเพื่อละลึกชาตินี้ผมรู้สึกว่ามันทำให้ผมสูญเสียไปพลังงานในร่างกายไปมาก ยิ่งคราวนี้ผมยิ่งรู้สึกเหนื่อยยิ่งกว่าคราวที่แล้วเสียอีก ผมหยิบเจ้าโทรศัพท์มือถือคู่ใจขึ้นเพื่ออัพเดทข่าวสารด้วยการท่องไปในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คในระหว่างที่นั่งพักอยู่ในห้องทำงานของพี่โรส


     “อยากเลี้ยงข้าวเราถึงขนาดตามหาFacebookเราเลยเหรอ ขอโทษนะ พอดีเราไม่ค่อยได้เล่น ไม่เห็นว่าชลแอดมา” ข้อความนั้นค้างอยู่ในกล่องข้อความในเฟซบุ๊กของผม ข้อความนั้นถูกส่งมาในระหว่างที่โทรศัพท์ของผมถูกปิดเครื่องขณะที่ผมอยู่ในระหว่างการสะกดจิต และข้อความนั้นถูกส่งมาจากแอคเคาท์ของ.... ไตรจักร!


     ผมตาลุกวาวอย่างมีความหวังเมื่อได้พบว่ามีการตอบรับเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กจากบุคคลที่ผมรอคอยมากว่าหลายสัปดาห์ ผมไม่รอช้ารีบกดเข้าไปดูที่หน้าเฟซบุ๊กของไตรจักรทันที ดูแล้วไตรจักรก็คงจะไม่ค่อยได้เล่นโซเชียลจริง ๆ อย่างที่เจ้าตัวว่า เพราะข้อความที่ถูกโพสครั้งล่าสุดก็ตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ผมเลือกที่จะเข้าไปดูในอัลบั้มภาพของไตรจักรเพราะผมคิดว่าถ้าสองคนนั้นรู้จักกันจริง ๆ ก็คงจะต้องมีภาพบางอย่างที่เชื่อมโยงถึงกันได้บ้างแหละน่า แต่ให้ตายเถอะผมเลื่อนหาจนตาลายแล้วก็ยังไม่พบภาพต้องสงสัยที่ต้องการเลย ไตรจักรแทบจะไม่โพสภาพบุคคลเลยจะมีก็แต่ภาพสถานที่ท่องเที่ยวและภาพวิวทิวทัศน์ต่าง ๆ


     เฮ้ย! เจอแล้ว! ในที่สุดผมก็เจอภาพ ๆ หนึ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากเข้าจนได้แล้ว ภาพนั้นถูกอัพโหลดไว้ตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้ว เป็นภาพในวันรับปริญญาของไตรจักร ในภาพนั้นมีคนอยู่สามคนพร้อมเขียนแคปชั่นว่า My Family สามคนในภาพนั้นมีไตรจักรที่สวมชุดครุยยืนอยู่ตรงกลาง และด้านซ้ายมือเป็นชายสูงวัยท่าทางภูมิฐาน และทางขวามือก็คือ.... นายนะโม!!! ใช่จริง ๆ ด้วยนั่นรูปนายนะโมไม่ผิดแน่ ๆ พวกเขารู้จักกันจริง ๆ ผมยิ้มร่าออกมาได้อย่างมีความหวังเมื่อเริ่มเห็นเค้าโครงของแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์





     นะโมฉันเข้าใกล้การตามหาร่างของนายไปอีกก้าวหนึ่งแล้วนะ แล้วนายล่ะ นายอยู่ที่ไหน รีบกลับมาสักทีสิ ฉันคิดถึงนายมากนะ






TBC





ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ดีใจด้วยนะ ใกล้ความจริงแล้วชล และก็ใกล้จะเสียตัวด้วย อิอิอิ หื่นจังเรา

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Dezzerr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
นะโมหายไปไหนน้าาๆ

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ตอนหน้าขอเอาตอนพิเศษของพัตเตอร์มาขั้นเนื้อหาหลักก่อนนะจ๊ะ

http://www.youtube.com/v/DLkirj9uB8U 

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
ใกล้ได้เจอร่างนะโมแล้ว ไตรจักรเป็นอะไรกับนะโมเนี่ย ไม่พี่ก็น้องแน่ ๆ เลย
แล้วนะโมหายไปไหน ถึงจะเสียพลัง แต่หายไปหลายวันอย่างนี้เลยเหรอ
หรือจริง ๆ ก็อยู่รอบ ๆ ตัวชลแหละ แต่พลังไม่มากพอจะให้ชลเห็นได้หรือเปล่า
คุณแม่นี่ดีมาก ๆ ไม่ต้องกลัวดราม่าพ่อแม่ด้านชลเลย แต่ว่าที่ลูกเขยไม่ใช่พัตเตอร์นะคะ
อย่าเพิ่งสนับสนุนผิดคน รอว่าที่ลูกเขยตัวจริงฟื้นก่อนน้า
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ตอนพิเศษพัตเตอร์ Part1



     “กรี๊ด! ช่วยด้วยค่า เด็กจมน้ำ” เสียงร้องของความช่วยเหลืออย่างตื่นตระหนกของผู้คนในบริเวณในยามที่ผมกำลังจะขาดใจคือความทรงจำสุดท้ายของผม


     วันนั้นผมแอบคุณพ่อและคุณแม่ไปเล่นน้ำในสระว่ายน้ำที่สโมสรของหมู่บ้านกับเพื่อนรุ่นพี่ที่บ้านอยู่ในละแวกเดียวกัน ในยามเช้าของวันธรรมดาสระว่ายน้ำที่นี่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านนัก จะมีก็แต่กลุ่มเด็ก ๆ ที่มาเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานในวันปิดเทอมเช่นนี้ จนกระทั่งเวลาไปผ่านไปสักพักใหญ่ คนอื่น ๆ ก็เริ่มจะเบื่อและขึ้นจากสระไปกันหมดแล้ว แต่ผมยังสนุกอยู่นี่นาเล่นคนเดียวก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร

     แต่การจะว่ายน้ำอยู่แต่ในโซนเด็กอย่างเดียวนี่มันก็ไม่ค่อยจะเร้าใจผมสักเท่าไหร่ ผมก็อยากจะลองว่ายน้ำเล่นในน้ำที่ลึก ๆ ดูบ้าง เมื่อเกิดความคิดได้ดังนั้นเด็กน้อยหกขวบผู้ห้าวหาญอย่างผมก็ประครองเอาห่วงยางลายเป็ดน้อยคู่ใจแหวกว่ายข้ามจากโซนเด็กไปยังโซนผู้ใหญ่อย่างนึกตื่นเต้นในใจ การลอยตัวอยู่บนผิวน้ำลึก ๆ นี่มันช่างตื่นเต้นแต่ก็ได้อารมณ์สุนทรีไปพร้อมกันเสียจริง ๆ ความสนุกในตอนนั้นทำให้ผมเผลอไผลจนนำพาตัวเองเข้าสู่ความประมาท จนเป็นเหตุให้ผมพลัดหลุดจากเจ้าห่วงยางแสนรัก

     ในความทรงจำที่ผมพอจะจำได้ ในตอนนั้นผมไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องขอความเหลือเพราะตัวผมจมลงสู่ก้นสระภายในเวลาอันรวดเร็ว ผมพยายามที่จะตะเกียกตะกายเพื่อนำพาตัวเองขึ้นสู่ผิวน้ำแต่ก็ทำไม่สำเร็จ ผมหายใจไม่ออก มีแต่น้ำที่ไหลเข้าสู่จมูกและปากจนผมสำลัก ร่างกายพยายามจะดิ้นรนหาอากาศหายใจเพื่อเอาชีวิตรอดแต่มันก็ไม่มีเลย น้ำที่ไหลผ่านเข้าสู่โพรงจมูกทำให้ผมปวดหัวอย่างหนักเหลือเกิน ทุกวินาทีมันช่างผ่านไปอย่างยากเย็นและทรมาน ร่างกายที่ขาดอากาศหล่อเลี้ยงดิ้นทุรนทุรายอย่างสุดแสนทรมาน เวลานั้นทำให้ผมรู้ซึ้งว่าความรู้สึกของคนที่กำลังใกล้ตายมันน่ากลัวอย่างนี้นี่เอง เวลาล่วงเลยผ่านไปสักพักใหญ่กว่าจะมีคนผ่านมาเห็นและร้องขอความช่วยเหลือ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าในตอนนั้นมันสายเกินไปหรือไม่ เพราะสติและการรับรู้ของผมนั่นมันสูญสิ้นไปหลังจากเสียงร้องขอความช่วยเหลือนั้นเพียงเสี้ยววินาที


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     หลังจากที่ผมสิ้นสติไปในตอนนั้น รู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีผมก็มาอยู่ที่ตรงนี้ ผมนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ข้างสระว่ายน้ำที่เดิม ตอนนี้บรรยากาศรอบ ๆ ตัวผมเงียบสนิทไร้เงาของสิ่งมีชีวิต ท้องฟ้ามืดดำมีเพียงแสงจันทร์ที่ให้แสงสว่างอยู่รำไร ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้ว สโมสรคงจะปิดแล้วสินะ แต่ทำไมยังมีแค่ผมยังคงอยู่ที่เดิม ผมสับสนไปหมดจับต้นชนปลายอะไรถูกอะไรไม่ถูกสักอย่าง ทำไมทุกคนถึงทิ้งผมไว้อย่างนี้ แล้วผมหายออกมาจากบ้านจนดึกป่านนี้กลับไปมีหวังโดนคุณพ่อคุณแม่ดุหูชาเป็นแน่

     “เล่นน้ำด้วยกันไหม” ผมหันมองตามเสียงเจื้อยแจ้วที่กล่าวคำชักชวนผมอยู่ทางด้านหลัง
เธอเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักในชุดว่ายน้ำสีฟ้าอ่อน ที่ผมไม่คุ้นหน้าเธอเอาเสียเลยทั้ง ๆ ที่เด็กในหมู่บ้านนี้ก็น่าจะพอผ่าน ๆ ตาผมมาเกือบทุกคนแล้วนะ รอยยิ้มที่สดใสของเธอถูกส่งมอบมายังผม จนผมเห็นแล้วก็อดที่จะยิ้มตอบเธอไม่ได้ อายุของเธอดู ๆ แล้วน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับผม ผมรับคำเธออย่างว่าง่าย เพราะอย่างไรเสียกลับบ้านไปตอนนี้ก็ต้องถูกดุถ้าอย่างนั้นก็ขอเล่นสนุกให้หนำใจกันอีกสักหน่อยก็แล้วกัน

     “เรากิ่งนะ เธอชื่ออะไรเหรอ”

     “เราพัตเตอร์”

     คืนนั้นผมและกิ่งเราเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน น่าแปลกที่อยู่ ๆ ผมก็สามารถแหวกว่ายลอยตัวไปในน้ำลึกได้โดยไม่ต้องพึ่งห่วงยางคู่ใจ เราเล่นกันสนุกจนผมลืมที่จะสนใจเวลาที่ล่วงเลยไปไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ผมเพลิดเพลินกับเพื่อนใหม่จนลืมทุกสิ่ง ลืมแม้กระทั่งเรื่องที่ผมยังไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้ว่าทำไมให้สระว่ายน้ำยามดึกสงัดแบบนี้ถึงยังมีผมและกิ่งที่ยังอยู่ที่นี่ได้

     “ขอบใจนะที่มาเล่นเป็นเพื่อน คืนนี้เราสนุกมากเลย เธอรีบกลับไปแล้วล่ะ” นั่นคือสิ่งแรกที่กิ่งพูดกับผมทันทีที่เราทั้งสองขึ้นจากน้ำ หลังจากว่ายน้ำกันจนหมดแรง สีน้ำแววตาของเธอดูเศร้าหมองไปทันใดทั้งที่เมื่อครู่นี้เธอยังดูร่าเริงอยู่เลย
แต่จริงสิผมลืมไปเสียสนิทเลยว่าผมต้องกลับบ้านนี่นา ดึกขนาดนี้แล้วคุณพ่อคุณแม่คงจะต้องเป็นห่วงผมมากแล้วแน่ ๆ

     “แล้วกิ่งล่ะ กลับบ้านพร้อมกันนะ”

     “เราไม่มีโอกาสได้กลับบ้านอีกแล้วล่ะ เพราะเราอยู่ที่นี่มานานแล้ว นานก่อนเธอจะเกิดเสียด้วยซ้ำ” รอยยิ้มที่ดูขมขื่นของกิ่งถูกวาดขึ้นมาบนใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาที่ไหลริน เธอพูดอะไรกัน เธอจะอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ก่อนผมเกิดได้ยังไง ดู ๆ แล้วก็น่าจะอายุพอ ๆ กันแท้ ๆ คำพูดของเธอมันยิ่งทำให้ผมสับสนไปกันใหญ่

     “แต่พัตเตอร์ยังมีโอกาส รีบกลับไปก่อนที่จะหมดเวลา เราไม่อยากให้เด็กคนไหนต้องเป็นเหมือนเรา” เมื่อสิ้นคำพูดของกิ่งราวกับว่าผมถูกดึงดูดเข้าไปยังอีกมิติหนึ่ง ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มวนย้อนกลับเข้ามาในห้วงความทรงจำของผม จริงสิ ผมจมน้ำแล้วก็หมดสติไปนี่นา ผมเห็นคนอุ้มร่างอันหลับใหลของผมขึ้นมาจากใต้น้ำ ผู้คนต่างแตกตื่นไปกัน นี่ผมตายแล้วอย่างนั้นเหรอ



     บรรยากาศรอบ ๆ ตัวผมอยู่ ๆ มันก็เปลี่ยนไป ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ที่สระว่ายน้ำของสโมสรอีกแล้ว แต่บรรยากาศรอบ ๆ นี่มัน.... บ้านของผมนี่นา บ้านทั้งหลังทั้งมืดและเงียบสนิทตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านอย่างนั้นเหรอ แล้วผมกลับมาอยู่ที่บ้านได้ยังไงกัน สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับผมกันแน่


     “กลับมาแล้วหรือจ๊ะ รู้ไหมพ่อแม่และพี่เราเขาเป็นห่วงเรามากนะ” อ๊ะ เสียงนั้น!
น้ำเสียงที่ผมแสนจะคุ้นเคย เสียงของหญิงสูงวัยที่ฟังดูทั้งอบอุ่นและอ่อนโยน ไม่ผิดแน่ ๆ ผมจำเสียงนั้นได้อย่างขึ้นใจ และยังคงคิดถึงเจ้าของเสียงนั้นอยู่เสมอ ผมรีบหันมองไปตามที่มาของเสียงนั้นอย่างทันควัน จนในที่สุดผมก็ได้พบกัน...

     “คุณย่า!” รอยยิ้มและแววตาอันอ่อนโยนที่ผมยังคะนึงหาอยู่เสมอ คุณย่าผู้แสนใจดีของผม ท่านจากผมไปเมื่อปีกลาย

     “คิดถึงคุณย่าที่สุดเลย อย่าหนีผมไปอีกนะ” ผมโผเข้ากอดคุณย่าความด้วยคิดถึงและโหยหาอ้อมกอดนั้นอย่างเกินกลั้น อ้อมกอดของคุณย่ายังคงอบอุ่นเหมือนเดิมเลย ตั้งแต่วันที่ท่านจากไปผมก็ไม่คิดว่าผมจะมีโอกาสได้กอดท่านอีกแล้ว

     “ย่าไม่เคยหนีพัตเตอร์ไปไหนสักหน่อย ย่าก็ยังคงเฝ้ามองพัตเตอร์และทุก ๆ คนอยู่ตรงนี้ แต่ตอนนี้พัตเตอร์ต้องมากับย่านะจ๊ะ”



     อยู่ ๆ ผมกับคุณย่าก็มาปรากฏตัวที่หน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ผมเห็นคุณพ่อที่กำลังมีสีหน้าเคร่งเครียดเดินไปมาอย่างอยู่ไม่สุข คุณแม่กำลังปลอบใจพี่เจสซี่ที่กำลังร้องไห้โฮ แสงสีขาวนวลประหลาดค่อย ๆ ส่องประกายออกจากที่ประตูห้องฉุกเฉิน ผมกำมือคุณย่าไว้แน่นอย่างต้องการที่พึ่งให้อุ่นใจ

     “ผมกลัวครับคุณย่า”

     “ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ ทุกคนกำลังรอพัตเตอร์อยู่นะ ย่าเชื่อว่าหลานคนเก่าของย่าทำได้” คุณย่ายิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน แววตาที่คุณย่ามองมาที่ผมเป็นแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวผม ใช่ ผมต้องทำได้และผมต้องกลับไป เพราะทุกคนกำลังรอผมอยู่

     ผมโผเข้ากอดคุณย่าอีกครั้งอย่างต้องการกำลังใจ ก่อนก้าวเดินตามแสงขาวนวลนั้นไปอย่างมุ่งมั่นแม้ในใจลึก ๆ จะยังคงกังวล แต่ผมจะต้องทำให้ได้ ผมต้องกลับไปให้ได้



     ท้ายที่สุดแล้วเช้าวันถัดมา ผมฟื้นคืนมาได้อย่างปลอดภัย แต่ทว่าการตื่นขึ้นมาในครั้งนั้นมันทำให้ชีวิตของผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะหลังจากนั้นเป็นต้นมา ผมก็มองเห็นพวกเขามาโดยตลอด....


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     “เฮ้ยน้อง มีเงินหรือเปล่าเอามาแบ่งพวกพี่ใช้หน่อยดิ” วันนี้เป็นวันแรกที่ผมก้าวเข้าสู่วัยมัธยมแท้ ๆ มาโรงเรียนวันแรกก็เจอเรื่องเข้าให้ ผมถูกรุ่นพี่ผู้ชายสองคนยืนขวางทางประกบทั้งหน้าและหลัง ดูท่าสองคนนั้นคงจะแอบตามผมสักพักแล้ว สังเกตจากจุดสีน้ำเงินที่ปักอยู่ตรงปกเสื้อก็พอจะเดาได้ว่ารุ่นพี่พวกนั้นน่าจะอยู่ชั้นม.4 ซึ่งก็หมายความพวกนั้นโตกว่าผมมาก แต่ดันทำตัวไม่น่าเคารพด้วยการมารีดไถเงินรุ่นน้อง แต่คิดว่าเป็นรุ่นพี่แล้วผมจะกลัวหรือไม่มีทางเสียหรอก


     “เฮ้ยทำอะไรกันวะพวกมึง รังแกเด็กเหรอวะ” ก่อนที่ผมจะโชว์ลีลาซัดรุ่นพี่พวกนั้นให้คว่ำ เสียงทักท้วงของใครบางคนก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของผมเสียก่อน ผมเลยต้องชะงักไป และรุ่นพี่อันธพาลสองคนนั้นก็ดูจะเกรงใจของเสียงนั้นอยู่ไม่น้อยทีเดียว

     “เปล่า ๆ พี่ชล พวกผมแค่หยอกน้องมันเล่นเฉย ๆ” รุ่นพี่อันธพาลทั้งสองทำหัวเราะกลบเกลื่อนและเอามือขยี้หัวผมเล่นทำท่าเหมือนเอ็นดู แต่ไม่ทันแล้วมั๊ง

     “พวกมึงไปเลยนะนี่น้องกู อย่ามายุ่ง” เจ้าของเสียงปริศนาคนนั้นเดินเข้ามาเอาแขนวางพาดมันไหล่ผมจากด้านหลัง รุ่นพี่อันธพาลสองคนนั้นยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะรีบแยกย้ายกันไป ว่าแต่คนที่เข้าช่วยชีวิตพวกรุ่นพี่อันธพาลก่อนจะถูกผมซัดน่วมนี่เขาเป็นใครกันนะ

     ผมหันมองเจ้าของมือขาวที่วางพาดบนบ่าผม รุ่นพี่ผู้ชายคนนั้น... เจ้าของผิวขาวผ่องและริมฝีปากสีแดงอมชมพูระเรื่อ นัยน์ตาสวยของพี่เขาราวกับว่ามันมีประกายชวนฝันอย่างบอกไม่ถูก แค่เพียงพี่เขามองมาก็ทำเอาใจผมสั่น ผู้ชายบ้าอะไรวะแม่งโคตรน่ารักเลย

     “เราอ่ะ น้องไอ้เจ็ดสีใช่ไหม” ประโยคแรกที่พี่เขาทักผมทำเอามึนจนตอบกลับไม่ถูก เจ็ดสีนั่นใคร มีคนชื่อแบบนี้ด้วยเหรอ

     “เอ่อ เจสซี่น่ะ พี่เคยเห็นมันลงรูปเราในHI5ด้วย” รุ่นพี่คนนั้นเขาคงจะเห็นผมยืนหน้ามึนอยู่นาน เลยรีบแถลงไข ว่าเจ็ดสีที่พี่เขาหมายถึงก็คือเจสซี่ หรือยัยเจ๊ของผมนั่นเอง ผมพยักหน้าแทนคำตอบเพราะอยากให้พี่เขาได้ยินน้ำเสียงที่น่าจะกำลังสั่นแรงพอกับจังหวะการเต้นของหัวใจของผมตอนนี้

     “พี่ชื่อชลนะ เป็นเพื่อนกับพี่สาวเรานั่นแหละ มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้นะ หรือถ้าโดนไอ้พวกนั้นมันแกล้งอีกก็รีบมาบอกพี่เลย พี่ไปก่อนล่ะ”

     ผมได้แต่มองตามหลังพี่เขาที่เพิ่งเดินแยกตัวออกไปอย่างนึกปลื้มในใจ นึกถึงตอนที่เขากอดคอผมแล้วผมก็ยิ้มไปโดยไม่รู้ตัว ชื่อพี่ชลอย่างนั้นเหรอ อยากจะรู้จักพี่เขาให้มากกว่านี้จัง


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     “นี่พวกมึง กูได้ยินรุ่นพี่เขาเล่าให้ฟัง ว่าตรงที่พักบันไดชั้นสามของตึกที่เราเรียนเนี่ย เมื่อสิบกว่าปีก่อนเคยที่มีรุ่นพี่คนหนึ่งโดนแฟนทิ้งแล้วไปกินยาตายอยู่ตรงนั้นด้วย”

     “แถมรุ่นพี่เขายังเล่าอีกนะว่าใครที่ใช้บันไดตรงตอนกลางคืนนะเจอดีทุกราย”

     “มีจริง ๆ เหรอวะ น่ากลัวว่ะมึง”

     เสียงของกลุ่มแก๊งเพื่อนใหม่ในห้องเรียนเดียวกับผม กำลังพากันเล่าตำนานเรื่องลี้ลับในโรงเรียนกันอย่างออกรสออกชาติ นี่ขนาดเพิ่งมาเรียนกันวันแรกนะ ยังมีเรื่องมาเล่ากันเป็นตุเป็นตะได้ขนาดนี้ เรื่องแบบนั้นผมเองก็ไม่ค่อยจะได้ใส่ใจฟังสักเท่าไหร่ เพราะตอนนี้ในหัวของผมยังเห็นแต่ภาพของรุ่นพี่คนนั้นเต็มสองตาอยู่เลย ใบหน้าของพี่ชลที่ผมจินตนาการว่าพี่เขากำลังยิ้มหวาน ๆ ให้ผมมันช่างทำให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ และบรรยากาศรอบ ๆ ที่ทุกอย่างปกคลุมไปด้วยสีชมพูล้วน ราวกับว่าโลกนี้มันได้กลายเป็นสีชมพูไปแล้ว ตั้งแต่ที่ผมได้เจอกับพี่ชล....

     “เฮ้ย พัตเตอร์เป็นอะไรหรือเปล่ามึง เพื่อน ๆ เล่าเรื่องผีกันมึงนั่งยิ้มน้อยยิ้มอยู่ได้ ไปปิ๊งสาวที่ไหนมาหรือไง” เสียงของก๊อง เพื่อนในกลุ่มผมอีกคนกล่าวทักท้วงผมขึ้นมา นี่อาการผมมันออกชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือนี่

     “เปล่า ๆ ไม่มีอะไร เดี๋ยวก็เอาสมุดไปส่งอาจารย์ก่อนนะ พวกมึงทำเสร็จกันหรือยังเดี๋ยวกูเอาไปส่งให้” ผมรีบชิงตัดบทด้วยการเปลี่ยนเรื่อง และอาสาเอาแบบฝึกหัดที่อาจารย์เพิ่งไปเมื่อเมื่อคาบเรียนก่อนหน้าไปส่งให้เพื่อน ๆ ด้วย จริง ๆ ก็คืออยากจะหาเรื่องออกไปจากตรงนี้นั่นแหละ ถ้าขืนยังนั่งอยู่นี้ล่ะก็ผมคงเผลอแสดงอาการแบบเมื่อครู่ออกมาให้เพื่อน ๆ เห็นอีกเป็นแน่ ก็ผมยังลบภาพที่ชลออกไปจากโสตประสาทไม่ได้สักที


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     แค่นึกถึงหน้าพี่ชลปากผมมันก็ยิ้มออกมาเองทุกที มันห้ามไม่ได้จริง ๆ นี่นา เดินไปยิ้มไปแบบนี้คนอื่นเขาจะหาว่าผมบ้าไหมล่ะนี่ ห้องเรียนผมอยู่ชั้นสี่ ห้องพักอาจารย์อยู่ชั้นสอง เพราะฉะนั้นการจะเอาสมุดไปส่งที่ห้องอาจารย์ได้มันก็ต้องผ่านพี่พักบันไดชั้นสาม เพราะผมมัวคิดถึงพี่ชลจนเผลอเดินลงบันไดที่เพื่อน ๆ บอกว่ามีเรื่องน่ากลัวเข้าให้จนได้ แล้วผมยิ่งมีสื่อที่สามารถจูนติดคลื่นพลังงานเหล่านั้นได้ง่าย ๆ เสียด้วยสิ

     ทันทีที่นึกขึ้นมาได้อย่างผมก็มาอยู่ตรงที่พักบันไดชั้นสามเข้าให้เสียแล้ว จะถอยกลับก็คงไม่ทันเสียแล้ว ก็อย่างที่ผมบอกตัวผมสื่อที่สามารถจูนติดกับพลังงานเหล่านั้นได้ง่าย และพลังงานเหล่านั้นก็มีอยู่ในทุก ๆ ที่ รวมไปถึงที่นี่ก็เช่นกัน
ทันทีที่ผมก้าวลงบันไดมาจนถึงที่พักบันไดชั้นสาม ผมก็ได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่นักเรียนม.ปลาย เธอยืนก้มน้ำก้มตาร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ตรงนั้นก่อนแล้ว เธอทำเอาผมสะดุ้งไปเล็กน้อยเหมือนกัน จากประสบการณ์ของผม ผมพอจะดูออกว่าเธอไม่ใช่มนุษย์แน่ ๆ เอาเป็นว่าเพื่อความสบายใจผมจะเดินผ่านไปเธอเงียบ ๆ โดยที่พยายามไม่ให้เธอรู้ตัวก็แล้วกัน

     แต่ดูท่าคงจะไม่ทันเสียแล้ว เหมือนว่าเธอจะรู้ตัวแล้วว่าผมมองเห็นเธอ เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาช้า ๆ เผยให้เห็นใบหน้าของเธอที่ซีดเผือกขาวโพลนราวกับว่าทั้งร่างกายเธอไม่มีเลือดหล่อเลี้ยงหรือไม่ก็ถูกพอกด้วยปูนปลาสเตอร์ เธอร้องไห้แต่ที่ไหลออกมาจากดวงตาที่ไร้ซึ่งตาดำของเธอกลายเป็นเลือกสีแดงสดแทนน้ำตา หยดเลือดไหลผ่านผิวหน้าขาวโพลนเห็นแล้วก็แอบนึกถึงน้ำแดงเป็นเกล็ดน้ำแข็ง ว่าแล้วก็หิว น้ำเสียงเย็นยะเยือกของเธอส่งเสียงร้องสะอึกสะอื้นอันชวนให้ขวัญผวา เสียงของเธอใสกังวานขนาดนี้ถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็ผมคงจะแนะนำให้เธอประกวดเดอะวอยซ์

     “เอ่อ คุณผีครับ เอาไว้วันหลังผมจะมาให้หลอกใหม่นะครับ วันนี้ผมกำลังมีความสุขไม่มีอารมณ์กลัวคุณจริง ๆ” ผมแค่พูดในสิ่งที่คิดให้เธอฟัง เพราะตอนนี้ทั้งโลกของผมแทบจะมีแต่หน้าพี่ชลลอยไปมาเต็มไปหมด ไม่มีอารมณ์มาให้ความสนใจเรื่องอื่นจริง ๆ

     เอ่อ ไม่รู้ว่าผมพูดว่าอะไรผิดหรือเปล่า คุณผีเธอหยุดร้องไห้แล้วกระพริบตามองผมปริบ ๆ ผมยิ้มแฉ่งให้เธออย่างเป็นมิตร เธอทำหน้างง ๆ มึน ๆ ก่อนที่เธอจะเดินหายเข้าไปในกำแพง เอ่อ ยังไงก็ขอโทษจริง ๆ นะครับที่ทำให้เสียเซลฟ์ เดี๋ยววันหลังมาให้หลอกใหม่นะ


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     “เฮ้ย ไอ้ชลฉันฝากดูน้องหน่อยนะ อาจารย์เรียกฉันไปแก้รายงานเดี๋ยวฉันกลับมา” เจ๊เจสซี่ตะโกนฝากฝังผมกับเพื่อนชายที่กำลังเล่นบาสเกตบอลอยู่ในสนามด้วยน้ำห้าวหาญที่แสนจะขัดกับหน้าสวย ๆ ของตัวเอง เหมือนว่ายัยเจ๊ของผมจะลืมไปแล้วล่ะมั๊งว่าตัวเองเป็นผู้หญิง

     แต่เอ๊ะ นั่นมันพี่ชลนี่นา

     “เออ ๆ เดี๋ยวดูให้” พี่ชลหันมาตะโกนรับยัยเจ๊ แค่เห็นหน้าพี่ชลก็ทำเอาหัวใจผมเต้นแรงขึ้นมาอีกแล้ว

     “แกนั่งรอพี่ตรงนี้แหละ พี่ขึ้นไปหาอาจารย์ก่อน แล้วเดี๋ยวกลับบ้านพร้อมกัน” เจ๊เจสซี่กำชับกับผมก่อนที่จะเดินแยกออกไป
ผมทิ้งตัวนั่งลงบนม้าหินข้าง ๆ สนามบาส มองดูพี่ชลเล่นบาสไปเพลิน ๆ กางเกงนักเรียนขาสั้นเต่อของชลนี่เวลาวิ่งไปวิ่งมากแล้วขากางเกงมันเลิกขึ้นโชว์เรียวขาสวยให้ประจักษ์ทำเอาสติผมแทบจะเตลิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว สะโพกกลมของพี่ชลเวลากระเพื่อมไปตามแรงกระโดดทำเอาหัวใจบาง ๆ สั่นระรัว เฮ้ย! เราต้องไม่หื่นอย่างนั้นสิ


     ไม่นานพี่ชลก็แยกตัวออกจากเพื่อนในกลุ่มที่กำลังเล่นบาสกันอยู่แล้วเดินตรงมาทิ้งตัวนั่งลงตรงข้างผม

     “ไงเรา วันนี้ยังมีใครมาแกล้งอยู่ไหน” พี่ชลว่าพลางปลดกระดุมเสื้อสองเม็ดบนเพื่อระบายความร้อน เผยให้แผ่นอกขาวๆจนผมอดที่จะชำเลืองมองไม่ได้ เฮ้ย! ก็บอกว่าอย่าหื่น

     “มะ ไม่มีแล้วครับ” ผมอยากจะชวนพี่ชลคุยตั้งมากมายหลายเรื่อง แต่ทำไมพอพี่ชลมานั่งอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้ มันถึงได้พูดอะไรไม่ออกเลยนะ

     “เฮ้ย! เป็นอะไรหรือเปล่า” ทำไมพี่ชลถึงหน้าตาแตกตื่นแบบนั้นล่ะ อยู่ดี ๆ ก็เอามือมาจับหน้าผมรู้บ้างไหมว่าผมเขินนะ

     “ไม่ได้เป็นอะไรครับ”

     “จะไม่ได้เป็นอะไรได้ยังไง อยู่ดี ๆ เราเลือดกำเดาไหลออกมาเยอะขนาดนี้”


     หืม? นี่ผมเลือดกำเดาไหลอย่างนั้นเหรอ......





     TBC


ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อะไรจะหื่นตั้งแต่เด็กได้ขนาดนี้้นะ  :hao6:

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ตอนพิเศษ พัตเตอร์ Part2






     “คุณย่าครับ วันนี้ผมเจอรุ่นพี่คนหนึ่ง พี่เขาน่ารักแล้วก็ใจดีกับผมมากเลย เวลาอยู่ใกล้พี่เขาแล้วผมใจเต้นแรงมาก ผมว่าผมต้องชอบพี่เขาแน่ ๆ เลยครับ” ผมนอนกอดรูปคุณย่า และระบายเรื่องที่กำลังคับอกคับใจให้ท่านฟัง อย่างไรเสียคุณย่าก็ยังเป็นคนที่พร้อมจะรับฟังและให้คะแนะนำผมได้ทุกเรื่องเสมอมา

     ผมเสียงหัวเราะเบา ๆ ของคุณย่า ที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเสียงนั่นลอยมาจากทิศทางใด แต่เป็นน้ำเสียงที่ผมได้ยินแล้วรู้สึกสบายใจ เพราะในน้ำเสียงนั้นผมสัมผัสได้ถึงความรักและเอ็นดูที่คุณย่ามีให้กับผมแฝงอยู่อย่างเต็มเปี่ยม

     “เรื่องปกติของเด็กผู้ชายนะจ๊ะ ตอนที่พ่อของพัตเตอร์เด็ก ๆ ก็เคยไปแอบชอบสาว ๆ แล้วมาเหล่าให้ย่าฟังเหมือนกัน นี่แสดงว่าหลานย่ากำลังจะเป็นหนุ่มแล้วนะ”

     “แต่พี่คนนั้นเขาเป็น....” ผมเว้นช่วงประโยคสุดท้ายไว้อย่างลังเลและกังวลใจ ถ้าคุณย่ารู้ว่าผมรู้สึกแบบนั้นกับรุ่นพี่ที่เป็นผู้ชาย คุณย่าจะโกรธผมหรือเปล่านะ

     “พี่เขาเป็นผู้ชายนะครับ” ผมกลั้นใจพูดออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ถึงจะกลัวถูกคุณย่าโกรธ แต่ผมก็อยากจะเล่าให้คุณย่าฟัง เพราะผมประทับใจพี่ชลมาก เมื่อตอนเย็นที่อยู่ ๆ เลือดกำเดาผมมันไหลออกมา ถึงตอนแรกผมจะอายเพราะผมอยากจะให้พี่ชลเห็นผมแต่ในมุมที่แข็งแรงมากกว่า แต่นี่อะไรทั้งสองครั้งที่พี่ชลเจอผม ทั้งตอนที่ผมโดนแกล้ง แถมยังเลือดกำเดาไหลต่อหน้าเขาอีก พี่ชลต้องคิดว่าเป็นคนอ่อนแอมากแน่ ๆ เลย

     แต่พอลองคิดอีกทีแล้ว มันก็มีเรื่องดี ๆ อยู่เหมือนกัน ตอนที่เลือดกำเดาผมไหล ก็มีพี่ชลที่ช่วยดูแลและปฐมพยาบาลให้ผม ผมได้เห็นมุมที่ชลห่วงใยผม ได้มองหน้าพี่ชลใกล้ ๆ และที่มีผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจผมที่สุดก็คือผมได้นอนหนุนตักที่ชลด้วย เวลานั้นผมโคตรรู้สึกดีเป็นบ้าเลย คนอะไรก็ไม่รู้ทั้งน่ารักแถมยังใจดีอีก


     มันคงจะเป็นอย่างที่ผมกังวลแน่ ๆ เลย คุณย่าท่านเงียบไป ท่านต้องโกรธผมแล้วแน่ ๆ มันคงไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะรับได้ที่หลานชายของตัวไปเอง ไปรู้สึกแบบนั้นกับรุ่นพี่ที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ผมน่าจะคิดได้ตั้งแต่แรกและไม่น่าเล่าให้คุณย่าฟังเลย ถ้าคุณย่าโกรธจนไม่ยอมคุยกับผมอีกเลยผมจะทำยังไง

     “คุณย่าโกรธผมไหมครับ ที่ผม....”

     “ย่าจะโกรธพัตเตอร์ทำไมจ๊ะ หลานย่ารักใครย่าก็ต้องรักด้วยสิ มันไม่สำคัญหรอกจ๊ะว่าคนที่พัตเตอร์ชอบจะเป็นหญิงหรือชาย ถ้าใจมันจะชอบไม่ว่าเขาจะเป็นใครหัวใจมันก็ไม่ฟังเหตุผลอยู่ดีนั่นแหละเนอะ” คุณย่า....

     น้ำเสียงที่อ่อนโยนของคุณย่าทำให้ผมรู้สึกสบายใจได้เสมอ คุณย่าเป็นคนที่เข้าใจผมที่สุดจริง ๆ ไม่ว่าเรื่องไหนก็ตาม ผมกระชับกอดรูปของคุณย่าให้แน่นขึ้นกว่าเดิม ถึงตอนนี้ผมจะมองไม่เห็นท่านแต่พลังงานความรักและความห่วงใยที่แผ่ปกคลุมอยู่รอบตัวผม ผมรับรู้ได้

     “รักคุณย่าที่สุดเลย”


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     ช่วงนี้ปิดเทอม คุณพ่อคุณแม่ให้ผมมาอยู่กับคุณตาคุณยายสองสัปดาห์ ถึงจะมีความสุขที่ได้เจอคุณตาคุณยาย แต่ช่วงหลายวันมานี้ผมก็เลยไม่ได้เจอพี่ชลเลย คิดถึงพี่ชลจะแย่อยู่แล้ว ตอนนี้ผมอยู่ม.4แล้วนะ ส่วนที่ชลกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่สาม และยังเรียนที่เดียวกับยัยเจ๊เจ็ดสีของผมเหมือนเดิม และที่สำคัญตอนนี้ผมตัวโตและสูงกว่าพี่ชลแล้วด้วย ผมว่าตอนนี้ผมโตพอที่จะปกป้องพี่ชลได้แล้วนะ


     ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยพี่ชลเริ่มหันไปสนใจเรื่องการถ่ายรูปและการเล่นกล้อง ผมเลยอาศัยเรื่องนั้นมาช่วยให้ตัวผมได้มีโอกาสได้เจอพี่ชลบ่อยขึ้น ผมได้เจอพี่ชลอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งวันเริ่มตั้งแต่ที่ผมทำทีบอกกับพี่ชลว่าอยากจะลองหัดถ่ายรูปสวย ๆ ดูบ้าง ซึ่งพี่ชลก็อาสามาช่วยสอนให้ผมฟรี ๆ เลย โดยที่ผมไม่ทันต้องเอ่ยปากขออย่างเป็นทางการ ไม่เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่พี่ชลก็ยังน่ารักและใจดีกับผมเสมอมา

     ผมตามที่ชลไปถ่ายรูปตามที่สถานที่ต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ มันทำให้ผมได้ใกล้ชิดและสนิทกับพี่ชลมากขึ้น สารภาพตามตรงตอนแรกที่เริ่มมาหัดถ่ายรูปเพราะอยากจะหาโอกาสใกล้ชิดกับพี่ชล ก็เท่านั้น ไม่ได้พิศวาสอะไรมันสักเท่าไหร่ แต่ไป ๆ มา ๆ มันก็สนุกดีเหมือนนะ ตอนนี้ผมชอบมันเข้าให้แล้ว ได้ไปถ่ายรูปตามที่ต่าง ๆ ก็เหมือนได้เที่ยวไปด้วย แถมคนที่ไปด้วยกันก็พี่ชล และยังมีโอกาสได้แอบเก็บภาพพี่ชลตอนเผลอให้อิริยาบถต่าง ๆ ด้วย เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดแล้ว


      ♫ “เหม่อมองดูสายน้ำวน เหม่อมองสายชลช่างไหลริน” ♫  หืม คำร้องและท่วงทำนองของเพลงนั้นมันสะดุดหูผมเข้าอย่างจัง ผมบังเอิญผ่านมาได้ยินเสียงคุณตาของผมกำลังร้องเพลงคลอไปกับการตัดแต่งกล้วยไม้ในสวนหลังบ้านอย่างมีอารมณ์สุนทรี

     ♫ “เหม่อมองดูนกผกผิน บินลับไป ยามเหงาเราถอนใจ บินไปไม่กลับมา” ♫ เพลงที่คุณตาร้องนั่นมันเพลงอะไรกันนะ เพราะจัง แถมในเนื้อเพลงก็ยังมีคำว่าสายชลด้วย แค่ได้ยินคำนั้นผมก็ยิ้มออกแล้ว ไม่ได้เห็นหน้าแค่ได้ยินชื่อก็ยังพอได้สุขใจ

     “นั่นเพลงอะไรเหรอครับคุณตา” ผมเดินตรงเข้าไปถามหาชื่อเพลงเพราะนั่นจากคุณตา

     “อ๋อ ชื่อเพลงสายชลน่ะ” คุณตายิ้มตอบผม

     เพลงสายชลอย่างนั้นเหรอ.... เพลงเพราะ แถมยังมีชื่อเดียวกับคนที่ผมแอบรัก...


     ผมรีบวิ่งตรงดิ่งขึ้นไปบนห้องนอน เป้าหมายคือเจ้ากีตาร์แสนรักที่ผมพกพามาด้วย ผมคิดว่าถ้าผมหัดเล่นเพลงนั้นได้ แล้วเล่นฟังพี่ชล พี่ชลต้องประทับใจผมแน่ ๆ แต่แล้วทันทีที่ผมเปิดประตูห้องนอนของตัวเองผมก็ได้พบกลับ....

     “คนนี้ใครวะมึง ในคอมมึงมีรูปเขาเต็มเลย แฟนมึงเหรอ” ไอ้ไกด์! ไอ้ไกด์เพื่อนสนิทของผมที่อยุธยากำลังนั่งเล่นคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของผมอย่างถือวิสาสะได้อย่างหน้าตาเฉย ดูท่าผมกับมันคงจะสนิทกันเกินไปแล้วล่ะมั๊ง แถมที่มันกำลังเปิดดูอยู่นั่นมันก็โฟลเดอร์ที่เก็บสะสมรูปพี่ชลในอิริยาบถต่าง ๆ เอาไว้ด้วย

     “มึงเข้ามาได้ยังไง!” ว่าพลางรีบกระโดดเข้าไปแย่งโน้ตบุ๊คจากมัน

     “เอ้า กูก็แวะมาหามึงตามปกติอยู่แล้วหรือเปล่าวะ ปกติห้องมึงก็เข้ามาได้ตลอดมึงไม่เคยเห็นมึงว่าอะไร คอมมึงเมื่อก่อนมึงก็ไม่เห็นเคยหวงยังเคยเปิดดูหนังโป๊ด้วยกันเลย เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกับกูเหรอ” ที่มันว่านั่นก็ใช่ เพราะผมกับมันสนิทกันมากเลยไม่ได้หวงห้ามในส่วนของห้องส่วนตัวหรือของหัวส่วนตัว แต่เพราะครั้งก่อน ๆ ที่ผมมาอยู่บ้านคุณตาคุณยายผมไม่ได้พกรูปพี่ชลนับพันรูปมาด้วยอย่างนี้นี่นา โอย นี่ผมพลาดเองใช่ไหมนี่

     “แล้วยังไงสรุปคนนั้นแฟนมึงใช่ไหม ทำไมเก็บรูปเขาไว้เยอะขนาดนั้น” ไอ้ไกด์มันเริ่มถามจี้ประเด็น และทำสายตาจับผิดมองผม ผมได้แต่หลบสายตามันกลัวมันจะเห็นพิรุธ จะตอบยังไงไม่ให้โดนมันล้อดีล่ะนี่

     “ไม่ใช่แฟนเว้ย” ผมก็ตอบไปตามตรงนั้นแหละ ถึงจะอยากเป็นมาก แต่ก็ยังไม่ได้เป็นสักที แต่ไอ้ไกด์มันคงไม่หยุดถามแค่นั้นแน่ ๆ

     “ถ้าไม่ใช่แฟนอย่างนั้นแสดงว่ามึงกำลังตามจีบ หรือไม่ก็กำลังแอบรักเขาข้างเดียวใช่ไหม” คำพูดของไอ้ไกด์มันเหมือนมีดปลายแหลมที่เสียบแทงให้เข้าใจดำของผมเต็ม ๆ เออก็ผมมันแอบรักเขาข้างเดียวจริง ๆ คำถามของไอ้ไกด์นั้นทำเอาผมหน้าชาไม่เลย ผมสตั้นไปจนคิดคำตอบที่จะตอบมันไม่ออกเลย

     “ทำหน้าเลิ่กลั่กอย่านั้น กูว่าชัวร์ เอาน่ากูเข้าใจ คนนั้นเขาก็น่ารักจริง ๆ ตัวขาว ๆ ปากแดง ๆ” นี่อาการผมมันออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ผมล่ะเกลียดแววตารู้ทันกับเสียงหัวเราะแบบนั้นของมันจริง ๆ

     “เบื่อเมื่อไหร่บอกกูได้นะเดี๋ยวกูเซ้งต่อ หรือยังไงฉุดเลยไหมเดี๋ยวกูช่วย ทรงนี้น่าจะเด็ดอยู่นะ”

     “เฮ้ย มึงอย่ามาพูดถึงพี่ชลแบบนั้นนะเว้ย พี่ชลเป็นสิ่งมีค่าที่กูต้องทะนุถนอม อย่าพูดถึงพี่ชลในทางเสียหายให้กูได้ยินถ้ายังอยากเป็นเพื่อนกัน” ผมก็รู้ว่าประโยคที่มันพูดออกมาเมื่อครู่ มันแค่พูดเล่นติดตลก ตามประสาปากไม่ค่อยดีที่พูดไปแบบไม่ค่อยคิดของมัน แต่ผมไม่ตลกกับมันด้วย มีชลมีค่าและสำคัญกับผมแค่ไหนมันไม่มีทางเข้าใจ และผมก็ชอบให้ใครมาพูดถึงพี่ชลแบบนั้น   

     “นี่มึงชอบพี่เขาขนาดนั้นเลยเหรอวะ กูขอโทษ กูก็ปากหมาไปตามประสา” ไอ้ไกด์หน้าเจื่อนไปหลังจากที่ถูกผมตวาดไปเมื่อครู่


     ผมยอมเล่าเรื่องพี่ชลให้ไอ้ไกด์ฟัง มาถึงขั้นนี้แล้วคงจะปิดมันไม่อยู่แล้ว มันรับปากกับผมว่าจะไม่บอกใคร เอาเถอะถึงไอ้นี่มันจะปากไม่ค่อยดี แต่ผมก็คิดว่ามันเชื่อใจได้พอที่จะไม่เอาความลับของผมไปเล่าให้ใครฟัง (ถ้ามันไม่เมาจนเผลอพูดนะ) จริง ๆ ผมไม่ได้อายหรอกเรื่องที่คนผมแอบรักนั้นเป็นผู้ชาย แต่ผมแค่กลัว กลัวว่าถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหูพี่ชลแล้วผมจะสูญเสียช่วงเวลาดี ๆ ระหว่างผมกับพี่ชลไป ผมอาจจะไม่ได้มีโอกาสที่จะอยู่ใกล้ ๆ คอยดูแลและคอยห่วงใยพี่ชลอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ และความสนิทสนมระหว่างเราอาจจะไม่เหมือนเดิมต่อไป ผมยังไม่พร้อมที่จะรับความเสี่ยงนั้นในตอนนี้ เอาไว้เมื่อถึงวันหนึ่งที่ผมพร้อม ผมจะเป็นคนบอกให้พี่ชลรู้เอง



☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


     ผมได้กลับกรุงเทพฯแล้ว เพราะสัปดาห์หน้านี่ก็จะเปิดเทอมแล้ว และวันเสาร์นี้ผมมีนัดไปถ่ายรูปกับพี่ชลด้วย จะได้เจอพี่ชลสักที คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว มองแค่รูปถ่ายกับคุยกันผ่านข้อความมันไม่ได้ช่วยลดทอนความคิดถึงลงไปได้เลยสักนิด ตอนนี้พี่ชลจะเป็นยังไงบ้างนะ เขาจะคิดถึงผม เหมือนอย่างที่ผมคิดถึงเขาบ้างหรือเปล่า


     ติ๊ง


     เสียงเตือนข้อความเข้าจากกล่องข้อความในเฟซบุ๊ค เห็นชื่อคนที่ส่งข้อความมาคือพี่ชลผมรีบเปิดดูอย่างทันควัน

     “พัตเตอร์ ที่นัดกันเสาร์นี้พี่ขอยกเลิกก่อนนะ พี่ต้องไปดูหนังกับใบเตยอ่ะ” ทันทีได้อ่านข้อความนั้น รอยยิ้มมันก็ค่อย ๆ เลือนหายไปจากใบหน้าของผม เมื่อครู่นี้ผมยิ้มร่าดีใจที่ได้เห็นที่ชลทักมาอยู่เลย แต่เมื่อได้อ่านข้อความนั้นทำเอาใจแป้ว และความรู้สึกหม่นหมองก็เข้ามาแทนที่ในจิตใจผมทันที

     จริง ๆ ผมก็พอจะรู้มาสักพักแล้วล่ะว่าพี่ชลกำลังคุย ๆ อยู่กับพี่ใบเตย ดาวมหาวิทยาลัยที่เรียนที่เดียวกับพี่ชล แต่ที่ผ่านมาผมเลือกที่จะไม่ใส่ใจและทำเป็นไม่รับไม่รู้กับเรื่องนั้น ขอให้ผมได้อยู่ใกล้ ๆ ได้มีช่วงเวลาดี ๆ กับที่ชล ได้แอบรักพี่ชลข้างเดียวอย่างเดียวมันก็มีความสุขแล้ว เพราะผมรู้ตัวว่าผมไม่ใช่เจ้าของพี่ชล แต่การที่ถูกพี่ชลยกเลิกนัดของเรา เพื่อจะไปเขามันก็อดที่จะรู้สึกเศร้าไม่ได้จริง ๆ

     “ครับ” ผมฝืนพิมพ์ข้อความตอบกลับพี่ชลไปทั้งที่มือยังสั่น อยู่ ๆ น้ำตามันรื้นขึ้นมาเอง ความรู้สึกเหมือนว่าทุกอย่างในโลกนี้มันหม่นหมองไปหมด ผมไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ ไม่ได้อยากรู้สึกแบบนี้ แต่ผมก็ห้ามมันไม่ได้

     “พี่ขอโทษนะ เดี๋ยววันหลังนัดกันใหม่” อย่างน้อยพี่ชลก็แคร์ผมอยู่บ้าง สิ่งนั้นเป็นเหมือนน้ำหยดเล็ก ๆ ที่ยังพอจะช่วยหล่อเลี้ยงหัวใจผมเอาไว้ ไม่ให้หัวใจมันดำดิ่งไปกับความหม่นหมองจนลึกเกินไป แต่อย่างไรเสียเขาก็ยังเป็นของคนอื่นอยู่ดี นั่นคือความจริงที่ผมไม่อยากจะยอมรับ แต่ผมก็ต้องจำใจรับมันให้ได้



      ♫ “มองดูสายน้ำวน เหม่อมองสายชลช่างไหลริน” ♫  ผมคว้าเอากีตาร์แสนรักขึ้นมาเล่นเพลงที่ผมใช้เวลาแกะและหัดเล่นอยู่หลายวันในช่วงที่อยู่บ้านคุณตาคุณยาย กะว่าจะเอามาเล่นให้เขาฟังเขาจะได้ประทับใจในตัวเรา แต่กลับกลายเป็นว่าต้องมานั่งเล่นอยู่ในอยู่คนเดียวในวันที่เขากำลังมีความสุขกับคนอื่น ผมเอื้อนเอ่ยคำร้องไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือและน้ำตาที่หยดเปื้อนสายกีตาร์อย่างที่ผมไม่สามารถจะห้ามมันได้


     ติ๊ง

     เสียงเตือนข้อความจากเฟซบุ๊คทำให้ผมละจากการขับขานเพลงเศร้าในคืนเศร้า ข้อความจากพี่ชล ถึงแม้ผมจะเพิ่งเสียใจกับความของพี่ชลไปเมื่อครู่ แต่แค่เห็นชื่อพี่ชลส่งข้อความมันก็อดไม่ได้ที่จะต้องรีบเปิดดู

     “พัตเตอร์ ที่นัดกันเสาร์นี้ไม่ยกเลิกแล้วนะ เจอกัน” หืม นี่ผมเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า เมื่อไม่ถึงชั่วโมงก่อนหน้านี้ พี่ชลเพิ่งของยกเลิกนัดกับไปเองนี่ ทำไมอยู่ ๆ ถึงเปลี่ยนใจไม่ยกเลิกแล้วล่ะ

     “แล้วพี่ใบเตยเขาไม่ว่าอะไรเหรอครับ”

     “จะว่าอะไรเมื่อกี้พี่ขอเป็นแฟนกับเขา เขาก็ขอเลิกคุยกับพี่เลย เขาบอกเขาไม่อยากผูกมัด แถมยังบล็อกพี่ทุกช่องทาง” หืม  ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงได้กลายเป็นแบบนั้นไปได้ แต่มันก็....

     ผมจะดูเลวไปไหมถ้าผมบอกว่าลึก ๆ ผมก็แอบดีใจที่เรื่องที่ทำให้พี่ชลเสียใจ แต่ผมก็เป็นห่วงสภาพจิตใจพี่ชลมากนะ ขนาดตัวเองเพิ่งจะอกหักแต่ยังจะคิดที่จะมาตามนัดของเรา พี่ชลก็คงยังเป็นพี่ชลที่น่ารักของผมเสมอเลย

     “พี่ชลโอเคไหม”

     “โอเคสิ พี่ไม่เป็นไร ชินแล้วล่ะ ชีวิตพี่แม่งเป็นบ้าอะไรไม่รู้ จีบใครก็แห้วตลอด จะมีแฟนเป็นผู้หญิงมันยากนัก เดี๋ยวมีแฟนเป็นผู้ชายแม่ง” ประโยคสุดท้ายนั่น ผมรู้ว่านะว่าพี่ชลแค่ประชดชีวิตตัวเอง แต่ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนพี่ชลกำลังอ่อยผมอยู่ก็ไม่รู้ มันทำให้ผมมีความหวังนะรู้ไหม

     แต่มันก็จริงอย่างที่พี่ชลว่า ความรักของพี่ชลไม่เคยจะสมหวังอย่างใครเลยสักครั้ง ทั้ง ๆ พี่ชลก็หน้าตาดีแถมยังนิสัยน่ารักมาก ๆ แต่กลับไม่มีผู้หญิงคนไหนสนใจ ตั้งแต่ที่รู้จักกับพี่ชลมาผมยังไม่เคยเห็นพี่ชลมีแฟนจริง ๆ จัง ๆ เลยสักครั้ง หรือบางทีพี่ชลอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อคู่กับผู้หญิงก็ได้นะ ก็ไม่ได้อยากจะเข้าข้างตัวเอง แต่ไม่แน่ว่าพี่ชลอาจจะเกิดมาเพื่อคู่กับ.......ผม

     “ผมโทรหาพี่ได้ไหม”

     “เอาสิ”

     ผมรีบปาดน้ำตาและพยายามข่มน้ำเสียงให้หายสั่นเครือ ก่อนกดโทรศัพท์ต่อสายไปหาคนที่ผมอยากจะคุยด้วยที่สุดในเวลานี้ คืนนั้นผมกับพี่ชลเราคุยกันอยู่หลายชั่วโมง พี่ชลทั้งระบายความในใจและเหล่าเรื่องราวหลาย ๆ อย่างให้ผมฟัง อย่างน้อยผมก็ยังรู้สึกดีใจที่เราสนิทกันมากพอที่พี่ชลจะเหล่าเรื่องหลาย ๆ ที่ดูเป็นส่วนตัวมาก ๆ ให้ผมฟัง แต่มันยังคงมีประโยคหนึ่งในบทสนทนา ซึ่งพี่ชลก็ชอบพูดประโยคนั้นให้ผมฟังบ่อยครั้ง ไม่ใช่แค่เฉพาะในการสนทนาครั้งนี้  ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วความหมายของประโยคนั้นเป็นความหมายที่บวก แต่ผมกลับรู้สึกเศร้าทุกครั้งที่ได้ยินมัน

     “พี่รักแกเหมือนน้องชายแท้ ๆ ของพี่นะพัตเตอร์”

     ..............แต่ผมไม่ได้รักพี่แบบนั้นน่ะสิ



☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎


 
     ♫ “เหม่อมองดูสายน้ำวน เหม่อมองสายชล ช่างไหลริน เหม่อมองดูนก ผกผินบินลับไป ยามเหงาเราถอนใจ บินไปไม่กลับมา” ผมดีดกีตาร์และร้องเพลงสลับกับการมองหน้าพี่ชลไปอย่างแอบนึกเขิน ช่วงเวลายามเย็นริมสระน้ำในสวนสาธารณะแห่งที่พี่ผมกับพี่ชลเรามาถ่ายรูปกัน บรรยากาศดี ๆ แบบนี้ แถมตอนนี้ก็มีแค่ผมกับพี่ชลอยู่กันแค่สองคน ช่วงเวลานี้เหมาะสมที่สุดแล้วที่ผมจะเล่นเพลงที่ผมตั้งใจฝึกซ้อมมาให้ชลฟัง ดีดกีตาร์และร้องเพลงเพราะ ๆ ให้คนที่เราฟังไปในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้านี่มันช่างสุดแสนจะโรแมนติก ถึงตอนแรกพี่ชลจะแอบบ่นก็เถอะว่าผมจะแบกกีตาร์มาเป็นภาระทำไม ก็แบกมาเพื่อการนี้ยังไงล่ะครับ

     ♫"เปล่าเปลี่ยวจริงหนอหัวใจ อยากจะรักใครเศร้าใจทุกครา"

     ถึงเนื้อหาเพลงมันจะแอบเศร้าสักเล็กน้อย แต่ผมก็ถ่ายทอดมันออกมาด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก มันอาจจะดูน้ำเน่าไปสักหน่อย แต่ผมก็ทำมันอย่างตั้งใจเพราะอยากให้คนที่ผมแอบรักเขาประทับใจและมีความสุขกับสิ่งที่ผมทำให้เขา ดู ๆ แล้วพี่ชลก็น่าจะชอบมันอยู่นะ

     “พี่ชลชอบเพลงนี้ไหม”

     “ชอบสิ แกร้องเพลงเพราะเหมือนกันนะเนี่ย”

     “ผมก็ชอบ ชอบมาก ชอบมานานแล้วด้วย” ผมว่าพลางแอบสบตาพี่ชล พี่ชลจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าที่ผมบอกชอบผมไม่ได้หมายถึงเพลง แต่ผมหมายถึงตัวเขาต่างหากที่ผมชอบและรักมานานแล้ว

     “เพลงนี้มันชื่อเหมือนพี่ชลเลย ผมก็เลยอยากจะเล่นให้พี่ชลฟัง”

     “แกทำขนาดนี้ ถ้าพี่เป็นผู้หญิง พี่คงจะคิดว่าแกกำลังจีบพี่อยู่แน่ ๆ”


     แล้วที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้พี่คิดว่าผมกำลังทำอะไรอยู่อย่างนั้นหรือครับ ถ้าจะให้ผมพูดตรง ๆ ว่าผมกำลังจีบพี่อยู่จริง ๆ ผมก็กลัวพี่จะรับไม่ได้ แต่ผมก็อยากให้รู้ว่าผมอยากปกป้อง อยากดูแล อยากเป็นเจ้าของหัวใจของพี่นะพี่ชล จะมีสักวันบ้างไหมที่จะรู้สึกกับผมแบบเดียวกับที่ผมรู้สึกกับพี่....


     

      ♫ "มิเคยลืมภาพเราสองคน มิเคยลืมยังหลอกลวงตน มิเคยลืม ว่าเคยรักเธอสายชล" ♫



     TBC




เพลงสายชล
http://www.youtube.com/v/nc_gCy03A9I
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-12-2017 07:13:05 โดย ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
น่ารักเน๊อะ ตอนนี้  :3123:

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ตอนที่ 13 ผีกับหมี




     “ผมรักคุณนะนวลจันทร์ ถ้าผมยังมีบุญพอจะได้เกิดชาติหน้า ไม่ว่าคุณจะเป็นใครขอให้เราได้เจอกันอีกครั้งและขอให้ผมรักคุณตั้งแต่แรกเห็น” เสียงของชายหนุ่มปริศนาที่กำลังกล่าวคำลาหญิงสาวผู้เป็นที่รักของเขาเคล้าไปกับลมหายใจที่โรยรินราวกับคนกำลังจะสิ้นใจ การจะเอื้อนเอ่ยแต่ละคำพูดของเขาดูเหมือนกับว่ามันเป็นไปอย่างอยากลำบากเสมือนคนที่สิ้นไร้เรี่ยวแรง

     “คุณอย่าพูดอย่างนั้นสิคะชรัณ คุณต้องไม่เป็นอะไร” เสียงของหญิงสาวที่ผมคาดว่าน่าจะเป็นคนที่ชายคนเมื่อครู่เรียกว่านวลจันทร์ กำลังร่ำไห้อย่างน่าเวทนาในชะตากรรมที่เธอกำลังจะต้องสูญเสียชายคนรักไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ

     “ผม.......รัก.............คุณ”

     เสียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายของชายผู้นั้นสิ้นสุดลงไปพร้อมกับตัวผมที่สะดุ้งตื่นจากการหลับใหล เหงื่อผมแตกซ่านไปทั้งตัว หัวใจผมเต้นแรงมาก ผมสูดลมหายใจเข้าออกถี่และแรงร่างกายของผมในตอนนี้กำลังโหยหาอากาศหายใจอย่างเป็นที่สุด ฝันบ้าอะไรกันทำไมมันถึงทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยได้ขนาดนี้

     เสียงกล่าวคำอาลัยของชายหญิงคู่หนึ่งลอยมาอย่างไร้ทิศทางในความมืดมิด ผมจำได้คร่าว ๆ ว่าในฝันผมได้ยินเสียงของชายปริศนาคนนั้นเรียกผู้หญิงที่เป็นคู่สนทนาของเขาว่านวลจันทร์ นวลจันทร์อย่างนั้นหรือ นี่ผมยังอินอยู่กับเรื่องที่คุณตาของพัตเตอร์เล่าให้ฟังจนถึงขั้นเก็บมาฝันเป็นตุเป็นตะขนาดนี้เลยหรือนี่ ทั้ง ๆ ที่มันก็ผ่านมานานพอสมควรแล้วแท้ ๆ



     แทบจะเป็นกิจวัตรของผมไปเสียแล้ว เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้ากับการกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องนอนของตัวเองอย่างมีความหวังว่าจะได้พบกับใครคนหนึ่ง คนที่ชอบมากวนประสาทผมเสมอยามที่ผมตื่น คนที่ผมคิดถึงแล้วเป็นห่วงเขาอย่างสุดซึ้ง คนที่ผมเฝ้ารอและเชื่อว่าอีกไม่นานเขาจะต้องกลับมา ผมมีเรื่องสำคัญที่จะต้องบอกกับเขา และยังมีเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผมอีกมากมายที่ผมอยากจะถ่ายทอดให้เขาเป็นผู้รับฟัง นี่มันก็หนึ่งเดือนเข้าไปแล้วนะที่ผมไม่ได้เจอหน้านายนั่นเลย

     ตอนนี้นายจะเป็นยังไงบ้างนะ นายกลับสักทีสินะโม



☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎



     “พี่นีไม่เห็นนายนะโมบ้างเลยเหรอครับ” ผมนั่งชันเข่าอยู่ตรงข้างต้นกล้วยที่คาดว่าน่าจะเป็นกล้วยตานีที่คุณพ่อของผมเอามาปลูกในสวนของบ้าน โดยมีแม่ผีสาวสไบเขียวผู้เป็นเจ้าของต้นกล้วยต้นนั้นนั่งอยู่เคียงข้างและคอยรับฟังคำถามเดิม ๆ ที่ผมหยิบยกขึ้นมาถามเธออยู่บ่อยครั้งตั้งแต่ที่นายนะโมหายหน้าไป คำถามเดิม ๆ ที่เธอเองก็ไม่เคยให้คำตอบผมได้ แต่ผมก็ยังเลือกที่จะถาม และได้แต่หวังพี่นีจะได้ข่าวคราวอะไรของนายนะโมบ้าง คุณลุงผู้ปกปักรักษาบ้านท่านก็ไม่ค่อยจะออกมาให้ผมได้พบบ่อยนัก เพราะฉะนั้นในเวลานี้ผมไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้วจริง ๆ

     “เฮ้อ น้องชลถามพี่นีแบบนี้อีกแล้ว พี่นีเคยบอกแล้วไงคะว่าดวงจิตของน้องนะโมในเวลาที่อ่อนแรงมาก ๆ แม้แต่พี่นีที่เป็นผีก็ไม่สามารถสัมผัสหรอกค่ะ อีกอย่างน้องนะโมกับพี่นีก็ใช่ว่าจะอยู่ในภพภูมิเดียวกันเสียทีเดียวนะคะ น้องนะโมเขายังไม่ตายเขายังไม่ได้เป็นผีโดยสมบูรณ์เหมือนพี่นี เป็นแค่ดวงจิตที่หลุดออกจากร่างชั่วคราวเท่านั้น ดวงจิตประเภทนี้เป็นดวงจิตที่อ่อนแอมากนะคะ การที่น้องนะโมใช้พลังเกินลิมิตของตัวเองมากขนาดนั้น มันเสี่ยงต่อการที่ดวงจิตจะแตกดับมากเลยนะคะ” พี่นีกล่าวไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนคนที่กำลังปลงกับสิ่งที่อนิจจังของโลกใบนี้ เรื่องดวงจิตของนายนะโมเธอเคยเล่าให้ผมฟังมาบ้างแล้ว ถ้าดวงจิตของนายนะโมแตกดับไปนายนั่นจะกลับเข้าร่างไม่ได้อีก  แม้แต่ดวงวิญญาณของเขาก็จะต้องสูญสลายไป ผมได้แต่เพียงภาวนาว่าขออย่าให้มันเป็นอย่างนั้นเลย ผมภาวนาในตอนนี้นายนั่นแค่กำลังเหนื่อยและกำลังพักผ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง ต้นเหตุของเรื่องนี้มันเป็นเพราะผมแท้ ๆ เลย



☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎



      ในที่สุดไตรจักรก็พอจะมีเวลาออกมาให้ผมเลี้ยงข้าวตามคำสัญญาที่ผมเคยให้ไว้ตั้งนานนม ตอนแรกผมก็แอบกังวลเขาจะพาผมไปร้านแพง ๆ จนไอ้ชลต้องกินแกลบทั้งเดือนหรือเปล่า แต่เอาเข้าจริงมันกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผมกังวลไว้อย่างสิ้นเชิงเลย ไตรจักรพาผมมาทานอาหารฟาสต์ฟู้ดในห้างสรรพสินค้า ที่ไม่ไกลจากที่ทำงานผมนัก ค่อยสบายใจหน่อย อย่างนี้กินให้เต็มที่ได้เลย ป๋าชลพร้อมจ่าย

     ไก่ทอดแบรนด์ดังนี่น่าจะเป็นสิ่งที่ไตรจักรโปรดปรานมาก ผมเห็นเขาทานได้อย่างดูท่าทางน่าอร่อยจริง ๆ มันช่างขัดกับมาดนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อในชุดสูทเท่ ๆ เสียจริง ๆ แต่อย่างไรเสียการมาทานข้าวไตรจักรวันนี้ ผมจะต้องไม่กลับไปมือเปล่า ผมจะต้องได้ข้อมูลอะไรสักอย่างที่พอจะเชื่อมโยงถึงนายนะโมได้กลับไปด้วยให้ได้ แต่ปัญหาก็คือผมจะเริ่มเปิดประเด็นพูดคุยในเรื่องนั้นกับไตรจักรได้ยังไงนี่สิ ถ้าขืนให้บอกไปตามตรงว่าผมมองเห็นวิญญาณของนายนะโมที่คาดว่าน่าจะเป็นคนในครอบครัวของเขา มีหวังไตรจักรคงได้หาว่าผมเป็นพวกสิบแปดมงกุฎเป็นแน่

     “เอ่อ จักรชอบไก่ทอดเหรอ” ผมรีบเปิดประเด็นแก้เขิน เมื่อไตรจักรหันมายิ้มอาย ๆ ให้ผม เขาคงจะรู้ตัวว่าถูกผมมอง ผมนี่ก็เสียมารยาทจริง ๆ ไปจ้องมองตอนเขากำลังทานแบบนั้น แต่รอยยิ้มแบบนั้นทำไมมันถึงได้เหมือนกันเหลือเกินนะ เหมือนมาก ถ้าผมไม่ได้อุปาทานไปเอง รอยยิ้มแบบนั้นของไตรจักรมันทำให้ผมรู้สึกราวกับว่าผมกำลังมองใบหน้าของนายนะโมที่กำลังยิ้มกลบเกลื่อนเวลาที่ถูกผมดุอย่างไรอย่างนั้น

     “ชอบมากเลยล่ะ สมัยเด็ก ๆ คุณพ่อพาเรากับพี่ศิลามากินบ่อย ๆ” พี่ศิลา? พี่ศิลาอย่างนั้นหรือ ดูเหมือนกับว่าโชคดีกำลังเข้าข้างผม เมื่ออยู่ ๆ ไตรจักรก็เป็นฝ่ายพูดถึงชื่อคน ๆ หนึ่งขึ้นมา ชื่อนั้นสะดุดหูผมเข้าอย่างจัง รูปที่ไตรจักรถ่ายร่วมกับนายนะโม ไตรจักรเขียนแคปชั่นว่า My Family ซึ่งมันก็น่าจะมีความเป็นไปได้ว่านายนะโมอาจจะเป็นพี่ชายหรือไม่ก็น้องชายของไตรจักร หรือบางทีพี่ศิลาที่ไตรจักรพูดถึงก็อาจจะไม่ใช่ใครที่ไหน

     “พี่ศิลานั่นพี่ชายจักรเหรอ ครอบครัวจักรดูน่ารักดีนะ” ผมเริ่มถามเข้าประเด็นอย่างเกรง ๆ อย่างไรเสียผมกับไตรจักรก็เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน ไปถามลงลึกถึงครอบครัวของเขาขนาดนั้นมันก็อาจจะดูเสียมารยาทไปสักหน่อย แต่มันก็จำเป็นจริง ๆ นี่นา
ไม่รู้ว่าคำถามของผมไปทิ่มแทงรอยแผลอะไรบางอย่างในหัวใจของไตรจักรหรือเปล่า เพราะหลังจากที่ผมถามเรื่องครอบครัวของเขา สีหน้าเขาก็ดูซึมและเศร้าไปเลย นี่ผมทำให้เขารู้แย่หรือเปล่านะ

     “เอ่อ เราขอโทษนะที่เสียมารยาทไป จักรโอเคไหม”

     “เราโอเค พอดีว่าคุณพ่อเราเสียไปได้สามปีกว่าแล้วน่ะ ส่วนพี่ศิลาตั้งแต่ที่เขารถคว่ำเมื่อปีก่อน จนถึงตอนนี้เขายังนอนเป็นเจ้านิทราไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย” แววตาของไตรจักรดูเศร้ามากเวลาที่พูดถึงครอบครัว ผมเลื่อนมือไปวางกุมบนมือหนาของไตรจักร แทนกำลังใจเล็ก ๆ ที่ผมพอจะมอบให้เขาได้ในเวลานี้ ไตรจักรก้มมองมือผมที่จับมือเขาก่อนจะยิ้มให้ผม ราวกับจะแทนคำที่บอกว่าเขาไม่เป็นอะไร

     พี่ชายของไตรจักรกำลังนอนเป็นเจ้าชายนิทรา กับนายนะโมที่วิญญาณออกจากร่างทั้งที่ยังไม่ตาย ถ้ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญก็หมายความว่าผมเข้าใกล้เป้าหมายขึ้นมาอีกขั้น

     “ถึงเราจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ถ้าจักรมีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจ หรืออยากให้เราช่วยอะไรก็บอกเราได้ตลอดนะ”

     “ชล จะช่วยเราทุกเรื่องจริง ๆ เหรอ เรามีเรื่องสำคัญอยากให้ชลช่วยพอดีเลย” รอยยิ้มที่ดูชื่นมื่นกลับมาสู่ใบหน้าของไตรจักรอีกครั้ง พอจะให้ผมเบาใจลงได้ แต่คำถามที่เขาถามกลับมานั่นทำเอาผมนึกหวั่นใจอยู่ลึก ๆ หวังว่าเขาคงจะไม่ได้ให้ผมไปทำอะไรพิเรน ๆ หรอกนะ ผมได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ รับคำของไตรจักร ก็ลั่นวาจาไปแล้วนี่นา คนอย่างไอ้ชลคนแมนพูดแล้วไม่มีวันคืนคำหรอกน่า


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎



     บรรยากาศล้อมรอบตัวผมในตอนนี้เต็มไปด้วยตุ๊กตานา ๆ สายพันธุ์ ทั้งหมี ทั้งหมา ทั้งแมว รวมไปถึงสารพัดสรรพสัตว์ที่ถูกจำลองมาให้รูปแบบที่ดูน่ารักน่ากอด รวมไปถึงตุ๊กตาสาวน้อยตาโตที่ดูน่าจะถูกใจบรรดาเด็ก ๆ และคุณผู้หญิงมากมาย ก็ตอนนี้ผมอยู่ในร้านขายตุ๊กตานี่นา แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงน่ะหรือ

     “พอดีอาทิตย์หน้าจะเป็นวันเกิดของลูกสาวรุ่นพี่เรา เราไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรเป็นของขวัญให้แกดี เลยอยากให้ชลไปช่วยเลือก พอดีเราไม่ค่อยรู้ว่าเด็กผู้หญิงเขาจะชอบอะไรกัน ชลช่วยเราหน่อยนะ” นั่นคือสิ่งที่ไตรจักรบอกกับผมก่อนที่จะพาผมมาที่นี่ ผมก็ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เขาคิดว่าผมจะเข้าใจเรื่องความชอบของเด็กผู้หญิงได้ดีกว่าเขา ผมเองก็นึกอะไรไม่ค่อยออกนอกจากเด็กผู้หญิงส่วนใหญ่ก็น่าจะชอบตุ๊กตากันทั้งนั้น ก็เลยชวนไตรจักรมาที่นี่


     ไตรจักรแยกไปเลือกตุ๊กตาอีกโซนกับพนักงานสาวที่ผมคาดว่าเธอคงจะช่วยให้คำแนะนำกับไตรจักรได้ดีกว่าผม ส่วนผมก็เดินดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย จะว่าไปตุ๊กตาพวกนี้นี่มันก็ดูน่ารักดีเหมือนกันนะ

     “ชล” เสียงนั่น!

     ผมตาลุกวาวเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของผมเองจากน้ำเสียงที่ผมคุ้นเคยลอยมาสะดุดหูผมเข้าอย่างจัง แต่จะเป็นพยางค์เดียวที่แสนสั้นแต่ผมก็จำเสียงของเขาได้ดี นั่นเสียงของเขาแน่นอนผมจำไม่ผิดแน่ ผมรีบหันมองรอบตัวหมายจะได้พบกับเจ้าของเสียงนั้นที่ผมอยากพบหน้าเขาเป็นที่สุดในเวลานี้ แต่แล้วผมก็พบเพียงความเปล่าท่ามกลางกองทัพตุ๊กตาขนปุยทั้งหลาย ผมคอตกและถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ นี่ผมคิดถึงเขามากจนหูแว่วไปเองเลยหรือนี่ เมื่อไหร่นายจะกลับมาสักทีนะโม

     “ชล” เสียงนั่นอีกแล้ว! ผมมีความหวังมาอีกครั้ง และหวังว่าผมคงจะไม่ได้หูฟาดไปถึงสองครั้งสองคราติดต่อกันหรอกนะ นายอยู่แถวนี้จริง ๆ ใช่ไหมนะโม

     “ชล” เสียงนั่นยังคงเรียกชื่อผมอย่างต่อเนื่อง โดยที่ยังไร้เงาของผู้ที่ผมคาดว่าเป็นเจ้าของเสียง ผมหยุดนิ่งเพื่อตั้งใจที่จะจับทิศทางที่มาของเสียงนั้น ในที่สุดผมก็พบจุดที่คาดว่าน่าจะเป็นที่มาของเสียงนั้นจนได้

     “ชล ผมอยู่ตรงนี้” ให้ได้ตายเถอะผมสาบานได้นะว่าผมไม่ได้คิดไปเองและไม่ได้ตาฟาดกับสิ่งที่ผมกำลังเห็นอยู่ตอนนี้ เจ้าตุ๊กตาหมีขนปุยตัวเบ้อเร่อกำลังโบกมือทักทายราวกับว่ามันสิ่งที่มีชีวิตจริง ๆ อย่าบอกว่านั่นคือ....

     “นั่นนายเหรอนะโม” ผมเหลียวซ้ายแลขวาจนแน่ใจว่าในบริเวณนั้นไม่มีใครอยู่ ก่อนจะทำเสียงกระซิบกระซาบสื่อสารกับเจ้าตุ๊กตาหมียักษ์ตัวนั้น ถ้ามีใครผ่านมาเห็นเข้าคงจะได้นึกว่าผมเป็นคนบ้าที่ไหนมายืนพูดกับตุ๊กตาอยู่นี่

     “ผมเองชล คิดถึงผมล่ะสิ” โอเค เคลียร์ชัด น้ำเสียงยียวนแบบนั้นไม่ผิดตัวแน่ ๆ

     “แล้วนายหายไป ไหนมา แล้วทำไมไม่ปรากฏตัวออกมา”

     “ตอนนี้พลังผมยังมีไม่มากพอจะปรากฏตัวนี่นา เข้ามาอยู่ในตุ๊กตาตัวนี้ได้ก็ถือว่าฟลุคมากแล้วนะ และผมไม่ได้หายไปไหนสักหน่อย ผมก็แค่หมดแรงก็เลยพักเดี๋ยวเดียวแค่นั้นเอง” เดี๋ยวเดียวอย่างนั้นหรือ เดี๋ยวเดียวที่นายนั่นว่านี่ปาเข้าไปหนึ่งเดือนเต็ม ๆ เลยนะ



     “ชลอยากได้เหรอ” เสียงกล่าวทักของไตรจักรจากด้านหลังของผม ทำเอาบทสนทนาระหว่างผมกับนายนะโมในตุ๊กตาหมียักษ์ต้องหยุดลงอย่างกะทันหัน ผมก็กลัวจะโดนหาว่าเป็นบ้าคุยกับตุ๊กตาเหมือนกันนะ

     “ดูเหมือนชลจะชอบมันนะ เราเห็นชลยืนมองเจ้าหมีตัวนี้อยู่สักพักแล้ว” ไตรจักรว่าพลางเหลือบตามองไปยังเจ้าหมียักษ์ เอ่อ ว่าแต่ผมควรจะตอบเขาว่ายังไงดีล่ะ

     “เปล่า ๆ เราเห็นมันตัวใหญ่ก็เลยมองเฉย ๆ เราไม่ได้ชอบเล่นตุ๊กตาสักหน่อย ว่าแต่จักรเลือกตุ๊กตาได้แล้วใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันเถอะ” ผมรีบชิงตัดบทเพื่อจะพาไตรจักรออกห่างจากเจ้าหมียักษ์ให้เร็วที่สุด เพราะเกรงว่าจะถูกสงสัย ถึงเจ้าหมีตัวนั้นข้างในจะมีดวงจิตของนายนะโมแฝงอยู่แต่ก็ใช่ว่าผมจะอยากได้มันสักหน่อย ชายฉกรรจ์อย่างไอ้ชลคนแมนจะไปสนใจตุ๊กตาหมีหน้าตาซื่อบื้ออย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะ ขืนให้ผมอุ้มตุ๊กตากลับบ้านผมคงอายเขาแย่ ส่วนนายวิญญาณที่ซื่อบื้อพอกับหน้าตาเจ้าหมียักษ์ที่อยู่ข้างในนั้นก็ตามไปคุยกันที่บ้านก็แล้วกัน 



☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎



     “ราคาเก้าพันแปดร้อยเก้าสิบบาทค่ะ” คุณพนักงานคนสวยกล่าวหลังจากใช้เครื่องแสกนบาร์โค้ดที่ติดอยู่ที่ตัวเจ้าหมียักษ์ ผมยิ้มแห้ง ๆ อย่างเขิน ๆ ให้ไตรจักรเมื่อรู้ตัวว่าเขากำลังอมยิ้มแล้วมองผมอยู่ ก่อนจะเหลือบไปมองเจ้าหมียักษ์หน้าตาซื่อบื้อที่สัมผัสได้ถึงหน้ายิ้มแป้นแล้นจนน่ากระโดดกัดหูจากนายนะโมที่แฝงตัวอยู่ภายใน สุดท้ายผมก็ต้องซื้อจนได้แล้วก็ดันเหมือนว่านายนั่นช่างเลือกมาเลือกสิงอยู่ของแพงเสียด้วย ผมล่ะอยากจะมุดเข้าไปดูในตัวเจ้าหมียักษ์นั่นจริง ๆ ว่าถักทอด้วยวัสดุอะไรถึงได้มีราคาแพงหนักหนาทั้งที่หน้าตาออกจะซื่อบื้อขนาดนี้ เดือนนี้ไอ้ชลคงได้แย่งปลวกแทะฝาบ้านกินเป็นอาหารเป็นแน่

     “เอ่อ เดี๋ยวคิดเงินรวมกับของผมเลยนะครับ” ไตรจักรว่าพลางยื่นบัตรเครดิตให้พนักสาว

     “เฮ้ย จักรไม่ต้องจ่ายให้เรานะ ของแพงขนาดนี้เราเกรงใจ” ผมรีบทักท้วงอย่างทันควัน ของแพงขนาดนั้นถ้ายอมให้ไตรจักรจ่ายให้ละก็มีหวังครั้งหน้าผมคงต้องตอบแทนเขามากกว่าอาการหนึ่งมื้อเป็นแน่ ยังไงก็อดหวั่นใจไม่ได้

     “เล็กน้อยน่าครั้งเราเต็มใจซื้อให้ชลเองเราไม่ได้จะให้ชลมาตอบแทนหรอกน่า ก็ชลอุตส่าห์สละเวลามาช่วยเราเลือกของขวัญ” ไตรจักรพูดราวกับว่ารู้ความในใจของผม ก่อนจะหันไปยืนยันกับพนักงานสาวอีกครั้ง ผมทำตัวไม่ถูกเลยตอนนั้นเงินร่วมหมื่นสำหรับไตรจักรมันอาจจะเล็กน้อยก็จริงแต่ยังไงผมก็เกรงใจอยู่ดี และผมก็ไม่ได้ช่วยเขาเลือกของขวัญอะไรมากมายสักหน่อย แค่นำเสนอไอเดียและพามาที่นี่ก็เท่านั้นนอกเหนือจากนั้นคุณพนักงานคนเก่งช่วยให้คำแนะนำล้วน ๆ



☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎



     ผมพินิจมองเจ้าหมียักษ์วางอยู่ข้างหัวเตียงผมอย่างใช้ความคิด สาเหตุที่ต้องเอาเจ้านี่กลับมาด้วยน่ะหรือ ก็เพราะตอนที่ผมกำลังจะพาไตรจักรออกมาจากตรงนั้น นายนะโมที่อยู่ด้านก็ดันท้วงขึ้นมาว่า ถ้าผมไม่เอาเจ้าหมียักษ์นี่กลับมาด้วยก็ไม่รู้ว่านายนั่นจะสามารถเข้าไปอยู่ในสิ่งของอย่างอื่นได้อีกเมื่อไหร่ เพราะการที่เข้ามาอยู่ในเจ้าหมียักษ์นี่ได้เจ้าตัวถึงกับออกปากว่าเป็นเรื่องที่ฟลุคมาก ๆ ตอนนี้พลังของนายนั่นยังไม่แข็งแรงพอหากไม่ได้สิงอยู่ในสิ่งของสิ่งใดสิ่งหนึ่งนายนั่นก็จะไม่สามารถสื่อสารกับผมได้ เจ้าหมียักษ์ตัวนี้ก็เลยเปรียบเสมือนบ้านพักดวงจิตของนายนั่น ผมก็เลยจำเป็นต้องเอามันกลับมาด้วย นี่ดีนะวันนี้คุณนายนกยูงไม่อยู่บ้านผมเลยแบกเจ้าหมียักษ์ขึ้นห้องได้สะดวกไม่อย่างนั้นล่ะก็ผมคงจะต้องใช้สมองคิดคำตอบมากมายสำหรับคำถามของคุณนายนกยูงที่ผมไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะมาในรูปแบบไหน แต่ เอ ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ขนาดนี้กับขนปุกปุยแบบนั้น เห็นแล้วมันก็....

     น่าหมั่นเขี้ยวเหมือนกันนะ


     “เฮ้ย! ชลทำอะไร” เสียงประท้วงจากวิญญาณที่อาศัยอยู่ในร่างของเจ้าหมียักษ์ดังขึ้นมาเมื่อผมกระโดดเข้าใส่เจ้ายักษ์ขนปุยแสนนุ่มนิ่มนั้น



☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎



     ผมนั่งพิงเจ้ายักษ์ พร้อมทั้งหอบหายใจระรัว เมื่อสักครู่นี้ผมเพิ่งใช้พลังงานในร่างกายไปสูงกับการฟัดหมี ผมทั้งฟัดทั้งทุบจนหนำใจส่วนหนึ่งก็เพราะความหมั่นเขี้ยวขนปุกปุยนั้น อีกส่วนหนึ่งเพราะความขุ่นเคืองก็เพราะนายนั่นทิ้งให้ผมต้องรออยู่ตั้งเนิ่นนาน ถึงจะเข้าใจในเหตุผลที่เขาต้องหายไป แต่ยังไงผมก็ต้องถูกทิ้งให้รอเขาโดยที่ผมไม่มีโอกาสได้รู้สักนิดเลยว่าเขาเป็นจะเป็นตายร้ายดียังไง รู้บ้างไหมว่าผมรู้สึกยังไง โทษฐานที่ทำให้ผมต้องกระวนกระวายใจมาทั้งเดือน ยังไงก็ขอระบายผ่านกำปั้นกับเจ้าหมียักษ์หน่อยเถอะ ส่วนที่ฟัดหรือเอาหน้าซุกไปนั้นเพราะตุ๊กตาเจ้าหมียักษ์ล้วน ๆ นะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนายนะโมสัดนิดจริง ๆ

     “ชล คนผีทะเล ผมเสียหายนะ มาขืนใจผมแบบนี้ต้องผิดชอบด้วยนะ” นายนะโมว่าพลางทำเสียงราวกับว่ากำลังจะร้องไห้ที่ฟังดูแล้วออกจะน่าหมั่นไส้มากกว่านางสงสาร ทีอย่างนี้มาทำเป็นหวงเนื้อหวงตัว

     “อย่าพูดมากน่า แล้วไม่ชอบหรือไงฮะ” ……รีแอคชั่นด้วยความเงียบจากนายนะโมทำให้ผมรู้ตัวว่าได้พูดอะไรที่ไม่เข้าท่าออกไปเสียแล้ว เมื่อนึกคำถามของตัวเองเมื่อครู่ทำเอาผมเขินตัวเองอยู่ไม่น้อย นี่อะไรดลใจให้ผมพูดแบบนั้นออกไป

     “รู้ตัวไหมว่าชลกำลังอ่อยผมอยู่นะ” เสียงกระเส่าที่กระซิบตรงข้างหูผมนั้น ทำเอาผมขนลุกวาบไปทั้งตัว อ่อยอะไร อ่อยใคร ใครอ่อย ผมไม่รู้เรื่องด้วยสักหน่อย ผมตั้งใจจะลุกหนีไปแต่ดูท่าว่าจะไม่ทันกาลเมื่อผมถูกสองแขนอวบอ้วนของเจ้าหมียักษ์กอดรัดเอาไว้เสียก่อน นี่นายนั่นคิดจะทำบ้าอะไรของเขา

     “อยากกอดชลแบบเต็มไม้เต็มมือแบบนี้ตั้งนานแล้ว” ถ้าแค่กอดอย่างเดียวผมก็คงจะไม่ว่าอะไร แต่นี่รู้สึกตัวอีกทีผมก็นอนราบอยู่บนเตียงโดยมีเจ้าหมียักษ์คร่อมทับตัวผมอยู่บ้านบนแล้ว เอ่อ นี่ผมมาถึงจุดนี้ได้ยังไง

     “เฮ้ย นี่นายจะทำอะไร”

     “เมื่อกี้นี้ผมยอมชลไปแล้วนะ คราวนี้ก็ต้องเป็นตาผมบ้างสิ” น้ำเสียงกรุ้มกริ่มแบบนั้นถึงแม้ผมจะมองไม่เห็นใบหน้าที่แฝงอยู่ในตัวเจ้าหมียักษ์แต่มันก็พอจะทำให้ผมรับรู้ได้ถึงความหื่นขั้นสุดที่ซ่อนอยู่ เอ่อ อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะเว้ย ไม่นะ ไม่!!!!!!!



    “นะโม!!!!”
 






TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2017 23:38:49 โดย ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Nekosama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อย่าว่าเรานะ แต่นะโมตอนนี้เหมือนพี่หมีหื่นเลยอะ 5ุ555 :m20:

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ตอนหน้าเจอกันกับตอน "น้ำมันพราย" นะครับ

http://www.youtube.com/v/g2sBKuPiGG0 

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
     ตอนที่ 14 น้ำมันพราย





     ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นใครกันนะ แต่งเนื้อแต่งตัวราวกับว่าหลุดออกมาจากยุคคุณปู่ตอนหนุ่ม หน้าตาท่าทางแบบนั้นผมมั่นใจว่าผมไม่เคยรู้จักหรือพบเจอกับชายผู้นี้มาก่อน แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงได้รู้สึกเหมือนกับว่าผูกพันกับเขาเหลือเกิน รอยยิ้มละมุนของเขาและแววตาหวานซึ้งที่กำลังจ้องมองมาที่ผม มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนหัวใจมันหวิว ๆ และเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก ผมก็ไม่แน่ใจว่าอาการแบบนี้เขาเรียกว่าเขินหรือเปล่า นี่นอกจากนายนะโมแล้วยังมีผู้ชายคนอื่นที่ทำให้ผมรู้สึกได้แบบนี้ได้ด้วยหรือนี่

     ยังไม่ทันที่ผมจะได้เริ่มจับต้นชนปลายอะไร รู้สึกตัวอีกทีชายคนนั้นก็เริ่มไกลห่างออกไปจากผมเรื่อย ๆ ในความรู้สึกของผม ผมกำลังพยายามที่จะไขว่คว้าไม่ให้ชายผู้นั้นจากผมไป แต่ยิ่งเอื้อมมือไปก็รู้สึกราวกับเขาก็ยิ่งห่างไกลออกไป ถึงแม้ว่าผมพยายามที่ก้าวตามเขาไปแต่ดูเหมือนกับว่าผมไม่มีทางที่จะตามเขาไปได้ทัน ทุกครั้งที่ก้าวเท้าเข้าไปชายผู้นั้นก็ยิ่งห่างออกไปเป็นสองเท่า

     “อย่าไปนะ อย่าทิ้งไปผมไป กลับมา” ผมตะโกนร้องห้ามเพื่อรั้งเขาด้วยน้ำเสียงฟูมฟาย น้ำตาของผมไหลพรากอาบเต็มสองแก้ม ความรู้สึกในตอนนั้นมันเหมือนกับว่าการจะต้องจากลากับชายผู้นั้นมันช่างเป็นที่เลวร้ายและแสนจะทรมานในหัวใจผมเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่ผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคือใคร

     ท้ายที่สุดเสียงเรียกและน้ำตาของผมไม่ก็สามารถรั้งตัวเขาเอาไว้ได้ เมื่อภาพของเขาที่ปรากฏต่อสายตาของผมมันเริ่มเลือนลาง และในที่สุดของเขาก็หายไป ผมทรุดตัวลงกับพื้นราวกับว่าสิ้นไร้เรี่ยวแรงที่จะทรงตัว ความรู้สึกในตอนนั้นมันเหมือนกับโลกทั้งใบมันกำลังจะพังทลายและหัวใจของผมกำลังจะสลาย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผม และผู้ชายคนนั้นเขาเป็นใครกัน ทำไมเขาถึงมีผลกระทบต่อความรู้สึกของผมได้เพียงนี้

     เป๊าะ

     “ชรัณ!” สิ้นเสียงดีดนิ้วของพี่โรส ผมตะโกนชื่อนั้นออกมาพร้อมกับดวงตาที่เปิดขึ้น

     “เป็นยังไงบ้างจ๊ะ คราวนี้เริ่มจะเห็นอะไรบ้างหรือยัง” แววตาที่พี่โรสมองผมมันดูเหมือนเธอกำลังพออกพอใจกับผลงานของตัวเองอย่างมาก และครั้งนี้ก็คงจะเป็นแรกที่ผมไม่ได้เห็นเพียงแค่ความว่างเปล่าในยามที่กำลังถูกสะกดจิต หลังจากที่ผมแวะเวียนมาใช้บริการพี่โรสหลายต่อหลายครั้งแล้วก็แทบจะต้องคว้าน้ำเหลวกลับไปเสียทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มันกลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

     “ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งครับพี่โรส ผมก็ไม่รู้ว่าเขาคือใคร แต่ผมรู้สึกเหมือนกับว่าเขาสำคัญกับผมมาก ๆ” เพียงแค่นึกถึงภาพในตอนนี้ผู้ชายคนนั้นกำลังจะหายไป มันก็ยังทำให้ผมใจสั่นได้อยู่เลย

     “พี่ว่าชลกำลังเข้าใกล้ในสิ่งที่ชลอยากจะรู้เข้ามาก้าวหนึ่งแล้วนะ ตอนนี้ชลก็นั่งพักทำใจสบายก่อนก็แล้วกัน แล้วก็อย่าลืมเช็ดน้ำตานะจ๊ะ” พี่โรสว่าพลางยืนผ้าเช็ดหน้าให้ผม ผมก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าน้ำตาของผมกำลังไหลอยู่จริง ๆ ไม่ใช่แค่เพียงในภวังค์ขณะที่กำลังถูกสะกดใจจิต

     ชรัณ ถ้าผมไม่ได้เบลอจนเลอะเลือน ผมมั่นใจว่าตอนที่ผมรู้สึกตัวขึ้นมาผมพูดชื่อนั้นออกมา ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ ๆ ผมถึงได้พูดชื่อนั้น แต่ที่แน่ ๆ ผมรู้สึกคุ้นกับชื่อ ๆ นั้นมาก เหมือนกับว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนแต่ก็ยังนึกไม่ออก ว่าแต่นั่นจะใช่ชื่อของชายคนนั้นหรือเปล่านะ แล้วชายคนนั้นจะเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องราวในอดีตชาติของผมกับนายนะโมหรือไม่ ยังคงเป็นสิ่งที่ผมจะต้องหาคำตอบ


☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎



     คืนนี้ผมออกมาสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมก็มีดื่มกันบ้างตามประสาที่นาน ๆ จะได้รวมตัวครบคนกันสักครั้ง  น้องจากผมกับเจสซี่แล้วก็ยังมีปอนด์ โก้ และเขม อ่อ ก็ไอ้เขมคนนี้นี่แหละ พ่อของน้องนะโมที่ผมยืมชื่อลูกมันมาตั้งให้นายนะโมอีกที

     “ชลมึงเป็นอะไรหรือเปล่า วันนี้มึงดูไม่ค่อยสนุกเลยนะ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจปรึกษาพวกกูได้นะ”

     “นั่นน่ะสิฉันเห็นมันดูเครียด ๆ มาได้สองสามวันแล้ว ก็เลยชวนมันมาผ่อนคลายพวกแกนี่แหละ”

     ปอนด์กล่าวทักท้วงถึงอาการที่ดูผิดปกติไปของผมโดยมีเจสซี่ที่กล่าวสนับสนุน นี่อาการมันผมมันออกชัดเจนจนเพื่อน ๆ เห็นได้ชัดกันขนาดนี้เลยหรือนี่ จะว่าไปแล้วมันก็เป็นอย่างที่ปอนด์มันว่าจริง ๆ นั่นแหละ ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เราอยู่กันในสถานบันเทิง เพลงมัน ๆ ก็ถูกเปิดดังสนั่น บรรยากาศรอบ ๆ ตัวผู้คนก็ดูสนุกสนานครื้นเครงแต่ผมกลับไม่มีอารมณ์ที่จะบันเทิงไปกับสิ่งเหล่านั้นแม้แต่น้อย ก็ตอนนี้ความคิดของผมยังคงจดจ่ออยู่แต่กับเรื่องของผู้ชายคนนั้น และชื่อชรัณ ตั้งแต่ที่ไปผมหาพี่โรสเมื่อสามวันก่อนจนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่สามารถที่จะหยุดคิดหรือให้คำตอบอะไรกับตัวเองไม่ได้เลย

     “กูโอเค พอดีช่วงนี้ไอ้เจ็ดสีมันใช้งานกูหนักไปหน่อย” ผมฉีกยิ้มและพูดอย่างติดตลกให้เพื่อน ๆ จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงผม แต่ดูท่าทางยัยเจ็ดสีคงจะไม่ค่อยตลกด้วยยัยนั่นหันมามองผมตาเขียวเชียว

     “กูขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมา”



     ผมลุกออกจากโต๊ะของกลุ่มเพื่อน เมื่อหันมองไปอีกมุมหนึ่งของร้านผมก็ถึงกับต้องส่ายหัวอย่างหน่ายใจกับสิ่งที่เห็น นั่นนายนะโมเขาคิดว่าตัวเองอยู่หน้าร้านยาดองหรือยังไงกันนั่น ท่าเต้นแบบนั้นนี่เป็นโชคดีของนายนั่นที่นอกจากผมแล้วไม่มีใครมองเห็น ท่าเต้นของนายนะโมถ้าขืนให้ใครเห็นแล้วละก็เกรงว่านายนั่นอาจจะได้ของฝากเป็นรอยเท้าติดตัวกลับบ้านไปหลายรอย อะไรมันจะสนุกขนาดนั้น

     ใช่ ตอนนี้นายนะโมกลับมาเป็นปกติดีแล้ว สามารถปรากฏตัวให้ผมเห็นได้ และพูดคุยสื่อสารกับผมได้ตรง ๆ โดยไม่ต้องผ่านร่างเจ้าหมียักษ์ แต่นายนั่นก็ยังยึดเอาเจ้าหมียักษ์เป็นบ้านพักอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะเวลาที่คิดจะมาถูกเนื้อต้องตัวผม เฮ้อ


     “นี่แกเดินประสาอะไรของแกดูสิ เสื้อผ้าฉันเลอะหมดแล้ว” เสียงตลวดแว้ดของยิ่งสาวคนนั้นดังขึ้น หลังจากที่ผมถูกหญิงสาวเจ้าของเสียงนั้นที่อยู่อาการมึนเมาเซถลาเข้ามาชนผมเข้าให้เต็ม ๆ จนเครื่องดื่มจากแก้วในมือของเธอหกเลอะเทอะชุดสวย ๆ ของเธอ เธอต่อว่าผมทั้ง ๆ ที่เธอเองที่เป็นฝ่ายเซถลาเกือบจะล้มจนมาชนผมเองแท้ ๆ จริง ๆ แล้วเป็นอาจจะเป็นโชคดีของเธอเสียอีกเพราะถ้าไม่ล้มมาชนผม ป่านนี้เธออาจจะได้หัวฟาดพื้นไปแล้วก็ได้

     “เอ่อ ผมขอโทษครับ” ผมยอมเป็นฝ่ายที่รีบกล่าวคำขอโทษ เพราะไม่อยากที่จะต่อความยาวกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

     “ขอโทษเหรอ แค่ขอโทษมันหายไหม รู้ไหมเสื้อผ้าของฉันราคาเท่าไหร่แกมีปัญญาชดใช้ได้แค่คำขอโทษเท่านั้นเหรอ” ดูท่าแล้วคำขอโทษของผมคงไม่ได้ทำให้พอใจสักเท่าไหร่


     “จริง ๆ แล้วแม้แต่คำขอโทษเธอก็ไม่ควรได้ เพราะที่ฉันเห็นเธอเป็นฝ่ายที่เมาจนมาชนเพื่อนฉันเอง” คงต้องขอบคุณยัยเจ็ดสีที่เข้ามาช่วยผมได้ทันเวลา เพราะถ้าจะให้ผมยืนโต้เถียงกับผู้หญิงผมก็คงทำตัวไม่ค่อยถูก

     ผมเองก็พยายามที่ปรามยัยเจ็ดสีด้วยเพราะกลัวเรื่องมันยืดเยื้อและไม่จบง่าย ๆ เพราะยัยนี่ขึ้นชื่อเรื่องความรักเพื่อน ถ้าเห็นเพื่อนโดนเอาเปรียบหรือโดนรังแกยัยเจ็ดสีพร้อมลุยเสมอ โดยเฉพาะกับคู่กรณีที่เป็นผู้หญิงแบบนี้

     ยัยเจ็ดสีกับผู้หญิงคนนั้นเถียงกันอยู่ครู่ใหญ่แบบไม่มีใครยอมใครชนิดที่ไม่มีใครสนใจคำห้ามปรามของผมที่เป็นคู่กรณีตัวจริง ดูท่าแล้วตอนนี้ทั้งสองฝ่ายคงอยู่ในจุดที่อารมณ์เดือดกันแล้วทั้งคู่ จนกระทั่งมีผู้ชายอีกที่ผมคาดว่าน่าจะรู้จักกับหญิงสาวคู่กรณีของผมเดินเข้ามาห้ามทัพ

     “มีเรื่องอะไรเหรอครับช่อฟ้า”

     “เต้คะ ช่วยช่อด้วย ไอ้สองคนนี้มันหาเรื่องช่อแล้วก็รุมรังแกช่อด้วย เต้ต้องจัดการให้ช่อนะ” นี่ผมฟังผิดไปหรือเปล่าผมกับยัยเจ็ดสีน่ะหรือที่ไปหาเรื่องเธอ มีแต่เธอเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายมาหาเรื่องพวกผมเอง หญิงสาวคนนั้นกระโดดเข้าไปออเซาะชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาแล้วตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ

     “เฮ้ย พวกมึงรังแกเมียกูเหรอ” ผู้ชายคนนั้นเดินดุ่มตรงเข้าหาผมกับยัยเจ็ดสีท่าทางเอาเรื่อง ผมยกแขนขึ้นกันยัยเจ็ดสีจากผู้ชายคนนั้น ผมรู้ว่ายัยนั่นไม่กลัวแต่ถึงจะแก่นจะห้าวยังไงยัยนั่นก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่ดีนั่นแหละผมไม่ปล่อยให้ยัยเจ็ดสีโดนผู้ชายคนนั้นรังแกหรอก

     “มีปัญหาอะไรกันให้ผมช่วยเคลียร์ได้นะครับ ผมเป็นตำรวจ” บัตรตำรวจของโก้ดูเหมือนจะช่วยยุติเรื่องราวที่ตอนแรกดูมีทีท่าว่าจะบานปลายให้จบลงได้ และยังมีปอนด์และเขมที่เข้ามาสมทบด้วย ผู้ชายคนนั้นชะงัก ก่อนจะคาดโทษผมด้วยประโยคที่ว่าฝากไว้ก่อน ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายที่ล่าถอยไปเองโดยที่แฟนสาวของเขาตามไปอย่างดูจะไม่ค่อยพอใจนัก

     เฮ้อ ผู้หญิงอะไรหน้าตาออกจะสะสวย ทำไมถึงได้มีนิสัยแย่แบบนี้นะ




☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎



     ถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วก็ยังเซ็งไม่หาย ยัยเจ็ดสีเองก็ยังบ่นถึงเรื่องนั้นในไลน์กลุ่มเกือบถึงเช้า ในตอนเช้าของวันถัดมาผมก็มาทำงานที่ร้านตามปกติ แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเดินเข้าร้านผมก็ต้องชะงักไปเสียก่อน เพราะความรู้สึกเหมือนว่าจะมีของเหลวที่เหนียว ๆ อุ่น ๆ ที่มีใครบางคนเอามาป้ายที่ต้นคอผม ใครกันนะมาแกล้งผมแต่เช้า

     ผมหันหลังกลับไปมองยังต้นเหตุ และผมก็ได้พบกลับเจ้าไกด์ที่กำลังยืนยิ้มหวานอ้าแขนรอประหนึ่งกำลังจะมีใครบางคนเข้าไปกอดตัวเอง

     “ไอ้ไกด์แกเอาอะไรมาป้ายฉัน”

     “อ้าว ทำไมพี่ชลไม่หลงรักผมล่ะ” เจ้าไกด์หน้าเสียไปหลังที่จากที่ถูกผมว่าให้อย่างหัวร้อน แค่เห็นหน้าไอ้เด็กนี่ผมก็หงุดหงิดแล้วยังจะมาเล่นอะไรไม่รู้เรื่องอีก

     “แล้วทำไมฉันจะต้องไปหลงรักแก”

     “ก็พี่ชลโดนผมป้ายน้ำมันพรายไปแล้วนี่ พี่ชลก็ต้องหลงรักผมสิ” หา! เมื่อครู่มันพูดว่ายังไงนะ ไอ้น้ำเหนียว ๆ ที่มันเอามาป้ายผมเมื่อสักครู่คือน้ำมันพรายอย่างนั้นหรือ ไอ้เด็กเวร!

     “ไอ้ไกด์ มึงยังกล้ามาที่นี่อีกเหรอ มานี่เลยมึง” ยังไม่ได้ทันที่ผมได้จะอ้าปากเพื่อพ่นคำที่ไม่น่าจะสุภาพนักใส่เจ้าไกด์ พัตเตอร์ก็โผล่พรวดออกมาจากร้านมาล็อคคอเจ้าไกด์แล้วฉุดกระชากลากดึงกันไปหลังร้านอีกตามเคย  เฮ้อ ไอ้เด็กพวกนี้นี่เล่นอะไรกันไม่รู้เรื่อง เคลียร์กันเองก็แล้วกันนะผมคงจะยุติความบาดหมางของเจ้าเพื่อนรักเพื่อนร้ายสองคนนี้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะผมเคยพูดเรื่องนี้กับพัตเตอร์ไปแล้วว่าไม่อยากให้มีปัญหากัน แต่เจ้าเด็กนั่นก็ยังยืนกรานว่าจะไม่ขอญาติดีกับอดีตเพื่อนรักอย่างเจ้าไกด์อีกแล้ว




☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎



     หลังจากที่หายไปหลังร้านกันพักใหญ่เจ้าเด็กสองคนนั้นก็กลับมาพร้อมกับรอยฟกช้ำที่หน้ากันอีกตามเคย เฮ้อ สรุปแล้วก็คือว่าเจ้าไกด์ไปโดนพวกสิบแปดมงกุฎหลอกขายน้ำมันพรายของเก๊มา ก็เลยเอามาทดลองใช้กับผม เจ้าเด็กไกด์นี่มันชักจะน่ากลัวขึ้นทุกวันคราวก่อนก็บุกเอาดอกไม้มาให้ผมถึงหน้าร้านคราวนี้เจ้าเด็กนั่นถึงขั้นจะเล่นของ นี่เจ้าไกด์มันเห็นว่าผมสวยเหมือนมารีญาหรือยังไงกันนะ



     ในช่วงบ่ายของวัน วันนี้พัตเตอร์มีเรียนช่วงบ่ายมาช่วยงานที่ร้านได้แค่ช่วงเช้า บางทีผมกว่ารู้สึกเจ้าเด็กนี่ก็ขยันเกินไปมีเวลาว่างก็น่าจะพักผ่อนบ้าง เรียนก็หนักแล้วยังมาช่วยงานที่ร้านเกือบจะทุกวัน เดี๋ยวคนอื่นเขาก็หาว่าผมกดขี่ใช้แรงงานเด็ก ส่วนเจ้าไกด์นั่นผมไล่เปิงกลับไปตั้งแต่รู้เรื่องน้ำมันพรายกำมะลอแล้ว

     ตอนนี้ผมเองก็กำลังง่วนอยู่กับการเกลี่ยสีและปรับแสงภาพพรีเวดดิ้งของลูกค้า ส่วนเจสซี่ก็กำลังพูดคุยอยู่กับลูกค้าคู่หนึ่งเป็นคู่รักที่มาใช้บริการสรรค์สร้างงานแต่งงานในฝันแบบครบวงจรของร้านเรา เห็นว่าสองคนนั้นรู้จักกับไอ้เขมเพื่อนผมก็เลยแนะนำมา ดู ๆ แล้วทุกอย่างมันก็ดูราวกับดำเนินจะไปอย่างเป็นปกติด้วยดีไม่ได้มีอะไรผิดแผกไปจากทุก ๆ วัน แต่ทว่าในสิ่งผมพอจะรู้สึกได้นั้น ทุกอย่างในวันนี้ของผมมันเริ่มที่จะไม่ปกติตั้งแต่ที่คู่รักคู่นั้นก้าวเท้าเข้ามาในร้านนี้แล้ว

     ในสายตาของคนทั่ว ๆ ไปแล้วคู่รักคู่นั้นก็คงจะเป็นคู่รักที่กำลังหวานชื่นตามแบบฉบับของชายหญิงที่กำลังจะเข้าประตูวิวาห์ไม่มีสิ่งที่ดูแตกต่างจากคู่รักทั่ว ๆ ไป  คงจะมีเพียงแค่ผมเท่านั้นที่รู้สึกได้ถึงความไม่ปกติของเขาทั้งคู่ ละอองควันดำสีจาง ๆ ที่ลอยคละคลุ้งอยู่รอบ ๆ ตัวของฝ่ายชายนั่นคือสิ่งผิดปกติสิ่งแรกที่ผมเริ่มที่จะสัมผัสได้ และคงจะมีผมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มองเห็นมัน

     นอกจากละอองควันนั่นแล้วความรู้สึกกระอักกระอ่วนที่เข้าจู่โจมผมก็เป็นอีกความผิดปกติที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่สองคนนั้นเข้ามา ผมทั้งรู้สึกเหมือนกับว่าจะหายใจไม่ทั่วท้อง วิงเวียนศีรษะ รวมไปถึงมีอาการพะอืดพะอมอยากจะอาเจียน ราวกับว่าในห้องนี้มันอบอวนไปด้วยอากาศที่เป็นพิษอย่างไรอย่างนั้น อาการผิดปกติในร่างกายเหล่านั้นมันเริ่มที่จะเล่นงานผมหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนท้ายที่สุดผมก็ไม่อาจจะทานทนนั่งอยู่ในห้องนั้นอีกต่อไป



     ผมยืนหอบหายใจอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำอย่างหมดเรี่ยวแรงหลังจากที่เพิ่งสำรอกเอาของที่ทานออกมาชุดใหญ่ชนิดที่เรียกได้ว่าแทบจะหมดไส้หมดพุง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันนะ

     “อาเจียนขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าชลท้อง” ผมหันมองตาขวางใส่นายแจ็คเก็ตแดงที่อยู่ ๆ ก็โผล่มาทำหน้าตาตื่นพร้อมพูดประโยคที่ชวนให้โมโหแบบเมื่อครู่นี้ออกมา นายนั่นคิดว่าผมมีมดลูกหรือยังไง หลังจากที่เจอสายตาพิฆาตของผมไป นายนะโมก็ได้แต่ยิ้มแหย ๆ และหัวเราะแห้ง ๆ ทำตลกกลบกลืน

     “อย่าอารมณ์เสียสิ ผมก็แค่เล่นมุกไม่อยากให้ชลเครียด ผมรู้นะว่าชลกำลังเครียดเรื่องผมแถมยังคิดมากเรื่องสองคนข้างนอกนั่นอีกใช่ไหมล่ะ”

     “นายรู้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั้น”

     “ผมคิดว่าผมรู้แต่ผมไม่บอกชลหรอก ขืนผมบอกไปชลก็ต้องไปดิ้นรนหาทางช่วยเขาจนตัวเองต้องเดือดร้อนอีก เรื่องนี้มันอันตรายเกินไป การไม่รู้ไม่เห็นมันน่าจะปลอดภัยกับตัวชลที่สุด” นายนะโมพูดเพียงเท่านั้น นายนั้นก็หายวับไปต่อหน้าต่อผมหลังจากพูดจบ ราวกับรู้ตัวว่ากำลังจะต้องถูกผมคาดครั้น ได้ยังไงกันมาทิ้งปริศนาไว้แล้วก็หนีไป อย่างนี้ผมก็ยิ่งอยากรู้น่ะสิ


     และผมต้องหัวเสียอีกครั้งเมื่อพบว่าผมไม่สามารถที่จะเปิดประตูห้องน้ำได้ ไม่ว่าจะพยายามออกแรงเท่าไหร่ผมก็ไม่สามารถที่จะเปิดมันออกได้ ทั้ง ๆ ที่ลูกบิดมันก็ไม่ได้ถูกล็อค แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันราวกับมีคนฉุดรั้งประตูอีกฝั่งต้านแรงผมไว้อย่างไรอย่างนั้น

     “ฝีมือนายใช่ไหมนะโม” ผมเริ่มที่จะโวยวายใส่นายคนที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นตัวการ

     “ชลอยู่ในนี้นั่นแหละดีแล้ว ไว้ให้สองคนนั้นกลับไปก่อนชลค่อยออกมาก็แล้วกันนะ” โผล่มาแค่เสียงก็ยังน่าโมโห นายนั่นคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์อะไรถึงจะมาขังผมไว้แบบนี้ได้

     “ได้ ถ้านายไม่ปล่อยฉันออกไปละก็ฉันจะอธิษฐานถึงท่านผู้ดูแลที่นี่ให้ไล่นายออกไป”

     แกร๊ก

     ในที่สุดก็สามารถเปิดประตูออกมาได้อย่างง่ายดาย นายนั่นคิดว่าหรือจะสามารถเอาชนะผมได้ ฝันไปเถอะ ผมผายมือและยกไหล่ยกผู้มีชัยใส่นายนะโมที่กำลังยืนหน้ามุ่ยอยู่หน้าประตูห้องน้ำ ผมเข้าใจว่านายนั่นหวังดีกับผม แต่การที่จะมากันผมไม่ให้พบสองคนนั้นอีกในวันนี้มันจะมีประโยชน์อะไร เพราะถึงยังไงผมก็ต้องทำงานให้กับพวกเขาและก็ต้องเจอพวกเขาอีกอย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว



     ผมตั้งสติให้มั่นและสูดลมหายใจเข้าอย่างเต็มปอดก่อนที่จะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน แต่บางทีถ้าผมรู้ล่วงหน้าว่าการกลับมาที่ห้องนี้แล้วจะต้องพบเจอกับอะไรผมอาจจะยอมปล่อยให้นายนะโมขังผมเอาไว้ในห้องน้ำก็ได้
หญิงสาวท้องโตที่ยืนอยู่ด้านหลังชายหญิงคู่นั้นทำเอาผมถึงตาค้าง ร่างกายของเธอไหม้เกรียมทั้งตัวจนมีเขม่าควันลอยคละคลุ้งออกมาจากตัวเธอ เลือดที่ไหลออกมาจากภายในร่างกายอาบเต็มสองขาของเธอและเจิ่งนองอยู่เต็มพื้นราวกับคนกำลังตกเลือด  และที่น่าสยดสยองไปกว่านั้นก็ตรงที่หน้าท้องกลมโตของเธอนั้นมีศีรษะของเด็กทารกที่โชกไปด้วยเลือดผลุดทะลุออกมาจากหน้าท้องของผู้เป็นแม่และส่งเสียงร้องไห้งอแงเสียงดังสนั่น

     ดูเหมือนกับว่าเธอคงจะรู้ตัวแล้วว่ามีคนที่กำลังมองเห็นตัวเธอ เมื่อเธอค่อย ๆ หันมองมาทางผมอย่างช้า ๆ ช้าพอ ๆ กับจังหวะการหายใจของผมในวินาทีนั้นที่เรียกได้ว่าแทบจะหยุดหายใจ ดวงตาที่แดงก่ำที่แฝงไปด้วยความเจ็บแค้นที่มีอยู่เปี่ยมล้น มันคงจะเป็นภาพติดตาที่ผมคงจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต






TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2017 16:52:16 โดย ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ว๊ากกกก น่ากลัวมากๆ อ่านแล้วนึกภาพตาม ชลจะช่วยเขาได้อีกหรือเปล่านะ
 :ling3:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ตอนนี้เข้มข้นมาก
ผีท่าทางจะดุ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Nekosama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รอบนี้ไม่ควรยุ่งด้วยจริงๆ ผีตายทั้งกลมโคตรอภิมหาเฮี้ยนมาก แรงแค้นสุดยอดการันตีโดยนาซ่า ถ้าเข้าไปยุ่งมีหวังนะโมได้ตายจริงๆแน่...

ออฟไลน์ tardirus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบเรื่องนี้อ่ะ ฟิลคล้ายๆ xxxholic
เป็นกำลังใจให้คนแต่งเน้อออ :call:

ออฟไลน์ ตำไทยใส่พริกสิบเม็ด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-8
ตอนที่ 15 ตายทั้งกลม



     “ผมรู้นะว่าคุณยังอยู่แถวนี้ ออกมาคุยกันดี ๆ เถอะ” ผมตัดสินที่จะเรียกหาเธอ ทั้งที่จริง ๆ แล้วผมเองก็ยังรู้สึกกลัวเธออยู่มาก วิญญาณของผู้หญิงตายทั้งกลมคนนั้น จนถึงตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกได้ถึงพลังงานจากแรงอาฆาตของเธอที่ยังคงคุกรุ่นอยู่แถว ๆ นี้

     ขณะนี้เป็นเวลาสามทุ่มตรง เจสซี่และคนอื่น ๆ ในร้านได้แยกย้ายกันกลับบ้านไปหมดแล้ว มีแค่ผมที่ยังอยู่ที่นี่โดยอ้างเหตุผลกับทุกคนว่าจะขออยู่เคลียร์งานให้เสร็จ และอาสาจะเป็นคนปิดร้านเอง แต่จริง ๆ แล้วผมตั้งใจจะอยู่เพื่อสื่อสารกับเธอต่างหาก เพราะแรงอาฆาตของเธอนั้นมันรุนแรงเหลือเกิน สภาพของเธอที่ผมเห็นเมื่อตอนกลางวัน ไม่ต้องบอกผมก็รู้ว่าเธอคงจะต้องทุกข์ทรมานมากเป็นแน่ และหากผมปล่อยให้เธอทำร้ายคู่รักคู่นั้น ก็เท่ากับว่าผมปล่อยให้เธอสร้างกรรมเพิ่ม และวิญญาณของเธอคงจะต้องทุกข์ทรมานหนักขึ้นไปอีกแน่ ๆ

     แม้ว่าผมจะเปิดไฟทั่วทั้งร้านจนสว่างโร่ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันช่วยให้ความวิเวกวังเวงของบรรยากาศที่นี่ในตอนนี้ลดน้อยลงสักเท่าไหร่ แม้ว่าผมจะไม่ได้เปิดแอร์ในร้านแต่ผมก็ยังรู้สึกได้ว่ารอบ ๆ ตัวผมนั้นอากาศมันช่างเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจจนผมขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ผมรู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบ ๆ ตัวผมในตอนนี้มันถูกปกคลุมไปด้วยความเศร้าและความหดหู่ที่ผมเองก็อธิบายไม่ถูก จนมันทำให้ผมรู้สึกอึดอัด กระอักกระอ่วน และอยากจะร้องไห้ขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ

     “ชลนี่จริง ๆ เลยนะ ผมบอกชลแล้วไงว่าอย่าเข้ามายุ่งเรื่อง มันอันตรายเกินไป ทำไมถึงไม่ฟังกันบ้างเลย” เป็นนะโมที่ปรากฎตัวขึ้นมาข้าง ๆ ผม สีหน้าของเขาดูทั้งร้อนใจและหน่ายใจไปในเวลาเดียวกัน คงเป็นเพราะผมไม่ยอมฟังคำเตือนของเขาและยังดึงดันที่จะสื่อสารกับวิญญาณของเธอคนนั้นให้ได้

     “ฉันเข้าใจนะนะโม ว่านายเป็นห่วงฉัน แต่นายจะให้ฉันปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นไปทำร้ายคนอย่างนั้นเหรอ ฉันทำไม่ได้หรอก และที่สำคัญถ้ามีนายอยู่ข้าง ๆ ฉันก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น” ผมยิ้มอ่อน ๆ ให้นะโมแทนคำที่ว่าผมชื่อมั่นในตัวเขา และก็ขอให้เขาเชื่อมั่นในตัวผม ว่าผมจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้

     “เฮ้อ ผมพร้อมที่จะปกป้องชลด้วยชีวิต แต่ผมกลัว กลัวว่าต่อให้ผมแรกด้วยชีวิตแล้วก็ยังปกป้องชลไม่ได้” นายนะโมถอนหายใจอย่างหน่าย ๆ เฮือกใหญ่ สีหน้าของเขาดูเป็นกังวลเอามาก ๆ ผมเองก็พอจะเคยได้ยินมาอยู่บ้างว่าผีตายทั้งกลมนั้นน่ากลัวว่าผีใด ๆ ที่ผมเคยเจอมาทั้งสิ้น โดยเฉพาะเป็นผีตายทั้งกลมที่มีแรงอาฆาตสูงเช่นเธอคงนั้น


     เธอมาแล้ว!


     หัวใจของผมแทบจะหล่งร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อความรู้สึกนั้นพุ่งเข้ามาปะทะตัวผม ความรู้สึกที่บอกกับผมว่าเธอกำลังใกล้เข้ามา หลอดไฟทั่วทั้งร้านพร้อมใจกันกระพริบติด ๆ ดับ ๆ น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกส่งเสียงหัวเราะอันโหยหวนลอยมาตามลม เสียงนั่นมันช่างหลอนโสตประสาทจนชวนให้ขนหัวลุกเสียจริง ๆ

     “อ๊า ฮ่า ฮ่า ฮ่า มีอะไรจะพูดกับฉันก็ว่ามา”

     ผมหันมองไปทุกทิศรอบตัวอย่างอยู่ไม่สุขและหวาดระแวง ผมไม่รู้เลยว่าตอนนี้เธออยู่ตรงจุดไหนกันแน่ เพราะผมมองไม่เห็นเธอเลย มีเพียงน้ำเสียงอันน่าสะพรึงกลัวของเธอเท่านั้นที่เป็นสิ่งยืนยันว่าเธออยู่ที่นี่จริง ๆ

     “ชลตั้งสติ” นายนะโมสีหน้าเคร่งเครียดพยายามเตือนสติผมที่กำลังจะสติหลุดไปอยู่แล้วในตอนนั้น ผมยอมรับว่าตอนนั้นผมกลัวเธอมาก เมื่อตอนที่เธอมาจริง ๆ ผมรู้สึกกลัวเธอยิ่งกว่าที่ผมคิดเอาไว้เสียอีก แม้จะมาเธอให้ผมสัมผัสได้เพียงแค่เสียง แต่นั่นก็เป็นเสียงที่น่ากลัวจับขั้วหัวใจเหลือเกิน ผมพยายามที่จะควบคุมสติตัวเองให้อยู่ก่อนจะเริ่มพูดคุยสื่อสารกับเธอ

     “ผมไม่รู้หรอกนะว่าผู้ชายคนนั้นเขาทำอะไรให้คุณเจ็บช้ำ แต่คุณอโหสิกรรมให้เขาเถอะนะ อย่าสร้างบาปให้ตัวเองเลย” ผมพูดออกมาทั้งเสียงสั่นอย่างเกินจะควบคุมได้ สองตาของมองยังไม่หยุดที่จะสอดส่ายมองรอบ ๆ ตัวอย่างห้ามไม่ได้ ตอนนี้ผมแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว เพราะความหวาดระแวงไปหมดทุกสิ่งอย่าง อย่างน้อยเธอถ้าปรากฏตัวออกมามันอาจจะพอช่วยให้อาการหวาดระแวงขั้นรุนแรงของผมนั้นทุเลาลงได้ ถ้าผมได้พูดคุยกับเธอแบบเห็นหน้ากันชัด ๆ มันก็คงจะดีกว่าการพยายามสื่อสารกับเธอแบบไม่รู้ทิศรู้ทางเช่นนี้

     ผมต้องเสียวสันหลังวาบเมื่อมีเสียงแปลก ๆ นั้นลอยปะทะหูของผม มันเป็นเสียงฝีเท้าของบุคคลปริศนาที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ผมจากทางด้านหลังนั้น ผมหันขวับไปมองอย่างทันควัน แต่แล้วผมก็พบเพียงความว่างเปล่า

     “เฮ้ย!!!” หัวใจผมเกือบวายเมื่อผมหันหน้ากลับมาทางเดิมและพบว่าในเวลานี้เธอกำลังอยู่ตรงหน้าผมชนิดที่ห่างกันแค่ไม่ถึงคืบ

     ผมตกใจจนเข่าอ่อนและล้มทรุดลงกับพื้น สภาพร่างกายของเธอที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้ ไม่ใช่สภาพที่ไหม้เกรียมน่าสยดสยองเหมือนครั้งที่ผมเห็นเธอเมื่อตอนหน้าบ่าย ในตอนนี้เธอปรากฏกายในสภาพที่ไม่ได้ดูต่างแตกไปจากมนุษย์ปกติ เธอมีหน้าตาที่สะสวย เธอสวมเสื้อผ้าสีขาวทั้งตัวและกำลังอุ้มเด็กทารกตัวน้อย ๆ อยู่ในอ้อมแขน แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังรู้สึกว่าเธอยังคงน่ากลัวมาก ๆ อยู่ดี เพราะรัศมีจากแรงอาฆาตที่ปกคลุมอยู่รอบ ๆ ตัวเธอนั้นมันช่างรุนแรงเหลือเกิน

     “อย่าทำอะไรชลนะ” นายนะโมกระโดดเอาตัวเองเข้ามาขวางกั้นระหว่างผมกับผู้หญิงคนนั้น นายนั่นพยายามที่จะกันเธอไม่ให้เข้าใกล้ผมได้

     “ถ้าฉันคิดจะทำอะไรเขาฉันทำไปนานแล้ว เขาอยากจะคุยกับฉันไม่ใช่เหรอ ฉันก็มาแล้วนี่ไง แล้วจะกลัวฉันทำไมล่ะ” น้ำเสียงที่เย็นและก้องกังวาลของเธอแม้แต่เวลาพูดแบบปกติก็ยังฟังดูหลอนจนคนที่ได้ยินอย่างผมแทบจะน้ำตาเล็ด

     “หลีกไปเถอะนะโม เขาไม่ทำอะไรฉันหรอก” ผมว่าพลางดันตัวลุกขึ้นจากพื้น แม้จริง ๆ แล้วผมจะยังรู้สึกกลัวเธออยู่มาก แต่ผมก็เลือกที่จะพยายามแสดงท่าทางให้เสมือนว่าผมโอเคเพื่อให้นายนะโมสบายใจ แต่มันก็อาจจะจริงที่เธอว่านั่นแหละ ถ้าเธอคิดที่จะทำร้ายผมเธอคงทำไปนานแล้ว พอคิดได้อย่างนั้นก็พอจะเบาใจลงได้เปราะหนึ่ง

     ทีแรกนายนะโมก็ทำท่าเหมือนจะไม่ยอมหลีกไปง่าย ๆ แต่เพราะผมยังยืนยันในคำพูดของตัวเองอย่างชัดเจนผ่านทางการแสดงสีหน้า นายนั่นจึงยอมหลีกออกไปอย่างดูไม่ได้เต็มใจนักเพื่อให้ผมได้เผชิญหน้ากับเธอ

     “คุณคิดว่าฉันจะทำร้ายศักดิ์อย่างนั้นเหรอ ไม่มีทาง ฉันไม่มีทางทำร้ายผู้ชายที่ฉันรักหมดหัวใจ นังนั่งต่างหากที่สมควรตาย” เมื่อพูดถึงผู้หญิงที่ทำให้เจ็บแค้นเธอกดย้ำเน้นในน้ำเสียงอย่างชัดถ้อยชัดคำเพื่อให้รู้ว่ามันกลั่นออกมาจากความโกรธแค้นที่มีอยู่เต็มปรี่ในจิตใจ

     จริง ๆ แล้วคนที่เธอแค้นไม่ใช่เจ้าบ่าวอย่างที่ผมเข้าใจ แต่เป็นเจ้าสาวหรอกหรือที่เป็นผู้สร้างความพยาบาทที่มีพลังมหาศาลให้กับเธอ

     ดวงตาคู่สวยของเธอที่มีทั้งเจ็บแค้นและความเศร้าแฝงอยู่แววตา ราวกับว่ามีแรงดึงดูดบางอย่างดึงดูดให้ผมจับจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น เมื่อผมได้มองดวงตาคู่นั้นผมก็รู้สึกราวกับแรงดึงดูดนั้นมันยิ่งดึงดูดให้ผมมองเห็นเข้าไปลึกขึ้นเรื่อย ๆ ผมมองเห็นเข้าไปลึกเรื่อย ๆ จนเข้าไปถึงห้วงความทรงจำของเธอ และในที่สุดผมก็ได้เห็นในสิ่งที่เธอเคยพบเจอมา




☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎



     คู่สามีภรรยาคู่หนึ่งที่ชีวิตคู่ดูราบรื่นและมีความสุขดี ทั้งสองกำลังจะมีพยานรักด้วยกัน ผู้เป็นภรรยากำลังตั้งท้องจนใกล้จะถึงกำหนดคลอด และชายผู้เป็นสามีคนนั้นก็คือเจ้าบ่าวที่ผมได้เจอและวันนี้ และยิ่งสาวผู้เป็นภรรยาก็คือเธอ

     ในคืนนั้นผู้เป็นสามีจำใจต้องทิ้งให้ภรรยาที่กำลังท้องแก่อยู่บ้านคนเดียวในยามวิกาล เพราะมีงานสำคัญเร่งด่วนเข้ามาอย่างกะทันหัน ในคราวแรกเขาก็ดึงดันที่จะไม่ไปเพราะเขาเป็นห่วงภรรยาและลูกในท้อง แต่ผู้เป็นภรรยานั้นได้ออกปากยืนยันว่าเธอสามารถอยู่คนเดียวและดูแลตัวเองได้ ให้เขาไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเถิด เพราะเธอเกรงว่าผู้เป็นสามีจะต้องมีปัญหากับที่ทำงาน

     ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า การร่ำลาของเขาทั้งสองในวันนั้น จะเป็นการพูดคุยกันครั้งสุดท้ายในชีวิต

     กลางดึกสะงัดในคืนนั้นบ้านของพวกเขาเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นมาอยากไร้สาเหตุ หญิงสาวท้องแก่ติดอยู่ในกองไฟ เธอพยายามที่จะร้องขอความช่วย แต่ราวกับว่าเสียงของเธอจะส่งไปไม่ถึงผู้คนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงเลยสักนิด ทั้งที่บ้านของเธอก็อยู่ในจุดที่มีคนพลุกพล่านแต่ดูราวกับว่าไม่มีเพื่อนบ้านหรือคนที่สัญจรไปมาคนไหรรับรู้เลยว่าบ้านใกล้เรือนเคียงของพวกเขากำลังเกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ อย่างกับว่าพวกเขากำลังถูกบังตาเอาไว้ด้วยเวทมนต์คาถา

     หญิงสาวและลูกในท้องถูกไฟคลอกเสียชีวิตอย่างน่าอเนจอนาถและน่าเวทนา เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและทรมานก่อนจะสิ้นใจของเธอทำเอาผมถึงกับน้ำตาร่วง เธอช่างน่าสงสารเหลือเกิน

     หลังจากที่เธอสิ้นใจลง ภาพต่อมาที่ผมได้เห็นก่อนที่จะสะดุ้งออกภวังค์คือภาพของผู้หญิงอีกคนที่กำลังยืนหัวเราะร่าอย่างสาสมใจอยู่ที่ไหนสักแห่ง และผู้หญิงคนนั้นก็คือเจ้าสาวที่ผมได้เจอในวันนี้




☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎





     “หลังจากที่ฉันตายมันยังใช้ร่างของฉันเพื่อทำเสน่ห์ให้ผัวฉันไปหลงรักมัน เป็นยังไง ได้เห็นความชั่วช้าของมันแล้วคุณยังจะขอให้ฉันอโหสิกรรมอยู่ไหม”

     ใจผมยังสั่นและยังรู้สึกหายใจได้ไม่ทั่วท้องกับการที่ต้องได้เห็นภาพการตายอันน่าเวทยาของเธอเมื่อครู่ เมื่อได้รู้ความจริงทั้งหมดผมไม่กล้าเลยที่จะเอ่ยปากขอให้เธออโหสิกรรม เพราะผมได้รู้แล้วความแค้นที่ถูกสร้างขึ้นในใจเธอนั้นมันหนักหนาเกินกว่าที่จะให้อภัยได้จริง ๆ ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมนุษย์ถึงกระทำการเลือดเย็นกับมนุษย์ด้วยกันได้ถึงขนาดนี้






_______________________________________________________________________


ตอนนี้ยังไม่จบเดี๋ยวจะกลับต่อพาร์ทที่เหลือในรีพลายถัดไปครับ


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด