ตอนที่ 9 บ้านร้างเก้าศพ 2
ประตูไม้ที่ดูเก่าและทรุดโทรมตามกาลเวลาผมเปิดมันออกพร้อมกับเสียงเอี๊ยดอ๊าดที่ดังก้อวไปทั่วพื้นที่สี่เหลี่ยมด้านใน เพียงก้าวเท้าเข้ามาด้านในได้ไม่กี่ก้าวผมก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเจ้าประตูไม้บานนั้นถูกปิดอย่างแรงจนเสียงดังปัง ผมเองก็ตอบไม่ได้ว่านั่นเป็นเพียงลมพัดธรรมดาหรือเป็นคำกล่าวตอนรับจากเจ้าของสถานที่กันแน่ อากาศด้านในเย็นยะเยือกจนจับขั้วหัวใจ ผมใช้ไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือเป็นแสงไฟส่องนำทางในความมืด ด้านในบ้านเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมกว้างขวางและโล่ง ไร้ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ใด ๆ ประดับ ญาติของอดีตเจ้าของบ้านคงมาขนย้ายไปหมดแล้ว หน้าต่างแทบทุกบานชำรุดและผุพังไปเกือบหมดแล้ว ทุกพื้นที่ปกคลุมไปด้วยกองทัพฝุ่นและหยากไย่ จนผมต้องเอามือปิดจมูกเพราะไม่อาจทานทนต่อกลิ่นฝุ่นและกลิ่นอับที่เขลอะคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณได้
“ไกด์ นายอยู่ในนี้หรือเปล่า” เสียงของผมดังก้องไปในพื้นที่สี่เหลี่ยมโล่ง ๆ แต่ไร้ซึ่งการขานรับจากบุคคลที่ผมกำลังเรียกหา
ตุบ ตุบ ตุบ
ผมหันขวับมองไปตามเสียงที่คล้ายกับเสียงฝีเท้าคนที่กำลังย่ำเท้ารัว ๆ ราวกับกำลังวิ่งหนีอะไรบางสิ่ง ก่อนจะปรากฏร่างหญิงสาวร่างเล็กคนหนึ่ง วิ่งออกมาจากความมืด เสื้อผ้าของเธอขาดวิ่นไปทั้งตัว ผมเผ้าดูกระเซอะเซิง สีหน้าและท่าทางของเธอเหมือนคนกำลังตื่นตระหนกและวาดกลัวขั้นสูงสุด
“พี่ช่วยหนูด้วย พวกมันข่มขืนหนู” เธอวิ่งตรงเข้ามาเกาะแขนผมราวกับกำลังหาที่พึ่ง เธอร้องไห้ฟูมฟายอย่างสิ้นสติสมประดี พลางมองไปรอบ ๆ ราวกับกำลังหวาดกลัวเป็นที่สุด
“ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ มันเกิดอะไรขึ้น ค่อย ๆ เล่าให้ผมฟัง” ถึงเธอจะปรากฏตัวขึ้นในสถานที่ที่น่ากลัว แต่เธอก็ดูเหมือนคนปกติทุกอย่าง ผมเองไม่กล้าฟันธงว่าเธอผู้นี้ยังอยู่ในภพเดียวกับผมหรือไม่ อย่างน้อยก็ลองถามความจากเธอก่อน ถ้าหากเธอเป็นคนจริง ๆ เธอคงกำลังต้องการความช่วยเหลือเป็นอย่างมาก
“หนูกำลังกลับบ้าน แล้วพวกมันก็ฉุดหนูมา พวกมันข่มขืนหนู แล้วพวกมันก็....” เมื่อกล่าวประโยคสุดท้ายเธอเว้นช่วงไปพร้อมอาการร้องไห้ฟูมฟายที่หายไป เหลือเพียงสีหน้าที่เศร้าหมอง และท่าทางที่นิ่งเฉย
“เอามีดปาดคอหนู....” น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกของเธอ ทำเอาสติผมแทบแตกกระเจิง ที่คอของเธอค่อย ๆ ปรากฏรอยแผลคล้ายถูกของมีคมกรีดเป็นทางยาว ก่อนที่เลือดที่แดงสดจะค่อย ๆ ไหลเจิ่งนองออกมาจนย้อมเอาเสื้อสีขาวกลายเป็นสีแดงสดในเวลาชั่วอึดใจ
ดวงตาทั้งสองข้างของเธอค่อย ๆ โปนใหญ่ขึ้น ผิวกายอันเรียบเนียนของเธอเปลี่ยนเป็นสีออกเขียวดูช้ำเลือดช้ำหนอง จากร่างกายที่ผอมเพรียวกลับบวมอืดขึ้นมาทันตา ทั้งหู ตา จมูก และ ปาก เต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนองที่ไหลเยิ้มออกมาอย่างน่าสยดสยอง กลิ่นเหม็นเน่าขั้นรุนแรงลอยมาเตะจมูกผมจนแทบอาเจียน มือที่เหนอะหนะของเธอยังคงจับแขนผมเอาไว้ ตัวผมสั่นไปหมด ภาพตรงหน้าทำเอาผมหัวใจแทบจะหยุดเต้น แต่ก็ต้องพยายามข่มอารมณ์เอาไว้
“กว่าจะมีคนมาเจอศพหนู สภาพก็เป็นแบบนี้แล้วอ่ะพี่”
“ปล่อยชลเดี๋ยวนี้นะ” นายนะโมเดินตรงเข้าหาผู้หญิงคนท่าทางพร้อมเอาเรื่อง จนผมต้องรีบร้องห้ามไว้
“คุณอาจจะเคยทำแบบนี้กับคนที่เข้ามาลองของที่นี่แล้วทำให้คนพวกนั้นกลัวคุณได้ แต่มันไม่ได้ผลกับผม เพราะผมไม่กลัวคุณหรอก” ผู้หญิงคนนั้นเธอชะงักไปเมื่อสิ้นคำพูดของผม
“คุณไปเถอะอย่าเบียดเบียนกันเลย ผมไม่ได้มาลบหลู่คุณ ผมแค่ตามหาน้องชาย ผมรู้ว่าคุณทรมาน แล้วผมจะอุทิศส่วนกุศลให้คุณนะ อย่างน้อยมันก็อาจจะช่วยให้คุณหลุดพ้นจากที่นี่ได้เร็วขึ้น”
“หนูยังหลุดพ้นไม่ได้หรอกพี่ ตราบใดที่ไอ้พวกคนเลวที่มันทำกับหนูยังไม่ได้รับกรรมอย่างสาสม วิญญาณของหนูก็ยังจะต้องวนเวียนอยู่อย่างนี้เพื่อรอวันแก้แค้น พี่จะอุทิศส่วนกุศลให้หนูจริง ๆ นะ ตั้งแต่แม่หนูตายก็ไม่มีใครทำบุญให้หนูเลย ” ผมพยักหน้ารับคำเธอ น้ำตาเธอไหลพรากอาบเต็มสองแก้ม รูปลักษณ์ที่น่าสยดสยองของเธอกลับกลายเปลี่ยนเป็นสาวสวยอย่างที่ผมได้พบเธอในคราวแรก ผมมองเธออย่างเวทนาในชะตากรรมที่เธอต้องพบเจอ เธอไม่ควรต้องมาพบจุดจบที่น่าสลดใจด้วยน้ำมือพวกเดนนรกเช่นนี้
บ่วงแค้นคือที่สิ่งที่พันธนาการวิญญาณเธอเอาไว้ ทำให้เธอยังไม่สามารถไปสู่สุขคติในสัมปรายภพได้ ผมไม่กล้าที่จะขอให้เธอปล่อยวางหรือให้อภัยได้ เพราะผมเข้าใจดีว่าสิ่งที่เธอต้องพบเจอมันหนักหนาจนไม่ว่าใครก็ไม่สามารถให้อภัยผู้ที่กระทำได้ ผมได้แต่ภาวนาไม่ว่าบุญกุศลที่ผมเคยทำมาผมขออุทิศให้แด่เธอ และได้เพียงหวังว่าสักวันหนึ่งดวงวิญญาณของเธอจะได้พบกับความสงบสุขอย่างแท้จริง
“น้องชายพี่อยู่ข้างบน พี่รีบขึ้นไปช่วยเขาเถอะ ก่อนที่จะไม่ทันกาล” นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เธอบอกกล่าวกับผมก่อนที่ร่างของเธอจะจางหายไปกับความมืด
ผมยกมือขึ้นทาบอกสัมผัสกับหัวใจที่เต้นรัวจนจับจังหวะไม่ได้ ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใจอย่างโล่งใจ ที่พูดว่าไม่กลัวเมื่อครู่ แท้จริงแล้วผมแค่แสร้งทำเป็นไม่กลัวต่างหาก ถึงจะพบเจอเรื่องแบบนี้มากี่ครั้งแต่การทำใจให้ชินกับยังคงเป็นเรื่องยาก แต่อย่างน้อยผมกับควบคุมสติตัวเองได้ดีขึ้น ผมหันมองไปทางนายนะโม เขากำลังอมยิ้มมองผมอย่างภูมิใจ ก่อนที่เราจะเดินหน้าตรงไปที่บันไดเพื่อจะขึ้นไปตามหาเจ้าเด็กไกด์ที่ชั้นบนตามคำบอกกล่าวของผู้หญิงคนนั้น
ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวขึ้นบันไดผมก็ต้องชะงัก เพราะเสียงแปลก ๆ ที่ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องใต้บันได คล้ายกับเสียงผู้ชายสองคนกำลังพูดคุยกัน เสียงนั้นอื้ออึงจนผมไม่สามารถจับใจความได้ว่าพวกเขาคุยกันเรื่องอะไร แต่ว่าหนึ่งในนั้นอาจจะเป็นเจ้าไกด์ก็ได้ ผมตัดสินใจที่จะเปลี่ยนเป้าหมาย และเดินตรงไปยังห้องเล็ก ๆ ใต้บันไดนั้น
“ชล” ดูเหมือนนายนะโมกำลังจะทักท้วงผม แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะผมเปิดประตูห้องใต้บันไดออกมาแล้ว
ผมสาดแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือเข้าไปในห้องแคบ ๆ นั้น และผมก็ได้พบกับชายฉกรรจ์สองคน พวกเขาดูง่วนกับการก้มหน้าก้มตาทำอะไรบางอย่าง และพวกเขาดูกำลังมีความสุขมาก แต่ที่แน่ ๆ สองคนนั้นไม่ใช่คนที่ผมกำลังตามหา
“เสพด้วยกันไหม” ผมถึงกับผงะ เพราะที่ผมเห็นพวกเขาแค่ครึ่งในคราวแรกพวกเขาก็ดูเหมือนคนปกติ แต่เมื่อพวกเขาหันมาทางผมทำให้ผมได้เห็นพวกเขาแบบเต็มหน้าเต็มตา หน้าอีกซีกหนึ่งของพวกเขาเละราวกับถูกฟาดด้วยของแข็งจนแหลกละเอียด และหนึ่งในยื่นแขนเหยียดยาวราวกับฉากเก็บมะนาวยอดฮิตในภาพยนตร์ไทยตรงมาทางผม ในมือของเขาถืออุปกรณ์เสพยาตามแบบที่ผมเคยเห็นจากภาพข่าว ก่อนที่พวกเขาจะพากันหัวเราะออกมากันอย่างสาแก่ใจ
“รีบไปเถอะชลพวกนี้มันวิญญาณบาปชลคุยกับมันไม่รู้เรื่องหรอก” ผมรีบวิ่งออกจากตรงจุดนั้นทันที ตามคำชี้นำของนายนะโม
เหงื่อผมแตกซ่านไปทั้งตัว มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต้องควบคุมสติอารมณ์ กับการที่ต้องเจอเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองแบบนั้นติดต่อกันภายในเวลาไม่กี่นาที ในขณะที่กำลังเดินขึ้นบันได ห้องใต้บันไดนั้นก็ยังมีเสียงตึงตังโครามครามตลอดเวลา
☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎
“ฉันรักเธอมาก แต่ก็ยังกล้ามีชู้ อย่าอยู่เลยนังผู้หญิงแพศยา” เมื่อก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้ายมาหัวใจผมก็ต้องตกไปอยู่ที่ตาตุ่มอีกครั้ง ตรงห้องริมสุดที่ประตูถูกเปิดทิ้งเอาไว้ ด้านในเกิดภาพเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจอ ชายวัยกลางคนกำลังบีบคอผู้หญิงอีกคน เขาจับเธอกดลงบนเตียงนอน ก่อนที่เขาจะคว้ามีดปลายแหลมมาจ้วงแทงไปตามเนื้อตัวเธอซ้ำ ๆ อย่างนับครั้งไม่ถ้วน ผู้หญิงคนนั้นเธอกรีดร้องและดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดและทรมาน ก่อนที่เจอจะสิ้นใจไปอย่างช้า ๆ แม้ร่างของเธอจะแน่นิ่งไปครู่ใหญ่แล้ว แต่ชายคนนั้นยังไม่หยุดทำร้ายร่างอันวิญญาณของเธอด้วยมีดเล่มนั้น เลือดสีแดงฉานของเธอไหลนองจนเปียกโชกผ้าปูที่นอนและสาดกระเซ็นไม่โดนร่างกายของชายผู้กระทำ จนทั้งตัวของเขาโชกไปด้วยเลือดของผู้หญิงที่คาดว่าน่าจะเป็นภรรยาตามที่เรื่องที่เล่าลือต่อ ๆ กันมา
เมื่อเขากะซวกร่างของเธอจนสาแก่ใจ ชายคนนั้นร้องไห้ฟูมฟายและล้มตัวลงไปนอนกอดร่างที่ไร้วิญญาณของภรรยา พร้อมทั้งพร่ำพรรณนาถึงความรักที่เขามีต่อภรรยา ก่อนที่เขาจะใช้มีดเล่มเดียวกันปลิดชีพตัวเองตามภรรยาที่เขาทั้งรักทั้งแค้นไป และภาพของพวกเขาก็จางหายไปต่อหน้าต่อตาผม เหลือไว้เพียงคราบเลือดแห้ง ๆ กองใหญ่บนเตียงนอนเก่า ๆ ที่ถูกทิ้งเอาไว้
ผมเห็นภาพเหตุการณ์นั้นตั้งแต่ต้นจนจบ น้ำตาผมไหลพรากของมาอย่างเกินจะควบคุม ภาพเหตุการณ์นั้นมันโหดร้ายเกินกว่าที่ผมจะรับได้ สองขาของผมมันหมดแรงที่จะประครองตัวจนตัวผมทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น ผมร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เพราะไม่อาจทำใจกับภาพเหตุการณ์ที่ต้องพบต้องเห็น
“ชลครับ ชลต้องตั้งสตินะ ยิ่งชลอ่อนแอมันยิ่งเปิดช่องให้พวกเขาเล่นงานชลได้ง่ายขึ้น” นายนะโมย่อตัวนั่งลงข้างผม เขาพยายามจะเตือนสติผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่การจะให้ผมตั้งสติได้ในเวลานี้มันช่างยากเย็นเหลือเกิน
“พี่ครับ ไปเล่นลูกแก้วเป็นเพื่อนหน่อยสิ ผมเหงามากเลยไม่มีใครเล่นเป็นเพื่อนผมเลย” ยังไม่ทันที่ผมจะเรียกสติสตังกลับมาได้ เด็กผู้ชายอายุน่าจะราว ๆ ห้าถึงหกขวบมาจากไหนไม่รู้ อยู่ดี ๆ เด็กคนนั้นก็โผล่มานั่งอยู่ข้างผม เขาเขย่าตัวผมเรียกร้องให้ผมไปเล่นเป็นเพื่อน
“พี่ไปเล่นกับผมหน่อยนะ ผมมีลูกแก้วให้พี่ด้วย” มันคงจะดีถ้าลูกแก้วที่เด็กนั่นพูดถึง มันคือลูกแก้วจริง ๆ ไม่ใช่การที่เด็กนั่นล้วงควักเข้าไปในเบ้าตาซ้ายของตัวเองและหยิบเอาลูกตาในเบ้าออกมาได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้ในเบ้าตาซ้ายของเด็กนั่นกลวงโบ๋ มีแต่เลือดที่ไหล่เอ่อมาอาบเต็มแก้ม ก่อนที่เขายืนมือเอาลูกตาที่โชกไปด้วยเลือดมาให้ผม ภาพนั้นทำเอาการพยายามที่จะตั้งสติของผมถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ
“ไปให้พ้น” นายนะโมตะโกนไล่เด็กคนนั้น
“พี่ไปเล่นกับผมหน่อยนะ พี่ไปเล่นกับผมหน่อยนะ” ดูเหมือนเด็กนั่นจะไม่ได้ใส่ใจฟังนายนะโมเอาเสียเลยเขายังรบเร้าเรียกร้องจะให้ผมไปเล่นเป็นเพื่อนเล่นให้ได้
“บอกให้ไปก็ไปสิวะ” ครั้งนี้นะโมไม่พูดเปล่า แต่นายนั่นกระโดนยันโครม จนร่างของเด็กนั่นกระเด็นไปไกล เด็กนั่นลุกมามองหน้านายนะโมอย่างไม่พอใจนัก ก่อนที่ร่างของเขาจางหายไปกับความมืด
“ชล ชลลืมไปแล้วเหรอว่าว่าชลเข้ามาที่นี่ทำไม ถ้าชลมัวแต่อ่อนแออยู่อย่างนี้ ชลจะไปช่วยใครได้ยังไง ถ้าชลช้าไปแค่เสี้ยววินาทีเจ้าเด็กไกด์อาจจะเหลือแต่วิญญาณก็ได้นะ ผมขอเตือน”
คำพูดเตือนสติของนายนะโมกระแทกเข้ามาในหัวผมอย่างจัง จริงสิตอนนี้เจ้าเด็กไกด์กำลังตกอยู่ในอันตรายนี่นา ผมเข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเจ้าเด็กนั่นแล้วจะผมจะมามัวนั่งร้องไห้อ่อนแออยู่อย่างนี้ได้ยังไง ผมปาดน้ำตาแล้วดันตัวเองลุกขึ้น ตอนนี้ชีวิตของเจ้าเด็กไกด์คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าผมไปช่วยเจ้าเด็กนั่นไม่ทันผมคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ผมหันมองไปทางนายนะโมอย่างต้องการกำลังใจ รอยยิ้มที่ดูเชื่อมั่นในตัวผมของนายนั่นเป็นสิ่งที่เรียกสติและกำลังใจของผมกลับมาได้เป็นอย่างดี
ผมเดินสำรวจมาเกือบจะครบทุกห้องแล้ว แต่ก็ยังไร้เงาของคนที่ผมกำลังตามหา จะเหลือก็แต่ห้องตรงหัวมุมสุดริมทางเดินเป็นห้องสุดท้ายแล้ว ผมไม่รีรอที่จะเปิดประตูบานนั้น ห้องโล่ง ๆ ที่ดูกว้างขวางที่สุดในบรรดาทุกห้องที่ผมสำรวจมา ผมสาดแสงไฟไปทั่วห้องและพยายามมองสำรวจไปรอบ ๆ และนั้น! เจ้าไกด์!
เจ้าเด็กไกด์ที่ดูคล้ายกำลังไม่มีสติมากพอที่จะประครองตัว เด็กนั่นยืนตัวโงนเงนอยู่บนราวระเบียงที่ทั้งเก่าและดูพร้อมที่จะหักหรือพังได้ทุกเมื่ออย่างน่าหวาดเสียว หากเพียงแค่เจ้าเด็กนั่นขยับอีกเพียงแค่นิดเดียวเขาก็มีโอกาสที่จะตกลงไปได้ง่าย ๆ ความสูงระดับนี้พอที่จะทำให้เจ้าเด็กนั่นคอหักตายได้ไม่ยากเลย ภาพที่คนทั่วไปเห็นคงจะเป็นแบบนั้น แต่สิ่งที่ผมเห็นมันไม่ใช่เพียงแค่นั้น ดวงวิญญาณชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนประกบและประครองแขนเจ้าเด็กไกด์กันคนละข้างพวกเขาจับตัวเจ้าไกด์เอนเอียงไปมาจนเกิดเป็นภาพที่น่าหวาดเสียวบนที่สูงเช่นนี้ ผมเดาใจทั้งสองวิญญาณนั้นไม่ถูกจริง ๆ ว่าพวกเขาจะทำอะไรกับเจ้าไกด์กันแน่
“ปล่อยน้องผมไปเถอะนะ เขายังเด็กเขาทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เขาไม่ได้ตั้งใจลบหลู่พวกคุณหรอก อย่าสร้างบาปให้ตัวเองเลย แล้วผมจะอุทิศส่วนกุศลไปให้” ผมพยายามที่จะหว่านล้อมพวกเขาอย่าประนีประนอมที่สุดเพื่อความปลอดภัยของเจ้าไกด์
“กูไม่ต้องการบุญ มันกล้ามาลบหลู่พวกกู กูจะเอามันมาเป็นตัวตายตัวแทน” วิญญาณผู้ชายคนนั้นตวาดกร้าวใส่ผม ก่อนที่พวกเขาหันมองมาทางผมด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือกทางด้านผู้ชายมีรอยคล้ายรอยกระสุนปืนเจาะอยู่กลางหน้าผากและมีเลือดไหลออกมาตลอดเวลา ส่วนผู้หญิงก็มีรอยในลักษณะเดียวกันปรากฏอยู่บริเวณหน้าอกของเธอ ทำเอาผมตกใจไปได้ไม่น้อยเหมือนกัน
“กี่คนแล้วที่ต้องมาจบชีวิตที่นี่ แต่ก็ไม่เห็นว่าพวกคุณหรือวิญญาณดวงไหนจะหลุดพ้นไปจากที่นี่ได้ ก็ยังต้องติดบ่วงกรรมกันอยู่ที่นี่ทุกคน” คำพูดเตือนสติของนายนะโมมันกลับทำให้พวกเขาดูโกรธมากขึ้น หัวใจผมแทบจะตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทุกวินาทีหวั่นใจว่าเจ้าเด็กไกด์จะร่วงลงไปข้างล่างเสียก่อน
“กูไม่สน มันมาลบหลู่กู ยังไงกูก็จะเอาชีวิตมัน”
“พูดกันดี ๆ แล้วไม่ฟังใช่ไหม” นายนะโมเดินดุ่มตรงเข้าไปหาสองวิญญาณนั้นท่าทางเอาเรื่อง แต่เพียงแค่พวกเขาหันมาจ้องมองร่างอันเลือนรางของนายนะโมก็กระเด็นไปจนติดกำแพง นายนั่นประครองตัวลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเลดูท่าทางแล้วคงจะเจ็บไม่น้อย ผมถามไถ่นายนั่นด้วยเขาเป็นห่วงเป็นใย แม้นายนั่นจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่ภาษากายของเขามันฟ้องว่าเขาต้องกำลังเจ็บมากแน่ ๆ
นายนะโมในสภาพอ่อนแรงจะไปสู้กับพวกเขาได้ยังไงกัน มิหนำซ้ำที่นี่ยังเป็นพื้นที่ของพวกเขามันยิ่งส่งเสริมให้พวกเขามีพลังเหนือกว่าวิญญาณต่างถิ่นอยู่แล้ว ผมพยายามจะขอร้องพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกแต่พวกเขายังดึงดังที่จะเอาชีวิตเจ้าเด็กนั่นให้ได้ นี่คงจะเป็นทางออกสุดท้ายที่ผมพอจะนึกออกในวินาทีนั้น มันอาจจะดูโง่ไปสักหน่อย แต่มันผมก็คิดว่าทางอื่นไม่ออกแล้วจริง ๆ ไม่เมื่อพยายามจะเจรจาดี ๆ แล้วไม่ฟังกัน นายนะโมก็ยังถูกทำร้าย เจ้าเด็กไกด์ก็ดูพร้อมจะหล่นลงไปทุกเสี้ยววินาที ผมคงต้องใช้ไม้แข็ง ผมใช้เวลาตัดสินใจอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนที่จะกลั้นใจเอ่ยมันออกมา...
“ข้าพเจ้า ขอสาปแช่งดวงวิญญาณที่มีจิตใจคิดร้าย และคิดจะทำร้ายเด็กผู้ชายคนนั้นจนถึงชีวิต ขอให้.....” เพราะผมเคยได้ยินเขาพูดกันมาว่าสิ่งที่วิญญาณกลัวที่สุดก็คือคำสาปแช่ง แต่ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าที่เขาพูดกันนั้นมันจริงหรือไม่ เพราะผมยังไม่ทันจะพูดจบประโยค ผมก็ต้องหยุดชะงักไปอย่างกะทันหันด้วยแววตาที่ถ่ายทอดความโมโหอย่างรุนแรงจากพวกเขาที่ส่งตรงมาที่ผม ผมกลืนก้อนสะอึกอย่างหวาดหวั่น นี่ผมได้ทำอะไรที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ลงไปเสียแล้ว
“มึงอยากลองดีใช่ไหม!” ดวงวิญญาณทั้งสองละจากร่างของเจ้าเด็กไกด์ ในจังหวะที่ร่างของเจ้าเด็กนั้นหลังจากถูกปล่อยตัวเอนเอียงไปมาเล่นเอาผมใจหายใจคว่ำ แต่นับว่าโชคดียังเข้าข้างเจ้าเด็กนั่นที่ร่างของเขาล้มตึงเข้ามาด้านใน ไม่ได้เกิดภาพอันน่าสลดใจขึ้นอย่างที่ผมกังวล
ผมสะดุ้งเฮือกเพราะตกใจกับเสียงประตูที่ถูกปิดกระแทกอย่างแรง ผมพยายามที่จะเปิดมันออกแต่ทำไม่สำเร็จ ทั้งที่มันไม่ได้ถูกล็อกแต่ไม่ว่าผมจะออกแรงเท่าไหร่ผมก็ไม่สามารถเปิดมันออกได้ ดวงวิญญาณทั้งสองกำลังตรงเข้ามาหาผมด้วยแววตาท่าทางที่ดูพร้อมจะเชือดผมแล้วสับจนแหลกละเอียด ก่อนที่จะปรากฏร่างของผู้ชายสองคนที่ผมเจอในห้องใต้บันได เด็กผู้ชายที่ชวนผมไปเล่นลูกแก้ว และผู้ชายที่ฆาตกรรมภรรยาอย่างเลือดเย็น เดินตามหลังดวงวิญญาณทั้งสองกำลังตรงมาทางผมเช่นกัน ผมใจสั่นระรัวอย่างหวาดผวาเพราะไม่รู้ชะตากรรมตัวเองว่าพวกเขาจะทำอะไรกับผม พยายามจะเปิดประตูนั้นออกไม่ว่าอย่างไรผมก็เปิดไม่ได้เสียที ปัดโธ่โว้ย! เปิดสิวะ
“อย่ายุ่งกับชล....โอ๊ย!”
“นะโม!” นายนะโมที่กระโดดเข้าตัวเองเข้ามาขวางกั้นผมกับดวงวิญญาณพวกนั้นไว้ นายนั่นถูกวิญญาณผู้หญิงจับเหวี่ยงไปจนร่างของเขากระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรง นายนั่นพยายามจะดันตัวเองลุกขึ้นแต่ก็ทำไม่สำเร็จ แต่เดิมเขาก็อยู่ในสภาพที่อ่อนแรงมากอยู่แล้วยิ่งตอนนี้นายนั่นคงกำลังบอบช้ำอย่างหนักเป็นแน่ ดวงวิญญาณพวกนั้นเข้าใกล้ผมมาเรื่อย ๆ โดยที่ผมยังอยู่ในภาวะที่ลนลานจนคิดไม่ตกว่าจะเอาตัวรอดอย่างไรในสถานะการณ์เช่นนี้ แต่แล้วก็....
“อย่างทำเขาเลย เขาเป็นคนดี” อ๊ะ! นั่นมัน
อยู่ ๆ ก็ปรากฏร่างของผู้หญิงสองคนขึ้นมาขวางกั้นระหว่างผมกับเหล่าดวงวิญญาณพวกนั้นไว้ หนึ่งในนั้นคือวิญญาณหญิงสาวที่ผมพบเจอที่ห้องโถงด่านล่าง และอีกคนคือผู้หญิงชุดดำที่แขวนคออยู่ที่ต้นหูกวางหน้าบ้าน ทำเอาผมตกตะลึงไปไม่น้อยที่พวกเธอมาช่วยผม
“กรี๊ด!!!” แต่แล้วพวกเธอก็ไม่สามารถต้านทานดวงวิญญาณกลุ่มนั้น พวกเธอถูกผลักอย่างแรงจนกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดก่อนที่ของพวกเธอจะจางหายไป
นายนะโมที่กำลังสะบักสะบอมพยายามตะโกนร้องห้ามพวกเขาแต่ดูท่าแล้วคงไม่มีใครสนใจฟัง นาทีคับขันอย่างนี้ทำหัวสมองผมตันไปหมดคิดหาหนทางอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง ในขณะที่พวกเขาเข้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แม้จะกลัวจนแทบจะร้องไห้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ผมได้แต่ยืนพิงกำแพงอย่างจนมุม ผมไร้ซึ่งทางหนีแล้วทำได้เพียงหลับตาก้มหน้ารอรับชะตากรรมที่มันกำลังจะเกิดขึ้น ใครก็ได้ช่วยผมที!
“อย่ามายุ่งกับเพื่อนของฉัน” อ๊ะ เสียงนั่นมัน เสียงที่คุ้นเคยสะดุดหูผมเข้าอย่างจัง ภาพแรกที่ผมเห็นเมื่อลืมตาขึ้นมา สไบสีเขียวแบบนั้น นี่มัน... พี่นี!
พี่นียืนจังก้าขวางทางวิญญาณเหล่านั้นด้วยทีท่าที่ไร้ซึ่งความยำเกรง วิญญาณผู้ชายที่มีลอยกระสุนที่หน้าผากพุ่งตรงเข้าหาพี่นีท่าทางเอาเรื่อง พี่นีคว้าหมับเข้าที่ลำคอของชายผู้นั้นแล้วออกแรงบีบอย่างเต็มแรง ชายผู้นั้นดิ้นอย่างทุรนทุรายและพยายามจะแกะมือของพี่นีออกจากขอของตัวเองแต่ก็ทำไม่สำเร็จ ก่อนที่ร่างของเขาจะถูกพี่นีจับยกขึ้นเหนือหัวแล้วทุ่มลงกับพื้นอย่างแรง จนร่างของชายผู้นั้นชายสลายหายไปต่อหน้าต่อตาผม
“ไป!” พี่นีชี้นิ้วกราดใส่เหล่าดวงวิญญาณตรงหน้า พี่นีจ้องมองพวกนั้นตาขวางผมไม่เคยเห็นพี่นีในโหมดน่ากลัวอย่างนี้มาก่อนเลย นัยน์ตาพี่นีกลายเป็นสีเขียวสด พี่นีในตอนนี้ดูน่ากลัวจนทำเอาผมขนลุกเกรียว ดวงวิญญาณเหล่านั้นก็มีท่าทีที่ดูเกรงกลัวพี่นีไม่น้อย ก่อนที่ร่างของพวกจะจางหายไปกับความมืด
☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎
“นี่น้องชลคะ เรื่องบางเรื่องเห็นแก่ตัวบ้างก็ไม่มีใครว่าหรอกนะคะ เป็นคนดีแล้วตัวเองเดือดร้อนแบบนีพี่นีว่าไม่เข้าท่านะคะ คิดได้ยังไงอยู่ดี ๆ ก็เข้ามาในที่แบบนี้ถ้าพี่นีมาช่วยไม่ทันคิดสิคะว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น” ผมแบกเจ้าเด็กไกด์ออกมาอย่างทุลักทุเล เจ้าเด็กนั่นตัวโตกว่าผมไม่น้อยเลย ไหนจะต้องทนฟังยัยพี่นีบ่นจนหูชาอีก นายนะโมนั่นก็แทนที่จะอยู่ข้างผมดันไปอยู่ฝ่ายสนับสนุนยัยพี่นีอีกเสียได้ แต่ยังไงก็ต้องขอบพี่นีมาก ๆ นะ ถ้าพี่นีไม่มาช่วยผมคงแย่ วันนี้ยกให้พี่นีเป็นนางฟ้าเลยเอ้า
ในตอนนี้ที่ต้นหูกวางหน้าบ้านมีเพียงบ่วงเชือกเปล่า ๆ แขวนอยู่บนต้นไม้ เพราะร่างของผู้หญิงชุดดำคนนั้นเธอกำลังยังยืนรอพวกผมอยู่ที่หน้ารั้วบ้านแล้ว
“คุณก็ดูไม่ได้เป็นวิญญาณที่ดูมีแรงพยาบาท ทำไมคุณถึงยังไม่ได้ไปเกิดล่ะครับ”
“เพราะกรรมไง บาปกรรมที่ฉันได้ก่อมันหนักหนาจนเกินจะให้อภัย วิญญาณของฉันต้องเวียนว่ายอยู่ที่นี่เพื่อชดใช้โดยที่ไม่รู้จะว่าสิ้นสุดเมื่อไหร่ เพราะฉันฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องความรักจากผู้ชายที่ไม่ได้รักฉัน และฉันก็ได้ทำให้พ่อกับแม่ที่รักฉันมากที่สุดต้องทุกข์ทรมานใจไปชั่วชีวิต มันก็สาสมแล้วที่วิญญาณของฉันต้องทุกข์ทรมานชดใช้กรรมอยู่ที่นี่”
เธอพูดไปพลางน้ำตาไหลพราก เมื่อสิ้นคำพูดของเธอบ่วงเชือกบนต้นหูกวางนั้นก็ห้อยลงมาคล้องเข้าที่คอของเธอ ก่อนที่เชือกเส้นนั้นจะรัดรึงและฉุดเอาร่างของเธอขึ้นไปข้างบน เธอดิ้นทุรนทุรายอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ร่างของเธอจะแน่นิ่งไป ภาพนั้นทำเอาผมช็อก ภาพของเธอในตอนนี้ไม่ต่างจากตอนแรกที่ผมพบเธอที่นี่ ร่างของเธอเริ่มแกว่งไปมาทำให้เชือกเส้นนั้นเริ่มเสียดสีกับท่อนไม้ และตัวของเธอลู่กับลม จนเกิดเสียงอันชวนให้ขวัญผวาแบบนั้น เวรกรรมมันยังเป็นสิ่งที่น่ากลัวเสมอ
ผมหันมองไปยังตัวบ้านอันน่าสะพรึงกลัวนั้น ก่อนจะยกมือขึ้นพนม ผมขอขมากับทุกสิ่ง หากสิ่งใดที่ผมได้ล่วงเกินไปได้โปรดอภัยให้ผมด้วยนะครับ ผมจะมั่นอุทิศบุญกุศลให้พวกคุณนะ ขอให้ดวงวิญญาณของพวกคุณหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานในเร็ววันด้วยเถิด
☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎ ☎
กว่าจะแบกเจ้าเด็กไกด์ออกไปถึงถนนใหญ่ได้ก็เล่นเอาหลังผมแทบหักแต่ก็ดีแล้วล่ะที่เจ้าเด็กนั่นสลบไปผมจะได้ไม่ต้องตอบคำถามอะไรมากมาย โชคยังดีที่เจอรถขนสินค้าของชาวบ้านใจดีที่กำลังจะผ่านไปทางบ้านคุณตาคุณยายพอดี พวกผมเลยได้ติดรถเขามาด้วย สรุปเจ้าเด็กไกด์มีไข้ขึ้นสูงได้คุณตาคุณยายช่วยเป็นธุระพาส่งโรงพยาบาลและติดต่อพ่อแม่ของเจ้าเด็กนั่นให้
“พี่ชล” จนถึงตอนเช้าเจ้าเด็กพัตเตอร์เพิ่งจะกลับมาบ้านในสภาพที่มอมแมม เจ้าเด็กนั่นคว้าตัวผมเข้าไปกอดไว้แน่นทันทีที่พบหน้า เจ้าเด็กนั่นซุกหน้าลงบนไหล่ผมทำให้ผมรู้สึกได้ถึงน้ำอุ่น ๆ ที่เปื้อนบนบ่า พัตเตอร์กำลังร้องไห้? นี่เจ้าเด็กเป็นห่วงผมขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
“พี่รู้ไหมผมเป็นห่วงพี่มากแค่ไหน ถ้าพี่เป็นอะไรไปผมจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเลย”
TBC