Chapter End
“ก็....ได้พี่ คืนนี้เจอกันนะ” ผมตอบรับคำชวนพี่กานต์อย่างปฏิเสธไม่ได้ ถ้าพูดกันตรงๆผมผลัดพี่เขามาหลายรอบแล้ว ครั้งนี้ดูเหมือนพี่แกจะวางแผนมาอย่างดีเพราะมีลูกคู่อย่างก้อยกับเพื่อนคอยเป็นตัวสนับสนุนให้ราวกับจะจับผมถวายพานให้ไอ้พี่กานต์เต็มที่ แม่งผมคิดผิดไหมวะที่เลือกไปกับมันแบบนี้
"พี่วินมีคนมาหา” หนึ่งเป็นเด็กที่นี้ บ้านของเขาขายของอยู่ต้นถนนคนเดิน ส่วนร้านกาแฟของพี่ฟางอยู่ถัดจากบ้านของหนึ่งไม่มากนัก
“ใครวะ...”
“ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ เขาบอกว่าเขามาจากกรุงเทพ”
เหรอออ แล้วนี้วิ่งมาหรือไง เอาไรล่ะเดี๋ยวพี่ชงให้”
“เลี้ยงเหรอ”
“เอออ”
“แหะๆ งั้นโอวัลตินเย็นนะ”
“อยากแดกโอวัลติน???มึงไม่ไปชงกินเองที่บ้านวะหนึ่ง ไม่มีโว้ยย เอาโกโก้ล่ะกัน” ผมหันไปชงโกโก้ให้ไอ้เด็กหนึ่งก่อนจะหันมาถามมันอีกครั้งว่าคนที่มาจากกรุงเทพที่มันพูดถึงน่ะมากันกี่คน บางทีอาจจะเป็นพวกไอ้เกมส์
“คนเดียว ตอนแรกคิดว่านักท่องเที่ยวแต่พี่เขาเดินมาถามหาพี่วินผมก็เลยนำทางเขามา เก่งใช่ป่ะล่ะ”
“เออมึงเก่งแล้วไหนเขาล่ะกูเห็นแต่มึงเนี่ยไอ้เปี๊ยก”
“กำลังเดินมา งั้นผมไปแล้วนะ จะไปเตะบอลต่อ”
“เออ” ผมตบหัวไอ้เด็กหนึ่งไปทีก่อนจะหันหน้าไปมองไอ้พี่กานต์ที่กำลังเช็ดโต๊ะหน้าร้านให้
“พี่กานต์ไม่ต้องเช็ด เดี๋ยวผมเช็ดเอง พี่กลับร้านพี่ไปเหอะ พวกไอ้ก้อยกลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ” พูดไล่อ้อมๆแม่งไม่ยอมไป ผมเลยไล่ไปตรงๆนี้แหละ จริงๆผมไม่ค่อยชอบเวลาที่พี่เขามานั่งแช่อยู่ในร้านผมแล้วแสดงท่าทางเหมือนเป็นร้านตัวเองแบบนี้ ไม่ได้ว่าหวงร้านอะไรหรอกนะ แต่ไม่ชอบสายตาลูกค้าหลายรายที่มองมายังผมกับพี่กานต์แบบแปลกๆ ผมไม่ชอบให้คนอื่นเข้าใจผิด
“โหวว ไล่ตลอดอ่ะ ลูกค้าร้านพี่ยังไม่มีขอนั่งคุยด้วยดิ ว่าแต่เราเหอะ ตั้งแต่มาปายยังไม่เคยเดินถนนคนเดินสักทีใช่ไหม วันนี้อยากกินไรเป็นพิเศษหรือเปล่าเดี๋ยวพาไปกิน”
“ไม่รู้ดิพี่กานต์ จริงๆไปซื้อเสื้อเสร็จก็กลับเลยก็ได้นะ ผมห่วงร้านน่ะ อีกอย่างเกรงใจก้อยเขาด้วย”
“เฮ้ย…ไม่ต้องเกรงใจก้อยหรอกยังไงมันก็เต็มใจเฝ้าร้านให้วินอยู่แล้ว...”พี่กานต์พูดพร้อมกับถือวิสาสะเอื้อมมือมาลูบที่หัวผม ถือเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่พี่เขากล้าถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ ไอ้ผมก็ไม่อยากพูดอะไรมากเลยปล่อยให้มันเล่นหัวผมไปแบบนั้น
“วิน...” น้ำเสียงคุ้นหูที่ไม่ได้ดังมากแต่กลับชัดเจนในความรู้สึก ภาพที่ผมเงยหน้าขึ้นมองคือผู้ชายที่ผมรู้จักเป็นอย่างดี เขากำลังยืนมองผมด้วยสายตาเจ็บปวด แววตาสั่นระริกเสียจนผมอดไม่ได้ที่จะแกล้งเสมองไปทางอื่น
มันมาอยู่ที่นี้ได้ไงวะ
“มึง” ขนาดชื่อมันผมยังไม่กล้าเอ่ยปากพูดออกมาด้วยซ้ำ “พี่กานต์เอาไว้ตอนที่จะออกไปซื้อเสื้อ พี่ค่อยมาตามผมอีกทีล่ะกัน พอดีตอนนี้ผมยุ่งน่ะ”
“อ้อ...ได้” พี่กานต์มองหน้าผมสลับกับไอ้บัสแบบงงๆแต่สุดท้ายเขาก็ยอมเดินออกจากร้านไปแต่โดยดี
“วิน...” บัสเตอร์มันเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงแบบนี้อีกแล้ว น้ำเสียง...ที่แสดงออกให้รู้ว่ามันน้อยใจz,
แววตาที่ส่งมาให้ก็เป็นแววตาตัดพ้อราวกับสิ่งที่ผมทำมันเป็นสิ่งที่ผิด ทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย พี่กานต์เขาลูบหัวผมเองนะ ผมก็แค่ยืนอยู่เฉยๆไม่ได้ปัดออกก็แค่นั้น
“.......”
สิ่งที่ผมตอบกลับมันไปคือความเงียบ ไม่ใช่ไม่อยากพูดด้วย แต่...ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอะไรกับมัน ถามว่าดีใจไหม ที่เห็นมันอยู่นี้
บอกตรงๆว่ามากถึงมากที่สุด แต่ด้วยทิฐิหรืออะไรก็แล้วแต่ทำให้ผมยังปากหนักไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรออกมา แกล้งทำเป็นไม่สนใจ ทำเหมือนมันเป็นแค่อากาศธาตุอยู่ในร้าน
ผมมันคนใจร้ายใช่ไหมครับ
จะว่าผมเป็นคนแบบนั้นก็ได้
แต่ผมไม่รู้จะพูดอะไรกับมันจริงๆ
บัสเตอร์ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ตั้งแต่มาจนกระทั่งตอนนี้มันก็ยังไม่ขยับไปไหน นับๆรวมกันแล้วคงไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมงด้วยซ้ำ
“เกะกะว่ะ จะไปไหนก็ไปได้ไหม” ผมพูดอย่างนั้นเพราะผมกลัวว่ามันจะเมื่อย อยากให้มันเดินไปนั่งหรือทำอะไรก็ได้ไม่ใช่มายืนขวางทางเดินแบบนี้ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาจากสิ่งที่ผมพูดใส่มันคือ เสียงถอนหายใจหนักๆบ่งบอกว่ามัน รำคาญผม
“ถ้ารำคาญกูมากมายขนาดนั้นก็ไปที่อื่นดิ ไม่ต้องมาทำเสียงเบื่อหน่ายใส่กันก็ได้บัส...”
“ผมอยากรู้ว่าวินกับพี่คนนั้นเป็นแฟนกันแล้วเหรอ....”
“....”
“คงจะเป็นแบบที่ผมคิดจริงๆสินะ...ผมมันไม่ได้สำคัญอะไรอยู่แล้วนี่...แค่ไม่กี่เดือนวินก็มีคนใหม่แล้ว...ที่เคยพูดว่ารักคงแค่คำโกหก...พูดให้ผมรู้สึกดีแค่นั้นใช่ไหม...ผมแม่งไม่น่าคิดไปเองเยอะแยะขนาดนี้เลยว่ะ” บัสเตอร์ยิ้มเศร้าๆก่อนจะหยิบกระเป๋าใบใหญ่ข้างตัวขึ้นมาสะพาย มันเดินออกจากร้านผมไปแล้ว ทิ้งระเบิดเสร็จก็เดินออกไปเลยเนี่ยนะ
คนบ้าอะไรวะ เดินทางมาตั้งไกลแต่แค่จะมาพูดตัดพ้อกูแค่นี้เนี่ยนะ...มึงแม่งโคตรไม่มีความอดทนอะไรเลยว่ะบัส
สมควรแล้วล่ะ สมควรแล้วที่จะไม่ได้รับการให้อภัยแบบนี้ ดีเหมือนกันในเมื่อสิ่งที่มันต้องการมีเพียงแค่นี้ก็ดีแล้ว จะไปไหนก็ไปเลยไป “ไม่ต้อง...ฮึก..มาอีกนะ”
ไม่รู้ทำไมอยู่ๆน้ำตาแม่งก็ไหลออกมาเฉยๆ ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองอย่างลวกๆก่อนจะหันหลังให้กับภาพพร่ามัวที่เดินไกลออกไปเรื่อยๆ
ผมยอมรับก็ได้ว่าผมคาดหวัง
คาดหวังว่ามันจะพูดอะไรมากกว่านี้ คาดหวังว่ามันจะเดินเข้ามากอดผมแน่นๆแล้วพูดว่ารักผม คิดถึงผม ขอโทษผม บอกกับผมว่าจะไปไหนอีก
แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับเป็นคำพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งดูถูกและเหยียดหยาม ทำไมมันไม่คิดจะถามผมก่อนว่าที่มันเห็นเป็นเรื่องจริงไหม...ไม่ใช่คิดเองเออเองแบบนี้
“เป็นอะไรอีก”
“ไม่เกี่ยว...อึก..กับมึงสักหน่อย..” ผมเม้มปากแน่นไม่ให้เสียงสะอื้นดังออกมา ก้มหน้าจนคางแทบจะติดอก เพราะไม่อยากให้มันรู้ว่าผมกำลังร้องไห้ กลัวว่ามันจะดูถูกผม หาว่าผมเรียกร้องความสนใจอีก
“มานี่มา” บัสเตอร์เดินเข้ามาจูงมือผมให้เดินตามมันไปหลังร้านก่อนจะพาผมไปนั่งตรงบันได้ทางขึ้นบ้าน ส่วนมันก็ยืนอยู่ตรงนั้น ยืนมองหน้าผมที่ร้องไห้หนักกว่าเดิม ไม่ชอบแบบนี้เลยว่ะแม่ง ไม่ชอบให้มันเห็นเวลาผมอ่อนแอแบบนี้
“พี่คะร้านเปิดหรือยังเอ่ย” เสียงจากหน้าร้านตะโกนเข้ามาทำเอาผมสะดุ้งรีบเช็ดน้ำตาตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนแต่ก็โดนไอ้บัสดันไหล่ให้นั่งลงที่เดิม
“ยังไม่เปิดครับ โทษทีนะน้องพอดีพี่เตรียมของอยู่”
“อ้อ ไม่เป็นไรคะ” เสียงจ้อกแจ้กหน้าร้านหายไปพร้อมกับความเงียบที่โรยตัวเข้ามาอีกครั้ง ผมหยุดร้องไห้แล้ว ส่วนไอ้คนที่ยืนอยู่ในตอนแรกก็ขยับนั่งลงข้างๆผมก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกรอบ
“วิน...”
“.....”
“ผมไม่ชอบเวลาที่วินร้องไห้เลยว่ะ” บัสเตอร์พูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดก่อนจะค่อยๆใช้ปลายนิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้ผม
“.....” แต่เวลาที่กูร้องไห้ก็มีแค่มึงนั่นแหละที่เป็นคนทำ
“ผมถามวินจริงๆนะ...วินกับไอ้คนชื่อกานต์ไม่ได้เป็นอะไรกันใช่ไหม”
“.......”
“ที่เงียบหมายความว่าไงอ่ะ..เป็นงั้นเหรอ...”บัสเตอร์จ้องมองลึกลงไปในตาผมราวกับจะถามหาคำตอบ แต่ผมไม่รู้ว่ามันได้คำตอบอะไรเพราะสิ่งที่มันทำคือการต่อยไปที่กำแพงอย่างแรงจนเลือดไหลออกมาจากมือ
“ทำไมวะวิน รอผมหน่อยไม่ได้เหรอ... ผมมาหาวิน..มาทั้งๆที่หัวใจเต็มร้อยว่ายังไงสุดท้ายต่อให้ง้อนานแค่ไหนวินก็จะกลับมาหาผม...แต่วันนี้ที่ยืนอยู่เมื่อกี้มันกลับไม่ใช่...ผมทำใจรับไม่ทันว่ะวิน..ไม่คิดว่ามาแล้วจะเจอวินมีคนใหม่แบบนี้...”เสียงบัสเตอร์สั่นจนผมอดเงยหน้าขึ้นมองมันไม่ได้ ตามันมีร่องรอยของความเจ็บปวดพร้อมกับขอบตาที่แดงกร่ำ
“มึงก็เลยทิ้งกูไว้แบบเมื่อกี้อ่ะเหรอ” ผมเสียใจร้องไห้เพราะบัสเตอร์เดินหนีผม ผมไม่ชอบที่มันทำแบบนั้น
“เปล่าไม่ได้ทิ้ง แต่จะไปตั้งหลักสู้ก่อน ในเมื่อวินกับเขาเป็นแฟนกันแล้ว ผมจะเอาอะไรสู้วะ ยังไงก็ต้องไปตั้งหลักก่อนดิ” ไปตั้งหลักอะไร แม่งมันเดินออกจากร้านผมไป ทำท่าอย่างกะว่าจะไม่กลับมาง้อผมอีก ใครที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็คิดเหมือนกับผมทุกคนนั่นแหละ
“กูบอกหรือไงว่ากูเป็นแฟนกับเขา”
“อ่าวก็....” ผมหมั่นไส้มันจริงๆเลยครับ ยังไม่ได้พูดเชี่ยอะไรสักคำแต่แม่งคิดเองเออเองคนเดียวตลอด “งั้นผมก็เจ็บตัวฟรีเหรอ”
“แล้วปากมีไว้ทำไมวะ ทำไมไม่ถาม”
“ถามแล้วแต่วินไม่ตอบ”
“แล้วทำไมมึงไม่หัดคิดเองเล่า ปล่อยกูเลยเชี่ยบัส!!!!”
“วินเจ็บแผลอ่ะ” พอทีงี้ล่ะทำเสียงอ่อนเลยนะแม่ง เมื่อกี้ยังขึ้นเสียงใส่ผมจนแทบจะแดกหัวอยู่แล้วแท้ๆ
“ก็มึงทำตัวของมึงเอง”
“เจ็บ”
“สัส ตอแหล” ผมตบหัวไอ้บัสไปทีแต่ก็ยอมให้มันกอดผมอยู่แบบนั้น อย่าหาว่าผมใจง่ายเลยนะครับ
แต่ผม...คิดถึงมัน คิดถึงทุกอย่างแม้แต่อ้อมกอดที่กำลังกอดผมอยู่ตรงนี้ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากให้เรื่องทุกอย่างมันจบ ไม่อยากมีทิฐิอะไรอีกแล้ว ขอแค่มีผมกับมัน แค่นี้สำหรับผมก็พอแล้ว
“ปากวินแม่งโคตรน่าจูบอ่ะ” ผมเม้มปากทันทีที่มันเริ่มใช้นิ้วเกลี่ยริมฝีปากผม จากนิ้วแปรเปลี่ยนเป็นปลายจมูกที่เริ่มไล้จากริมฝีปากไปจนถึงข้างแก้ม
“น้องวินครับ” เสียงคนต้นเรื่องที่ทำให้ผมกับไอ้บัสมีเรื่องเข้าใจผิดกันกำลังตะโกนเรียกผมอยู่หน้าร้าน ไอ้พี่กานต์มันคงจะเดินมาชวนผมไปถนนคนเดินอะไรของแม่งแล้วล่ะมั้ง
“ไม่ให้ไปหรอกนะ”
“มึงเป็นใครล่ะจะมาห้ามกูเนี่ย”
“เจ็บแผล”
“แล้วไงเหรอ ปล่อยยยยยย” ผมดึงมือไอ้บัสออกจากเอวก่อนจะเดินไปหน้าร้าน
“เราไปกันเลยไหมครับพี่กานต์”
“ครับ...”
“ไหนวินบอกว่าจะพาผมไปเที่ยวไงคืนนี้" ไอ้ตัวปัญหาเดินออกมาจากซอกหลังร้านก่อนจะหันไปพูดขมวดคิ้วมองหน้าพี่กานต์แบบไม่พอใจนิดหน่อย
“วิน ไหนวินบอกว่าจะพาผมไปล่ะ...เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมล่ะ” เชี่ยนี่มันน่ารำคาญอ่ะพูดวนไปวนมาทำตัวเหมือนเด็กแปดขวบ
“ก็วินสัญญาแล้ว” ผมหันขวับไปมองไอ้หน้าหล่อทันทีที่มันพูดย้ำอีกรอบ มึงเห็นหน้ากูไหมบัส คิดว่าตัวเองเป็นใคร ลูกเจ้าของร้าน เมียเจ้าของร้าน หรือเป็นอะไร ทำไมไม่มีความเกรงใจเลยวะ ผมไม่คุยครับ แต่เลือกที่จะใช้ความเงียบกับมันแทน
" เอ่อ...ยังไงถ้าวินมีนัดแล้วพี่คงไม่รบกวนเอาไว้วันอื่นก็ได้"
"เฮ้ยพี่กานต์ไม่ใช่ วันนี้ผม..."
"ขอบคุณพี่กานต์นะครับที่เข้าใจพวกเรา " พวกเรา???? นี่กูกับมึงนับเป็นพวกเราตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอบัส
"ถ้างั้นไม่มีไรแล้วพี่กลับร้านก่อนนะ"
"ครับโชคดีพี่" มันโบกมือไล่พี่เขาแบบนั้นพี่เขาคงหน้าด้านอยู่ต่ออ่ะ “มันคิดจะจีบวินแน่ๆ เชื่อผมดิ”
ถึงมึงไม่วิเคราะห์กูก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วไหมบัส
"วิน"
"....." ผมเงียบแล้วเลือกที่จะเดินออกไปหน้าร้าน เก็บแก้วที่ลูกค้ากินทิ้งไว้ใส่ถังขยะ เช็ดโต๊ะ จัดของ ทำนู่นทำนี่ให้เหมือนว่ายุ่งแล้วก็ทำเหมือนว่าไอ้ยักษ์ที่ยืนหน้าหงอยอยู่หลังเคาเตอร์เป็นอะไรสักอย่างที่ผมมองไม่เห็น
"วิน...เจ็บแผล"แผลที่มึงสร้างขึ้นมาเองอ่ะนะ "เลือดไหลเยอะมากอ่ะ”
เออออขอให้มันท่วมตัวมึงแล้วนอนตายในร้านกูเลย เดี๋ยวกูจะจัดงานศพให้ยิ่งใหญ่แน่ๆเชื่อกูดิ
“.......”
“วิน.....”
“.....”
“คุยกันหน่อยสิ เราจะไม่คุยกันจริงๆงั้นเหรอ ทำไมล่ะ วินไม่ชอบผมแล้วงั้นดิ ใช่สิผมไม่หล่อเหมือนไอ้พี่กานต์นิ มันทั้งขาว ดูดีมีชาติตระกูล ผมมันดำ แต่ถ้าพูดกันจริงๆผมก็ไม่ได้ดำมากสักหน่อย ผิวแค่แทนๆเองนะ แต่ลืมไป..วินชอบคนขาวนี่นา เห็นมาตั้งแต่พี่ไวท์แล้ว…….!@$@$#@!@#$" แล้วหลังจากนั้นไอ้บัสเตอร์แม่งก็พูดไม่หยุด ตัดพ้อผมทุกอย่าง ขนาดมันพูดจนคอแห้งก็ยังหน้าด้านเข้าไปเปิดตู้เย็นเทน้ำใส่แก้วแล้วพูดต่อ คือคนปกติถ้าเจอคนไม่พูดด้วยก็คงน้อยใจเดินหนีออกจากร้านไปแล้ว บางคนอาจจะตัดใจไม่ง้อต่อกลับกรุงเทพหาแฟนใหม่ไปแล้วก็มี แต่บัสเตอร์กลับไม่ใช่แบบนั้น มันพูดกรอกหูผมตั้งแต่พี่กานต์ออกจากร้านจนตอนนี้ผ่านไปเกือบชั่วโมงมันก็ยังจ้อไม่หยุด
“เมื่อไหร่จะหยุดพูดเนี่ย” จนผมต้องเดินมานั่งข้างๆมันแล้วถามแม่งตรงๆ คิดดูล่ะกันขนาดลูกค้าเข้ามาในร้านมันก็ชี้ชวนให้ลูกค้าฟังเรื่องของมันที่ตัดพ้อผม บอกว่าผมมาง้อพี่เขานู่นนี่นั่นดีที่มันไม่พูดมากว่าผมเป็นอะไรกับมันไม่งั้นได้เจอมีดเสียบคอตายคาร้านแน่
“ก็รอวินเนี่ยแหละ”
“ปกติไม่เห็นพูดมากแบบนี้”
“ก็เพราะว่าผมไม่พูด...เรื่องของเรามันถึงเลยเถิดแบบนี้”
“เราไหน”
“เราไง วินกับผม บัสเตอร์กับวิน เราสองคนอ่ะ แบบเราไงครับ...” ถ้าพูดกันตรงๆผมก็เพิ่งเห็นนิสัยด้านนี้ของมันเหมือนกัน ปกติบัสเตอร์ไม่ใช่คนแบบนี้ มันชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่ออกแนวขรึมจนผมเองเคยคิดว่ามันอายุเท่าๆกับผมหรือเปล่า ยิ่งอยู่กับไอ้เบสยิ่งแล้วใหญ่คนมักมองว่าไอ้คนตรงหน้าเป็นพี่ซะมากกว่าอีก
“มีไรจะพูดอีกไหม...”
“.....”
“ถ้าไม่มีก็ออกไปได้แล้ว กูจะทำงาน” ผมทำท่าจะเดินหนีมันไปอีกรอบ
“วิน....” บัสเตอร์เอื้อมมือมากอดเอวผมไว้แน่น ก่อนจะซุกหน้าลงกับท้องผม “อย่าทำแบบนี้เลยนะ...ผมไม่อยากให้เรื่องของเรามันจบแบบนี้ว่ะ...ผมขอโทษ...ที่ผ่านมายอมรับผิดเองก็ได้”
“ก็ได้...งั้นเหรอ”
“ไม่ก็ได้ ผมผิดเต็มๆ...แต่อย่าไล่ผมไปเลย...ได้โปรดเถอะ...ผมอยู่ไม่ได้ว่ะถ้าไม่มีวิน”
ถามว่าให้อภัยหรือเปล่า
จริงๆผมหายโกรธมันตั้งแต่ที่เห็นมันอยู่หน้าร้านแล้วแหละครับ
สิ่งที่พูดเตือนกับตัวเองมาทั้งหมดว่าจะตัดใจ ไม่เอาแล้วเปิดใจให้คนใหม่ มันหายไปกับสายลมตั้งแต่เห็นมันเดินเข้ามาแล้ว
พูดตรงๆว่าตอนที่เกมส์โทรมาเล่าเรื่องที่มันเลิกกับพี่บลูในใจผมลึกๆก็ค่อนข้างคาดหวังว่ามันจะตามหาผม แต่ผมแค่ไม่ยอมรับมันก็เท่านั้น
“ปล่อย..”
“อย่าไปเลย...”
“กูจะไปล้างแก้ว ปล่อยได้แล้ว เชี่ยนิ” ผมขยี้หัวมันไปทีก่อนดึงมือมันออกจากเอว
“หายโกรธแล้วใช่ไหม”
“ยัง”
“โหววอะไรวะ โกรธไรอ่ะ บอกหน่อยดิ เรื่องที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับไอ้พี่กานต์อะไรนั่นคงไม่ใช่แล้วใช่ป่ะ แล้วโกรธอะไรอยู่วะ เรื่องพี่บลูเหรอ ผมเลิกกับพี่บลูแล้วจริงๆนะ พี่เขาเข้าใจ พี่ฟิล์มเขาก็ดูแลให้แล้ว พี่บลูเขาก็ไม่ได้อะไรกับผมด้วย จริงๆเขาคงไม่ได้รักผมมากมายขนาดนั้นหรอก พี่บลูเขาเป็นประเภทใจอ่อนน่ะเวลาใครดูแลดีๆก็อ่อนไหวไปหมด จริงๆคงเป็นมาตั้งแต่พี่ฟิล์มแล้ว แต่ช่วงหลังมาผมเข้ามาไงแล้วพี่ฟิล์มเขาก็มีแฟนไปทั่ว มันเลยเละแบบนี้ จริงๆผิดที่ผมเองแหละ แต่ถ้าผมไม่เข้ามาพี่ฟิล์มคงไม่รู้ตัวหรอกว่าชอบพี่บลู”
“ใคร??”
“พี่บลู”
“ใครถามมึง”
“โถวว วินอ่ะ เจ็บแผลนะเนี่ย” เกี่ยวอะไรกับแผลมัน บัสเตอร์ยู่ปากเล็กจนผมอดเอื้อมมือไปตีปากมันไม่ได้ คิดว่าน่ารักหรือไง ทำตัวแบบนี้คิดว่าผมจะยอมมันงั้นเหรอ “เลิกโกรธผมเถอะนะ”
“กูไม่ได้โกรธเรื่องนั้น กูโกรธที่ตอนนั้นมึงปล่อยมือกูแล้วไปกอดเขา...แต่ช่างมันเถอะกูไม่ได้สำคัญอะไรอยู่แล้วนิ...อะไรไม่ต้องมายิ้มเลยสัส!!” มันดึงมือผมออกจากหน้าตัวเองก่อนจะจูบเบาๆที่ปลายนิ้ว ไม่รู้ทำไมแค่มันทำกับผมแค่นี้ ผมก็รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาเสียดื้อๆ
“ก็ตอนนั้นพี่บลูเขาร้องไห้น่าสงสาร”
“แล้วกูล่ะ”
“ขอโทษ”
“ถ้าบอกว่าไม่ให้อภัยล่ะ”
“คงทำอะไรไม่ได้อ่ะ...ในเมื่อวินไม่ให้อภัย...แต่ไม่ยอมแพ้หรอกนะ....จะขอโทษจนกว่าวินจะให้อภัยนั่นแหละ” บัสเตอร์แม่งน่ารักมากอ่ะ ทำไงดีครับ ผมอดอมยิ้มไม่ได้จริงๆ “แล้ว...ไปไหนอ่ะ”
“หยุดเลย นั่งรออยู่ตรงนี้แหละ ห้ามจับด้วย” ผมสั่งให้บัสเตอร์นั่งรออยู่ตรงเก้าอี้หลังเคาเตอร์ ก่อนจะเดินออกไปร้านฝั่งตรงข้ามเพื่อสั่งข้าวมาให้ไอ้ยักษ์กิน ตอนที่เดินกลับมาไอ้หมาบัสก็ยังรออยู่กับเก้าอี้นะ ส่งสายตาอ้อนๆมาให้ผมด้วย ตอนเดินผ่านแม่งก็ไม่กล้าแตะตัวผมอีกตั้งหาก ให้มันได้อย่างนี้ดิ เชื่อฟังให้มันได้แบบนี้
“แล้วนี่จะมาอยู่กี่วัน ไม่สอบหรือไง”
“ตอนแรกก็กะว่าจะง้อสักอาทิตย์นึง”
“ถ้าก็ไม่หายเกินอาทิตย์มึงก็จะเลิกง้อกูงั้นดิ”
“ไม่ใช่...กะว่าจะกลับไปสอบก่อนแล้วค่อยมาใหม่น่ะ แต่ก็ผิดคาดนะ ไม่คิดว่าจะหายงอนเร็วขนาดนี้”
“มึงเห็นว่ากูใจง่ายงั้นดิ ออกไปเลยไป” ผมหมั่นไส้แววตาเจ้าเล่ห์ของบัสเตอร์ฉิบหาย ยิ่งตอนที่มันยิ้มนะผมแทบอยากจะตบกะโหลกให้มันรู้แล้วรู้รอด
“วินไม่ได้ใจง่ายหรอก แต่วินยังรักผมตั้งหาก”
“มั่วว่ฃะ”
“ฮ่า ฮ่า เขินเหรอ โคตรน่ารักอ่ะ...วิน....”
“อะไรเรียกอยู่นั่น...พ่อมึงชื่อวินเหรอ....”
“เปล่าไม่ใช่พ่อ...แฟนตั้งหาก....”
“K” ผมยกนิ้วกลางส่งไปให้มันทันทีเพื่อกลบอาการใจเต้นที่ตอนนี้แทบจะทะลุออกจากอก
“เดี๋ยวคืนนี้ก็เห็นกันแล้วแหละน่า ไม่ต้องโชว์มากหรอก”
“มึงนี่มันสุดๆเลยว่ะบัส ไหนเอามือมานี่ดิ” ผมขอดูแผลที่มือไอ้บัส มีรอยเลือดที่แห้งกรังอยู่ตรงหลังมือ ตอนที่ผมเอื้อมมือไปจับ มันก็ร้องโวยวายหาว่าผมทำร้ายร่างกายมัน พอตอนทำล่ะไม่คิดทีตอนนี้มาร้องน่าจะเอาค้อนทุบไปอีกสักรอบ
“นี่วิน...”
“อะไร”
“ผมน่ะ.ระ..”
“พอเถอะ..กูยังไม่อยากฟังตอนนี้” ผมรู้ว่ามันจะพูดอะไร แต่ผมยังไม่อยากฟัง ผมกลัว กลัวว่าตอนที่มันพูดจบ ผมจะนอนตื่นลืมตาขึ้นมาบนที่นอน แล้วสิ่งที่ได้ยินมันก็เป็นเพียงแค่ความฝันเหมือนทุกครั้ง
“ให้ผมรอถึงไหนวะ...ที่ผ่านมาผมยังรอวินไม่พอเหรอ....”
“แค่นี้มึงรอไม่ได้ใช่ไหม”
“เปล่า...ทั้งชีวิตก็รอได้”
“เหรอออ ก่อนหน้านี้ที่กูยังไม่รู้ใจตัวเองมึงยังทิ้งกูไปเลยบัส ไหนบอกว่ารอได้วะ สุดท้ายก็ไปมีพี่บลู แล้วกูล่ะ พอรู้ใจตัวเองกลับไปมึงก็ไม่เห็นหัวกูแล้ว..” พอคิดถึงตอนที่ตัวเองกลับไปหาบัสเตอร์แล้วโดนมันทำแบบนั้นใส่ ขอบตาผมก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง
“ขอโทษ ผมแค่โกรธ โกรธที่วินไม่เลือกผม จำได้ป่ะตอนที่วินเจอพี่หลิวที่ห้างวันนั้นแล้วให้ผมรออยู่ที่รถใต้คอนโดพี่เขาน่ะ...ผมดันไปเห็นวินจูบกับพี่หลิวบนคอนโดนี่หว่า พอเห็นแบบนั้นก็เลยตัดสินใจทันทีเลยว่าเป็นผมเองที่ควรต้องเดินจากไป เพราะตั้งแต่รู้จักกับวินมาในหัวก็คิดอยู่ตลอดแหละว่า...ยังไงวินก็ไม่มีทางรักผม” ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตอนนั้นมันเห็นผมจูบกับหลิวด้วย
“อย่าทำหน้าแบบนั้นดิวิน...ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าสุดท้ายถ้าวินไม่กลับมาผมก็กลับไปหาวินอยู่ดี...เพราะมีแต่ผมที่มองวิน...รอวิน...แล้วก็รักวิน....”
“ใครบอกว่ามีแต่มึงที่รัก...กูเองก็........
พรึ่บ!!!!!!!!!
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก” ผมตื่นขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ที่คิดว่าจะมีใครสักคนนอนอยู่ข้างกาย ตอนนี้กลับไม่มี ผมฝันอีกแล้วงั้นเหรอ
ฝันว่ามันกลับมาง้อผมอีกแล้วงั้นดิ
ผมแม่งคาดหวังมากเกินไปแล้วนะ คาดหวังว่ามันจะกลับมา แต่นี้ผ่านมาตั้งเดือนกว่าแล้วมันก็ไม่เห็นจะกลับมาด้วยซ้ำ
“ฮึก...มันไม่เห็นกลับมา”
ผมเดินลงมาข้างล่างเพื่อเปิดร้าน วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าปกติจริงๆเรียกว่าตื่นคงไม่ถูกเพราะผมยังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่ที่ฝันเห็นบัสเตอร์
ผมไม่อยากฝันถึงมันอีกแล้ว
ผมเกลียดจิตใต้สำนึกของตัวเอง
เกลียดที่มันทำเป็นรู้ดี...รู้ว่าผมกำลังรอคอยบัสเตอร์อยู่ ทั้งๆที่รู้ว่ารอคอยแต่สิ่งที่รอคอยก็เหมือนจะเปล่าประโยชน์ บางที...บัสเตอร์อาจจะเลิกรักผมไปจริงๆแล้วก็ได้
แกร๊ก…..
“ร้านเปิดหรือยังครับ” แม้เสียงที่ได้ยินออกจะแหบแห้งมากกว่าที่รู้จัก แต่ผมก็มั่นใจว่าสิ่งที่ผมได้ยินคือเรื่องจริง ผมเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายตรงหน้าเต็มความสูง น้ำตาที่เก็บเอาไว้ทั้งคืนไหลบ่าออกมาอย่างปิดไม่อยู่
“มึงแม่งมาช้า”
“ขอโทษที่ทำให้รอ....”
“กูไม่ได้ฝันไปใช่ป่ะ”
“ลองจูบดูไหมล่ะจะได้รู้ว่าฝันไปหรือเปล่า” คนตรงหน้าผมเป็นบัสเตอร์ตัวจริง และผมก็ไม่ลังเลเลยที่จะโถมตัวเข้าไปกอดมันเต็มแรง“กูคิดถึงมึงบัส”
“แต่ผม...คิดถึงวินมากกว่า”
เราไม่ได้พูดออกมาว่ารักกัน มีเพียงร่างกายที่ตอบสนองว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือความจริง บัสเตอร์อยู่ตรงนี้ส่วนผมก็อยู่ตรงนี้ในอ้อมกอดของกันและกัน
ผมไม่รู้ว่าในอนาคตเราสองคนจะมีเรื่องที่ทำให้เข้าใจผิดอีกมากน้อยแค่ไหน ผมไม่รู้ว่าตลอดทางที่เดินไปอีกไกลแสนไกลผมกับมันจะยังจับมือกันไว้เหมือนเดิมหรือเปล่า
แต่ผมมั่นใจว่าอุปสรรคที่ผ่านมันจะช่วยให้ผมกับมันผ่านทุกอย่างไปได้ด้วยดี
The End
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
หักมุมไปไหม ฮ่า ฮ่า จริงๆมันจะยาวกว่านี้ ยังไงเอาไว้ติดตามในตอนพิเศษนะคะ จบแล้ว จบในแบบที่อยากทำมาตั้งนาน ขอบคุณที่ติดตามมาตลอด รักคนอ่าน
ต่อจากเรื่องนี้จะเป็นเรื่องของพี่เกียร์กับพี่ซี แล้วต่อจากพี่เกียร์กับพี่ซีจะเป็นเรื่องพี่ฟางนะ เรื่องของพี่ฟางออนจะเล่าตั้งแต่อดีตก่อนพี่ฟางจะเรียนจบจนถึงปัจจุบัน
เรื่องย่อ พี่เกียร์(จาก my best friend) + พี่ซี (ชุลมุนวุ่นรักนักศึกษา) “ซีนี่เหมือนเพื่อนผมคนหนึ่งเลยเนอะ” “หึหึ แน่ใจนะว่าคนนั้นเขาเป็นแค่เพื่อน” คำพูดเปิดบทที่ทำให้ผมมารู้จักกับเขา ผมยอมรับว่าซีเหมือนคนที่ผมเคยชอบ ไม่ว่าจะเป็นท่าทาง คำพูด หรือแม้กระทั่งชื่อ เหมือนจนผมเองก็รู้สึกตื่นเต้น ติดอยู่แค่ซีคนนี้เป็นผู้ชายส่วนซีที่ผมรักเป็นผู้หญิง ซีเขาไม่รู้หรอกว่าที่ผมอยากเป็นเพื่อนเขา อยากไปนั่งดูเขาวาดรูปส่วนหนึ่งเพราะเขาเหมือนใครอีกคนและส่วนหนึ่งเขาทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น แต่ก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่อยู่ๆผมก็รู้สึกกับซีคนนี้มากกว่าที่เคยเป็น พอโพล่งออกไปว่าชอบกลับโดนปฏิเสธซะงั้นแล้วทีนี้ผมควรทำยังไงต่อไปดีครับ…
เรื่องย่อ พี่ฟาง กับ ....(??????) "ทำไมไม่เห็นหมือนอย่างที่คิดเลยวะ" พอได้ยินเสียงคนที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทแล้วก็เป็นทั้งคนที่ผมแอบรักพูดออกมาแบบนั้น มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ ทั้งๆที่มันมีแฟนแล้ว แต่พอมันพูดว่าอยากลองมีอะไรกับผม ผมเลยยอม แต่...ทำไมวะ...ทำไมต้องพูดจาทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้ด้วย
"กู...ขอโทษล่ะกันที่มันไม่ได้ดีอย่างที่มึงคิด...งั้นกูกลับก่อนนะ" ผมเจ็บเจียนตายแต่ไอ้คนที่ทำผมเจ็บกลับนั่งอยู่บนที่นอนไม่คิดแม้แต่จะเดินมาส่ง
พอแล้วครับกับการแอบรักมัน ต่อจากนี้ผมจะมีแฟนสักที แต่พอมีแฟนมันก็มาแย่งแฟนผมไปอีก...ผมไม่รู้ว่ามันต้องการอะไรจากผม....ไม่รู้จริงๆ
ออนชอบเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนนะ ชอบมากกก เกียร์ซีไม่ม่านะบอกก่อน ใสๆ แต่เรื่องพี่ฟางอ่ะม่าแน่นอน ตะโกนดังๆว่ารักคนอ่าน