Chapter Eleven (Cont.)
[ครับ?]
เสียงงัวเงียๆ จากปลายสายทำให้ผมอดอมยิ้มไม่ได้ "ทำไรอยู่?"
[นอนนนนน] อีกฝ่ายลากเสียงตอบ
ผมหัวเราะหึๆ "ตื่นได้แล้ว สายแล้วนะ"
เงียบบบบบบ... มันหลับต่อเปล่าวะเนี่ย -*-
"อิง?"
[ครับๆ ตื่นแล้วววว พี่จีนมีไรเนี่ย โทรมากวนแต่เช้าเลย]
"เช้าที่ไหน นี่มันบ่ายสองแล้ว"
[เฮ้ย! จริงดิ] เสียงพรึ่บพั่บดังเป็นแบ็คกราวด์ สงสัยเจ้าตัวจะเด้งขึ้นนั่งหลังจากที่รู้ว่าเป็นเวลากี่โมง [เหมือนเพิ่งนอนไปนิดเดียวเอง]
"นอนตอนกี่โมง?"
[ไม่รู้อะ จำไม่ได้]
"มัวแต่คุยโทสับอยู่อะดิ"
[รู้ได้ไงอะ?]
"ก็คนมันฉลาด..."
และเสียงตอบกลับมาก็เป็นไปตามคาด [แหวะ]
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า... เห็นยิวว่าเช้าสายบ่ายเย็นเลยนี่เรา"
[อันนี้ก็ช่วยไม่ได้นะ คนมันกำลังฮ็อท]เสียง 'ฮ็อท' นี่ฟังแล้วน่าเตะมาก
"ถุย"
[ฮ่า ฮ่า ฮ่า]
รอจนอีกฝ่ายหยุดหัวเราะแล้วผมก็ถาม "กินสุกี้มั้ย ถ้ากินก็มาที่ห้อง"
[มีใครอยู่บ้างอะ?]
"ไอ้ชาร์มกับพี่แค่สองคน"
[แหมๆ พี่อิงก็ฮ็อทใช่เล่นเนาะ แล้วถ้าอิงไปเนี่ย จะเป็นกขคงจฉป๊ะ]
"พูดมากเดี๋ยวโดนเตะ รีบไปอาบน้ำเลยป๊ะ"
[คร๊าบบบบบบบ]
=lovemakesmeblind=
"เฮ้ย นั่นน้องอิงเปล่าวะ?"
หันไปมองตามสายตาของไอ้ชาร์ม ผมพยักหน้า "อืม ใช่" พักนี้ไม่ค่อยได้เจอกันครับ ถึงจะโทรคุยกันประจำ แต่เพราะต่างคนต่างก็ใกล้สอบเลยไม่ค่อยได้นัดเจอกัน
"มาทำไรแถวนี้วะ" ไอ้ชาร์มเอ่ยสิ่งที่ผมกำลังคิดออกมา "หรือว่าหลง?"
ผมหัวเราะความคิดมัน ก่อนจะเดาบ้าง "มาซื้อของมั้ง"
"บ้า ห้างแถวมอ A ก็มี จะมาซื้อไรไกลขนาดนี้"
"แล้วเราจะมายืนเถียงกันทำไมเนี่ย" ผมว่า แล้วดันให้มันออกเดิน "อยากรู้ก็เข้าไปถามสิ" แต่ก็ต้องชะงักกึกเมื่อยังเดินไปไม่ทันจะถึงตัวของคนที่เป็นหัวข้อสนทนา ผู้ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาอิงเสียก่อน...
เราสองคนหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย เมื่อผู้ชายคนนั้น คนที่ผมเห็นเพียงแผ่นหลังก็จำได้ทันทีว่าเป็นใคร เดินไปจับมือน้องอิง...
และไม่เหมือนวันนั้น... น้องไม่ได้สะบัดออก
"ไอ้โอม..." ไอ้ชาร์มพึมพำ ก่อนจะทำตาโต "อย่าบอกนะ..."
วูบหนึ่งที่รู้สึกผิดหวังในตัวน้อง... แม้จะรู้ว่าอิงยังรักไอ้โอมอยู่ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าน้องจะหวนกลับไปอยู่ในวังวนเดิมๆ อีกครั้ง
ผมหวังอะไร?
...หวังว่าอิงจะรักตัวเองมากกว่านี้
...หวังว่าอิงจะมีศักดิ์ศรีมากกว่านี้
...หวังให้อิงเจ็บแล้วจำ
"โอ๊ย พี่ อย่าไปถามถึงมันเล้ย... ช่วงนี้เค้าฮ็อท มีนัดตลอด ถ้าไม่ไปไหนก็คุยแต่โทสับ เช้าสายบ่ายเย็น เผลอๆ มีรอบดึกด้วย คนมันกำลังอินลัฟฟฟฟ"
"จริงดิ อินเลิฟกับใคร?"
"ไม่รู้เหมือนกัน ถามมัน มันก็ไม่ยอมบอก บอกแต่ว่ายังไม่แน่ใจ แน่ใจเมื่อไหร่จะเอามาเปิดตัว"...เพราะอย่างนี้หรือเปล่าที่ทำให้ไม่แน่ใจ
สองเท้าก้าวเข้าไปหาคนทั้งคู่โดยอัตโนมัติ ผมแกล้งทำเป็นแปลกใจ "อ้าว อิง มาทำไรแถวนี้ครับ" แล้วหันไปมองไอ้โอมเหมือนเพิ่งจะเห็นมันเหมือนกัน "อ้าว ไอ้โอม มึงก็อยู่ด้วยเหรอ"
ทั้งคู่หันมามองผมด้วยท่าทางตกใจ โดยเฉพาะไอ้โอม "อะ อ้าว มึงก็มาเหรอ"
"อือ ว่าจะมาซื้อหมึกปรินเตอร์ แล้วมึงหละมาทำไม" ผมถามพร้อมกับเหลือบตามองมือทั้งสองที่ยังกุมกันอยู่
ไอ้โอมปล่อยมือออก ก่อนจะยักไหล่ "มาเดินเล่น"
"อืม... เดินเล่น..." ผมพึมพำ ก่อนจะหันไปเลิกคิ้วถามอีกคน "แล้วอิงหละ มาเดินเล่นด้วยเหมือนกันหรือเปล่า"
"อิงมาซื้อหนังสือครับ"
"มาซื้อไกลเนอะ" พยายามแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องประชดออกไป...
ปากที่อ้าขึ้นเหมือนต้องการจะพูดอะไรสักอย่าง หุบลงโดยไม่มีเสียงใดๆ เล็ดรอดออกมา... แว่บหนึ่งที่ผมเห็นความผิดหวังในดวงตาคู่นั้น แต่ไม่สนใจ... ทำไมจะต้องสนใจ เพราะคนที่ควรจะผิดหวัง คือผม ไม่ใช่... คนที่ไม่เห็นคุณค่าตัวเอง อย่างอิง
หันไปหาไอ้โอม ผมพูดเยาะๆ "แถมยังเป็นเวลาเดียวกันกับที่มึงจะมาเดินเล่นพอดีเลยเนอะ"
ไอ้โอมนิ่วหน้า "พูดยังงี้หมายความว่าไง มึงคิดว่ากูนัดน้องมาเหรอ"
แม้แต่สรรพนามยังเปลี่ยน... แต่ก่อนเป็น 'มัน' เดี๋ยวนี้เป็น 'น้อง'
"และถ้าพวกกูนัดเจอกันจริงๆ ก็ไม่เกี่ยวกับมึง"
ผมมองแววตาท้าทายของคนพูดนิ่งๆ ก่อนจะหันไปมองสบตาคนที่ยืนอยู่ข้างๆ มัน ซึ่งมองตอบมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนกับเห็นด้วยในสิ่งที่ไอ้โอมพูด "หึ ก็ใช่ มันไม่เกี่ยวกับกู... เพราะกูไม่ใช่น้องเทมส์"
"เทมส์ไม่เกี่ยว"
"ไม่เกี่ยว?" ผมเลิกคิ้วขึ้น แล้วแกล้งขู่ "ถ้าน้องรู้เรื่องนี้แล้วจะยังไม่เกี่ยวอยู่ไหม?"
ไอ้โอมนิ่งไป... แต่อีกคนกลับมีปฏิกิริยาที่ทำให้ผมแปลกใจ
เพราะอีกคนยิ้มออกมา...
เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกใจหาย...
เป็นรอยยิ้มที่ทำให้รู้สึกเหมือนทำความผิดอะไรสักอย่าง... และเป็นความผิดที่ไม่มีวันกลับไปแก้ไขได้
"ขอบคุณ..." เสียงพูดที่เบาจนเหมือนกระซิบ
ไม่ได้สั่นเครือเหมือนคนกำลังร้องให้... ไม่ได้เย็นชาหรือเกรี้ยวกราดเหมือนคนกำลังโกรธ
เป็นเสียงปกติของน้อง... เสียงนุ่มๆ เหมือนทุกๆ ครั้ง
เสียงนุ่มๆ ที่มาพร้อมใบหน้าและแววตาเรียบเฉย... เฉยจนผมเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
ไม่มีความโกรธ
ไม่มีความน้อยใจ
ไม่มีความเสียใจ
ไม่มีแม้กระทั่งความเย็นชา
เป็นแววตาที่ผมจะเห็นเฉพาะเวลาที่เผลอไปมองสบตากับคนแปลกหน้าเท่านั้น
เป็นแววตาของ... คนที่ไม่รู้จักกัน
=lovemakesmeblind=
นับจากเหตุการณ์วันนั้น... ผมคิดว่าน้องคงเล่าให้เพื่อนฟัง และด้วยนิสัยของน้องยิวแล้ว ผมคงจะโดนโกรธมากแน่ๆ
แต่น่าแปลกที่ทั้งน้องยิวและไอ้คินยังคงปฏิบัติกับผมเช่นเดิม รวมทั้งไม่เคยพูดถึงเรื่องนั้นเลย เหมือนไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น...
แม้กระทั่งตัวอิงเองก็ยังคงปฏิบัติกับผมเหมือนเดิม ยังคุย ยังยิ้มให้ผมเหมือนปกติ เหมือนกับแววตาที่ผมเห็นวันนั้นไม่ใช่เรื่องจริง...
หรือจะตาฝาดไป... ผมเคยคิด
แต่ตอนนี้... ผมมั่นใจแล้วว่า 'แววตา' ที่เห็นในวันนนั้นเป็นเรื่องจริง
แม้อีกฝ่ายจะยังคงคุยและยิ้มแย้มให้ผมเหมือนเดิม
แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือความรู้สึกว่า... ผมไม่ใช่คนสำคัญของน้องอีกต่อไป
ไม่มีความห่วงใย... ไม่มีความคิดถึง
ขับรถดีๆ นะครับ ถึงแล้วโทรบอกอิงด้วย.... ไอ้อิงเหรอ โน่น ขับนำไปแล้ว...
อิงถึงบ้านแล้วนะ พี่จีนถึงยังครับ...ถึงแล้วครับ พี่จีนมีอะไรหรือเปล่า...
พี่จีนกินข้าวยัง อิงอยู่ร้านต้มเลือดหมูที่พี่จีนชอบอะ กินมั้ยครับ เดี๋ยวซื้อไปฝาก...กินแล้วครับ พี่จีนกินไปเลย...
อิงอยู่น่าน อากาศดีมาก พี่จีนอยู่ไหนอะ...อ้าว ไอ้อิงไปพิดโลก มันไม่ได้บอกเหรอ...
พี่จีน เบื่ออะ เช่าหนังดูกันอิงไม่ว่างครับ เอาไว้โอกาสหน้าดีกว่า
อิงไปบ้านป้ามา ป้าฝากขนมมาให้พี่จีน...ไอ้อิงมันไปบ้านป้ามา เอาของมาฝากเพียบ แบ่งไปบ้างดิพี่...
วันนั้น... หลังจากที่น้องบอก 'ขอบคุณ..' แล้วก็ขอตัวแยกไปก่อน โดยไม่มีใครทัดทาน...
'มึงจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม... แต่พวกกูไม่ได้นัดกัน' ไอ้โอมเรียบๆ แล้วก็เดินไปอีกคน... แต่เป็นคนละทางกับอิง
'กูว่ามันพูดจริงหวะ' ไอ้ชาร์มพึมพำออกมา แต่ผมไม่ได้สนใจแล้วว่าไอ้โอมจะพูดจริงหรือหลอก เพราะคนที่ผมสนใจเป็นคนที่ขอตัวแยกไปคนแรกต่างหาก
=lovemakesmeblind=
"อิง..."
เจ้าของชื่อหยุดเดิน แล้วหันกลับมามองผมช้าๆ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ "อ้าว พี่จีน มาทำไรแถวนี้ครับ?"
"มาหาอิง"
คิ้วถูกยกสูงขึ้นไปอีก "ครับ? มีธุระอะไรครับ?"
เดี๋ยวนี้การพบอิง ต้องมีธุระด้วยใช่มั้ย? เป็นเพียงความคิดที่อยู่ข้างใน เพราะผมคงไม่มีสิทธิ์ถามแบบนั้นจนกว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม "พี่มีเรื่องจะคุยกับอิง..."
น้องยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา ก่อนจะถาม "นานมั้ยครับ? พอดีอิงมีธุระ"
"ไม่เกินห้านาที"
อิงทำหน้างงๆ คงสงสัยว่าเรื่องแค่ห้านาทีทำไมผมถึงต้องถ่อมาถึงมหา'ลัยของตัวเอง ก่อนจะบอก "งั้นไปนั่งตรงโน้นก่อนดีกว่า" และระหว่างที่เดินไปด้วยกันก็บอก "จริงๆ โทรมาก็ได้ ไม่เห็นต้องลำบากมาถึงนี่เลย"
"พี่ไม่อยากคุยทางโทรศัพท์" ผมตอบ แล้วทรุดตัวลงนั่งบนม้าหินฝั่งตรงข้ามกับอีกฝ่าย
"ไม่งั้นก็น่าจะโทรมานัดก่อน ดีนะวันนี้เลิกช้า ไม่งั้นไม่เจอกันแน่ ปกติอิงเลิกตั้งแต่บ่ายสองแล้ว"
ถึงจะออกบ่ายสองก็เจอครับ เพราะผมมารอตั้งแต่เที่ยงแล้ว แต่สิ่งที่ผมพูดออกไปกลับเป็น "อิงเป็นไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า"
น้องมองผมอึ้งๆ ก่อนจะพูดกลั้วหัวเราะ "ถามเหมือนไม่ได้เจอกันนาน มีอะไรเปล่าครับ"
ผมยักไหล่ ก่อนจะบอก "อืม... ทั้งๆ ที่เราก็เจอกันออกบ่อย แต่ทำไมพี่ถึงรู้สึกว่าเราไม่ได้เจอกันเลย"
น้องเลิกคิ้วขึ้น แต่ไม่พูดอะไร "......"
ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะพูดสิ่งที่อยากจะบอกอีกฝ่ายตั้งนานแล้วแต่ไม่มีโอกาส "พี่ขอโทษ... ที่วันนั้นเข้าใจผิด"
"....."
"พี่เข้าใจว่าอิงโกรธพี่ แต่ข-" พูดยังไม่ทันจบประโยค คนที่นั่งมองมานิ่งๆ ก็เอ่ยขัดเสียก่อน "อิงไม่ได้โกรธพี่"
ผมมองสบตาของอีกฝ่าย พยายามมองหาร่องรอยของความโกรธ แต่กลับเห็นเพียงความเรียบเฉยที่คาดเดาไม่ได้
"อิงเข้าใจ..."
"......."
"คนที่เคยทำผิด... มันยากที่จะทำให้คนอื่นไว้ใจ"
=lovemakesmeblind=
คนอ่านจะงงมั้นเนี่ย 555+ เหตุการณ์เหมือนจะไม่ต่อกันนะ แต่มันเป็นมุมมองของจีน ข้อมูลเลยขาดๆ หายๆ ไป เพราะจีนไม่ได้อยู่ทุกที่
[แหมๆ พี่อิงก็ฮ็อทใช่เล่นเนาะ แล้วถ้าอิงไปเนี่ย จะเป็นกขคงจฉป๊ะ]/.....พี่จีน
^
^
^
ขอบคุณหลาย แต่ว่า 'พี่อิง' คือ 'พี่ของอิง' เลยไม่แก้เนาะ