chapter seven
น้ำค้างยิ้มจืดๆ ให้แม่ตัวเองที่มองเขาสลับกับคุณฮิม หญิงวัยสี่สิบกว่าๆ มาพร้อมกับของเต็มสองมือ มือหนึ่งขนมจีน อีกมือหนึ่งถือพวกเนื้อสดมาตุนให้เขา ไม่รู้ว่าแม่ทำหน้างงเพราะเห็นเขาพาคนไม่คุ้นหน้าคุ้นตามาห้องหรือว่าตกใจที่เห็นเขากำลังนัวกันอยู่ก็ไม่แน่ใจ หันมองคุณฮิมที่ยกมือไหว้สวัสดียิ้มหวานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วก็อยากลองแกล้งโคม่าดู เผื่อจะหนีปัญหาได้สักพักนึง
“แม่ เอ่อ นี่คุณฮิม คณะบัญชี” น้ำค้างพูดแล้วก็ผายมือไปที่คุณฮิมที่ยิ้มค้างนานกว่าปกติ “แล้วไหนแม่บอกจะมาตอนเย็นไงครับ”
“ก็แม่ส่งแชทมาบอกแล้วไงว่าจะเข้ามาก่อน ทำไมน้องน้ำไม่อ่านครับ”
แม่พูดแล้วก็พยักเพยิดไปทางโทรศัพท์เขาที่วางอยู่ตรงโต๊ะแถวครัว ได้ยินเสียงคุณฮิมกลั้นขำมาจากหางตากับสรรพนามที่แม่เรียกเขาว่าน้องน้ำ น้ำค้างถึงกับยิ้มเจื่อน ไอ้เวร ไม่เท่เลย
“แล้วเดี๋ยวนี่ น้องน้ำต้มแกงไว้ทำไมไม่ปิดแก๊สครับ เดี๋ยวก็ไหม้หมด”
เหมือนแม่จะเห็นแกงเขียวหวานที่กำลังเดือดปุดๆ อยู่ตรงเตาแก๊สถึงได้รีบกุลีกุจอไปที่เตาแก๊ส เอาจริงๆ น้ำค้างก็ลืมเสียสนิทว่าตัวเองต้มแกงไว้ พอแม่หันไปสนใจเตาแก๊สกับตู้เย็นเขาก็เลยรีบหันมาหาคุณฮิมทันที
“คุณฮิม ขอโทษทีอะ ไม่นึกว่าแม่จะมา”
“ไม่เป็นไรครับน้องน้ำ”
คุณฮิมพูดยิ้มๆ แล้วก็ขำใหญ่ตอนน้ำค้างเอามือสองข้างก่ายหน้าผากเสยขึ้นไปยันหัวอีกครั้ง อยากกลั้นหายใจตายตรงนี้เลย ทำไมทำอะไรก็ดูไม่เท่ไม่หล่อเลยวะ ลูกชายแม่ไม่มีเมียสักทีเพราะเป็นได้แค่น้องน้ำนี่แหละ
“ถ้าให้เดา แม่คุณน้ำค้างซีเรียสล่ะสิ” คุณฮิมยิ้มเหมือนจะรู้ทัน
“ก็บ่นๆ แต่ผมไม่เคยมีคนคุยเป็นตัวเป็นตน ก็ไม่รู้แม่จะว่าไง” น้ำค้างตอบแล้วก็มองแผ่นหลังเล็กๆ ของแม่ที่เอาของใส่ตู้เย็นอยู่ “คุณฮิมโกรธรึเปล่า”
“โกรธอะไรล่ะ ผู้ใหญ่ก็แบบนี้แหละ” คุณฮิมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแล้วก็ทำหน้าเฉยๆ “ทำไมล่ะน้องน้ำ จะเลิกยุ่งกับผมเหรอครับ”
“เห้ย! ไม่เลิก! คุณฮิม ผมไม่เลิกนะ” น้ำค้างรีบพูดเสียงดังด้วยนิสัยขี้ตกใจของตัวเอง จนแม่เขาหันกลับมามองว่าทำไมเขาเอะอะโวยวาย
“พูดเหมือนผมขอเลิกเลย ยังไม่ทันคบกันเลยคุณ” คุณฮิมตีไหล่เขาให้ใจเย็นๆ
“คุณฮิมคือ...” น้ำค้างรู้สึกเหมือนว่าต้องพูดอะไรสักอย่างให้คุณฮิมมั่นใจว่าเขาไม่ได้ถือเลยเรื่องที่เป็นอัลฟ่าด้วยกันเอง แต่แม่ดันเรียกมาจากในครัวเสียก่อน
“น้องน้ำ! มาช่วยแม่ดูแกงหน่อยครับ!”
“อ้าว น้องน้ำ ไปเร็ว แม่เรียกแล้วนะครับ” คุณฮิมได้ทีก็แซวต่อ ทำเอาน้ำค้างบีบขมับตัวเองพลางขานรับแล้วเดินไปหาแม่
“แม่ ไม่เรียกน้องน้ำได้ไหมอะ” น้ำค้างว่าพลางคนแกงในขณะที่แม่เขาหย่อนมะเขือลงเพิ่ม
“อายแฟนเหรอครับ” หญิงวัยทองพูดหน้าเรียบเฉย แต่น้ำค้างมือชะงักจากทัพพีที่จับอยู่ ทำตาโตหันมองแม่ที่ยังคงปอกมะเขือไม่รู้ไม่ชี้
“แม่ เดี๋ยว คือ” น้ำค้างเริ่มติดอ่าง คนว่ากันว่าผีเห็นผี แต่แม่ไม่ใช่ผี ทำไมรู้เห็นกันไปหมด
“ทำเหมือนแม่สายตายาวแล้วจะมองไม่เห็นอย่างงั้นแหละน้องน้ำ” แม่เขาพูดต่อด้วยเสียงไม่ยินดียินร้าย “มีอะไรไม่เล่าให้ฟังเลยครับ”
“ก็แม่...ยังคุยๆ กันอยู่” น้ำค้างตอบเสียงอ่อย
“หนูฮิมเขาเป็นเบต้าหรือโอเมก้าล่ะครับ” แม่ถามทั่วๆ ไป แต่น้ำค้างอยากเอาหน้าจุ่มหม้อแกงเขียวหวาน ปกติแม่เรียกใครว่าหนูนำหน้าแสดงว่าเอ็นดู เหมือนตอนเจอกิมเรื่อยๆ ก็เรียกหนูกิมอย่างงู้นอย่างงี้ มีช่วงแรกๆ ที่แม่เข้าใจว่าเขากับกิมดูใจกันอยู่ก็มี ไอ้กิมบอกว่าให้เขาเคลียร์กับแม่ด้วย เพราะมันจะอ้วก
“เอ่อ แม่จะโกรธไหมอะ” น้ำค้างถามชิมลางดูอารมณ์แม่
“โกรธอะไร”
“ก็คุณฮิมเขา...”
“หนูฮิมทำไม ไม่รักลูกแม่เหรอ หรือน้องน้ำไปทำเขาท้องก่อนคบ”
“แม่! ไม่ใช่!”
น้ำค้างเอะอะเสียงดังอีกรอบ เอาซะคุณฮิมโผล่หน้าจากโซฟามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ลุกเดินมาหาเขา
“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ” คุณฮิมถามแล้วก็โค้มตัวนิดๆ ให้แม่เขาก่อนจะใช้รอยยิ้มการค้าแบบที่สตาร์บัคมาแปะไว้บนหน้า
“หนูฮิม แม่ถามอะไรหน่อย น้องน้ำทำอะไรหนูรึเปล่าเนี่ย” แม่เขาพอได้ตัวต้นเหตุก็หันมาจับหมับที่แขนป่าสนของเขาทันที แถมยังขมวดคิ้วถามเหมือนเขาทำคุณฮิมท้องจริงๆ ทั้งที่อีกฝ่ายท้องไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
“น้องน้ำกัดเจ็บครับคุณแม่”
คุณฮิม! เดี๋ยวก่อน! น้ำค้างหันขวับทำตาโตกำลังจะแก้ตัวแต่แม่เขาโดนคุณฮิมลากไปนั่งที่โซฟาเรียบร้อยแล้ว อยากจะเดินตามไปแต่ก็ต้องเฝ้าแกงเขียวหวานตรงหน้า ถ้าเขาหายไปก็ไม่ต้องสงสัย เอาตัวเองลงหม้อไปแล้ว
แต่สุดท้ายน้ำค้างก็แอบเงี่ยหูฟังอยู่ดี
“อย่าไปยอมน้องน้ำมากนะครับ น้องน้ำเขาเบ๊อะบ๊ะ ฝากดูแลด้วย”
ทำไมแม่ต้องพูดแบบนั้นอะ คือลูกชายแม่ก็ไม่ได้ขนาดนั้นไหม
“แล้วหนูฮิมนี่ไม่แปลกใจเลยทำไมน้องน้ำชอบ กลิ่นเขียวเหมือนสนามหญ้าหน้าบ้านเลยครับ”
แม่! คุณฮิมเขากลิ่นป่าสนต่างหาก! แล้วเขาก็ไม่ได้ชอบกลิ่นหญ้าโว้ย น้ำค้างได้แต่ตะโกนโอดครวญในใจ คือถ้าชอบกลิ่นหญ้าเขาน่าจะชอบวัวชอบควายแล้วล่ะ แม่พาน้องน้ำไปปล่อยชนบทได้เลยครับ
“แล้วสรุปน้องน้ำไม่ได้ทำอะไรหนูฮิมใช่ไหมเนี่ย?”
น้ำค้างหันไปมอง เห็นคุณฮิมส่ายหน้ายิ้มๆ
“น้องน้ำโกหกผมตอนเจอกันครั้งแรกว่าเป็นโอเมก้าครับคุณแม่”
น้ำค้างหูผึ่ง ไม่คิดว่าคุณฮิมจะเป็นคนเริ่มต้นเล่าเอง แอบหันไปมองอีกรอบก็เห็นว่าแม่เขาเริ่มทำหน้างงๆ น้ำค้างกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ คิดถึงเวลาแม่ปรี๊ดแตกใส่ทีไรก็อยากจะไปกอดเข่ามุมห้องทุกรอบ พ่อก็ไม่อยู่ห้ามด้วย จะโดนดุอีกไหมนี่
“อ้าว หนูฮิมเป็นอัลฟ่าเหรอครับ”
“ใช่ครับ”
มื้อเย็นจะได้รับประทานแกงเขียวหวานอย่างสงบสุขหรือไม่นะ น้ำค้างลอบคิดในใจแล้วก็คนแกงต่อเงียบๆ
“แล้วแบบนี้ทำไงล่ะเนี่ย หนูฮิมจะทิ้งน้องน้ำไหม”
“แม่” น้ำค้างเรียกพอถึงประโยคนั้น คุณฮิมขำน้อยๆ แต่แม่เขาขมวดคิ้วกลัวคุณฮิมจะทิ้งจริงๆ คือยังไม่ทันได้คบกันเลย ทำไมแม่ถึงขี้กังวลแบบนี้
“แม่ก็ต้องถามก่อนสิครับ ถ้าเกิดหนูฮิมหรือน้องน้ำเกิดไปติดใจโอเมก้าคนอื่นขึ้นมาทำไง” แม่เขาพูดแล้วน้ำค้างก็อยากจะแทรกแต่แม่พูดต่อ “น้องน้ำยิ่งไม่เคยมีแฟนเลย แม่ก็ต้องห่วงสิ อัลฟ่าทั้งคู่แม่ไม่เคยเห็นคู่ไหนคบกันรอดเลยนะ”
น้ำค้างเงียบ แม่เขาไม่ได้กังวลที่จะมีลูกให้ไม่ได้ แต่แม่ก็แค่กังวลว่าจะอยู่กันไม่รอด ก็เท่านั้น สำหรับน้ำค้าง เขาเป็นคนค่อนข้างยึดติด เขาไม่เคยคิดถึงคนอื่นเวลามีใครที่ชอบจริงๆ แต่สำหรับคุณฮิม ลึกๆ แล้วน้ำค้างก็กลัว ว่าคุณฮิมจะมาหยอกเล่นกับเขาเฉยๆ
“แม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ยังไม่ทันได้คบเลย” น้ำค้างพูดตัดบทให้แม่เลิกซักถามคุณฮิม “ไปชิมแกงให้ผมหน่อย ไหนบอกอยากกินแกงเขียวหวานไง”
แม่เขาลุกไปที่หม้อ แล้วน้ำค้างก็หันมาหาป่าสนของเขาที่มองหน้าเขายิ้มๆ
“คุณฮิม เอ่อ อึดอัดรึเปล่า”
“ไม่หรอกคุณน้ำค้าง”
คุณฮิมยิ้มหวานให้ แต่น้ำค้างรู้สึกว่าในแววตาที่อ่านไม่ออกนั้นมีอะไรวูบไหว
มื้อเย็นวันนั้น ป่าสนของเขาวังเวงกว่าที่เคย และหมอกลงหนาจัดเสียจนมองไม่เห็นทิวทัศน์ที่ชัดเจน
☁
ฮิมไม่ได้แตะแอลกอฮอล์มานานมากพอๆ กับบุหรี่ คิดถึงบ้างในรสและควันที่เผาไหม้ แต่พอนึกถึงตอนที่กว่าจะเลิกได้อย่างลำบากยากเย็น ก็เลือกที่จะไม่แตะอีก
ส่วนแอลกอฮอล์ ฮิมเลือกให้มันเป็นเพื่อนแก้เหงาในคืนนี้
“คิดไงมาดื่มวะ”
“เบื่อ อยากเหล้าเฉยๆ”
“ตอแหล มึงกินเหล้าทีไรก็มีสาเหตุทุกที”
ฮิมยกมุมปากให้ไอ้จิงอย่างเกียจคร้านจะต่อล้อต่อเถียง มือยกแก้วขึ้นจิบแอลกอฮอล์สีใสล้อกับแสงในบาร์ เพลงแจ๊สเปิดคลอพอให้เป็นเสียงรบกวน
“แล้วพรุ่งนี้ไม่ต้องทำพาร์ทไทม์เหรอวะ”
“อือ มีพี่ขอแลกกะ”
“อย่าแดกเยอะ พรุ่งนี้ยังต้องเรียน”
“เป็นผัวเหรอมาสั่ง” ฮิมตอบแบบกวนประสาทเพื่อน ในหัวนึกถึงคุณน้ำค้างขึ้นมากลายๆ แบบไม่ได้ตั้งใจ รายนั้นคงตามใจเขาน่าดู แต่ก็คงดุถ้าเขาจะทำตัวเหลวไหลแบบนี้
“ให้กูเรียกผัวมึงมาจริงๆ ไหมล่ะสัดฮิม”
ฮิมรู้ว่าไอ้จิงหมายถึงคนไหน
“รู้ดี”
“มึงเลิกไปป้วนเปี้ยนกับเขาได้แล้ว” ไอ้จิงกระดกเข้าปากตัวเองบ้าง
“ถ้าสั่งแล้วกูเลิก มึงคงเป็นพ่อกูได้แล้วล่ะ”
“ทำไมมึงเหล้าเข้าปากแล้วปากดีจังวะ”
“ไม่ชิน?”
ไอ้จิงถอนหายใจเสียงดังแบบจงใจให้เขารำคาญ แต่ฮิมมีเรื่องให้คิดในหัวมากกว่าจะมานั่งสนใจเพื่อนสนิทตัวเอง มองแก้วแล้วก็เอานิ้วไล้ไปตามหยาดน้ำที่เกาะพราวอยู่อย่างใจลอย คิดถึงคุณน้ำค้างขึ้นมาอีกรอบแบบไม่ได้ตั้งใจ ด้วยหยดน้ำเม็ดละเมียด ชวนให้คิดถึงชื่ออัลฟ่าตัวโตแต่ทำตัวเป็นแม่บ้านขึ้นมา
“แล้วคนใหม่เขาไม่หวงแย่เหรอวะ”
“หวง” ฮิมตอบพลางเหลือบมองข้อมือตัวเองที่ยังทิ้งรอยช้ำไว้อยู่ “กัดเจ็บ”
“มึงจริงจังไหม”
“จริงจังดีไหมล่ะ”
เพื่อนสนิทเงียบลง ฮิมพูดตอบสิ่งที่อยู่ในหัวไป เขาไม่ได้อยากจะตัดสินใจอะไรตอนนี้ ด้านชาเกินกว่าจะไปต่อ แต่ก็เหงาเกินกว่าจะอยู่คนเดียว จริงจังแล้วจะมีอะไรดีขึ้นไหม หรือจริงจังแล้วจะเป็นการไม่แฟร์ต่อตัวเอง เพราะคนที่เจ็บปวดที่สุดในการเทหมดหน้าตักก็คือตัวเขาเอง ฮิมเรียนรู้จากการเก็บเศษเสี้ยวของตัวเองมาประกอบกันทีละน้อย เรียนรู้จากควันบุหรี่ทั้งหมดที่อัดอยู่ในปอดจนแทบจะเหมือนควันไฟที่เผาไหม้โขมง
ดื่มไปสักพักเพื่อนก็ขอตัวไปคุยโทรศัพท์ ท่าทางจะเป็นธุระในคณะ เห็นบอกอาจารย์โทรมา ฮิมได้ทีเลยสั่งมากระดกทีเดียวแรงๆ นึกๆ ดูก็น่าจะมาคนเดียวเพราะจะได้ไม่มีคนห้ามเวลาอยากกินเยอะๆ แต่ที่ต้องลากเพื่อนมาก็เพราะจะให้มาเก็บศพเขากลับนั่นแหละ
สติค่อยๆ จางลงทีละนิด ฮิมดื่มเหมือนน้ำ และก็เพิกเฉยกับจำนวนที่อยู่ในกระแสเลือด ความร้อนที่จ่อคอและท้องไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่าจะต้องเลิก คนเรานิยามแอลกอฮอล์ว่าสามารถทำให้ลืมเรื่องได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่มันผิดทั้งหมด เพราะเขาเอาแต่จำ จำได้ดี จำได้ทุกประโยค ทุกคำพูด ทุกการกระทำ จำเหมือนมีคนมาเปิดแผ่นและบังคับให้ดูทั้งๆ ที่ไม่อยาก ไม่เคยมีอะไรดีเลยในความสัมพันธ์ ไม่เคยมีอะไรดีเลยในการพยายามจะทำให้ทุกอย่างถูกต้องและยืนยาว
“ไอ้เพื่อนเวร กูบอกว่าอย่ากินเยอะ นอนฟุบโต๊ะเลย ไอ้สัดเอ๊ย”
จิงกลับมาหลังจากหายไปเกือบชั่วโมง แล้วก็ด่าเขาจริงๆ ด้วย ฮิมยิ้มขำน้อยๆ เมื่อเห็นเพื่อนหัวเสีย
“ไม่ต้องมายิ้มไอ้เหี้ย กูไม่ลากมึงกลับแน่วันนี้ เมียกูนอนอยู่ห้อง”
ไอ้จิงด่าเสร็จก็มาล้วงหาโทรศัพท์เขาในกระเป๋ากางเกง ทำเอาฮิมต้องจับข้อมือเพื่อนให้หยุด ไอ้จิงมันโทรจริงๆ แน่ และฮิมไม่อยากจะให้โทรหา...
“กูไม่ได้จะโทรหาเขา จะโทรหาใครก็ได้ที่แบกมึงกลับได้” เพื่อนสนิทเสียงอ่อนลงเมื่อเขาจับมืออีกคนแน่น ก่อนจะเปิดหารายชื่อ “ใครดีวะ เอาคนที่ไว้ใจได้ แล้วนี่...ฮิมมึงจ้างแม่บ้านเหรอ”
ฮิมขมวดคิ้ว ก่อนจะนึกถึงคุณน้ำค้างขึ้นมาถึงพยักหน้าไป แม่บ้าน...อือ ก็แม่บ้านจริงๆ นั่นแหละ
“แม่บ้านญี่ปุ่นด้วยว่ะ มึงจ้างเขามานี่คุยรู้เรื่องเหรอวะ” ไอ้จิงยังคงบ่นให้เขาฟังต่อ โดยที่เขาไม่ได้ตอบอะไรเพราะมึนเกินกว่าจะอ้าปากพูด “เออแล้วกูจะคุยรู้เรื่องไหมวะ ภาษาญี่ปุ่นเวลารับสายเขาต้องพูดอะไรอะ หรือแม่บ้านมึงพูดอังกฤษได้ ไอ้ฮิม มึงตอบกูหน่อยดิ๊”
เสียงของไอ้จิงตอนนี้กลายเป็นแบคกราวด์ไปแล้วสำหรับฮิม
“เออ โทรก็โทรวะ” จิงกดโทรออก ก่อนจะรอสาย
☁
น้ำค้างมองนาฬิกา ตอนนี้เวลาสี่ทุ่ม และคุณฮิมกำลังโทรมาหาเขา
น้ำค้างวางมือจากเม้าส์ที่กำลังร่างโครงอยู่ในโปรแกรม ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสไลด์รับสาย อะไรทำให้ป่าสนโทรมายามค่ำคืน สำหรับน้ำค้างมันไม่ดึกดื่น แต่ก็ดึกกว่าที่คุณฮิมจะโทรมา และไม่ใช่วิสัยเลยด้วยซ้ำ
“ฮัลโหลครับ”
[ไฮ่ อาร์ยูแม่บ้าน... ไอ้เวร แม่บ้านญี่ปุ่นภาษาอังกฤษคืออะไรวะ ไอ้ฮิม ไอ้สัดฮิม! มึงตื่นมาตอบกูหน่อย กูโง่]
น้ำค้างถึงกับต้องวางโทรศัพท์ไว้กับโต๊ะแล้วกดเปิดลำโพง ก่อนจะมองหน้าจอเหมือนไม่เคยรู้จักคุณฮิมมาก่อน นี่คือใคร แล้วใช้เบอร์คุณฮิมโทรมาหาเขาได้ยังไง แล้วแม่บ้านญี่ปุ่นนี่มันอะไร อาการแพนิคในตัวน้ำค้างเริ่มจะก่อตัวขึ้นมาทีละน้อย คุณฮิมเป็นอะไร หรือเขาจะโดนทิ้งแบบที่แม่บอกจริงๆ
“เอ่อ ขอโทษนะครับ นี่ใคร”
[แม่บ้าน...ทำไมพูดไทยได้วะ แล้วเสียงแมนมาก แม่บ้านมึงเทคฮอร์โมนเหรอวะฮิม]
เสียงกุกกัก กับเสียงเพลงแจ๊สที่ดังออกมาจากปลายสายทำเอาน้ำค้างถึงกับต้องโน้มหน้าเอาหูลงไปติดกับลำโพง ก่อนจะนิ่วหน้าแล้วเอาตัวออกมาอีกรอบ ทำไมมีแต่เรื่องที่เขาไม่เข้าใจ อะไรทำให้คนเข้าใจว่าเขาคือแม่บ้านญี่ปุ่นจริงๆ ได้
“เอ่อ ผมเพื่อนคุณฮิมครับ ชื่อน้ำค้าง” น้ำค้างตอบ แอบเฝื่อนคอกับคำว่าเพื่อนเบาๆ แต่ก็ไม่กล้าพูดว่าคนคุยเต็มปากเต็มคำ ในใจหนึบๆ อยู่ที่ใครก็ไม่รู้โทรมาแถมเข้าใจผิดว่าเขาเป็นแม่บ้าน หรือจะเป็นแฟนที่แท้จริงของคุณฮิมกันแน่ เขาจะโดนรุมซ้อมไหม
[เอ้า ชื่อคุ้นจังวะ นี่คนใหม่มึงเหรอฮิม ละทำไมเมมชื่องี้วะ มึงจะจ้างเขาหรือมึงจะเป็นเมียเขา]
“เดี๋ยวครับ เดี๋ยว! คือ...ยังไม่ได้คบ!”
[เออ เดี๋ยวก็ได้เองแหละคุณ มารับซากเพื่อนผมที ทำความดีเยอะๆ ขึ้นสวรรค์ แต่ถ้ามาเก็บซากเมียก็จะเป็นยอดผัว เฉียบๆ]
เฉียบตรงไหนวะ คือไม่เก๊ต
“เดี๋ยว คือคุณฮิมเป็นอะไรเหรอครับ”
[เมาแอ๋เป็นหมา ผมเอามันกลับไม่ได้เพราะเมียนอนอยู่ห้อง คุณมาเอากลับที]
น้ำค้างถึงกับกะพริบตาปริบๆ มองหน้าจองานแล้วก็มองโทรศัพท์ ถ้าเอาคุณฮิมมาห้องเขาจะได้งานไหม แต่ประเด็นคือตกใจที่คุณฮิมไปเมาอยู่คาบาร์ ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนที่ต้องไปรับ แต่เป็นห่วงว่าอีกคนคิดอะไรอยู่มากกว่า เขาน่ะขี้กังวลและคิดมากเป็นที่หนึ่ง
“เดี๋ยวผมไปครับ”
รับคำกับสถานที่มาแล้วก็หยิบ...กระเป๋าเงินเพื่อจะลงไปเรียกแท็กซี่
คิดเหรอว่าจะเท่มีรถขับ ทำเป็นหยิบกุญแจรถ ความจริงมีบัตรแรบบิทใช้ขึ้นบีทีเอสก็หรูแล้ว
น้ำค้างนั่งแท็กซี่ไปถึงบาร์ที่ว่าแล้วก็รีบลงเดินเข้าไปหาตัวคุณฮิม กลิ่นหอมปนกันมั่วไปหมดจนกลายเป็นฉุนจมูก น้ำค้างไม่ชอบไปผับไปบาร์ก็แบบนี้ กลิ่นตีปนกันมั่วเสียจนแยกไม่ออก หาเสน่ห์จากการมาที่นี่ไม่ได้เลยในสายตาเขา
สาวเท้าเดินไปตรงเคาทน์เตอร์แล้วก็เจอกับป่าสนของเขาและเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันนั่งเท้าคางอยู่ข้างๆ ท่าทางจะเป็นคนเดียวกับที่คุยกับเขา
“ฝากเพื่อนผมด้วย คลาดสายตาแป๊บเดียวแม่งแดกเหมือนนมแม่ กินเหล้าไม่ได้ทำให้มึงโตขึ้นหรอกไอ้สัด” เพื่อนคนเดียวกับที่โทรมาหาเขาเอานิ้วชี้จิ้มๆ หัวคุณฮิมแรงๆ สองสามที จนน้ำค้างต้องจับข้อมือให้พอ กลัวหัวจะเป็นรูซะก่อน
“เขาจะอ้วกไหมครับ” น้ำค้างถามด้วยความเตรียมพร้อม ในใจคิดไว้แล้วว่าถ้าจะมารับคนเมาต้องได้เช็ดอ้วกแน่นอน
“ไม่อ้วก แต่พูดมาก แล้วก็จะกอดหนึบ” เพื่อนคุณฮิมว่าก่อนจะทำท่ากอดตัวเองเหมือนสาธิต “คุณเคยเห็นโคอาล่าเกาะต้นไม้ปะ ท่านั้นอะ เกาะไว้จนกว่าจะหลับ ไม่ยอมนอนถ้าไม่ได้กอดตัวคน”
น้ำค้างพยักหน้า แล้วก็ลอบถอนหายใจ กอดอย่างเดียวก็ดี เขาจะได้ไม่หัวใจวายคาห้อง
แต่พอพากลับมาถึงห้องได้ เขาก็จัดการเอาคุณฮิมหย่อนลงเตียงก่อนอันดับแรก พอเห็นอีกคนไม่ตื่นขึ้นมาอีก น้ำค้างก็โล่งใจ โอเค จะได้ทำงานต่อสักที
แต่...พอนั่งทำไปสักพักน้ำค้างก็รู้สึกคาใจขึ้นมาอีกเหมือนว่าต้องทำอะไรสักอย่าง มือเลื่อนเอาเม้าส์วนไปวนมาอยู่หน้าแบบโครงร่าง ปรับนู่นเปลี่ยนนี่ แต่ก็ไม่หายคาใจ จนหันไปมองคุณฮิมที่นอนอยู่บนเตียงนั่นแหละ ถึงได้รู้ว่านิสัยแม่บ้านของตัวเองมันติดเป็นสันดานที่แกะไม่ออกจริงๆ ด้วย
อัลฟ่าตัวโตลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปที่ปลายเตียง มือค่อยๆ ยกเท้าคุณฮิมขึ้นมาถอดถุงเท้าให้ทีละข้าง เดินอ้อมไปข้างเตียง แล้วก็แกะเนคไท กับปลดกระดุมเม็ดบนออกให้ แล้วก็ม้วนทุกอย่างวางไว้โต๊ะข้างหัวเตียง ก่อนจะเดินกลับมาหย่อนตูดทำงานต่อ
ซึ่งพอนั่งไปได้อีกสิบนาที น้ำค้างก็รู้สึกตงิดใจว่ายังทำอะไรไม่ครบอีก หันไปมองคุณฮิมอีกรอบ จนขาเจ้ากรรมเดินไปที่ห้องน้ำ หยิบกะละมัง กับผ้าขนหนูผืนเล็ก ก่อนจะชุบน้ำแล้วก็เดินกลับมาที่เตียงแบบย่องๆ เพราะกลัวน้ำจะกระฉอกเต็มพื้นห้อง อย่าคิดว่าเขาโตป่านนี้จะไม่เคยลื่นล้มในพื้นห้องน้ำเปียกๆ น้ำค้างบอกเลยว่าไอ้กิมมันยืนขำอยู่หน้าประตูส้วมแทนที่จะมาช่วยดึงเขาให้ลุกขึ้น เพื่อนตายสุดๆ
มือจับผ้าขนหนูลงมือเช็ดในส่วนที่พอจะเช็ดได้ ม้วนขากางเกงขึ้นมาถึงเข่า ปลดกระดุมเสื้อแล้วก็เลิกขึ้นเพื่อเช็ด เสยผมหน้าม้าก่อนจะค่อยๆ เช็ดเบาๆ เพราะกลัวอีกคนจะตื่น น้ำค้างคิดว่าตัวเองมือเบามาก จนกระทั่งกำลังจะพลิกตัวเช็ดด้านหลังนั่นแหละ คุณฮิมถึงได้ปรือตาชูแขนสองข้างขึ้นมา
ไอ้ชิบหาย ตื่นเหรอ
“คุณน้ำค้าง”
“ครับ?”
“กอดหน่อย”
น้ำค้างกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แต่ก็ยอมวางผ้าขนหนูลง แล้วโน้มลงไปกอดคุณฮิมตามที่อีกคนอ้าแขนมาให้
“อยู่อย่างงี้จนตื่นเลยนะ” คุณฮิมพูดในคอ ซึ่งน้ำค้างว่ามันไม่ถูกต้องน่ะซี่ มือเอื้อมกลับไปคลำหาผ้าขนหนูเปียกน้ำหมาดๆ ผืนเมื่อกี้ก่อนจะค่อยๆ ใช้แขนที่กอดคุณฮิมอยู่ฉุดให้ลุกขึ้นมาเป็นท่านั่งกอดกันแทน
“ขอเช็ดหลังก่อนนะคุณฮิม” น้ำค้างบอกอยู่ตรงไหล่แล้วก็ล้วงไปใต้ชายเสื้อด้านหลังเพื่อจะเช็ดให้ แต่จะกอดแบบนี้ตลอดไปไม่ได้ คุณฮิมยังไม่ได้...
“คุณฮิม เดี๋ยวปล่อยก่อน ต้องแปรงฟัน” น้ำค้างพูดแล้วก็แปะๆ ที่หลังอีกคนเบาๆ
“ไม่เอา คุณน้ำค้าง จู้จี้”
เป็นครั้งแรกที่โดนคุณฮิมว่าเข้าให้ แต่น้ำค้างรู้สึกว่าคุณฮิมต้องได้แปรงฟันก่อน
“เดี๋ยวผมแปรงให้ คุณฮิมแค่นอนเฉยๆ ไง แต่ขอไปหยิบแปรงสีฟันก่อน” น้ำค้างบอกแล้วก็เสยผมชื้นเหงื่อให้คุณฮิม
“ใจดีมาก เหมือนผมเป็นง่อยเลย”
“ครับ?” น้ำค้างฟังไม่ค่อยชัด แต่ก็แกะแขนของคนเมาออกมาได้ เขารีบพุ่งไปที่ห้องน้ำเพื่อหาแปรงสีฟันสำรองที่ซื้อมาตุนให้ตัวเอง บีบยา หาแก้วน้ำให้อีกคนบ้วนปาก แล้วก็ย่องเหยาะๆ กลับมาท่าเดิมด้วยกลังคุณฮิมจะหงุดหงิดที่เขากลับไปช้า
“อ้าปากหน่อยคุณฮิม” น้ำค้างบอกแล้วก็แหย่แปรงเข้าปากอีกคนที่หลับตาเผยอปากให้เขาแต่โดยดี น้ำค้างไม่เคยแปรงฟันให้ใคร และไม่ได้เรียนทันตแพทย์ เลยไม่รู้ว่าแปรงสะอาดไหม แต่อย่างน้อยคุณฮิมจะได้ไม่ต้องตื่นมาเหม็นๆ หรือฟันผุ การตื่นมาโดยไม่ได้แปรงฟันและไปดื่มเหล้ามามันออกจะไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเลยนะ
พอจัดการความสะอาดเรียบร้อยแล้วน้ำค้างก็รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ทีนี้คุณฮิมจะได้นอนหลับสบายๆ แล้ว
“คุณน้ำค้าง ไปไหน”
แต่น้ำค้างลืมคิดไปว่าคนเป็นหมอนข้างมนุษย์คนเดียวในห้องคือตัวเขาเอง
“เอ่อ ทำงานต่อ...ครับ”
คุณฮิมไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่กลับชูแขนสองข้างค้างอยู่เหนือตัวเองแบบนั้นทั้งๆ ที่น้ำค้างก็จัดแจงห่มผ้าให้เรียบร้อยแล้ว คนเป็นเด็กสถาปัตย์ถึงกับจับท้ายทอยอย่างไม่รู้จะทำยังไง แต่สุดท้ายด้วยความใจอ่อน ก็เลยยกแลปท็อปก่อนจะปีนขึ้นไปบนเตียงข้างๆ แล้ววางแล็ปท็อปไว้บนตักตัวเอง
คุณฮิมเหมือนรู้ว่าเขายอมตามใจแบกงานมาทำตรงเตียงแทนโต๊ะ ก็จัดการพลิกตัวนอนตะแคงหันข้างมากอดเอวเขาไว้ หัวเกยขึ้นมาบนตักนิดหน่อย ก่อนจะนอนหลับเหมือนที่เพื่อนคุณฮิมพูดไว้จริงๆ
ส่วนน้ำค้างไม่มีปัญหาอะไรถ้าจะไม่ได้นอน เสียงไอ้กิมลอยมาในหัวว่า เป็นเด็กสถาปัตย์ใครเขานอนกัน เพ้อเจ้อ
แต่ตอนลุกไปแปรงฟันเนี่ยสิ จะลุกยังไง คุณฮิมกอดแน่นขนาดนี้
tbc.
คุณน้ำค้างผู้ชายอบอุ่นดั่งเครื่องซักผ้า
ช่วงนี้ตอนแต่งฟังแต่เพลงแปลกๆ วนไปวนมาค่ะ แบบไม่เข้ากับฟีลเรื่องเลย
แบบเพลง the light is coming out - ariana grande กับ apeshit - the carters
ขอบคุณสำหรับทุกฟีทแบคเช่นเคยนะคะ
feel free to comment and tag
#น้ำค้างกลางป่าสน
thank you as always