Ominous Bird นกบอกลาง [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ควรจะมีภาคต่อไหม ?

มีก็ดี :D
34 (82.9%)
ไม่มี จบแค่นี้ก็ฟินแล้ว ~
3 (7.3%)
มีก็ได้ไม่มีก็เฉยๆ
4 (9.8%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 41

ผู้เขียน หัวข้อ: Ominous Bird นกบอกลาง [จบแล้ว]  (อ่าน 70277 ครั้ง)

ออฟไลน์ yamanaiame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
คิดถึงแล้ววว มาไวๆน๊า

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 19
   
ภายใต้ดวงจันทร์กระจ่างบนท้องฟ้าสีน้ำหมึก มีร่างของราชาภูติและมังกรไฟยืนเคียงกันอยู่ตรงกลางพื้นหินยกสูง บริเวณโดยรอบรกครึ้มด้วยหญ้ากับไม้พุ่มเตี้ยมีสัตว์ตัวเล็กวิ่งซอกแซกไปมา เบื้องหน้าของทั้งสองนั้นมีแก้วทรงสูงสีใสข้างกันมีมีดเงินสลักลวดลายงดงาม

“ เริ่มเลยไหม ? ” คาร์บิลัสถามเบื่อๆ เมื่อนั่งมาได้สักพักแต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักที ข้าเบื่อเป็นเหมือนกันนะ ! อีกอย่างนี่ข้าต้องมาเป็นสักขีพยานงานแต่งใครก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ข้าไม่ได้แต่งด้วยนี่ !

   “ อืม ” เอลล์รับคำหยิบมีดด้ามงามมาถือ “ งั้นข้าเริ่มก่อนแล้วกัน ”
   
ลุกซ์ยิ้มบางไม่พูดอะไรแววตาทอประกายอ่อนโยน
   
เอลล์กดปลายมีดเข้าที่ข้อมือของตัวเองปล่อยให้เลือดหยดลงในแก้วโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่นิดเดียว ทั้งๆ ที่เลือดนั่นออกจนน่ากลัว พอได้ประมาณเกือบครึ่งแก้ว เอลล์ก็ร่ายเวทรักษาตัวเองเสร็จสรรพ์ ยื่นมีดให้ลุกซ์บ้าง
   
ลุกซ์รับมีดมาถือด้วยมืออีกข้างส่วนข้างที่ถนัดรวบข้อมือของเอลล์ขึ้นมาและแลบลิ้นเลียเลือดที่เปรอะไปทั่วข้อมือเพื่อทำความสะอาด แต่พอทำออกมากลับดูลามกแปลกๆ ลุกซ์เลียริมฝีปากเมื่อข้อมือของเอลล์กลับมาสะอาดเช่นเดิม
   
เอลล์หน้าแดง ทั้งๆ ที่มองไม่เห็นแต่สิ่งที่สัมผัสมันกระตุ้นให้เขินอายซะอย่างนั้น
   เมเออร์เสตามองไปทางอื่นราวกับว่าไม่อย่างมองภาพตรงหน้า ซึ่งก็เป็นจริงดังที่ว่า เมเออร์ยังไม่ยอมรับชาวต่างเผ่านัก สิ่งที่ปลูกฝังจนอยู่ในกระแสเลือดไม่ใช่อะไรที่สามารถแปรเปลี่ยนได้ง่ายๆ นอกเสียจากเรื่องที่รุนแรงพอที่จะเปลี่ยนความคิดนั้นได้อย่างสิ้นเชิง
   
ฟาร์คัสยังคงมองอยู่แต่ก็รู้สึกกระดากไปด้วย เพราะมองจากที่นั่งตรงนี้พบว่าการกระทำของลุกซ์นั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนแต่ก็เจือความหยาบโลนไว้ด้วยเช่นกัน
   
ลุกซ์ขยับยิ้มจางกดมีดไปที่ข้อมือของตัวเองบ้าง แต่กดได้สักพักก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อไม่มีเลือดออกมาแม้แต่หยดเดียว “ ดูท่าข้าจะหนังเหนียวมากนะเนี่ย ” ทั้งๆ ที่กำลังพร่ำบ่นแต่มือข้างที่ถือมีดก็กดแรงมากขึ้นไปอีก
   
เอลล์ที่มองไม่เห็นภาพตรงหน้าได้แต่ยืนเงียบๆ
   
ลุกซ์กดจนเกือบสุดแรงเลือดถึงได้กระฉูดออกมาเหมือนน้ำพุ เลือดของลุกซ์เป็นสีแดงแกมส้มคล้ายอัญมณีมันไหลลงไปในแก้วตัดกับสีเหลืองจางของเอลล์ ลุกซ์ปล่อยให้เลือดไหลใส่จนเกือบเต็มแก้วก็เอาข้อมือขื้นมาเลียทันที
   
ลุกซ์ไม่พิสมัยเรื่องการรักษานัก แต่น้ำลายมังกรก็ถือว่าเป็นยารักษาอยู่กลายๆ เหมือนกัน แม้มันจะดูน่าขยะแขยงนิดหน่อยก็เถอะ แต่มันหายจริงๆ นะ เลียแผล่บสองแผล่บก็หายสนิทเกลี้ยงเกลาเหมือนกับถูกเวทรักษามาก็ไม่ปาน
   
เมเออร์เหลือบมองแก้วใบใสที่แสดงให้เห็นถึงความต่างเผ่าพันธ์อย่างชัดเจน  ” ปีศ—..  ลุกซ์ ” เมเออร์ชะงักไปครู่จึงพูดต่อ “ เขย่าให้มันเข้ากันซะ ”
   
“ อืม ” ลุกซ์รับคำหยิบแก้วทรงสูงเอียงไปมาเพื่อให้เลือดแพร่ซึมเข้าหากันใช้เวลาไม่นานเลือดทั้งสองก็กลายเป็นเนื้อเดียวที่มีสีแดงอมส้มอ่อนๆ น่าแปลกที่เลือดนั้นไม่มีกลิ่นคาวเลยแม้แต่น้อย  “ ดื่มมันเลย ? ”

   “ ครึ่งแก้ว ” เมเออร์ตอบสั้นๆ
   
ลุกซ์กระดกกินอย่างไม่นึกรังเกียจทันที แต่เมื่อกินเข้าไปกลับไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อยนอกจากความโล่งสบายตัวไปทั้งตัว ลุกซ์ยื่นแก้วให้เอลล์ที่ยิ่นมือมารอรับแก้ว “ รสชาติเหมือนกับน้ำซุปเลยล่ะ เอลล์ ” ลุกซ์พูดติดตลก
   
เอลล์ยิ้มจางไม่ตอบรับมันมาดื่มจนหมดแก้ว แต่เมื่อยืนได้สักพักก็ทำท่าเหมือนจะล้มอีกครั้งจนลุกซ์ต้องคอยประคองไว้ ตัวของเอลล์นั้นร้อนเหมือนดั่งถูกไฟลน

ลุกซ์ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
   
เมเออร์ไม่มีท่าทีตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า “ ร่างกายของปีศาจย่อมแข็งแรงกว่าชาวภูติอยู่แล้ว เมื่อรับอะไรเข้าไป อย่างมากเจ้าก็รู้สึกคันๆ เท่านั้น ”
   
กินเวลาหลายอึดใจกว่าที่เอลล์จะมายืนได้มั่นคงอีกครั้ง
   
“ ข้าต้องทำอะไรต่อ ท่านพ่อ ” เอลล์ถามบนใบหน้ามีเม็ดเหงื่อผุดจางเพราะความรู้สึกร้อนวูบวาบภายในร่างกาย
   
“ กล่าวคำสาบานและแลกเปลี่ยนความรู้ ” เมเออร์ตอบเสียงเรียบ
   
นี่คือเหตุผลที่ทำไมถึงต้องใช้พิธีกรีดเลือดสาบานของการแต่งงาน เดิมการแต่งงานของคู่บ่าวสาวจะมีการกล่าวสาบานเพื่อความรักที่มั่นคงของทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าหากเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนความรู้จะต้องดื่มเลือดของคู่บ่าวสาวลงไปและร่ายเวทประกอบ การแลกเปลี่ยนความรู้จะทำให้ทั้งสองฝ่ายมีความรู้เหมือนกับที่อีกฝ่ายมี เป็นพิธีที่มีเพื่อความเสมอภาคอย่างแท้จริง แต่เพราะเวทนี้ค่อนข้างใช้พลังเวทมากจึงมักมีเฉพาะในวงศ์กษัตริย์หรือขุนนางระดับสูงเท่านั้น
   
เมเออร์ทำท่าอิดออดไม่ค่อยอยากออกไปนัก เพราะลึกๆ แล้วยังรู้สึกยอมรับในตัวปีศาจไม่ได้
   
คาร์บิลัสเห็นแบบนั้นแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา “ เดี๋ยวข้ารับหน้าที่เป็นผู้ทำพิธีให้เอง ” คาร์บิลัสอาสาและเดินไปยืนตรงหน้า ปล่อยให้เมเออร์ยืนอึ้งต่อไป
   
ราชาปีศาจจะทำพิธีแต่งงานให้กับราชาภูติ !? นี่เป็นเรื่องที่เสียศักดิ์ศรีเกินไปแล้ว เมเออร์ตัวสั่นกัดฟันกรอด ถึงจะยอมเอลล์ยังไงก็ยอมรับในตัวปีศาจไม่ได้อยู่ดี เมเออร์พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ถลาเข้าไปโจมตีราชาปีศาจ

   “ ข้าเริ่มแล้วนะ ” คาร์บิลัสพูดแต่สายตาเหลือบมามองฟาร์คัส “ ฟาร์คัส เจ้าจะร่วมด้วยก็ได้นะ ! ” และพูดด้วยความกระตือรือร้นอย่างล้นเหลือ
   
“ ไม่ล่ะ ข้ายังไม่อยากมีสมองเหมือนเจ้า ” ฟาร์คัสตอบ

   คาร์บิลัสแทบจะวิ่งหนีกลับเข้ากระต็อบของตัวเองด้วยความเจ็บปวด อะไรกันสมองของข้าไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้นซะหน่อย โฮ  คาร์บิลัสหงอยลงทันตาเห็น
   
ฟาร์คัสกลอกตา “ มันใช่เวลาเล่นไหมคาร์บิลัส ” และพูดเสียงดุ
   
คาร์บิลัสเบะปาก “ ก็ได้ ” และยืนขึ้นอย่างองอาจผิดกับเมื่อกี้ลิบลับใช้สายตาดุดันจ้องเขม็งที่ลุกซ์ “ ปีศาจมังกรไฟเอ๋ย เจ้าตั้งใจจะเป็นคู่ชีวิตของราชาภูติหรือไม่ ”
   
ลุกซ์มองนายเหนือหัวของตัวเองด้วยแววตารับถือ บัดนี้นายเหนือหัวเป็นผู้ทำพิธีสำคัญให้แก่ตน ข้าผู้ซึ่งเป็นเบื้องขวาของราชาปีศาจ ลุกซ์ค้อมหัวลงต่ำเพื่อทำความเคารพและเงยขึ้นสบตาคาร์บิลัส “ แน่นอนอยู่แล้วครับ ท่าน ”

คาร์บิลัสไม่พูดอะไรกับน้ำเสียงที่ยังติดเล่นของลุกซ์ หันไปสบมองเอลล์ที่ไม่ได้ใส่หน้ากาก แววตาสีแปลกที่ไม่ทอประกายใดๆ 

“ แล้วเจ้าล่ะราชาภูตต้องการที่จะมีปีศาจมังกรไฟเป็นผู้อารักขา ผู้เป็นอีกชีวิตของท่านหรือไม่ ”

เอลล์ยิ้มบางตอบ “ ข้ารับ ” และตอบรับง่ายๆ
   
คาร์บิลัสนิ่งเงียบ “ แล้วอะไรต่อนะ ข้าขอนึกก่อน ”
   
ฟาร์คัสแทบเข้าไปเตะคาร์บิลัส
   
เอลล์กับลุกซ์ยิ้มแห้งๆ
   
ดัฟฟ์ทำหน้าเซ็ง
   
ส่วนเมเออร์..
   
“ เอลล์ ! นี่เจ้าจะแต่งกับไอ้ปีศาจมังกรไฟนี่เหรอ ! ข้ายอมรับไม่ได้ นี่มันไอ้พวกปีศาจที่มาทำลายดินแดนของเรา ถ้าหากเจ้าแต่งงานกับมันก็เท่ากับว่ายามที่มันมีศึกสงครามมันก็จะรบในดินแดนของเราอีกครั้ง ! ” เมเออร์ตะคอกเสียงดัง
   
“ ท่านพ่อ ท่านบอกเองว่าจะให้ข้าถอนคำสาป ” เอลล์ถามรอยยิ้มที่เคยมีบนใบหน้าหายไปอย่างรวดเร็ว
   
เมเออร์กำมือแน่น ความรู้สึกในใจปั่นปวนไปหมด ทั้งเรื่องการมองเห็นของเอลล์ การแต่งงานกับปีศาจ สงคราม ทุกอย่างผสมปนเปกันไปจนเมเออร์แทบระเบิดความคลุ้มคลั่งออกมาผิดวิสัยเยือกเย็นหยิ่งทระนง

“ เจ้าอย่ารบที่ดินแดนนี่แล้วกัน คาร์บิลัส ” ฟาร์คัสพูดเสียงเรียบ
   
“ ไม่มีใครกล้าท้าข้าสู้หรอกน่า ฟาร์คัส ” คาร์บิลัสยิ้ม “ แต่ถ้าจะสู้ที่ดินแดนนี้ ข้าขอสู้บนเตียงกับเจ้านะ ! ”

ฟาร์คัสกัดฟันกรอดด้วยความอับอาย  “ คาร์บิลัส !! ” และคำรามชื่ออีกฝ่ายเสียงเหี้ยม
   
คาร์บิลัสยิ้มแหยๆ แย่แล้ว ข้าไปกระตุ้นต่อมโหดของฟาร์คัสซะได้ งั้นข้าหันมาสนใจผู้ที่มาขัดเวลาข้าคิดดีกว่า “ เรื่องมันผ่านมาเป็นชาติแล้ว เจ้าจะแค้นอะไรนักหนาวะ เมเออร์ อีกอย่างปีศาจอย่างพวกข้าไม่ได้เป็นคนทำซะหน่อย ที่ข้าทำมันก็แค่ทำลายคุกเจ้ากับลุกซ์ที่เคาะประตูบานใหญ่ของเจ้าเล่นเอง ”
   
การเคาะประตูที่คาร์บิลัสพูดถึงนั้นคือลูกไฟขนาดน้องๆ ของบ้านสักหลัง
   
เมเออร์ไม่ตอบอะไรเอาแต่นิ่งเงียบ
   
เป็นจริงดังที่ราชาปีศาจว่า เรื่องพวกนี้ผ่านมานานนัก แต่ความประมาทนั้นก็ไม่เคยปราณีใครเช่นกัน

----------------

 :katai5: น้ำจิ้มค่ะ # คิดถึงคนอ่านนน
   

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 19 6 ก.ค 58 40 %
«ตอบ #152 เมื่อ06-07-2015 22:33:50 »

มารอหนูเอลมองเห็น สู้ๆๆ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 19 6 ก.ค 58 40 %
«ตอบ #153 เมื่อ06-07-2015 22:48:08 »

กุมขมับแทนเมเออร์

ชีวิตช่วงนี้วุ่นวายดีจริง

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 19 7 ก.ค 58 100 %
«ตอบ #154 เมื่อ07-07-2015 22:45:21 »

“ ข้าไม่รอเจ้ามาขัดข้าอีกรอบหรอกนะ อีกอย่างถ้ามีอีก ข้าจะเป็นคนถีบเจ้าออกไปเอง ” คาร์บิลัสพูดแกมขู่ “ อ้อ จริงสิ หลังจากสาบานนั่นเสร็จต้องจูบกันสินะ ถ้าจำไม่ผิด ” คาร์บิลัสยิ้มเมื่อนึกออก “ ประมาณนั้น พิธีพวกนี้เน้นเรียบง่ายเพราะมันแค่สาบาน แลกเปลี่ยนความรู้สิถึงจะงานหนักของข้า ”

เอลล์ยิ้มด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ
   
“ เอาสิ รออะไรล่ะ ก่อนที่ข้าจะเบื่อแล้วกลับไปนอนที่ห้องกับฟาร์คัสนะ ” คาร์บิลัสพูดเซ็งๆ
   
ฟาร์คัสถอนหายใจเอย่างเหนื่อยหน่าย ร่ายเวทพึมพำเสียงเบาให้บริเวณโดยรอบปกคลุมด้วยขนนกสีดำลอยฟุ้งอยู่เต็มไปหมดคอยบดบังทรรศนียภาพต่างๆ
   
“ ฮัดชิ้ว ! ” ดัฟฟ์จามออกมาจนขนนกฟุ้งกระจายปลิวว่อนมั่วไปมากกว่าเดิม
   ลุกซ์ยิ้มเมื่อรู้ถึงเจตนารมณ์ของปีศาจอีกา นับว่าเป็นวิธีที่ค่อนข้างฉลาดทีเดียว ลุกซ์ค้อมหัวกระซิบชองหูเอลล์ “ ข้าทำเลยนะ ” ไม่รอให้เอลล์ได้ตอบลุกซ์ก็แนบริมฝีปากกับเอลล์ทันที
   เอลล์สะดุ้งกับสัมผัสแปลกใหม่ที่ได้รับ
   
ลุกซ์ดึงดันจูบต่ออีกหน่อยจนเอลล์เผลอเผยอปากให้ตนได้ลุกล้ำ
   
แต่แล้วทั้งสองก็ต้องผละออกจากกันทันทีเพราะความรู้สึกร้อนผ่าวที่บริเวณข้อมือข้างขวา บนข้อมือขาวซีดของเอลล์ปรากฎรอยตราเวทรูปมังกรเผยอปากพ่นไฟตามลำตัวของมันนั้นวิจิตรบรรจงจนเหมือนมันมีชีวิตอยู่จริงๆ สีสันแสบตาเหมือนดั่งไฟของลุกซ์
   ส่วนข้อมือของลุกซ์นั้นปรากฎเป็นรูปไม้เลื้อยที่ถักทอสานกันโดยมีตรงกลางเป็นมงกุฏรอบๆ มงกุฏนั้นมีสัตว์เล็กบางอย่างจำพวกนก ผีเสื้อ เกาะอยู่ตามเถาไม้ ดูสวยงามและสบายตา  ส่วนที่ดูน่าเกรงขามที่สุดคงเป็นดาบไขว้กันใต้มงกุฏที่ถึงแม้จะถักทอขึ้นมาจากไม้เลื้อยเหมือนกันแต่กลับดูทรงอำนาจและมีพลัง
   
“ อ้อ จริงสิเจ้าเป็นราชาภูตสินะ ” คาร์บิลัสพึมพำพูดกับตัวเอง “ น่าเบื่อชะมัด ”
   
น่าเบื่อ ?
   
เอลล์ขมวดคิ้วด้วยความงุนงง ความรู้สึกร้อนผ่าวบนข้อมือก็เป็นอีกอย่างที่ข้าไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ถ้าข้ามองเห็นมันก็คงดี
   และสิ่งที่ปรากฎหลังจากความคิดเอลล์ก็สมควรถือว่าเป็นเหตุผลให้คาร์บิลัสบ่น เพราะตอนนี้บนท้องฟ้าของดินแดนภูตเปลี่ยนสีจากสีน้ำหมึกกลายเป็นสีเหลืองอ่อนแกมเขียวดูแปลกตา พื้นต้นไม้โดยรอบก็เช่นกันล้วนเปลี่ยนสีสันจากสีปกติเป็นสีจัดคล้ายงานเฉลิมฉลอง เสียงนกร้องที่ร้องขับขานคล้ายกับกำลังแย่งกันบรรเลงเพลงสำคัญ สัตว์เล็กน้อยใหญ่ที่อยู่ในดินแดนภูตพากันออกมาเดินกันขวักไขว่ในปากคาบผลไม้เดินเรียงแถวหาผู้เป็นเจ้าของดินแดน เหมือนกับใช้ผลไม้แทนคำอวยพรของพวกมัน
   
ส่วนขนนกของฟาร์คัสก็สลายหายไปตั้งแต่ตอนที่ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี
   
เอลล์ขมวกคิ้วแน่นเมื่อรู้สึกฝีเท้าจำนวนมากขนาดเล็กใหญ่ต่างกันไปเดินเข้ามาใกล้และวางอะไรบางอย่างตรงหน้าตัวเองและจากไป ซึ่งดูทีท่าจะไม่หมดง่ายๆ ด้วยฟังจากเสียงฝีเท้า “ เกิดอะไรขึ้นกัน ? ลุกซ์ ”
   
แววตาของลุกซ์มีความเสียใจพาดผ่านใช้มือกุมมือเอลล์เอาไว้ “ ผู้เป็นเจ้าของดินแดน เมื่อมีการแต่งงาน ผู้ร่วมอาศัยอยู่ในดินแดนนี้ย่อมออกมาแสดงความยินดีเสมอ ” ลุกซ์เหลือบมองท้องฟ้าที่ดูแปลกตากว่าทุกวัน
   
ผู้ที่เป็นเจ้าของดินแดนใดดินแดนหนึ่งถ้าหากมีการแต่งงานขึ้นมาก็จะมีสัญญาณบางอย่างที่ทำให้รู้กันทั้งอาณาจักรว่าราชานั่นได้แต่งงานแล้ว ให้ผู้อาศัยทั้งหลายออกมาร่วมเฉลิมฉลองเพื่อเป็นการแสดงความยินดีต่อองค์ราชา
   
“ ฮ้าว ~ วันนี้จะหมดไหมเนี่ย ข้าเบื่อแล้วนะ ” คาร์บิลัสบ่นดูสีหน้าเซ็งสุดขีด “ ฟาร์คัส ข้าว่าเรากลับไปนอนต่อดีกว่าเนอะ“
   
“ ข้าไม่ง่วง ” ฟาร์คัสตอบโดยไม่สนใจจะจ้องเอ็ดคาร์บิลัส เพราะสายตาค้างอยู่ที่เสือดาวหิมะที่ได้ยินว่าเป็นเพียงเรื่องกล่าวขาน แต่วันนี้เสือดาวหิมะที่ว่านั้นเดินกันออกมาจากป่าด้วยท่าทางองอาจเหมือนราชสีห์แล้วยังคาบอัญมณีล้ำค่าไว้ในปากอีก
   
“ ฟาร์คัส ! ” คาร์บิลัสหน้ามุ่ยเมื่อฟาร์คัสไม่สนใจ แล้วยอมร่ายเวทสั้นๆ ให้ตัวเองกลายเป็นแพะน้อยน่ารักทันที คาร์บิลัสวิ่งพรวดเข้าไปหาฟาร์คัสพยายามปั้นหน้าน่ารักน่าเอ็นดูสุดชีวิต
   
แต่ผลที่ได้รับจากฟาร์ตัวล้วนตรงข้ามกันเสมอ เหมือนกับน้ำกับไฟอะไรทำนองนั้น
   
ผลั่ก
   
คาร์บิลัสโดนฟาร์คัสเตะโด่งลอยไปหาเสือดาวหิมะที่กำลังค้อมหัวลงเคารพเอลล์
   
เสือดาวหิมะจ้องคาร์บิลัสด้วยสายตาไม่เป็นมิตรทันที นัยน์ตาสีฟ้าครามของมันทอประกายดุร้ายพร้อมแยกเขี้ยวใส่คาร์บิลัส มันส่งเสียงในลำคอขู่ซึ่งเสียงของมันก็คล้ายกับสิงโตคำรามอยู่กลายๆ
   
คาร์บิลัสในร่างแพะตัวเล็กยืนอย่างองอาจและร้องใส่มันบ้าง “ แบะ ! ”
   
ฟาร์คัสหลุดหัวเราะออกมา
   
สิ่งที่แปลกคือ เสือดาวหิมะเผ่นหนีไปทันทีหลังจากคาร์บิลัสร้องเสร็จ
   
ฟาร์คัสยังไม่หยุดหัวเราะเพราะภาพของคาร์บิลัสยังคงติดค้างอยู่ในหัว แพะที่ตัวเล็กกว่าเสือเป็นเท่าตัว มันพยายามยืนด้วยท่าที่ดูเท่ แต่เสียงที่ขู่กลับนั้นง้องแง้งเกินบรรยาย
   
คาร์บิลัสหู่ลู่ลงเศร้าๆ เมื่อเห็นฟาร์คัสขำแทนที่จะชื่นชม
   
ฟาร์คัสเอื้อมมือไปอุ้มแพะตัวเล็กหยิบมันขึ้นมาดูใกล้ๆ พบว่าดวงตาของเจ้าแพะนี้ทั้งดูวิงวอนและกระตือรือร้นในคราวเดียวกัน ซึ่ง
ถ้าหากเป็นตอนปกติฟาร์คัสคงแค่มองมันเฉบๆ แต่ตอนนี้เป็นแพะตัวอ้วนขนฟู “ รีบทำพิธีต่อไปเถอะ ” ฟาร์คัสใช้มือขยี้ขนฟูๆ ของคาร์บิลัสเผลอยิ้มจางออกมา
   
แพะในมือฟาร์คัสดูชื่นบานขึ้นทันตาเห็นและมันก็สามารถทำให้ฟาร์คัสอารม์เสียทันตาเห็นได้ทันทีเหมือนกัน คาร์บิลัสกลับมาใช้ร่างกลางอย่างกะทันหันใช้ช่วงที่ฟาร์คัสกำลังตกใจแอบจูบเบาๆ บนริมฝีปากฟาร์คัสและเผ่นออกมายืนไกลๆ
   
“ ทำพิธีต่อทั้งอย่างนี้แหละ ! ข้าขี้เกียจรอแล้ว ” คาร์บิลัสพูดด้วยสีหน้าชื่นบาน

ผิดกับฟาร์คัสที่หน้าบูด
   
คาร์บิลัสร่ายเวทโดยไม่สนใจว่าผู้ที่ตนทำพิธีให้สนใจอยู่หรือไม่ คาร์บิลัสวาดวงเวทโบราณที่เป็นพื้นฐานของเวททุกชนิดในโลกใบนี้ เป็นเวทที่เหมาะสำหรับใช้ทำพิธีกรรมต่างๆ กับผู้ที่ต่างสายเลือดหรือดินแดน  คาร์บิลัสกัดนิ้วตัวเองปล่อยให้เลือดหยดลงตรงกลางจนพื้นนั้นเจิ่งนองไปด้วยเลือดของคาร์บิลัส “ ข้าราชาแห่งปีศาจขอวิงวอนต่อท่านผู้สร้างโลกใบนี้ โปรดสดับฟังด้วยใจอันเมตตาของท่าน ปีศาจมังกรและราชาแห่งภูตผู้ตกลงปลงใจเป็นสายเลือดเดียวกัน ได้มีความประสงค์จะมีความเท่าเทียม ความรู้ที่สั่งสมมาอย่างยากลำบากนั้นจักแลกเปลี่ยนให้ทั้งสองฝ่ายอย่างเท่าเทียม โดยมีข้าผู้เป็นราชาแห่งปีศาจเป็นพยานและผู้ทำพิธี ! ” ขณะที่คาร์บิลัสร่ายเวท ทุกคำพูดของคาร์บิลัสกระตุ้นให้วงเวทบนพื้นหมุนริ้วอย่างรวดเร็วตัวอักษรโบราณสลับที่กันไปมาดูน่าสับสน สีสันของวงเวทที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนกับกำลังมึนงง “ เข้ามาสิ ! ” คาร์บิลัสตะโกนบอก
   
ลุกซ์จับมือเอลล์ด้วยรอยยิ้มจางพาเข้าก้าวเข้ามาในวงเวทของคาร์บิลัส
   
เมื่อผู้ที่มีความประสงค์จะแลกเปลี่ยนความรู้ก้าวขาเข้ามาในวงเวท ตัวอักษรโบราณที่เดิมทีสลับที่ไปมากลับเข้าที่ของมันอย่างรวดเร็วเลือดของคาร์บิลัสระเหยออกไปกลายเป็นไอสีทองแทรกซึมเข้าในตัวของเอลล์และลุกซ์ ตราวงเวทค่อยๆ หมุนช้าลงเรื่อยๆ พร้อมกับตัวอักษรโบราณที่ปรากฎขึ้นในอากาศทีละตัวและกลายเป็นไอสีแปลกตาแทรกซึมเข้าไปในตัวทั้งเอลล์และลุกซ์
   ความรู้สึกปวดหัวจนแทบระเบิดนั้นได้คุกคามทั้งเอลล์และลุกซ์เพราะความรู้ที่ได้รับมาอย่างกะทันหันของทั้งสองฝ่าย เอลล์และลุกซ์พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่เผลอร้องออกมาเพราะความรู้สึกที่เหมือนกับมีคนเอาอะไรมาทุบหัว
   
เอลล์ที่พอกดความรู้สึกเจ็บปวดทางร่างกายได้หันมาสนใจความรู้ที่ได้รับมา เอลล์เบิกตากว้างเมื่อเห็นภาพบางอย่างที่ดูมีสีสันต่างจากเดิมที่มีเพียงสีดำน้ำหมึก
   
สีสันแปลกตากับสิ่งแปลกๆ ที่เอลล์ไม่รู้จักสักอย่างเดียว เอลล์เผลอน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อรู้ว่าสิ่งที่ตนเห็นอยู่คือท้องฟ้าต้นไม้สิ่งต่างๆ ที่เคยใฝ่ฝันอยากรู้รูปลักษณ์ของมัน ที่เอลล์สามารถรู้ได้เพราะความรู้ของลุกซ์ที่แวบเข้ามาในหัวคอยอธิบายสิ่งต่างๆ ซึ่งเสียงของลุกซ์นั่นอ่อนโยนมากด้วย
   
ลุกซ์กัดฟันแน่นรับความรู้แปลกๆ ของเอลล์ที่ดูเหมือนว่าส่วนใหญ่จะเป็นเสียงซะมากกว่า เพราะส่วนใหญ่นั้นจะเป็นสีดำสนิทดูอ้างว้าง ลุกซ์เหลือบไปมองเจ้าของความรู้ก็ต้องสะดุ้งเพราะเอลล์ร้องไห้อีกแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ลุกซ์กำลังจะดึงอีกฝ่ายเข้ามาสวมกอดแต่พบว่าอีกฝ่ายมีรอยยิ้มจางบนใบหน้าจึงชะงักแขนไว้ก่อนและใช้มือเกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าออกให้ “ ร้องไห้ทำไมกัน เอลล์ ”
   
เอลล์ไม่ตอบเพียงแค่ยิ้มจางกุมมือลุกซ์หลวมๆ
   
คาร์บิลัสสูดหายใจลึกเมื่อวงเวทโบราณใกล้จะสลายไป เพราะมันสูบพลังเวทของคาร์บิลัสไปใช้ในการหล่อเลี้ยงสลับเปลี่ยนสลายความรู้อะไรต่อมิอะไรมากมายให้เอลล์และลุกซ์ โดยเมื่อมันใกล้สลายมันยิ่งดูเหมือนจะสูบพลังของคาร์บิลัสไปมากกว่าปกติ
   
ฟาร์คัสจ้องคาร์บิลัสด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าคร่ำเคร่งผิดวิสัยของคาร์บิลัส “ เจ้าไหวรึเปล่า ? คาร์บิลัส ”
   
คาร์บิลัสยิ้มตอบ “ แค่นี้ไม่ถึงครึ่งของครึ่งข้าด้วยซ้ำ ” และยืดอกเชิงอวด
   
ฟาร์คัสถอนหายใจเซ็งๆ
   
ส่วนดัฟฟ์ก็ร้องไห้โฮ ออกมาอีกครั้งเมื่อไม่มีใครสนใจ ( อีกแล้ว )
   
เมเออร์ไม่ได้พูดอะไรกับพิธีกรรมตรงหน้ายืนตัวแข็งวางตัวไม่ถูก ทำให้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในพิธีตั้งแต่ต้นจนจบ
   
สรุปได้ว่าการกรีดเลือดสาบานและแลกเปลี่ยนความรู้นั้นประสบผลสำเร็จไปได้ด้วยดี
   
โดยมีกองผลไม้อะไรต่อมิอะไรวางเต็มไปหมดตามบริเวณโดยรอบที่พวกสัตว์นำมาให้เอลล์เพื่อเป็นการร่วมยินดี
   
“ ต่อไปเป็นการร่ายเวทถอนคำสาป ” เมเออร์พูดขึ้นมาสั้นๆ โยนแหวนที่สวมติดตัวอยู่เสมอให้ลุกซ์
   
--------------------

ที่เห็นเป็นเพียงภาพความทรงจำของลุกซ์อะไรทำนองนั้นค่ะ   :mc4:

เริ่มมีหวังแล้วเอลล์ !  :mc4:

 :กอด1: ขอบคุณทุกคอมเมนต์น้าา
   
   
   
   
   
   

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 19 7 ก.ค 58 100 %
«ตอบ #155 เมื่อ07-07-2015 23:02:02 »

หลังถอนคำสาปงานช้างคงเกิด

ตอนนี้ขำคาร์บิลัสมากกกก แอบสงสารนิดๆที่ฟาร์คัสไม่ใยดีเลย


T T

ออฟไลน์ Rambluesky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-3
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 19 7 ก.ค 58 100 %
«ตอบ #156 เมื่อ08-07-2015 20:37:15 »

สงสารคาร์บิลัส 55555  :laugh:

รออ่านต่อนะครับ  :L1: :pig4:

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 19 7 ก.ค 58 100 %
«ตอบ #157 เมื่อ11-07-2015 08:50:14 »

คาบี้.....น่าสงสาร ฮืออออ ป.ล กลับไปอ่านตอนฟาคัสความจำเสื่อม  5555 :bye2:

ออฟไลน์ yamanaiame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 19 7 ก.ค 58 100 %
«ตอบ #158 เมื่อ16-07-2015 12:36:58 »

ฆ่าบี้ลัส  นี่จริงๆเลยยยย  5555
 มาต่อได้แล้ว

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 20 18 ก.ค 58 50 %
«ตอบ #159 เมื่อ18-07-2015 17:15:28 »

-- ตอนที่ 20  --

   ลุกซ์รับแหวนที่โยนมาได้อย่างแม่นยำซึ่งแหวนทันทีที่อยู่ในมือลุกซ์ก็ทอประกายแสงสว่างออกมาและค่อยๆ กลายเป็นคัมภีร์เก่าๆ ที่มีไม้เลื้อยพันรอบอยู่ ลุกซ์หยิบมีดอันเดิมที่ใช้กรีดข้อมือมากรีดนิ้วจนเลือดหยดลงบนคัมภีร์
   
ไม้เลื้อยที่พันขดไว้ค่อยๆ สลายกลายเป็นฝุ่นจนหมด ลุกซ์ใช้มือปัดฝุ่นที่ว่าออกแล้วเปิดดูด้านในอย่างระมัดระวังเพราะสภาพที่ไม่น่าทนมือทนเท้าสักเท่าไหร่ของหนังสือ
   
ลุกซ์ขมวดคิ้วแน่นเมื่อพบว่าหน้าแรกไม่มีอะไรเขียนอยู่เลยนอกจากสีเหลืองซีดของหน้ากระดาษ ลุกซ์พลิกหน้าไปเรื่อยๆ เพื่อหาเวทอะไรสักอย่างนั่นที่ใช้ถอนคำสาปเอลล์
   
แต่เมื่อหาไปก็ยังไม่เจออยู่ดี
   
ซึ่งจำนวนหน้ามันก็ไม่น้อยเลยทีเดียว
   
หน้าของลุกซ์เริ่มบูดเบี้ยวขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนหน้าที่มากขึ้นแต่ไม่พบอะไร

   “ หน้าสุดท้าย ” เมเออร์พูดเสียงเบา
   
“ แล้วทำไมท่านถึงไม่เขียนไว้หน้าแรกล่ะ ! ” ลุกซ์แทบคำรามใส่พลิกหนังสือไปหน้าสุดท้ายทันที
   
เมเออร์ไม่แสดงสีหน้าอะไรขณะที่พูด “ ข้าบันทึกผิดด้าน ”
   
ลุกซ์ไม่สนใจสิ่งที่เมเออร์พูดนั่งพิจารณาประโยคที่ไม่สั้นไม่ยาวแต่แต่ละตัวอักษรนั้นทรงอำนาจพอที่จะทำลายคำสาปที่สามารถสาปผู้ที่เป็นราชาแห่งภูต
   
ตัวอักษรแปลกๆ ที่ดูอ่อนช้อยแต่แฝงไปด้วยอำนาจที่ยากจะหยั่งถึง

   ภาษาภูตโบราณ..
   
ถ้าหากไม่มีการแลกเปลี่ยนความรู้กับเอลล์ ข้าคงไม่มีปัญญาอ่านนี้แน่ๆ ลุกซ์จับหนังสือขึ้นมาอย่างเบามือตั้งสมาธิกับสิ่งที่กำลังจะเอ่ย
   
ข้าไม่รู้ว่าเอลล์สามารถอ่านภาษาภูตโบราณได้ยังไงทั้งๆ ที่ตาบอด
   
แต่คงลำบากมากแน่ๆ
   
“ แสงสว่าง เป็นสิ่งนำพาออกจากความดำมืดของจิตใจ ” ลุกซ์เว้นจังหวะช่วงสูดหายใจเข้าลึก “ ความมืด เป็นสิ่งที่มอมเมาผู้หลง
ผิดให้ดำดิ่งลงในความโสมม สองสิ่งนี้ล้วนเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ข้าผู้มีสายเลือดแห่งราชา ” ลุกซ์หยุดพิจารณาตัวอักษรเล็กๆ แล้วจึงพูดต่อ “ ข้าขอเลือกใช้แสงสว่างเพื่อถอนคำสาปจากความโสมมของผู้สาปด้วยเถิด ! ”
   
คัมภีร์แตกกระจายกลายเป็นฝุ่นทันทีและมันพุ่งเข้าไปยังร่างของเอลล์ ฝุ่นของคัมภีร์ทอประกายสีขาวแสบตาออกมาพร้อมๆ กับ

ดวงตาของเอลล์ที่ส่งแสงที่ดำทมิฬเรืองๆ ฝุ่นนั้นพุ่งเข้าไปในดวงตาของเอลล์พยายามกลืนแสงสีดำ แต่แสงสีดำนั้นก็ไม่ได้ยอมเช่นกันพยายามต่อต้านเอาไว้
   
เอลล์กัดฟันกุมดวงตาทั้งสองข้างไว้แน่นเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวดยากจะบรรยาย
   
แต่ถ้าข้าหายเจ็บจากอาการนี้
   
ข้าก็จะมองเห็นสินะ !
   
เอลล์ยิ้มบางอย่างยินดี
   
กว้ากก
   
ฟาร์คัสเลิกคิ้วสูงดวงตาทอประกายเย็นเยียบ สิ่งที่ปรากฎตัวบนท้องฟ้าเป็นนกต่างๆ จำนวนมากมันบินหมุนวนไปมาเป็นฝูงก่อนที่กระจายไปทั่ว แต่กลับเป็นตัวหนึ่งที่ถลาบินลงมายืนบนพื้น
   
นกบอกลาง..
   
ฟาร์คัสตัวสั่นเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเลือกจะละทิ้งมา
   
ดวงตาของนกที่บินมาเกาะข้างล่างส่อแววอ่อนโยนก่อนที่จะกลายร่างเป็นมนุษย์ ผมสีขาวปลายสีน้ำตาลที่มักจะถูกจัดทรงให้เรียบร้อยกับดวงตาเฉียบคมสีน้ำตาล
   
โรซ์เวล ฟาร์คัสครางชื่อในใจแต่ยังคงท่าทีเตรียมสู้ไว้ถ้าหากอีกฝ่ายจะโจมตี
   
“ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ฟาร์คัส ” โรซ์เวลยิ้มบางทักทายทำให้ใบหน้าเดิมที่ดูอ่อนโยนยิ่งอ่อนโยนมากขึ้นไปอีก
   
“ อืม ” ฟาร์คัสรับคำส่งๆ “ มีธุระอะไรกับข้า ”
   
โรซ์เวลหัวเราะเบาๆ กับความเย็นชาที่ได้รับ “ ไม่ว่าใครก็ตามว่าร้ายเจ้า แต่ข้าก็เชื่อว่าเจ้าไม่ได้ฆ่าพ่อของตัวเองหรอกนะ ฟาร์คัส.. ข้ารู้จักเจ้ามากกว่าที่เจ้าคิด ”
   
ท่าทีของฟาร์คัสอ่อนลง “ ช่างมันเถอะ ข้าละทิ้งมันไปแล้ว อย่าไปรื้อฟื้นมันขึ้นมาเลย ”
   
“ เอาเถอะ ถ้าเจ้าไม่อยากฟังข้าจะไม่พูดเรื่องนี้ แต่มีอีกเรื่องที่ข้าอยากให้เจ้ารับรู้ไว้ ” โรซ์เวลเหลือบมองราชาปีศาจข้างๆ
ฟาร์คัสแต่ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมา “ เซอร์เคน ทอริค บาร์ลิน หายตัวไปอย่างลึกลับรวมถึงพวกที่สนับสนุนทอริคด้วย ทุกคนหายไปจนหมด ทำให้ตอนนี้ตำแหน่งราชาแห่งนกบอกลางยังว่างอยู่ ”
   
ฟาร์คัสหันขวับไปมองคาร์บิลัสทันที
   
คาร์บิลัสทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ 
   
โรซ์เวลยิ้มบางกับท่าทีของทั้งสองฝ่าย “ เดี๋ยวข้าต้องไปทำหน้าที่ต่อแล้วล่ะ อู้นานกว่านี้ เดี๋ยวข้าจะถูกคนอื่นๆ หักปีกเอา ” เมื่อพูดจบโรซ์เวลก็กลับกลายร่างกลายเป็นเหยี่ยวเช่นเดิมและโผบินไปยังท้องฟ้า
   
ฟาร์คัสจับอะไรบางอย่างในคำพูดของโรซ์เวลได้ถึงกับสะดุ้ง
   
สิ่งที่เขาปฏิบัติทำมาตลอด
   
การส่งสารความตาย !
   
ตูมมมมมมมมม !
   
เสียงระเบิดกัมปนาทดังขึ้นและเสียงอื่นๆ ดังตามกันมาเป็นทอดๆ  เสียงแต่ละเสียงล้วนบ่งชี้ให้เห็นว่ามีพลังมหาศาลทำลายอะไรสักอย่างอยู่
   
หลังจากผ่านความเจ็บปวดยากจะบรรยายเอลล์ลองลืมตาขึ้นมา
   
พร้อมๆ กับร่างของเมเออร์ที่กระอักเลือดออกมาจนล้มไปกองบนพื้น
   
รวมถึงกำแพงไม้เลื้อยยักษ์ด้านหลังที่เริ่มพังทลาย
   
สามสิ่งนี้เกิดขึ้นแทบจะพร้อมกัน
   
สีสันต่างๆ ที่ดูแปลกตาเดิมทีอยู่เพียงแค่ในความทรงจำของลุกซ์ที่ข้าเพื่งได้รับมา ตอนนี้กลับมองเห็นได้ชัดเจนด้วยดวงตาของข้า
   
ข้ามองเห็นแล้ว !
   
เอลล์น้ำตารื้นด้วยความดีใจ “ ข้ามองเห็นแล้ว ลุกซ์ ! ”
   
ลุกซ์ยิ้มกว้างโผเข้ากอดเอลล์จับจ้องดวงตาที่กำลังทอประกายความชีวิตชีวากว่าทุกครั้งที่ตนเคยเห็น
   
ฟาร์คัสถลาเข้าไปหาเมเออร์เมื่อพบว่าอีกฝ่ายเอามือกุมอกกระอักเลือดออกมา “ เกิดอะไรขึ้น  ”
   
เมเออร์ปัดมือที่ยื่นมาของฟาร์คัสออกอย่างไม่ไยดีและยืนเหยียดตรงอย่างหยิ่งทระนง เมเออร์เช็ดเลือดออกจากริมฝีปากตัวเอง “ มีอะไรบางอย่างทำลายกำแพงไม้เลื้อย ”
   
โฮกกกกกก
   
เสียงกู่ร้องของบางสิ่งที่ดังสนั่นจนพื้นดินแดนภูตถึงกับสั่นสะเทือน
   
เอลล์สะดุ้งโหยงมองหันไปมาอย่างตื่นตกใจ
   
ฟาร์คัสหันไปมองคาร์บิลัสที่ดูไม่ตื่นตกใจอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว อีกทั้งยังดูเหมือนว่าคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้น “ เจ้ารู้อยู่แล้ว ? ”
   
คาร์บิลัสเมื่อรู้สึกถึงสายตาของฟาร์คัสก็ยิ้มซื่อๆ ให้ “ รู้สิ แต่ก็แปปเดียวเท่านั้นเอง ”
   
ฟาร์คัสขมวดคิ้วแน่น “ แล้วอะไรที่ทำลายกำแพงภูตอยู่ ”
   
รอยยิ้มจางหายไปจากคาร์บิลัส “ อสูร ”
   
ฟาร์คัสถึงกับพูดอะไรไม่ออก
   
อสูร.. ขึ้นชื่อด้านพละกำลังมหาศาลกับเวทมนตร์โจมตีถึงบางทีจะโง่เง่าไปบ้างแต่ก็ยังถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเข้าไปข้องเกี่ยวดีที่สุด เดิมทีอสูรนั้นมีดินแดนอาศัยอยู่แต่กลับชอบไปไล่ทำลายดินแดนอื่นเพื่อเพิ่มอาณาเขตของดินแดน ในครั้งสุดท้ายถูกดินแดนลึกลับเข้าโจมตีจนแตกพ่ายทั้งดินแดน ทำให้ตอนนี้อสูรเร่ร่อนอยู่ไปทั่วจนระบุถิ่นที่อยู่ไม่ได้

“ สงครามกำลังจะเกิด !! ” เสียงตะโกนดังลั่นพร้อมกับการปรากฎตัวของร่างคุ้นตาในความทรงจำของเมเออร์
   บุคคลผู้ไม่รู้ที่มาแน่ชัด
   
นูร์..
   
“ ข้าบอกเจ้าแล้ว ว่าอย่าชะล่าใจไป เป็นยังไงล่ะ !! ถ้าหากเจ้าเอาวิญญาณของเจ้ามาให้ข้าแต่แรก ทุกอย่างมันจะไม่เป็นแบบนี้ !! ” นูร์คำรามออกมาเสียงดังลั่นดวงตาขึ้นสีแดงก่ำบรรยากาศโดยรอบมีเสียงหวีดหวิวเหมือนเสียงกรีดร้องดอกไม้ต้นหญ้าแห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว
   
เมเออร์เผลอก้าวถอยหลังอย่างลืมตัว
   
“ เจ้าได้ยินไหม เมเออร์ ! เอาวิญญาณเจ้ามา !! ” นูร์ตะคอกเสียงดังลั่น
   
คาร์บิลัสสบมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ยินดียินร้ายอะไร

มันไม่ใช่เรื่องของข้ารวมถึงส่งผลต่อดินแดนข้าด้วย การช่วยเหลือผู้อื่นเดิมทีไม่ใช่นิยามของราชาปีศาจ คาร์บิลัสเหลือบไปมองฟาร์คัสเชิงว่าจะเอายังไง
   
ฟาร์คัสพยักหน้าเบาๆ เข้าใจสิ่งที่คาร์บิลัสต้องการจะสื่อ
   
ต้องช่วยสิ ราชาภูตคนนี้โดดเดี่ยวมานานเกินพอแล้ว

   -------------------------

  :z10: # คลานหลบคนอ่าน ขอโทษค่ะะะ  :hao5: อัพช้ามากเลย

ช่วงนี้หวัดระบาดเป็นๆ หายๆ มาหลายวันแล้ว พอจะแต่งบางทีก็ไข้ขึ้นเลยรีบนอนไวไปโดยปริยาย

 :mew1: ขอบคุณทุกยังติดตามกันน้า
   
   

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 20 18 ก.ค 58 50 %
« ตอบ #159 เมื่อ: 18-07-2015 17:15:28 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 20 18 ก.ค 58 50%
«ตอบ #160 เมื่อ18-07-2015 21:59:27 »

โอ้ยตื่นเต้นง่าาาาาา
ปริศนาเยอะเหลือเกิ้น

เข้ามาสงสารนังคาร์บีลัสตามเคย :mew2:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 20 18 ก.ค 58 50%
«ตอบ #161 เมื่อ18-07-2015 22:23:51 »

ตอนแรกตกใจ นึกว่าถ้าเอลมองเห็นพ่อจะตายซะอีก

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 20 18 ก.ค 58 100%
«ตอบ #162 เมื่อ19-07-2015 22:43:12 »

“ โอ๊ย ทำไมเดี๋ยวนี้นกบอกลางมีแต่พวกไม่น่าสนใจฟะ ” วารันหน้ามุ่ยเมื่อบอกภารกิจให้นกตัวล่าสุดเสร็จซึ่งก็เป็นนกระดับขนนกทองที่ชื่ออะไรสักอย่างที่เจ้าตัวไม่ได้ใส่ใจที่จะจำ
   
โซแวนยื่นแก้วชานมให้วารัน
   
“ ดีนะ ที่อย่างข้าก็มีเจ้ามาอยู่เป็นเพื่อนแก้เบื่อบ้าง  ” แล้วก็หันไปยิ้มกว้างให้กับโซแวน วารันรับชานมที่เพิ่งสั่งให้โซแวนไปซื้อให้มาดื่มอย่างสบายใจ

   “ อืม ” โซแวนตอบส่งๆ

“ อะไรกัน นี่เจ้าเมินคำชมข้างั้นเหรอ ! โซแวน ” วารันชึ้หน้าโซแวนอย่างไม่จริงจังนัก
   
“ ต้องการให้ข้าตอบว่าอะไรล่ะ ? วารัน ” โซแวนขมวดคิ้วเซ็งๆ พลางเดินหนีไปอีกทางในมือเรียกเคียวคู่ใจออกมาเตรียมจะไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
   
วารันลุกพรวดออกจากเก้าอี้ตัวนุ่มกระโจนไปเกาะโซแวน “ โซแวน ! ข้าว่าเวลาว่างของพวกเราออกจะเยอะนะ ! ”
   
โซแวนถอนหายใจและมองวารันเซ็งๆ “ ผู้ควบคุมการเวลาหายไป 1 คน แล้วเจ้าคิดว่าใครล่ะจะมาทำหน้าที่แทนเจ้าไปชั่วคราว ”
   
วารันยิ้มแหยๆ “ น่า งานของพวกเรามันก็แค่ดูนู่นนี่นั้นเล่นๆ เอง ”
   
โซแวนไม่พูดอะไรพยายามแงะมือเหนียวๆ ของวารันออก
   
ความจริง
   
งานที่ว่าก็แค่ข้ออ้างเท่านั้น
   
หากข้ายังอยู่ก็มีแต่โดนวารันปั่นหัวไปทั้งวัน
   
ข้าไม่เคยทันอีกฝ่ายเลยจริงๆ
   
“ อย่าทำเหมือนกับว่ามือของข้าเป็นของสแลงสิ มือของข้าออกจะนุ่มนิ่มน่าจับ ” วารันยอมปล่อยมือออกจากเอวของโซแวนและยืนเหยียดตรงใช้ดวงตาสีอำพันขี้เล่นของตัวเองจับจ้องที่หน้าของอีกฝ่าย “ ช่วงนี้เหมือนเจ้าแปลกไปนะ มีอะไรหรือเปล่า ? ”   
   
“ ไม่มี ” โซแวนตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด
   
วารันยิ้มบางเมื่อเห็นโซแวนไม่สบตาตนขณะที่พูด
   
ทำไมข้าจะไม่รู้ล่ะ
   
ว่าทำไมโซแวนถึงได้ทำอะไรให้ข้ามากมายขนาดนี้กัน
   
ทั้งๆ ที่เพื่อนกันคงไม่ทำให้กันขนาดนี้
   
โดนใช้ทำนู่นนี่จิปาถะอย่างกับทาส
   
แต่กลับไม่ปริปากบ่นสักคำ
   
“ เจ้างอนอะไรข้าอยู่หรือเปล่า ? ”
   
โซแวนหันกลับมามองวารันด้วยสายตาเย็นชา “ ข้าไม่ใช่ผู้หญิง ”
   
“ งั้นเจ้าเป็นอะไรไปล่ะ ” วารันเริ่มจะหงุดหงิด
   
“ ไม่ได้เป็น ”
   
“ นี่แหละ ที่เขาเรียกว่าเป็น ” วารันหน้ามุ่ย
   
โซแวนถอนหายใจเซ็งๆ “ ข้าไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ เจ้าต้องการให้ข้าเป็นอะไรล่ะ วารัน ”
   
การโดนปั่นหัวทั้งวันไม่ใช่เรื่องสนุก
   
เหมือนกับข้าเป็นแมวเป็นไล่จับหนูอะไรแบบนั้น
   
หนูที่หลบหลีกเก่งชอบหลอกให้แมวพลาดท่าจนเจ็บตัวบ่อยๆ
   
วารันตีหน้าเศร้า “ เจ้าโกรธเรื่องเมื่อวานที่ข้าบอกว่าชอบเจ้าเหรอ ”
   
โซแวนแค่นเสียงขึ้นจมูกไม่ตอบอะไรวารัน
   
หน้าวารันกลับมาสดใสทันที “ ข้าเดาถูกแฮะ ถ้าครั้งนี้ข้าบอกว่ารักเจ้ามากล่ะ เจ้าจะเชื่อข้าไหม โซแวน ”
   
“ อย่าพูดเรื่องนี้อีก ถ้าเจ้าไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ ” โซแวนพูดด้วยสีหน้าเย็นชาเดินหนีวารันตวัดเคียวใส่อากาศ
   
วารันถึงกับหน้าเสีย
   
แย่แล้ว
   
โซแวนโกรธข้าแล้ว !
   
ดูเหมือนว่าข้าจะแกล้งอีกฝ่ายแรงเกินไปแล้ว
   
วารันรีบวิ่งไปหาโซแวนและดึงชายเสื้ออีกฝ่ายไว้ “ โซแวน อย่าโกรธข้าเลยนะ ”
   
โซแวนไม่สนใจวารันปัดมืออีกฝ่ายออก
   
ได้ !
   
ถ้าหากเจ้างอนข้า
   
ข้าง้อก็ได้
   
วารันตัดสินใจโน้มคอโซแวนลงมาแล้วประทับจูบเบาๆ บนริมฝีปากของอีกฝ่ายและพูดเสียงเบา “ ข้ารักเจ้านะ โซแวน ” พูดจบวารันก็ผละออกมา
   
โซแวนถึงกับตัวแข็งไปทันใด ใบหน้าหล่อเหลาของโซแวนขึ้นสีแดงก่ำอย่างผิดวิสัย
   
แววตาของโซแวนแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่า ไม่เชื่อในสิ่งที่วารันพูดแม้แต่น้อย
   
แต่จูบเมื่อกี้กลับกลบความรู้สึกทุกอย่างไปจนหมด
   
ต้องการมากกว่านี้..
   
คำๆ นี้กระจ่างชัดในใจโซแวน
   
แต่เชื่อได้จริงงั้นเหรอ ? กับคำพูดของอีกฝ่าย
   
วารันยิ้มกับท่าทางของโซแวน
   
น่ารักชะมัด
   
แค่ถูกข้าจูบนิดหน่อยยังหน้าแดงเลย
   
แต่มันก็แค่นี้
   
เพราะถ้าหากมากกว่านี้ข้าก็อายเป็นเหมือนกันนะ
   
“ เจ้าโกหกข้าอีกแล้วใช่ไหม วารัน ตอบมาตามตรง ” ใบหน้าขึ้นสีของโซแวนกลับมานิ่งเฉยได้อย่างรวดเร็วราวกับเมื่อกี้ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น
   
วารันถอนหายใจเฮือก
   
ทีตอนข้าพูดความจริงเจ้าดันไม่เชื่อข้าอีก
   
ข้าไม่ทำตัวเป็นเด็กเลี้ยงแกะตามนิทานของมนุษย์เลย
   
ดูสิเจ้าหมาป่าโซแวนไม่ยอมเชื่อข้า
   
“ เจ้าก็รู้นี่ โซแวน ข้าเป็นพวกขี้แกล้ง ชอบหลอกเจ้าทำนู่นนี่ ” วารันหน้ามุ่ย “ แต่เมื่อกี้ข้าพูดจริงๆ นะ ”
   
“ ข้าควรเชื่อเจ้า ? ”
   
“ ใช่ ” วารันตอบ
   
"เจ้าโกหกข้าอีกแล้ว ” โซแวนถอนหายใจเหนื่อยๆ แววตาทอประกายเหนื่อยอ่อน “ ข้าคงไม่มาหาเจ้าสักพักนะ วารัน ”
   
เดี๋ยว ๆๆ
   
นี่เจ้าเข้าใจคำที่ข้าพูดบ้างหรือเปล่าวะ
   
วารันรู้สึกเซ็งสุดขีด อะไรกัน ขนาดพูดความจริงยังไม่เชื่อข้าอีกนะ โซแวน “ ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อข้าล่ะ ”
   
“ เจ้าชอบโกหกข้า ” โซแวนตอบหน้าตาย “ เมื่อวานเจ้าบอกว่าชอบข้าแล้วเจ้าก็มาบอกทีหลังว่าพูดเล่น ”
   
“ เจ้าอย่าสนใจเรื่องเล็กน้อยสิ เราควรจะอยู่กับปัจจุบันนะโซแวน ”
   
“ อดีตมีไว้ให้ศีกษา ”
   
วารันเริ่มทนไม่ไหว “ โอ๊ยยย ทำไมเจ้าไม่เชื่อข้า ข้ารู้มาตั้งนานแล้ว ว่าเจ้าชอบข้า ! แต่ข้าก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เพราะมันสนุกดีที่ได้ปั่นหัวเจ้าเล่น เจ้าไม่ได้สังเกตรึยังไง นอกจากเจ้าแล้วข้าก็ไม่เคยให้คนอื่นมาที่นี้ มีเหตุผลอะไรที่ข้าอยากให้เจ้ามาหาข้าบ่อยๆ ก็ข้าชอบเจ้าไงล่ะ ไอ้โง่โซแวน ! ”
   
เป็นครั้งแรกที่คนด่าข้าว่าไอ้โง่...
   
โซแวนคิดเรียบๆ แต่ใบหน้ากลับแดงก่ำลามถึงลำคอเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายรู้ว่าตนแอบชอบมาตั้งแต่แรกรวมถึงรู้ว่าวารันนั้นก็คิดเหมือนกัน
   
ทั้งๆ ที่ไม่เคยคาดหวังแท้ๆ
   
โซแวนดึงวารันเข้ามากอดแน่น
   
“ นี่เจ้าจะฆ่าข้ารึไงวะ ! โซแวน ข้าหายใจไม่ออกกก ” เสียงที่ออกมาฟังดูอู้อี้เพราะใบหน้าจมอยู่กับตัวโซแวน โซแวนยอมปล่อยอีกฝ่ายออกจากอ้อมกอด ผมสีเหลืองอ่อนของเจ้าตัวดูยุ่งเหยิงกว่าเดิมเป็นเท่าตัวเมื่อถูกโซแวนใช้มืออีกข้างขยี้แรงๆ
   
“ หุบปากไป แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำถ้าเทียบกับสิ่งที่เจ้าหลอกข้า ” ทั้งๆ ที่ประโยคฟังดูรุนแรงแต่น้ำเสียงของโซแวนกลับแฝงไปด้วยความนุ่มนวล
   
“ ก็คนมันยอมให้ข้าหลอกเองนี่หว่า ช่วยไม่ได้ ” วารันพูดต่อ
   
“ ช่วยไม่ได้ เจ้าหลอกให้ข้ารักเอง ” โซแวนยิ้มจางๆ แววตาทอประกายความดีใจอย่างเห็นได้ชัด
   
“ หุบปากไป ” วารันหน้าขึ้นสีทำเสียงขึงขังเดินกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
   
โซแวนก้าวขาตามอีกฝ่ายไปทันที

-----------

TBC  :katai2-1:

ขั้นความวุ่นวายด้วยคู่วารันค่ะ หายไปนานคิดถึง

 :L2: ขอบคุณที่ติดตามกันค่ะ
   
   
   
   
   
   
   

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 20 19 ก.ค 58 100%
«ตอบ #163 เมื่อ19-07-2015 22:58:48 »

วารันดูซนจริงๆ ต้องให้โซแวนจัดหนักแล้วหล่ะแบบนี้ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 20 19 ก.ค 58 100%
«ตอบ #164 เมื่อ19-07-2015 23:05:29 »

ดินแดนเอลฟ์ยังวุ่นวายอยู่เลย orz

แต่ดีใจกับโซแวนด้วยที่รักสมหวัง  :กอด1:

แต่สงสัยอีกอย่าง พวกที่ปฎิวัติที่ดินแดนนกบอกลางหายไปไหนหมด ฝีมือคาร์บิลัส???

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 20 19 ก.ค 58 100%
«ตอบ #165 เมื่อ20-07-2015 14:07:01 »

เค้าอยากได้ฉาก บู้ววววววว!!!!! จะเอ๊าาาาาาาาาา อสูรไรหว่าาาาาา เป็นแนวไหนสปอยหน่อย นูร์หรอ.....งืมๆๆๆ....คงไม่ใช้ว่าอสูรรูปร่างเหมือนคนแล้วมาหลงฟาคัสน๊าา  :ling1:

ออฟไลน์ Rambluesky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-3
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 20 19 ก.ค 58 100%
«ตอบ #166 เมื่อ21-07-2015 08:36:56 »

เริ่มบู๊แล้ว 555

รออ่านต่อนะครับ  :L1: :pig4:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 20 19 ก.ค 58 100%
«ตอบ #167 เมื่อ22-07-2015 04:00:12 »

รวดเดียวจบ. มาต่ออีกน้าาาา

ตามด้วยคน

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 20 19 ก.ค 58 100%
«ตอบ #168 เมื่อ24-07-2015 04:02:00 »

กำลังเตรียมอารมณ์พี้อมบู๊เต็มที่ เลื่อนลงมาเจอฉากพ่อแง่แม่งอน กรี๊ดเลยค่ะ ปรับฟีลไม่ทัน ขออ่านสองรอบ 555

พวกอสูรนี่ฝีมือพวกกบฎนั่นหรือเปล่า? หรือว่าฆ่าบี้ลัสสั่งเก็บพวกนั้นไปแล้ว? แต่แบบ ฆ่าบี้ลัสจะยอมให้ฟาร์คัสกลับไปเหรอ เราว่ายากนะ (หรือเฮียแกจะหนีออกจากบ้านไปอยู่ด้วย 555555)

ออฟไลน์ BoolinMini

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 20 19 ก.ค 58 100%
«ตอบ #169 เมื่อ27-07-2015 15:34:29 »

คาร์บี้ช่างเป็นพระเอกที่น่าสงสารจีจี เป็นราชาที่ดูอเลิทชอบกล 555

ว่าแต่อสูรนี่มาได้ไง หวังว่าคงไม่มีใครอยู่เบื้องหลังหรอกนะ

มาต่อไวไวนะคะ พึ่งได้ตามมาอ่าน สนุกมากๆค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 20 19 ก.ค 58 100%
« ตอบ #169 เมื่อ: 27-07-2015 15:34:29 »





ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 21 30 ก.ค 58 80%
«ตอบ #170 เมื่อ30-07-2015 23:10:40 »

ตอนที่ 21

   “ อสูร ! ไอ้พวกสัตว์อสูรมันอยู่ข้างนอก ”
   
“ หนีเร็ว ! ”
   
โฮกกกก
   
เสียงกรีดร้องของภูตที่หนีกันจ้าละหวั่นดังกลบเสียงงานเฉลิมฉลองของท่านราชาภูตที่กำลังจะจัดขึ้นในอีกวัน สัตว์ต่างๆ ที่เดิมทีออกมาแสดงความยินดีต่างพากันเร้นกายหนีไปยังที่ซ่อนของมัน เพื่อหลบเลี่ยงสงครามที่กำลังจะเกิด
   
สิ่งที่สัตว์เหล่านี้สัมผัสได้นั้นคือจิตสังหารจำนวนมหาศาลจากภายนอก
   
สิ่งที่ปกป้องพวกมันไว้ใกล้จะพังเต็มทน
   
สิ่งที่ทำได้คือการหลบซ่อนเท่านั้น !
   
ในขณะที่ข้างล่างนั้นมีการหนีกันวุ่นวายบนต้นไม้สูงกลับมีอาคันตุกะสองคนที่มาเยือนแล้วไม่ยอมกลับดินแดนเช่นเดียวกับอาคันตุกะบางคนที่ยังอยู่ต่อแม้จะถูกการกระทำไร้มารยาทของทหารภูต
   
“ อสูรเนี่ยนะ มันยังอยู่อีกเหรอวะเนี่ย ” คนแคระร่างเล็กจิ้ปากเซ็งๆ ในมือโยนที่ขุดแร่สีสว่างทำจากอัญมณีเล่น
   
“ เออสิ เจ้าจำตอนที่เราไล่มันไม่ได้รึไงกัน ไอ้โง่มารัส ” ระหว่างที่เจ้าตัวพูดก็จิบเหล้าแดงหมักอย่างดีจากแอปเปิ้ล
   
“ ข้าจะไปรู้ไหมล่ะ ไอ้งั่งเกททิน ” มารัสหักกิ่งไม้ใกล้ตัวขว้างใส่เกททิน
   
เกททินกระโดดหลบได้อย่างคล่องแคล่วแม้ขาที่มีนั้นจะสั้นมากก็ตาม เกททินเป็นคนแคระเช่นเดียวกับมารัสแต่เกททินมีจมูกที่ยื่นยาวออกมายาวกว่ามารัส ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องปกติของชาวคนแคระที่จะมีส่วนต่างๆ แปลกๆ อย่างหูที่ยาวผิดรูป ตาที่ไม่เท่ากันในแต่ละข้าง แต่อย่าดูถูกชาวคนแคระเหล่านี้เป็นอันขาด
   
พวกเขานับว่าเป็นอัจฉริยะด้านการขุดแร่เลยทีเดียวทำให้คนแคระนั่นร่ำรวยมากจากการขายอัญมณีต่างๆ แต่สิ่งอื่นพวกเขาก็โดดเด่นเช่นกันอย่างการใช้อาวุธก็รวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน เวทมนตร์ประหลาดที่สาปออกมาได้ผลแปลกๆ
   
มารัสจิ้ปากและปรับหมวกของตัวเองให้เข้าที่ “ หลบไวเป็นลิงเชียว ”

   “ เจ้ามันช้าเกินไปต่างหาก ”
   
ครืนนนน
   
เสียงการพังทลายดังสนั่นจนได้ยินทั่วบริเวณ ไม้เลื้อยที่เดิมทีสานต่อกันอย่างแน่นหนาตอนนี้บางช่วงกลับหักลงจนเปิดช่องว่างให้ศัตรูได้กล้ำกรายเข้ามา
   
“ ดูเหมือนว่าจะเยอะกว่าครั้งที่พวกเราเจออีก ” เกททินเอามือป้องตาตัวเองขณะที่ส่องศัตรู
   
“ กลัวอะไร ยังไงพวกเราก็เผ่นกันได้อยู่ดี ” มารัสยิ้มแล้วขว้างกิ่งไม้ไปปักหัวอสูรที่บุกรุกเข้ามาใกล้
   
เกททินยักไหล่“ ไม่ล่ะ เดินเล่นกันให้สนุกกันก่อนดีกว่า ” และกระโดดพรวดลงจากต้นไม้ไปเกาะบนหัวของอสูร
   โฮกก
   
อสูรส่ายหัวไปมาอย่างรุนแรงเพิ่อให้สิ่งที่มาเกาะได้หลุดกระเด็นออกไปพร้อมกันนั้นมือที่เต็มไปด้วยเล็บก็พยายามคว้าเช่นเดียวกัน
   
อย่างที่รู้ เกททินเป็นคนแคระ
   
ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะจับเกททินได้
   
“ จะเขย่าทำไมนักหนา ข้ามึนหัว ” เกททินหยิบมีดผลึกแร่ออกมาท่องเวทเบาๆ จนมันเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกลายเป็นมีดแล้วปักเข้าที่หัวอสูรจนมิดด้าม มีดของเกททินนั้นแผ่ไอเวทสีดำจางออกมาทำให้อสูรคลุ้มคลั่งยิ่งกว่าเดิม เพราะที่มันส่งไอเวทจางออกมาคือพิษและเวทที่เกททินอัดเข้าไป
   
เพียงเวลาชั่วครูอสูรก็เสียการทรงตัวแล้วล้มพบไปบนพื้น
   
ดวงตาเบิกค้างกว้างอย่างน่ากล้ว
   
เกททินไม่เป็นเพียงคนแคระธรรมดาที่สามารถขุดแร่ดีๆ ได้ แต่ยังเป็นคนแคระที่มีชื่อเสียงด้านการใช้พิษผสานเวททำให้ศัตรูเป็นอัมพาต ตาย หรืออะไรก็ตามที่เจ้าตัวต้องการ !
   
เคยมีหลายครั้งที่เกททินมักถูกชักชวนจากดินแดนอื่นเพื่อไปเป็นทหาร
   
ฝีมือการต่อสู้ที่คาดเดาไม่ได้และน้อยคนที่สามารถทำได้
   
นั่นแหละ คือ เกททิน
   
“ อะไรกัน เจ้าควรฆ่ามันได้ตั้งแต่กระโดดลงมาแล้วนะ ” มารัสเหน็บขณะที่ใช้ดาบที่สูงและหนักกว่าตัวเองเป็นสองเท่าฟันตัวอสูรจนขาดเป็นสองท่อน
   
มารัสก็เช่นกันที่ไม่ใช่เป็นคนแคระที่เอาแต่ขุดแร่หาเงิน
   
มารัสมีจุดเด่นเรื่องการใช้ดาบโจมตีศัตรูและพละกำลังมหาศาล
   
ดาบที่ใช้อยู่มารัสเป็นคนหลอมขึ้นมา มันสามารถป้องกันเวทมนตร์ได้เกือบทุกชนิด ถ้าหากศัตรูไม่ได้มีฝีมือเทียบเท่าระดับราชา
   
“ เจ้าก็เหมือนกัน ทำได้แค่ฟันมันเป็นสองท่อน ไม่มีศิลปะในการต่อสู้สักนิด ” เกททินก้าวขาออกจากอสูรปัดฝุ่นที่เกาะเสื้อคลุมตัวยาวสีทึบภายในเสื้อประกอบด้วยขวดยาพิษขวดเล็กจำนวนมหาศาลจนนอกจากเจ้าตัวก็คงไม่รู้ว่าเป็นพิษประเภทใดบ้าง “ รู้จักไหม เพลงดาบน่ะ ถ้าเจ้าไม่รู้จักก็ไปดูพวกมนุษย์งี่เง่าตีกันซะ ”
   
มารัสตวัดดาบใส่เกททินแทนเพลงดาบที่อีกฝ่ายเรียกร้อง “ ทำไมข้าต้องเอากระบวนท่าไร้สาระพวกนั้นที่มีดีแค่ความสวยงามมาใช้แทนการโจมตีที่ทรงพลังล่ะ ! "
   
เกททินไม่ได้หลบเพียงแค่เปลี่ยนผลึกแร่ให้กลายเป็นโล่ป้องกันตัวเอง “ นักกวีแต่งกวีเพื่อความสุนทรีย์ แล้วนักดาบอย่างเจ้ามันสุนทรีย์เป็นไหม นอกจากจะเตี้ยแล้วเจ้ายังไม่มีรสนิยมอีกนะ มารัส ”
   
“ พวกที่วันๆ เอาแต่ชื่นชมยาพิษของตัวเอง ก็ไม่มีสิทธิว่าคนอื่นเหมือนกัน ”

   “ ยาพิษของข้าไม่ดีตรงไหนกัน ? เจ้าดูไม่ออกงั้นเหรอถึงสีที่งดงามของมัน สีแดงเลือดที่ก้ำกึ่งระหว่างความตายกับการมีชีวิต สีเขียวที่ดู—”
   
“ หยุดๆๆ ข้าไม่อยากฟังเรื่องงี่เง่าแบบนี้ มันทำให้ข้ารู้สึกโง่กว่าพวกอสูรอีก ” มารัสทำหน้าขยะแขยง
   
เกททินรู้สึกไม่สบอารมณ์จึงหยิบขวดยาพิษปาเข้าใส่มารัส

   “ เดี๋ยว ! ข้าจำกลิ่นนี้ได้ ! ไอ้บ้าเกททินนน นี่เจ้าโยนยาพิษที่ร้ายแรงที่สุดใส่ข้างั้นเหรอออ ” มารัสสะดุ้งรีบหลบไปอีกทางส่งผลให้อสูรที่วิ่งมาข้างหลังโดนเข้าเต็มๆ
   
โฮกกกกกกกกก
   
อสูรกรีดร้องเสียงดังสนั่นจนพื้นดินสะเทือนมันพยายามสลัดพิษที่ติดอยู่บนตัวออกหวังจะบรรเทาความเจ็บปวดที่ได้รับ ผิวหนังขรุขระของอสูรนั้นค่อยๆ ละลาย มันกรีดร้องออกมาอย่างขวัญเสีย
   
“ ดีนะที่ข้าหลบทัน ไม่งั้นคงสภาพเดียวกับอสูรนี่แหงๆ ” มารัสถอนหายใจอย่างโล่งอก
   
ครืนนนน
   
เสียงคล้ายเสียงกรีดร้องครั้งสุดท้ายของกำแพงไม้เลื้อย
   
ก่อนที่มันจะพังลงมาจนหมด
   
“ เฮ้อ นี่เราต้องไปหลบกันบนต้นไม้อีกแล้วเหรอ ” เกททินบุ้ยหน้าเซ็งๆ

“ เออสิ จะอยู่ให้โดนเหยียบรึไงเล่า ”
   
เพราะหลังจากกำแพงถล่มลงมาชาวภูต สัตว์ หรืออะไรสักอย่างก็ต่างพากันวิ่งกันมาทางที่เกททินและมารัสยืนอยู่ ซึ่งจำนวนมันก็ไม่ใช่น้อยๆ เลย
   
“ หรือเจ้าจะอยู่ตบอสูรเล่นล่ะ ” มารัสพูดอย่างกระตือรือร้น “ ดีไม่ดีถ้าช่วยฆ่าจนหมด อาจจะโดนตบรางวัลให้ก็ได้ ! ”
   
“ ตามนั้นนั่นแหละ ขืนขึ้นไปบนต้นไม้อีก ข้าคงได้กลายเป็นกิ้งก่าแน่ ”

   
สิ้นเสียงการพลังทลายของกำแพงไม้เลื้อย
   
เรียกให้นูร์ดูคุ้มคลั่งยิ่งกว่าเดิม “ เอาวิญญาณเจ้ามา !! ”
   
เมเออร์มองกลับด้วยสายตาเย็นชาในมือถือธนูง้างเล็งไปที่นูร์ “ ทำไมกำแพงถึงได้พังทลายล่ะ นูร์ ”
   
กรอดดดด
   
ร่างของนูร์ค่อยๆ เปลี่ยนรูปจากมนุษย์กลายเป็นอะไรบางอย่าง
   
ปีกยักษ์สีดำที่เว้าแหว่งในบางส่วน
   
หางที่ยืดยาวออกมาจนน่ากลัว
   
นัยน์ตาหมุนริ้วสีแดงเลือด
   
ชุดคลุมกายสีดำทมิฬ
   
พร้อมกับเคียวอันยักษ์ในมือ
   
“ ยมทูต ? ” ฟาร์คัสพูดด้วยสีหน้าที่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด
   
คาร์บิลัสมองนูร์เซ็งๆ “ ชุดนั่นน่าเกลียดชะมัด ไร้รสนิยมสิ้นดี ”

   ดัฟฟ์เอียงคอ “ หิวง่ะ ”
   
“ คิดเหรอว่าข้าจะเอาวิญญาณของเจ้ามาแลกกับการยืดอายุของกำแพงที่ไม่รู้ว่าจะพังวันไหนแบบนี้เหรอ เมเออร์ ”
   เมเออร์กัดฟันกรอด “ นี่เจ้าผิดคำสัญญางั้นเหรอ ”
   
“ สัญญานั่นไม่มีมาแต่แรกแล้ว ” แววตานูร์ทอประกายความสะใจ “ สิ่งที่ข้าควรได้ก็คือวิญญาณของเจ้าเท่านั้น ! ”
   
ฉับพลันนูร์ได้พุ่งเข้าไปหาเมเออร์และตวัดเคียวใส่
   
เพื่อที่จะดึงวิญญาณอีกครึ่งที่เหลืออยู่มา
   
แต่ก่อนที่จะถึงตัวเมเออร์กลับถูกกั้นด้วยกำแพงสีทอง
   
“ คิดจะทำอะไรพ่อของข้ากัน ! ” เอลล์ตะหวาดกร้าว
   
ความยินดีที่ได้มองเห็นนั้นยังอยู่
   
แต่ว่าหลังจากได้สติคืนกลับมาทำให้เอลล์ตระหนักว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้สำคัญกว่าการมองเห็นของตนมากนัก ยิ่งมีผู้ที่จะมาเอาชีวิตพ่อของตนอีก
   
ยมทูต..
   
นูร์แสยะยิ้มตวัดเคียวฟันกำแพงออกจากขาดสะบั้น “ บุตรแห่งสงคราม ขอบคุณที่เจ้าเกิดมาพร้อมกับตำนานงี่เง่านะ ”
   
“ พูดบ้าอะไรของเจ้า ! ” เอลล์ตะคอกใส่อย่างผิดวิสัยที่มักจะอ่อนโยน
   
“ ความคิดเป็นสิ่งที่ทำร้ายผู้อื่นได้พอๆ กับอาวุธเลยล่ะ ” นูร์หัวเราะเสียงแหบ
   
ฟู่
   
ลุกซ์กลายร่างกลับเป็นมังกรแล้วพ่นไฟลูกยักษ์ใส่นูร์
   
แต่นั่นก็ไม่สามารถทำอะไรได้กับผู้ที่มีฐานะเป็นถึงยมทูตอยู่ดี
   
“ แต่เพราะอย่างงี้แหละมันถึงจะสนุก การเล่นสนุกกับชีวิตคนอื่นมันสนุกกับการเล่นอยู่คนเดียวเป็นไหนๆ ” นูร์ควงเคียวไปมาก่อนที่ดวงตาจะเปลี่ยนเป็นเฉียบคม “ หมดเวลาสำหรับการคุยเล่น ข้าไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น ” และตวัดเคียวใส่ไปในทางเมเออร์อีกครั้งโดยไม่สนใจเอลล์ที่ยืนขวางใหญ่

   หลังจากการตวัดเคียวของนูร์เกิดแสงสีดำสนิทส่งแผ่กลิ่นอายน่าขนลุกสิ่งที่อยู่รอบตัวจู่ๆ กลับแห้งเหี่ยว
   
เมเออร์เตรียมจะหลบแต่กลับพบว่าถูกพันธนาการไว้ที่ขา “ นูร์ !! ” เมเออร์คำรามชื่อออกมาอย่างเคียดแค้น
   
เอลล์กระโดดเข้าไปหวังจะบังพ่อเอาไว้
   
“ หลบไปซะ ! เอลล์ ” เมเออร์ใช้กิ่งไม้กั้นเอลล์เอาไว้ “ ต่อให้ข้าตายมันก็ไม่ได้ส่งผลออะไรมาก ราชาอย่างเจ้าไม่สมควรตายเพราะเรื่องแค่นี้ ! ”
   
แสงสีดำนั่นใกล้เมเออร์ขึ้นทุกทีแม้จะถูกสกัดไว้ทั้งจากลูกไฟของลุกซ์กับเวททั้งของฟาร์คัสและคาร์บิลัสก็ไม่สามารถต้านทานได้
   
สถานะของยมทูตไม่ใช่สิ่งที่สามารถต่อกรได้ง่าย
   
ก็เหมือนกับผู้ควบคุมกาลเวลาที่มีพลังมหาศาล
   
เรียกได้ว่านอกจากพวกเดียวกันแล้ว
   
ก็ไม่มีสิ่งไหนสามารถสู้ได้อย่างสมน้ำสมเนื้ออีกแล้ว
   
แต่ก่อนที่เมเออร์จะถูกแสงสีดำนั่นทำร้าย กลับมีเคียวอีกอันขึ้นมาขวางไว้ได้ทัน !  พลังทั้งสองอย่างนั้นหักล้างกันจนหายไป
   
และปรากฎร่างของผู้ที่โผล่เข้ามาช่วยเมเออร์
   
นูร์เบิกตากว้างดวงตาขึ้นสีแดงก่ำกว่าเดิม “ พาซ ! ”
   
พาซขยับยิ้ม “ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ” พร้อมหรี่ตาลง “ ยมทูตผู้ทำผิดกฎ ”
   
นูร์เค่นเสียงเสียงขึ้นจมูก “ ไอ้พวกโง่ที่ทำตามหน้าที่ไม่มีสิทธิมาว่าคนรักอิสระอย่างข้า ”
   
“ เจ้าเกิดมาเพื่อทำงานให้กับท่านผู้นั้นนูร์ ” พาซพูดเสียงเย็น ใบหน้าที่ถูกปิดคลุมด้วยผ้าคลุมสีดำกำลังแสดงสีหน้าโกรธจัด “ พวกเราเป็นสิ่งที่โชคดีได้รับพลังมากกว่าเผ่าพันธุ์อื่น ไม่มีความรู้สึกเจ็บหิวหรือเหนื่อย ความตายก็ถูกยับยั้งไว้ ท่านผู้นั้นยังประทานความรู้สึกนึกคิดให้เราอีก ! สิ่งที่เราควรทำคือทำตามที่ท่านต้องการไม่ใช่การทำตามใจตัวเอง นูร์ ”
   
“ นั่นละสิ่งที่น่าเบื่อ เจ้าเคยลองลิ้มรสวิญญาณรึยัง ? ข้าว่ามันรสชาติดีใช้ได้เลยล่ะ ”
   
พาซเบิกตากว้าง “ เจ้า  ! ”
   
“ หึหึ นอกจากรสชาติดีมันยังทำให้ข้าอยู่ต่อได้โดยไม่ตั้งไปรับพลังวิญญาณจากแท่นบ้าบอนั่นด้วย ”
   
การที่ยมทูตจะคงอยู่ได้นั้นมีข้อแม้เช่นกัน
   
คือทุก 1 เดือนต้องมีสักวันที่ต้องไปยืนบนแท่นปล่อยให้แสงจันทร์และแสงอาทิตย์อาบร่างกายหนึ่งคืนเพื่อปรับสมดุลร่างกายไม่ให้มีความมีความมืดหรือความสว่างในตัวมากกว่ากัน
   
“ เจ้าทำให้วิญญาณพวกนั้นแตกสลายไปโดยไม่ใช่เหตุ ” บรรยากาศรอบตัวพาซเริ่มทำให้อากาศรอบตัวกรีดร้อง ซึ่งนั่นก็รุนแรงกว่าของนูร์เสียอีก “ ถ้าเจ้ายอมถูกจับตัวดีๆ ข้าจะไม่ลงมือหนัก ”

   “ ตลกร้ายแล้ว พาซ ข้าไม่ใช่มนุษย์จิตใจโลเลหรอกนะ ” นูร์แสยะยิ้มควงเคียวเล่น
   
ถึงแม้จะวางท่า
   
แต่ในใจกลับตรงกันข้าม

ร่างกายของนูร์ตอนนี้ค่อนข้างย่ำแย่

ถึงได้รีบจะเอาวิญญาณของเมเออร์มาปรับสมดุลร่างกาย
   
“ แล้วเจ้ากับข้าจะได้เห็นดีกัน ! ” พาซตะหวาดกร้าวตวัดเคียวใส่นูร์ทุกสิ่งที่ขวางทางล้วนแล้วแต่สลายกลายเป็นผุยผงยกเว้นแต่สิ่งที่พาซยกเว้นไว้
   
สิ่งมีชีวิตนั่นเอง

--------------

ค้างไว้ก่อน  :katai5:

ความจริงตั้งใจจะแต่งให้จบตอนแต่ปวดท้องง่ะ กินโค้กตอนท้องว่าง # ไม่เคยเข็ดสักที 555

เลยนอนหนีปัญหาซะเลย ยงยาก็ไม่มี  :hao5:   


   
   
   
   

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 21 30 ก.ค 58 80%
«ตอบ #171 เมื่อ30-07-2015 23:26:34 »

ตะหวาด > ตวาด

**

ตอนนี้นี่ตัวละครมีเพิ่มเยอะเลย ว่าแต่ทำไมคนแคระถึงอยู่ในเมืองเอลฟ์??? หรือเผ่าพันธุ์ทั้งสองอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว??

(อยากจิ้นนูร์พาซจัง จะมีหวังไหมเนี่ย  :mew2:)


ปอลิงคุณ Foggy Time ต้องตุนยาไว้มั่งนะค้าา พวกแก้ท้องเสีย ยาหวัด ลดกรด ฯลฯ ไรงั้น

ป่วยแล้วไม่มียานี่มันลำบากจริงๆ เพราะถ้าอยู่คนเดียวจะขยับตัวก็ลำบากเวลาป่วย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 21 30 ก.ค 58 80%
«ตอบ #172 เมื่อ31-07-2015 10:52:07 »

ดัฟฟ์เอ้ยยยยยย เค้าสู้กันอยู่ รู้ไหมลูก 5555555

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 21 31 ก.ค 58 100 %
«ตอบ #173 เมื่อ31-07-2015 23:37:25 »

--  :katai2-1: --

ถึงได้รีบจะเอาวิญญาณของเมเออร์มาปรับสมดุลร่างกาย
   
“ แล้วเจ้ากับข้าจะได้เห็นดีกัน ! ” พาซตวาดกร้าวตวัดเคียวใส่นูร์ทุกสิ่งที่ขวางทางล้วนแล้วแต่สลายกลายเป็นผุยผงยกเว้นแต่สิ่งที่พาซยกเว้นไว้
   
สิ่งมีชีวิตนั่นเอง
   
ก่อนที่คมเคียวจะมาถึงนูร์
   
นูร์ก็พบว่าตนเองได้หมดทางหนีเสียแล้ว
   
ทั้งราชาภูต มังกรไฟ ราชาปีศาจ ต่างขัดขวาง
   
หากช้าไปเพียงนิดอาจจะถูกสะบั้นวิญญาณเอาได้
   
นูร์เบิกตากว้าง “ หยุดเถอะๆ ข้ายอมแล้ว ” และยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
   
พาซแสยะยิ้มดีดนิ้วให้พลังที่ส่งไปนั้นหายไป “ คิดว่าจะแน่ ” แล้วเสกกุญแจมือที่แผ่ไอสีดำกรุ่นออกมา
   
นูร์แสร้งก้มหน้านิ่ง
   
และนั่นก็สะกิดให้ฟาร์คัสรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
   
“ มันกำลังจะหนีไปแล้ว ! ” วงเวทถูกแอบร่ายปรากฎสีจางอยู่บนพื้นถ้าหากไม่พิจารณาดีๆ คงไม่มีทางสังเกตเห็น
   
นูร์หัวเราะสั้นๆ “ เก่งดีนี่ อีกา วิญญาณของเจ้าก็คงไม่เลวเหมือนกันสินะ ” ใช้เวลาช่วงที่ทุกคนเผลอตวัดเคียวดึงวิญญาณฟาร์คัสออกมา
   
ฟาร์คัสทรุดฮวบไปบนพื้นทันที
   
คาร์บิลัสคำรามออกมาเสียงดังลั่นดวงตาขึ้นสีแดงก่ำ “ เจ้า !! ” แล้วกระโจนเข้าใส่นูร์
   
นูร์ยิ้มและปล่อยให้ตัวเองจมลงไปในวงเวทที่ร่ายไว้บนพื้นก่อนที่คาร์บิลัสจะมาถึงตัว
   
คาร์บิลัสร่ายเวทขึ้นมาอย่างรวดเร็วถล่มเข้าตรงที่นูร์หายไป
   
จนเกิดเป็นรูขนาดยักษ์บนพื้น
   
รอบตัวคาร์บิลัสเริ่มแปรเปลี่ยนบรรยากาศน่าขนลุกลุกลามไปทั่ว ทำให้หายใจได้ลำบาก สัตว์น้อยใหญ่เดิมที่หลบซ่อนอยู่บริเวณใกล้ๆ ต่างพากันหนีจาก
   
คาร์บิลัสยิ้มจางสติที่มีเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความบ้าคลั่ง
   
ดาบคู่ใจของคาร์บิลัสปรากฎขึ้นในมือเตรียมจะอาละวาดเพื่อทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า
   
แววตาที่มักจะปรากฎความร่าเริงเมื่ออยู่กับฟาร์คัสได้หายไปแล้ว
   
และถูกแทนที่ด้วยความโกรธจัดแทน
   
“ มีวิธีตามไอ้ยมทูตเมื่อกี้ไปไหม ? ”
   
พาซยิ้มเมื่อรู้สึกถึงความโกรธของร่างตรงหน้า
   
เช่นเดียวกันกับข้า
   
ที่ตอนนี้กำลังโกรธจัดเหมือนกัน !
   
“ มี ! ” พาซตวัดเคียวเป็นรูปวงเวทแปลกตาเพื่อเปิดมิติให้อีกฝ่ายได้เข้าไป
   
ท่านผู้นั้นได้มอบความรู้เรื่องนี้ให้
   
เพื่อใช้ในการจับกุมยมทูตผู้ผิดกฎ !
   
คาร์บิลัสคำรามเสียงดังลั่นจนแผ่นดินสะเทือนกระโจนเข้าไปในวงเวททันทีโดยไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
   
ต่อให้ต้องตายข้าก็จะข้าฆ่ามัน !!
   
   “ แม่... ” ดัฟฟ์เขย่าแขนฟาร์คัสที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น “ หลับอยู่เหรอ ? ”
   
ใบหน้าของฟาร์คัสนั้นซีดเผือดพอๆ กับลมหายใจที่แผ่วเบา
   
เอลล์เดินเข้าไปใกล้ดัฟฟ์นั่งยองๆ ข้างๆ แล้วลูบหัวดัฟฟ์ “ อืม ฟาร์คัสหลับอยู่ เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก ดัฟฟ์ ”
   
“ ง้า นอนทำไมตอนนี้ ” ดัฟฟ์หน้ามุ่ย “ เมื่อกี้ยังตื่นอยู่เลยนี่นา ”

   ลุกซ์ถอนหายใจใช้หางเกี่ยวคอเสื้อดัฟฟ์มาเกาะหลังตัวเอง “ เจ้าก็หลับบ้างเถอะ ดัฟฟ์ ”
   
“ ตอนนี้สงครามกำลังเกิดขึ้น ไม่มีอะไรสำคัญเท่าบ้านเมืองของเราหรอกนะเอลล์ ” เมเออร์พูดด้วยความเย็นชา มือวาดวงเวทเคลื่อนย้ายขนาดยักษ์บนพื้นเพื่อย้ายร่างที่ถูกเอาวิญญาณไปด้วย
   
ถึงแม้จะรู้สึกสงสาร
   
แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาว่างที่จะสงสารใครขนาดนั้น
   
เพราะกำแพงได้พังลงมาแล้ว !

-------------
มาเต็มตอนแล้ว

ตอบเม้น  :katai2-1:

คุณบลูเชอร์รี่ : คนแคระที่โผล่เข้ามากะจะใช้เป็นมุมมองของคนภายนอกเกี่ยวกับสงครามค่ะ 5555 เพราะลำพังจะใช้เอลล์ก็คงไม่ได้ แต่จะมีส่วนสำคัญในเรื่องหรือเปล่าต้องดูกันต่อไปค่ะ XD  ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ  :man1: สรุปแจ็กพอตปวดท้องบิด 

คุณ lizzii : ดัฟฟ์มักจะเอ๋อผิดเวลา 5555  :hao7:

# รู้สึกหลังๆ คนเริ่มหาย  :hao5:

   
   
   
   


   
   
   
   

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 21 31 ก.ค 58 100 %
«ตอบ #174 เมื่อ31-07-2015 23:42:19 »

 :z3:


ถึงคาร์บิลัสจะเป็นราชาปีศาจ แต่อีกฝ่ายเป็นยมทูต

จะฆ่าเขาได้ไหมเนี่ย  :z3:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 21 31 ก.ค 58 100 %
«ตอบ #175 เมื่อ01-08-2015 00:31:22 »

งื้อออ!! เละสินะ

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 21 31 ก.ค 58 100 %
«ตอบ #176 เมื่อ02-08-2015 03:51:32 »

กล้ามากนะนูร์ที่ทำให้คาร์บิลัสโกรธ ดีใจกับเอลล์ตามองเห็นแล้ว ลุกซ์ก็จะไวไฟเกิ๊นนน

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 21 31 ก.ค 58 100 %
«ตอบ #177 เมื่อ02-08-2015 12:56:16 »

มโนอสูรต่างจากความเป็นจิงอย่างแรง

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
--- ตอนที่ 22 ---
   
ช่องว่างแห่งมิติเป็นสถานที่ที่ไม่มีสิ่งใดอาศัยอยู่แม้แต่อย่างเดียว เนื่องจากความว่างเปล่าของมัน พื้นดินสีเทาซีดที่แตกแขนงจนน่ากลัวว่าถ้าหากลงฝ่าเท้าแรงๆ สักครั้งพื้นที่บริเวณนั้นจะถล่มลงไป ท้องฟ้าสีดำมืดที่ไม่มีดาวหรือแสงสว่างประดับอยู่ ดีที่ยังมีดวงจันทร์ลอยนิ่งๆ ให้ความแสงสว่างอยู่ ช่องว่างแห่งมิตินั้นใช้เป็นสิ่งที่อยู่ระหว่างมิติกับมิติจะเรียกว่าเป็นจุดพักก็ได้
ความอ้างว้างน่าจะเป็นนิยามของสิ่งรอบตัวของฟาร์คัสในขณะนี้
   
“ หึ กลัวรึไง อีกา ” นูร์แค่นเสียงหึใช้ดวงตาสีแดงก่ำจ้องฟาร์คัสด้วยสายตาสมเพช
   ที่แห่งนี้
   
ไม่ว่ายมทูตตนไหนที่ข้าไม่อนุญาต
   
ก็ไม่สามารถลุกล้ำได้ทั้งนั้น !
   
ฟาร์คัสไม่ตอบอะไรราวกับเพิกเฉยคำพูดของนูร์
   
นูร์กัดฟัดกรอด “ อีกไม่นานก็ตายแล้ว ยังกล้าทำตัวแบบนี้กับข้าอีกนะ อีกา ”
   
ฟาร์คัสจ้องนูร์ด้วยแววตาเฉยชา
   
ไม่มีความกังวล เกรงกลัว หวาดหวั่น อะไรสักนิดในหัวของฟาร์คัส
   
มีแต่ความเบื่อหน่ายเท่านั้น
   
“ ทำไมข้าต้องทำตัวดีกับเจ้ากัน ? ”
   
นูร์หัวเราะออกมาเหมือนคำตอบที่ได้รับเป็นเรื่องตลก “ ความรู้สึกยามที่ถูกฉีกวิญญาณเป็นชิ้นๆ คงไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่นะ อีกา ถ้าหากเจ้าทำตัวดีหน่อยข้าจะไม่ให้เจ้าทรมานมาก ”
   
ฟาร์คัสยิ้มบาง
   
ทำให้นูร์รู้สึกเสียวสันหลังวาบกับรอยยิ้มที่เห็น “ ยิ้มอะไรของเจ้า ”
   
“ ถ้าหากเจ้าสามารถฆ่าข้าได้จริง ป่านนี้วิญญาณของข้าคงไม่เหลือชิ้นดีแล้ว ”
   
นูร์กำเคียวในมือแน่นดวงตาวาวโรจน์ “ คิดว่ายมทูตอย่างข้าจะไม่มีปัญญาฆ่าเจ้างั้นเหรอ ? ถ้าเจ้าอยากตายตอนนี้ก็ได้ ข้าจะสนองให้เอง ! ”

ฟาร์คัสยังคงยิ้ม
   
สิ่งที่นูร์ไม่ได้สังเกตก็คือมือที่สั่นไม่หยุดของตัวเอง
   
ดวงตาสีแดงก่ำที่ริบหรี่ลงทุกที
   
และเคียวในมือที่เริ่มสลายกลายเป็นฝุ่น
   
เป็นสัญญาณว่า ตัวตนของนูร์ใกล้จะสลายไปเต็มทีนั่นเอง
   
ด้วยความโมโหนูร์ฟันเคียวใส่ฟาร์คัสแต่ฟาร์คัสในร่างวิญญาณก็สามารถหลบหลีกได้ทันทุกครั้ง
   
คมเคียวที่ตวัดแต่ละครั้งในอากาศ
   
แลกกับสิ่งที่เหลืออยู่ของนูร์
   
โดยที่เจ้าตัวไม่ได้รับรู้โดยแม้แต่น้อย
   
ลมรอบตัวในพื้นที่พัดรุนแรง สิ่งที่สายลมพัดผ่านมีเพียงความอ้างว้างของสถานที่
   
นูร์ขบกรามแน่นเตรียมจะตวัดเคียวอีกครั้งแต่เมื่อสังเกตร่างกายตัวเองก็ต้องตกใจ “ เจ้า ! ”
   
“ มีอะไรงั้นหรือ ? ยมทูต ” ฟาร์คัสแค่นเสียงหึมองนูร์ด้วยสายตาเช่นเดียวกับนูร์ “ ไม่สิ.. อดีตยมทูต”
   
กรอดดดด !
   
เสียงแปลกประหลาดดังขึ้นมาจากนูร์ กระดูกสันหลังของนูร์ได้โก่งโค้งขึ้นรวมถึงร่างกายส่วนอื่นที่ค่อยๆ เปลี่ยนรูปใบหน้าเดิมที่คล้ายมนุษย์ได้ยืดยาวเปลี่ยนเป็นหมาป่า ขาที่ยาวเก้งก้างค่อยๆ หดลงเปลี่ยนเป็นกลายเป็นขาของสัตว์ป่า สิ่งที่ยังคงเดิมคือ

ดวงตาวาวโรจน์ที่เต็มไปด้วยความโกรธ
   
เคียวของนูร์ที่ถูกโยนทิ้งได้ค่อยๆ เปลี่ยนรูปกลายเป็นหมอกสีดำและโอบล้อมตัวของนูร์ไว้เหมือนกับโล่ที่ใช้ป้องกันตัวเองจากอันตราย
   
ฟาร์คัสยังคงสุขุมเช่นเดิมแต่แววตานั้นเปลี่ยนไป
   
ความตื่นตระหนกเข้าครอบคลุมสติของฟาร์คัส
   
ใครจะไปรู้ว่า ยมทูตจะกลายร่างเป็นหมาป่าร่างยักษ์ได้ !
   
ฮื่ออออ
   
ร่างของหมาป่าส่งเสียงขู่ในลำคอและกระโจนเข้าหาฟาร์คัสในพริบตา
   
ฟาร์คัสกระโดดหลบแทบไม่ทันทำให้ไม่กล้ายั่วยุให้อีกฝ่ายโกรธมากขึ้นกว่านี้
   
เดิมที่การยั่วให้อีกฝ่ายโกรธเป็นอุบายของฟาร์คัสที่จะให้นูร์เผลอใช้พลังมากเกินตัวจนตัวเองหายไปโดยไม่รู้ตัว
   
หมาป่าที่รู้ว่าเป้าหมายสามารถหลบได้ทันก็หงุดหงิดกว่าเดิม กรงเล็บยาวงอกออกจากอุ้งเท้า ขนสีเทาเข้มขึ้นจนกลายเป็นสีดำสนิท ไอหมอกหมุนริ้วเร็วกว่าเดิม และกระโจนเข้าใส่ฟาร์คัสอีกครั้ง !
   
ความเร็วของหมาป่าที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวทำให้ฟาร์คัสหลบทันแต่ก็ไม่พ้นจนหมด
   
ทำให้บริเวณไหล่ถูกกรงเล็บของนูร์เข้าเต็มๆ รวมถึงไอหมอกสีดำสนิท
   
ไหล่ของฟาร์คัสที่ปกติมั้งจะตั้งอย่างสง่าผ่าเผยกลับลู่ลงผิดวิสัย
   
ฟาร์คัสกัดฟันกรอด ใช้มือกุมไหล่ไว้
   
ไหล่ของฟาร์คัสคล้ายมีอะไรบางอย่างลอยออกมาจางๆ
   
“ กรอดด กลัวละสิ อีกา !! ” นูร์พูดด้วยความสะใจ
   
ฟาร์คัสสูดหายใจลึกและจดจ่ออยู่กับการโจมตีของนูร์
   
ไม่สนใจแม้แต่จะปริปากพูดกับอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
   
นูร์ส่งเสียงคำรามออกมาดังลั่นจนพื้นดินสั่นสะเทือนสิ้นเสียงคำรามก็กระโจนไปหาฟาร์คัสด้วยความเร็วชั่วพริบตา
   
ซึ่งกว่าฟาร์คัสจะรู้ตัวก็พบว่าร่างยักษ์ของหมาป่านั้นถึงตัวแล้ว !
   
ฟาร์คัสหลับตาลงเตรียมรับความเจ็บปวดที่ได้รับ
   
เพราะรู้ดีว่าต่อให้หนีก็ไม่สามารถหลีกพ้นอยู่ดี
   
แต่ก่อนที่จะถึงตัวฟาร์คัสร่างของนูร์กลับถูกชนด้วยบางสิ่งอย่างรุนแรงจนกระเด็นไปไกล
   
กรอดด
   
นูร์ตะเกียกตะกายขึ้นจากพื้นจ้องมองผู้ที่มาบุกรุกด้วยแววตาบ้าคลั่ง
   
เหมือนกับการสู้ครั้งสุดท้ายของนูร์
   
ทุ่มพลังทั้งหมดในการต่อสู้
   
แม้แต่สติปัญญาที่มีก็ยังหายไป
   
เหลือเพียงสัญชาตญาณในการต่อสู้
   
ซึ่งดูเหมือนว่าร่างของผู้บุกรุกก็กำลังบ้าคลั่งเช่นเดียวกันเพียงแต่ว่าร่างของผู้บุกรุกนั้นมีพลังมากมายมหาศาลให้ใช้
   
ร่างที่ว่านั้นก็คือ คาร์บิลัส นั่นเอง
   
“ นูร์ !!! ”  คาร์บิลัสคำรามลั่นพุ่งตัวเข้าไปหานูร์ในมือถือดาบที่ใช้ฟาดฟันศัตรู
   
คล้ายกับว่ารู้โดยสัญชาตญาณว่าไม่สมควรรับการโจมตีนี่ตรงๆ นูร์กระโจนหลบไปอีกฟากทันทีก่อนที่จะถูกดาบของคาร์บิลัสฟัน ไ
ไม่เสียเวลาเปล่านูร์กระโจนพุ่งเข้าใส่คาร์บิลัสหมายจะลอบกัด
   
คาร์บิลัสยกดาบขึ้นมากันคมเขี้ยวของหมาป่าได้ทันในเวลาเดียวกันนั้นก็ส่งลูกพลังเวทมหาศาลอัดเข้าไปที่ร่างชองนูร์ตรงๆ
   
นูร์กระเด็นไปกระแทกบนพื้นและกรีดร้องโหยหวนออกมาฟังดูน่าสยดสยองและน่าขนลุก
   
คาร์บิลัสยิ้มเหี้ยมออกมาเดินเข้าไปใกล้นูร์อย่างช้าๆ
   
คล้ายกับมัจจุราชผู้พรากเกี่ยววิญญาณ
   
แม้ว่าวิญญาณที่ว่านั้นคือยมทูตก็ตาม
   
ทั้งๆ ที่คาร์บิลัสเป็นเพียง ปีศาจ แต่พลังอำนาจที่มากล้นบวกกับความอ่อนแอของนูร์ในเวลานี้จึงส่งผลให้การฆ่านูร์สำหรับคาร์บิลัสไม่ใช่เรื่องยากทั้งในการตัดสินใจและปฏิบัติ
   
ก่อนที่คาร์บิลัสจะก้าวถึงร่างของนูร์กลับถูกขวางกั้นด้วยเคียวยมทูต
   
“ การฆ่ายมทูตไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะทำได้ ปีศาจ ” พาซบอกเสียงเรียบ
   
นัยน์ตาคาร์บิลัสขึ้นสีแดงเข้มด้วยความโมโหที่ถูกขัดขวาง
   
อย่างที่รู้
   
ในเวลานี้คาร์บิลัสมีเพียงความแค้นในหัวเท่านั้น
   
“ ถอยไป !! ” คาร์บิลัสตะคอก “ ฆ่าจะฆ่ามัน ! ”
   
พาซกระชับเคียวในมือ “ ไว้ข้าจะจัดการเอง ปีศาจ ”
   
คาร์บิลัสขบกรามจนขึ้นเป็นสันนูน
   
ก่อนที่คาร์บิลัสจะลงมือสู้พาซอีกคนก็ถูกจับมือเอาไว้ก่อน คาร์บิลัสสลัดมือทิ้งในทันทีจ่อดาบเข้าที่คอของผู้ที่จับแต่กลับถูกจับปลายดาบเบาๆ
   
“ ปล่อยสิ ” ฟาร์คัสพูดเสียงกระซิบ
   
คาร์บิลัสเผลอทำตามอย่างว่าง่าย ดาบในมือถูกฟาร์คัสดึงออกแล้วโยนไปข้างๆ แทน เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อใครอีก
   
“ กล้าสลัดมือข้าทิ้ง วันหลังอย่าหวังว่าเจ้าจะได้จับมันอีก ” ฟาร์คัสแค่นเสียงหึ
   
คาร์บิลัสยังคงยืนนิ่ง นัยน์ตาสีแดงก่ำหมุนริ้วอย่างงุนงง บรรยากาศรอบตัวยังคงทะมึนเช่นเดิม
   
ฟารคัสถอนหายใจเหนื่อยๆ “ ก็ได้ข้ายอมเจ้าสักครั้งก็ได้ ” ยอมหยิบมือคาร์บิลัสขึ้นมาจับอีกครั้ง กระชับมือที่จับ ส่วนข้างที่ว่างก็เช็ดเลือดบริเวณมุมปากให้คาร์บิลัสและเลียนิ้วที่ใช้ป้าย

   คาร์บิลัสก็เบิกตากว้างจ้องฟาร์คัสอึ้งๆ และบรรยากาศที่มีพิษภัยหรือทุกๆ อย่างที่เป็นไปในทางที่เกี่ยวกับการต่อสู้นั้นหายไปจนหมด
   
เหลือเพียง..
   
คาร์บิลัสคนเดิม
   
“ ฟาร์คัส ! ” คาร์บิลัสรวบตัวฟาร์คัสเข้ามากอดแน่น “ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เป็นอะไร เจ้ารู้ไหมว่าข้ากลัวแค่ไหน ตอนที่เจ้าหายไป ! ”
   
ฟาร์คัสยิ้มจางลูบหลังคาร์บิลัสเชิงปลอบประโลม “ ข้าไม่เป็นอะไร ”
   
คาร์บิลัสไม่ยอมปล่อยอ้อมกอดของตัวเองออกจากฟาร์คัส “ฟาร์คัส ข้าว่าข้ากับเจ้าแต่งงานกันดีไหม ไม่ก็อะไรก็ได้ ที่เวลาเจ้าหายไปข้าไปหาเจ้าได้ทันที ข้าไม่อยากเสียเจ้าไปอีกแล้ว ” ระหว่างที่คาร์บิลัสพูดนั้นคาร์บิลัสได้ตัวสั่นโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว
   
ใบหน้าเย็นชาอยู่เป็นนิจขึ้นสีแดงซับจาง “ งี่เง่า ”
   
คาร์บิลัสปล่อยอ้อมกอดออกมองหน้าฟาร์คัสด้วยความสลด “ เจ้าคิดอย่างงั้นหรอกเหรอ ข้าขอโทษ.. ”
   
ฟาร์คัสเริ่มจะหงุดหงิดบ้าง
   
ไอ้ราชาปีศาจที่โครตเก่ง เย็นชา โหดเหี้ยม เด็ดขาดเมื่อกี้หายไปไหน
   
ทำไมเหลือแต่เด็กอมมือไว้
   
“ เดี๋ยวค่อยคุยเรื่องนี้กัน คาร์บิลัส ” ฟาร์คัสคว้ามือคาร์บิลัสมาจับอีกครั้ง เพื่อให้อีกฝ่ายเลิกทำสีหน้างี่เง่าสักที
   
คาร์บิลัสยิ้มเศร้าๆ ให้ฟาร์คัส
   
พาซยืนดูปีศาจทั้งสองแสดงความรักอย่างเงียบงัน

ช่างเป็นการแสดงความรักที่เร่าร้อนมาก พาซคิด

“ ข้าขอตัวก่อนแล้วกัน ” พาซพูดด้วยสีหน้าเช่นเดิม เปลี่ยนเคียวในมือเป็นโซ่ล่ามนูร์ไว้ “ แผลที่ไหล่ของเจ้า พักผ่อนให้เพียงพอสักวันสองวันก็หายแล้ว พลังยมทูตของไอ้หมานี่ทำได้แค่ทำร้ายเจ้าแบบผิวเผินเท่านั้น ต่อให้ในร่างวิญญาณก็ไม่เป็นอะไร ”

ฟาร์คัสพยักหน้ารับใบหูขึ้นสีแดงก่ำ

ข้าลืมไปได้อย่างไรกันว่ามีคนอื่นนอกจากคาร์บิลัส

พาซจ้องฟาร์คัสสลับกับคาร์บิลัส “ ขออวยให้พรให้พวกเจ้าทั้งสองรักกันนานๆ นะ ลาล่ะ ”
ยังไม่ทันฟาร์คัสจะเอ่ยทักท้วงอะไรร่างของยมทูตทั้งสองก็ได้หายไปจากคลองจักษุ

เหลือเพียงราชาปีศาจที่ยังคงเซื่องซึม

“ งั้นกลับกันเถอะ ฟาร์คัส.. ” คาร์บิลัสวาดวงเวทลอกเลียนแบบพาซบนพื้น

ฟาร์คัสขมวดคิ้วไม่พอใจ “ เป็นอะไรของเจ้า คาร์บิลัส ”

“ เปล่า ” คาร์บิลัสยิ้มที่ดูแวบเดียวก็รู้ว่าฝืนยิ้ม

ฟาร์คัสถอนหายใจเฮือก

สักวันข้าต้องตายเพราะถอนหายใจเป็นแน่

ตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้คาร์บิลัส

โน้มคออีกฝ่ายลงมากดจูบเบาๆ บนหน้าผาก

“ ข้าบอกว่าค่อยคุยกัน ”

--------------------
รู้สึกว่าตอนนี้สัมผัสได้ถึงความราชินีแปลกๆ จากฟาร์คัส 5555555555  :hao6:



   
   
   
   
   

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
อุ๊ย

ฟาร์คัสมีดวงข่มสามีอยู่แล้วค่ะ ไม่ต้องห่วงฮิมหรอก

แต่กำลังสงสัยว่า ถ้าแต่งงานกันแล้วจะไปหาอีกฝ่ายได้ทันที

แสดงว่าปกติไม่สามารถทำได้เหรอคะ? แบบว่าเป็นถึงราชาปีศาจแล้วน่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด