ตอนที่ 19
วันนี้นี่น่าจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่ผมสามารถตื่นได้ปกติในวันทำงานและผมก็ยังตื่นก่อนนาฬิกาปลุกด้วย เป็นเรื่องธรรมดาที่พิเศษมากสำหรับผมเพราะผมไม่ได้สัมผัสการนอนเต็มอิ่มแบบไม่ฝันร้ายมานานมาก ซึ่งมันก็ทำให้วันนี้ผมอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
ผมยืนหน้ากระจกและแต่งตัวรอเจ้าหมาป่าขนฟูของผมอาบน้ำเสร็จ วันนี้ผมตื่นก่อนครามด้วยซ้ำ กว่าครามจะงัวเงียตื่นขึ้นมาร้องหงิงๆ หาผม ผมก็อาบน้ำเสร็จแล้ว
แน่นอนว่าเข้าออฟฟิศผมก็ต้องใส่สูท ตอนนี้ผมเซ็ตผมและทุกอย่างเกือบจะเสร็จหมดแล้ว เหลือแต่ท่อนบนที่ผมยังไม่ได้ใส่อะไรเพราะรอให้ครามมาช่วย ‘เลือก’ ให้ผม
ผมเหลือบมองของสะสมของผมที่อยู่ในลิ้นชักเกินสี่สิบชิ้นหรืออาจจะมากกว่านั้น ผมไม่แน่ใจเพราะไม่เคยนับจริงจังแต่ถ้าช่วงที่ผมเริ่มใส่บราก็เป็นช่วง ม.ปลาย ช่วงที่ผมเริ่มทนการควบคุมของพ่อไม่ไหว
พ่อควบคุมผมมากเกินไปและผมต้องการที่จะทำสิ่งที่พ่อเกลียด
‘อุบาทว์ ใส่ไปได้ยังไง’
ผมเหลือบมองพ่อที่วิจารณ์อัลฟ่าชายคนหนึ่งที่ใส่บราอย่างหยาบคาย
‘มึงอย่าใส่แบบนั้นกูเห็นเด็ดขาดนะ ไลม์’
วินาทีนั้นแทบจะเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกตื่นเต้นในชีวิตที่น่าเบื่อ ผมตอนนั้นรับปากพ่อแต่พอช่วงจังหวะที่พ่อเผลอผมก็แอบไปซื้อบรามาใส่
ผมไม่รู้ว่าตัวเองบ้าดีเดือดอะไรนักแต่บราตัวแรกที่ผมซื้อคือสีแดงและผมก็ใส่มันทุกครั้งที่มีโอกาส
ตอนแรกผมก็แค่รู้สึกสนุกดีที่ได้พยายามต่อต้านพ่อด้วยวิธีของผม ถึงมันจะเป็นวิธีการที่ห่วยแตกและมีผมคนเดียวที่รู้แต่ผมก็ยังทำมันอยู่ดี
มันเริ่มจากการเล่นสนุกของผมครั้งนั้นจนสุดท้ายกลายมาเป็นความชอบของผม ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นความลับของผมที่ไม่สามารถบอกใครได้และผมก็ไม่คิดจะบอกใคร
ผมมองชั่งใจอยู่สักพักและตัดสินใจหยิบบราลูกไม้สีดำที่เพิ่งมาซื้อมาใหม่ล่าสุด เพราะคิดว่าเจ้าหมาของผมน่าจะชอบ
“บอสครับ ผมต้องใส่อะ---“
ผมเหลือบมองครามและหลุดหัวเราะออกมาเพราะเจ้าหมาผมตกใจจนหูกับหางโผล่ แถมหางที่โผล่ออกมานั้นคือฟูมากจนผมอยากจะลองดึงเล่น
“คุณชอบไหม”
ผมยิ้ม
“วันนั้นผมเห็นคุณมอง”
ครามหน้าแดงมองผมอึ้งๆ
“หรือคุณชอบแบบอื่นมากกว่า วันนี้ผมตามใจคุณ”
ผมเดินเข้าไปหาครามเพื่อแกล้งให้เจ้าหมาหางฟูกว่าเดิม
“สรุปคุณชอบไหม ถ้าไม่ชอบผมจะได้เปลี่ยน”
หงิง
“หงิงอะไร ชอบไม่ชอบคุณก็ตอบผมสิ”
ผมหัวเราะเพราะพอก้มมองผ้าเช็ดตัวที่ครามพาดเอวออกมาก็ถึงเห็นว่าเจ้าหมาของผมคึกอีกแล้ว ให้ตายเถอะ ทำไมถึงได้แตกตื่นตอนเห็นผมใส่บราทุกรอบเลย
“หมาลามก”
ผมเอ็ด
หงิง
“นี่คุณอยากเอาผมทุกวันเลยเหรอ”
ผมแซวไม่จริงจังนักแต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ ลูกหมาผมเพิ่งอายุเท่าไหร่เองแถมกินอิ่มนอนหลับดีทุกวัน ผิดกับผมที่มีปัญหาเรื่องการนอนมานาน ทั้งนอนไม่หลับและฝันร้ายตลอด สุขภาพเลยไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อการตื่นตัวตอนเช้าเท่าไหร่
“..ไลม์ใส่แล้วสวยมากเลย”
“…”
ผมหน้าร้อนตอนที่อยู่ๆ ก็ได้รับคำชมแบบไม่ทันตั้งตัว และที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยถูกใครชมว่าสวยมาก่อนด้วย ครามมองผมนิ่งหน้าแดงและกระดิกหางไม่หยุด
“ผมชอบมากเลย”
ให้ตายเหอะ ทำไมคนที่เขินมากถึงเป็นผมแทนล่ะ
อยู่ๆ ผมก็รู้สึกอายจนมองหน้าครามไม่ไหว ไม่เคยมีเคยใครรู้ความลับของผมมาก่อนและต่อให้รู้ผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครมองผมด้วยสายตาแบบเดียวกับคราม
มันเป็นสายตาเทิดทูน? หรืออะไรสักอย่าง ผมไม่แน่ใจแต่ที่ผมรู้คือครามดูชอบมากจริงๆ อาจจะชอบกว่าผมที่ชอบอีกมั้ง แต่ผมก็ซื้อมาเพราะเห็นครามมองนั่นแหละ
ผมก็แค่อยากรู้ว่าเจ้าหมาจะทำหน้ายังไง ถ้าเห็นผมใส่ชุดชั้นในลูกไม้พวกนั้น
“ไลม์”
ครามเลิกกระดิกหางแล้วจ้องผมนิ่ง
“ผมขอได้ไหม”
“…”
ผมลูบหน้าตัวเองเขินๆ นี่มันมากเกินไปแล้ว แล้วถามผมด้วยสภาพลูกหมาตกน้ำแบบนั้นเหรอ แต่ให้ตายเหอะ ที่แย่กว่าคือผมก็ดันมีอารมณ์เหมือนกัน
ผมเอาลิ้นดุนแก้มรู้สึกลังเลนิดหน่อยแต่สีหน้าของครามก็ทำผมปฏิเสธไม่ลง
“สิบห้านาที”
ผมเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนในห้องแล้วยิ้ม
“คุณคิดว่าทันไหม”
ผมไม่ชอบเข้าออฟฟิศสาย ถึงผมจะเป็นเจ้าของก็เถอะแต่ผมก็ไม่อยากทำตัวเหลวไหลอยู่ดี
“ทันครับ”
พูดจบเจ้าหมาป่าก็จู่โจมผมทันที ครามก้มลงมาจูบผมและถอดกางเกงผม ผมหลุดครางออกมาตอนที่ครามขยำก้นผมแรงมากเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้
กรรซ
ครามมุดหัวใส่อกผมไม่ถอดบราออกแต่รั้งลงเพื่อชิมนมผม
“คราม ใจเย็นๆ หน่อย”
ผมปรามน้ำตาคลอเพราะครามดูดแรงมากและนิ้วที่ช่วยเตรียมตัวผมก็ดูจะรุนแรงเป็นพิเศษ
“ไลม์ ผมไม่ไหวแล้ว”
“อ๊า!”
ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อครามแทรกเข้ามาในตัวผมและดันผมไปติดกับกำแพง
“ฮื่อ”
ผมรู้สึกวูบโหวงในใจนิดๆ เมื่อครามเอาออกมันออกเพื่อที่จะพลิกตัวผมให้หันหน้าเข้าหากำแพงและสอดมันเข้ามาใหม่ลึกกว่าเดิม
“..คราม”
ผมสะอื้นชื่อครามเพราะเจ้าหมาป่าวันนี้เอาผมแรงมาก เสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นจนผมหน้าร้อนไปหมด แม้แต่กลิ่นฟีโรโมนของครามวันนี้ก็ดูจะดุดันเป็นพิเศษ
ไม่สิ มันเป็นแบบเดียวกับที่ใช้ขู่พวกชินด้วยซ้ำ
ผมตัวสั่นและกลัวจนแทบยืนไม่อยู่แต่ก็ถูกแขนของครามช่วยพยุงตัวไม่ให้ล้ม สติของผมจวนเจียนจะหายไปหลายรอบเพราะความใหญ่โตที่สอดลึกเข้ามาในตัวผม
ผมหอบหายใจพยายามประคองสติแต่ประสาทสัมผัสทั้งหมดของผมก็รับรู้แต่ความแข็งแกร่งของอัลฟ่าหมาป่าที่กระแทกกระทั้นเข้ามา ขนาดแว่นของผมตกไปบนพื้นยังต้องใช้เวลาหลายวินาทีกว่าผมจะรู้ตัว
“คราม เบาหน่อย”
ผมจิกแขนครามและพูดเสียงเบา
วันนี้เจ้าหมาป่าของผมคึกชะมัดเลย
กรรซ
ครามไม่ตอบผมแต่กอดผมแน่น ไม่ผ่อนแรงแต่กลับเอาผมแรงกว่าเดิม มือข้างที่ว่างก็สอดเข้าไปใต้บราและบีบคลึงทำเอาผมเสียวจนพูดไม่ออก
หมาป่าตัวนี้มันชักจะได้ใจเกินไปแล้วจริงๆ
ผมสะอื้นเมื่อเผลอเสร็จออกมาครั้งหนึ่งแต่ครามก็ยังไม่เสร็จสักที ขาของผมสั่นแต่อัลฟ่าของผมก็ยังไม่ผ่อนแรง เอาผมแรงจนผมแทบจะลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นอัลฟ่า
แน่นอนว่าสัญชาตญาณอัลฟ่าในตัวผมมันพยายามแล้วแต่สุดท้ายก็ถูกกลิ่นฟีโรโมนอัลฟ่าโบราณกดจนยอมจำนน และปล่อยให้หมาป่าตัวเขื่องสวาปามจิ้งจอกอย่างผมจนไม่เหลือกระดูก
สติของผมหายเป็นพักๆ แต่ก็มีช่วงจังหวะหนึ่งที่ผมพอจะนึกออกว่าผมต้องจัดการเวลา ผมเหลือบมองนาฬิกาแต่ก็มองไม่เห็นอะไรเพราะสายตาสั้นเกินไป
ไม่รู้เหมือนกันว่าหมาป่าเจ้าเล่ห์ตัวนี้พยายามจะโกงเวลาผมด้วยวิธีนี้รึเปล่า
“ฮึก”
ผมสะท้านและเสร็จอีกรอบตอนที่ครามคำรามในลำคอพร้อมกระแทกหนักๆ สองสามครั้งก่อนจะเอาออก ท่อนลำร้อนจัดวางบนหลังผมและแตกออกมา
ผมปิดหน้าตัวเองที่ร้อนผ่าวเพราะสัมผัสได้ว่ามันเลอะเต็มหลังผม เผลอๆ ผมอาจจะต้องเปลี่ยนชุดใหม่ทั้งหมดด้วยซ้ำเพราะเจ้าหมาผมก็ปล่อยเยอะทุกรอบ
“ทันเวลาพอดีเลยครับ”
ครามหยิบแว่นมาใส่ให้ผมและยิ้ม ซึ่งพอผมมองตามก็พบว่าเจ้าหมาของผมทำเวลาได้อย่างฉิวเฉียดจริง ไม่เกินสิบห้านาทีตามสัญญา
“...”
ผมพูดอะไรไม่ออก ไม่แน่ใจว่าที่คุยอยู่ต่อตอนนี้คือเจ้าลูกหมาของผมหรือหมาป่าตัวร้ายที่เอาผมเมื่อกี้กันแน่ ผมหรี่ตามองครามที่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าดูเจ้าเล่ห์เป็นพิเศษ
“จริงๆ ผมยังได้อีกหลายรอบนะครับ ถ้าไลม์เปลี่ยนใจ”
ผมขมวดคิ้ว
เจ้าหมาป่ายังไม่ไปจริงด้วย
“ผมไม่เปลี่ยนใจแล้วคุณก็ไปแต่งตัวได้แล้ว”
ผมแกะมือครามที่ยังจับเอวผมออกก่อนที่จะค้นพบว่าต้นขาของผมมีรอยมือด้วย ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรเพราะเจ้าหมาเอาผมรอบนี้แบบไม่ออมแรงสักนิด
“ครับ”
ครามตอบและก้มลงจูบผมแบบที่ผมไม่ทันตั้งตัว
“ขอบคุณสำหรับอาหารเช้านะครับ”
ผมหน้าแดงจนถึงคอเพราะนอกจากครามจะขอบคุณผมแล้วยังเอื้อมมือมาจัดบราที่เบี้ยวให้ผม และผมก็ไม่รู้ว่าบังเอิญรึเปล่ามือของครามที่ได้โดนหัวนมผมพอดีจนผมสะดุ้งเฮือก
“ไปได้แล้ว”
ผมเอ็ดเสียงดุ ไล่หมาป่าอันตรายออกจากตัวก่อนที่จะโดนมันจับกินอีกรอบ
ผมหลับตาจิบโกโกร้อนอย่างผ่อนคลายและปล่อยให้ครามเป็นคนขับรถ จริงๆ ผมอยากขับเองแต่เจ้าหมาป่าเผาผลาญพลังงานผมมากเกินไป
“บอสไม่กลัวถูกจับได้เหรอครับ”
ผมเหลือบมองครามที่วันนี้สวมโมเดิร์นสูทสีดำ เซ็ตผมเรียบร้อย ดูเป็นทางการและไม่ชินตาผมเท่าไหร่ แต่รวมๆ แล้วก็ดูดี
“คุณหมายถึงเรื่องไหนล่ะ”
ผมหัวเราะ
ความลับของผมมันเยอะจนผมขี้เกียจจะสนใจ
“เรื่องใส่บราไปทำงานครับ”
ครามหน้าแดง
“ก็เหมือนเดิม คราม ผมไม่มีอะไรจะเสีย”
ผมกัดแซนด์วิชแฮมที่ซื้อคำนึงแล้วยื่นให้ครามกัดบ้าง
“ถ้ากับแค่งานอดิเรกเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ผมอยากมีชีวิตต่อ ผมยังทำไม่ได้ก็ปล่อยให้ผมตายเถอะ”
เอาเข้าจริงผมก็รู้ถึงความเสี่ยงดีแต่ความต้องการของผมมันก็มากกว่าความกลัว อย่างไรก็ตามกับแค่การใส่บราที่ไม่ได้รับการยอมรับในวงกว้างก็คงไม่ได้ทำให้ชีวิตผมเสียหายอะไรขนาดนั้นหรอก
อาจจะสูญเสียชื่อเสียงบ้างก็ช่างมันปะไร ยังไงผมก็เหนื่อยเกินพอกับการเอาชีวิตรอดท่ามกลางอัลฟ่าพวกนี้แล้ว
หงิง
“หงิงอะไรของคุณ ผมยังไม่เคยถูกจับได้สักครั้งในชีวิตเลยนะ”
ผมหัวเราะในลำคอ
“คุณเป็นคนแรกที่รู้ความลับผม แล้วก็รู้เยอะมากด้วย”
ถ้าเกิดครามเป็นคนที่ถูกส่งมาจากนักการเมืองหรือคู่แข่งผม ความลับของผมทั้งหมดที่ครามรู้ก็สามารถเอาผมไปเปิดโปงแล้วพังชีวิตผมได้สบายๆ เผลอๆ อาจจะสามารถเรียกเงินจากผมได้ด้วย
แต่เพราะครามก็คือคราม
เจ้าอัลฟ่าหมาป่าตัวโตของผม
ผมเท้าคางกับพนักแล้วมองหน้าครามด้วยความอารมณ์ดี ยิ่งได้โกโก้เจ้าประจำที่มีรสชาติที่ผมคุ้นเคยก็ยิ่งทำให้ผมอารมณ์ดีเข้าไปใหญ่
“อย่าบอกใครล่ะ”
หงิง
“จะบอกใครล่ะครับ ผมรู้จักแค่บอสคนเดียว”
ครามทำหน้าจ๋อยจนน่าสงสาร
ผมหัวเราะไม่จริงจังนักแล้วจิบโกโก้ต่อสลับกับป้อนแซนด์วิชให้คราม ซึ่งมันก็หมดตอนถึงออฟฟิศพอดี ผมให้ครามขับไปจอดข้างหลังตรงที่จอดเฉพาะของผมและผมก็เห็นอะไรสีน้ำตาลก้อนๆ วิ่งผ่านตาไป
ผมยิ้มออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่
“แย่แล้ว คราม”
ผมหยิบขนมที่ซื้อติดรถไว้ออกมาจากช่องเก็บของ
“คู่แข่งคุณมาแล้ว”
“?”
ครามกระพริบตาปริบทำหน้างง แน่นอนว่าผมไม่เฉลยแต่ลงจากรถไปหาเลย
“หนีออกจากบ้านมาหาผมอีกแล้วเหรอ”
ผมทักเจ้าหมาสายพันธุ์ชิบะตัวผู้สีน้ำตาล มันค่อนข้างท้วมแต่ก็นุ่มฟูมาก ผมลูบหัวมันและยิ้มให้มันด้วยความสนิทสนมเพราะผมก็เล่นกับมันมาหลายปีแล้วแถมเจ้าของมันก็ยังเป็นลูกค้าผมด้วย
บ๊อก!
แต่ครั้งนี้เหมือนกลิ่นของครามจะติดผมมากไปหน่อย มันเลยทำหน้าเศร้าใส่ผมก่อนจะหันไปเห่าคราม ซึ่งพอผมเห็นสีหน้าครามผมก็เกือบจะหลุดหัวเราะออกมา
ครามเบิกตากว้างอย่างเสียขวัญและทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ จนผมแทบจะนึกภาพครามในสภาพหมาป่าออกเลยว่าจะทำหน้าแบบไหน
แต่ให้ตายเหอะ ครามไม่ใช่หมาไหมอ่ะ
“ผมเจอพุดดิ้งก่อนคุณอีกนะ คราม”
ผมยิ้มและลูบหัวเจ้าหมาที่สีเหมือนพุดดิ้ง
หงิง
“บอสชอบมันมากกว่าผมเหรอ”
ครามตัดพ้อผมเสียงเศร้ามาก แต่ผมก็ยังเห็นว่าครามแอบไปถลึงตาใส่พุดดิ้งของผม
“ไม่รู้สิ”
หงิง
“แค่เห็นผมก็รู้แล้วอ่ะว่ามันดื้อ ผมไม่ดื้อนะ บอส แล้วผมก็ขับรถได้ด้วย”
ครามประท้วงไม่หยุดและมองพุดดิ้งเหมือนศัตรูหัวใจตัวร้ายที่จะมาแย่งผมไป ซึ่งผมก็ต้องใช้ความพยายามมากที่จะไม่หลุดขำออกมาตอนที่เห็นหมาหนึ่งตัวกับหมาในร่างคนเขม่นใส่กันเพื่อแย่งผม
“พุดดิ้งไม่ดื้อซะหน่อย คุณอย่าว่าพุดดิ้ง”
ผมเรียกร้องความเป็นธรรมให้เจ้าก้อนสีน้ำตาลแล้วให้กินขนมชิ้นหนึ่งตามโควตาที่ตกลงไว้กับเจ้าของ แน่นอนว่ามันก็กินขนมที่ผมให้อย่างมีความสุขและผมก็คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มันตัวใหญ่กว่าเดิม
หงิง
ครามร้องหงิงๆ พยายามเรียกร้องความสนใจจากผมแต่ครามก็เหมือนจะลืมว่าตอนนี้อยู่ในสภาพแบบไหน
เจ้าหมาเด็กของผมตอนนี้หล่อมากเลยนะ มาร้องหงิงใส่ผมแบบนี้มันทำให้ผมหลุดขำมากกว่าสงสาร
“คุณเลิกหงิงได้แล้ว คุณไม่ใช่โบ้นะ ตอนนี้คุณคือคราม”
ผมลูบหัวพุดดิ้งอีกสองสามครั้งเชิงลาแล้วเดินไปเอาใจเจ้าหมาของผมบ้าง ซึ่งพุดดิ้งก็ทำหน้าเศร้าใส่ผมนิดหน่อยตอนผมไล่กลับบ้านแต่มันก็ยอมไป
“หวงเหรอ”
ผมถามครามที่ดูนิ่งและซึมอย่างเห็นได้ชัด
“ครับ”
ครามยอมรับง่ายๆ จนผมหลุดยิ้ม
น่ารักชะมัดเลย
“คุณเป็นคนโปรดของผม คราม”
ถ้าอยู่บ้านผมก็คงจะไม่ลังเลที่จะดึงเจ้าหมาลงมาจูบแต่เพราะอยู่ข้างนอกเลยได้แต่ยิ้มบางๆ ให้
“ผมชอบคุณมากกว่าใคร”
ผมสบตากับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่ดูบริสุทธิ์มาก ทั้งๆ ที่ครามก็น่าจะเจอเรื่องเลวร้ายในชีวิตมากมายไม่ต่างจากผม แต่ครามก็ยังรักษาแววตาแบบนี้เอาไว้ได้
น่าอิจฉาชะมัดเพราะผมทำไม่ได้
“และจะไม่ชอบใครอีกแล้ว”
แต่มันก็ไม่ได้จำเป็นอะไรขนาดนั้นหรอก