ตอน 13 (ครึ่งหลัง)
“เซอร์ไวเวอร์ที่ไหนจะแบ่งยาให้ฆาตกรกินวะ?”
“แบบโซ่ครับ คนละสองเม็ดนะ”
ธีร์เบ้ปากใส่อีกคนขณะนั่งอยู่ในร้านก๋วยเตี๋ยว มองจมูกแดง ๆ ของน้องเด๋อที่มีสภาพไม่ต่างจากเขาเลย เอาเข้าจริงคนที่น่าเป็นห่วงคงไม่ใช่โง่อกหักดราม่าเดินตากฝนจนเป็นไข้ แต่เป็นเด็กคนนี้ที่ป่วยอยู่แต่ก็ต้องไปเรียน น้องเด๋อมีเหตุผลที่น่าเห็นใจกว่า จนเขากลายเป็นไอ้งี่เง่าไปโดยปริยาย
“เออ ว่าแต่วันนี้มีติวกับเพื่อนเหรอ?”
“อ๋อ... ใช่ครับ แต่โซ่ปฏิเสธไปแล้วล่ะ” เด็กหนุ่มยิ้มแห้ง พลางดันแก้วน้ำให้รุ่นพี่ที่กำลังตั้งท่าจะกินยา
“เทติวมาเดินตลาดนัดกับพี่ไม่กลัวเพื่อนเคืองหรือไง?”
“นิดนึงครับ แต่คุยกันแล้ว เจมส์กับอาร์มไม่ว่านะ”
“เพราะเพื่อนไม่อยากพูดเฉย ๆ เปล่า ใจจริงมันอาจจะเซ็งเพราะไม่มีใครติวให้ก็ได้” ธีร์เหล่มองคนข้าง ๆ บอกตามตรงว่าลึก ๆ ก็รู้สึกผิด มันดูเห็นแก่ตัว เขารู้ แต่ถ้าอยู่คนเดียวตอนนี้คงฟุ้งซ่านตายแน่ ภาพเก่า ๆ ตอนคบกับเบลมันตั้งท่าจะย้อนกลับมาให้คิดอยู่ตลอดเวลาเลยไอ้ฉิบหาย
“ติวให้? หมายถึงโซ่น่ะเหรอครับ?” เจ้าของชื่อชี้หน้าตัวเอง เขาจึงพยักหน้าเป็นคำตอบ “ไม่ใช่ครับ โซ่ต่างหากที่ต้องให้เพื่อนติวให้”
“หะ?”
“วิชานี้สองคนนั้นทำได้ดีกว่ากว่าโซ่น่ะครับ ปกติเราจะผลัดกันติวในวิชาที่ถนัด”
“อ้าวเวร คดีพลิกไปอีก เห็นเล่นเกมเก่ง เป็นลูกหมอ ทำนู่นนี่นั่นได้ดี ก็เลยคิดว่าเรื่องเรียนคงเทพไม่แพ้กัน” ธีร์กินยาแล้วกระดกน้ำตาม ก่อนจะโบกมือเรียกพนักงานให้มาเก็บค่าก๋วยเตี๋ยว
“ไม่ใช่เลยครับ” น้องเด๋อหัวเราะ “โซ่มียี่สิบสี่ชั่วโมงเท่ากับคนอื่น แล้วโซ่ก็แบ่งมันให้เกมไปสี่สิบเปอร์เซ็นต์ เรื่องเรียนห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ทั้งสองอย่างเกือบครึ่งต่อครึ่ง เพราะงั้นมันคงยากที่โซ่จะเอาเกรดสูง ๆ ได้ทุกวิชา แต่โซ่ก็พยายามประคองไว้ไม่ให้มันต่ำไปกว่าที่ตั้งใจไว้นะครับ เพราะโซ่ไม่อยากให้ตัวเองกับแม่รู้สึกแย่ว่าเพราะเล่นเกมทุกอย่างเลยแย่ลง”
“เพราะงี้ก็เลยเนิร์ดไง ไม่ได้ออกไปเจอโลกภายนอกเพราะเรียนกับเล่นเกมอยู่สองอย่าง” เขายักคิ้วพลางมองน้องเด๋อที่ดึงผ้าปิดปากขึ้นตาม หลังจากมื้อเย็นสิ้นสุดลงการเดินผ่อนคลายในตลาดนัดจึงเริ่มต้นขึ้น
“โซ่ก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกันครับ แต่พอย้อนถามตัวเองว่าถ้าออกไปใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นแล้วจะมีความสุขเท่าเล่นเกมไหม โซ่ก็ได้คำตอบว่าไม่ใช่ ก็เลยใช้เวลาที่มีไว้สำหรับความสุขให้กับเกมไปเลย”
“เออ ก็จริง” ขนาดคนติดเกมอย่างเขายังออกไปเที่ยวเล่น แต่งตัวจัด มีแฟน แต่ไลฟ์สไตล์น้องเด๋อนี่โคตรเรียบง่าย เวรจริง ทั้งที่เพิ่งเข้มเรื่องนี้ใส่เบลไปแท้ ๆ “พี่มีรุ่นน้องที่รู้จักอยู่คนนึง เอาปะ เดี๋ยวแนะนำให้ น่ารักเอาเรื่องเลยนะเว้ย”
เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย มองเสี้ยวหน้าเด็กผู้ชายในชุดนักศึกษาข้างตัวระหว่างรอคำตอบ ก่อนอีกฝ่ายจะหันมาสบตากัน
“พี่ธีร์อยากให้โซ่มีแฟนเหรอครับ?”
ทั้งที่พูดออกไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่พอได้ยินน้องถามย้อนกลับเสือกสตันท์เฉย นั่นดิ เขาอยากให้เด็กนี่มีแฟนเหรอวะ หรือว่าแค่พูดออกไปเพราะปากมันว่างเฉย ๆ
“ก็อยากให้ลองดู เผื่อจะเอาเวลาสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือไปให้ส่วนนี้”
“ถ้ามีแฟนแล้วจะดีใช่ไหมครับ?”
“มันก็แล้วแต่คนแหละ ไม่อยากรู้เหรอว่าเวลาเดินจับมือใครสักคน ได้รักได้เป็นห่วงคนอื่นนอกจากพ่อแม่เป็นยังไง?” สมองรวนพิลึก วูบหนึ่งธีร์รู้สึกผิดในใจนิด ๆ เหมือนพูดเรื่องโง่ ๆ ออกไป มันจะดูยัดเยียดไปไหม บางทีเจ้าเด็กนี่อาจจะชอบชีวิตเนิร์ด ๆ มากกว่าการหันไปอิ๊อ๊ะจ๊ะจ๋ากับผู้หญิงก็ได้
น้องเด๋อนิ่งไปเหมือนกำลังใช้เวลาไปกับการคิดหาเหตุผลการมีอยู่ของชีวิตแบบมีแฟนและไม่มีแฟน เด็กนั่นหันมามองเขา ปล่อยให้เสียงแม่ค้ากลบช่วงเวลาระหว่างรอคำตอบก่อนน้องจะพยักหน้า
“ก็ได้ครับ”
หะ?
“ถ้ารุ่นน้องพี่ธีร์เห็นหน้าโซ่แล้วไม่รังเกียจ โซ่ก็จะลองรวบรวมความกล้าไปกินข้าวกับเธอดูสักครั้ง คงต้องฝากพี่ธีร์เป็นธุระให้แล้ว”
เกินความคาดหมาย ไม่สิ... อันที่จริงธีร์ไม่ได้คิดไว้ด้วยซ้ำว่าเด็กคนนี้จะตกลงหรือปฏิเสธ คล้ายกับว่าเขาเคยชินกับการพูดแล้วเบลอไปเรื่องอื่น แต่อีกใจก็คิดว่าดีเหมือนกัน น้องเด๋อควรออกไปเปิดโลกบ้าง เผื่อจะได้อัปเกรดเป็นชายชาตรีอย่างเต็มตัว
‘แล้วการเป็นน้องเด๋อแบบนี้มันไม่ดีตรงไหน?’
อืม... คำถามนี้ผุดเข้ามาในหัวเขาได้ไงกัน?
“ถ้าแพรวโอเคก็ต้องหัดเซ็ทผมให้เป็นนะเว้ย เวลาไปด้วยกันจะได้ไม่อายสาว เดี๋ยววันนี้พี่ช่วยเลือกชุดให้”
“ต้องใช้แว็กซ์กับเจลใช่ไหมครับ คงเหนียวหัวไปทั้งวันเลย”
“เหนียวหัวกับหล่อเลือกอะไร?” เขาเลิกคิ้วมองเด็กเด๋อที่กระพริบตาปริบ ๆ เหมือนกำลังพยายามจินตนาการความหล่อของตนเองตอนอยู่ต่อหน้าสาว
“หล่อแล้วกันครับ โซ่ไม่อยากให้เธอผิดหวัง”
ดู... ดูพูด...
“เอ้อ มันต้องอย่างนี้ดิ” ทั้งที่เป็นคนเริ่มเอง แต่ธีร์กลับไม่อยากคุยเรื่องนี้ต่อแล้ว ชายหนุ่มแอบขมวดคิ้ว คิดหาเรื่องสากระเบือยันเรือรบเพื่อเอามากลบเรื่องที่ตนเองเป็นคนขุดขึ้นมา
“ว่าแต่แพรว... ชื่อแพรวใช่ไหมครับ?” พออีกฝ่ายเริ่มสนใจ เขาก็รู้สึกอึดอัดเฉย ทำไมเป็นแบบนี้วะ “แพรวจะชอบคนเล่นเกมหรือเปล่านะ...”
“ชอบดิ เพราะมันก็เล่น”
“อ่า ดีจัง อย่างน้อยก็มีเรื่องให้คุยแล้วหนึ่งอย่าง มันน่าจะช่วยทำให้เกร็งน้อยลงว่าไหมครับ” แม้จะไม่เห็นปากเพราะมีผ้าสีขาวคาดปิดอยู่ แต่ธีร์ก็รู้ได้ง่าย ๆ ว่าเด็กคนนี้กำลังยิ้ม เพราะดวงตาคู่นั้นที่หยีลงขณะมองมายังเขา
ห่าจิก อารมณ์ไม่โอเคตอนนี้คืออะไร
“อ้าว ตรงนั้นมีร้านบ็อกเซอร์ด้วยว่ะ เช้ด ตัวเก่าเริ่มเยินพอดีเลย”
“โห ราคาถูกด้วยครับพี่ธีร์”
ร่าเริงจังเลยน้า พอเห็นว่าสาวมาสายเกมชีวิตก็เลยดูมีความหวังขึ้นมาเลยสิ หมั่นไส้โว้ย
“ชอบเหรอ งั้นเหมาทั้งร้านเลยดีไหม?”
“ครับ?” ดวงตากลมโตฉายแววสงสัย ก่อนจะดึงแมสลงไว้ที่คางเพื่อตบหน้าเขาให้รู้สึกผิดว่า ‘อันนี้กำลังกวนตีนกันอยู่ถูกปะ มึงเล่นผิดคนละนะพี่ธีร์’
“เปล่า พี่หมายถึงว่าถ้าราคาถูกก็ซื้อไปเยอะ ๆ เลยดิ”
“โซ่ว่าสามตัวก็พอแล้วครับ ขืนซื้อไปเยอะคงสลับใส่ไม่ครบแน่เลย” ธีร์หรี่ตามองเด็กเด๋อที่ไม่ได้เลือกแค่ของตัวเอง แต่กลับเลือกเผื่อของเขาด้วย อีกทั้งยังพูดงุบงิบกับตัวเองว่า ‘ตัวนี้สวยนะครับ พี่ธีร์ชอบไหม?’
“เอาสีชมพูดิ”
“พี่ธีร์ชอบเหรอครับ?”
“ไม่ หมายถึงให้เราใส่ ไม่ใช่พี่”
“โซ่ไม่ได้ชอบสีชมพูครับ ขอเป็นลายสก็อตธรรมดาดีกว่า”
“แล้วถ้าแพรวชอบสีชมพูล่ะ?” น้องเด๋อชะงักมือแล้วหันมาสบตากับเขา โดยมีแม่ค้าสะบัดถุงตั้งท่ารออยู่ข้างหน้า
“แพรวจะสนใจบ็อกเซอร์โซ่ทำไมกันล่ะครับ มันอยู่ในกางเกงของโซ่นะ”
“อ้าว ถ้าถอดแล้วก็ต้องสนปะ”
“โซ่ไม่ใช่พี่ธีร์นะครับที่จะถอดกางเกงหรือจับตรงนั้นให้ใครดูก็ได้ โซ่ก็มีค่าในระดับนึงเลยอะ” นึกถึงตอนที่อีกฝ่ายกำเป้าให้ดูแล้วภาพก็ติดตา ที่ฝันร้ายว่าพี่ธีร์ถูกรถชนคงเป็นเพราะเห็นอะไรแบบนั้นก่อนนอนแน่ ๆ
“ก็เพราะมีของดีก็เลยโชว์ไง” พูดจบก็สตันท์ไปสามวิเมื่อรู้สึกได้ว่ามีบุคคลที่สามกำลังจ้องอยู่ ธีร์ค่อย ๆ ชำเลืองมองไปทางแม่ค้า เจ๊แกถลึงตายิ้มกว้างยิ่งกว่าหนังผีผ่างเรื่องไหน ๆ หนำซ้ำยังลดระดับสายตาลงเหมือนอยากพิสูจน์ด้วยตาทิพย์ว่าที่เขาพูดไปนั่นเรื่องจริงหรือจ้อจี้
“...ไม่คุยกับพี่ธีร์แล้ว พี่ครับ ผมเอาสามตัวนี้”
“เอาด้วยดิ จัดสีชมพูทั้งสามตัวเลย ใส่ถุงใสมานะพี่ ผมจะแกว่งโชว์เด็กมันหน่อย” ธีร์แค่นหัวเราะ ควักแบงก์พันออกมาสะบัดโชว์ทั้งที่ยังมองหน้าอึน ๆ ของน้องเด๋ออยู่ จะได้รู้กันไปเลยว่าสีชมพูทำอะไรคนเข้ม ๆ ไม่ได้!!
“น้องมีแบงก์ย่อยไหม พี่ไม่มีทอน”
อะไรวะ ก็รู้ว่าต้องขายของแล้วทำไมไม่รู้จักแลกเงินไว้!!!
“ผมมีครับ แป๊บนึงนะ”
“ไม่เป็นไร พี่เอาสีชมพูมาเลยเก้าตัว คราวนี้พี่มีทอนยัง?”
“ยังเลยอะน้อง เอาอีกสักสามตัวไหม”
โว้ยยยยยยยยยยยยย
“พี่ธีร์จะเอาแต่สีชมพูลายเดิมจริง ๆ เหรอครับ เอาสีอื่นคละกันไปด้วยดีกว่านะ เดี๋ยวโซ่ช่วยเลือก”
“ทำไม ใส่แล้วทิ้งอะ รวย” ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางหนีบแบงก์พันยื่นหาแม่ค้าพร้อมยักคิ้วใส่เจ้าเด็กเด๋อที่กำลังทำหน้าเอือมเขาอย่างถึงขีดสุด
“โซ่ไปดูเสื้อร้านนั้นดีกว่า”
“อะไร เดี๋ยวดิ พี่ยังไม่ได้ตังค์ทอนเลยนะ”
“เดินตามโซ่มาแล้วกันครับ...” เด็กหนุ่มมองบ็อกเซอร์สีชมพูลายเดียวกันในถุงพลาสติกใสตามรีเควส โซ่คิดว่าคนอื่นคงไม่มีโอกาสได้เลือกสีนี้แล้วเพราะพี่ธีร์คงเล่นเหมาหมดทั้งร้าน อะไรกันเนี่ย
“ไปด้วยกัน ไม่ โซ่ รอพี่ก่อน โซ่!!!”
ชายหนุ่มตะโกนไล่หลังเด็กตัวแสบที่รีบดึงผ้าปิดปากขึ้นแล้วเดินหนีเขาไป ไหนจะท่าทางตอนหันมามองอย่างหวาด ๆ นั่นอีก เสี้ยววินาทีหนึ่งเขาเห็นว่าน้องเด๋อแอบอมยิ้มเหมือนสนุกที่ขัดใจเขาได้ อะไรจะเลเวลอัพขนาดนั้น นอกจากจะขัดใจกันแล้วยังกล้าเดินหนีอีก เดี๋ยวจะตามไปสอนงานให้เข็ด
*
เมื่อคืนพี่ธีร์ไม่ได้ค้างด้วย เหตุผลเพราะอีกฝ่ายอยากกลับไปซ้อมเอาฤกษ์เอาชัยเพราะวันนี้มีแข่งตอนหนึ่งทุ่ม โซ่ยังคงเป็นห่วง อาจเป็นเพราะเขาไม่เคยอกหักจึงไม่รู้ว่าระดับความเสียใจของพี่ธีร์นั้นอยู่ในขั้นไหน เสียงหัวเราะจากความตลกที่เกิดขึ้นตอนเดินตลาดนัดจะอยู่กับอีกฝ่ายเพียงแค่ครู่เดียวหรือไม่ โซ่ไม่รู้เลย
อาร์มบอกไว้ว่า ‘มึงจะปลอบพี่ธีร์ก็ได้นะ แต่อย่าลืมว่ามึงคนเดียวคงกู้โลกไม่ได้ ปล่อยให้พี่ธีร์เศร้าบ้างเหอะ สองคนนั้นไม่ได้เลิกกันเพราะหมดรักแต่เลิกเพราะไปกันไม่รอด ไหนจะคบกันมาตั้งนาน แต่ต่อไปจะไม่มีกันอีกแล้วมึงพอนึกภาพออกไหม จะให้สดใสร่าเริง หาแฟนใหม่ทันทีคงไม่ใช่แล้ว เขายังมีเพื่อน มีแฟนคลับคอยปลอบใจอยู่ มึงก็เป็นห่วงเท่าที่ทำได้ก็พอ’
อาร์มพูดถูก และโซ่เชื่อคำพูดของเพื่อน เอาเป็นว่าถ้าพี่ธีร์ไม่ไหวเมื่อไรเขาจะไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวเป็นเพื่อนทันทีเลย
( กูว่าจะกินข้าวก่อนแล้วค่อยออก หรือว่ามึงจะมากินตามสั่งแถวร้านพี่ตั้บวะ? )
“โซ่เพิ่งเรียนเสร็จอะครับ พี่แหลมรอได้ไหม?”
( ได้ดิ เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูรอแล้วกัน รีบออกมา )
“ได้เลยครับ เดี๋ยวโซ่ขอเอากระเป๋าไปเก็บก่อนนะ พอไปถึงร้านพี่ตั้บจะได้กินข้าวแล้วซ้อมกันสักรอบก่อนแข่ง”
( เออ ทีมตรงข้ามแอบดุ เราควรกินให้อิ่มก่อนลงสนามรบ )
“โอเคครับ งั้นแค่นี้ก่อนนะพี่แหลม โซ่ต้องคืนโทรศัพท์ให้เพื่อนแล้ว”
( เจอกันแจ้ )
โซ่อมยิ้มแล้วยื่นมือถือคืนให้อาร์ม วันนี้เจมส์มีนัดสาว เด็กผู้ชายที่หงอยเหงาแห้งเหี่ยวกับความรักทั้งสองจึงต้องเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินด้วยกัน
“คืนนี้จัดเต็มเลยนะ อย่าไปกลัว”
“กูกลัวเล่นแย่อะ เวลาตื่นเต้นแล้วสมองรวนแน่ ๆ” เหมือนตอนโดนพี่ธีร์แกล้งหยอดคราวนั้น ถึงกับปั่นไฟพลาดเลย
“งั้นก็อย่าเอาคำว่าแข่งเพื่อที่หนึ่งของสายมากดดันตัวเองดิ มึงทำได้ดีอยู่แล้ว คิดซะว่าเล่นเอาสนุกเหมือนทุกรอบก็พอ” ทั้งคู่เข้าไปในรถไฟ ท่ามกลางความวุ่นวายของคนมากหลายอาชีพที่เบียดเสียดเข้ามาจนอัดแน่นในเวลาห้าโมงเย็น “ว่าแต่มึงได้โทรศัพท์ยัง?”
“พัสดุเพิ่งมาถึงคอนโดตอนสาย ๆ น่ะ เดี๋ยวกลับไปเอาที่ชาร์จแบตแล้วค่อยออกไปร้านพี่ตั้บ”
“เออดี โทรศัพท์กูแทบจะกลายเป็นของมึงอยู่แล้วเนี่ย”
“ยืมใช้แป๊บเดียวเองทำไมต้องบ่นด้วย” โซ่บ่นงึมงำ ก่อนจะจะเอาแท็บเล็ตออกมาคืนเพื่อน “ขอบใจนะ”
“เอาหนัก ๆ เลยนะเว้ย กูจะรอดู”
“ไว้ใจกูได้เลย”
พี่ธีร์ควรได้หยุดพักกายและใจ แต่เป็นเพราะการแข่งขันที่ยังต้องดำเนินต่อทุกคนจึงนัดกันไปร้านพี่ตั้บเพื่อซ้อมก่อนแข่ง ทั้งที่เล่นออนไลน์ผ่านคอมตัวเองก็ได้แต่พี่ธีร์บอกว่าอยากอยู่ด้วยกันตอนผลประกาศออกมาว่าขี้ซุยบราเทอร์ได้เป็นที่หนึ่งของสายเพื่อเข้าชิงในรอบถัดไป ทุกคนจึงพร้อมใจกันไปรวมตัวที่นั่น
ที่ ๆ ทีมเรียกว่า ‘จุดเซฟ’
ในเมื่อทุกคนตั้งใจกันขนาดนี้ โซ่ก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถเช่นกัน เกมที่เคยเล่นสนุกในทุก ๆ วันจะส่งผลให้การแข่งขันในวันนี้สนุกขึ้นกว่าเดิมแน่ ๆ ทีมฝั่งตรงข้ามจะโหดแค่ไหนกันนะ...
แต่พอผลักประตูกระจกเข้าไปสองขาก็หยุดชะงัก เมื่อพบหญิงสาวที่คุ้นเคยนั่งอยู่บนโซฟาซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะอยู่ตรงนั้นมาสักพักแล้ว สังเกตจากน้ำแข็งในแก้วกาแฟที่ละลายจนเหลือเพียงน้ำสีน้ำตาลอ่อนเท่านั้น
“พี่เบล”
“โซ่...” เสียงของเธอกำลังสั่น เด็กหนุ่มตัวผอมยืนนิ่งเมื่ออีกฝ่ายตรงเข้ามากอดเขาพร้อมปล่อยโฮออกมาราวกับว่ากลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวอีกแล้ว
“ไม่เป็นไรนะครับ... ไม่เป็นไรนะ” เขายกมือขึ้นอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รู้ว่าจะปลอบผู้หญิงด้วยวิธีไหนเมื่อการให้เกียรติต้องมาก่อน
“คุณเค้ามานั่งรอน้องโซ่ตั้งแต่ตอนบ่ายแล้วค่ะ” ป้าแม่บ้านที่กำลังเช็ดกระจกบอก เด็กหนุ่มจึงโค้งศีรษะเป็นการขอบคุณเธอ
“พี่เบลครับ โซ่ว่าเราไปนั่งคุยกันตรงนั้นดีกว่านะ”
“...” ใบหน้าสวยเลอะไปด้วยน้ำตา และทันทีที่นั่งลงโซ่ก็รีบรูดซิปกระเป๋าเพื่อเอาซองทิชชู่ให้กับเธอ “พี่ขอโทษที่มาหาถึงที่นะ แต่ว่าพี่ร้อนใจเพราะไลน์หาแล้วโซ่ไม่ตอบ...”
“ไลน์เหรอครับ... พี่เบลไลน์มาตอนไหน?”
“ตั้งแต่สี่โมงน่ะ...”
“พี่เบลรอเดี๋ยวนะครับ” เด็กหนุ่มรีบวิ่งไปติดต่อเรื่องพัสดุก่อนจะกลับมาพร้อมกล่องสีน้ำตาล หญิงสาวมองตามทุกความเคลื่อนไหว เพียงครู่เดียวโซ่ก็เอาของที่ถูกห่อด้วยบับเบิ้ลหลายชั้นออกมา ซึ่งมองจากตรงนี้ก็เห็นว่ามันคือโทรศัพท์เครื่องหนึ่ง “โซ่ลืมมือถือไว้ในกระเป๋าแม่แล้วเพิ่งได้คืนน่ะครับ ก่อนหน้านี้ก็เลยไม่มีมือถือใช้”
“เหรอ...” เธอสะอื้น “โล่งอกไปที... นึกว่าจะโดนเกลียดซะแล้ว”
“พี่เบลอย่าคิดอย่างนั้นสิครับ โซ่ไม่เคยเกลียดพี่เบลเลยนะ” เขาดึงทิชชู่ให้เธอซับน้ำตาอีกสองแผ่น “นั่งรอนานขนาดนี้ กินข้าวมาหรือยังครับ”
หญิงสาวส่ายหน้า “พี่กินไม่ลงหรอก”
“...” เด็กหนุ่มมองรุ่นพี่สลับกับบรรยากาศรอบตัว เขาต้องปลอบด้วยคำพูดไหนอีกฝ่ายถึงจะดีขึ้นเหรอ โซ่ถามตัวเองอย่างนั้น
“ธีร์ไม่โทรหาพี่เลย ไม่มีอะไรสักอย่างที่จะเป็นสัญญาณบอกพี่ว่าเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้เหมือนกับทุกครั้ง... โซ่... พี่จะทำยังไงดี พี่อยู่ไม่ได้”
“...” โซ่รู้สึกได้ถึงความเย็นเฉียบจากมือเล็ก ตัวของพี่เบลสั่นเทา สะอื้นอย่างไม่ห่วงสวย และเขาอึดอัดใจเหลือเกินที่ช่วยอะไรไม่ได้
“คืนแรกพี่ผ่านมันไปได้เพราะมีเพื่อนอยู่ในสายตลอด แต่พออยู่คนเดียวพี่ก็ฟุ้งซ่าน รู้ตัวอีกทีน้ำตามันก็ไหล เสียใจที่เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้” เธอกลืนก้อนสะอื้นลงคอ “เพื่อนพี่แนะนำผู้ชายคนนึงให้ มันบอกว่าพี่ควรลองไปกินข้าวกับเขาดูสักครั้งเผื่อจะคลิ๊กกัน ผู้ชายคนนั้นอาจจะดีกว่าธีร์ก็ได้ แล้วพี่ก็ลองไป... แต่พอผู้ชายคนนั้นแท็กรูปมาในเฟซบุ๊กพี่ก็รีบบอกให้เขาลบเพราะกลัวธีร์มาเห็น สุดท้ายพี่ก็ต้องย้อนถามตัวเองว่าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร นอกจากจะทำให้ผู้ชายคนนั้นเสียเวลาแล้ว ธีร์ก็อาจจะรู้สึกแย่ด้วย พี่เหมือนคนไม่จริงใจที่ไปกับคนอื่นตั้งแต่เลิกกันแค่วันเดียว พี่มันโง่แบบนี้ทุกครั้งเลย พี่คิดถึงธีร์ พี่อยากขอโทษเค้า”
“ระบายออกมาเลยครับ... โซ่ฟังอยู่”
“พี่ไม่กล้าขยับตัวแล้วโซ่” เบลกระชับมืออีกฝ่ายไว้แน่น ราวกับว่าน้องคือคนเดียวที่รับฟังความเจ็บปวดของเธอได้โดยไม่ตะโกนด่าว่า
‘มึงมันโง่ อีเบล’
“มีคนตั้งกระทู้ด่าธีร์เพราะพี่เป็นต้นเหตุ ทั้งที่พี่แค่อยากเพ้อว่าเสียใจแค่ไหน พี่ไม่ได้ตั้งใจสร้างเรื่องให้ใครไปโจมตีธีร์เลย”
“แล้ว... พี่เบลทำยังไงครับ?”
“พี่ลบแล้วแต่ก็มีคนแคปทัน กลายเป็นว่าเราก็โดนด่าทั้งคู่ ทั้งฝั่งที่เห็นใจพี่และฝั่งที่เห็นใจธีร์ พวกเขาวิเคราะห์เหมือนรู้จักพี่สองคนมาทั้งชีวิต”
“โซ่เข้าใจนะครับว่าบางครั้งเราก็อยากระบายอารมณ์ลงโซเชียล แต่ถ้ามันทำแล้วส่งผลในทางลบ งั้นต่อไปพี่เบลเปลี่ยนมาระบายให้เพื่อนฟังแทนไหมครับ หรือจะระบายกับโซ่ก็ได้ โซ่ฟังเก่งแล้วก็จะไม่ว่าพี่เบลด้วยครับ” เด็กหนุ่มกุมมือพี่สาวพร้อมกระชับแน่นขึ้นเพื่อเป็นกำลังใจ
“เพื่อนพี่ดีใจมากเลยที่พี่เลิกกับธีร์ แฟนคลับธีร์ก็คงดีใจเหมือนกัน”
“พี่เบลอย่าสนใจเลยครับว่าใครจะดีใจหรือเปล่า คิดถึงตัวเองให้เยอะ ๆ นะ”
“ยังไงดีโซ่... พี่อยากเจอธีร์ แต่เขาบล็อกเบอร์พี่ไปแล้ว พอไปหาที่คอนโดก็ไม่อยู่...”
ถึงปากจะพูดว่าอยากปลอบให้อีกฝ่ายดีขึ้น แต่โซ่กลับจมอยู่ในความมืดที่หาคำตอบไม่ได้ว่าการปลอบใจแบบไหนถึงจะเป็นกลางมากที่สุด ในเมื่อพี่เบลอยากคืนดี แต่พี่ธีร์ก็เลือกแล้วว่าการเลิกกันคือทางออกสำหรับทั้งคู่ และโซ่คงไม่มีสิทธิ์พูดให้ความหวังพี่เบลด้วยว่าทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้ว น้ำตาที่เคยไหลอาบแก้มเริ่มเลือนหายไปจนเหลือเพียงสีหน้าอมทุกข์เท่านั้น หญิงสาวเสียบหูฟังแล้วแชร์ข้างขวาให้กับคนข้าง ๆ โซ่รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อยที่พี่เบลกำลังเข้ายูทูปแล้วกดเข้าไปในชาแนลพี่ธีร์
เธอกดดูคลิปที่มีภาพประกอบของคู่หนุ่มสาวกำลังหัวเราะกัน พร้อมไทเทิลคลิปว่า ‘Boyfriend vs Girlfriend’ มันเป็นคลิปเมื่อหกปีก่อน พี่ธีร์ในชุดนักศึกษานั้นหน้ายังเด็กและผมยาวกว่าปัจจุบัน ผู้ชายคนนั้นหัวเราะและยิ้มอย่างอ่อนโยนตอนหันไปมองแฟนสาว
พี่เบลตอนนั้นดูสนุกไปกับการเล่นเกมอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเธอจะเล่นไม่เป็นแต่พี่ธีร์ก็หันไปสอนให้เป็นระยะ ผิดบ้างถูกบ้างแต่ทั้งคู่ก็สนุกด้วยกัน ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างไม่กักเก็บ ก่อนคลิปจะถูกกดให้หยุดเพียงเท่านั้นเมื่อพี่เบลกำลังถูกอดีตตอกย้ำว่าเธอเคยมีความสุขมากแค่ไหน
*
ต่อข้างล่างนะคะ