(Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.20 (100%) | 5/11/2561 อัพ!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.20 (100%) | 5/11/2561 อัพ!  (อ่าน 23089 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 :angry2:   น่ารำคาญ พ่อแม่ลูดี้ ได้เท่าไรไม่พอ
ทั้งที่ไม่เคยดูแลลูดี้แบบลูกเลย
ตอนนี้มาสั่งให้ขอเงินวูฟไปให้ตัวเอง เลวจริง  :fire: :fire: :fire:

ูลูดี้ทำพันธะสัญญากับวูฟ แถมยังเป็นเนื้อคู่แห่งโชคชะตากันอีก
ใจเลยไหวหวั่น ผูกพันกับวูฟไปแล้ว
พอเห็นแฟนเก่าวูฟมากอดวูฟเลยเจ็บแปล๊บๆที่ใจ

แต่แฟนเก่า ทื้งวูฟไปมีสามีใหม่ แล้วกลับมาหาวูฟทำไม
แล้วมีสามีใหม่ ทำไมมากอดผู้ชายที่ไม่ใช่สามีตัวเอง
ข้ออ้างสินะ ที่ว่ามาดูคู่ที่วูฟเลือก
มีสามีใหม่แล้ว ยังมาอ่อย หว่านเสน่ห์อีก ทำตัวเลว แย่มาก
อยากมีอะไรกับวูฟอีกละมั้ง หรือที่ได้เรื่องนั้นจากสามีไม่เพียงพอ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
วูฟจะพาเมียไปเปิดตัวเรอะ?

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ชอบบบบบแนวนี้

ออฟไลน์ vampire_rose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
ตอนที่ 6
[/b]


                [พาร์ตของลูดี้]



                ผมมองบ้านหลังเล็กตรงหน้าของผมอึ้ง ๆ ก็เพราะว่าสถานที่ที่วูฟพาผมมาคือ บ้านของผม! ผมหันไปมองเขาที่ลงจากรถมาตามผม จะบอกว่าการออกมากับร่างสูงครั้งนี้ ผู้ติดตามคุ้มกันเยอะมากครับ อย่างที่รู้กันดีว่า ตราบใดที่วูฟยังไม่ได้ขึ้นรับตำแหน่งผู้นำอัลฟาเต็มตัว การแข่งขันแย่งชิงอำนาจก็ยังไม่จบ จึงทำให้มีลูกน้องขับตามประกบคุ้มกันมาอีกสองคัน



                “รอพวกฉันอยู่ข้างนอก” เสียงเข้มของวูฟหันไปสั่งลูกน้องที่จะเดินตาม



                “แต่นายน้อยครับ มันจะดีเหรอครับ” ผมรู้ครับว่าความปลอดภัยของร่างสูงต้องได้รับการคุ้มกันอย่างดี เขาพยักหน้าให้กับลูกน้อง



                “ทำตามคำสั่งของฉัน” แต่เสียงสั่งเข้มเด็ดขาดก็ทำให้ลูกน้องทุกคนพยักหน้ารับ เขามีอิทธิพลมากจริง ๆ วูฟหันมาสบตากับผมที่มองเขาตาปริบ ๆ



                “ยืนจ้องหน้าฉันอยู่ทำไม เข้าไปในบ้านได้แล้ว...”  เขาไม่ได้บอกเปล่าแต่กลับลากมือของผมเข้าไปภายในบ้านด้วย ผมเดินเข้าไปก็เจอพ่อกับแม่ของผมนั่งหน้าซีดเผือกอยู่ในห้องรับแขก



                “พ่อครับ แม่ครับ...ผมคิดถึง..” ผมจะเข้าไปหาพวกท่าน แต่พวกเขากลับทำท่ากลัวผม ไม่กล้าให้ผมเข้าไปใกล้ แต่ดูเหมือนสายตาของพ่อกับแม่ของผมจะมองไปที่ข้างหลังของผมมากกว่า...คนที่อยู่ข้างหลังผมก็คือวูฟ...



                “เออ ลูดี้เป็นยังไงบ้างลูก...” แม่ของผมถามเสียงอ่อนยิ่งทำให้ผมรู้สึกแปลกใจ



                “สบายดีครับ แม่ได้รับเงินที่ผมส่งมารึยัง พอค่าใช้จ่ายไหมครับ” ผมถามอย่างห่วงใย ก่อนเสียงเข้มของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหลังผมจะสวนกลับมา สร้างความประหลาดใจให้ผมทันที



                “ฉันว่าอาจจะไม่พอหรอก ถ้าเข้าบ่อนทุกวันขนาดนั้น...”



                “คุณว่าอะไรนะครับ?” ผมหันไปมองเขาที่มองไปทางพ่อกับแม่ของผม



                “ถามพวกเขาสิ ว่าคิดจะหลอกนายไปถึงเมื่อไหร่กัน...” หลอก? หลอกเรื่องอะไรกันครับ ผมหันกลับไปมองแม่ที่หน้าซีดเผือก มือเริ่มสั่น



                “แม่ครับ นี่มันเรื่องอะไรกัน มีอะไรเหรอ ทำไมตัวสั่นล่ะ” ผมจะเดินเข้าไปหาแต่ก็ชะงักกับมือหนาของวูฟที่ดึงผมไว้ พ่อของผมจึงตัดสินใจพูดออกมาในที่สุด



                และมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมอึ้ง...



                “ลูดี้...ลูกไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของพ่อกับแม่ พ่อกับแม่ของลูกเสียตั้งแต่ยังเล็ก ๆ พวกเราเก็บลูกมา....แต่ไม่ได้บอกความจริงกับลูก” ผมที่ได้ฟังก็เบิกตากว้าง...แต่ผมก็ยิ้มบาง ๆ ออกมา ผมดึงมือของจากการจับกุมของร่างสูงแล้วเดินเข้าไปหาพ่อกับแม่ที่ทำหน้าอึ้งเมื่อผมคุกเข่าลงตรงหน้าของพวกเขา



                วูฟจะเข้ามาห้ามแต่ประโยคที่ผมเอ่ยทำให้เขาเลือกที่จะยืนดูผมห่าง ๆ



                “ผมพอจะรู้อยู่บ้างแต่ไม่ว่ายังไง พ่อกับแม่ก็เป็นคนเลี้ยงผมมาจนโตขนาดนี้....ไม่ว่ายังไงพ่อกับแม่ก็ยังเป็นคนที่คอยเลี้ยงดูผมมานะครับ” ผมกราบลงที่ตักของท่านทั้งสอง อันที่จริงเรื่องนี้ผมก็พอจะรู้สึกตัวมานานแล้ว แต่ก็อย่างที่บอกแหละครับ พ่อกับแม่เองถึงท่านจะไม่ชอบผมนัก แต่ท่านก็ยังเลี้ยงผมมาจนถึงตอนนี้ แค่นี้ก็ใจดีกับผมมาก ๆ แล้ว



                พ่อกับแม่มองผมด้วยน้ำตาคลอเบ้า...ผมเชื่อนะ ว่าสักวันความดีของผมจะต้องเอาชนะใจของทุกคนได้ และผมก็เชื่ออย่างนั้นมาโดยตลอด



                “พวกแม่ขอโทษ..ลูดี้ พวกแม่ทำกับหนูสารพัด เอาเงินที่หนูหามาไปเล่นการพนัน...” แม่ของพูดออกมา ผมเลยส่ายหน้าไม่ถือโทษโกรธอะไร ไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรมาก แขนของผมก็ถูกดึงขึ้นตามแรงของวูฟจนผมเซไปยืนอยู่ข้างเขา



                “ต่อไปนี้ ลูดี้ถือเป็นคนของตระกูลเฮอร์คิวแล้ว และก็คงจะไม่ได้กลับมาที่นี่...ฉันจะให้เงินสักก้อนกับพวกคุณ   หวังว่าจะใช้ประโยชน์กับเงินก้อนนี้อย่างประหยัด ไม่ใช่ไปใช้แบบสิ้นเปลื้อง...” เสียงเข้มของเขาสั่งเสียงทุ้ม เป็นเสียงสั่งที่ทุกคนต้องยอมเชื่อฟังอย่างไม่มีข้อแม้ หนักแน่นทุกคำ



                “ได้เวลากลับแล้ว” วูฟพูดจบก็พาผมเดินออกไปจากบ้าน ผมมองพ่อกับแม่ที่ยิ้มบาง ๆ  อย่างสำนึกผิด ผมมองมือหนาที่กุมมือของผมไว้ แผ่นหลังกว้างตรงหน้าทำให้ผมยิ้ม



                “คุณวูฟ ขอบคุณนะครับที่พาผมกลับมาบ้าน” ผมบอกจากใจจริง ก่อนจะชนแผ่นหลังของเขาที่หยุดเดินกะทันหันเมื่อเราออกมาหน้าบ้าน เขาหันมาหาผมและจับไหล่สองข้างของผมไว้



                “นายยังมีหน้ามายิ้มอีกเหรอ!...ทั้งที่เจอเรื่องเสียใจแบบนั้นแท้ ๆ นายไม่ใช่ลูกของพวกเขา ไม่ตกใจบ้างรึไง” ผมยังคงยิ้มบาง ๆ ผมเดาว่าเขาคงไปสืบเรื่องของผมมาหมดแล้วแน่ ๆ



                “ไม่หรอกครับ ผมก็พอจะรู้...ไม่เห็นมีอะไร...น่าตกใจ” ผมบอกแต่น้ำตาของผมกำลังไหลออกมาอย่างง่ายดาย ฮะ ๆ...ผมไม่ได้เข้มแข็งนี่ครับ วูฟดูตกใจเล็กน้อยที่จู่ ๆ ผมก็น้ำตาร่วงลงมาแบบนี้



                “บ้าเอ๊ย...” เขาสบถ



                หมับ...ผมถูกดึงเข้าไปซบหน้าอกกว้างตรงหน้า ท่ามกลางลูกน้องของวูฟที่ยืนคุมกันพวกเราอยู่



                “ฝืนไปก็เหนื่อย อยากจะร้องก็ร้องออกมาให้หมด...” ประโยคของเขาแค่ประโยคเดียว ผมก็ถึงกับปล่อยโฮออกมาราวกับฟิวส์ขาด ราวกับความรู้สึกทั้งหมดของผมที่เคยเก็บไว้กำลังถูกเปิดเผยออกมาจากปากของผม



                “ฮึก...ฮือออ คุณวูฟ...ผมไม่ใช่ลูกของพ่อกับแม่ เพราะผมเป็นโอเมก้าเหรอครับ ทำไมผมถึงถูกทุกคนทิ้ง ทำไม ฮึก” ผมระบายออกมาทั้งหมด ไม่รู้ว่าผมพร่ำพูดว่าตัวเองเป็นโอเมก้ามากมายเท่าไหร่ ความน้อยใจที่ถูกเก็บไว้ถูกพูดออกมาให้วูฟได้ยินทั้งหมด โดยที่ร่างสูงได้แต่ยืนนิ่งลูบหลังของผมเบา  ๆ



                ความอบอุ่นจากเขา มันอบอุ่นมาก...จนผมสัมผัสได้จาง ๆ กลิ่นหอมที่ดึงดูดเราเข้าหากันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายมากเมื่ออยู่ใกล้วูฟแบบนี้



                ไม่รู้ว่าผมร้องไห้ไปนานเท่าไหร่ แต่ก็น่าจะนานพอสมควร ผมกับเขาเข้ามานั่งอยู่ในรถที่ยังไม่ได้เคลื่อนตัวไปไหน พอผมเริ่มได้สติจากการฟิวส์ขาดก็เริ่มรู้สึกอาย...ก็เพราะว่าลูกน้องของเขาก็อยู่กันเต็ม แถมยังไปงอแงใส่วูฟเหมือนเด็กอีก เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมรู้อะไรหลายอย่างว่า วูฟเป็นคนใจดีกว่าที่คิด แม้ภายนอกอาจจะชอบทำหน้าดุ ขึ้นเสียงโหด แต่จิตใจของเขาช่างใสสะอาด เขาเองก็ไม่เคยมีท่าทีรังเกียจโอเมก้าเลยสักนิด...เช่นเดียวกับตระกูลเฮอร์คิว เขาเกือบจะล้างภาพลักษณ์ทั้งหมดของอัลฟาที่เคยถูกเล่าขานกันมาว่ากดขี่ข่มเหง ดูถูกโอเมก้า...



                “คุณไปสืบเรื่องของผมมาเหรอครับ” ผมเริ่มถามหลังจากที่เช็ดน้ำตาออกจนหมด ร่างสูงที่เอามือเท้ากับเบาะรถเหลือบมองผม



                “ฉันไม่ได้สืบเพราะสนใจอะไรนายหรอกนะ ก็แค่ทำตามที่พ่อสั่งเท่านั้น” เขาตอบกลับมาด้วยท่าทีเฉย ๆ เหมือนเดิม ผมยิ้มแม้จะแอบชะงักกับประโยคเย็นชานี้ก็เถอะ



                ผมพยักหน้าและเบนสายตาออกไปนอกรถแทน แบบนี้ก็เท่ากับผมกลายเป็นคนของตระกูลเฮอร์คิวเต็มตัวแล้วงั้นเหรอ หากวันใดวันหนึ่ง...ผมจำเป็นต้องออกจากตระกูลเฮอร์คิว ผมจะยังกลับมาที่บ้านนี้อีกไหมนะ ไม่รู้สิครับ อนาคตใครจะไปรู้เรื่องแน่นอนได้ ฐานะของผมยังไงก็ไม่มีทางเปลี่ยนได้ โอเมก้า...ก็ยังเป็นโอเมก้าวันยังค่ำ



                “คิดอะไรอยู่อีก นายนี่ชอบเก็บอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปคิดชะมัด” วูฟทักและมันก็ถูกอย่างที่เขาว่าทุกอย่าง



                ผมชอบคิดมาก...แต่ก็ดีกว่าไม่คิดอะไรใช่ไหมล่ะครับ



                “ผมไม่ได้คิดอะไรสักหน่อยครับ” ผมปฏิเสธ เขากระตุกยิ้มมุมปากหัวเราะในลำคอ



                “หึ หน้าของนายมันไม่ได้บอกแบบนั้นสักนิด...อยากไปไหนต่อรึเปล่า ไหน ๆ ก็ออกมาข้างนอกแล้ว มีโอกาสไม่บ่อยหรอกนะที่นายจะได้ออกมาข้างนอก” เขาหันมาถาม



                “ผมเลือกสถานที่ได้งั้นเหรอครับ?” ผมมีสิทธิ์ในการเลือกจะไปที่ไหนก็ได้ด้วย... วูฟไม่ได้ตอบคำถามผมแต่เป็นลูกน้องของเขาแทนที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ



                “ใช่แล้วครับคุณลูดี้ นายท่านสั่งให้นายน้อยพาคุณมาสูดอากาศเล่น”



                “เงียบไปเลยข้างหน้าน่ะ นายนั่นแหละตกลงจะไปไหนก็บอกมา ชักช้าฉันจะพากลับบ้าน!” เสียงเข้มสั่งอีกรอบตามประสาเขา ผมไม่สะดุ้งแฮะคราวนี้...สงสัยเริ่มจะชินกับเสียงเข้ม ๆ ของเขา สถานที่ที่ผมอยากจะไปงั้นเหรอ...



                “ผมอยากไปร้านหนังสือครับ...” ผมบอกแค่นั้น วูฟก็พยักหน้าให้คนขับที่นั่งฟังพูดเราอยู่ให้ขับพาผมไปยังที่หมาย





                |ร้านหนังสือ|

                ร้านนี้ไม่ใช่ร้านหนังสือหรูหราเป็นเพียงร้านเล็ก ๆ ธรรมดาที่ขายหนังสือมือสองที่มีคุณภาพ ผมเข้ามาในร้านด้วยความคิดถึง นานเหมือนกันครับที่ผมไม่ได้เข้ามาร้านนี้เพราะช่วงหลัง ๆ เงินเริ่มหายากทำให้ผมต้องทำงานล้างจานอยู่ที่ร้านแทบจะไม่ได้ขยับตัวไปไหนเลย



                “อ้าว ลูดี้ไม่ได้เห็นนานแล้ว...เป็นยังไงบ้างลูก” คุณยายเจ้าของร้านที่ใจดีกับผมมากยิ้มทักทายเป็นกันเอง ก่อนท่านจะเหลือบเห็นผู้ชายที่ใส่สูทดูดีเดินตามเข้ามาด้วย วูฟเป็นคนดัง ไม่ว่าใครก็รู้จักทั้งนั้น...ยายดูจะอึ้ง ๆ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรผม



                “สบายดีครับ คุณยายสบายดีใช่ไหมครับ”



                “จ๊ะ...เลือกกันตามสบายเลยนะ มีหนังสือเล่มใหม่มาด้วยนะ แนวที่ลูดี้ชอบด้วย” คุณยายชี้ไปมุมโปรดของผมทำให้รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผม



                “ขอบคุณครับคุณยาย” ผมเดินไปมุมนั้นโดยมีร่างสูงเดินตามมาด้วย



                “นายอ่านหนังสือแนวไหน...แนวโรแมนซ์เนี่ยนะ?” วูฟถามและมองออกว่าหนังสือประเภทไหนที่ผมชอบอ่าน        ผมยิ้มกว้างหยิบหนังสือขึ้นมาดู



                “ครับ ผมว่าหนังสือพวกนี้มันดูให้คำนิยามความรักสวยงามดี”



                “นายนี่แปลกประหลาดมาก รู้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะแบบนี้แต่ก็ยังใฝ่ฝันถึงรักแท้ อะไรพวกนั้นอีกงั้นเหรอ” เขาเอื้อมไปหยิบหนังสือเทพนิยายโรแมนติกมาพิจารณาดู ผมมองหน้าเขาที่เปิดดูหนังสือเหมือนว่ามันแปลกมาก...



                “แล้วคนเราไม่มีสิทธิ์ที่จะฝันงั้นเหรอครับ” เขาละสายตาจากหนังสือแล้วสบตากับผม



                “ก็ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”



                “ทำไมคุณถึงไม่เชื่อว่ารักแท้มีจริง...” ผมถามออกไป ไม่รู้ว่าใช่คำถามที่ควรจะถามรึเปล่า...ไม่รู้ว่าจะได้รับคำตอบไหม



                “นายก็รู้ว่าฉันอยู่ในฐานะอัลฟา ฉันย่อมรู้ว่าเส้นทางห่วงโซ่ที่ฉันกำลังจะไปเป็นศูนย์กลางมันเป็นยังไง ระบบชนชั้นที่ถูกแบ่งออก อัลฟาคือผูกพันธะสัญญา กับโอเมก้าคือผู้ถูกเลือก ในวงจรแบบนี้ นายคิดว่ามันจะมีรักแท้อยู่ในนี้รึไง” เขาพูดออกมา ที่แท้เขาก็ติดภาพลักษณ์ที่ถูกกำหนดขึ้น ผมเลือกดูหนังสือยิ้ม ๆ



                “ผมก็เคยคิดแบบนั้นแหละครับ จนกระทั่งมาเจอตระกูลของคุณและเจอคุณ...มันก็ทำให้ผมเปลี่ยนมุมมองอะไรใหม่ ๆ ว่าอัลฟาอย่างคุณอ่อนโยนมาก...” ผมบอกก่อนจะได้ยินเสียงวูฟทำหนังสือหล่น ผมหันไปมองเขาที่ทำหน้าเหวอแวบหนึ่ง เขาเก็บหนังสือที่ทำตกขึ้นมาจนผมอดที่จะยิ้มไม่ได้



                “ฉันไม่ได้อ่อนโยน ยิ้มอะไรของนาย...” เขาเอาหนังสือมาตีผมของผมเบา ๆ “เลือกเอาหนังสือเล่มที่นายต้องการตามสบาย หรืออยากได้ทั้งร้านฉันจะเหมาให้” เขาพูดออกมา ผมเลยรีบส่ายหน้า



                “อ๊ะ ไม่ต้องครับ ไม่ต้องเหมา ขืนคุณเหมาคุณยายก็ไม่มีอะไรขายน่ะสิ”



                “งั้นก็เลือกเล่มที่ต้องการ ฉันจะซื้อให้เอง”



                “คุณใจดีจังเลยครับ”



                “เปล่าฉันไม่ได้ใจดี...” เขาปฏิเสธอีกครั้งและหันหน้าหนีผมไปเรียบร้อย ผมแอบหลุดหัวเราะเบา ๆ เขาก็มีมุมน่ารักเหมือนกัน ผมว่าวูฟเขาคงถูกปลูกฝังเรื่องระบบชนชั้นคล้ายกับผมนี่แหละครับ ฝังใจเชื่อกับอะไรที่ถูกกล่าวไว้เมื่อนานมาแล้ว โดยที่ไม่ได้เปิดรับความเป็นจริงว่ามันเปลี่ยนไปมากแค่ไหนแล้ว



                ผมเปิดดูหนังสือตรงหน้าพร้อมกับเลือกดูเล่มถัดไป คือผมหาหนังสือเล่มหนึ่งที่ผมอยากอ่านมาก แต่หามันไม่เคยเจอสักทีเลย ดูเหมือนวูฟที่ยืนอยู่ข้างผมจะแอบมองผมทุกการกระทำ ก็ผมรู้สึกได้นี่...ผมถือหนังสือไว้สองสามเล่ม และก็ต้องเงยหน้ามองมือหนาที่ยื่นมาตรงหน้า



                “ครับ?”



                “ส่งหนังสือมา ฉันจะเอาไปกองไว้หน้าเคาท์เตอร์ให้” ผมเลิกคิ้วแปลกใจจนเขาสั่งเสียงเข้มอีก “ส่งมาสิ”



                “เออ ครับ ๆ นี่ครับ” ผมยื่นให้เขาทั้งหมด เขาก็เอาไปวางทิ้งไว้ตรงเคาท์เตอร์และเดินกลับมาหาผมที่ยังคงหาเล่มที่อยากอ่านมาก ๆ



                “นายหาเรื่องไหนอยู่อีก เผื่อฉันจะช่วยหา?”



                “ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวมือของคุณจะเปื้อนเอา” ผมบอก เพราะไม่อยากให้เสื้อสูทของเขาเปื้อน หนังสือที่นี่ไม่ใช่หนังสือใหม่แกะกล่อง มันก็มีฝุ่นเกาะเป็นธรรมดา แต่ถามว่าวูฟฟังผมไหม ร่างสูงถอดเสื้อสูทข้างนอกพาดบ่าไว้พร้อมกับพับแขนเสื้อสีขาวข้างในขึ้น



                “ไม่เห็นจะเปื้อน บอกมาว่านายหาเรื่องอะไรอยู่ อย่าทำให้เสียเวลาได้ไหม” ประโยคหลังเลยทำให้ผมเข้าใจว่า เขาคงอยากจะกลับบ้านเต็มทนแล้ว ผมยิ้มเล็กน้อย อย่างน้อยเขาก็ยอมใจดีพาผมมาที่นี่แหละนะ



                “ผมหาเรื่อง เชื่อฉันว่ามันคือรัก อยู่ครับ...มันเป็นหนังสือที่ผมมาหานานแล้ว แต่ไม่เคยได้มันติดมือกลับไปด้วยเลย” วูฟหัวเราะออกมาเล็กน้อย



                “ชื่อเรื่องบ่งบอกรสนิยมนายมาก...นายไปหามุมนั้นละกัน ฉันจะหาบนชั้น” เขาสั่งจริงจัง จนผมแอบแปลกใจ  เขาจะช่วยผมหาจริง ๆ ด้วย



                ผมกับเขาหันหลังให้กันและเริ่มหาหนังสือเล่มที่ผมต้องการ เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ เสียงเข้มก็ดังขึ้นทำให้ผมหันไปมอง



                “โอ๊ะนั่น...”



                “ครับ?” วูฟหันหน้ากลับมาหาผมและเอามือข้างหนึ่งซ่อนไว้ด้านหลัง เขาดูทำหน้าตาตื่น ๆ นะครับ?



                “คุณเจอหนังสือไหมครับ คุณวูฟ” ผมถาม เขาก็เลยส่ายหน้า “ผมว่ามันคงจะไม่มีอีกตามเคย...ไว้มาหาวันหลังก็ได้ครับ ผมว่าเรากลับกันดีกว่า นี่ก็เริ่มจะเย็นแล้ว” ผมบอกพลางมองนาฬิกาของร้าน นี่เรามาหมกตัวอยู่ที่ร้านหนังสือนานมาก ไม่รู้ว่าข้างนอกลูกน้องของวูฟจะหลับกันหมดรึยัง พวกเขาเฝ้าอยู่แถวหน้าร้านนั่นแหละครับ



                “อืม เอางั้นก็ได้ นายมีเล่มไหนอยากได้อีกก็ขนไปได้เลย จะได้เอาไว้ไปอ่าน...” เขาบอกอย่างใจดี ผมก็เลยหอบหนังสือที่ตัวเองสนใจสามสี่เล่มไปที่เคาท์เตอร์คิดเงิน โดยที่มีวูฟเดินเอามือไขว้หลังเดินตามผมมา



                เขาจะเอามือไปไว้ข้างหลังทำไม ผมก็แค่สงสัยแต่ก็ไม่ได้คิดเอะใจอะไรหรอก



                “นายออกไปออกไปรอข้างนอกที่รถไป เดี๋ยวฉันจะจ่ายเงินเอง บอกลูกน้องเข้ามาขนหนังสือด้วย” เขาสั่ง           ผมเหลือบมองเขาที่เอามือไขว้หลังอยู่เหมือนเดิม



                “คุณไม่ได้ถูกกระดาษบาดใช่ไหมครับ” ผมถามห่วง ๆ แต่แววตาเข้มที่สั่งผมทางสายตาทำให้ผมยอมเดินออกไปรอข้างนอกแทน



                “เปล่า ไปรอฉันข้างนอกได้แล้ว” ผมเดินออกมารอเขาพร้อมกับบอกลูกน้องที่ยืนอยู่สี่ห้าคนเข้าไปขนหนังสือออกมา ผมก็ยืนรอร่างสูงอยู่ข้างรถ



                “คุณลูดี้เข้าไปนั่งรอในรถก่อนก็ได้นะครับ” ลูกน้องของวูฟบอกอย่างเกรงใจ ผมก็เลยยิ้ม



                “ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวรอเข้าไปพร้อมกับคุณวูฟก็ได้...เออ คุณเหงื่อออกเยอะเลยครับ เอาผ้าเช็ดหน้าไปซับก่อนไหม” ผมมองลูกน้องของร่างสูงที่ยืนตากแดดอยู่ข้างนอกนาน เหงื่อเต็มหน้าเขาเลย ผมจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้อย่างไม่ได้คิดอะไร ลูกน้องรีบส่ายหน้า และเป็นจังหวะเดียวกันกับมือหนาที่จับมือของผมไว้



                “นายกำลังทำอะไร...” ยังไม่ทันจะได้ตอบผมก็เบิกตากว้างเมื่อถูกดึงเข้าไปใกล้วูฟ ริมฝีปากหนาตรงหน้าที่ก้มลงมาประกบปิดปากของผมช่างหนักแน่น รับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่คลุกกรุ่น...



                “อื้อออ...คุณวูฟ” กลางสาธารณะเนี่ยนะ...เขาคิดอะไรอยู่เนี่ย!!!...



                เขากำลังประกาศไงครับ...ประกาศว่าผมคือของเขา แต่ผมไม่รู้ว่าเขาแบบนี้ไปทำไมกัน เขากำลังทำให้ใจของผมเต้นแรงขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ วูฟปล่อยผมออกก่อนจะตวัดสายตาไปมองลูกน้องของเขาที่ยืนเป็นบอดี้การ์ดนิ่ง



                “ไปสตาร์ทรถได้แล้ว ฉันจะกลับบ้าน” วูฟสั่งพร้อมกับจูงมือของผมขึ้นรถด้วย



                ระหว่างที่อยู่ในรถ บรรยากาศเงียบมาก จนผมคิดว่าตัวเองไปทำอะไรขัดใจวูฟเข้ารึเปล่า ผมมองเขาที่นั่งหน้าขรึมอึมครึมอยู่ ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย ผมอยากให้เขายิ้มบ่อย ๆ มากกว่า รอยยิ้มมันก็ต้องสดใสกว่าหน้าบึ้งอยู่แล้วใช่ไหมล่ะครับ



                “จ้องหน้าฉันทำไมอยู่ได้” คนที่เอ่ยทำลายความเงียบก่อนก็คือ วูฟ ผมเขยิบเข้าไปนั่งใกล้เขาอีก เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแค่เหลือบมองเท่านั้น



                “ขอบคุณนะครับ สำหรับหนังสือที่คุณซื้อให้ผมมากมายแบบนี้”



                “ก็แค่หนังสือเอง ไม่เห็นจะได้ซื้ออะไรมากมาย”



                “สำหรับคุณอาจจะไม่มากมาย แต่สำหรับผมที่ไม่เคยได้รับอะไรที่ดีแบบนี้ มันวิเศษมากเลยล่ะครับ” ผมบอกจากใจจริง ผมไม่มีโอกาสที่จะได้ซื้อหนังสือที่ตัวเองชอบมากขนาดนี้หรอกครับ เป็นโชคดีของผมจริง ๆ ที่ได้เจอคนที่ใจดีอย่างวูฟ



                เขาเหลือบมามองผมแวบหนึ่งเหมือนอยากจะพูดอะไร วูฟทำหน้าครุ่นคิดสักพักก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา



                “หนังสือเล่มที่นายอยากได้นี่...ทำไมนายถึงสนใจ” มันเป็นคำถามที่ทำให้ผมแปลกใจอยู่สักหน่อย ก็ไม่คิดว่าวูฟจะถามเรื่องหนังสือนินา แต่ผมก็ยินดีจะตอบนะครับ



                “มันเป็นหนังสือทฤษฎีความรักน่ะครับ ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่า เชื่อฉันว่ามันคือรัก...ผมอยากอ่านเรื่องราวในนั้นดูน่ะครับ ผมตามหาหนังสือเล่มนี้เพราะเจอจากหนังสือโรแมนซ์อันอื่นที่ผมอ่านมาอีกที” ผมอธิบายอย่างตั้งใจโดยที่ไม่รู้ว่าวูฟมองผมไม่ละสายตา



                “นายนี่ดูจะเชื่อมั่นในรักแท้ดีนะ...”



                “ครับ เพราะผมเชื่อว่ารักแท้ คือแกนโลกที่หมุนวนทำให้โลกของเราดำเนินต่อไป แม้หลายคนอาจจะไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องจริง แต่ผม....” ผมกำลังจะพูด



                “แต่นายก็เชื่อมั่น จะพูดแบบนี้ล่ะสิ...” วูฟพูดล้อผมด้วยใบหน้านิ่ง ๆ ของเขา ก่อนผมจะโดนเข้าเอานิ้วมาดีดหน้าผากไม่แรงมากนัก



                “นายมันเพ้อเจ้อจริง ๆ” ถึงเขาจะพูดแบบนั้น ปากของผมมันดันยิ้มออกมาเมื่อมองหน้าวูฟที่ละสายตาออกไปข้างนอก มุมปากของเขามีรอยยิ้มเล็ก ๆ ด้วยล่ะครับ ยิ้มกว้าง ๆ หน่อยก็ไม่ได้ อยากเห็น...



                ผมกับร่างสูงกลับมาถึงบ้าน ผมก็ต้องตาโตกับห้องโถงที่เราเดินผ่านถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้สวยงามหลากสีสัน โต๊ะจีนสำหรับงานเลี้ยงถูกจัดวางไว้จำนวนหนึ่ง ตรีมงานยังกับงานแต่งงานแหนะครับ



                “พรุ่งนี้จะเป็นงานประกาศหมั้นอย่างเป็นทางการ จะมีตระกูลดังหลายตระกูลมา” เสียงเข้มที่เอ่ยขึ้นทำให้ผมหันขวับไปมองเขาที่ดูเหมือนจะรู้อยู่แล้ว



                “อะไรนะครับ งานหมั้น...”



                “ฉันเคลียร์เรื่องครอบครัวของนายเรียบร้อย ส่วนเรื่องทางนี้พ่อกับแม่ของฉันเข้าขอมา ว่าอยากหมั้นอย่างเป็นทางการไปก่อน ถ้าจะแต่ง...ก็ต้องรอฉันขึ้นรับตำแหน่งอัลฟาเต็มตัวก่อน...ซึ่งก็ไม่รู้เมื่อไหร่....” เขาพูดชิว ส่วนผมเหรอครับ ไม่ได้ฟังเขาหรอก มัวแต่ดูดอกไม้สวย ๆ ที่ประดับประดาอยู่ จนวูฟสะกิดแขนผม



                “กลับห้องไปนอนได้แล้ว มานี่เลย” อยากได้ดอกไม้...ผมเหลือบมองดอกไม้แวบหนึ่ง มันสวยก็อยากเอากลับห้องด้วยเฉย ๆ น่ะครับ... วูฟมองตามสายตาของผม



                “ฉันเอาดอกไม้แจกันนี้ไปนะ หาอันใหม่มาเปลี่ยนด้วยก็แล้วกัน” ผมตาโตเมื่อวูฟไปหยิบแจกันที่ผมมองอยู่ด้วยมือเดียวของเขา พวกสาวใช้ก็พยักหน้ารับ ใครจะกล้าไปขัดร่างสูงกันล่ะครับ...แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะหยิบมันกลับไปทั้งแจกันขนาดนี้ มืออีกข้างที่ไม่ได้ถือแจกันเขาก็กุมมือผมให้เดินกลับไปบ้านของเขา



                “มาได้แล้ว อะไรอีก อยากได้ดอกไม้ทั้งงานรึไง?” เขาเลิกคิ้วเมื่อเห็นผมไม่ยอมเดินตามเขาไป ก็มัวแต่อึ้งที่เขาทำแบบนี้อยู่...



                “เปล่าครับ แค่แจกันนั้นก็พอแล้ว” ผมยิ้มกว้าง วูฟทำหน้านิ่ง ๆ แล้วเลิกสนใจผมที่แอบหลุดหัวเราะ



                ก็กำลังคิดภาพว่าคนที่มองพวกเราจะคิดยังไง คนหนึ่งโดนลาก อีกคนถือแจกันด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างก็จูงมือผม...มันเป็นภาพพิลึกแปลก ๆ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันอบอุ่นนะ...









...

ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดี ๆ จากคนอ่านที่น่ารัก ^^

โอเมก้าถูกกำหนดทางชนชั้นว่าเป็นทาส ลูดี้เลยยังฝังใจกับเรื่องฐานะตัวเองอยู่

เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ด้วยน๊าาา  จุ๊บบบ   :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
โหย ลูดี้นี่มองโลกในแง่ดีจัง เอ๊ะ หรือว่าคุณวูฟแสดงออกชัดเจนเกินไป ฮา
ว่าแต่วูฟดูมีลับลมคมในกับหนังสือเล่มนั้นนะ มีอะไรหรือเปล่าหนอ

ออฟไลน์ mxb

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หนูลูดี้น่ารักขึ้นทุกวัน ส่วนนังวูฟก็น่า..เหมือนเดิมเลย ' '
พูดออกมาแต่ละคำ ทำแต่ละอย่างไม่เห็นใจน้องเลย (ถึงจะเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม)
ถ้าน้องหนีนี่จะขำให้ ฮึ!  :m16:

ออฟไลน์ W2P5

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
อบอุ่นมากๆเลยค่ะ :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 177266

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เรื่องนี้น่ารักมาก ชอบที่พระเอกไม่รุนแรงขืนใจเหมือนพล๊อตทั่วไป เก๊กดุแต่น่าร้ากกก /// คนเขียนขยันจังค่ะ  :3123: :3123:

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
ชื่อยุโรปมาก
....แต่มีกราบด้วย คือ?
เราว่ามันขัดกันนิสนึงนะคะ คนเขียนค่อยๆปรับไปนะคะ รออ่านอยู่คร๊า!!!

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ลูดี้ จิตใจดี มองโลกแง่บวก
ไม่โกรธที่พ่อแม่เอาเงินไที่ให้ไปเล่นการพนัน

ความใจดีของลูดี้ที่จะให้ผ้าเช็ดหน้ากับลูกน้องของวูฟ ก็เกินไปนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ hpimmc

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น่ารักเด้อออออออออออออออออออออออออออออออออออออ

ถ้ารักกันจริงๆ วูฟคงจะหวงลูดี้มาก ๆ

ออฟไลน์ Midorima

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทำไมถึงหมั่นไส้วูฟก็ไม่รู้  :hao7:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ซึนไปนะ พ่อพระเอกกก

ออฟไลน์ vampire_rose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
ตอนที่ 7



                [พาร์ตของลูดี้]



                ผมยืนมองแจกันดอกไม้ที่ถูกตั้งไว้ตรงห้องรับแขกถัดมาจากห้องนอนของร่างสูง มันเป็นดอกไม้ที่เขาเอามาจากสถานที่จัดงานเมื่อวาน 



                “เห็นมองดอกไม้นี่อยู่นานแล้ว ใช่ดอกไม้ที่นายน้อยเอามาจากงานหมั้นใช่ไหมคะ” ป้านมที่กำลังจัดเสื้อสูทให้ผมอยู่พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม



                “รู้ได้ยังไงกันครับ?”



                “แหม เรื่องนี้สาวใช้พากันกรี๊ดกันเป็นระนาวค่ะ จู่ ๆ นายน้อยก็ไปสร้างวีรกรรมขโมยแจกันดอกไม้ให้คู่หมั้นซะได้” ป้านมพูดและหัวเราะอารมณ์ดีจนผมหน้าร้อนวูบขึ้นมาซะงั้นเลย...ผมว่าเรื่องนี้อาจจะรู้กันทั้งหมดบ้านแล้วก็ได้นะไเนี่ย



                “นินทาอะไรฉันงั้นเหรอ ป้านม” เสียงเข้มดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่เดินเข้ามาในห้อง ผมหันไปมองวูฟอึ้ง ๆ ก็เขาอยู่ในชุดสูทสีดำสนิท ผมดำแซมน้ำตาลถูกเซ็ททรงไว้อย่างดี นัยน์ตาคมกริบสยบทุกคนให้ยอมตกอยู่ภายใต้คำสั่งได้อย่างง่ายดาย



                สรุปง่าย ๆ คือเขาหล่อมากถึงมากที่สุด...ผมคิดแบบนี้จริง ๆ นะครับ



                “ป้าไม่ได้นินทาอะไรนายน้อยเล๊ย...ชุดคุณลูดี้เรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวนั่งทานขนมพักผ่อนกันตามสบายนะคะ        ป้านมขอตัวไปดูอาหารในงานก่อน” ป้านมบอก ผมเลยยิ้มขอบคุณ เสียงประตูที่ปิดลงก็มีความเงียบเข้ามาแทนที่



                เขาเงียบ...ผมเองก็เงียบ แต่จานขนมชั้นใบเตยที่ยื่นมาทำให้ผมยิ้ม ก็วูฟเป็นคนยื่นมา...



                “กินเข้าไปซะ อีกนานกว่าเราจะได้ลงไปที่งาน” ผมรับมาจิ้มกินไปพลาง ๆ ร่างสูงก็นั่งลงตรงโซฟาข้างผม แต่เขาก็ยังนั่งห่างจากผมมาก เรียกได้ว่าอยู่คนละมุม...



                “คุณวูฟทานด้วยไหมครับ” ผมจิ้มด้วยความใจกล้าแล้วยื่นไปให้เขา วูฟมองก่อนส่ายหน้าปฏิเสธ ผมว่าแล้ว...



                “ไม่ ฉันไม่ชอบ”



                “คุณเคยกินแล้วเหรอครับ” ผมถามต่อ แอบคิดว่าจะไปทำให้เขารำคาญรึเปล่าที่ถามเซ้าซี้แบบนี้



                “ยังไม่เคยกิน แต่คิดว่าน่าจะไม่ชอบนั่นแหละ มันเป็นของหวาน”



                “ของบางอย่าง ถ้าเรายังไม่ได้ลอง ตอนแรกอาจจะไม่ชอบแต่พอเราได้ลองแล้วอาจจะชอบขึ้นมาก็ได้นะครับ” ผมพูดอย่างสดใส และกำลังจะเอาขนมชั้นที่วูฟไม่กินมากิน แต่มือหนาก็จับมือของผมไว้ ผมตื่นเต้นขึ้นมาก็เพราะเขาเอาขนมชั้นเข้าปากของเขาน่ะสิ



                วูฟเคี้ยวขนมชั้นใบเตยอยู่สักพัก ผมมองลุ้น ๆ



                “เป็นไงครับ อร่อยไหม?...” เขาทำท่าเหมือนเด็กน้อยกินขนมที่ตัวเองไม่เคยรู้จักครั้งแรกเลยครับ บ่งบอกชัดเจนมาก ว่าเขาไม่เคยกินพวกของหวานบ่อยนัก



                “ก็อร่อยดี แต่ฉันว่ามันหวานไปอยู่ดี...”



                “ครับ มันหวาน” แต่ผมก็ชอบที่มันหวานแบบนี้แหละ กำลังคิดว่าถ้ากินเยอะ ผมจะลงพุงไหม ผมยังคงนั่งกินขนมชั้นที่ตอนแรกพูนจาน จนมันเริ่มเหลือน้อยลง วูฟเปิดหนังสือพิมพ์อ่านข่าวของเขาไปเงียบ ๆ



                “วันเกิดของนายวันไหน เดือนอะไร” จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ผมที่กำลังดื่มน้ำอึก ๆ ก็หันไปมองเขาอย่างสนใจ ก็เขากำลังถามวันเกิดของผมนี่ครับ



                “.............” มัวแต่อึ้งอยู่



                “ฉันถาม



                “เออ อ๋อ...วันที่ 20 เดือนหน้าครับ คุณถามทำไมเหรอ...”



                “ฉันไม่มีสิทธิ์ถามคำถามรึไง?” เขาถามกลับเรียบ ๆ ผมส่ายหน้ารัว



                “เปล่าครับ ถามได้...” ก็ไม่คิดว่าเขาจะถามต่างหากล่ะ ถึงได้แปลกใจอยู่นี่ไง...ไม่รู้ทำไมรู้สึกใจพองโตแปลก ๆ



                “แล้วคุณวูฟเกิดวันไหนเหรอครับ...” อยากรู้บ้างแต่คำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้ผมแอบจ๋อยนิดหน่อย



                “ฉันไม่บอก อยากรู้ก็ไปหาเอาเอง” คนขี้เหนียว...แค่บอกวันเกิดให้รู้ก็ไม่ได้ ชิ แอบบ่นในใจ แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรเขาต่อจากนั้นหรอกครับ ปล่อยให้เวลาของเราระหว่างรอลงไปร่วมงานล่วงเลยไปกับความเงียบ ผมนั่งตรงมุมของผมและนอนหลับไป (ปกติผมจะหลับง่ายมาก ถ้ากินอิ่มแล้ว) ส่วนวูฟก็อ่านหนังสือพิมพ์เงียบ ๆ ตามประสาเขา



                แต่ไม่รู้เหตุไฉนตอนผมตื่นนอนขึ้นมาอีกที ผมถึงไปนอนหนุนตักของวูฟได้ล่ะเนี่ย...





                @ห้องโถงพิธีประกาศงานหมั้น



                เป็นครั้งที่สอง...



                ที่ผมได้มาอยู่กลางงานเลี้ยงใหญ่โตแบบนี้อีกครั้ง ของกินเยอะมากเหมือนเดิม แอบโฟกัสเรื่องกินอีกแล้ว...ก็มันน่ากินทุกอย่างเลย ผมกับวูฟเดินเข้ามาในงานที่มีแขกผู้ใหญ่ที่เป็นคนระดับดัง ๆ ทั้งนั้น ระบบความรักษาปลอดภัยถูกเตรียมการไว้อย่างดี มีลูกน้องเฝ้าทุกประตูแน่นหนา ก็สงสัยเหมือนกันนะครับว่า การแย่งชิงตำแหน่งผู้นำอัลฟามันรุนแรงขนาดนั้นเชียวเหรอ ตอนนี้คนที่รับตำแหน่งนั้นอยู่ก็คือ พ่อของวูฟครับ ผมยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่มาให้คำอวยพรผม แต่ผมก็ยังเห็นสายตาของบางคนมีท่าทีรังเกียจนิดหน่อย...แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมชินแล้ว



                “ถ้ามีอะไรไม่สบายตาหรือไม่สบายใจ ก็ไม่ต้องไปสนใจ...” เสียงเข้มกระซิบข้างหูผม เหมือนเขาเองก็เห็นเหมือนกันว่ามีบางสายตาที่ไม่ชอบผม



                “ครับ ผมทราบ” ผมพยักหน้าหงึก ๆ เสียงประกาศดังขึ้นเรียกความสนใจของคนทั้งงานในทันที



                “ขออนุญาตใช้เสียงนะครับ บัดนี้ก็ได้เวลาอันเป็นมงคลแล้ว กระผมจะขอเชิญนายน้อยของตระกูลเฮอร์คิว         นายน้อยวูฟ กับคุณลูดี้ คู่หมั้นของเขาขึ้นมาบนเวทีได้เลยครับ” มือหนาที่ถูกส่งมาให้ผมด้วยความสุภาพ เรียกความสนใจของแขกในงาน



                “ส่งมือมาได้แล้ว” เสียงเข้มปลุกผมให้ตื่นจากอาการเหม่อ ผมวางมือลงบนมือหนาที่จูงมือของผมขึ้นไปบนเวที แม้เขาอาจจะทำไปเพราะหน้าที่ของเขา...แต่ผมกลับรู้สึกดีใจมากที่เขาจูงมือของผมแบบนี้



                “ขอเชิญนายท่านบนเวทีด้วยครับ” พ่อของวูฟเองก็เดินขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับแม่ของวูฟ



                “สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมเป็นพยานสำคัญในพิธีหมั้นในครั้งนี้ ก็อย่างที่ทราบกันดีว่า เมื่อไม่นานมานี้ทายาทของตระกูลเฮอร์คิวที่กำลังจะขึ้นเป็นผู้นำอัลฟาต่อไป ได้เลือกคู่ครองของเขา...และที่พิเศษไปกว่านั้น ผู้ชายที่ถูกเลือกมาคนนี้ ยังเป็นคู่แห่งโชคชะตาที่ถูกต้องของนายน้อยตระกูลเฮอร์คิวอีกด้วย” พอพูดจบเสียงฮือฮาก็ดังขึ้น เรื่องคู่แห่งโชคชะตา ผมก็พอจะรู้ครับว่ามันโด่งดังพอสมควร อย่างที่ทราบกันดีว่า น้อยคนนักที่จะได้เจอคู่ของตัวเองและสมปรารถนา



                “บัดนี้ ก็เป็นเวลาที่สมควร ผมขอประกาศว่า...วูฟกับลูดี้ ได้เข้าพิธีหมั้นที่ถูกต้องตามประเพณี ต่อหน้าพยานมากมายที่อยู่ด้วยกัน ณ ที่นี้...” พ่อของวูฟพูดจบ ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างกายของผมก็หยิบแหวนวงเล็ก ไม่ได้มีเพชรเม็ดใหญ่อะไร มันเป็นเพียงแหวานสีเงินเรียบ ๆ...แต่คำที่สลักอยู่นั้น มันช่างมีค่ามากมาย



             ความรักนิรันดร์...



                “นี่เป็นแหวนประจำตระกูลของฉัน” เขายกมือข้างซ้ายของผมอย่างเบามือพร้อมกับสวมแหวนเข้าไปในนิ้วช้า ๆ ท่ามกลางเสียงปรบมือแสดงความยินดีของคนที่อยู่ในงาน



                “ขอบคุณครับ...” ผมยกมือไหว้ตามธรรมเนียม แม่ของวูฟยิ้มให้ผม



                “ยินดีต้อนรับอย่างเต็มตัวสู่ตระกูลเฮอร์คิวนะจ๊ะ ลูดี้” ผมยิ้มก่อนจะหน้าร้อนวูบเมื่อริมฝีปากของร่างสูงก้มลงมาประทับที่แก้มนุ่มของผม



                “นายถือเป็นคนของตระกูลนี้แล้ว จำเอาไว้ให้ขึ้นใจด้วย...” เสียงเข้มย้ำเตือนกับผมสองคน ถ้อยคำแผ่วเบาแต่กลับดังก้องในหัวสมองของผม แหวนที่อยู่บนนิ้วของผมเป็นเครื่องยืนยันว่า ผมคือคู่หมั้นตัวจริงของวูฟและยังถือเป็นคนของตระกูลนี้ ไม่มีทางที่จะหลีกหนีไปได้



                “พวกเราก็ขอแสดงความยินดีอีกรอบกับนายน้อยวูฟและคุณลูดี้นะครับ เดี๋ยวขอเชิญทุกคนร่วมกันดื่มไวน์ด้วยกัน เพื่อถ่ายรูปสวย ๆ เป็นที่ระลึกนะครับ” พิธีกรประกาศดังนั้น พวกเราก็พากันลงจากเวทีไปตรงแก้วไวน์ที่วางเรียงอยู่ จะมีแก้วที่แตกต่างอยู่หนึ่งใบก็คือ แก้วของพ่อของวูฟครับ เพราะท่านอยู่ในฐานะผู้นำอัลฟาก็เลยมีการเตรียมมาเป็นพิเศษ ผมรับแก้วมาจากวูฟที่ยื่นมาให้ผม



                “ถ้ากินไม่ได้ก็จิบ ๆ พอเป็นพิธีก็พอ” เขากำชับ ผมพยักหน้ารับ ก่อนทุกคนจะชูแก้วขึ้นพร้อมกันถ่ายรูปให้สวยงามพอเป็นพิธี ยังไม่ทันที่ผมจะกินก็มีเสียงกรี๊ดตกใจจากแม่ของวูฟ



                เพล้ง! เสียงแก้วไวน์สีทองหลุดลงแตกกระจายกับพื้น



                “กรี๊ด คุณคะ...” ผมกับวูฟรีบวิ่งเข้าไปดูพ่อของวูฟที่เพิ่งดื่มไวน์เข้าไปกำลังกระอักเลือดออกมา



                “พ่อครับ!!...มันเกิดอะไรขึ้น”



                “นายท่าน!! ไปเตรียมเอารถออก!” ลูกน้องทั้งหมดวิ่งวุ่นอย่างตกใจ



                “ฉันไม่เป็นไร...อึก ผมไม่เป็นไรคุณอย่าร้องนะ แค่ก ๆ...” พ่อของวูฟปลอบแม่ของวูฟที่ทำอะไรไม่ถูก ผมมองเลือดตรงหน้าอย่างตกใจ ไม่ใช่ว่าผมกลัวหรอกนะครับ...แต่ผมก็ไม่คุ้นเคยหรือต้องการจะเห็นเลือด ลูกน้องรีบพยุงพ่อของวูฟไปส่งโรงพยาบาลทันที



                “แม่ไปกับพ่อก่อนนะครับ เดี๋ยวผมขอเคลียร์สถานการณ์แถวนี้ก่อน ลูดี้ไปกับแม่ของฉัน”



                “แล้วคุณล่ะครับ”



                “ฉันบอกว่าให้ไปกับแม่ของฉัน!!” เขาสั่งเสียงเฉียบทำให้ผมรีบวิ่งตามแม่ของวูฟออกไปขึ้นรถเพื่อตรงไปโรงพยาบาล แม้ว่าภายในใจจะเป็นห่วงวูฟก็ตาม...ให้ผมอยู่กับเขาก็ไม่ได้รึยังไง



                ผมกับแม่ของวูฟนั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยหัวใจที่หล่นวูบ ผมเอื้อมมือไปกุมมือของแม่เบา ๆ



                “พ่อจะต้องไม่เป็นอะไรนะครับ ผมเชื่อว่าทุกอย่างจะต้องผ่านไปได้...”



                “จ๊ะ...ฮึก แม่ก็เชื่อแบบนั้นลูดี้...แม่ไม่เข้าใจว่าทำไม แค่อำนาจถึงต้องทำขนาดนี้ เฮอร์คิวอยู่อย่างแข็งแกร่งมาตลอด แม่รู้ว่าพ่อเขาทำทุกอย่างเพื่อปกป้องทุกคนในตระกูล แม่รู้ว่าเขาแบกรับอะไรมามาก และวูฟเองก็จะเป็นเหมือนพ่อของเขาต่อไป...แม่อยากช่วยอะไรได้บ้าง แต่แม่กลับรู้สึกว่าแม่ไม่ได้ทำอะไรให้เขาเลย” แม่ของวูฟระบายออกมาด้วยน้ำตาจนผมที่ฟังอยู่ด้วยร้องไห้ออกมาตาม ผมรับรู้ถึงความรักทั้งหมดที่พ่อของวูฟมอบให้ทุกคนในครอบครัว ทุกคนในตระกูล



                “ใครว่าแม่ไม่เคยช่วยอะไรล่ะครับ...เพราะมีแม่อยู่กับพ่อตรงนี้ไงครับ พ่อเขาถึงได้อยากปกป้องแบบนี้ ผมเชื่อนะครับว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี” ผมปลอบใจทำให้แม่ของวูฟสวมกอดผมไว้



                “ลูดี้...แม่ดีใจที่หนูอยู่ตรงนี้ แม่ดีใจที่คนที่จะเข้ามาอยู่ในฐานะคู่ของวูฟคือหนู...” ผมกับแม่นั่งรออยู่หน้าห้องไม่รู้ว่าผ่านมานานแค่ไหน จนกระทั่งร่างสูงวิ่งเข้ามา เสื้อสูทตัวนอกของเขาถูกถอดออกเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวข้างใน ผมมองมือของเขาที่มันมีเลือดนิด ๆ เหมือนไปตีกับใครมายังงั้นแหละ



                “แม่ครับ พ่อเป็นไงบ้าง”



                “ลูกไปทำอะไรมาวูฟ...” แม่ถามคำถามเหมือนที่ผมสงสัยเด๊ะ แต่ไม่ทันจะตอบอะไร คุณหมอก็เปิดประตูออกมาซะก่อน พวกผมเลยกรูกันเข้าไปหาหมอ



                “คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ ดีหน่อยที่คนไข้มีภูมิต้านทานเยอะ สุขภาพแข็งแรง พิษเลยไม่ได้เข้าไปทำลายส่วนไหนครับ ยังไงหมอจะย้ายคนไข้ไปห้องพักให้นะครับ” คุณหมอพูดจบก็ขอตัวเดินออกไป



                พวกผมถอนหายใจออกมาพร้อมกันพร้อมกับรอยยิ้ม...พ่อของวูฟถูกย้ายมาที่ห้องวีไอพี แต่ท่านก็ยังไม่รู้สึกตัวเลยล่ะครับ แม่ของวูฟก็นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงและมองมาที่ลูกชายตัวเอง ซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ผม



                “รู้รึเปล่าว่าใครเป็นคนทำเรื่องแบบนี้”



                “ไม่รู้สิครับ ตอนนี้กำลังให้คนตรวจสอบอยู่ ยังไม่แน่ใจ” เสียงเข้มตอบกลับ ผมก็เลยขมวดคิ้ว อ้าว...แล้วมือที่แตกอยู่นี่ไปฟัดกับใครมา เหมือนเขาจะรู้ว่าผมมองมือของเขาอยู่ วูฟก็เลยเอาแขนมาโอบไหล่ของผมเข้าไปหาเขา



                “จริง ๆ ก็อยากจะไปซัดปากของไอ้ตระกูลมาวิน หัวหน้ามันนั่นแหละ...แต่ผมรู้ว่าแม่ไม่อยากให้ผมไปมีเรื่องกับใครทั้ง ๆ ที่ไม่มีหลักฐานชัดเจน ผมก็เลยต่อยกำแพงระบายความโมโหก็เท่านั้น...”



                เฮือก...ต่อยกำแพงระบายอารมณ์ สายโหดมาก แม่ของวูฟแทนที่จะตกใจกลับยิ้มส่ายหน้าเอือม



                “เลิกสักทีเถอะ นิสัยชกกำแพงน่ะ มันไม่เท่แถมยังเจ็บอีก ลูดี้จะตกใจลูกเอาได้นะ...ลูกพากันกลับบ้านเถอะ เดี๋ยวแม่จะอยู่เฝ้าพ่อเขาเอง” แม่ของวูฟบอก ร่างสูงก็เลยพยักหน้าตกลง



                “เอางั้นก็ได้ครับ ผมสั่งลูกน้องมาคุมกันอยู่ที่นี่แล้ว ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยผมจะไปคุมให้หนาแน่นกว่าเดิม ถ้าแม่มีอะไรก็โทรหาผม” วูฟพูดแค่นั้นและลากผมออกไปด้วย แม่ของวูฟยกมือบ๊ายบายผม



                “คุณวูฟครับ เออ มือของคุณเจ็บมากไหม ทำไมไม่ทำแผลก่อนครับ” ผมเดินตามเขาที่ปล่อยผมออกจากวงแขน เลือดที่ไหลซึมจนแห้ง ดูเหมือนไม่เจ็บ แต่ผมว่ามันเจ็บ...



                “เดี๋ยวค่อยไปทำในรถก็ได้ นายทำเป็นนี่แผล” ก็เราอยู่โรงพยาบาลทำไมเขาไม่ทำแผลที่นี่...



                “เฮ้ย ไอ้วูฟ” เสียงเรียกชื่อของร่างสูงทำเอาผมที่เดินตามร่างสูงมาติด ๆ หยุดชะงัก ตรงหน้าเป็นผู้ชายร่างสูงพอ ๆ กับวูฟ ใบหน้าขาวใสรอยยิ้มพิมพ์ใจสไตล์คุณหมอ เสื้อกาวน์ที่เขาใส่อยู่บ่งบอกได้อย่างดีว่าเขาเป็นหมอ



                “ไง ไอ้เซย์ ไม่ได้เห็นหน้านาน เป็นไง” ดูเหมือนเขาจะเป็นเพื่อนของร่างสูง



                “ก็สบายดี แต่งานฉันเยอะมาก เอ๋...คนนี้เหรอวะ คู่ของนาย สวัสดีครับ พี่ชื่อเซย์...อ้าว เฮ้ยยังไม่ได้รู้จักชื่อน้องเขาเลย” ผมยังไม่ได้ตอบอะไรก็โดนวูฟดึงแขนให้เดินตามไปซะแล้ว



                “ไม่อยากให้รู้จัก กลับไปทำงานต่อไปไอ้หมอเซย์” ร่างสูงหันไปบอกเพื่อนแค่นั้น ผมได้ยินเสียงหัวเราะของเพื่อนเขาพร้อมกับเสียงแซวแว่ว ๆ



                “ไว้รู้จักกันคราวหน้าก็แล้วกันเนอะ”



                “ฝันไปเหอะว่าจะให้รู้จัก...” ผมได้ยินเสียงพึมพำของเขา แต่ผมก็ได้ยินมันชัดเจนจนผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้



                ผมเดินออกมาจากโรงพยาบาลก็อึ้งกับรถที่อยู่ตรงหน้า...ก็จะไม่ให้อึ้งได้ยังไงกันในเมื่อมันคือรถลีมูซีน!! ลูกน้องของร่างสูงเปิดประตูให้ผมกับเขาเข้าไปในรถ



                “เข้ามาได้แล้ว จะยืนอยู่ข้างนอกอีกนานไหม?” เขาเลิกคิ้วกวักมือเรียกผมเข้าไปหา ผมก้าวขึ้นไปบนรถงง ๆ



                “ทำไมคุณเอารถคันนี้มา...”



                “ก็มันเป็นงานหมั้นนี่ ก็เลยได้ใช้รถคันนี้ ถ้าตามหลักมันก็คล้าย ๆ การซ้อมแต่งงานนั่นแหละ” ภายในกว้างขวางมาก ผมมองไปรอบ ๆ ตามประสาคนไม่เคยนั่งรถหรูหราขนาดนี้ วูฟยกยิ้มเลื่อนปิดกระจกระหว่างคนขับไว้จนมืดทึบ ทำให้ตอนนี้ภายในรถกว้างตรงนี้



                มีแค่ผมกับเขา...



                ทำไมผมรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาก็ไม่รู้....สายตาคมที่จ้องผมอยู่อย่างไม่ละสายตากำลังทำให้ผมเกินอาการประหม่าสุด ๆ ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้ผมพร้อม ๆ กับตัวของเขาที่โน้มลงมาหาผม...ผมหลับตาปี๋



                “กล่องพยาบาลอยู่ด้านหลังนาย...” เสียงเข้มกระซิบข้างหูผมด้วยสำเนียงขี้เล่น ผมลืมตาเหวอ ๆ กับใบหน้าคมที่กระตุกยิ้มขำผม



                “อ๋อครับ...” ก็เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้นี่ ใครจะไปรู้ล่ะว่าเขาจะทำอะไร...โอ๊ย ลูดี้เอ๊ยทำหน้าตาหน้าอายอะไรออกไปรึเปล่าล่ะเนี่ย ผมหันไปหยิบกล่องพยาบาลจะมาทำแผลให้ร่างสูงอย่างรู้งาน แต่มือของเขาที่ตบหน้าขาของเขาทำให้ผมขมวดคิ้ว



                เขาจะแกล้งอะไรผมอีก...



                “เขยิบมานั่งใกล้ ๆ อยู่ไกลขนาดนั้น จะให้ฉันยืดมือออกไปรึไง” ผมเลยกระดึ๊บ ๆ เข้าไปใกล้เขาอีกนิด ผมเห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ ของเขาด้วย เอ๊ะ...หรือผมจะตาฝาด ผมก้มหน้าก้มตาทำแผลให้ร่างสูงในขณะที่รถกำลังวิ่งไปช้า ๆ



                “ทำไมคุณชอบต่อยกำแพงจังครับ มันทำให้ร่างกายของคุณเจ็บตัว” ผมพูดออกไปพลางทำแผลไปด้วย โดยที่ไม่รู้เลยว่าวูฟแอบมองผมเงียบ ๆ เหมือนกัน



                “มันก็เป็นแค่วิธีระบายอารมณ์ของฉันยังไงล่ะ”



                “คุณระบายด้วยวิธีอื่นก็ได้นี่ครับ ไม่เห็นจะต้องใช้แต่วิธีที่ทำให้คุณเจ็บตัว” ผมเผลอบ่นยาวก็ชะงัก ระหว่างที่เก็บอุปกรณ์เข้ากล่อง



                “หึ วิธีระบายทางอื่นเหรอ...งั้นวิธีนี้นายคิดว่าน่าสนใจไหมล่ะ...” ผมสะดุ้งเมื่อตัวเองถูกผลักให้ล้มลงไปกับเบาะนุ่มกว้างของรถที่นอนได้ถึงสองคน ผมตาโตกับร่างสูงที่ขึ้นมาคร่อมผมไว้



                “คุณวูฟ จะทำอะไรครับ อา...อย่า” ผมจับมือของเขาที่เลิกเสื้อของผมขึ้น ผมไม่ได้ฮีทขึ้นนะครับ...เขาทำแบบนี้ทำไม



                “เวลาฉันเครียด ฉันต้องระบาย แล้วนายก็เป็นสิ่งระบายความเครียดให้ฉันยังไงล่ะ...”



                “ตะ...แต่เราอยู่ในรถนะครับ!”  ถึงไม่ได้อยู่ในรถผมก็ตื่นตระหนกอยู่ดี



                “แล้วไง...” เขาเลิกคิ้ว โอ๊ย...นี่เขาไม่อายเหรอ ผมยังมีสติครบแต่ถึงอย่างนั้นผมกลับได้ยินกลิ่นหอมพาใจให้รู้สึกสบาย กลิ่นที่มาจากตัวของวูฟ (เคยได้ยินมาเหมือนกันเรื่องคนที่เป็นคู่กัน กลิ่นของคนทั้งสองคนจะถูกดึงดูดเข้าหากันน่ะครับ)



                “ระหว่างทางที่จะขับไปร้านข้าว ฉันไม่อยากเบื่อ เราก็แค่มาทำอะไรฆ่าเวลาเท่านั้น ร้านข้าวที่ฉันจะพาไปมันอยู่ไกล”



                “อ๊ะ!! อือออ แต่ว่า...อ๊ะ” ผมถูกฉุดขึ้นไปนั่งคร่อมร่างสูงด้วยร่างกายที่เริ่มสั่นสะท้าน นี่เขาจะเอาจริงใช่ไหมครับ  ดูแววตาของเขาสิ ผมคาดว่าผมน่าจะขัดเขาไม่ได้แน่นอน...และวูฟก็ไม่ได้ล้อเล่นแต่เขาทำจริง เราทำกิจกรรมรักกันโดยที่ยังใส่เสื้อผ้าอยู่ทั้งคู่! แต่ดีหน่อยที่ฟิล์มของรถเป็นสีดำ แถมห้องรถที่เราอยู่ยังเก็บเสียง จึงไม่มีใครได้ยินว่าเราทำอะไรกันอยู่ แต่ผมจะบอกว่ามันน่าอายมาก...เพราะผมดันจำได้ทุกอย่างชัดเจน ผมไม่ได้ฮีทขึ้น แต่อารมณ์ของพวกเราสองคนก็ถูกจุดให้ลุกโชนได้อย่างง่ายดายเมื่อร่างกายของเราสัมผัสกัน....





                และวูฟก็ไม่ได้โกหกผมเรื่องพามาทานข้าวไกล ๆ เขาให้ลูกน้องพาผมมากินข้าวที่ร้านนอกเมืองที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยมากที่สุด...อาหารอร่อยสมคำร่ำลือครับ เพียงแต่ผมทานได้ไม่เยอะ เพราะผมเพลียจนไม่อยากกินอะไรน่ะสิ...








...
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดี ๆ จากคนอ่านที่น่ารัก ^^

รู้สึกว่าวูฟจะขยันทำการบ้านจังเลยนะคะ 55555   

อยากรู้ว่าเบาะรถลีมูซีนมันนุ่มรึเปล่า >__<  :mew1: :กอด1: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
แหม ๆ ยังไม่อยากมีลูกแต่ขยันรังแกลูดี้เหลือเกินนะวูฟ

ออฟไลน์ Midorima

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทำไมรู้สึกเจ็บกับคำว่า เป็นสิ่งระบาย  :ling1:
เราแอนตี้วูฟได้ไหม 5555555
ส่วนหนูลูดี้ แม่อยากจะรับลูกมาเลี้ยงเหลือเกิน น่าเอ็นดู

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
แอบขัดประโยคที่ระบายนี่แล่ะ

น้องเป็นแค่นั้นนเหรอเฮ้ยยยย

ฟินไม่สุด  :z6:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
วูฟ เหมือนหวงลูดี้
ดูแลลูดี้ดี นั่งหลับก็ให้นอนหนุนตัก  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
กับเพื่อนเซย์ ก็ไม่แนะนำ ไม่อยากให้เพื่อนรู้จัก

อ้าวๆ......วูฟ ระบายความเครียดโดยการทำรักกับลูดี้
เพราะลูดี้ ทักท้วง ว่าการต่อยกำแพงมันไม่ใช่วิธีระบายความเครียด
เลยเกิด......ในรถซะเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mxb

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แหมมม พอได้กินน้องครั้งนึงแล้วติดใจล่ะซี้  :hao7:

ออฟไลน์ sanax00

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ vampire_rose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
ตอนที่ 8



                [พาร์ตของลูดี้]



                ผมที่นอนหลับอยู่บนเตียงขดตัวเข้าในผ้าห่มด้วยความหนาว...ร่างกายเปลือยเปล่าของผมหนักอึ้งไปหมด เนื่องจากผมเพิ่งจะฮีทขึ้นอีกครั้งของเดือนนี้  (ผมคิดว่ามันหมดแล้วซะอีก) แต่มันไม่ได้มีอาการรุนแรงเท่ากับครั้งแรกของผมกับวูฟ ผมมีสติควบคุมได้ แต่...ความต้องการที่อยากให้เขาครอบครองผม ก็ดูจะมีมากกว่าปกติ น่าอายจังครับ ผมร้องขอให้เขาทำเรื่องแบบนั้นกับผมด้วย



                “ลุกมาใส่เสื้อผ้าก่อน ค่อยนอนต่อ” เสียงเข้มสั่งแกมบังคับ ผมอยากลุกขึ้นนะ แต่...มันไม่มีแรงเลยล่ะ



                “ผมลุกไม่ไหวครับ” ผมตอบถามความจริง เขาเลยช่วยดึงผมขึ้นและจับเสื้อสวมลงให้ผม การกระทำแบบนี้ วูฟจะรู้ไหมว่าทำให้ผมสับสน...ใจที่เริ่มเต้นรัวทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เขา



                ทำเอาผมกลัว...กลัวว่าวันหนึ่งจะหลงรักเขาขึ้นมา มันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรใหญ่โต...แต่ผมอาจจะต้องเจ็บเพราะว่าวูฟเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับผม



                “ขอบคุณนะครับ...”  ผมนอนลงที่เดิม ส่วนเขาก็ก้าวขึ้นมานอนข้างผม “คุณพ่อของคุณจะกลับบ้านพรุ่งนี้เหรอครับ” เมื่อเห็นบรรยากาศเงียบลงผมก็เลยเปิดประเด็น



                “ใช่ เห็นหมอบอกว่าไม่มีอาการอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว คงจะกลับพรุ่งนี้”



                “ครับ...”



                “อยากได้อะไรข้างนอกรึไง ถึงถาม ฉันจะได้ซื้อมาฝาก” เขาเหลือบมามองผมที่นอนอยู่ใกล้ ๆ เขา ผมรีบส่ายหน้า แค่นี้วูฟก็ให้มาตั้งเยอะเต็มไปหมด นี่เขาก็เพิ่งให้คนขนตู้หนังสือสีสันสวยงามเข้ามาไว้ภายในห้องเพื่อใส่หนังสือ



                ตอนนี้ก็เลยมีชั้นหนังสือสองสามชั้นเอาไว้เรียงหนังสือที่ผมไปเลือกซื้อกับเขาวันนั้น



                “ผมไม่อยากได้อะไรหรอกครับ เออ แล้วเรื่องของคนที่วางยาพิษคุณรู้เบาะแสเพิ่มเติมรึยังครับ” ผมยังคงถามต่อ เขาทำท่าทางรำคาญใจนิด ๆ แบบขี้เกียจตอบ แต่ก็ไม่ได้ดุอะไรผมสักนิด



                “ตัวคนทำน่ะ ก็พอจะรู้ แต่หลักฐานที่มัดตัวน่ะ...ทางเรายังไม่มี จนกว่าจะจับได้คาหนังคาเขาไปเลย ถึงจะจับพวกมันอยู่...”



                “ทำไมคนเราถึงต้องการอำนาจขนาดนั้นด้วย” ผมพึมพำ



                “เพราะมีความโลภอยู่ในใจยังไงล่ะ ความไม่พอดี ไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี” ผมบรือตาฟังเขาก็เริ่มจะเคลิ้ม ๆ “นอนได้แล้ว เลิกถาม ตาจะปิดอยู่แล้วยังจะมานั่งฟังฉันพูดอีก...” ผมยิ้มเล็กน้อย มันก็ฟังดูเพลิน ๆ ดีนี่นา



                “ก็ผมชอบฟังที่คุณพูด...” ผมบอกแค่นั้นและหลับตาพริ้มโดยที่ไม่ได้ดูหน้าของร่างสูงว่าทำหน้ายังไงต่อบ้าง             ผมได้ยินแค่เสียงบ่นของเขาพึมพำอยู่คนเดียว...แต่ก็ฟังไม่ออกว่าเขาบ่นว่าอะไร



                เช้าวันต่อมา



                วูฟออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าแล้วล่ะครับ ผมก็ตื่นมาพร้อมเขานั่นแหละ แต่ตอนนี้ผมมาหมกตัวทำขนมหวานอยู่กับป้านมน่ะสิ ตื่นเต้นมากกับการทำขนมครั้งแรก



                “มันจะออกมาอร่อยไหมครับป้า” ผมปั้นแป้งทำบัวลอยอยู่ก็ถามเพื่อความแน่ใจ เพราะมันออกจะเละ ๆ ไม่เป็นลูกกลมสวย...แฮะ ๆ



                “มันจะต้องออกมาอร่อยสิคะ เดี๋ยวให้นายน้อยเป็นคนพิสูจน์ฝีมือของคุณลูดี้เลยค่ะ” ผมยิ้มแห้ง ๆ เออ...คิดดีแล้วใช่ไหมครับที่จะเอาไปให้วูฟลองชิม



                “ผมว่ามันอาจจะเป็นความคิดผิด ๆ ก็ได้นะครับ”ผมบอกแค่นั้นก็เรียกเสียงหัวเราะจากป้านมกับสาวใช้ที่ช่วยกันทำขนมกับอาหารอยู่ในครัว ผมเข้ากับทุกคนที่อยู่ในครัวได้เป็นอย่างดี ทุกคนใจดีกับผมมากเลยครับ ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาระดับหนึ่ง



                แต่ที่มีไม่ถูกกับผมก็คงจะเป็นโอเมก้าที่ถูกพวกท่านทูตซื้อตัวไป ดูท่าทางพวกเขาจะไม่ค่อยอยากเป็นมิตรกับผมสักเท่าไหร่ ผมใช้เวลาในช่วงเช้าไปจนถึงเที่ยงหมดไปกับการทำของหวานแสนอร่อย...อันนี้คิดเอาเองว่ามันคงจะอร่อย    พอทำเสร็จแล้วหน้าตามันก็ดูน่ากินจริง ๆ สีสันสวยเชียว



                “คุณลูดี้คะ เมื่อกี้ป้าได้ยินเสียงรถของนายท่านกับนายน้อยกลับมาแล้วนะคะ ออกไปต้อนรับเถอะค่ะ เดี๋ยวป้าดูในครัวต่อเอง” ป้านมบอก ผมก็เลยล้างมือและเช็ดให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกไปหาร่างสูงที่เดินก้าวดุ่ม ๆ เข้ามาภายในบ้านใหญ่พร้อมกับพ่อและแม่ของเขา



                พวกเขามองผมแล้วหัวเราะเล็กน้อย...เอ๋? มือหนาของวูฟยื่นมาแตะแก้มผมเบา ๆ



                “ไปทำอะไรมา ทำไมถึงได้มีแป้งติดแก้มเต็มไปหมดแบบนี้” รู้สาเหตุที่โดนหัวเราะแล้วล่ะ ก็เพราะว่าแก้มของผมเปื้อนแป้งเต็มไปหมดเลยน่ะสิ



                “ให้แม่เดานะ ไปทำขนมมาใช่ไหมเอ่ย...” แม่ของวูฟถามอย่างเอ็นดู สมทบด้วยพ่อของวูฟที่พูดต่อ



                “อืม เป็นแม่ศรีเรือนดีนะ ทำขนมอะไรมาล่ะ” น้ำเสียงของท่านยังดูเหนื่อย ๆ อยู่เลยครับ



                “ไปทำขนมหรือไปทำครัวเขาพังกันแน่...” เสียงเข้มพูดปิดท้าย แต่ก็ปังกว่าใครเพื่อน...แบบว่าจิกผมสุด ๆ             ผมไม่ได้ไปทำครัวเขาพังซะหน่อย!...แค่เกือบ ๆ เอง ฮ่า!



                “ทำบัวลอยไข่หวานครับ เดี๋ยวให้ป้านมเอาไปเสิร์ฟให้นะครับ” ผมตอบ



                “ว้าว ต้องน่าทานมาก ๆ แน่ พวกลูกก็กลับไปพักผ่อนที่บ้านเถอะไป ขอบใจมากนะวูฟที่ไปรับพ่อกับแม่แต่เช้า” แม่ของวูฟบอกแค่นั้น ก่อนที่จะพาพ่อของวูฟไปพักผ่อนที่ห้อง ส่วนผมก็ยืนอยู่กับร่างสูงที่เอามือไปเลื่อนปลดเนคไทออก



                “ร้อนไหมครับ ผมจะไปหาอะไรเย็น ๆ มาให้ดื่ม” ผมเดินตามเขาที่ถอดเสื้อสูทข้างนอกออก เห็นแล้วร้อนแทน     เขาต้องแต่งตัวเนี๊ยบเสมอเวลาออกไปข้างนอก



                “นายอยู่แต่ในห้องครัวมาตั้งแต่เช้าแล้วงั้นเหรอ”



                “ครับ เพิ่งทำขนมเสร็จไปเมื่อกี้เอง...คุณวูฟจะทานไหมครับ”



                “นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบของหวาน” เขาย้ำ ผมที่เดินตามหลังรับเสื้อสูทของเขามาถือไว้ วูฟเดินช้าลงเหมือนจงใจให้ผมเดินตามทันเขา “แต่ถ้านายทำมาแล้ว จะชิมให้ก็ได้...” ประโยคหลังเรียกรอยยิ้มเล็ก ๆ ของผมได้ทันที



                “ผมตั้งใจทำมาก ๆ เลยล่ะครับ! ป้านมสอนผมทำขนมอีกตั้งหลายอย่าง งั้นเดี๋ยวคุณไปรอที่ห้องก็แล้วกันนะครับ ผมจะไปเอาบัวลอยที่ห้องครัว” ผมจะเดินแยกไปห้องครัว วูฟก็เดินตามมาด้วย อ้าว...



                “อะไร...ฉันก็แค่ไม่ไว้ใจที่นายจะถือถ้วยของหวานเดินกลับไปที่ห้องคนเดียวก็เท่านั้น” ที่แท้เขาก็จะมาคุมผมนั่นเอง ผมไม่ได้ซุ่มซ่ามขนาดนั้นซะหน่อย...หรือจริง ๆ อาจจะซุ่มซ่าม



                “โอ๊ะ นายน้อยกับคุณลูดี้ ป้ากำลังว่าจะให้สาวใช้เอาไปให้อยู่เลยค่ะ” ป้านมกำลังสั่งสาวใช้อยู่พอดีเลยครับ             ผมยิ้มและรับถ้วยของหวานมา ฝีมือของผมแหละดูสิ...น่าภูมิใจมาก มันร้อน ๆ อยู่เลย ผมถือเองไม่ถึง 5 วิ มันก็ไปอยู่ในมือของวูฟเรียบร้อย เขายกไปจากมือของผม



                “เดี๋ยวฉันถือเอง เดินนำไปที่ห้องได้แล้ว” เขาใช้มืออีกข้างดันหลังผมไป ผมก็เลยเดินนำหน้าเขาไปตามคำสั่ง  พวกเราเดินกลับมาถึงห้องต่างคนก็นั่งอยู่คนละมุมโซฟาเหมือนเดิม...ผมไม่กล้าเข้าไปใกล้เขา กลัวจะทำให้วูฟรำคาญก็เลยเลือกที่จะนั่งตรงนี้





                และนาทีระทึกก็มาถึง...วูฟกำลังจะชิมของหวานที่ผมทำ!! ผมยังไม่ได้ชิมเหมือนกันครับ แอบหวั่นแทนเขา ฮ่า ๆ ก็มันเป็นครั้งแรกที่ทำมันก็ต้องตื่นเต้นระทึกเป็นธรรมดา เขาตักบัวลอยสีสวยหลายสีที่ผมปั้นเองกับมือ (มือผมล้างแล้วสะอาด ปลอดภัยแน่นอน!)



                “แน่ใจนะว่ามันกินได้...” เขาถามกวนเล็กน้อย...สำเนียงมันออกกวน ๆ หน่อย ผมพยักหน้าหนักแน่น...หนักแน่นแบบพร้อมจะรับผิดชอบถ้าเขากินแล้วมันไม่อร่อย



                “กินได้สิครับ”



                “.........” เขาตักมันเข้าไปในปากเรียบร้อย ผมลุ้นมาก เขาเคี้ยวบัวลอยนุ่ม ๆ



                “เป็นยังไงบ้างครับ? มันแย่ไหม...” ทำไมเขาเงียบล่ะ



                “..........”



                “ถ้ามันไม่อร่อยก็ไม่ต้องกินนะครับ ผมไม่อยากให้คุณฝืน...” ผมยื่นมือขอถ้วยของหวานคืน ก่อนจะโดนเขาดีดหน้าผากไม่แรงนัก



                “ฉันยังไม่ได้พูดว่ามันไม่อร่อยเลย โวยวายตีโพยตีพายไปทำไมกัน” คำพูดของเขาทำให้ผมคลี่ยิ้มออกมา แต่ร่างสูงก็ทำหน้านิ่งใส่ผมตามสไตล์ของเขา



                “รสชาติมันเป็นยังไงเหรอครับ” ผมถามแบบต้องการผลตอบรับ เพราะจะได้เอาไปพัฒนาต่อให้มันอร่อยกว่าเดิม



                “ก็อร่อยดี...นายทำไม่หวานมากเท่าไหร่ รสชาติก็เลยโอเค” พอได้รับคำตอบกลับมาจากวูฟ ก็ยิ่งเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจผมให้เร็วขึ้น...คือจะบอกว่าตอนที่ทำ ผมพยายามไม่ใส่น้ำตาลเยอะเพื่อไม่ให้มันหวานมากเกินไป ก็เพราะวูฟนี่แหละครับ คือคนที่ผมคิดถึงตอนทำขนม...อย่าเอาไปบอกเขานะครับ



                “ดีจังครับ ที่คุณว่ามันอร่อย” ผมพูดจากใจจริง และก็ต้องทำหน้าแปลกใจกับถ้วยของหวานที่ยื่นมา



                “เอาไปกินไป นายเองเป็นคนทำได้กินรึยัง”



                “คุณวูฟทานเถอะครับ...” ผมดันมันคืนให้วูฟจนเขาดุขึ้นมา



                “อะไรของนาย ฉันบอกให้เอาไปกิน!” ตกใจหมด...ขึ้นเสียงอีกแล้ว แต่ผมก็ยังยืนยันที่จะไม่กินบัวลอยถ้วยนี้  ถามว่าเป็นเพราะอะไรน่ะเหรอ...



                “คือว่า...ผมกินไปตั้งสองถ้วยแล้วครับ ตอนอยู่ในห้องครัว แบบว่าทำไปชิมไปจนอิ่ม” ผมสารภาพ ร่างสูงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แฮะ...ผมกินจุใช่ไหมครับ ยิ่งของหวานนี่ก็ยิ่งกินเยอะมาก อาจจะเป็นอารมณ์เหมือนผมไม่เคยได้กิน พอเห็นพวกขนมไทยอะไรแบบนี้ก็รู้สึกอยากกินมาก หลงรักขนมไทย ๆ มากเลยล่ะครับ



                “สองถ้วย? นี่นายกินของหวานเยอะขนาดนั้นเชียว จะชอบอะไรขนาดนั้น...” เขารับไปตักกินสองสามคำก็พอ      รู้มาจากป้านมคร่าว ๆ ว่าวูฟเป็นคนไม่ชอบทานของหวานสุด ๆ แต่นี่เขายอมกินให้ผมสองสามคำก็ถือว่าดีมากแล้วล่ะ



                ผมมัวแต่จ้องหน้าเขาเพลินไปหน่อยจนเจ้าตัวหันกลับมาจ้องผมคืน แววตาคมของเขาให้ความรู้สึกถึงอำนาจที่มีแรงดึงดูดชะมัด



                “จ้องหน้าฉันแบบนั้นต้องการอะไร” เสียงทุ้มถามเรียบ ผมส่ายหน้า



                “เปล่าครับ คุณวูฟมีงานอะไรต้องออกไปข้างนอกอีกรึเปล่าครับ?” เขาลุกขึ้นถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองออก เผยให้เห็นซิกแพคเป็นลอน ๆ เฮือก...เขาถอดเสื้อทำไม



                “วันนี้ไม่มี ฉันปวดเมื่อย เดี๋ยวนายไปนวดให้ฉันหน่อย” วูฟที่ใส่แค่กางเกงสีดำสนิท เดินเข้าไปรอในห้องนอน     ผมก็มองตามตาปริบ ๆ เขาจะให้ผมไปนวด...คิดดีแล้วใช่ไหมครับนั่น เมื่อเห็นว่าผมยังนั่งอยู่โซฟา เขาก็สั่งอีกรอบ (สั่งรอบเดียวผมฟังไม่รู้เรื่อง ต้องสั่งหลายรอบ ฮ่า ๆ)



                “ลูดี้! เข้ามาในห้องได้แล้ว จะต้องให้ฉันเรียกอีกกี่รอบ”



                “ครับ ๆ มาแล้ว” ผมรีบลุกจากโซฟารีบเดินเข้าไปในห้องนอนทันที





                “นายนวดดี ๆ เป็นไหม...กดให้มันเต็มแรงหน่อย” เสียงเข้มดังขึ้นมาในขณะที่ผมกดตรงแผ่นหลังของเขาอยู่   ตอนนี้ผมกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนตัวของวูฟที่นอนคว่ำหน้าอยู่ ...บอกเลยว่าเกร็งมาก ไม่กล้ากดแรง กลัวเขาเจ็บนี่นา



                “ก็กดเต็มแรงแล้ว”



                “แรงมีแค่นี้จะไปสู้อะไรใครเขาได้”



                “ผมไม่จำเป็นต้องไปสู้กับใครนี่ครับ...” ผมใช้มือกดนวดตรงไหล่ของเขา เสียงหัวเราะในลำคอของวูฟดังเบา ๆ



                “ตระกูลเฮอร์คิวไม่รับคนที่อ่อนแอหรอกนะ” ผมชะงักกึก...นั่นสินะครับ จริง ๆ ผมไม่ควรที่จะมาอยู่ที่นี่เลยด้วยซ้ำ ถ้าวูฟไม่ได้เลือกผมมา ผมคิดว่าเขาช่วยชีวิตของผมไว้ ช่วยฉุดผมที่อยู่กับสภาพแวดล้อมโดดเดี่ยวมาโดยตลอด ให้มาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นแบบนี้



                “นายกำลังคิดมากเพราะคำพูดของฉันอยู่ล่ะสิ” ผมสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ เขาก็พลิกตัวลุกขึ้น ผมที่นั่งอยู่ก็เซหงายหลัง



                “อ๊ะ...” หมับ มือหนาจับผมไว้พร้อมกับพลิกตัวของผมให้ลงไปอยู่ข้างล่างเขา “คุณวูฟ...”



                “ตระกูลเฮอร์คิวไม่รับคนที่อ่อนแอ...เพราะฉะนั้นนายต้องเข้มแข็ง...จำไว้ว่า นายต้องเข้มแข็งกว่านี้...” ผมมองหน้าของเขาที่ก้มลงมาใกล้ จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ใกล้ชิด...



                “ครับ ผมจะเข้มแข็งกว่านี้” ผมพยักหน้าก่อนจะรับรู้ถึงริมฝีปากหนาที่ประกบอย่างบรรจงลงช้า ๆ ปลายลิ้นร้อนกวัดเกี่ยวรัดลิ้นเล็กของผมที่พยายามถอยหนีเขาอย่างเขินอาย แต่ผมก็ไม่สามารถหนีจูบอันร้อนแรงนี้ไปได้



                ไฟปรารถนาเล็ก ๆ ที่ถูกจุดขึ้นทำให้พวกเราทั้งสองคนจมดิ่งสู่ห้วงความสุขที่เออล้นออกมา ในยามที่ไม่ได้มีฮีทขึ้น ผมจำสัมผัสได้ทุกอย่าง วูฟเองก็ดูจะควบคุมได้ดีเพราะกลิ่นของผมไม่ได้ปล่อยออกไปมาก...แต่ถึงอย่างนั้น กลิ่นฟีโรโมนจาง ๆ ที่แผ่ออกมา ก็ทำให้เขาเองเผลอรุนแรงใส่ผมเล็กน้อยเหมือนกัน คือการกัดที่หลังคอ...เพื่อย้ำความเป็นเจ้าของ



                ความรู้สึกดี ปนเจ็บปวด แปลกวูบวาบปะปนกันไปหมด จนหัวสมองของผมเริ่มเบลอ...



                ‘โอเมก้า’ คือผู้ถูกเลือก ‘อัลฟา’ คือผู้สร้างพันธะ...ผมถูกวูฟเลือกและเขาก็เป็นคนสร้างพันธะกับผม...



                ...เมื่อใดก็ตามที่โอเมก้าถูกกัดและสร้างพันธะจากอัลฟา ก็จะทำให้ไม่สามารถไปยุ่งกับใครได้อีก หรือพูดง่าย ๆ ว่า โอเมก้าคนนั้นจะกลายเป็นของ ๆ อัลฟาเจ้าของพันธะแต่เพียงผู้เดียว...มันคือกฎตายตัวที่ไม่สามารถเลี่ยงหนีได้



                แต่หากเป็นโอเมก้าที่โชคดีจริง ๆ ก็จะได้เจอกับคู่แท้ของเขา และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขชั่วนิรันดร์...



                ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของวูฟที่หลับอยู่ข้าง ๆ เมื่อกี้ผมได้ยินเสียงใครพูดในความฝันของผม เป็นเสียงของผู้หญิงที่ดูอบอุ่นมาก เหมือนเธอกำลังเล่าเรื่องให้ผมฟัง แต่ผมกลับจำหน้าตาของเธอไม่ได้... ผมเงยหน้ามองวูฟที่หลับอยู่ ใบหน้าคมยามหลับเหมือนเด็กน้อยเลย ข้างนอกมืดแล้วล่ะครับ นี่เราทำกิจกรรมรักไปตั้งแต่บ่ายกว่า ๆ จนตอนนี้มัน 6 โมงเย็นแล้ว ทำไมเขาถึงทำเรื่องแบบนี้กับผมบ่อยจัง... อุณหภูมิเริ่มหนาวคล้ายฝนจะตกทำให้วันนี้ดูมืดผิดปกติ



                ผมดันตัวเองลุกขึ้นและกำลังจะเอามือของเขาออก ก็เซไปตามแรงดึงของร่างสูง



                “ใครอนุญาตให้นายลุกออกจากเตียงกัน” เสียงเข้มถามแบบหงุดหงิดตามน้ำเสียงของคนเพิ่งตื่น (หรือจริง ๆ โดนผมทำให้รู้สึกตัวมากกว่า)



                “ผมทำให้ตื่นเหรอครับ คือผมจะไปห้องน้ำ อ๊ะ...” ผมถูกฉุดรั้งให้กลับลงไปนอนเหมือนเดิม ร่างกายเปลือยเปล่าของผมกระทบกับเขา เฮือก...ผมเปลือยอยู่นี่ ส่วนวูฟใส่กางเกงสีดำข้างล่างอยู่ครับ แต่ผมเนี่ยสิ!! ผมเลยรีบเขยิบออกแต่เขาก็กลับรั้งเอวผมเข้าไปหาซะงั้น



                “คุณวูฟปล่อยผมก่อน...” มันใกล้ไป ผมรู้สึกเขินรุนแรงมาก “ผมจะไปใส่เสื้อผ้า...” ผมดันเขาแต่ร่างกายสูงตรงหน้าไม่ขยับสักกะนิด



                “ไม่ต้องอายหรอก ฉันก็เห็นมาหมดแล้ว” นั่นไม่ใช่ประเด็นซะหน่อย...



                “ให้ผมไปใส่เสื้อเถอะนะครับ คือผมหนาว...” ผมร้องขอ คืออากาศมันเริ่มหนาวบวกกับความอายของผมที่ต้องนอนนิ่งให้เขากอดด้วยร่างกายเปลือยเปล่าแบบนี้ วูฟเหลือบมองผมเล็กน้อยและยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระ



                “งั้นก็รีบไปใส่เสื้อได้แล้วไป” เขาว่า ผมพยักหน้าลุกขึ้นแต่พอจะก้าวลงเตียง ร่างของผมก็หล่นปุกไปตรงข้างเตียงด้วยขาที่อ่อนแรง เขาที่ลุกขึ้นนั่งตามก็มองแบบตกใจนิด ๆ



                ตุบ



                “เฮ้ ทำอะไรของนาย เดินดี ๆ สิ เฮ้อ อย่ามาสร้างปัญหาให้ฉันได้ไหม” เขาบ่นพร้อมกับยื่นมือมาดึงแขนของผมให้ลุกขึ้น



                “ขอโทษครับพอดีขาของผมมันยืนไม่อยู่...” ผมรู้สึกแสบช่วงล่างมากแถมมันยังชาไปหมดอีก วูฟถอนหายใจเล็กน้อย



                “ช่างเถอะ เดินไปห้องน้ำไหวไหม” ผมพยักหน้า “อย่าไปล้มในห้องน้ำเด็ดขาดนะ! ไม่งั้นฉันจะทำโทษ” เขาสั่งเสียงเข้ม ผมหันไปสบตากับร่างสูง



                “ทำโทษอะไรเหรอครับ”



                “อยากโดนทำโทษเหรอ!!” เขาดุ ผมแอบสะดุ้งอีกรอบ หัวใจของผมอาจจะวายได้รึเปล่านะ ถ้าหากว่าอยู่กับเขาไปนาน ๆ ดุอยู่นั่น...



                “เปล่าครับ ไม่อยากโดนทำโทษ”



                “ถ้าไม่อยากก็เดินเข้าไปอาบน้ำดี ๆ อาบน้ำอุ่นด้วยนะ เข้าใจไหม แล้วก็ห้ามอาบนาน แค่ 5 นาทีก็น่าจะออกมาได้แล้ว” เขาสั่งยาวรัวทิ้งท้ายไว้ ก่อนเขาจะเดินหายออกไปจากห้องนอน ผมมองตามเขาก็แอบแลบลิ้นใส่เขา



                “ดุอยู่นั่นแหละ พูดหวาน ๆ กับเราบ้างไม่ได้รึไง...” ผมบ่นและชะงักกับตัวเอง เดี๋ยวนะลูดี้...จะอยากให้เขามาพูดหวาน ๆ กับเราทำไมกันล่ะ ผมสะบัดความคิดของตัวเองทิ้งแล้วรีบเดินเข้าไปอาบน้ำ ถ้าวูฟกลับมาเห็นผมยังไม่ได้อาบน้ำมีหวังมาดุผมอีกรอบแน่ ๆ



                ใช้เวลาไม่นานผมก็อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ของวูฟกำลังคุยกับลูกน้อง ผมเดินออกไปจากห้องนอนก็ชะงักและรีบไปหลบตรงแถวเคาท์เตอร์มองวูฟที่ยืนพิงประตูคุยกับลูกน้องอยู่ ถามว่าทำไมผมหลบ...ก็เพราะสิ่งที่ได้ยินไงครับ ผมไม่ได้แอบฟังนะ โอเค...ยอมรับว่าผมกำลังแอบฟัง



                “นี่ครับนายน้อยยาที่นายน้อยให้ผมไปหา แน่ใจเหรอครับว่าจะใช้กับคุณลูดี้จริง ๆ” ผมที่ยืนอยู่มุมเคาท์เตอร์ก็ได้ยินชัดเจน พวกเขาพูดถึงยาอะไร...



                “ถ้าเลยสัปดาห์นี้ไปยังไม่มีวี่แววว่าจะท้อง ก็คงต้องใช้...ได้ตรวจดูให้แน่ชัดรึยังว่ายานี้ไม่มีอันตรายอะไรใช่ไหม” เสียงเข้มถามกลับ ผมแอบเหลือบมองสิ่งที่เขาถืออยู่ในมือมันเป็นซองยา



                “ตรวจแล้วครับ นี่เป็นยาของแท้ไม่มีส่วนผสมอันตราย แต่...ผมก็ยังไม่เห็นด้วยที่นายน้อยจะใช้ยาเร่งฮีทนะครับ ถึงจะบอกว่าช่วงเป็นฮีทจะมีโอกาสท้องสูง แต่ร่างกายของคุณลูดี้อาจจะไม่ไหวได้...”



                ยาเร่งฮีท...นี่เขาคิดจะใช้มันกับผมเหรอ!! ทำไมผมรู้สึกโกรธขึ้นมานิด ๆ ล่ะ



                “ฉันจะมีทางเลือกอะไรได้บ้าง ในเมื่อพ่อกำลังเร่งให้ฉันรับตำแหน่งทายาทเพื่อขจัดปัญหาที่กำลังค้างคาอยู่ตอนนี้ แถมตอนนี้การต่อต้านของพวกไม่หวังดีที่คิดจะล้มล้างตระกูลเราก็เริ่มจะแข็งข้อมากขึ้นทุกที” วูฟบอกเสียงเข้มด้วยท่าทีที่คิดมากจริง ๆ



                “ผมว่ารอดูไปก่อนดีไหมครับ ผมเชื่อว่านายท่านกับนายหญิงเองก็คงไม่อยากให้นายน้อยใช้ยาพวกนี้กับคุณลูดี้เหมือนกัน เพราะความเสี่ยงมันย่อมมากอยู่แล้ว เราไม่รู้ว่ายาตัวนี้จะทำให้คุณลูดี้ปล่อยฟีโรโมนมามากเท่าไหร่ แถมนายน้อยเองก็ต้านกลิ่นของคุณลูดี้ไม่ได้...คนที่เจ็บมากที่สุดจะเป็นคุณลูดี้นะครับ เพราะฉะนั้นในฐานะที่ผมเป็นลูกน้องคอยดูแลโอเมก้า...ผมไม่อยากให้นายน้อยใช้ยาเร่งเลยครับ”



                ผมที่ฟังอยู่ก็ได้แต่ฟังแบบไม่มีความคิดเห็น เพราะก็รู้ ๆ กันอยู่ว่า ผมต้องมีทายาทให้กับวูฟ...เพื่อที่เขาจะได้รับตำแหน่งเต็มตัว ก็คล้ายกับเจ้าสาวที่ถูกแต่งเข้ามาภายในบ้าน...ถ้าผมไม่มีลูกให้เขา ผมจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ผมคิดแค่นั้นก็รู้สึกเจ็บแปล๊บและไม่อยากที่จะฟังเรื่องที่พวกเขาพูดกันต่อ ผมลุกเดินหนีเข้าไปในห้องนอนแล้วล้มตัวลงนอนคลุมโปงคิดอะไรอยู่คนเดียวภายในผ้าห่ม โดยที่ไม่ได้ยินประโยคต่อจากนั้นของวูฟ...








                “ฉันก็ไม่อยากใช้ยานี่กับลูดี้แล้ว ตอนนั้นสั่งไปก็ไม่ได้คิด...นายเอายาเร่งกลับไปเถอะ ฉันไม่จำเป็นต้องใช้มัน เดี๋ยวฉันจะจัดการเอง รอดูผลอาทิตย์หน้าได้เลย...อ้อ บอกป้านมเอาข้าวต้มร้อน ๆ กับขนมไทยสักอย่างมาเสิร์ฟฉันที่ห้องด้วยนะ....”









...

ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดี ๆ จากคนอ่านที่น่ารัก ^^

ลูดี้ได้ยินที่บอกจะใช้ยากับเขาเเล้วนะคะ วูฟ 555555

ลูดี้เดินหนีไม่สนใจเรียบร้อย >___<  :กอด1: :กอด1: :pig4:
:pig4:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ฟังไม่จบอีกล้าววว (จะมีเรื่องไหนที่ฟังจนจบบ้างไหม บ่นๆๆ) มิน่าล่ะ ดูวูฟขยันทำการบ้าน ที่แท้ก็อย่างนี้เอง

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ W2P5

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
จริงๆวูฟก็เป็นคนดีนะ :hao6: :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด