▲..ต้องโทษพระจันทร์☽..▼ #พี่ดีนน้องยาง || ตอนที่15 *24/09/18 [P3]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▲..ต้องโทษพระจันทร์☽..▼ #พี่ดีนน้องยาง || ตอนที่15 *24/09/18 [P3]  (อ่าน 9424 ครั้ง)

ออฟไลน์ SM_day

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
รำคาญดีนนนน ทำตัวได้แบบ อยากจับตัวเข้าห้องปรับความคิด สงสาารน้องงงง น้องน่ารักกกกเกินปายยย

ออฟไลน์ เช้าวันพุธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2

ตอนที่ 13 บังเอิญคืนนี้พระจันทร์สวย







   ผมรู้สึกตัวตื่นตามเวลาปกติทั้งๆที่เมื่อคืนกว่าจะนอนก็เกือบสว่าง ความรู้สึกแรกก่อนลืมตาขึ้นมาคือ อึดอัด เมื่อปรับสายตาจากอาการงัวเงียได้แล้ว ผมจึงรู้ว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของพี่ดีน


จะว่าตกใจมันก็ตกใจไม่สุดครับ เพราะเราก็อยู่กันท่านี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว 


ผมยังนอนนิ่งๆแอบลอบสังเกตพี่เขายามหลับ ใบหน้าหล่อเหลาที่ติดตาติดใจผมตั้งแต่แวบแรกที่เห็น ในเวลานี้กลับดูเด็กลงอย่างไม่น่าเชื่อ ค่อยเหมือนนักศึกษาชั้นปีที่สามหน่อย คงเป็นเพราะผมยุ่งๆกับใบหน้าผ่อนคลายของพี่เขา

เมื่อแอบจ้องใบหน้าพี่ดีนได้สักพัก ผมจึงตัดสินใจขยับกายออกจากวงแขนที่ยังโอบเอวผมอยู่ ก่อนจะตรงดิ่งไปยังห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน แต่ยังไม่อาบน้ำ เพราะอาบครั้งล่าสุดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี่เอง งั้นขอเก็บไว้ก่อนดีกว่า

ออกมาจากห้องน้ำผมก็แอบสำรวจห้องนอนของพี่ดีน เดาไว้อยู่แล้วว่าห้องพี่แกต้องเป็นระเบียบ ขนาดห้องกว้างกว่าห้องที่หอพักเป็นเท่าตัว ดูเหมือนพี่ดีนจะใช้เวลาอยู่ในห้องเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะในห้องนี้มีครบทุกอย่างเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น ทีวี ตู้เย็น โต๊ะอ่านหนังสือ ชั้นวางของ ตู้หนังสือ พี่ดีนมีหนังสืออยู่เยอะมากๆ ทั้งการ์ตูน วรรณกรรมภาษาอังกฤษ นิยายสืบสวน ผมแอบเห็นว่ามีกีต้าวางหลบมุมอยู่ด้วย ไม่รู้มาก่อนเลยครับว่าพี่ดีนก็เล่นดนตรีได้เหมือนกัน 


หันซ้ายหันขวา ไม่รู้จะทำอะไรดี ตอนนี้พึ่งจะเจ็ดโมงเช้า พี่ดีนคงไม่ตื่นเร็วๆนี้แน่

แต่จะให้ผมกลับไปนอนอีกรอบก็นอนไม่หลับอ่ะ ตื่นเช้าจนติดเป็นนิสัยก็ไม่ดีเหมือนกันนะ พอจะนอนตื่นสายหน่อยก็ทำไม่ได้ ร่างกายมันเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ


ผมพึ่งสังเกตว่าห้องนี้มีประตูทางออกไปยังระเบียงห้อง จึงเดินเข้าไปใกล้ๆก่อนจะใช้มือเลื่อนผ้าม่านที่ถูกปิดให้เปิดออก ด้านนอกมีกระถางต้นไม้วางอยู่จนเต็มแนวระเบียง มีเก้าอี้ตัวใหญ่พร้อมเบาะรองนั่ง ที่ปรับเอนพนักพิงได้

ผมขยับประตูบานเลื่อนให้เปิดออกด้วยเสียงเบาที่สุด กลัวไปรบกวนเจ้าของห้อง เดินออกไปสำรวจข้างนอก ห้องนอนของพี่ดีนอยู่ด้านหน้าของตัวบ้าน มองลงไปจะเห็นสวนร่มรื่น ผมชะโงกหน้าลงไปมองเห็นเจ้าเดนเด็นวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน จนหลุดยิ้มออกมา

หันหลังกลับมาสำรวจในตัวระเบียงอีกครั้ง ตรงมุมระเบียบมีบัวรดน้ำต้นไม้ขนาดเล็กวางอยู่ใกล้กันมีก๊อกน้ำ จึงเดินเข้าคว้ามันมา เปิดน้ำใส่ ก่อนจะรดน้ำต้นไม้ทุกต้นที่ถูกปลูกไว้ให้เจ้าของ เป็นการตอบแทนที่ให้ผมพักค้างคืน

เมื่อรดน้ำครบทุกต้นแล้ว ผมจึงเอาบัวรดน้ำไปคว่ำไว้ที่เดิม ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง

เมื่อเปิดประตูเข้ามา ผมเห็นพี่ดีนนอนตะแคงข้างหันมามองผมอยู่ก่อน


“เอ่อ ตื่นนานแล้วหรอครับ”
“พึ่งตื่น” เสียงแหบๆของคนพึ่งตื่นนอนตอบกลับผมมา “ออกไปทำอะไรข้างนอก”
“รดน้ำต้นไม้ครับ”
“ทำไมตื่นเช้า พึ่งนอนไปไม่กี่ชั่วโมง”
“มันตื่นเองครับ ยางทำให้พี่ตื่นหรือเปล่า”
“อื้อ ขยับตัวแล้วไม่เจอมึง” พี่ดีนพูดพร้อมกับละตัวออกจากผ้าห่ม เดินโซเซไปทางห้องน้ำ ทิ้งให้ผมมองตามเขาไปจนบานประตูปิดลง
   


เมื่อพี่ดีนทำธุระในห้องน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวเอ่ยชวนผมให้ลงไปหาอะไรกินข้างล่าง เมื่อเดินเข้าไปในครัวก็ไม่เจอใคร บวกกับบรรยากาศรอบกายที่เงียบผิดปกติเหมือนมีเราอยู่กันแค่สองคน ทั้งๆที่พ่อแม่พี่ดีนน่าจะตื่นกันแล้ว แต่ผมยังไม่เจอท่านทั้งสองเลยครับ ใจอยากเข้าไปทักทายทั้งคู่จะแย่ เพราะมาอาศัยนอนบ้านเขายังไม่ได้ขออนุญาตเลยสักคำ


“พ่อกับแม่พี่ยังไม่ลงมาหรอครับ”
“ออกไปข้างนอกแล้ว” พี่ดีนเอ่ยตอบโดนที่เจ้าตัวยังนั่งยองๆอยู่หน้าตู้เย็น มองหาอะไรสักอย่างในตู้
“อ้าว ออกไปกันตั้งแต่เช้าเลยหรอครับ” แบบนี้ผมก็ไม่ได้ทักทายของจริงเลยสิครับ แย่จัง
“อื้อ พ่อต้องไปเป็นประธานงานแต่งที่ต่างจังหวัด เลยออกไปกันตั้งแต่เช้า”

ผมพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปใกล้พี่ดีนที่ยังยุ่งอยู่กับการหาของในตู้เย็น


“หาอะไรหรอครับ” ผมก้มลงเอามือทั้งสองข้างค้ำไว้ตรงหัวเข่า ชะโงกหน้าเข้าไปดูบ้าง
“กำลังคิดว่าจะทำอะไรกินดี”
“พี่ดีนทำกับข้าวเป็นด้วยหรอ”
“อื้อ มึงอยากกินอะไร”
“ข้าวไข่เจียวก็ได้ครับ” หลังพูดจบพี่เขาก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องผม พร้อมกับเงียบไปสักพัก
“ยังไม่ได้หุงข้าว กว่าจะสุกคงอีกสักพัก ไข่เจียวอย่างเดียวได้มั้ย”
“ได้ครับ ให้ยางช่วยมั้ย” ผมว่าพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งยองๆข้างพี่ดีน
“ไปชงอะไรดื่มรองท้องตรงนู้นก่อนไป ทำให้กูแก้วนึงด้วย”




   ปรากฏว่ามื้อเช้าของเรามันไม่ใช่แค่ ไข่เจียว หน่ะสิครับ แต่มันคืออาหารเช้าที่ดูดีมากๆ คาดไม่ถึงเลยว่าพี่ดีนจะทำอาหารเก่งขนาดนี้ ถ้าเป็นผมนะ ทอดไข่ดาวให้ไข่แดงไม่แตกยังทำไม่ได้เลยครับ

อาหารเช้าวันนี้คือ ออมเล็ตใส่เห็ดและชีส กินคู่กับสลัดกับขนมปังกระเทียม ที่สำคัญอร่อยมากเลยครับ

เมื่อเราทานมื้อเช้ากันเสร็จเรียบร้อย ผมจึงอาสาเก็บกวาดครัวให้ ในขณะที่พี่ดีนหายไปให้อาหารเจ้าหมาสองตัว ก่อนจะเดินมาบอกผมว่าขอตัวขึ้นไปอาบน้ำก่อน ถ้าเสร็จแล้วก็ให้รีบตามขึ้นไป
ผมเช็คอ่างล้างจานให้แห้งสนิทเป็นอย่างสุดท้าย ก่อนจะเช็คปลั๊กไฟในครัวให้เรียบร้อย ถ้าเรื่องทำความสะอาดบ้าน ไว้ใจน้ำยางได้เลยฮ่ะ งานนี้ผมถนัด

จากนั้นก็เดินไปเล่นกับเจ้าลูฟี่และช็อปเปอร์อยู่พักใหญ่ เล่นเพลินจนพี่ดีนต้องลงมาตามให้ขึ้นไปอาบน้ำ




“อยากไปไหนหรือเปล่า” พี่ดีนถามผมตอนที่กำลังเป่าผมให้แห้งด้วยพัดลมในห้องนอนพี่เขา
“อืมมม อยากไปท้องฟ้าจำลองครับ”
“ไปทำอะไร”
“อยากดูดาว”
“มันไม่ใช่ของจริง ไปทำไม”
“ก็ของจริงในกรุงเทพมันไม่มีให้เห็นเลยนี่ครับ”
“งั้นก็รีบแต่งตัว”
“พี่ดีนจะพาไปหรอ” ผมหมุนตัว หันหน้าไปทางพี่เขาที่นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา
“ช้าก็อด”
“เสร็จแล้วครับ เสร็จแล้ว” ผมรีบบอก พร้อมกับเด้งตัวลุกขึ้นจากพื้น กดปิดพัดลม ก่อนจะวิ่งไปตรงระเบียงห้อง เอาผ้าขนหนูไปตาก





.
.
.
.





“ทำไมท้องฟ้าจำลองมันไกลจังเลยครับ” ผมเอ่ยถามพี่ดีน หลังจากที่เรานั่งอยู่บนรถมาเป็นชั่วโมงกว่า และถ้าให้ผมเดาเส้นทางตอนนี้เริ่มออกห่างจากตัวเมืองเข้าไปแล้ว
“จะพาไปดูของจริง”
“ห๊ะ ที่ไหนอ่ะ”
“ถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้ ง่วงก็นอนไป”
“มันไกลมากเลยหรอครับ”
“น่าจะอีกสองชั่วโมง”
“ยางนั่งเป็นเพื่อนพี่ดีนดีกว่า แต่เดินทางไกลแบบนี้ แวะปั๊มน้ำมันก่อนได้ไหมครับ” ผมเอ่ยขอพี่เขา ปกติผมไม่ค่อยได้เดินทางไปไหน เพราะที่บ้านก็ยุ่งๆทำงานกับหมด ปิดเทอมเลยได้แต่นอนเล่นที่เรือนคุณปู่ หรือถ้าจะเดินทางไปไหนมักจะขับรถกันไปเอง ผมจึงชินกับการนั่งรถข้ามจังหวัดที่ใช้เวลาหลายชั่วโมง นั่งได้สบายมาก แถมชอบอีกต่างหาก

ผมชอบความรู้สึกตอนที่เราแวะปั๊มหรือจุดพักรถต่างๆ เพื่อซื้อกาแฟ ของกิน และขนมของฝากประจำแต่ล่ะท้องถิ่น พอได้ยินจากพี่ดีนว่าเรายังต้องนั่งรถต่อไปอีกเป็นชั่วโมง ถ้าไม่อยากให้เผลอหลับไป ก็ต้องหาอะไรมาเคี้ยวไว้ครับ

“อื้อ เดี๋ยวเจอจุดใหญ่จะแวะ”
เมื่อออกเดินทางกันได้สักระยะ ผมจึงรู้ว่าเส้นทางที่เรามานั้นมันคือเส้นที่วิ่งลงสู่ภาคใต้
ระหว่างทางพวกเราแวะกันหลายที่มากๆ จนตอนนี้ก็ห้าโมงเย็นแล้ว ผมยังไม่รู้จุดหมายปลายทางของเรากันเลยครับ รู้แค่ว่าตอนนี้เราอยู่กันที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขับไปต่ออีก3-4ชั่วโมงก็กลับบ้านผมได้เลยแฮะ
หวังว่าพี่เขาคงไม่ได้หลอกผมไปทิ้งที่บ้านนะครับ




   เราแวะทานมื้อเย็นกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวริมทาง เมื่อกลับเข้ามาในรถพี่ดีนก็ยื่นโทรศัพท์มือถือของเขามาให้ผม ผมก้มมองหน้าจอ จึงรู้จุดประสงค์ของพี่เขา

“ช่วยดูทางให้หน่อย”

พี่ดีนปักหมุดปลายทางไว้ในกูเกิ้ลแมพแล้ว ผมถึงรู้ว่าสถานที่ที่เราจะไปนั้นคือ บึงบัว เขาสามร้อยยอด

รถเริ่มวิ่งเข้าสู่เส้นทางชนบทที่ข้างทางมืดสนิท แทบไม่มีบ้านคน บวกกับถนนลูกรัง โชคดีที่วันนี้พี่ดีนไม่ได้เอาเบนซ์ของตัวเองมา เปลี่ยนมาขับซีอาร์วีแทน ผมล่ะกลัวหินกระเด็นขีดรถพี่เขามากเลยฮ่ะ
พวกเราใช้เวลาพอสมควรกว่าจะไปถึงปลายทาง เพราะผมกลัวหลงหรือดูแผนที่ผิด จึงบอกให้พี่ดีนขับช้าๆ



“อีกสามร้อยเมตรก็จะถึงแล้วครับ” ผมก้มลงมองแผนที่ในมือถือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาช่วยพี่ดีนมองหาปลายทางของเรา
เมื่อรถจอดสนิทอยู่ตรงหน้าอาคารที่ทำการจึงพากันลงจากรถ มองหาใครสักคนเพื่อสอบถาม แต่เมื่อไม่เจอใครจึงตัดสินใจเดินเข้าไปตรงสะพานไม้ที่ทอดยาวไปในบึงขนาดใหญ่ ไม่เห็นป้ายห้ามและเวลาเปิดปิด มีเพียงแต่ป้ายเตือนให้ระมัดระวังเวลาเดินเนื่องจากสะพานค่อนข้างเก่า

ผมยิ้มกว้างเมื่อลมเย็นๆ ปะทะกับใบหน้า สูดหายใจเข้าลึกๆอย่างโหยหาอากาศดีดีเช่นนี้
พี่ดีนเดินนำหน้าผมอยู่หน่อย ในมือมีไฟฉายที่เปิดจากมือถือคอยส่องมองทาง เดินมาได้สักระยะ แต่ไม่ได้ไกลจากฝั่งเท่าไรนัก ก่อนพี่เขาจะหยุดเดิน พร้อมกับปิดไฟในมือถือ


“ดูสิ” แล้วพี่ดีนก็หันมายิ้มให้ผม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

ผมมองตามสายตาของพี่เขา ก่อนลมหายใจจะสะดุด



สวยมาก สวยมากๆ



เป็นเพราะตรงนี้มืดสนิทไม่มีแม้แต่ดวงไฟสักดวง จึงทำให้มองเห็นแสงจากธรรมชาติที่ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน
ดาวดวงเล็กๆ กระจายอยู่เต็มผืนฟ้า ส่องประกายระยิบระยับเหมือนแข่งกันอวดแสงสว่างในตัวเองว่าใครจะส่งประกายได้สวยงามกว่ากัน
ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเห็นที่ไหนมีดาวเยอะเท่าที่นี้มาก่อน แม้กระทั่งบ้านสวนที่ห่างไกลของผม จำนวนดวงดาวบนท้องฟ้ายังมีไม่ถึงครึ่ง เมื่อเทียบกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้

“สวยมากเลยครับ”
“ถ้าเรามาช่วงต้นปีจะมองเห็นทางช้างเผือก”
“จริงหรอครับ ผมอยากเห็น” ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ เมื่อได้ยินพี่ดีนบอกอย่างนั้น ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเราจะมองเห็นทางช้างเผือกของจริงได้จากจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ และสำคัญ ไม่ได้ไกลจากบ้านเกิดผมเลยฮ่ะ

ตั้งแต่เด็กๆผมคิดไปเองมาตลอดว่า ถ้าเราอยากเห็นดวงดาวอย่างชัดๆ ก็ต้องไปยืนให้ใกล้มันที่สุด เช่นบนภูเขาสูงๆอย่างยอดดอยทางภาคเหนือ

ยิ่งใกล้ฟ้ามากเท่าไร เราจะยิ่งเห็นดวงดาวได้มากขึ้น
แต่ผมลืมคิดไป ว่าต่อให้ยืนอยู่ที่ไหน ท้องฟ้าที่เราเห็น มันก็คือผืนฟ้าแผ่นเดียวกัน



“ไว้มาใหม่” พี่ดีนเอ่ยขึ้นมาเบาๆ แต่ผมกลับได้ยินมันอย่างชัดเจนเนื่องจากบรรยากาศรอบกายที่เงียบสนิท
“ขอบคุณที่พามานะครับ”
“อื้อ” 


ผมหันไปมองพี่เขาที่ยินพิงตัวเท้าแขนกับราวสะพาน

ใบหน้าพี่ดีนมีรอยยิ้มเหมือนกับผม แม้จะไม่กว้างเท่า แต่สิ่งสำคัญคือพี่เขากำลังยิ้ม

ยิ้มที่สื่อความหมายเหมือนกัน



ผมทิ้งสายตาไว้ตรงใบหน้าของพี่ดีน เบื้องหลังพี่เขาคือผืนฟ้ากว้างใหญ่ที่มองไปได้ไกลจนสุดตา แสงระยิบระยับจากดวงดาวและพระจันทร์เป็นตัวช่วยส่องแสงให้ผมมองเห็นใบหน้าพี่เขาได้ชัดขึ้น

“พี่ดีน”

เป็นอีกครั้งที่เราสบตากัน ผมมองเห็นแววตาดวงเดิมที่สะท้อนภาพผมไม่ต่างกัน

และหวังว่ามันจะสะท้อนความรู้สึกเดียวกันกับผม


“ยางไม่รู้ ว่าที่ผ่านมาพี่ดีนเคยสงสัยอะไรบ้างหรือเปล่า หรือต่อให้ไม่สงสัยอะไรเลย ยางก็อยากจะพูดมันออกมาให้ชัดเจน” ผมเว้นระยะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ










“ยางรักพี่ดีน เป็นแฟนกับยางได้ไหมครับ”


“น้ำยาง” 


“ยางสบายใจที่ได้อยู่ใกล้พี่ อยากอยู่กันพี่บ่อยๆ มีตั้งหลายที่ที่ยางอยากไปกับพี่ดีน มีหลายเรื่องที่ยางอยากเล่าให้พี่ดีนฟัง แล้วยางก็อยากฟังจากพี่ดีนด้วย…

ยางอาจจะคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อย แต่ยางคิดว่าเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันดีมากๆเลยใช่ไหมครับ พี่ดีนเองก็รู้สึกแบบนั้นใช่ไหม” ผมยังคงจับจ้องที่ดวงตาคู่เดิม หวังจะสื่อสารความรู้สึกให้พี่เขารับรู้ว่ามันหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ
พีดีนส่งยิ้มกลับมาให้ผม พวกเราเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพี่เขาจะเริ่มเอ่ยกลับมา


“อะไรที่ยางรู้สึก พี่เองก็รู้สึกไม่ต่าง...





แต่เป็นเหมือนทุกวันนี้มันก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”



หัวใจผมเต้นแรงในประโยคแรก แต่กลับต้องแผ่วเบาลงเหมือนใช้ความเร็วเต็มอัตราจนหมดแรง 



“ทำไมล่ะครับ”

“แบบนี้คงดีกว่า” ผมเห็น เห็นว่าพี่เขาหลบสายตา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เราสบตากันตลอด

“ดียังไง พี่ดีนกลัวอะไรครับ บอกยางได้ไหม เราจะได้ช่วยกันทำให้มันดีขึ้นไง”

“ตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว ดีมากพอแล้ว”

“พี่ดีนแน่ใจหรอครับ” ผมกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้พี่เขาให้มากขึ้น

“พี่แน่ใจ เป็นยางต่างหากที่ไม่มั่นใจ” พี่ดีนหันกลับมาสบตาผมอีกครั้ง แต่แววตาครั้งนี้มันเปลี่ยนไป

“แล้วจะให้ยางเอาความมั่นใจมาจากไหน ในเมื่อเราไม่เคยพูดให้มันชัดเจนเลย เราอย่ามาเดากันเองแบบนี้ดีไหมครับ ยางบอกพี่ไปหมดแล้ว ถึงคราวที่พี่ดีนต้องบอกยางบ้างแล้วนะ”

“พี่พูดไปแล้ว”

“พูดว่าอะไรครับ” ผมไม่เข้าใจ จนเกือบจะหงุดหงิดใส่พี่เขา

“อะไรที่ยางรู้สึก ให้รู้ไว้ว่าพี่เองก็รู้สึกไม่ต่างกัน”

“งั้นคบกันสิครับ เป็นแฟนกันนะ แค่ตอบตกลงเอง แค่ตกลง” ใจผมเจ็บไปหมด ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเพราะอะไร ในเมื่อรู้สึกเหมือนกันแท้ๆ ทำไมต้องทำให้มันยากด้วย

“น้ำยาง”

“พี่ดีนไม่ได้รู้สึกเหมือนยางเลยสักนิด” เป็นผมที่เบี่ยงหน้าหลบสายตาเขาบ้าง

“พี่ไม่เคยโกหก”

“แล้วให้คำตอบที่ชัดเจนได้ไหมครับ” ว่าเราเป็นอะไรกันแน่

“พี่..ไม่อยากให้ยางต้องอึดอัด ไม่อยากให้ยางต้องเสียใจ”

“มันจะไม่มากไปกว่านี้แล้วล่ะครับ”

“อย่าร้องไห้สิ”


“ยางจะรอฟังคำตอบที่ชัดเจน แต่ถ้าพี่ยังยืนยันคำเดิม ยางคงไปต่อไม่ไหว” ผมปาดน้ำตาทิ้งอย่าลวกๆ เข้าใจมาตลอดว่าเวลาที่คนเราเสียใจมากๆ ต้องร้องไห้สะอื้นจนตัวโยง ซึ่งผิดกับตัวผมในตอนนี้เลย ผมมั่นใจว่าในใจกำลังทรมานอย่างถึงที่สุด แต่มีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างเงียบๆ ไม่มีมีแม้กระทั่งเสียงสะอื้นหลุดออกมา

“ไม่เอา”

“พี่ดีนมีความสุขจริงๆหรอครับ กับความสัมพันธ์ไม่มีชื่อเรียกแบบนี้ มันไม่มีจริงๆหรอกนะครับ ความสัมพันธ์บ้าบออะไรนั่น มันก็แค่ข้ออ้างของคนที่ไม่หนักแน่น แต่ถ้าพี่ดีนเลือกแบบนั้น ยางยอมแพ้เองก็ได้”

“ฟังก่อน ฟังพี่ก่อนนะ” พี่ดีนก้าวเข้ามารวบตัวผมไปกอดไว้ ผมรู้สึกได้ว่าตัวพี่เขาสั่น

“ถ้าพี่อยากอธิบาย ยางก็พร้อมที่จะรับฟัง”





   


.
.
.
.







เราเดินกลับมายังฝั่ง นั่งลงข้างกันบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ริมบึง บรรยากาศรอบตัวยังคงเงียบสงัดกับดวงดาวเต็มท้องฟ้า


“พี่คิดว่าตัวเองมีปัญหา”


หลังจากที่เราเงียบกันไปสักพัก พี่ดีนก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบนั้นไป ผมหันไปมองพี่เขาหลังจบประโยค เห็นว่าเจ้าตัวกำลังทอดสายตาไปยังที่ไกลแสนไกล



“เป็นเด็กขาดความอบอุ่นทั้งๆที่ครอบครัวไม่ได้แตกแยกหน่ะ”


ผมเลือกที่จะเงียบ เป็นผู้ฟังที่ดีไม่เอ่ยขัดอะไรเขา


“พี่อายุห่างจากพี่ชาย 5 ปี…

ตั้งแต่จำความได้ พี่เห็นแดนกับดอนตัวติดกันตลอด
เล่นก็เล่นด้วยกัน ใช้ของเหมือนๆกัน พอเห็นสองคนนั้นอยู่ด้วยกันทีไร ก็อยากเข้าไปเล่นด้วย ตอนแรกก็เล่นกันอยู่ดีๆ แต่เพราะอายุห่างเกินไปล่ะมั้ง เลยเล่นได้แค่แปปเดียว แล้วเขาก็แยกตัวออกไปเล่นกันสองคน….

เคยได้ยินเรื่องความสัมพันธ์ของฝาแฝดหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าสองคนนั้นไม่รักน้องชายอย่างพี่หรอกนะ เพียงแต่เขาสนิทกันมาก สนิทจนบางครั้งสองคนนั้นก็เผลอทิ้งพี่ไว้คนเดียว พี่รู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ อาจจะเพราะยังเด็กเลยไม่รู้ว่าบางครั้งกระทำของเขามันส่งผลกระทบจนฝังใจใครอีกคน…


อายุพวกเราก็ห่างกันตั้งหลายปี พี่เลยตามแดนกับดอนไม่เคยทัน

พยายามหัดเล่นเกมทีเขาชอบเล่นให้เก่งๆ จะได้ไปเล่นด้วยกันได้ แต่กว่าจะเล่นเก่ง แดนกับดอนก็เบื่อเกมนั้นแล้วหันไปเล่นเกมใหม่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ยอมเล่นกับพี่เลยนะ แต่มันคงไม่สนุกเพราะพี่เอาแต่แพ้อยู่เรื่อย


เป็นแบบนี้บ่อยๆเข้ามันก็เหงา ทั้งๆที่มีพี่ชายตั้งสองคน นี่เป็นเหตุผลที่พี่เคยบอกแม่ว่าอยากมีน้อง
แต่ความรู้สึกนั้นมันหายไป ตอนเรียนอยู่ ป.3 เพราะมีเพื่อนใหม่ที่ย้ายเข้ามากลางเทอม
มันเป็นเด็กตัวเล็กกว่าเพื่อน ขี้อาย เพื่อนในห้องเลยชอบแกล้งจนมันร้องไห้” พี่ดีนหลุดขำออกมาเบาๆ เมื่อหวนคิดถึงเหตุการณ์นั้น


“พี่ริว ใช่ไหมครับ” ผมเดาได้ไม่ยากเลย


“อืม พอเห็นมันร้องไห้ ก็เข้าไปปลอบเพราะสงสาร ไปๆมาๆก็สนิทกัน ริวมันตัวติดพี่มาก มันเคยบอกว่า อยู่ใกล้พี่แล้วปลอดภัย ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาแกล้ง เพราะพี่คอยปกป้องมันได้…

ความรู้สึกของเด็กที่อยากมีน้องในตอนนั้นคือดีใจมาก จากที่ไม่เคยเล่นกับใครแล้วสนุก แต่พอมาเจอริวชีวิตตอนนั้นก็เปลี่ยน รู้สึกเป็นคนสำคัญขึ้นมา

จนมารู้ว่าคอนโดที่ริวพักคือตึกหลังบ้าน หลังจากนั้นริวมันก็มาเล่นที่บ้านบ่อยๆ
แดนกับดอนเห็นว่าริวมันน่ารักเลยชอบเข้าไปแกล้ง  รู้ตัวอีกที จากตอนแรกที่ริวมันเรียกหาแต่พี่ มันก็เปลี่ยนไปเรียกหาแดนแทน” พี่ดีนแค่นหัวเราะให้ผมต้องหันกลับไปมองใบหน้าของพี่เขาอีกครั้ง


 “พี่ดีน ชอบพี่ริวหรอครับ” ผมถามกลับไปด้วยใจที่สงบขึ้นหลังจากฟังเรื่องราวที่พี่เขาเล่ามา


“ชอบ แต่ไม่ได้ชอบแบบแฟนหรอก ตอนนั้นยังเด็ก ยังไม่รู้จักความรู้สึกแบบนั้น มันเหมือนเพื่อนสนิทที่ตัวติดกัน จู่ๆก็ดันย้ายกลุ่มไปสนิทกับคนอื่นแทน”

“แล้วพี่แดนกับพี่ริวเป็นแฟนกันตั้งแต่ตอนนั้นเลยหรอครับ”
“เปล่า พึ่งเป็นตอนพี่อยู่ ม.2”
“พี่ดีน เสียใจมั้ยครับ”
“เสียใจทำไม พี่ไม่ได้รักริวแบบนั้น” พี่ดีนเอ่ยพร้อมกับหันมามองหน้าผม
“เล่าต่อสิครับ”


“แล้วก็ไอ้เด็น...


แดนกับดอนไปเจอที่โรงบาลสัตว์ของมหาลัย เจ้าของเขาบอกว่าเลี้ยงไม่ไหวเพราะคลอดออกมาตั้ง 6 ตัว แดนดอนเห็นมันน่ารักเลยขอมาเลี้ยง

แทนที่จะขอมาตัวเดียว แต่กลัวมันเหงาเลยขอมาสองตัว เป็นหมาของแดนตัวนึง ของดอนตัวนึง

พี่เคยถามว่าทำไมไม่เอามา 3 ตัวไปเลย ไหนๆเขาก็เลี้ยงไม่ไหว ดอนมันบอกว่าเอามาเยอะก็กลัวเป็นเราที่เลี้ยงไม่ไหว แต่สุดท้ายสองคนนั้นก็ไม่ได้เลี้ยงหรอก เพราะแดนกับดอนมันอยู่หอใกล้มหาลัย ไอ้เด็นมันเลยต้องให้พี่เลี้ยงแทน แต่ก็ต้องขอบคุณแดนกับดอนนะ เพราะตั้งแต่ได้สองตัวนี้มาพี่ก็หายเหงาเวลาอยู่บ้านได้เยอะ”

“ทำไมอยู่บ้านถึงเหงาล่ะครับ” ผมไม่เข้าใจ เพราะอยู่บ้านผมไม่เคยต้องเหงา
“อยู่คนเดียวมันก็ต้องเหงาสิ บ้านทั้งหลัง”
“แล้วพ่อกับแม่ล่ะครับ”
“ท่านทำงานหนักตั้งแต่พี่เด็กๆแล้ว ไม่ค่อยได้อยู่บ้านหรอก ปกติที่บ้านมีแค่ป้าแม่บ้านที่มาทำงานแบบเช้าเย็นกลับ ไม่ได้ค้างคืน”
“แต่ยางยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่ามันเกี่ยวกับเรื่องของเรายังไงหรอครับ” ผมเอ่ยถามขึ้น เพราะยังไม่เห็นถึงเหตุผลที่ทำให้เราคบกันไม่ได้
“คนที่คิดว่าตัวเองขาดความอบอุ่นหน่ะ พอเขาได้รับแล้วก็ไม่อยากเสียมันไปหรอกนะ”
“ใครๆก็ไม่อยากเสียสิ่งที่เป็นที่รักไปหรอกครับ”


“มันอาจจะฟังดูงี่เง่า เพราะไม่อยากต้องเสียอะไรไป สู้ไม่มีไว้ให้ต้องเสียมันไปจะดีกว่า พี่ถึงได้กลัวว่าวันหนึ่งยางจะอึดอัดจนไม่อยากอยู่ด้วยกันบ่อยๆแบบนี้แล้ว….
ไม่อยากรู้สึกเหมือนได้ครอบรองอะไรไว้แค่ในเวลาสั้นๆ” พี่ดีนถอนออกใจออกมาเบาๆ

“เหตุการณ์มันยังมาไม่ถึง ไม่มีใครรู้หรอกนะครับ”
“แต่เราป้องกันไม่ให้มันเกิดได้ไม่ใช่หรือไง”

“โดยการปิดตัวเองแบบนี้หน่ะหรอครับ มันน่าจะมีวิธีอื่นที่ดีกว่า อย่างเช่น พูดคุยทำความเข้าใจกัน” ผมลุกขึ้นยืน ก้าวเท้าไปยืนตรงหน้าพี่เขา

“อย่าให้เรื่องในอดีต ตัดสินสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเลยนะครับ ถ้าพี่คิดว่าการที่เรากำหนดสถานะให้กัน เป็นการทำร้ายตัวเองภายหลังในวันที่ความสัมพันธ์จบลง ผมอยากให้พี่คิดใหม่ ว่าการที่เรามีสถานะอย่างชัดเจนให้กัน คือการที่เรายอมรับกันและกัน ให้อีกฝ่ายเข้ามามีบทบาทในชีวิตเรา เหมือนกับที่เราก็มีบทบาทในชีวิตเขา สำหรับยางแล้ว ถ้ายางรักใคร ยางก็หวงคนนั้น แล้วก็อยากให้เขาหวงเราด้วย มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วล่ะครับ ไม่หวงกันเลยสิแปลก…ให้โอกาสยางได้ไหมครับ ให้โอกาสตัวพี่ดีนเองด้วย” ผมเอื้อมือไปกุมมือพี่เขาไว้ ก่อนคนตัวสูงกว่าจะค่อยๆยืนตามขึ้นมา


“พี่ไม่อยากรักแล้วต้องเสียใครไปทีหลังเพราะมันคงเจ็บ แต่ตอนนี้พี่มั่นใจ ว่าถ้าเป็นยางคงไม่ทำให้พี่ต้องเจ็บ พี่เองก็จะไม่ทำเหมือนกัน”
หลังจบประโยคนั้นพี่ดีนก้าวเข้ามาสวมกอดผมไว้แน่น ผมกอดตอบพี่เขาพร้อมกับลูบแผ่นหลังกว้างนั้นอย่างต้องการปลอบประโลมให้กับความรู้สึกในวัยเยาว์






“คำนี้พี่ขอเป็นคนพูดเอง…








เป็นแฟนพี่นะน้ำยาง



Tbc.




ภาพประกอบ บึงบัว เขาสามร้อยยอด จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์
ขอบคุณเดรติดในภาพนะคะ



หลายตอนที่ผ่านมา พี่ดีนเจ็บมาเยอะ เพราะโดนด่า 55555
ไม่รู้ว่าพอจะเข้าใจความรู้สึกของพี่ดีนกันหรือเปล่า
ปมเล็กๆที่มันฝังอยู่ในใจ
ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า พี่แดนพี่ดอนเขาไม่รักน้องชายนะคะ เพียงแต่อาจจะเผลอลืมน้องไว้ข้างหลัง
จนเด็กมันแอบงอน 55555 นี่กลับกันถ้าน้ำยางมาเกิดในครอบครัวนี้ น้องคงงอนพี่ชายแล้วพร้อมโวยวาย ฮ่าาา

เอาล่ะ ต่อจากนี้ไปพี่ดีนจะชดใช้ให้เองนะน้องยาง 55555 ไม่รู้ใครจะติดใครแทนล่ะ
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะคะ เรารักทุกคนเลย~~

เจอกันใหม่ตอนหน้าค่า 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-07-2018 00:45:59 โดย เช้าวันพุธ »

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
อ่ะเป็นแฟนกันแล้วววว :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
พี่ดีนคือเด็กขาดความอบอุ่นที่แท้จริงเลย =_=
แต่ยังติดใจเรื่องริวอยู่อ่ะ แบบพี่แดนไปไกล ใกล้ชิดกับพี่ดีนตลอด ริวจะไม่คิดอะไรเลย?

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
รู้สึกไม่ค่อยเคลียร์กะเรื่องริวเท่าไร​

ออฟไลน์ ooomukooo

  • AngieAngel
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
    • AngieAngel
เขาเป็นแฟนกันแล้ว  :hao7:
รอตอนต่อไป  :katai2-1:

ออฟไลน์ เช้าวันพุธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2


ตอนที่ 14 สโมสร


   
   “เป็นแฟนกับพี่นะน้ำยาง”

“สินค้าชิ้นนี้ไม่รับคืนนะครับคุณลูกค้า” ผมผละตัว เงยหน้าขึ้นมาจากแผงอกของพี่ดีน ในขณะที่แขนยังคงเกาะเกี่ยวเอวแข็งแรงของพี่เขาไว้ เอ่ยหยอกเล่นพร้อมกับย่นจมูกใส่หนึ่งที

“พูดอะไร ไม่ใช่ของเล่น” พี่ดีนขมวดคิ้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนผมหลุดยิ้มเอ็นดูพี่เขา ทำไมถึงได้น่ารักแบบนี้

“พูดเล่นนิดหน่อยเอง ไม่ต้องทำหน้าจริงจังแบบนั้นก็ได้ครับ” ผมเอ่ยพร้อมกับยกมือขึ้นไปนวดคลายปมที่ผูกติดกันระหว่างคิ้ว “แต่ที่บอกว่าไม่รับคืน จริงจังนะครับ อ๊ะ ไม่เอาดีกว่า ยางให้โอกาสพี่ดีน เซ็นสัญญา 5 ปี ถ้ายังไม่หมดสัญญาห้ามยกเลิก”

“ทะเล้นใหญ่แล้วนะเรา” พี่ดีนยังคงทำหน้าบึ้ง ทั้งๆที่ผมเอ่ยปนขำ ใครเห็นก็น่าจะเดาออกว่าผมหยอกเล่น แต่ดูเหมือนพี่ดีนจะคิดจริงจังแฮะ

“ไม่ล้อเล่นแล้วก็ได้” ผมบึนปากพร้อมกับย่นจมูกใส่พี่แกอีกหนึ่งที เมื่อเห็นว่าพี่ดีนไม่เล่นด้วย “งั้นอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนานๆเลยนะครับ ถ้ายางดื้อหรือทำอะไรให้พี่ดีนไม่ชอบใจ พี่ดีนบอกยางได้เลยนะ ยางพร้อมจะปรับตัว”
พี่ดีนจ้องใบหน้าผมก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบแก้มผมเบาๆ ให้ต้องเอียงหน้าเข้าหาฝ่ามืออุ่นนั้น ผมชอบเวลาที่พี่เขาลูบแก้มตัวเองแบบนี้จัง


“เป็นน้ำยางแบบที่เคยเป็นหน่ะ ดีอยู่แล้ว”

“แต่พี่ดีนบ่นยางบ่อยเลยนะ นั่นดีแล้วหรอ”

“อื้อ ดีอยู่แล้ว อยากดื้อแค่ไหนก็ดื้อไปเถอะ พี่จัดการได้”

“อะไรอ่ะ จะไม่ตียางด้วยก้านมะยมใช่มั้ย” ผมทำเป็นพูดหยอกพี่ดีนเล่นไปอย่างนั้น ทั้งๆที่ในใจมันอุ่นซ่านไปทั้งอก

“ก็ถ้าพูดไม่รู้เรื่องก็ไม่แน่”

“แหน่ ถ้าพี่ดีนพูดไม่รู้เรื่อง ยางจะตีบ้างได้มั้ย”

“หึ” พี่ดีนหลุดยิ้มขำออกมาก่อนจะเงียบไม่ตอบอะไร ผมจึงยิ้มกลับไปให้พี่เขา

เรายืนสบตากันอยู่อย่างนั้นไม่มีเบื่อ ไม่ต้องมีคำพูดอะไรต่อจากนั้น ปล่อยให้ดวงตาสื่อความหมายถึงกัน น่าแปลกที่ผมกลับพบว่าเราเข้าใจกันมากกว่าครั้งไหนๆ แม้นไม่ได้เอ่ยออกมา

ระยะห่างที่เคยคิดว่าใกล้แต่เอื้อมเท่าไรก็ไม่เคยถึง บัดนี้กลับถูกย่อลงให้ใกล้กันจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของกันและกัน เรายังคงสบสายตาในขณะที่ปลายจมูกเกลี่ยหยอกล้อกันไปมา จนกระทั่งพี่ดีนใช้สองมือประครองใบหน้าของผมให้หยุดนิ่ง ภาพใบหน้าของพี่ดีนขยับเข้ามาใกล้จนผมไม่สามารถโฟกัสไปที่ตำแหน่งใดได้อีก จึงเลือกที่จะหลับตา


สัมผัสอ่อนโยนที่ตามมาหลังจากนั้นประทับลงบนริมฝีปาก ผมขบเม้มกลีบปากนุ่มๆของพี่เขากลับไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ด้วยใจที่สั่นเหมือนมีแผ่นดินไหวเกินขึ้นในอก
พี่ดีนจูบผมโดยไม่ลุกล้ำอะไรไปมากกว่านั้น แต่ยังไม่ยอมผละออกไปง่ายๆ จนผมต้องส่งเสียงประท้วงขึ้นมาในลำคอ

 “กลับกันเถอะ ดึกแล้ว” แล้วก็เป็นพี่ดีนที่ดึงสติของผมให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอย เจ้าตัวพูดจบไม่รอให้ผมตอบอะไร ก็เปลี่ยนมาคว้ามือให้ออกเดินไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล

เราเลือกที่จะหาโรงแรมในเมืองพักค้างคืน เนื่องจากตอนนี้ดึกมากแล้ว ผมกลัวว่าพี่ดีนจะหลับใน ถ้าต้องฝืนร่างกายขับรถกลับกรุงเทพ จะให้ผมช่วยขับ มีหวังคงตกข้างทางตั้งแต่ยังไม่ทันออกจากบึงบัวแน่ๆครับ ดีไม่ดีขับลงบึงไปเลย เหอะๆ




   “ยางไปอาบน้ำก่อนเถอะ” พี่ดีนเอ่ยบอกผมทันทีที่เราเข้ามาถึงในห้องพัก

“พี่ดีนอาบก่อนเลย ขับรถมาทั้งวัน เหนื่อยแย่แล้ว” ผมบอกกลับไป พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งตรงปลายเตียง ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเอง เพราะเริ่มฝืนร่างกายไม่ค่อยไหว ตอนนี้ง่วงนอนมากเลยครับ เมื่อคืนนอนไปไม่กี่ชั่วโมงเอง

“มึงนั้นแหละไปอาบน้ำ จะหลับแล้ว” พี่ดีนเดินเข้ามาใกล้ๆ ดึงมือผมที่กำลังขยี้ตาตัวเองไว้ “ตาแดงหมด ไป ไปอาบน้ำ” ผมไม่ตอบอะไร พยักหน้าหงึกๆให้พี่เขาสองที ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องน้ำ พอผ่านช่วงปรับความเข้าใจไปได้ พี่ดีนก็สวิตซ์ไปโหมดคนเข้มเหมือนเดิมแล้วฮะ อย่าหวังจะให้พี่เขาอ่อนโยนตลอดเวลาเลยครับ เพราะแบบนั้นคงไม่ใช่พี่ดีนตัวจริงแน่ๆ

เมื่ออาบน้ำเสร็จ พี่ดีนก็สลับเข้าไปอาบต่อ ผมกระโดดขึ้นเตียง ซุกห่อตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม พี่ดีนชอบเปิดแอร์เย็นๆ ถึงผมจะหนาวแต่ก็ชอบแบบนี้เลยไม่ได้ติดขัดอะไร หยิบมือถือขึ้นมาเช็คนู้นเช็ดนี่ไปเรื่อยๆรอพี่ดีนออกมาแล้วค่อยเข้านอนพร้อมกัน ง่วงจนตาจะปิดแล้วแต่ยังไม่กล้าชิ่งหลับก่อน


“ง่วงก็นอนไปดีๆ” ผมสะดุ้งตื่น เมื่อได้ยินเสียงพี่ดีน พยายามปรับโฟกัสสายตาให้มองเห็นได้ชัดขึ้น ก่อนจะเห็นเป็นพี่ดีนที่ทรุดตัวลงนั่งข้างกัน ในมือพี่เขาถือโทรศัพท์ของผมอยู่ คงจะดึงออกไปจากมือผมเมื่อกี้

“เสร็จแล้วหรอครับ”

“อื้อ นอนเถอะ” พี่ดีนตอบพร้อมกับเอื้อมมือไปปิดไฟตรงสวิตซ์ข้างเตียง ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างกัน ผมครางในลำคอตอบรับกลับไป ทั้งๆที่ตอนนี้สติใกล้เลื่อนลางเต็มที ความรู้สึกสุดท้ายก่อนที่จะหลับไปคือความอบอุ่นที่ประทับลงมาบนเปลือกตาของผมทั้งสองข้าง และอ้อมกอดอบอุ่นที่จะทำให้นอนหลับฝันดี



   ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพ พวกเราแวะมาทานมื้อเที่ยงกันที่ร้านอาหารทะเลตามคำแนะนำจากรีวิวในอินเตอร์เน็ต เพราะผมบ่นๆอยากกินอาหารทะเลเผา พี่ดีนก็ยอมตามใจขับรถพามา
เมื่อมาถึงยังร้านที่เล็งไว้ ผมจึงรับหน้าที่สั่งอาหารโดยมีพี่ดีนคอยปรามอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นว่าผมเริ่มสั่งเยอะเกินกว่าสองคนจะกินไหว แต่เชื่อยางสิฮะ ว่าถ้าสั่งมาแล้วยังไงก็กินหมด

“พี่ดีนไม่กินปูหรอ” ผมสั่งเกตว่าพี่ดีนไม่แตะปูเลยสักนิด

“กิน แต่แกะไม่เป็น”

“โถ่ นึกว่าอะไร มา เดี๋ยวยางแกะให้ ยางแกะปูเก่งมากเลยนะ ปกติอยู่บ้านก็ต้องแกะให้พี่ชายตลอด” ผมว่าพร้อมกับคว้าเอาเจ้าปูสี
ส้มมาแกะ โชคดีที่ทางร้านมีอุปกรณ์แกะปูให้ด้วย ตอนแรกผมก็ใช้ไม่เป็นหรอกครับ ปกติเวลาอยู่บ้าน ถ้าไม่ใส่สากทุบ ก็ให้ฟันกัดเอา

บรรยากาศที่ร้านแห่งนี้ดีมากๆเลยครับ ถึงแม้ว่าอากาศจะร้อน แต่ลมทะเลที่พัดมาก็ช่วยให้คลายร้อนได้เยอะเลย พวกเราจึงเลือกนั่งฝั่งเดียวกันเพื่อหันหน้าไปทางทะเล

“อ้าปาก” ระหว่างที่ผมกำลังยุ่งอยู่กับการแกะเนื้อปู พี่ดีนยื่นปลาหมึกย่างที่จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดมาจ่อตรงปาก ผมละสายตาจากเจ้าปูในมือ มองปลาหมึกตรงหน้า ก่อนจะอ้าปากรับ เคี้ยวตุ้ยๆแล้วหันไปยิ้มให้พี่ดีน

“กินก่อนก็ได้ ค่อยแกะ หิวไม่ใช่หรือไง” พี่ดีนว่าก่อนจะหันไปตักข้าวผัดมาป้อนผมอีกคำ

“นี่ไง แกะไปด้วย กินไปด้วย” ผมอ้าปากรับทันที ก่อนจะตอบกลับไปทั้งๆที่ข้าวยังเต็มปาก

“กลืนก่อนแล้วค่อยพูด เดี๋ยวก็ติดคอ”

“อ๊ะ ตัวนี้มีมันปูเยอะเลย พี่ดีนกินเป็นไหม” ผมว่าพร้อมกับคว้าช้อนมาตักมันปู “ต้องคลุกกับข้าวจะอร่อยครับ” ผมจัดการคลุกมันปูกับข้าวสวยร้อนๆ แล้วเหยาะน้ำจิ้มซีฟู้ดลงไปนิดหน่อย ก่อนจะตักขึ้นมาป้อนให้พี่ดีนบ้าง พี่เขาก็อ้าปากรับดีๆ ก่อนจะตอบกลับมาว่าอร่อย


   หลังจากทานมื้อเที่ยงกันเสร็จ พวกเราก็มุ่งหน้ากลับเข้ากรุงเทพ เป็นเพราะพึ่งกินมาอิ่มๆ เจอแอร์เย็นในรถ ตาผมก็ปรือใกล้จะหลับเต็มที แต่จะปล่อยให้พี่ดีนขับรถคนเดียวก็ไม่ได้ กลัวพี่เขาง่วงเหมือนกัน เพราะพึ่งทานมาอิ่มๆ

“ง่วงก็นอนไป” พี่ดีนหันมามองผม ก่อนจะเอื้อมมือมาปรับช่องแอร์ให้เป่าไปทางอื่น แทนที่จะเป่ามาทางผม

"ไม่เอา เดี๋ยวพี่ดีนเหงา”

“เหงาอะไร เราก็นั่งอยู่นี่”

“แต่ถ้ายางหลับ มันจะเงียบนะ”

“เพลงก็เปิดอยู่ เงียบยังไง นอนไปเถอะ”

“พี่ดีนง่วงนอนไหม แวะพักที่ปั๊มก่อนไหมครับ ซื้อกาแฟมากินก่อนนะ” ผมยังคงปฏิเสธไม่ยอมทิ้งพี่ดีนให้ขับรถอยู่คนเดียว

“เราจะกิน หรือให้พี่กิน”

“กินด้วยกันนะ สั่งมาแก้วเดียวก็ได้ ถ้าพี่ดีนไม่อยากกิน” ผมพูดพร้อมกับอ้าปากหาวจนน้ำตาคลอเป้า กินกาแฟสักหน่อยอาจะช่วยให้ดีขึ้น ผมจะไม่ยอมหลับแล้วทิ้งพี่ดีนขับรถคนเดียวแน่ๆ



แต่สุดท้าย ก็หลับไปจนได้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เจ้าเดนเด็นกระโดดเข้ามาในรถพร้อมกับเลียแก้มผมจนเปียกชุ่ม โดยมีพี่ดีนยืนหัวเราะอยู่ใกล้ๆ

แบบนี้คือตั้งใจแกล้งกันชัดๆเลย




.
.
.
.
.





“น้ำยาง กูขอช่วยอะไรหน่อยดิ”

“อื้อ ว่ามาเลย” ผมเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิท หลังจากที่ยุ่งอยู่กับการเก็บข้าวของลงกระเป๋าหลังจบคาบเรียน

“ช่วงนี้มึงว่างอยู่ใช่ป่ะ ไปช่วยงานสโมสรกับกูหน่อยดิ”

“ฝุ่นทำงานกับสโมสรนักศึกษาด้วยหรอ” ผมเลิกคิ้วแปลกใจเพราะไม่เคยทราบมาก่อนว่าเพื่อนช่วยงานส่วนกลางของมหาลัยด้วย

“กูถูกดึงตัวไปตั้งแต่ลงประกวดเดือนแล้ว มึงไม่รู้เลยหรือไง” ฝุ่นว่าพร้อมกับเอามือมาผลักหัวผมให้ต้องแยกเขี้ยวใส่มันไปหนึ่งที
ทำไมชอบยุ่งกับหัวผมจังเลยเนี้ย หือออ

“เอ้า ก็ไม่เคยบอก เราจะรู้ได้ไง”

“ใช่สิ กูไม่สำคัญ มึงเลยไม่ใส่ใจ”

“แหนะ มีประชดนะ งอนหรอ ต้องง้อมั้ย” ผมยิ้มล้อกลับไปให้

“ถ้ากูเป็นพี่ดีน มึงจะง้อมั้ยล่ะ”

“เกี่ยวอะไรกันเล่า” ผมบ่นพึมพำ ก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาล้อเลียนจากฝุ่น นี่ก็หาเรื่องให้ผมเขินตลอดตั้งแต่มันรู้เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับพี่ดีน

“ทำเป็นเขิน ตกลงไปช่วยกูได้มั้ย” ฝุ่นมันยกมือขึ้นมาหยิกแก้มผมหนึ่งที ให้ต้องใช้มือตบมือแกร่งของมันไป หึ๋ยยย

“จะไม่ช่วยเพราะชอบแกล้งเราเนี้ย เจ็บนะเว้ย”

“ก็มึงน่าแกล้ง ตกลงไปช่วยกูนะ ไปเย็นนี้เลย พี่เขานัดประชุม 5 โมง”

“แบบนี้เรียกบังคับแล้ว” ผมย่นจมูกใส่มันก่อนจะลุกเดินตามออกไป “แล้วต้องทำอะไรบ้างอ่ะ”

“ก็แล้วแต่พวกพี่เขาสั่งหวะ ไม่มีไรมาหรอก ส่วนใหญ่ก็เข้าร่วมกิจกรรมโปรโมตคณะ มหาลัย”

“หืออ แล้วเอาเราไปทำไมเนี้ย” ผมคิดตามแล้วชักไม่แน่ใจว่าอย่างผมจะช่วยงานอะไรเขาได้ ถ้าใช้แรงงานก็ว่าไปอย่าง

“เออหน่า พวกพี่เขาก็รู้อยู่แล้วว่ากูจะชวนมึงไปด้วย”

ในเมื่อพวกพี่เขาไม่ขัดอะไรไอ้ฝุ่นมัน แสดงว่าการที่ผมโผล่เข้าไปช่วยก็คงได้งานอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อยล่ะมั้งครับ





“อ้าวน้องฝุ่น มาแล้วหรอคะ มาค่ะมา นั่งตรงนี้ก่อน รอเพื่อนๆพี่ๆอีกครู่นึงนะคะ”

เมื่อเราเข้ามาในห้องสโมสรก็มีพี่คนนึงโบกมือทักทายพร้อมกับตะโกนเรียกให้ฝุ่นเดินเข้าไปหา ผมเป็นผู้ติดตามก็ได้แต่เกาะชายเสื้อมันไป เกาะนี่คือเกาะจริงๆนะครับ ผมไม่คิดว่างานสโมสรนักศึกษา จะรวมเอาบรรดานักศึกษาต่างคณะ ต่างชั้นปีไว้เยอะขนาดนี้ นับคราวๆด้วยสายตามีอยู่เกือบ 20 คน ที่นั่งกระจัดกระจายกันทำงานของตัวเอง ผมนี่ตัวลีบหดเหลือเท่าลูกหมาแรกเกิด เพราะไม่คุ้นหน้าใครสักคนเลยนอกจากไอ้ฝุ่น

“สวัสดีครับพี่เจนนี่ ผมพาเพื่อนมาด้วยนะครับ”

“ว้ายยย น้องน้ำยางใช่มั้ยจ้ะ มาลูกมา ยินดีต้อนรับนะคะ”
ผมค่อยๆ โผล่หัวออกมาจากหลังไอ้ฝุ่น ที่ใช้อาศัยหลบจากคนแปลกหน้า ก่อนจะยิ้มหวานส่งไปให้พี่เขา หวังว่ามันจะทำให้พี่เขาเอ็นดูผมนะครับ

“สวัสดีครับ” ผมค่อยๆย้ายตัวเองออกมายืนข้างๆไอ้ฝุ่น แล้วยกมือขึ้นไหว้ทักทายพี่เขา

“หน้าตาน่าเอ็นดูจังเลยลูก มานั่งนี่ก่อนค่ะ รอแปปนึงนะคะ” พี่เจนนี่ลากผมไปนั่งลงตรงเก้าอี้ที่วางอยู่ ข้างๆกันมีพี่ผู้หญิงหน้าตาดีนั่งอยู่ก่อน โดยมีไอ้ฝุ่นที่ยืนหัวเราะขำมองตามผมกับพี่เจนนี่

“อินี่ชื่อนังบัวนะคะ นางเป็นเหรัญญิก”

พี่เจนนี่แนะนำพี่คนสวยให้รู้จัก ผมยิ้มทักทาย พร้อมกับยกมือไหว้ “สวัสดีครับพี่บัว น้ำยาง ทันตะปีหนึ่งครับ”

“สวัสดีค่ะ” พี่เขายิ้มตอบกลับมาให้ผมนิดๆ ดูไม่ค่อยเฟรนลี่เหมือนพี่เจนนี่เลยแฮะ เมื่อเห็นแบบนั้นผมเลยไม่กล้าชวนคุยอะไร ได้แต่นั่งตัวลีบ นั่งเอียงๆหันไปทางไอ้ฝุ่น อย่างน้อยๆให้เห็นมันอยู่ใกล้ๆจะได้อุ่นใจขึ้นมาหน่อยครับ

“กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” แต่แล้วจู่ๆ มันก็ทิ้งผมไปเสียเฉย

“ไปด้วย”

“ปวดฉี่เหมือนกันหรือไง”

“ไม่ปวด แต่จะไปด้วย” ให้นั่งนิ่งๆเป็นก้อนกลมๆอยู่คนเดียวในที่นี่ไม่เอาด้วยหรอก

“กูไม่ใช่เด็กประถมแล้ว ไม่ต้องมีเพื่อนไปเข้าห้องน้ำด้วยก็ได้ รออยู่นี่แหละ” ฝุ่นมันว่าพร้อมกับใช้มือมันกดไหล่ผมให้นั่งอยู่ที่เดิม ในเมื่อตามมันออกไปไม่ได้ผมจึงเลือกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น เปิดเข้าไลน์เพื่อส่งข้อความบอกพี่ดีนว่าตอนนี่กำลังทำอะไรอยู่ พี่ดีนเปิดอ่านทักที โดยที่ผมยังไม่ทันกดออกจากหน้าโปรแกรม ผมจึงเปิดค้างไว้แบบนั้นเพราะคิดว่าพี่ดีนคงกำลังพิมพ์ตอบกลับมา แต่รออยู่สักพักก็ยังเงียบ ผมจึงกดออกจากโปรแกรม เปลี่ยนไปหาอะไรอ่านในทวิตเตอร์แทน

“น้ำยาง”

ผมสะดุ้งด้วยเล็กน้อย เมื่อมีคนเอามือมาวางบนไหล่

“อ้าว พี่ดีน มาอยู่นี่ได้ไงครับ” ตกใจนะเนี้ย จู่ๆมาเจอกันที่นี่เฉยเลย

“ดีน มาแล้วหรอ เจนนี่มันถามหาอยู่แหนะ” เป็นเสียงพี่บัวที่เอ่ยทักพี่ดีนขึ้นมา ผมเลยไม่ได้รับคำตอบที่ถามไป

“เจนนี่อยู่ไหนอ่ะ”

“น่าจะนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะมันอ่ะ ให้เราพาไปมั้ย”

“ไม่เป็นไร เราเดินไปดูเอง ขอบใจนะ” พี่ดีนพูดจบก็หันมายิ้มให้พร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะผละออกไป ทิ้งให้ผมมองตามพี่เขา
จนหลุดสายตา

“รู้จักดีนด้วยหรอ”

“ครับ” ผมตอบพร้อมกับยิ้มหวานกลับไปให้ หวังจะเป็นใบเบิกทางเพื่อทำความรู้จักกับพี่เขาเพราะคิดว่าคงโดยไอ้ฝุ่นลากมาช่วย
งานอีกแน่ๆ เพราะฉะนั้นควรทำความรู้จักทุกคนในนี้ให้ได้มากที่สุดครับ

“เรียนทันตะไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงไปรู้จักกันได้”

“เอ่อ..คือเรา อยู่หอเดียวกันหน่ะครับ” ดูท่าจะทำความรู้จักพี่บัวไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ พี่เขาดูไม่อยากจะเสวนากับผมเท่าไรเลย

“สนิทกันหรอ”

“ก็ สนิทครับ” กลิ่นไม่ดีเลยแฮะ 

“สนิทกันแล้วทำไมถึงไม่รู้ว่าดีนก็ทำงานให้สโมสรเหมือนกัน”

“เอ่อ คือพี่ดีนไม่เคยบอกครับ” ผมยิ้มแฮะๆกลับไปให้ แต่ในใจนี่โคตรงงเลยครับ

“แบบนี้คงไม่ได้สนิทกันจริงหรอกมั้ง น้องคงคิดไปเองว่าสนิทกับดีนแล้ว”

อ้าว ไอ่ไหร่วะ ผมได้แต่สถบขึ้นมาเป็นภาษาบ้านเกิดตัวเองในใจ

ไอ้ฝุ่น ไหนบอกจะรีบกลับมาไง ช่วยด้วย

ผมแอบถอนหายใจ ก่อนจะปั้นยิ้มให้น่ารักที่สุด

“เชื่อสิครับ ผมไม่ได้คิดไปเองหรอกนะ”

เอาวะ ไหนๆก็ไม่มีใครอยู่ช่วย ขอใช้สถานะที่มีอยู่จริงระหว่างผมกับพี่ดีน มาสร้างความมั่นใจให้ตัวเองเสียหน่อย เพราะ
สัญชาตญาณผมบอกว่าพี่บัวไม่ธรรมดา

ไม่ใช่แค่ไม่เป็นมิตร


แต่พี่เขา ต้องแอบชอบแฟนผมอยู่แน่ๆ


Tbc.




หายไปนานเลย แฮ่ๆ ขอโทษด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับคอมเมนส์นะจ้า อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆจนจบเลยนะคะ
เป็นกำลังใจให้เราด้วยน๊าา หนึ่งคอมเมนส์มันมีค่ามากมายจนคุณคิดไม่ถึงเลย จริงๆนะคะ
เราก็เคยคิดไม่ถึง จนได้มาเขียนเป็นของตัวเนี้ยแหละ

ขอบคุณนะคะ รักน้าาาา

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
นังนี้มันร้ายนะคะหัวหน้า ตบมันเลยค่ะ !! :fire: :fire:

ออฟไลน์ ooomukooo

  • AngieAngel
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
    • AngieAngel
มาทำไมให้อายบ้านนาเล่านวลน้อง~
ใครก็ได้เอาชะนีบัวไปเก็บด้วยค๊าาา  :katai4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aha_aha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
น้องยางสู้เลยลูก จัดสักที่ให้นางรู้ว่าใครเป็นใคร!!!

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ anandawan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
หอมแก้มโชว์ความสนิทสนมเลยค่ะลูกยาง

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
โชว์ความสนิทให้ขุ่นพี่บัวเห็นหน่อยสิคะ!!!!

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
จัดการนางให้อยู่หมัดไปเลยน้องยาง

ออฟไลน์ เช้าวันพุธ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2

ตอนที่ 15 คบก็บอกว่าคบ




   หลังจากที่นั่งงงในดงชาวสโมสรอยู่เกือบชั่วโมง เนื้อหาในการประชุมที่มีพี่เจนนี่เป็นผู้ดำเนินการหลัก ชี้แจงเกี่ยวกับกิจกรรมประจำปีที่จะมีขึ้นในภาคการศึกษาหน้า

นั่นก็คืองานกีฬาสีของมหาลัยที่รวมเอาทั้ง 5 วิทยาเขตของมหาลัยในเครือ มาไว้ด้วยกันที่นี่ งานนี้ทางสโมสรนักศึกษาจะเป็นแม่งานหลักในการจัดงาน เพราะวิทยาเขตที่ผมศึกษาอยู่เป็นวิทยาใหญ่ การดำเนินการ ติดต่อ ประสานงาน จึงเริ่มต้นที่นี่และจบลงที่นี่
ถึงว่าไอ้ฝุ่นมันลากผมเข้ามาเกี่ยวด้วย เนื่องจากงานครั้งนี้ต้องการคนจำนวนค่อนข้างมากในการติดต่อ ประสานงาน และกระจายข่าวสาร เพราะไม่ได้มีแค่พวกเรานักศึกษาของทุกวิทยาเขตของเครือมหาลัย แต่งานนี้จะเป็นครั้งแรกที่เปิดขายบัตรให้กับบุคคลภายนอกเข้ามาร่วมชม และสนุกไปกับกิจกรรมของพวกเราด้วย

   รายได้ทั้งหมดจากการขายบัตรจะถูกนำไปใช้พัฒนาโรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัยทั้งสองแห่ง คือวิทยาเขตที่ผมกำลังศึกษาอยู่และวิทยาเขตทางภาคอีสาน ผมแอบได้ยินพี่ๆในสโมสรเอ่ยแซวพี่เจนนี่ ผู้ซึ่งคิดโครงการนี้ขึ้นมาว่าเล่นใหญ่มาก เนื่องจากเราไม่รู้เลยว่าจะขายบัตรได้มากน้อยแค่ไหน

เกิดล้มเลวไม่เป็นท่า ไม่มีใครอยากเสียสละเวลาส่วนตัวในวันหยุดมานั่งท่ามกลางอากาศร้อนอยู่บนอัฒจันทร์ของสนามกีฬา แม้นว่าพี่เจนนี่จะแย้งว่าอัฒจันทร์มีหลังคาก็เถอะ แต่ก็ยังสุ่มเสี่ยงว่ากิจกรรมครั้งนี้ จะไม่ประสบความสำเร็จไปตามเป้าหมายที่วางไว้

“เพราะแบบนี้ไง ชั้นถึงได้เกณฑ์เอาคนหน้าตาดีมารวมกันไว้ที่นี่” พี่เจนนี่ตบโต๊ะเสียงดังปัง พร้อมกับตะโกนฝ่าเสียงวุ่นวายที่ต่างแสดงความคิดเห็นในเชิงไม่เห็นด้วยกับกิจกรรมครั้งนี้ หลายเสียงบอกว่าแค่จัดกิจกรรมเหมือนปีก่อนๆก็เหนื่อยจะตายแล้ว ยังจะหาเรื่องทำให้มันยุ่งยากไปอีกทำไมกัน

“สมัยนี้กระแสคิวท์บอยสก๊อยเกิร์ลดีจะตาย ไม่เห็นหรอ”

“แหม่ๆ อีเจนนี่ กับชะนีล่ะเรียกสก๊อย คิวท์บอยแอนด์เกิร์ลย่ะ” มีเสียงพี่ผู้หญิงดังแย้งขึ้นมาหลังจากที่พี่เจนนี้เริ่มแย้มรายละเอียด ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะในห้องสโมสรนี้ได้เป็นอย่างดี

“เออๆ กูสะดวกเรียกแบบนี้ทำไมย่ะ เพราะงานมันยิ่งใหญ่กว่าปีก่อนๆ เพราะฉะนั้นเราต้องทำการโปรโมทไง พวกมึงเข้าใจสิ่งที่กูจะสื่อมั้ยเนี้ย ตอนนี้เรายังมีเวลาอีกครั้งหลายเดือน กว่างานจะจัดก็นู้นกลางเดือนธันวา ยิ่งถ้าปีนี้โชคดี อากาศเย็น บรรยากาศมันจะฟินยิ่งกว่าเดิมอีกนะ พวกมึงลองหลับตาคิดภาพตามดูสิ” พี่เจนนี่ว่าจบก่อนจะปิดตา ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาตรงหน้า ก่อนจะกระดิกนิ้วไปมา เหมือนเสกมนต์ใส่ตัวเอง ตลกมากเลยครับ


“มึงคิดว่าประเทศกรุงเทพมันวางอยู่ใกล้นอร์ทโพลหรือไงหือออ จะหนาวอะไรขนาดนั้น ไม่ต้องหลับตากูก็เหงื่อแตกแล้ว อิผี”

ผมหัวเราะขำกับสิ่งที่พวกพี่ๆเขาโต้เถียงกัน ทั้งที่มันควรจะตึงเครียด แต่บรรยากาศกลับไม่เป็นแบบนั้นเลยครับ ออกจะผ่อนคลายและมีสีสันไปอีกแบบ

“ยังไม่ทันจะได้ลอง พวกมึงก็ขัดขากูแล้ว อีลูกขี้แย้ง ลองลงมือทำก่อนสิ กูเชื่อว่าเราต้องทำมันได้” พี่เจนนี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ซึ่งผมแอบเห็นด้วยกับพี่เขานะครับ ถึงแม้ว่าไม่เคยผ่านกิจกรรมของปีก่อนๆ แต่คิดว่าถ้าพวกเราร่วมด้วยช่วยกันมันต้องสำเร็จแน่นอน อย่างน้อยๆก็มีกิจกรรมสนุกๆให้ทำไงล่ะครับ 


“เอาไงก็เอากัน ว่าแต่มึงร่างโครงการเสนออาจารย์เสร็จหรือยัง ไหนจะงบประมาณอีก”

“โครงการกูเขียนเสร็จตั้งนานแล้ว นี่พึ่งได้จดหมายของบประมาณจากอีบัว แล้วกูพึ่งเป่าหูอีดีนไปเมื่อกี้ ให้มันไปคุยเรื่องรายละเอียดกิจกรรมคร่าวๆกับคุณพ่อตากูก่อน เผื่อท่านเห็นจดหมายขออนุมัติโครงการเมื่อไร จะได้เซ็นให้ง่ายๆ” พี่เจนนี่ว่าพร้อมกับหันไปเกาะแขนพี่ดีน แล้วไหลลงซบไหล่กว้างนั้นอย่างอ้อนๆ เรียกเสียงโหและเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีผมรวมอยู่ในนั้นด้วย

ผมหัวเราะใส่พี่ดีน เมื่อเราสบตากัน พี่เขาทำหน้าเบื่อหน่าย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร สงสัยคงจะชินกับนิสัยพี่เจนนี่แล้วล่ะครับ ผมพึ่งทราบมาว่าสองคนนี้จบจากโรงเรียนเดียวกัน คงสนิทกันพอตัว ไม่เช่นนั้นพี่เจนนี่คงไม่กล้าเล่นกับพี่ดีน ที่มีหน้าตาไม่มิตรแบบนั้น


“ส่วนแผนโปรโมทกิจกรรม กูคุยกับอีแนตตี้เรียบร้อยแล้ว” พี่เจนนี่เอ่ยจบ ก่อนจะเปิดประเด็นให้พี่แนตตี้ว่าต่อ


“คืออย่างนี้นะคะทุกคน” พี่แนตตี้ที่นั่งเก้าอี้ตัวถัดไปจากพี่เจนนี่ ลุกขึ้นยืน ก่อนเริ่มเอ่ยถึงรายละเอียด

“หลายๆคน คงทราบกันแล้วว่าแนตตี้เป็นแอดมินเพจกิจกรรมของมหาลัย จริงๆแล้วทุกวันนี้ กระแสคนหน้าตาดีของมหาลัยเราก็ไม่ได้เป็นสอง
รองใคร เพียงแต่พวกเราไม่ได้ออกไปทำกิจกรรมนอกมหาลัยเยอะแยะมากมาย หลังจากที่แนตตี้ได้คุยกับอิเจนนี่แล้ว มีความเห็นว่าพวกเราจะไม่เน้นให้เหล่าสมบัติแห่งชาติของเราออกไปโลดโผนข้างนอกมากนัก เพราะไม่อยากให้กระทบต่อผลการเรียน แต่จะเน้นประโครม รูปภาพ เรียกกระแสในเพจไปก่อน ถ้ามีโอกาสดีๆค่อยออกงานข้างนอกบ้างเป็นครั้งคร่าว ออกบ่อยๆเดี๋ยวกระแสมันตก เพราะฉะนั้นถ้าอยากเจอตัวเป็นๆ ใกล้ชิดหลายชั่วโมง ก็ต้องมางานกีฬาของมหาลัยเรา”


“เลิศ” พี่เจนนี่เอ่ยชมไอเดีย ยกยิ้มนางพญา พร้อมกับกรีดนิ้วชี้ในอากาศประกอบท่าทาง ผมกับไอ้ฝุ่นขำจนต้องยกมือขึ้นมาปิดปากเพราะกลัวเสียมารยาท


“แนตตี้ลิสรายชื่อ เพื่อนพี่น้อง สมบัติแห่งชาติของพวกเราไว้แล้ว ตามนี้เลยค่ะ” พี่แนตตี้ปรบมือหนึ่งครั้ง หน้าจอโปรเจคเตอร์ก็ปรากฏภาพพร้อมนำเสนอ

เตรียมตัวมาดีมากเลยครับ มีการวางคิวกับฝ่ายโสตด้วย เพราะจังหวะที่ปรบมือ แล้วภาพบนจอปรากฏเป็นอะไรที่เป๊ะมาก

พวกเราทั้งหมด หันไปให้ความสนใจกับรายชื่อห้าสิบชีวิตบนหน้าจอ ผมอ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่ารายชื่อจะเยอะขนาดนี้

บรรยากาศภายในห้องประชุมเริ่มคึกครืน มีเสียงพูดคุย ปรบมือ โห่ร้องอย่างตื่นเต้น เมื่อหน้าจอเปลี่ยนสไลด์ แนะนำรายบุคคลจากรายชื่อทั้งหมดในหน้าแรก

สไลด์เลื่อนไปโดยแต่ละหน้าประกอบไปด้วย ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น ชั้นปี คณะ และรูปภาพ

ผมเขยิบเข้าไปใช้ไหล่กระแทกไหล่เพื่อนสนิทเบาๆ พร้อมยิ้มแซว เมื่อสไลด์ถูกเปลี่ยนมาเป็นรายชื่อของคนข้างกายผม ไอ้ฝุ่นมันยิ้มเขิน เพราะมีเสียงตะโกนขึ้นมาจากใครก็ไม่ทราบว่า “ของกู” แล้วตามด้วยเสียงโห่แซวดังระงม

แต่คนที่เรียกเสียงได้มากที่สุด คงหนีไม่พ้น…



“ไม่” พี่ดีนตะโกนขึ้นมาเสียงดังลั่น เมื่อจอภาพปรากฏเป็นรูปของตัวเอง


“ดีนขา ช่วยแนตตี้หน่อยนะคะ แนตตี้สัญญาว่าถ้าดีนบอกว่าไม่ แนตตี้จะยอมดีนทุกอย่าง”

“ก็พึ่งพูดไปไง” พี่ดีนตอบกลับไปทันที หลังจากที่พี่แนตตี้พูดจบ ขมวดคิ้วเข้มจนพี่แนตตี้เริ่มส่งสายตาเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก

“ไม่ใช่แบบนี้สิคะ ดีนขา แนตตี้หมายถึงในอนาคต สำหรับดีนแนตตี้ให้เป็นกรณีพิเศษเลย จะลงแค่รูปภาพในเพจ โอเคมั้ยคะ จะไม่ให้วุ่นวาย
ออกงานที่ไหนเลย แนตตี้รู้ว่าดีนไม่ชอบ”

“อีแนต ถอยห่างผัวกู ไม่ต้องมาเกาะแกะ” เป็นพี่เจนนี่ที่เข้ามาลากพี่แนตตี้ให้ออกห่างจากพี่ดีน โดยที่เจ้าตัวยังทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่แบบเดิม ผมหันไปมองใบหน้าบึ้งตึงนั้น ยิ้มกว้างส่งไปให้ พร้อมกับพยักหน้าเบาๆ เมื่อเราสบตากัน


“อืม”

“ห๊ะ..

อะ เอ่ออ…ว่าง่ายแบบนี้ น่ารักมากเลยค่ะ” พี่แนตตี้ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะปรับเสียงให้เป็นปกติแล้วเอ่ยขอบคุณ ผมแอบเห็นพี่เขาลอบถอน
หายใจด้วยล่ะครับ


 “เอาล่ะค่ะ คนต่อไป” เมื่อเคลียร์กับพี่ดีนเสร็จเรียบร้อย พี่แนตตี้จึงส่งสัญญาณให้ฝ่ายโสต เปลี่ยนสไลด์หน้าถัดไป จนผ่านมาถึงคนสุดท้าย คราวนี้เป็นผมบางที่สะดุ้งตกใจ จนไอ้ฝุ่นต้องสะกิดถามว่าโอเคมั้ย



ทำไมถึงมีรูปผมอยู่บนจอด้วยอ่ะ




“ไม่ได้”

“อะไรของมึงอีกหึ อีดีน” คราวนี้เป็นพี่เจนนี่ที่แว้ดใส่ คงจะรำคาญพี่ดีนขึ้นมาแล้วล่ะครับ

“เอาออก”

“อะไรของมึง จะมาเอาลูกกูออกทำไม”

“เอ่อ คือ ผมคิดว่าผมคงไม่เหมาะมั้งครับ จากที่จะได้กระแส คงติดลบเพราะผมแน่ๆ” ผมยกมือขึ้น ก่อนเอ่ยปฏิเสธไปอย่างเก้อเขิน ไม่ใช่
เพราะกลัวพี่ดีนจะทะเลาะกับพี่เจนนี่ แต่เพราะคิดว่าตัวเองไม่เหมาะจริงๆ


“มั่นใจหน่อยสิคะ ลูกขา หนูหน้าตาน่ารักแบบนี้จะเก็บซุกไว้ทำไม เราต้องประกาศให้โลกรู้ค่ะ” พี่แนตตี้เอ่ยให้กำลังใจ ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

“ไม่ให้”

“อะไรของมึง อีดีนนนน ช่วยอธิบายอะไรยาวๆหน่อยได้ม่ะ พวกกูงงมึงแล้วนะ” พี่เจนนี่หันไปพ่นใส่อีกรอบ พร้อมกอดอก มองบนอย่างรำคาญ

“ไม่ก็คือไม่ แนตตี้ เมื่อกี้พูดว่ายังไง” คราวนี้เป็นพี่ดีนที่หันพูดกับพี่แนตตี้บ้าง

“เอ่อ ดีนคะ” พี่แนตตี้หน้าเสีย เนื่องจากสายตาพี่ดีนเริ่มจริงจัง ผมเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะไม่รู้หลุดไปอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้ยังไง ตอนนี้ยัง
ไม่มีใครรู้เรื่องที่ผมคบกับพี่ดีนเลยครับ แล้วจู่ๆเจ้าตัวก็ลุกขึ้นมาโวยวายเสียยิ่งกว่าคราวของตัวเอง


“มึงจะเรื่องเยอะ ไม่มีเหตุผลอะไรอีกห๊ะ ดีน”


“ไม่ให้ก็คือไม่ให้ไง เข้าใจยากตรงไหน”


“แล้วทำไมไม่ได้ ห๊ะ” พี่เจนนี่ลุกขึ้นยืนเท้าสะเอว ก้มลงมองพี่ดีนที่นั่งนิ่ง กอดอก จ้องมองมาที่ผม



“ก็นั่นแฟนกู”



กริบบบบบบบบ



ฉิบหาย ฉากเปิดตัวผมหรือครับ…






“วร๊ายยยยยยยยยยยยยย ตายแล้วววววววว” พี่เจนนี่ตะโกนขึ้นมาดังลั่นห้อง กระโดดถอยหลังขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ ก่อนจะชี้นิ้วไปทางพี่ดีน แล้วก็เรียกชื่อซ้ำๆ

“อิดีน มึงงง อีดีนนน อีดีนนน”

“หนวกหู”

ผมอึ้งหนักไปกว่าเดิม เพราะไม่คิดว่าพี่ดีนจะพูดออกไปแบบนี้ แต่ท่าทางของพี่เจนนี่ก็ตลก จนผมไม่รู้ว่าต้องรู้สึกอะไรก่อนหลังดี 

“อะไรกันนนนน ไปได้กันตอนไหน ทำไมไม่มีใครรู้เรื่อง”

“เงียบหน่า”

“เรื่องนี้ต้องขยาย อีแนต มึงห้ามเอาลูกกูออก มึงประโครมรูปสองคนนี้ไปเยอะๆเลยนะ เชื่อกูว่ามันต้องปัง”

“อย่ามายุ่งได้มั้ย”

“หุบปากไปเลยอีดีน นอกใจกูแบบนี้ มึงต้องได้รับความทุกข์ทรมาน”

“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง”

“กูจะกระจายความน่ารักของน้องน้ำยางออกไปให้โลกรู้ มึงจะไม่มีวันได้อยู่อย่างเป็นสุข ฮ่าฮ่าฮ่า”

“เอ่อ พี่เจนนี่ครับ…”

“โทษทีวะ กูไม่คิดว่าเรื่องมันจะพลิกไปแบบนี้ ขอให้สนุกนะเพื่อน” ไอ้ฝุ่นตบบ่าผมเบาๆ อย่างปลอบใจแต่สายตาไม่เป็นแบบนั้นเลยสักนิด เมื่อมันเห็นว่าผมพยายามยกมือขึ้นพูดอะไรบ้าง แต่พี่เจนนี่เหมือนไม่ได้โฟกัสมาที่ผมเลยสักนิด ทั้งที่เป็นเรื่องของผมด้วยครึ่งนึงเลยนะครับ 
พี่แกเอาแต่ชี้หน้าพี่ดีน แล้วหัวเราะเหมือนสะใจอะไรสักอย่าง ก่อนจะหันไปปรึกษากับพี่แนตตี้อีกยาวเหยียด


เอ่อ ว่าแค่ว่า…ประชุมกันเสร็จแล้วหรอครับ








   หลังจากวุ่นวายเรื่องตัวแทนฝ่ายประชาสัมพันธ์ ก็รายชื่อบุคคลที่ถูกฉายบนหน้าจอโปรเจคเตอร์นั้นแหละครับ
พี่แนตตี้ก็นัดแนะวันเวลาเพื่อมาถ่ายภาพเก็บไว้สำหรับนำไปลงประชาสัมพันธ์ในเพจกิจกรรมของมหาลัย หลังจากนั้นก็เป็นอันปิดการประชุม เหลือแค่พี่ๆที่เป็นหัวหน้าของแต่ละฝ่ายประชุมกันต่ออีกนิดหน่อย หนึ่งในนั้นมีพี่ดีนรวมอยู่ด้วย ผมเลยนั่งรอพี่เขาอยู่ในห้องก่อน เพราะพี่ดีนส่งข้อความมาบอกว่าจะกลับพร้อมกัน


ส่วนไอ้ฝุ่นผมไล่กลับบ้านไปแล้วครับ






“หิวยัง” เสียงพี่ดีนดังขึ้น พร้อมกับฝ่ามืออุ่นที่วางแปะลงบนหัวผม

ผมยกหน้าขึ้นจากแขนที่ใช้หนุนนอนอย่างคนขี้เกียจ หันไปมองตามเสียงก่อนจะยิ้มแล้วพยักหน้าให้พี่เขา ดึงหูฟังที่เสียบคาไว้ตรงหูซ้ายออก แล้วกดออกจากหน้าจอยูทูปที่ดูค้างไว้ระหว่างรอพี่ดีน


“อยากกินอะไร” พี่ดีนเอื้อมมือมาคว้าถุงผ้าที่ผมใส่ชีทและหนังสือเรียนไปถือไว้

“ก๋วยเตี๋ยวมั้ยครับ พี่ดีนอยากกินมั้ย”

“อืม กินที่ร้านหรือจะซื้อกลับไปกินที่ห้อง”

“กินที่ร้านมั้ยครับ หิวแล้วอ่ะ กลับห้องไม่ไหว” ผมยู่ปากบ่นหิว ยกมือขึ้นลูบท้องประกอบ พี่ดีนอมยิ้มไม่พูดอะไร ก่อนจะคว้ามือผมไปจับไว้แล้วออกเดิน



“ดีน” เราสองคนหยุดเดิน ก่อนจะหันกลับไปมองตามเสียงเรียก เป็นพี่บัวที่วิ่งออกมาจากห้องสโมสร

“ว่าไงบัว”

ผมดึงมือตัวเองออกจากมือพี่ดีนที่จับไว้ก่อนหน้าออกอย่างช้าๆ ไม่ได้กระชากออกเพราะไม่อยากให้ใครเห็น เพียงแต่สายตาที่พี่บัวมองมามันน่าอึดอัดเกินไป


“ดีนเห็นเอกสารขอเบิกงบประมาณหรือยัง” พี่บัวเหลือบสายตามามองผมเพียงครู่ ก่อนจะละไปมองพี่ดีนด้วยสายตาที่ต่างไปจากที่มองผม

“เจนนี่มันบอกแล้วล่ะว่าจดหมายเรียบร้อยแล้ว แต่เรายังไม่ได้อ่านรายละเอียด”

“งั้นดีนอยู่ต่อได้มั้ย เราจะได้อธิบายรายละเอียดให้ฟัง”

“เดี๋ยวเราค่อยอ่านจดหมายวันที่ต้องเอาเอกสารไปยื่นก็ได้”

“เผื่อดีนไม่เข้าใจตรงไหน เราจะได้อธิบายให้ฟัง”

“เราไม่จำเป็นต้องเข้าใจหรอก แค่เดินเอกสารเอง”

ไอ้ฝุ่นมันเล่าให้ผมฟังก่อนแยกย้ายกลับบ้านว่าจริงๆแล้วพี่ดีนไม่ได้มีหน้าที่อะไรมากมายในสโมสรหรอกครับ เพียงแต่โดนพี่เจนนี่ลากให้มาช่วยเป็นด่านหน้าเวลาต้องเดินเรื่องเอกสารขออนุมัติโครงการต่างๆถึงท่านอธิการบดี เผื่อพี่ๆเจ้าหน้าที่เห็นว่าพี่ดีนเป็นคนเข้าไปยื่นเอกสาร อาจจะใจดีให้เรื่องถึงมือท่านได้เร็วยิ่งขึ้น ผมฟังแล้วได้แต่ขมวดคิ้ว คิดว่าจริงๆแล้วคงไม่ได้ช่วยอะไรหรอกมั้ง คุณลุงคงไม่มีเส้นให้ลูกชายเป็นพิเศษหรอกนะครับ


“ได้ไงล่ะ เผื่อคุณพ่อท่านติดตรงไหน ดีนจะได้อธิบายให้ท่านฟังไง เรื่องจะได้ผ่านไวขึ้น” พี่บัวยิ้มหวานส่งไปให้พี่ดีน ก่อนจะเหลือบสายตาหันมามองผมที่ยืนอยู่ข้างๆพี่ดีนอีกครั้ง


ให้ตายเถอะครับ ผมหมั่นไส้สายตาพี่เขาเหลือเกิน นี่แอบแปะปากในใจแล้วนะ


“เราไม่มีสิทธิ์ช่วยให้เรื่องผ่านง่ายขึ้นหรอกนะ บัวอาจจะเข้าใจผิดไป เรามีหน้าที่แค่เดินเอกสารตามที่เจนนี่มันสั่ง ส่วนเรื่องที่ขอไปจะผ่านหรือไม่ ขึ้นอยู่กับโครงการที่เขียนเสนอไปว่าถูกต้องในเกณฑ์ที่มหาลัยกำหนดไว้หรือเปล่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนปกติที่มันควรจะเป็น เราไม่มีสิทธิ์ไปบังคับให้พ่อเราเซ็นผ่านให้ได้ง่ายๆหรอก ถึงเราเอ่ยปากขอถ้ามันไม่ถูกต้องท่านก็ไม่ปล่อยผ่าน มันไม่มีสิทธิพิเศษอะไรอย่างที่เจนนี่มันคิดหรอกนะ” พี่ดีนเอ่ยเสียงเข้ม ที่ผมฟังยังไงก็รู้ว่าเขากำลังหงุดหงิด คงไม่ชอบให้ใครคิดว่าตัวเองได้รับสิทธิพิเศษในฐานะลูกชายของท่านอธิการบดีมั้งครับ


“เอ่อ เราขอโทษ” พี่บัวเริ่มหน้าเสีย จากตอนแรกที่ผมแอบหมั่นไส้ ตอนนี้เริ่มสงสารพี่เขาแล้วครับ ก็เสียงพี่ดีนไม่สบอารมณ์แบบนั้น

“แต่ถ้าบัวอยากรู้ผลเร็วๆ เราจะรีบไปยื่นเอกสารให้ทันทีที่ได้แฟ้มมาจากเจนนี่ก็แล้วกัน แต่ไม่รับปากว่าจะเร็วแค่ไหน เพราะพ่อเราก็งานเยอะ รอหน่อยแล้วกัน ถ้าไม่มีอะไรแล้วเรากลับก่อน”


“จ้ะ กลับดีๆนะ”


“อืม” พี่ดีนพยักหน้าเอ่ยตอบรับในลำคอ ก่อนจะหันมาคว้ามือผมไปจับอีกครั้งก่อนออกเดิน










“พี่บัวหน้าเสียแล้ว พี่ดีนใจร้ายเกินไปป่าว” ผมแอบหันไปมองพี่บัวอีกครั้ง หลังจากที่เราก้าวออกมาได้สักระยะ ไม่กล้าหันไปมองทันทีกลัวพี่แกจะรู้ตัว

“ใจร้ายตรงไหน”

“ก็ที่พูดไปเมื่อกี้ไงครับ”

“พูดความจริงทั้งนั้น ใจร้ายยังไง”

“แต่เสียงพี่ดีนแข็งมากกกก” ผมลากเสียงยาวเพื่อเป็นการยืนยัน จนพี่ดีนหันมามอง ก่อนจะถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย

“ก็ไม่ชอบให้ใครคิดแบบนั้น มันน่ารำคาญ”

“เรื่องที่ได้สิทธิพิเศษหรอ”

“อืม เจนนี่มันชอบพูดไปเรื่อย คนอื่นก็เข้าใจผิด”

“แล้วพี่เจนนี่รู้หรือเปล่าครับ ว่าจริงๆแล้วพี่ดีนไม่ได้ทำอะไรลัดขั้นตอนเลย”

“มันรู้ แต่ก็ยังใช้ให้พี่เดินเอกสารอยู่ดี”

“อ้าว แล้วทำไมไม่ปฏิเสธไปล่ะครับ” ผมเอ่ยถามอย่างสงสัย

“อยากเจอพ่อ”

“ห๊ะ พูดเหมือนไม่ค่อยได้เจอกัน” เหตุผลของพี่ดีนทำผมแปลกใจเสียยิ่งกว่าเดิมอีกครับ

“อื้อ ปกติไม่ค่อยได้เจอหรอก พ่องานยุ่ง”

“เสาร์ อาทิตย์ กลับบ้านไปก็เจอนี่ครับ” ผมเองยังเคยเจอท่านที่บ้านพี่ดีนเลย ภาพที่คุณลุงแต่งตัวสบายๆอยู่บ้าน เอนตัวลงนอนบนโซฟาดูทีวี
ยังติดตาอยู่เลยครับ

“ไม่บ่อยหรอกที่พ่อจะอยู่บ้านทุกเสาร์อาทิตย์อ่ะ งานนอกเวลาราชการก็เยอะ เดินทางบ่อย บางครั้งกลับบ้านไปพี่ก็อยู่คนเดียวเป็นส่วนใหญ่”

“อ้าว เหงาเลย” ถึงพี่ดีนจะพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ผมจับความรู้สึกเหงาในน้ำเสียงของพี่เขาได้เลยครับ อยากจะดึงมากอดให้แน่นๆเลย แต่
ทำได้แค่กระชับฝ่ามือที่เรากุมกันไว้ให้แน่นขึ้น

“แต่อีกสองปีพ่อก็จะเกษียณ ใกล้จะได้พักแล้ว” พี่ดีนตอบรับแรงกระชับในอุ้มมือ แล้วหันมายิ้มให้ผม

ผมรู้ว่าที่พี่เขายิ้ม ไม่ใช่ดีใจเพราะพ่อจะมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น แต่เพราะพ่อที่ทำงานหนักมาตลอดจะมีเวลาได้พักผ่อนหลังจากทำงานหนักมาตลอดหลายปี


และผมก็รู้ ว่าพี่ดีนคนนี้รักคนในครอบครัวมากขนาดไหน แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะใช้ชีวิตอย่างเด็กเหงาๆ มีแค่เจ้าหมาสองตัวที่คอยเป็นเพื่อน แต่ทุกครั้งที่เอ่ยถึงคนในครอบครัว สายตาที่มักไม่แสดงอารมณ์ใดๆกลับเปลี่ยนไปเป็นสายตาที่สะท้อนความรู้สึกดีๆมากมาย

ซึ่งผมดีใจที่มันสะท้อนแบบเดียวกันนั้นมาถึงผมทุกครั้งที่เราสบตากัน

“ถ้าพ่อกับแม่พี่ดีนว่าง ไปเที่ยวบ้านยางมั้ยครับ บ้านสวนร่มรื่นมากๆ พ่อกับแม่พี่ดีนน่าจะชอบ มีห้องเยอะแยะเลย หรือถ้าอยากพักแบบส่วนตัว เดี๋ยวยางคุยกับพ่อให้ ยกบ้านยางให้บ้านพี่ดีนอยู่เลยก็ได้ สบายมาก เดี๋ยวพวกยางค่อยขนกันไปนอนที่เรือนคุณปู่ ชวนพี่แดน พี่ดอน แล้วก็เจ้าเดนเด็นไปด้วย ไปกันเยอะๆเลยนะครับ”

“ตื่นเต้นอะไร หืม” พี่ดีนขำ ยกมือขึ้นมาหยิกแก้มผมเบาๆ

“แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว นี่กำลังวางแผนอยู่ในหัวเลยว่าจะพาไปเที่ยวไหนดี ถ้าชอบทะเลก็ไปสมุย แต่ถ้าชอบภูเขาก็ไปนอนในเขื่อน หรือถ้าไม่อยากค้างคืน ขับรถจากบ้านสวนไปไม่ไกลมีน้ำตกเล็กๆอยู่ด้วยนะครับ เงียบสงบมากๆเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวเลย มีแต่ชาวบ้านแถวนั้นที่รู้จัก แต่ไม่อันตรายนะครับ วางใจได้ เพราะอยู่ติดกับป่าวนอุทยาน มีสำนักงานป่าไม้อยู่ปากทางเข้าน้ำตก”


“พูดมากจริงๆด้วย ไหนบอกหิว เอาแต่คุย ไม่เดินหรอ”
ผมหลุดหัวเราะ เพราะพึ่งรู้ตัวว่าเป็นฝ่ายรั้งพี่ดีนไว้ไม่ให้เดินต่อ เพราะอยากเล่าแผนที่จะพาครอบครัวพี่ดีนไปเที่ยวให้ฟังก่อน   

“นี่ไง เดินไปคุยไป” ผมจับข้อมือที่เรากุมกันไว้แกว่งไปมา แล้วก้าวเดินคู่กันไปอีกครั้ง

“พี่ดีนกินเส้นเล็กเย็นตาโฟเหมือนเดิมมั้ย ยางจะกินบะหมี่ต้มยำพิเศษลูกชิ้นกุ้ง”

“คิดเมนูไว้แล้วหรือไง”

“ไปถึงจะได้สั่งเลยไง หิววว”

“ชามเดียวจะพอ?”

“เล็กแห้งเย็นตาโฟด้วยดีกว่า พี่ดีนสั่งเบิ้ลด้วยมั้ย จะได้จดให้ป้าทีเดียวเลย”

“สองทุ่มแล้ว กินเยอะเดี๋ยวก็นอนไม่หลับ”

“หลับสบายมาก หรือว่ายางกินชามเดียวแล้วไปต่อเครปร้านพี่มนต์ดีกว่า อาทิตย์นี้ยังไม่ได้กินเลย คิดถึงพี่มนต์”

“กินไปเลยสองชาม แล้วห้ามกินอะไรต่อแล้วโอเคมั้ย”

“แต่พี่มนต์จะคิดถึงยางมั้ย ปกติต้องโผล่ไปกินไม่ต่ำกว่าสองครั้ง”

“เดินผ่านก็สวัสดีพี่เขา”

“ทักทายแต่ไม่อุดหนุน เสียมารยาทนะ”

“คือจะกินให้ได้?”

“กินก๋วยเตี๋ยวสองชามก็ได้ เครปค่อยกินวันหลัง กินขนมดึกๆไม่ดีหรอกเนอะ เดี๋ยวอ้วน”

“หึ” แล้วพี่ดีนก็เอื้อมมือข้างซ้ายมาดึงจมูกผมหนึ่งทีอย่างหมั่นเขี้ยว ในขณะที่มืออีกข้างยังคงกุมมือผมไว้ โดยมีผมที่ค่อยบังคับมือของเราทั้งคู่
ให้แกว่งไปมาตามจังหวะเท้าที่ก้าวเดิน


ผมชอบเวลาที่เราเดินเอื่อยเฉื่อยกลับหอแบบนี้จังเลยครับ ขออนุญาตยิ้มกว้างๆเลยนะ



Tbc.


 


ขอโทษที่ให้รอนะคะ ช่วงความพี่ในการอัพระยะคงประมาณนี้แหละค่ะ แง้
หวังว่าจะคิดถึงน้องยางกันน้าาา
เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะจ้า มันมีค่าสำหรับเรามากๆเลย รักนะ~

 

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ีพี่ดีนขี้เหงา​ มีน้ำยางอยู่ข้างๆ​ ไม่ต้องเหงาแล้ว

ออฟไลน์ ooomukooo

  • AngieAngel
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
    • AngieAngel
โอม ชะนีบัวจงหลบไป โอม
พี่ดีนน้องยางละมุนมากเลยลูกๆของแม่
นังบัว นังทัวดีย์ อย่าได้คิดทำอะไรเชียวน่ะ
หมั่นไส้นางมาก

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
คิดถึงเเล้วน้าาาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด