Existence : ผู้นำ & ธาม
-----------------
ตอนที่ 8.1
นี่คงเป็นลุงของธาม
ผู้นำไม่รู้ว่าใครเป็นใครในครอบครัวธาม แต่พ่อเขาคงรู้ตื้นลึกหนาบางอยู่มาก
ห้องรับแขกเขาตกอยู่ในความเงียบเมื่อเขาและธามก้าวเข้ามา พ่อหันมองเขาแล้วพยักหน้ารับรู้การกลับบ้านของเขาและน้อง ส่วนแขกของบ้านพากันมองเขา ก่อนจะแช่สายตาไว้ที่ธาม
มองกันแบบนี้ ผืนผ้าไร้ชีวิตยังอยากหายไปจากโลกเลย ให้ตาย!
ผู้นำขยับเอาตัวบังน้องไว้ เขาก้าวฉับๆ ไปนั่งที่โซฟาตรงกันข้ามกับแขก ส่วนธามอ้อมไปนั่งใกล้ๆ พ่อเขาแทน
“สวัสดีครับ” หมอจิตเวชเอ่ยเพียงปาก เขาไม่ได้ยกมือไหว้แม้จะรู้ว่าค่อนข้างเสียมารยาท
“อืม” ฝ่ายผู้ใหญ่กว่าเอ่ยรับคำทักเขา แต่ก็ยังมองหน้าธามอยู่
“แล้วแกล่ะ ไม่ได้เอาปากกลับมาจากไต้หวันรึไง คงจะจริงอย่างที่คิด ไม่อย่างนั้นก็ต้องคิดได้แล้วว่ากลับเมืองไทยต้องบอกญาติที่เหลืออยู่บ้าง หรือป้าวีณาเขาไม่สอน หึ!”
“.............” น้องไม่ตอบอะไร ซึ่งผู้นำคิดว่าดีแล้ว ธามยังเด็ก อย่างน้อยก็เด็กกว่าอายุจริงมาก หากธามตอบโต้อาจจะเลยเถิดกันไปใหญ่
“คุณพูดธุระคุณต่อเถอะครับ เจ้าธามก็มาแล้ว มีอะไรก็ทำให้กระจ่างไปเลยดีกว่า”
“ราวกับว่าที่คุณทำมันโปร่งใสเสียเหลือเกิน มีอย่างที่ไหน หลานผมทั้งคนคุณกลับเรียกมาอยู่ด้วยทันทีที่ป้าแกตาย คุณหวังอะไรกันแน่ คุณหมอปานพันธ์” อีกฝ่ายหันไปว่าพ่อเขาแทน ผู้นำขยับตัวบรรเทาอาการอึดอัดและหันมองอีกคนที่จ้องเขาจนเขารู้สึกได้
พี่แซน... ธามเรียกชายคนนี้ด้วยชื่อนั้น เขาจำได้
แม้จะเจอกันครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แต่ผู้นำก็รู้สึกไม่ชอบใจบรรยากาศที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นด้วยสีหน้าและท่าทาง เขาผ่อนลมหายใจและหันไปสนใจพ่อตัวเองแทน
“ผมเพียงเป็นห่วง เกรงว่าธามจะขวัญผวาหลังจากเสียญาติคนเดียวที่แกมีไป เรียกกลับมาจะได้ดูแลกันได้ แต่ถ้ามันเสียการเรียน หรือเสียการงาน ผมก็ไม่คิดจะทำลายหลานอยู่แล้ว”
“อีกอย่าง ผมก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล อย่างน้อยๆ ผมกับธามก็เลยเป็นลุงเป็นหลานกันเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ถึงผมกับวีณาจะสิ้นความสัมพันธ์กันไป แต่เราก็ยังมีความเป็นเพื่อนต่อกัน และธามกับผม ก็ยังคงเป็นลุงเป็นหลานกันอยู่”
“พ่อพระเสียจริงนะครับ หากผมไม่รู้มาก่อนว่าคุณใจบุญ ชอบแสดงความเมตตาเรี่ยราด ผมคงปักใจเชื่อไปแล้วแหล่ะว่าคุณพาตัวหลานผมมา เพื่อผลประโยชน์ที่แกมีติดตัว”
“ธามไม่!”
“ไม่เป็นไรธาม โตๆ กันแล้ว มีอะไรก็พูดกันออกมาน่ะดีแล้ว” พ่อเขาหันไปปรามธามที่ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง
“พูดมาตรงๆ ไม่ดีกว่าหรอครับคุณพิสุทธิ์ คุณสงสัยในตัวผม สงสัยความห่วงใยของผม ก็เพราะคุณกังวลว่ามรดกที่ธามได้มันจะลดตัวเลขลงไม่ใช่หรอครับ”
“พูดแบบนี้ก็เท่ากับกล่าวหาว่าพ่อผมอยากได้ใคร่ดีในสมบัติธามน่ะสิ! พ่อ! ผมบอกแล้วว่าให้ผมจัดการเองก็ได้ ไม่เห็นต้องมาให้คนอื่นเขากล่าวหา เงินนั่นก็น้อยนิด ไม่กี่ล้าน”
ไม่กี่ล้านหรอ?
ถ้าไม่กี่ล้านจริงๆ จะลงทุนมาถึงที่นี่ทำไม
“ลุงไม่ได้กล่าวหา” พ่อเขานี่ใจเย็นเสียจริง ผู้นำมองหมอปันไกล่เกลี่ยอารมณ์ยุ่งเหยิงที่กำลงปะทุขึ้นในใจหลายๆ คน เขามองธามและเลิกคิ้วถามทันทีที่เห็นน้องมองอยู่ สีหน้าธามไม่สู้ดีนัก ดูเหมือนจะมองแค่เขาคนเดียว ไม่ยอมเฉสายตามองใครอื่นเลย
เขายิ้มให้เพื่อให้น้องเลิกขมวดคิ้ว แต่ธามก็ยังดูอารมณ์ไม่ดีอยู่ดังเดิม
“ลุงกำลังทำให้ความเข้าใจเราตรงกัน” พ่อเขายังพูดต่อด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
“...เพื่อให้เราสามารถเชื่อในเจตนาที่เราๆ ต่างก็กล่าวอ้าง โดยเหตุที่เราอ้าง ล้วนเกี่ยวกับธามทั้งนั้น ถ้าลุงไม่ทำให้เราเข้าใจตรงกัน เราก็พูดกันไม่รู้เรื่องเสียที
“คุณพิสุทธิ์ อย่าห่วงตัวเลขที่เจ้าธามมีติดตัวมาเลยครับ ทุกบาททุกสตางค์ยังอยู่ในเซฟเดิม ธนาคารเดิมที่วีณาใช้บริการ เพียงแค่ความเป็นเจ้าของได้เปลี่ยนเป็นชื่อธามแล้วทั้งหมด อย่างถูกต้องตามกฎหมาย”
“และการที่ผมเรียกธามกลับมา ก็เพราะความรัก ความห่วงใยที่ลุงคนหนึ่งจะมีให้หลานคนหนึ่งได้ ไม่ต่างจากความรักที่พ่อมีต่อลูกหรอกครับ”
“..................”
“ไอ้ผมมันก็แก่แล้ว การได้เห็นลูกหลานใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อยู่ในครรลองที่ถูกที่ควร ไม่เบียดเบียนทำร้ายใคร เท่านี้ก็เกินพอแล้ว”
“แต่สำหรับธาม อาจจะเป็นห่วงมากหน่อย เพราะเจ้าธามยังเด็ก วุฒิภาวะยังไม่มากพอจะดูแลตัวเอง โดยเฉพาะหลังจากที่แกได้รับมรดกมากมูลค่ามหาศาลขนาดนั้น อ้อ! ผมก็ไม่รู้ว่าเราตีความคำว่ามหาศาลมากแค่ไหน แต่ลูกชายคุณเพิ่งพูดว่าไม่กี่ล้าน หลักร้อยล้านนี่ก็มากในสายตาผมนะครับ”
“แต่ถ้าจะว่ากันด้วยสายเลือด ตามสิทธิ์ ตามลำดับขั้นความใกล้ชิด คนที่ควรจะดูแลมรดกนั่นคือผม!”
“ครับ ผมก็ไม่ได้แย่งคุณดูแลมรดก ผมแค่อยากดูแลเจ้าธามเท่านั้น”
“ถ้าคุณเป็นห่วงเงินมรดกของหลาน ก็กำชับทางแบงก์ที่ไต้หวันสิครับ ไม่ต้องเสียเวลามากำชับผมหรอก ผมจะดูแลธามให้ดีที่สุดอยู่แล้ว”
“แต่!”
“ผมบอกไปแล้วนี่ครับ ว่าผมไม่ยุ่งกับมรดกของเจ้าธาม แม้ซักบาทก็ไม่คิดแตะ ของหลาน ก็ต้องเป็นของหลาน”
“เราเข้าใจตรงกันรึยังครับ ของธาม ก็คือของธาม”
“ธาม!” จู่ๆ นายพิสุทธิ์ก็หันไปตวาดหลานในไส้ของตัวเอง ผู้นำที่เฝ้าสังเกตอยู่ยังอดรู้สึกชาวาบไปทั้งตัวไม่ได้ ธามเองก็สะดุ้งและมองลุงตัวเองหวาดๆ
“ชั้นเรียก! เป็นบ้ารึไง! เรียกก็ตอบ หรือผีเข้า ถึงได้นั่งตาค้างแบบนั้น!”
“นี่คุณพิสุทธิ์!”
“ผมพูดกับธาม”
“ฟังนะ กลับบ้าน! แกมีที่ที่ควรอยู่ แกก็ควรอยู่ที่นั่น! จะทำให้ชั้นอับอายรึไง มาอาศัยบ้านคนอื่นเขาแบบนี้!”
“เขาไม่รำคาญแกก็แปลก ญาติรึก็ไม่ใช่”
“ในโลกนี้ แกยังคิดว่ามันยังมีที่ให้แกซุกหัวแกได้อยู่อีกหรอ?”
“แกจำได้มั้ยว่าพูดกับชั้น กับเจ้าแซนไว้ว่ายังไง แกอยากได้อิสรภาพ แกอยู่ยืนด้วยขาของแกเอง ไปไหนแล้วล่ะ ความจองหอง ความอวดดีของแกน่ะ ห๊ะ!”
“นี่นะหรอวิธีการของแก ซุกปีกคนที่แกคิดว่าปกป้องแกได้สินะ”
“ยังไง แกกับชั้นก็ไม่มีทางห่างจากกันได้ มันผิดตั้งแต่แกเกิดมาแล้ว”
“ถ้าแกคิดว่าทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับแก คิดว่าทำไมชั้นไม่เลิกยุ่งกับแกสักที ก็ให้รู้ไว้เลยว่าชั้นก็คิดเหมือนกัน....”
“....ว่าเมื่อไหร่แกจะตายๆ ไปเสียที มันจะได้จบ”
“ชั้นก็เบื่อเด็กขอมาเกิดอย่างแกเต็มทน นี่พ่อแม่แกก็ตายไปแล้ว ป้าวีณาของแกก็ตายแล้ว ชั้นยังต้องมาวุ่นวายกับแกไม่จบไม่สิ้น!”
“งั้นคุณก็เอาไปเลย เอาเงินไปแล้วออกไปจากชีวิตที”
“ถือว่าจ้างก็ได้ ทั้งหมดที่ป้าวีณามี เอาไปเลย เอาไปให้หมด! เฮงซวย!!”
“ธาม...”
“ไม่เอาแล้ว! ธามไม่ฟัง ลุงหมอไม่ต้องช่วย”
“กับคนนี้ ธามไม่อดทนอีกแล้ว”
“เอาไปทับตัวหรอ เอาไปสิ ถ้ามันทำให้คุณหุบปาก แล้วหายไปได้ ก็เอาไปเลย เอาไปสิ!”
“ปากกล้านักไอ้เด็กนี่!” นายพิสุทธิ์ก้าวพรวดมาหาและกระชากคอเสื้อธามจนน้องเสียหลักเกือบล้ม ฝ่ายผู้ใหญ่กว่าจ้องหน้าหลานตัวเองอย่างจงเกลียดจงชังหนักหนา จากนั้นก็ผลักออกให้พ้นตัวแล้วชี้หน้าธามที่ล้มพับลงกับพื้น
“แล้วแกจะได้รู้ ว่าชีวิตมันรสชาติยังไง”
“หมอปานพันธ์ ผมไม่รู้ว่าคุณเอาตัวมายุ่งกับเรื่องนี้ให้เสียชื่อเสียงทำไม ใครๆ เขาก็รู้กันทั่วว่าคุณมายุ่งเรื่องหลานผมทั้งที่ไม่มีใครขอ คิดซะว่าผมหวังดี ก็เลยเตือนก็แล้วกันนะ”
“คนอย่างผม ไม่เคยถอยหลัง และสิ่งที่ขวางหน้าผม ก็มีแต่ต้องแหลกคามือเท่านั้น!” ข่มขู่พ่อเขาเสร็จก็ก้าวฉับๆ จากไป แต่ก็ไม่ลืมทิ้งสายตามองธามที่นั่งเงยหน้ามองคนเป็นลุงตาขวาง
นายสุพิสุทธิ์เดินตามพ่อของเขาไป แต่ก่อนไป เขาย่อตัวลงนั่งโอบธามไว้แต่ธามก็ขืนตัวออกสุดแรงและผลักซ้ำ ผู้นำเห็นธามจ้องหน้าอีกฝ่ายเหมือนจะฆ่าให้ตายต่อหน้า แต่นายสุพิสุทธิ์กลับไม่หลบตา ซ้ำยังใช้กำลังบังคับดึงตัวธามมากอดไว้ จากนั้นก็พูดอะไรบางอย่างแล้วเดินจากไป
น้องของเขานั่งกองกับพื้นด้วยสายตาฉ่ำน้ำ ธามไม่ได้อ่อนแอจนน้ำตาเอ่อ แต่ธามกำลังโกรธสุดๆ อยู่ต่างหาก
“ธามครับ”
“ธาม”
ไม่มีเสียงตอบรับ ผู้นำมองหน้าพ่อ เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าให้เขาเยียวยา เขาก็นั่งลงข้างๆ เพื่อจับบ่าน้องไว้
“ธามครับ”
เจ้าของชื่อมองหน้าเขา สายตาก้าวร้าวค่อยๆ เปลี่ยนอารมณ์ คิ้วที่ขมวดแน่นคลายตัวออก น้ำตาที่เอ่อขึ้นเพราะความโกรธค่อยๆ ไหลลงแก้มอย่างเชื่องช้า
“พูดกับพี่นำหน่อยสิครับ”
“ธามกลัว”
“ธามไม่อยากกลัวแบบนี้อีก”
“นำ ปล่อยธามไปเถอะ ให้ธามไปอยู่ไกลๆ นำเถอะนะ”
“อย่าปกป้องธาม อย่าดีกับธาม ธามไม่มีอะไรให้หรอก”
“...........”
“นำ ให้ธามตายเถอะนะ” ผู้นำปิดปากน้องไว้ทันที เขาเช็ดน้ำตาให้แล้วดึงตัวให้มาเช็ดน้ำตาที่อกเขาแทน ในห้องรับแขกมีเพียงเขาและธามเท่านั้น นอกจากเสียงสะอื้นแล้วเขาไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก จะเว้นก็แค่เสียงข้อความไร้เสียงมากมายที่ธามบอกเขาโดยไม่รู้ตัว
ทั้งมือที่กอดขยำเสื้อด้านหลังของเขาเอาไว้ ทั้งแก้มเปื้อนน้ำตาที่ซุกลงที่อกเขา ทั้งลำตัวที่ทาบทับกับตัวเขาโดยไร้ช่องว่าง
ทั้งหมดบอกเขาว่า “นำอย่าปล่อยธามนะ”
เขาตอบด้วยคำพูดที่เงียบเชียบว่า “พี่นำจะไม่ปล่อยมือจากธามเด็ดขาด” ผู้นำกอดน้องชายไว้แน่น เขาทาบแนวคางไว้ข้างขมับอีกฝ่าย มุมริมฝีปากเพียงแตะลงเบาๆที่หน้าผากอุ่น
“ไปอาบน้ำนอนเถอะครับ หรืออยากกินอะไรอีก ขนมมั้ย?”
ส่ายหน้า
“นอนกับพี่นำมั้ย”
พยักหน้า กอดเขาแน่นขึ้นอีกด้วย
“ไปสิครับ”
กอดแน่นกว่าเดิมอีกนิด คงจะไปนอนห้องพี่นำ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ตอนนี้อยากอยู่แบบนี้ก่อน แปลความหมายแบบนี้ผิดไปรึเปล่า
ผู้นำหัวเราะในลำคออย่างเอ็นดู เขาเองก็กระชับกอดให้แน่นขึ้นเหมือนกัน
-----------
ตัวดีหลับไปแล้ว เขาถึงได้เคาะประตูห้องพ่อเพื่อขอฟังความจริงทั้งหมดที่เกี่ยวกับธาม
ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าแค่ดูแลน้องไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องมรดกที่น้องได้รับ เพราะไม่ว่าตัวเลขมันจะมากน้อยแค่ไหน ก็ไม่มีผลอะไรกับความรู้สึกหวังดีที่เขามีให้ธามตามประสาพี่ชายน้องชาย
แต่ยิ่งได้รู้เรื่องของน้อง ความรู้สึกหวังดีของเขาก็แผ่พื้นที่ไปทั้งตัว
ทำไมธามถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย แต่ที่สำคัญกว่าคือ เขาจะทำให้ธามหลุดจากเรื่องยุ่งเหยิงนี่อย่างไร โดยให้ความรู้สึกบอบช้ำเกิดขึ้นน้อยที่สุด ไม่มีทางไกล่เกลี่ยกันหรอ? ไม่มีทางปรับความเข้าใจหรือมุมมองให้ใกล้เคียงกันได้เลยหรอ?
พ่อเขาปักใจว่าทางนั้นมีเจตนาไม่ดีต่อธาม และต้องการตัวธามไปเพื่อดูแลมรดกที่ธามได้รับ
ทนายของพ่อได้เอกสารเกี่ยวกับอาการป่วยทางจิตของธาม สำหรับจิตเวชอย่างเขาแล้ว อาการเท่านี้ถือว่าเล็กน้อยมาก และไม่นับเป็นบุคคลพิเศษ แต่เอกสารการรักษาทางไต้หวันกลับประเมินให้อาการป่วยของเธอน่าเป็นห่วงและต้องมีคนดูแล เพื่อที่จะสวมสิทธิ์ผู้ดูแล ทั้งธาม และสินทรัพย์ที่ธามมี
แยบยลและใจร้ายเกินคบค้าจริงๆ
แบบนี้ ฆ่ากันเสียเลยดีกว่า
เขาไม่ยอมให้ฝ่ายนั้นทำสำเร็จหรอก
“พรุ่งนี้พ่อจะคุยกับเจ้าธาม เรื่องเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเรา”
“แต่นั่นมันไม่มากไปหรอครับ ทำแบบนั้นตัวธามเองนั่นแหล่ะที่อันตราย แม้จะเปลี่ยนนามสกุล มาเป็นบุตรบุญธรรมของพ่อ เงินมรดกก็ยังเป็นของธาม พวกเขาจะก็ยิ่งแค้น เพราะห่างไกลจากธามและมรดกมากขึ้นอีก”
“แล้วจะให้พ่อทำยังไง พ่อยังมองไม่เห็นวิธีไหนที่จะปกป้องธามได้ระยะยาวเลย”
“ถ้าไม่มีพ่อหรือนำแบบกะทันหัน น้องจะสู้ยังไง อย่างน้อยๆ การไม่เกี่ยวข้องกันแล้วก็ทำให้เขาไม่มีสิทธิ์มาอ้างการดูแลมรดก”
“แต่เราก็ต้องกลายเป็นจำเลยสังคมแทนนะครับ”
“น้องเอง อาจจะคิดไปว่าเราทำเพื่อมรดก เหมือนที่พวกเขาทำก็ได้”
“พ่อถึงต้องพูดให้เข้าใจตรงกันก่อน ถ้าเจ้าตัวเขาไม่เห็นด้วย พ่อก็ไม่ทำ”
“ให้เวลาน้องปรับใจก่อนเถอะครับ”
“ธามกลายเป็นเด็กปฏิเสธทุกสิ่งไปแล้ว กระทั่งชีวิตตัวเองน้องก็ปฏิเสธเพราะรับรู้มาตลอดว่าการมีอยู่ของตัวเขาเองเป็นปัญหา พ่ออยากให้น้องรังเกียจตัวเองหรอครับ”
“อา...จริงสินะ”
“แล้วเจ้าธามเป็นยังไงบ้างล่ะ เท่าที่นำสังเกต”
“ก็ร่าเริงดีครับ ธามเป็นคนน่ารัก รั้นนิดหน่อย แต่ก็รับฟังเหตุผลคนอื่นได้ดี โลกอุดมคติและโลกจริงไม่ต่างกันมากจนอยู่ไม่ได้ แต่ปัญหาก็คือ ธามพร้อมจะปิดตัวตนตัวเองทันทีที่มีสิ่งเร้ามากระทบ”
“อย่างวันนี้ อาการทางกายก็เริ่มเกิด ที่ล้มไป เท่าที่ดูแล้วคุณพิสุทธิ์ก็ไม่ได้ผลักแรงนัก แต่ธามงอ่อนแรงเองด้วย มันจะไม่น่าเป็นห่วงถ้าเราขจัดสิ่งเร้าได้ แต่เราทำไม่ได้พ่อก็รู้ เราทำได้แค่สร้างภูมิ ซึ่งก็ต้องใช้เวลา และความพร้อมของธามก็ไม่รู้จะมีเมื่อไหร่”
“อาการเก็บกด บางครั้งก็กลายเป็นพลังงานบวก แต่ส่วนมากจะเป็นพลังงานลบ ทำให้หดหู่ลงเรื่อยๆ ต้องคอยกระตุ้น ผมคิดว่าเราต้องให้สังคมน้องมากกว่านี้ มีแค่นำไม่พอหรอกครับ”
“ยังไง?”
“ให้ทำงานครับ”
“ทำงาน? เจ้าธามยังไม่จบดีเลย”
“ก็ฝึกงานได้ครับ พ่อคิดว่าไง ถ้าคิดว่าดี นำก็จะจัดการเลย”
“ธามต้องเข้มแข็งด้วยตัวเอง ให้เร็วที่สุดด้วย”
“ไม่อย่างนั้น เขามาไล่บี้เอาที อาการก็เกิดที สุดท้ายก็เข้าแผนเขา ธามจะกลายเป็นบุคคลไร้ความสามารถดูแลตัวเอง ต้องมีคนดูแล และพวกเขาก็เป็นครอบครัวเดียวที่ธามเหลืออยู่”
“เราก็ครอบครัว”
“เราห่างกว่านี่ครับ”
“อืมมม ลองวิธีนำก็ได้ พ่อจะเร่งทนายเรื่องคดีน้าวีณาที่ไต้หวัน เห็นว่าหลักฐานไม่พอ เขาจะปิดคดีเป็นอุบัติเหตุ”
“พ่อไม่คิดว่าเราจะพลิกได้ ที่ทำได้ดีที่สุดก็คือช่วยธามให้ถึงที่สุดนั่นแหล่ะ”
“เงินเนี่ย เป็นปัญหาจังนะครับ”
“แต่มันก็สร้างปัญญานะ ถ้ารู้จักใช้มันให้เป็น”
“เอาเถอะ คืนนี้พักก่อน”
“ครับ” ผู้นำรับคำ เขารอจนพ่อปิดคอมพิวเตอร์และปิดไฟที่โต๊ะทำงานจนเรียบร้อย เพื่อให้แน่ใจว่าพ่อจะพักผ่อนตามที่ปากพูด เขายิ้มให้พ่อที่เลี้ยงเขามาตามลำพัง แต่ก็ไม่เคยขาดความอ่อนโยนเลย หมอปานพันธ์หรือหมอปันยิ้มตอบแล้วเขย่าหัวเขาเบาๆ ทั้งที่เขาสูงกว่าหมอปันตั้งสิบกว่าเซ็น
ผู้นำกลับมายังห้องนอนตัวเอง เด็กชายธามยังนอนอยู่ท่าเดิม ท่าขดตัวนอนตะแคง หน้ามุดหมอน มันชัดเจนแล้วว่าธามมองโลกที่ห่อหุ้มเขาอยู่นี่ว้าเหว่เพียงใด เขาโค้งตัวเพื่อวางมือบนแก้มน้อง ลักยิ้มที่เขาชอบถูกมือเขาบดบังไว้จนมิด
“ธามฝันดีใช่มั้ย หือ?”
“ไม่ฝันเลยก็ดี แต่ถ้าธามฝัน ต้องฝันดีนะครับ”
“ถ้าแค่ทำให้นอนโดยไม่มีอะไรไปรบกวนจิตใจพี่นำยังทำให้ธามไม่ได้ ก็ไม่ได้เรื่องสิ้นดี” เขาพูดคนเดียวแล้วก้มลงจูบหลังมือตัวเองที่ยังทาบแก้มน้องอยู่
ธามขยับตัวนิดหน่อย แต่เปิดหน้ามากขึ้น
ริมฝีปากบางๆ ที่ชอบเถียงเขา ในตอนนี้สงบเสงี่ยมมาก คิ้วที่ขมวดตามสภาพอารมณ์แน่นิ่งอยู่เหนือเปลือกตากลม
ธามน่ารักเสียจริง
โดยไม่ทันได้หยิบเหตุผลมาอธิบายการกระทำตัวเอง ผู้นำคุกเข่าลงข้างเตียงแล้วจูบริมฝีปากน้องชายเบาๆ เขายิ้มส่งท้ายแล้วขึ้นไปนอนเคียงข้าง เขากอดน้องชายไว้โดยมีผ้าห่มกั้นระหว่างเรา เมื่อหน้าอกปะทะแผ่นหลังแคบของธามแล้ว ผู้นำจึงหลับตาอย่างอุ่นใจ
...พี่นำทำอะไร?
เมื่อกี้ พี่นำจูบธามใช่มั้ย
ธามไม่ได้รังเกียจ แต่ธามกลัว
เขาก้มมองเอวตัวเองที่มีแขนพี่ชายพาดกอดไว้ ธามไม่เคยรังเกียจสัมผัสของพี่นำ แต่เวลานี้ เขากลัว
พี่ชาย...ธามกลัว ธามรังเกียจ
พี่นำ.....ธามไม่กลัว
แต่ถ้าพี่นำทำแบบเมื่อกี้เพราะเป็นพี่ชาย ธามก็ไม่รังเกียจ แต่ก็ ไม่ได้เลิกกลัว
พี่นำเข้าใจธามรึเปล่า?
cut!
TBC...8.2
เครียดกันนิดหน่อย ไม่เป็นไรเนอะ
จริงๆ ก็ไม่อยากเล่นมุก .1 .2 แล้วแหล่ะ แต่ว่า....มันจำเป็นค่ะ ขอโทษด้วยที่เนื้อเรื่องไม่คืบหน้าเท่าไหร่ จะพยายามบริหารเวลาให้ดีกว่านี้นะคะ
ขอบคุณค่ะ