วันที่ 17ถึงเวลาที่เจ้าสัตว์ประหลาดจะต้องเติบโตเสียที
เวลาของเด็กหนุ่มเหลืออีกไม่มากแล้ว ไอ้โจ๊กที่โตวันโตคืน กำลังจะทำให้เรื่องนั้นยิ่งยุ่งยากมากขึ้น ถึงเวลาที่เขาต้องปล่อยมันไปเสียที นับจากนี้ไปไอ้โจ๊กจะต้องหากินด้วยตัวของมันเอง
และเขาจะสอนมันทุกอย่าง.....ทุกอย่าง....เท่าที่คนมือเปื้อนเลือดอย่างเขาควรรู้
คนที่เกิดมาเพื่อเป็นฆาตกร....บางทีอาจไม่ใช่มัน.....
“โตไปกว่านี้มึงก็จะออกข้างนอกลำบากแล้วนะไอ้โจ๊ก”
“เจ็บ....กิ๊......เจ็บ”
“อดทนหน่อยเว้ย...ชุดมันอึดอัดใช่ไหม.....หึ สัตว์ประหลาดต้องมาแต่งตัวเป็นสัตว์ประหลาด ไม่มีอะไรที่ตลกไปกว่านี้อีกแล้ว”
เจ้าสัตว์ประหลาดร้องโอดโอย หนอกแหลมตรงสะบักของมันโตขึ้นอีกแล้ว และแทงทะลุชุดมาสคอตขึ้นมา ต้นกล้าต้องกอดมันอยู่นาน กว่าที่มันจะสงบลงได้
“เฮ้ย......วันนี้ผัวมึงไม่มาเหรอวะ”
เด็กหนุ่มรู้สึกเป็นห่วง ‘เพื่อนคนพิเศษ’ จนหัวใจของเขานั้นร้อนรุ่มไม่เป็นอันกินอันนอน
ต้นกล้า....ที่มีเพียงต้นเดียวในโลกเบี้ยว ๆใบนี้
ต้นกล้าต้นเล็ก ๆ ที่ทนมรสุมได้ดีเหลือเกิน
ต้นกล้า.....นายช่างเป็นคนที่ลึกลับเสียจริง เข้าถึงยากและน่าสงสาร แต่ถึงกระนั้นก็เหมือนมีแรงดึงดูดให้เขาสนใจ ทั้งที่คนอย่างเขาสามารถเป็นเพื่อนกับใครก็ได้ สามารถเข้าร่วมกลุ่มได้กับคนเกือบทุกประเภท.....ยกเว้นก็แต่พวกเดนมนุษย์สารเลวอย่างพวกไอ้เสือ แต่ลูกเต๋ากลับยอมเสียโอกาสที่จะได้มีสังคมดี ๆทิ้งไป แล้วเลือกที่จะคบกับคนที่ใครก็มองว่ามืดหม่น น่าเบื่อ
เลือกที่จะอยู่กับคน ๆนี้เพียงลำพัง
เลือกที่จะถูกมองว่าเป็นตัวประหลาดไปด้วย
ลูกเต๋าคงตกหลุมรักต้นกล้าเข้าให้แล้วล่ะ
ตลอดช่วงเช้า เขาเอาแต่พยายามติดต่ออีกฝ่าย กระหน่ำส่งข้อความหา หลังจากที่เมื่อวานนี้อยู่รอที่บ้านของอีกฝ่ายจนดึกดื่น แม่ของต้นกล้า....น้าพร ชวนทานข้าวเย็นด้วยกัน แม้จะไม่สนิทใจ แต่ก็รู้สึกสงสารจนปฏิเสธไม่ลง ใจหนึ่งก็หวังว่าต้นกล้าจะกลับมา
แต่คืนนั้นต้นกล้าไม่ได้กลับบ้าน
และเช้าวันนี้มีเพียงไอ้เสือที่เข้ามาเรียน
และตอนนี้ไอ้เสือกำลังไล่ต้อนเขาเสียจนมุม ขณะที่เขากำลังออกมาจากห้องน้ำหลังเสร็จกิจธุระ มันจิกขยุ้มคอเสื้อเขา บีบคางจนเจ็บ ห้องน้ำแคบ ๆ แบบนี้เขาขัดขืนมันซึ่งตัวโตกว่าไม่ได้เลย
“ไง.....กูถามว่าผัวมึงไม่มา?”
“ผัวเหี้ยไรมึง”
“อ่อ....ลืมไป อย่างมึงจะเอามันทำผัวได้ไง ในเมื่อปากนิ่ม ๆของมึงมีไว้สำหรับไอ้เสือน้อยของกู ฮ่าฮ่าฮ่า” ภาพฝันร้ายในวันนั้นฉายย้อนขึ้นมาอีกครั้ง เรื่องน่าอายในชีวิตลูกผู้ชาย ถูกบังคับให้ทำเรื่องสกปรก ท่ามกลางเสียงโห่เชียร์อย่างกักขฬะ การเลือกที่จะยืนอยู่ข้างต้นกล้า ทำให้เด็กหนุ่มต้องพบกับโลกใบใหม่ที่แสนโหดร้าย โลกซึ่งไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
“ไอ้ลูกกระหรี่!!!”
วูบหนึ่ง เขาเห็นแวบตาเจ็บปวดของมัน แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นแววตาดุร้าย ลูกเต๋ากระพริบตาอย่างตกใจเมื่อไอ้เสือนั้นชูกำปั้นขึ้นมา แต่มันก็ไม่ได้ต่อยเขา ทั้งที่เขาสมควรโดน
“เออ....แม่กูเป็นกระหรี่!!!.....แล้วไง.....เพราะแม่กูเป็นกระหรี่ ชีวิตกูมันถึงได้เหี้ยแบบนี้ไง บอกมาว่าไอ้สัตว์กล้ามันอยู่ที่ไหน เพื่อนมึงน่ะฆ่าเพื่อนกู.....ไอ้เหี้ยนั่นมันโรคจิต คนอย่างกูถึงเลวแต่ก็ไม่เคยฆ่าใคร”
“มึงแน่ใจเหรอ แล้วเด็กผู้หญิงพวกนั้นที่มึงรุมโทรมแล้วอัดคลิปจนพวกเค้าต้องตายทั้งเป็นล่ะ ปล่อยกูได้แล้ว กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากล้าไปไหน”
ให้ตายเถอะ ลูกเต๋าไม่ใช่คนพูดจาหยาบคายหรอกนะ อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่ตัวตนของเขา แต่กับคนที่เขารังเกียจจับใจอย่างมัน เด็กหนุ่มอยากให้มีคำด่าที่แรงกว่านี้ สำหรับนิยามความเลวระยำของพวกมัน
ไม่ควรเผลอสงสารมันสิ.....ไม่น่าสงสารเลยสักนิด ครอบครัวเขาเองก็ไม่ได้อบอุ่น แต่ไม่จำเป็นต้องทำตัวเลวร้ายเพื่อประชดโลกนี่
“กูจะยอมเชื่อ แต่ถ้าพวกกูรู้ทีหลังว่ามึงมีส่วนด้วย.....กูจะเอามึงให้หนักเลยคอยดู”
มันจับหน้าของเขากดแนบกับกำแพงห้องน้ำ กระซิบข้างหูด้วยเสียงแหบพร่า แถมยังขบกัดใบหูของเขาอย่างมันเขี้ยว มือของไอ้เสือบีบขยำกล่องดวงใจของเขา ไม่แรงมากนัก แต่ก็เจ็บพอดู นั่นพอจะทำให้เขาสลัดความสงสารที่มีอยู่อย่างน้อยนิดเมื่อครู่ออกไปได้
“ไปนะเมียรัก”
“ไอ้เหี้ยยยยย”
“ไอ้เบนซ์ลูกไอ้อำพันใช่ไหมพ่อหนุ่ม.....บ้านเขาอยู่ในซอยน่ะหนุ่ม หาไม่ยากร้อก เดินเข้าไปเจอร้านขายผลไม้ ถัดไปอีกสองหลัง มีป้ายเป็นไม้แขวนอยู่น่ะลูก......”
“กิ๊”
“ว่าแต่มาทำอะไรกันน่ะลูก....แต่งตัวเหมือนมีงาน”
“งานของโรงเรียนน่ะครับ.....พวกผมเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการ เอ่อ....ขอตัวก่อนนะครับ.....ไปโจ๊ก”
“กิ๊”
เป็นภาพที่ตลกและสะดุดตา แต่ก็ไม่ได้ผิดปกติ หรือว่าดูขัดตาเสียจนต้องจารึกเอาไว้เป็นเหตุการณ์สำคัญในห้วงความทรงจำ ภาพที่ผู้คนละแวกนั้นซึ่งเป็นชาวสวนพบเห็น มีเพียงเจ้าหน้าที่ราชการหน้าละอ่อน กับตัวมาสคอตสัตว์ประหลาดที่ถือป้ายรณรงค์อะไรสักอย่าง น้ากะเทยขับพาพวกเขามาส่งเพียงแค่ครึ่งทาง พอแค่ให้พ้นจากสายตาของผู้คนที่ขวักไขว่ในตัวเมือง แต่พอถึงส่วนที่เป็นกิ่งอำเภอซึ่งมีแต่บ้านสวน พวกเขาก็โบกรถสองแถวมากันเอง ในเวลาแบบนี้ของวันจันทร์ ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนไปทำงานกันหมด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานหลวง ครู นักเรียน หรือพนักงานโรงงานที่ต้องออกไปทำงานกันอีกฝากหนึ่งของจังหวัด หรืออีกจังหวัดที่อยู่ติดกัน
เวลาแบบนี้แหละ เหมาะแก่การฆ่านัก
“เข้ามานั่งข้างในก่อนสิหนุ่ม”
“ถอดชุดออกก่อนก็ได้จ้ะ บ้านฉันมันร้อน ไม่มีแอร์มีเออกับเขาหรอก”
พ่อแม่ของไอ้เบนซ์นั้นดูไม่ค่อยจะเชื่อในตอนแรก เมื่อต้นกล้าบอกว่าลูกชายของพวกเขาได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนไปแข่งกีฬาต้านภัยยาเสพติด แม้ว่าไอ้เบนซ์จะชอบฟุตบอล แต่มันชอบแทงมากกว่าจะลงเตะแบบจริงจัง
ต้องขอบคุณน้ากะเทยสำหรับชุดพวกนี้ ในห้องลับของหล่อน(ที่เขาเพิ่งได้เห็นเป็นครั้งแรก)นั้นเต็มไปด้วยเสื้อผ้าแบบต่าง ๆ จนเหมือนกับตัวเขาหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง หล่อนจับเขาแต่งหน้าแต่งตัวเป็นหนุ่มข้าราชการชั้นผู้น้อยได้อย่างแนบเนียนเลยทีเดียว วิกผมหยักศกหวีน้ำมันเชย ๆ กับตกแต่งไรหนวดนิดหน่อย ให้ดูคล้ายคนที่เพิ่งโกนหนวดมา
หล่อดีนี่เรา....
เป็นครั้งแรกที่หล่อนชมว่าเขาหล่อ แต่หล่อนคงจะชมฝีมือการตกแต่งของตัวเองมากกว่า คราวก่อนก็ชมเขาว่าสวย ก็ต้องยอมรับในฝีมือที่สามารถแต่งไอ้หน้าจืดเบื่อโลกให้ออกมาเป็นน้องดาด้าคนสวยได้ สวยจนมีคนต้องสังเวยชีวิตให้นั่นประไร
“ดื่มน้ำก่อนสิจ๊ะ”
“ขอบคุณครับ”
พ่อแม่ของไอ้เบนซ์ขอตัวออกไปทำงานต่อ ทิ้งให้เขากับไอ้โจ๊ก(ที่ตอนนี้นั่งตัวแข็งทื่อ)เอาไว้ตามลำพัง เด็กหนุ่มลุกขึ้นดูกรอบรูปบนผนังอย่างถือวิสาสะ
ไอ้เบนซ์.....ดูเหมือนจะเป็นลูกคนเดียว อยู่ในครอบครัวเล็ก ๆ ที่ประกอบไปด้วยพ่อแม่และลูก
นอกจากรู้ว่าบ้านของไอ้แจ็คอยู่ตลาดแล้ว บ้านของไอ้เบนซ์ก็เป็นอีกที่หนึ่งที่หาได้เจอโดยง่าย ต้นกล้าดูเอาจากในเฟสบุ๊คของไอ้ปุ่นซึ่งเป็นเพื่อนกับเขา ในนามของเด็กสาวดาด้า พวกมันเคยมากินเหล้ากันที่นี่ และแชร์รูปโดยแท็กชื่อเข้ามา พร้อมระบุโลเกชั่นคร่าว ๆ
ลืมนึกไปเสียสนิท สืบเอาจากในโลกโซเชี่ยลนั้นง่ายแสนง่าย ไม่ต้องลงทุนไปงัดแงะตู้เก็บเอกสาร ไม่ต้องเก่งขนาดเจาะฐานข้อมูลของระบบโรงเรียนเพื่อหาชื่อที่อยู่ของพวกมัน ไม่ยากเลย ทุกอย่างนั้นง่ายมาก
อึก.....บ้าชิบ.....อยู่ ๆก็รู้สึกเหมือนจะวูบ เป็นลมแดดงั้นรึ?
“เราโทรเช็คกับทางโรงเรียนแล้ว ไม่มีโครงการที่ว่า แล้วก็ไม่มีชื่อของมึงด้วย ไอ้หนุ่ม มึงเป็นใคร”
อยู่ๆต้นกล้าก็รู้สึกเวียนหัว เขาหันไปเห็นสองสามีภรรยากำลังจ้องมองมาด้วยสายตาโกรธแค้น คนพ่อเป็นคนพูดกับเขา ในมือนั้นถือพร้าเล่มโต ส่วนคนแม่นั้นถือเชือกมาม้วนหนึ่ง
น้ำนั่น.....
สองคนนี้ไม่เชื่อเขา....
ดูเหมือนต้นกล้าจะมั่นใจมากเกินไปหน่อย ทั้ง ๆที่เขาสามารถโกหกได้หน้าตาเฉย ทำไมล่ะ ทั้งที่เป็นชาวสวนท่าทางซื่อ ๆแท้ ๆเลยเชียว แต่ทำไม.....
“ลูกกูเขาบอกกูหมดแล้ว ตอนนี้มีคนจ้องเล่นงาน นึกไม่ถึงจะมาด้วยวิธีนี้”
“ตายซะเถอะพวกมึง”
ต้นกล้าวูบหลับไป
“กิ๊”
“อ่ะ......ไอ้โจ๊ก”
“กล้าฟื้นแล้วววว.....เหย่.....เย้.....กิ๊”
เด็กหนุ่มพบว่าตัวเองยังคงนอนอยู่ที่เดิม ช่วงที่หลับไป หูของเขาแว่วยินเสียงเห่าระงมของหมาสวน เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
“บ้าจริง.....จะมาเล่นงานเขา เสือกพลาดท่าจนได้”
“ไม่ฆ่ากิ๊......กล้าไม่สั่ง.....โจ๊กไม่ทำ....โจ๊กเก่งงงงงง”
“เห?”
ไอ้โจ๊กช่างรู้มากจริง เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนพร้อมกับสะบัดหัวแรง ๆสองสามครั้ง สองสามีภรรยาขดตัวอยู่มุมห้องและยังไม่ตาย คนทั้งคู่ยกมือไหว้ท่วมหัว ริมฝีปากปริแตกระล่ำละลักของความเมตตา ทว่าฟังไม่เป็นภาษา แน่นอนล่ะ คงตกใจที่ได้เห็นสัตว์ประหลาดน่ากลัวอย่างไอ้โจ๊กเป็นครั้งแรกในชีวิต เด็กหนุ่มมองดูที่ขาทั้งสองข้างของคนทั้งคู่ ท่อนขานั้นบิดเบี้ยวผิดรูปร่างไป คล้ายกับถูกบางอย่างจับหักหรือทุบออกเป็นท่อน ๆ
“จะ....หนี....กิ๊....โจ๊ก....ไม่ทำ.....โจ๊กเก่ง......กล้ารักโจ๊กไหม”
“เออ....รักที่สุดเลย”
เขาหอมแก้มมันอย่างลืมตัว ไอ้โจ๊กนั้นหลุดโลกไปแล้ว มันฉีกยิ้มจนเห็นเขี้ยวแทบทุกซี่ ดวงตาใส ๆนั้นสั่นระลิกอย่างดีใจ นอกบ้านมีสุนัขสามตัวคอยมาด้อม ๆมอง ๆอย่างหวาดผวา พอตัวหนึ่งเริ่มเห่า อีกตัวก็เห่าตาม ไอ้โจ๊กหันไปคำรามใส่จนพวกมันกระเจิงหายออกไป ก่อนจะกลับมาอยู่ในโลกส่วนตัวของมันต่อไป
“ฉลาดมากนะพวกมึง.....หึหึหึ.....ฉลาดแต่ไม่เฉลียว คิดว่ากูจะมาให้พวกมึงเล่นงานง่าย ๆงั้นสิ เลิกไหว้กูสักที!!!! ตอนแรกตั้งใจไว้ชีวิต แต่ตอนนี้คงปล่อยไม่ได้แล้ว......”
เด็กหนุ่มแสยะยิ้มน่าขนลุก ต้นกล้าล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อของนายอำพัน พ่อของไอ้เบนซ์
ตู๊ดดดด......ตู๊ดดดดด
“............................”
“พ่อ....โทรมามีอะไร”
“นี่ไม่ใช่พ่อ”
“มึง!!!”
“นี่เราเอง....ต้นกล้า พอดีแวะมาคุยเรื่องรายงานน่ะ.....ใช่ใช่ใช่.....รายงานที่เราต้องทำให้พวกนายทุกคนไง ตอนนี้ของนายเสร็จแล้วนะ แวะเข้ามาดูสิว่าใช้ได้ไหม.....”
“กูจะโทรแจ้งตำรวจ”
“อย่าลืมแจ้งข้อหามียาเสพติดในครอบครองด้วยละกัน อ้อ.....คลิปแบล็คเมล์สาว ๆด้วย กูเจอมันในคอมพ์ของมึง”
“มึงต้องการอะไร”
“กลับบ้านซะเบนซ์”
ต้นกล้ากดวางสาย โดยไม่สนใจเสียงเอะอะโวยวาย ถ้ามันฉลาด มันควรจะพาพวกมันมาด้วย แต่ถ้ามันรักพ่อแม่ของมัน มันคงรู้ความหมายของเขา ว่ามันควรกลับมาเพียงลำพัง ไม่เช่นนั้นพ่อกับแม่ของมัน......
“กินได้หรือยัง.....กิ๊”
“เอาสิ.....เหลือไว้คนหนึ่งก่อนละกัน เผื่อต้องใช้ต่อรอง”
ไม่มีเสียงกรีดร้อง เมื่อฟันคม ๆของไอ้โจ๊กงับเข้าที่ลำคอของหญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วม มีเพียงเสียงสวดมนต์อย่างไร้สติของผู้เป็นสามี กับเสียงฉีกกระชากเนื้อหนัง เลือดสีแดงสดสาดกระทบผนัง ไม่เลวนัก สำหรับการล่าเหยื่อครั้งแรกของไอ้โจ๊ก งานนี้มันมีส่วนเกือบเจ็ดหกเปอร์เซ็นต์
"ฉลาดมากไอ้หนู....."
"กิ๊....แจ่บ ๆ ๆ ๆ ๆ"
ส่วนตอนนี้ต้นกล้าทำได้เพียงรอ
To be con
...........................................................
วันที่ 17 มีต่อนะคะ ลงเท่านี้ก่อน ง่วงมากกกกก.....พรุ่งนี้ทำงานแต่เช้า