Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 50
ภาพบาดตา คำพูดบาดใจ
“เมื่อวานมึงไปไหนมา”
“ไม่ได้ไปไหนนี่ กูก็ไปทำงานปกติ แล้วก็มีออกไปเยี่ยมขรรค์ด้วย” อินทัชตอบเพื่อนรักอย่างธีรไนยที่กำลังซักไซ้สอบปากคำเขาอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของอินทัช
“แต่เมื่อวานกูไปที่ห้างมา กูเจอใครไม่รู้หน้าเหมือนมึงมากกำลังนั่งกินข้าวกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่น่าแปลกนะมึง คนที่ไอ้คนหน้าเหมือนมึงไปกินข้าวด้วย หน้าตาเหมือนไอ้รามไม่มีผิด”
“ถ้ามึงจะพูดแบบนี้ มึงเจาะจงมาตรงๆ ดีกว่าธีร์”
“เออๆ นั่นแหละ มึงไปกับมันเหรอ ไหนว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับมันอีกไง” เหล่ตาจับผิดเพื่อน
“กูขัดขืนไม่ได้”
“แน่ใจนะว่าเป็นเหตุผลนี้ คนอย่างมึงเนี่ยนะขัดขืนไม่ได้ ไอ้พัฒน์ตัวใหญ่กว่าไอ้รามอีก บางครั้งกูยังถีบมันตกเตียงได้เลย แม้ว่ามันจะรัดกูแน่นก็ตาม”
“พูดออกมาไม่อายปากเลยนะ”
“หึหึ...ถามจริงๆ เถอะ มึงเล่าให้กูฟังไม่หมดใช่ไหม นอกจากที่โดนจับไปทรมานให้ทำงานหนักๆ แล้ว มันยังมีอะไรอีก กูรู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น” ธีรไนยยังคงซักไซ้จับผิดเพื่อน เพราะท่าทางของทั้งสองมันดูไม่ใช่แบบที่อินทัชเล่าให้ฟัง
โดยเฉพาะรามินทร์ที่แสดงออกชัดเจนเหลือเกินว่ารู้สึกพิเศษกับเพื่อนเขามากขนาดไหน และท่าทางของอินทัชก็เช่นกัน มันไม่ใช่แค่คนที่เพื่อนเขาบอกว่าเกลียดกันแล้ว
นี่มัน ‘รัก’ กันชัดๆ
“ก็มีเท่าที่เล่าให้ฟังนั่นแหละ”
“คราวนี้ถ้ามึงโกหกกูอีก กูจะเลิกคบมึงเป็นเพื่อนนะอิน” ไม่ใช่แค่ขู่เล่นๆ นะ แต่ถ้าอินทัชดึงดันจะโกหกต่อไป อินทัชก็จะโกรธจริงๆ คงไม่ถึงขั้นเลิกคบหรอก แต่ก็น่าจะอยู่ในระดับที่ง้อยาก
“ไม่มีจริงๆ”
“เราเคยสัญญา...ว่าจะไม่มีความลับต่อกัน แต่กูก็ลืมไปสัญญานั่นใครจะรักษามันหรือไม่ก็ได้”
“อย่าโกรธกูสิ”
“ช่างมันเถอะ กูคงก้าวล้ำเรื่องส่วนตัวของมึงมากไป ขอโทษทีละกัน” ประโยคน้อยใจมาขนาดนี้ คิดว่าอินทัชจะช่างมันได้จริงๆ น่ะหรือ
“เดี๋ยวคืนนี้เล่าให้ฟังก็แล้วกัน”
ธีรไนยยิ้มอย่างผู้ชนะ
“ที่เดิมนะ”
“เออ! ที่เดิม”
“แล้วนี่คุณขรรค์เป็นยังไงบ้างล่ะ”
“วันนี้กูโทรถามหมอเงินแล้ว ขรรค์มันพูดคุยกับคนอื่นได้อย่างปกติดี แต่ก็ยังเจ็บที่แผลอยู่ต้องระมัดระวังการขยับเป็นพิเศษ วันนี้กูคงไปเยี่ยมไม่ได้เพราะมีเรื่องต้องสะสาง”
“จริงสิ...วันนี้มึงจะทำเรื่องใหญ่โตนี่นะ”
“ใช่เรื่องที่มึงจะมามีความสุขไหม”
“เอาจริงหรือวะอิน”
“ก็เอาจริงสิวะ อ่ะ! มึงคิดดูสิ ถ้ามึงมีก้อนเนื้อร้ายอยู่ในร่างกาย มึงจะผ่าตัดออกไหม” อินทัชถามเพื่อนสนิท ธีรไนยหัวเราะออกมาเบาๆ
“หึหึ เลือดเย็นนะ นั่นอามึงเลยนะเว้ย”
“กูให้โอกาสมาหลายครั้งแล้วนะธีร์”
“อืม...กูเข้าใจ”
“แล้วนี่มึงไม่มีงานมีการทำหรือไง ถึงมาวุ่นวายกูที่บริษัทเนี่ย” ร่างโปร่งลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน แล้วล้วงกระเป๋า หันหลังให้กับเพื่อนสนิท มองไปยังวิวข้างนอก
“มี...มีเยอะเลยด้วย กูก็ไม่ได้ว่างมากขนาดนั้นหรอกน่า ที่มานี่ก็แค่ทางผ่านเฉยๆ”
“กูก็นึกว่ามีเรื่องอะไร แต่ถ้ามีปัญหาอะไรจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องให้มึงมาเองหรอกใช่ไหม”
“แน่ล่ะสิ แค่งานของกูก็วุ่นวายพออยู่แล้ว”
“อ๋อ...มาเพื่อซักเรื่องของกูกับไอ้รามสินะ”
“ถูกต้องนะคร้าบ”
“งั้นก็เชิญกลับไปได้แล้วครับคุณธีร์ ผมจะไปประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว”
“อ้าว? พร้อมแล้วเหรอครับท่านประธาน”
“กูพร้อมมาหลายเดือนแล้ว แต่เพิ่งจะมีโอกาส”
“งั้นก็ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีก็แล้วกันนะมึง”
อินทัชพยักหน้ารับคำอวยพรยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปส่งเพื่อนสนิทที่ประตูลิฟต์ แล้วเขาก็เดินเข้าห้องประชุมไปพร้อมกับเลขาสาวของตน
“ยักยอกเงินของบริษัทสามครั้ง ยอดรวมยี่สิบล้านบาท แอบส่งสินค้าหนีภาษี เรื่องยักยอกเงินน่ะไม่เท่าไหร่ผมยังพอให้อภัยได้ แต่เรื่องแอบส่งสินค้าหนีภาษี มันผิดสัญญากับทาง PLEUNG นะครับอา ถ้าทางนั้นรู้ อาคิดว่าทางเราจะรับผิดชอบไหวเหรอครับ อาก็รู้จักคุณเพลิงดีไม่ใช่หรือครับ” น้ำเสียงของอินทัชราบเรียบแต่หนาวสะท้านไปทั้งร่างของผู้ถือหุ้นทุกคนในที่ประชุมแห่งนี้
อินทัชเป็นคนนิ่งๆ เวลาที่โกรธและโมโห อินทัชไม่เคยโวยวายหรือตะคอก เพราะรู้ดีว่าทำไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่มีอะไรดีขึ้นมา...
“อา...คือว่า”
“ตอนนี้อาไม่มีสิทธิ์แก้ตัวแล้วครับ เพราะถ้าอาสำนึกผิดจริงๆ อาต้องไม่ทำเป็นครั้งที่สอง แต่นี่อาทำมาเรื่อยๆ จนบริษัทได้รับความเสียหาย ที่ผ่านมาผมรับผิดชอบทั้งหมดเพราะอาเป็นญาติ แต่ผมตัดสินแล้วครับ”
“อิน...อาขอโทษ อาขอโอกาสอีกสักครั้งนะ” อาของอินทัชแสดงความกังวลออกมา เขาไม่คิดอะไรแล้ว เอ่ยขอร้องอ้อนวอนหลานชาย แม้ว่ามันจะดูน่าสมเพชก็ตามที
หากเขาหลุดโอกาสนี้ไป...ชีวิตบนกองเงินกองทองของเขาก็ต้องหายไปด้วย ที่ผ่านมาเขาทำมันทั้งหมดจริงๆ ทั้งยักยอก ทั้งส่งของหนีภาษี แต่พอไม่มีใครจับได้ เขาก็คิดว่าตัวเองเก่งเลยเลยลำพองตัวเอง ทำมันต่อแบบนั้น หากแต่ความเป็นจริงแล้ว อินทัชรู้ตั้งแต่แต่ก็ปล่อยให้เขาได้ทำ
“มันไม่มีโอกาสแล้วครับอา ผมให้โอกาสอาได้สำนึกเอง แต่ก็ไม่ เอาเป็นว่าเงินที่อายักยอกไป กับค่าเสียหายทั้งหมด ผมจะรับผิดชอบเอง แต่ว่า...” อินทัชทิ้งช่วงเอาไว้ ก่อนจะลุกขึ้นยืนตรง มองหน้าอาตัวเองอย่างจริงจัง ดวงตาเด็ดเดี่ยวคนเป็นอาหวาดกลัว ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ก็แอบกลืนน้ำลายลงคอ ไม่บ่อยนักหรอกที่จะเห็นอารมณ์แบบนี้จากอินทัช
“แต่จากนี้ไป อาไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่ที่บริษัทนี้อีกต่อไป”
“นี่อินไล่อาออกเหรอ!!”
“ครับ!! ที่จริงแล้วไล่ออกมันยังน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่อาทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย”
“นี่แกไล่อาแท้ๆ ของแกเลยนะอิน!”
“ใช่ครับ ผมไล่อาออก ก็ดูสิที่อาทำสิครับ ต่อให้ผมไม่เป็นคนตัดสินใจ กรรมการ ผู้ถือหุ้นทุกท่านที่เห็นหลักฐานทุกอย่างก็ลงมติเดียวกันอยู่ดี”
อาของอินทัชมองไปที่กรรมการทุกคนด้วยความโมโห แต่สายตานับสิบคู่กลับกดดันเขาจนทำให้อาของอินทัชออกจากห้องประชุมไปด้วยความโกรธแค้น ไม่พอใจ แต่ไม่มีสิทธิทำอะไร เพราะอาไม่ได้มีหุ้นส่วนในบริษัท ไม่ได้เป็นกรรมการ แต่ทำงานในบริษัทเพราะเป็นญาติที่พ่อฝากฝังให้ทำงาน
ร่างโปร่งนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้งด้วยความสงบนิ่ง เยือกเย็นเหมือนเดิม ไม่รู้สึกอะไรเลยกับการไล่อาแท้ๆ ของตัวเองออกจากบริษัท
“ยกเลิกประชุมก่อนไหมครับคุณ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค ประชุมเรื่องต่อไปได้เลยครับ”
“งั้นพักก่อนดีไหม หน้าคุณอินดูไม่ดีเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ช่วงที่ผมหนีหายไปก็สร้างความเดือดร้อนมามากพอแล้ว เริ่มต่อได้เลยครับ” อินทัชไม่ยอมที่จะพัก ทั้งๆ ที่สีหน้าดูไม่ดีเท่าไหร่
ทั้งหมดเลยเริ่มประชุมกันต่ออีกครั้ง ส่วนทางด้านอาของอินทัชที่เดินปึงปัง โกรธแค้นหลานชายของตนที่ได้ครอบครองทุกอย่างที่ควรจะเป็นของเขาไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งประธานกรรมการ ธุรกิจต่างๆ ในเครือ โดยที่เขาไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว
เขาก็แค่เอาสิ่งที่ควรเป็นของเขามาก็เท่านั้น
“จำเอาไว้เลยไอ้เด็กเมื่อวานซืน กูไม่จบง่ายๆ แบบนี้แน่ มึงทำลายชีวิตของกู กูจะทำลายชีวิตของมึงบ้าง!!! ไอ้อินทัช...ไอ้เด็กนรก!!”
…
…
…
Paradise Club
“จะเล่าได้หรือยัง มึงดื่มไปหลายแก้วแล้วนะ มึงรู้ไหมว่ากูต้องกลับก่อนเที่ยงคืน ไม่งั้นไอ้พัฒน์เอากูตาย” ธีรไนยถามเพื่อนรักที่กำลังนั่งดื่มเอานั่งดื่มเอา ไม่ปริปากเล่าเสียที
“นี่มึงโดน ‘เอา’ จนจะตายเลยหรือวะ” อินทัชแสร้งเบิกตาโต ถามเพื่อนแบบกวนๆ
“กูหมายถึงแบบนั้น หรือสมองมึงมันหมกมุ่นแต่เรื่องอย่างว่าวะ ถ้าโดนเอาขนาดนั้น คงไม่มีไอ้ธีร์มานั่งตรงหน้ามึงแบบนี้หรอกนะ เล่ามา! อย่าเปลี่ยนเรื่อง”
“เออๆ กูพร้อมแล้ว ฟังนะ กูจะไม่ปิดบังอะไรมึงอีกแล้วธีร์”
“อืม...ว่ามา”
เมื่อพร้อมที่จะเล่า อินทัชก็เล่าเรื่องที่ยังเล่าไม่หมดให้ธีรไนยฟัง พลางดื่มเหล้าย้อมใจไปด้วย จู่ๆ ให้มาพูดเรื่องแบบนี้กับเพื่อน เขาเองก็อายเหมือนกันนะ
“อืม...เข้าใจแล้ว”
“ทำไมมึงดูไม่ตกใจเลยนะ” อินทัชถาม ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“จริงๆ แล้วกูก็พอเดาออกนะ ว่ามึงสองคนต้องมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่านี้ แล้วมันก็จริงๆ ไม่น่าล่ะ ไอ้รามมันถึงมองหน้ามึงแบบจะกลืนกินเชียว”
“มองผิดหรือเปล่า”
“ไม่นี่...มันรักมึงจะตาย”
“ไอ้ธีร์”
“แล้วมึงเอง ก็...”
“หุบปากไป ไอ้เพื่อนเลว”
“หึหึ ทำมาเป็นด่า...ไม่น่าล่ะมึงถึงได้กลัวมันนักหนา เอาแต่เลี้ยง เอาแต่หนี แต่เมื่อวานก็อดคิดถึงมันไม่ได้ล่ะสิ ถึงได้ยอมไปกับมันน่ะ” อินทัชส่ายหน้าไปมา ธีรไนยเองก็นั่งด้วยท่าทางสบายๆ แต่กวนโอ๊ยในความรู้สึกเหลือเกิน
ต่อยเพื่อนสักทีจะเป็นอะไรไหมเนี่ย
“กูไม่ได้กลัว”
“งั้นทำไมไม่ยอมรับความรู้สึกตัวเอง” ธีรไนยถาม สีหน้าที่จริงจังของเพื่อนสนิททำเอาอินทัชหลบเลี่ยงสายตา
“กู...ก็ไม่มีความรู้สึกอะไรที่ต้องยอมรับนี่”
“รู้แก่ใจตัวเองดีอยู่แล้วนี่...อย่าทำเหมือนไอ้พัฒน์ตอนนั้นได้ไหม มึงไม่คิดบ้างเหรอว่าความรู้สึกของไอ้รามจะเป็นยังไง ก็คงไม่ต่างจากกูในตอนนั้นเท่าไหร่หรอกนะ แต่อาจจะเข้มแข็งกว่า”
“นี่มึงเป็นเพื่อนกูนะ มึงต้องเข้าข้างกูสิ มึงไม่ชอบมันไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมมึงถึงพูดเหมือนอยากให้กูกับมันรักกันล่ะ” อินทัชโวยวายใส่เพื่อนอย่างไม่พอใจ หากแต่ธีรไนยกลับปั้นหน้านิ่งๆ เช่นเคย
“ใช่...กูโกรธที่มันทำกับมึง แต่มันไม่ได้หมายความว่ามึงจะรักมันไม่ได้”
“ไอ้ธีร์!”
“ไม่ต้องมาเถียงกูเลยอิน กูไม่อยากให้มึงต้องมาเสียใจทีหลัง อะไรที่เรามีความสุขได้ ก็มีๆ ไปเถอะนะ ไม่ต้องแคร์ใคร...ไม่ต้องสนใจคนอื่น”
“ทำไมมีแต่คนอยากให้กูกับมันรักกันนะ รวมทั้งมึงด้วยไอ้ธีร์” อินทัชไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมทุกคนต้องอยากให้เขากับรามินทร์ลงเอยกัน ทั้งๆ ที่มันทำเรื่องเลวร้ายไว้กับเขา
“มึงหายโกรธมันแล้วอิน และมึงก็คิดถึงมันมากๆ ด้วย ตลอดหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมามึงเหม่อบ่อยๆ มึงรู้ตัวไหมอิน มึงรู้ไหมว่ามึงคิดถึงมันมากขนาดไหน” ธีรไนยถาม
รู้ตัว!!! และรู้ดีว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับรามินทร์
ต่อให้รู้สึกเหมือนกัน แต่เขาก็กลัว...กลัวว่ามันจะรักมากเกินไป ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขา เลือดร้อนของรามินทร์มันจะต้องมาอีกครั้งแน่ๆ
อินทัชไม่อยากเป็นต้นเหตุที่ต้องทำให้รามินทร์ทำความผิดอีก
คนอย่างรามินทร์ รักแรง และเกลียดแรงด้วย
“อย่าให้มันสายเกินไปอิน กูขอเตือนนะ”
“อืม...ขอบใจมาก”
ธีรไนยยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ดวงตามองคนเป็นเพื่อนที่กำลังนิ่งอยู่ในภวังค์ ไม่มีทางยอมปล่อยให้เป็นแบบนี้แน่ๆ กว่าอินทัชจะมีความรักอีกครั้งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
อินทัชขยาดความรักมากๆ
“พี่อิน...พี่อินจริงๆ ด้วย จำพีมได้ไหมฮะ” อินทัชหลุดจากภวังค์ เงยหน้ามองคนที่เดินเข้ามาทักทันที ใบหน้าสวยไม่ได้แสดงอะไร เพราะกลัวว่าคนทักจะเสียใจที่เขาจำไม่ได้
คู่ควงเขาก็เยอะมาก ใครจะไปจำได้ทั้งหมด
“สวัสดีครับน้องพีม ไม่เจอกันนาน น่ารักขึ้นนะครับ”
“พี่อินก็ปากหวานเหมือนเดิมเลย หล่อขึ้นด้วย พี่ธีร์ก็เหมือนกันนะครับ หล่อมากเลย ไม่คิดว่าจะได้เจอพี่สองคนอีกนะครับ” ธีรไนยยิ้มให้นิดๆ เพราะตนก็จำไม่ได้ แต่ก็รู้ว่าคงจะเป็นคู่นอนคนเก่าของเพื่อน
เพราะที่ผ่านมาถึงธีรไนยจะเปลี่ยนคู่ควง คู่นอนเป็นว่าเล่นแต่ก็ผู้หญิงทั้งนั้น ส่วนอินทัชอย่างที่เห็นมันได้ทั้งหญิงและชาย แต่ผู้ชายเยอะกว่า เพราะอินทัชค่อนข้างให้เกียรติผู้หญิง
“ขอบคุณครับ”
“ขอพีมนั่งด้วยคนไหมครับ เพื่อนมันมากับแฟนหมด พีมเหงา”
สุภาพบุรุษมาด้วยกันทั้งสองคน คิดหรือว่าจะปฏิเสธไม่ให้ชายหนุ่มน่ารักคนนี้มานั่ง แม้ว่าพวกเขาสองคนจะอยากได้เวลาส่วนตัวก็ตามที
“เชิญเลยครับ แต่พวกพี่คงได้นั่งอีกไม่นานเพราะต้องรีบกลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้มีงานน่ะครับ” ธีรไนยเป็นคนตอบ ทำเอาหนุ่มน่ารักแสดงความไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มหวานทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ กับอินทัชแบบแนบชิดสุดๆ
“พีมคิดถึงพี่อินจังเลยฮะ พี่อินล่ะฮะ ไม่เห็นติดต่อกันมาบ้างเลย”
“พี่งานยุ่งน่ะ แล้วช่วงนี้ก็ไม่ค่อยเที่ยวกลางคืนเท่าไหร่”
“ว้า แบบนี้พีมก็เจอกับพี่อินยากน่ะสิฮะ”
อินทัชได้แต่ยิ้ม ส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนรักที่ตอนนี้นั่งอมยิ้มอย่างสนุกสนานกับเหตุการณ์นี้ของเพื่อนอยู่
ช่วยกูด้วย!!
ธีรไนยพยักหน้านิดๆ เพราะเข้าใจว่าเพื่อนต้องการอะไร แต่ถ้าจะให้เขาช่วยพูดก็คงจะไม่ได้เช่นกัน เพราะเด็กคนนี้ท่าทางจะไม่ยอมอะไรง่ายๆ
กูจัดให้ไอ้อิน...หึหึ
“พี่อิน...พรุ่งนี้ไปทานข้าวกับพีมได้ไหมฮะ นะฮะ” อินทัชอึกอัก จะปฏิเสธยังดีล่ะเนี่ย...
อินทัชไม่คิดที่จะสานสัมพันธ์อะไรทั้งนั้น เพราะเขาไม่มีอารมณ์ที่อยากจะทำแบบเดิมแล้ว ไม่อยากสร้างปัญหาอี ถ้าไปเจอน้องสาวน้องชายใคร หากไปทำร้าย ไปทิ้งเขา อาจจะมีปัญหาตามมาทีหลังอีก
พอกันที...เข็ดแล้ว
“พี่ไม่ค่อยว่างน่ะครับ เอาไว้ถ้าพี่ว่างพี่จะติดต่อไปก็แล้วกันนะ”
พีมรู้ว่าการที่อินทัชพูดแบบนี้เป็นการปฏิเสธตนแล้วก็จะไม่ติดต่อมาหาตนแน่นอน เพราะคราวที่แล้วอินทัชก็พูดกับตนแบบนี้เหมือนกัน แต่ก็ไม่ติดต่อมาเสียที คราวนี้ไม่ยอมปล่อยไปแน่ๆ
เขาต้องได้อินทัช
“ไม่เอาอ่ะ...พี่อินสัญญาไว้กับพีมครั้งที่แล้วก็ไม่เห็นจะรักษาสัญญาเลย”
“โธ่...ก็พี่ไม่ว่างจริงๆ นี่ครับ”
“ไม่รู้แหละ พี่อินต้องไม่ผิดสัญญากับพีมอีก”
“พีมครับ...” อินทัชปรามเสียงเข้ม เป็นการบ่งบอกว่าอารมณ์ของเขาเริ่มไม่ดีแล้ว และไม่ชอบที่จะให้ใครมาเอาแต่ใจกับตน ธีรไนยที่นั่งมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความสนุกสนาน เดาในใจเล่นๆ ว่าจะเพื่อนรักจะทำอะไรต่อไป หรือว่าคนที่เขาตามให้มาช่วยจะมาถึงก่อน...
จุ๊บ!
“ขอโทษฮะ พีมไม่ได้ตั้งใจจะเอาแต่ใจ พี่อินอย่าโกรธพีมนะฮะ” พีมที่รู้ตัวว่ากำลังทำตัวไม่น่ารักต่อหน้าอินทัชก็เลยหอมแก้มนุ่มของร่างสูงโปร่งอย่างง้องอน
เมื่อเห็นว่าอินทัชยังนั่งนิ่ง พีมก็จูบที่ปากอิ่มของอินทัชเร็วๆ อีกครั้ง ขนาดที่เจ้าตัวยังตั้งตัวรับไม่ทัน ร่างโปร่งหันขวับไปมองคนตัวเล็กกว่าทันที ร่างโปร่งค่อนข้างจะรู้สึกไม่พอใจที่โดนทำรุ่มร่ามใส่ ทั้งๆ ที่ผ่านมาเขาก็ยอมให้คนมาทำรุ่มร่ามใส่แบบนี้ตลอด
ไม่ผิดหรอกที่พีมจะทำ เพราะมันก็เคยทำได้... แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้วไว
50%
มาแล้วจ้า อย่าลืมเม้นท์ให้ยูกิด้วยน้า เจอกันครึ่งหลังวันเสาร์จ้า ^^
พูดคุยกับยูกิได้ที่แฟนเพจเลยจ้า
https://www.facebook.com/sawachiyuki/