ตอนที่14
[50%]
'มึงคิดว่าถ้าวันนึงไม่มีกูมึงจะดูแลตัวเองได้มั้ย?'
'....'
'กูไม่รู้ว่ากูจะสามารถปกป้องมึงเหมือนเดิมได้รึเปล่า'
'ทำไม....มึงพูดแบบนี้ล่ะ'
'ไม่มีอะไร กูแค่อยากให้มึงเข้มแข็งกว่านี้ เผื่อวันนึงมึงไม่มีกู'
'มีดิ!'
'เราไม่รู้อนาคตหรอกปัน'
'มึงพูดเหมือนจะเกิดอะไรขึ้น'
มันพูดเหมือนจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราสองคน ผมก็งงๆอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงพูดแนวนี้
'มีอะไรรึเปล่าธัน?'
'ไม่มีๆอย่าคิดมากดิ'
'จะไม่ให้คิดได้ไงอยู่ๆมึงก็มาพูดเหมือนเราจะจากกัน'
'ขอโทษแล้วกันที่ทำให้คิดมาก แต่กูขออะไรอย่างได้มั้ย'
'....อืม' (ผมพยักหน้าเบาๆ)
'ขอให้มึงดูแลตัวเองดีๆห้ามให้ใครมาทำอะไรมึงได้ เข้าใจมั้ย?'
'เข้าใจ กูจะดูแลตัวเอง จะเข้มแข็ง พอใจมั้ย'
'ดีมาก หึๆ'
"จะเงียบอีกนานมั้ย"
มันถามผมหลังจากที่สาธยายนู่นนี่อยู่คนเดียวโดยที่ผมไม่ตอบอะไรเลย
"นี่กูพูดคนเดียวมาเป็นชั่วโมงแล้วน่ะ"
"...."
"มึงรู้ใช่มั้ยว่ากูทำสิ่งที่มึงคิดไม่ถึงได้"
"...."
จากนั้นเราก็เงียบไปทั้งคู่จนมีเสียงถอนหายใจของธันวาเนื่อยๆก่อนมันจะพูดขึ้น
"จะเอาแบบนี้ใช่มั้ยปัน....ด้ายยยย"
"เหวออ..."
มันขึ้นเสียงสูงพร้อมเดินเข้ามาคว้าแขนผมแล้วออกแรงดึงจนผมขึ้นมายืนสุดตัว หน้าตาตอนนี้ผมเหวอมากเพราะต้องพยายามบังคับเท้าให้ไปตามมันซึ่งมันลากผมและเดินเร็วมาก
"นี่ปล่อยนะ!"
ผมเดินไปด้วยก็จริงแต่ก็พยายามสะบัดแขนออกอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีผล
ลากมาเรื่อยจนตอนนี้มากันในตัวรีสอร์ทแล้ว ซึ่งพี่ๆเพื่อนๆคงอยู่กันที่ลานเวทีกันอยู่ มันลากผมเดินตรงไปที่ล็อบบี้และพูดกับพนักงาน
"ผมต้องการห้องสวีทหนึ่งห้อง"
"เอ่อ...."
เธอเหลือบตามามองผมที่เหมือนโดนขัดขืนมา และมองกลับไปที่ธันวาถามเสียงอ่อย
"....จะดีหรอคะ?"
"คิดว่าดีมั้ยถ้าผมบอกผู้จัดการว่าคุณไม่จัดห้องให้แขก"
ไอ้บ้าอำนาจ! เขาก็ทำตามหน้าที่อยู่แล้ว เกิดมีคนฉุดมาเปิดห้องทำมิดีมิร้ายเขาก็ซวยสิ
"คือ...."
เธอยังคงลังเลว่าจะเปิดให้ดีมั้ยปนกับมองมาที่ผมที่กำลังพยายามดึงแขนออกจากมือธันวา แต่ดูมันจะรีบและไม่พอใจเลยสั่งเธอเสียงเย็น
"ผมต้องการเดี๋ยวนี้"
"ค่ะๆ รอสักครู่นะคะ"
เธอรนๆไปที่คอมจัดหาห้องตามที่ธันวามันต้องการ ไม่นานก็ได้คีย์การ์ดมา มันลากผมขึ้นไปยันชั้นบนหาเบอร์ห้องจากนั้นก็แตะคีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไป และเหวี่ยงผมให้ล้มลงไปบนเตียง
"....พี่จะทำอะไร"
"หึ! คิดว่ากูลงทุนเปิดห้องใหม่กับมึงสองต่อสองทำอะไรล่ะ"
มันว่าแค่นยิ้มเจ้าเล่ห์เดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ
"อย่ามาทำอะไรบ้าๆนะ!"
"กูยังไม่ทำอะไรมึงหรอก เพราะกูต้องคุยกับมึงให้รู้เรื่องก่อน"
"...."
"ทุกเรื่อง"
มันเดินมานั่งที่เตียงทำให้ผมขยับตัวให้ห่างกว่าเดิม ก่อนผมจะถามไปเสียงรนๆจนเกือบพูด 'มึง'
"มะ....เอ่อ พี่มีอะไรก็พูดมา"
"เรื่องแรก....มึงต้องพูดกับกูเหมือนเดิม"
ผมส่ายหัวเม้มปากแน่น ใครจะไปพูด! ผมไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับมันแล้ว
"ก็ให้โอกาสอีกครั้ง ถ้ามึงไม่พูดกูจะจูบมึง"
มันมองมาด้วยสายตานิ่งเรียบทำให้ผมเดาไม่ถูกว่ามันพูดเล่นหรือพูดจริง แต่ผมก็ยังคงยืนยันคำตอบเดิมว่า 'ไม่!'
มันแค่นยิ้มก่อนจะกระโดดมาคว้าท้ายทอยผม จังหวะเดียวกันแขนผมดันงอทันทีด้วยความตกใจ แต่ก็ต้องรับริมฝีปากมันอยู่ดี มันทำให้ผมหน้าเห่อร้อนไปหมดราวกับโดนแดดที่แรงที่สุดเผาและใจที่สั่นรัวไม่เป็นจังหวะ ผมพยายามดันตัวออกแต่ก็ไม่สำเร็จแรงดันผมสู้มันไม่ได้เลย หรืออาจเพราะตอนนี้ตัวผมอ่อนยวบเกินทน
มันค่อยๆผละริมฝีปากออกและยกมุมปากถาม
"ทีนี้จะพูดได้รึยัง"
....ผมเม้มปากแน่น
"หึ!"
มันทำเสียงในลำคอจับท้ายทอยผมกดริมฝีปากนุ่มลงมาอีกรอบจนผมตาโตโพลนเมื่อมันพยายามสอดลิ้นเข้ามา
"ไอ้ธันวา!"
ผมดันสุดแรงจนมันหลุดและแว็ดเสียงใส่มัน
"ดี...ก็แค่นี้ ถ้ามึงพูดตั้งแต่แรกก็จบ ตอนแรกกูคิดว่าถ้ามึงยังไม่พูดกูจะจับมึงปล้ำในนี้นี่แหละยังไงก็ไม่มีใครช่วยมึงได้อยู่แล้ว"
"เลว"
"หยุดพูดแล้วฟังกู กูจะบอกเหตุผลทุกอย่างที่ก็รับรักมึงไม่ได้และสิ่งที่ทำให้กูเมินมึง"
"กู....ไม่อยากรู้"
ถึงผมจะพูดไปแบบนั้นแต่ใจผมชาไปหมดเมื่อรู้ว่ามันจะบอกเหตุผลที่เคยทำให้ผมเจ็บที่สุด
"อยากให้กูปล้ำรึไง!"
โว้ยยย ไอ้บ้า! มันทำผมเริ่มกลัวมันละ
"ถ้าไม่อยากก็เงียบและฟังเพราะถ้ามึงขัดกู กูจะจับมึงกดตอนนี้แหละ"
"มึงมันบ้า! กูมีแฟนอยู่แล้วมึงก็รู้หนิยังมาพูดจาอะไรแบบนี้อีก"
ผมกลับมาใช่ศัพท์พนามแทน 'กู-มึง' กับมันเหมือนเดิม เพราะถ้าไม่พูดมันอาจทำแบบเมื่อกี้อีก มันบ้ารึเปล่ารู้ทั้งรู้ว่าผมมีแฟนอยู่แล้วยังมาทำแบบนี้
"มึงขัดกู"
มันพูดเสียงเรียบพร้อมมองมานิ่งๆทำให้ผมนึกถึงประโยคที่มันพูดเมื่อกี้ว่าถ้าผมขัดจะจับปล้ำทำให้ปากล่างปากบนเม้มติดกันทันที
"กูมีแฟนอยู่แล้ว เราคบกันเพราะรู้จักกันแต่เด็กที่บ้านเห็นว่าเข้ากันได้ดีเลยจัดให้คบกัน กูพยายามที่จะรักเธอให้เหมือนที่เธอรักกู แต่ก็ทำไมได้ ความรู้สึกกูมันให้เธอได้แค่เพื่อน และจนกูเจอมึงก็ทำให้กูชอบความนุ่มนิ่มของมึง กูอยากปกป้องมึง ถึงจะทำให้คนอื่นมองกูว่าเป็นเกย์ก็เถอะ กูรู้สึกดีกับมึงจนลืมไปว่ามีแฟนอยู่แล้ว กูไม่เคยบอกมึงว่าก็มีแฟนอยู่แล้วเพราะกูไม่เคยรักเธอและไม่เคยคิดว่าเธอเป็นแฟน...."
ผมไม่เคยรู้จริงๆว่ามันมีแฟน เราเป็นเพื่อนกันไปไหนมาไหนด้วยกันแต่มันไม่เคยพูดเรื่องนี้เลยซึ่งผมเองก็ไมเคยถาม
"มึงทำให้กูรู้สึกหวั่นไหวและแอบชอบเพื่อนสนิทตัวเอง กูพยายามบอกเลิกเธอหลายครั้งต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะที่บ้านไม่ยอมและเธอรักกูมาก ทำให้พ่อและแม่ก็โกรธมากและให้คนมาสืบว่ากูอยู่กับใครวันๆนึง ซึ่งยังไงก็คือ...มึง"
....นี่ตลอดเวลามีคนคอยตามเราด้วยหรอ?
"ท่านรู้เรื่องก็เรียกกูไปคุยว่ากูคิดยังไงกับมึง กูเลยบอกว่ากู....ชอบมึง เลยโดนตบหน้ามาทีนึง มึงรู้มั้ยว่าเด็กมอสี่อย่างกูต้องเจออะไรบ้าง ท่านเรียกพ่อแม่ฝ่าย 'เคท' มาคุยเรื่องหมั่นหมาย ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เด็กมอสี่ไม่ควรเจอ เขาสั่งห้ามให้กูเลิกยุ่งกับมึงอยู่หลายครั้งจนมาสั่งแบบเด็ดขาดในวันที่มึง....บอกชอบกู"
"มึงรู้มั้ยว่ากูดีใจแค่ไหนที่มึงบอกว่าชอบกู กูอยากกระโดดวิ่งไปมามากๆ แต่มันเป็นจังหวะที่แม่โทรมากระชับว่าถ้ากูยังไม่เลิกยุ่งเลิกคบกับมึงไม่งั้นจะส่งกูไปเรียนเมืองนอกแล้วอย่าหวังว่ากูจะได้เจอมึงอีก ตอนนั้นก็กลัวๆไปหมดจนทำอะไรไม่พูด กูไม่สามารถรู้ได้ว่ามันคือคำขู่หรืออะไรด้วยความที่ยังเด็ก"
ใจผมชาขึ้นเมื่อฟังมันเล่า จริงๆแล้วไม่ใช่ผมคนเดียวที่เจ็บ แต่มันก็เจ็บไม่แพ้ผมแถมต้องรับเรื่องราวมากมายที่เด็กวัยสิบหกไม่ควรรับ
"กูถูกเรียกไปสั่งห้ามยุ่งกับมึงอีกครั้งแบบเด็ดขาด โดยแม่จะให้รุ่นพี่ที่เป็นลูกเพื่อนแม่คอยดูอย่างใกล้ชิด รวมถึงการ์ดที่ไปเฝ้าที่กูที่โรงเรียนทั้งวัน ทำให้กูไม่มีทางเลือกจริงๆกูไม่อยากจากมึงไป สู้กูเมินมึงแล้วเราได้อยู่ด้วยกันดีกว่ากูต้องไปเรียนเมืองนอกแล้วไม่รู้จะได้เจอมึงตอนไหน แต่เปล่าเลย...มันทำให้มึงทิ้งกูไป"
ผมรู้สึกได้ถึงน้ำตาตัวเองที่เอ่อคลออยู่แบบไม่รู้ตัวและไหล่ออกมาช้าๆ ผมเคยคิดเสมอว่าผมเจ็บแต่มันไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย จนได้มารู้วันนี้....
"วันที่มึงถูกพวกนั้นแกล้งอีกครั้งโดยการจับถอดกางเกง ใจกูยวบไปหมด ทำอะไรไม่ได้นอกจากแค้นใจตัวเองที่เข้าไปช่วยมะ มึงไม่ได้ ทั้งรุ่นพี่ที่ตามประกบกูการ์ดที่ยืนมองมา กูทำ อึก ทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ ....กูขอโทษ"
น้ำตามันไหลออกมาขณะที่พูดไปด้วย ผม....ผมก็พูดไม่ออกเช่นกันเพราะน้ำตาผมก็ไหลเช่นกัน ผมจำได้เพียงสายตาที่มองมานิ่งๆ โดยไม่เคยรู้เลยว่าสายตามันที่มองมาทางผมก็เจ็บเช่นกัน
"มึงรู้มั้ยว่าตอนมึงไม่มาโรงเรียนสองสามวันกูทุกข์ใจร้อนใจแค่ไหน กูตรงไปที่บ้านมึงเขาก็บอกว่ามึงย้ายกลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่บ้านใหญ่แล้ว ถามว่าที่ไหนเขาก็ไม่ตอบบอกไม่สามรถพูดได้ ใจก็วูบโหวงไปหมดทำอะไรไม่ถูก กูขังตัวเองอยู่แต่ในห้องไม่กินอะไรเป็นอาทิตย์ๆจนกูซูบโทรม พ่อแม่เลยมาร้องไห้ขอโทษและยอมกูทุกอย่าง แต่มันก็สายไปแล้วที่กูจะได้อยู่กับมึง"
"....ธัน"
ผมเรียกมันด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ
"กูเลิกกับเคทแล้วนะ"
'เคท' คงแฟนมันนั่นแหละ มันเอื้อมมือมารวบมือผมไปจับไว้ ผมรับรู้ได้ถึงความอบอุ่น
"....ให้โอกาสกูได้มั้ยปัน กูรักมึง"
"กูมีแฟนแล้ว"
ถึงผมจะเคยชอบมันมากแค่ไหนแต่ตอนนี้ผมมีต้าร์อยู่แล้วและผมก็เริ่มชอบต้าร์ไปแล้ว....
"กูรอได้ รอมาตั้งสี่ปีจะให้กูรอต่อไปก็ไม่เป็นไร ขอแค่มึงรู้ว่ากูรอก็พอ"
เหตุผลของธันวามันคืองี่~ ธันวาก็น่าสงสารน้าาาาาาาาา เห็นแบบนี้เป็นเราก็ทำอะไรไม่ถูกเนาะอายุแค่สิบหกฝากนิยายใหม่ๆ
หลง(รัก♥)นายสกินเฮด ด้วยนะคะ
>>>>>>>>>>>อ่านต่อด้านล่างนะคะ>>>>