สวัสดีค่ะ มาลงตอนที่ 39 แล้วนะคะ ไม่รู้จะพูดอะไร ไปอ่านกันดีกว่าค่ะ ถ้าหากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดอะไรก็ขออภัยด้วยนะคะ ติชมได้ ยินดีรับฟังค่ะ ขอบคุณทุกกำลังใจไว้เจอกันใหม่ค่ะ
+++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 39 Run-down.
Catch myself
พาตัวเองขึ้นมา
From despair
จากความสิ้นหวัง
I could drown
ฉันอาจจะดำดิ่งแน่ๆ
If I stay here
หากฉันยังอยู่ตรงนี้
Keeping busy everyday
ทำตัวเองให้ยุ่งอยู่ทุกวัน
I know I will be OK
ฉันรู้ว่าจะต้องดีขึ้นมาแน่นอน
But I was
แต่ฉันก็ยัง
So confused,
สับสนอยู่ดี
My heart’s bruised
หัวใจของฉันเจ็บช้ำ
Was I ever loved by you?
เธอเคยรักฉันบ้างไหม?
ผ่านไปแล้วสองสัปดาห์ตั้งแต่พระพายมาอยู่กับพิธาน ต่างคนต่างทำงานและเมื่อเลิกงานก็จะมากลับห้องมาอยู่ด้วยกันเสมอ หากวันไหนพิธานกลับมาเร็วก็จะทำอาหารทานกัน แต่หากวันไหนพระพายกลับมาก่อน พระพายก็จะทำอาหารง่ายๆไว้ให้ อีกทั้งหลังๆมานี้พิธานจะนำงานมาทำที่ห้องเสมอ ดูเหมือนเจ้าตัวอยากใช้เวลาอยู่ร่วมกับพระพายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
วันนี้เป็นวันเสาร์ หลังจากดื่มกันวันนั้น เก้าก็ติดต่อมาตลอด โทรมาบ้างส่งข้อความคุยกันบ้าง แต่ไม่ได้นัดเจอกันเลยเพราะเก้าบอกว่างานยุ่ง แต่ความรู้สึกของพระพายเหมือนเก้าจะอ้างเสียมากกว่า เพราะเห็นเก้าโผล่ไปในเฟสบุคของเพื่อนร่วมงานแทบจะทุกวัน ทานข้าว ไปเที่ยวกัน ตลอดทั้งสองสัปดาห์มานี้
“มึงบอกกูว่าไม่ว่าง แต่มึงเที่ยวตลอดเลยนะเก้า” พระพายส่งข้อความไป ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนรถโดยที่พิธานพาไปส่งที่ทำงาน
“กูยุ่งจริงๆ”
“ไม่รู้แหละ วันนี้มึงต้องมาเจอ ถ้าไม่มา กูจะโกรธมึงมากเลย” พระพายส่งตอบกลับไป
“อย่าโกรธกูสิ”
“ถ้ามึงไม่มากูโกรธแน่”
“ก็ได้ เดี๋ยวกูจะบอกมึงอีกที” เก้าตอบมาเช่นนั้น พระพายจึงเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋าไป
“คุยกับใคร?” พิธานถามขึ้นในขณะที่ขับรถอยู่
“คุยกับเก้า หลังๆมานี้ไม่ยอมมาเจอผมเลย แต่ไปเที่ยวกับเพื่อนที่ทำงานตลอด”
“งอนเพื่อนเหรอ?”
“ก็ใช่สิ เหมือนหลบหน้ายังไงไม่รู้ บอกให้มาหาก็ไม่ยอมมา พอจะไปหาก็ไม่ยอมให้ไป” พูดแล้วก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที
“อย่าคิดเยอะ เดี๋ยวก็มานั่นแหละ” พิธานลูบไหล่พระพายจากนั้นก็ขับรถต่อ
“ถ้ามันไม่มาผมจะไปลากมันมาด้วยตัวเองเลย” พระพายหมายหมั้นปั้นมือไว้อย่างนั้น
พิธานขับรถมาถึงที่ทำงานของพระพาย ซึ่งมาเร็วกว่าปกติมากเพราะวันนี้พิธานออกมาเช้ากว่าปกติ มีงานต้องเข้าไปจัดการแต่เช้า
“เย็นนี้เดี๋ยวจะส่งข้อความไป ไม่มั่นใจว่าจะได้มารับรึเปล่า” พิธานบอกเช่นนั้น
“ไม่เป็นไร ผมกลับเองได้สบายมาก คุณทำงานไปเถอะ” พระพายว่าพลางยิ้มให้
“เดี๋ยวจะบอกอีกที” พระพายเดินลงจากรถพลางโบกมือให้ พิธานยิ้มออกมานิดๆจากนั้นก็ขับรถออกไป
พระพายตอกบัตรและเดินเข้าไปยังแผนก พบว่าไม่มีใครมากันสักคน คงเพราะเช้าเกินไป พระพายจึงใช้เวลานี้เปิดคอมพิวเตอร์ทำงานทันที เพราะยิ่งเงียบเท่าไหร่ยิ่งดีกับการทำงานมากขึ้น
และเพียงไม่นานนักคนในแผนกต่างเริ่มเข้ามาทำงาน ความวุ่นวายจึงเริ่มบังเกิดดังเช่นที่ผ่านมา พี่กล้วยเดินมากับพี่ปีพลางพูดคุยเรื่องเกมออนไลน์กันอย่างออกรส
“เฮ้ย มึงมาคนแรกเหรอพาย?” พี่กล้วยถามพลางนั่งลง
“ก็กลัวรถติดเลยออกมาเร็วหน่อยครับ” พระพายนั่งทำงานต่อ
“มึงหวังตำแหน่งพนักงานดีเด่นใช่ไหม?” พี่กล้วยเริ่มต้นวันทำงานวันสุดท้ายด้วยการแกล้งแหย่พระพายเช่นเดิม
“ถ้าพี่ไม่ได้ว่าผมสักวันนี่พี่นอนไม่หลับใช่ไหม?”
“เออสิวะ การได้แกล้งหยอกมึงนี่สนุกสุดยอดแล้ว” พี่กล้วยหัวเราะถูกอกถูกใจคนในแผนกคนอื่นๆเช่นกัน
“มึงเป็นคนโรคจิตคนหนึ่งนะกล้วย” พี่ปีว่า
“อ้าวมึง ว่ากูโรคจิตแต่เช้าเลย”
“เอาน่า ทำงานเถอะ เดี๋ยวก็โดนด่ายกแผนกหรอกพี่” พระพายเป็นคนตัดบท ทุกคนจึงเริ่มทำงานกันอีกครั้ง
ในเวลาพักเที่ยง เก้าส่งข้อความถามว่าจะเจอที่ไหน พระพายที่ลังเลก็ตัดสินใจได้ เพราะพิธานส่งข้อความมาว่าเย็นนี้จะไม่มารับเพราะติดงาน พระพายจึงใช้โอกาสนี้ขอพิธานไปเจอเก้า ซึ่งพิธานก็ยอมตกลงแต่โดยดีแต่ต้องไปเจอกันที่คอนโดเท่านั้นที่อื่นไม่ให้ไป
“จำเป็นต้องไปที่นั่นเหรอวะ?” เก้าถาม
“คุณพิธานไม่อยู่หรอก บอกว่ากลับช้าหน่อย ไม่มีปัญหา”
“แต่กูไม่อยากไปที่นั่น”
“ทำไมวะ?”
“ไม่อยากไปคือไม่อยากไป”
“ถ้าอย่างนั้นกูถามคุณพิธานแปบ”
“ไอ้คนติดแฟน!!”
เก้าส่งข้อความว่าพระพายด้วยความรวดเร็ว พระพายก็ยอมรับว่าเขาออกจะเชื่อฟังพิธาน เพราะไม่อยากขัดใจแต่หากลองขอดีๆพิธานก็น่าจะยอม คิดได้แบบนั้นก็ส่งข้อความหาพิธานอีกครั้ง
“เก้าไม่สะดวกมาที่คอนโด ผมขอไปเจอข้างนอกได้ไหม?” พิธานอ่านแล้วแต่เงียบไป
“ได้ แต่ห้ามกลับดึก” พิธานยอมในที่สุด พระพายจึงส่งสติ๊กเกอร์ขอบคุณและส่งจูบไปให้ พิธานอ่านแต่ไม่ตอบอะไรกลับมา
“สงสัยจะอาย” พระพายพูดเท่านั้น จากนั้นก็ส่งข้อความหาเก้าอีกครั้ง
“จะไปเจอที่ไหน ว่ามา”
“ร้านป้าแต๋วล่ะกันมึง” เก้าตอบมาเช่นนั้น
“เออ เลิกงานแล้วจะไปเลย รีบๆนะมึง”
“ครับน้องพระพาย”
เวลาผ่านไปจนถึงเวลาเลิกงาน พระพายก็รีบเก็บของและออกจากออฟฟิศด้วยความรวดเร็ว นั่งแท็กซี่ไปที่ร้านอาหารเจ้าประจำสมัยมหาวิทยาลัย ระหว่างทางพระพายก็นั่งฟังเพลงในโทรศัพท์มือถือไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาถึงร้านอาหารที่นัดหมาย พระพายเห็นเก้ายืนรออยู่แล้ว
“ทำไมมาเร็วจัง” พระพายแปลกใจที่เก้ามาก่อน
“ก็เลิกงานเร็ว”
“เข้าไปข้างในเถอะ
ร้านอาหารยามเย็นเช่นนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย พระพายและเก้าเลือกที่จะนั่งบริเวณสวนเฉกเช่นเคย เมื่อนั่งลงก็รีบสั่งอาหารทันทีเพราะหากช้ากว่านี้จะต้องรอคิวอีกนาน
“เป็นไงบ้างมึง ไหนบอกว่ามาซิทำไมถึงไม่ค่อยมาหากู” พระพายเริ่มเปิดประเด็นก่อนทันที
“ก็..กูยุ่งๆ” เก้าตอบแบบขอไปที
“ยุ่งอะไร กูเห็นนู่น ไปกับเพื่อนที่ทำงานตลอด เที่ยวแทบจะทุกคืน แล้วนี่สารรูปอะไรของมึง มึงเที่ยวเยอะไปใช่ไหม?” พระพายบ่นยาวเป็นหางว่าว ยิ่งเห็นหน้าตาโทรมๆของเก้ายิ่งบ่นเข้าไปอีก
“มึงขี้บ่นกว่าเดิมอีกพาย” เก้าว่าพลางเทน้ำดื่มให้พระพายและตัวเอง
“ก็เพราะเป็นห่วงนะสิ ถึงบ่นแบบนี้” พระพายดื่มน้ำอึกใหญ่เพราะพูดจนเหนื่อย
“เอาเถอะ ยังไงก็ขอบใจ”
“เก้า มีอะไรก็พูดสิวะ เป็นอะไรทำไมไม่บอก” พระพายมองหน้าเก้าที่นิ่งเงียบไป
“ทำไมถึงพูดแบบนั้นวะพาย?”
“เหมือนมึงมีอะไรปิดบังเลย และเหมือนจะหลบหน้าไม่อยากมาเจอด้วย”
“เดี๋ยวนี้มึงจับความรู้สึกคนเก่งขึ้นนะ” เก้าเอ่ยชม
“อาจจะใช่ เพราะคุณพิธานเป็นคนเงียบๆ เลยต้องอาศัยดูเอา ทำไปทำมาก็เลยเริ่มดูคนอื่นออกไปด้วย”
“คงปิดมึงไม่ได้สินะ” เก้าว่าก่อนที่จะถอนหายใจและพิงเก้าอี้อย่างคนเหน็ดเหนื่อย
“มีอะไรพูดมา”
“กู....คงจะชอบไอ้ไคเข้าแล้วล่ะ” คำพูดนั้นทำเอาพระพายนิ่งไปครู่ใหญ่เลยทีเดียว
“มึง...บอก...ชอบคุณไคเหรอ?” เก้าทวนประโยคอีกรอบ
“เออ” เก้ายอมรับตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม
“แล้วไม่บอกเขาไปล่ะ ทีของกูมึงยังอยากให้กูไปบอกคุณพิธานเลย” พระพายยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าเก้านั้นคิดอย่างไรกับไค
“แต่ไม่เหมือนกับของมึงหรอก...” เก้าพูดพลางมองแก้วน้ำที่ตอนนี้น้ำแข็งเริ่มละลาย
“หมายความว่าไง?”
“มันไม่ได้จริงจังเหมือนไอ้พิธาน”
“กูไม่เข้าใจ มันไม่เหมือนยังไง” ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ
“มัน...เหมือนจะมีคนอื่นอยู่แล้ว เรื่องของกูเหมือนเป็นแค่เรื่องสนุก ปั่นหัวกูก็เท่านั้น”
“มึงรู้ได้ไง มึงเห็นเหรอ?” พระพายออกจะแปลกใจว่าเก้ารู้ได้อย่างไรว่าไคมีแฟนแล้ว
“กูเห็นรูปในห้องคืนนั้น คืนที่มึงย้ายเข้าห้องแฟนมึงคืนแรก” พระพายนึกออกทันทีว่าคืนไหน และจำใบหน้าของไคในเช้าวันถัดมาได้เป็นอย่างดี
“รูปอะไร?”
“รูปถ่ายมันคู่กับใครไม่รู้ เขียนว่ารักฉันคือเธอ” พลางนึกไปถึงคนในรูปที่ชื่อไมค์
“มึงเห็นรูปนั้นเข้า มึงเลยพูดอะไรไม่ดีกับคุณไคไปใช่ไหม?” พระพายถามขึ้นมา เก้าเงียบไปก่อนพูด
“ก็...กูแค่บอกว่าออกไปจากชีวิตกู บอกให้มันเลิกยุ่งกับกู...ก็เท่านั้น” เมื่อพูดถึงประโยคนี้ขึ้นมา เก้าก็ยิ่งรู้สึกแย่ขึ้นมากกว่าเดิม
ตั้งแต่วันนั้นที่ผ่านมา เก้าพยายามทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม ใช้ชีวิตปกติเหมือนตอนที่ไคยังไม่เข้ามา แต่ทุกๆวันเหมือนหลอกตัวเอง ภาพของไคในวันนั้นยังไม่หายใจจากความคิดเสียที เพราะเป็นเช่นนั้นเก้าจึงออกไปเที่ยวกับเพื่อนที่ทำงาน ดื่มและจีบหญิงเหมือนเมื่อก่อน แต่เมื่อยิ่งทำยิ่งรู้สึกว่างเปล่า เท่านี้ก็ชัดเจนแล้วว่าตัวเองเผลอใจไปให้ไคมากขนาดไหนแล้ว มากจนต้องมานั่งคิดและเจ็บปวดใจอยู่อย่างนี้
สับสนไปหมด สับสนกับความรู้สึกและสับสนกับความคิดทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนนี้ จนวันนี้เลือกที่จะยอมคุยกับพระพายว่าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างไร ฟอร์มและมาดที่รักษามาตลอดก็พลังทลายลง เพียงเพราะไม่อาจจะโกหกตัวเองว่าคิดอย่างไรกับไค แต่มันก็จบลงแล้ว ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้อีกต่อไป สิ่งเดียวตอนนี้คือทำใจและก้าวไปข้างหน้าให้ได้ เก้าคิดได้อย่างเดียวว่าตอนนี้ก็แค่ชอบ เดี๋ยวไม่นานก็จะลืมมันได้ นี่คือสิ่งที่เก้าคิดและพยายามจะเป็นอยู่ในตอนนี้
พระพายมองมองเก้าที่เงียบไป นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นเก้าเป็นแบบนี้ ครั้งนั้นที่เห็นคือแฟนคนแรกตอนที่คบกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งมาบอกเลิกตอนเรียนปีที่สาม กว่าเก้าจะสามารถดึงตัวเองออกจากความเศร้าได้ก็ใช้เวลาอยู่นาน และตั้งแต่วันนั้นเก้าก็ไม่คบใครเป็นแฟนอีกเลย จีบไปเรื่อย เล่นไปเรื่อย ไม่มีเป็นตัวเป็นตนเลยสักครั้ง เพราะเก้ารู้ดีว่าหากชอบใครจริงจังขึ้นมาอีกครั้ง ความเจ็บปวดจะต้องตามมาในไม่ช้าก็เร็ว
“คำนั้นมันเจ็บปวดมากนะ” พระพายพูดขึ้นมาหลังจากที่เงียบอยู่นาน
“รู้ กูรู้ แต่ถ้าไม่ทำอย่างนี้คนที่จะลำบากคือกู” เก้าพูดด้วยท่าทีนิ่งๆแต่แววตานั้นดูปวดร้าวไม่เบา
“ถ้าเป็นแค่รูป มึงก็น่าจะถามเขาตรงๆนะ”
“แค่นั้นก็ชัดเจนแล้วมึง ถ้าเป็นมึงเห็นล่ะจะทำไง?”
“เป็นกู กูจะถามนะ ถามตรงๆเลย” พระพายว่า เก้าเงียบไปอีกครั้ง
“กูรู้ ที่มึงทำแบบนี้เพราะกลัวจะต้องคบกับคุณไค มึงกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยใช่ไหม?” เก้ายิ่งเงียบไปกว่าเดิม
“มึงเอาเรื่องนี้มาอ้าง เพื่อจะให้คุณไคออกไปจากชีวิตมึง มึงทำแบบนั้นคนที่เจ็บไม่ใช่แค่คุณไค แต่เป็นมึงด้วย” พระพายร่ายยาวทันที
“ใช่ กูไม่อยากจะมีความรักอีกแล้ว กูไม่พร้อมที่จะเป็นแบบนั้น กลัวจะอ่อนแออีก อีกอย่าง..รูปนั้นมันก็มีส่วน ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัวของกูหรอก”
“ทำไมไม่ถามตรงๆไปเลยวะ” พระพายออกจะหงุดหงิดไม่น้อย
“ช่างมันเถอะ เดี๋ยวกูก็ดีขึ้น” เก้าถอนหายใจออกมาพลางยิ้มนิดๆ
“หนีใจตัวเองมันยากนะเก้า” พระพายเริ่มจริงจังขึ้น
“ไม่ยากหรอก ถ้าจะทำก็ทำได้” เก้ายืนยันอย่างนั้น
“มึงนี่มัน...โอ๊ย!!” พระพายไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดกับเก้าได้แล้ว
“กินข้าวดีกว่า” เก้าว่า ซึ่งตอนนี้อาหารมาวางอยู่ตรงหน้าแล้ว
ทั้งสองคนทานอาหารกันไปเงียบๆ มีพูดคุยกันบ้างเล็กน้อยเพราะต่างคนต่างจมกับความคิดของตัวเอง พระพายซึ่งคิดอยากจะช่วยเพื่อนแต่ก็กลัวจะก้าวก่ายจนเกินไป ส่วนเก้านั้นคิดว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรดีที่ทำให้ตัวเองไม่ฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้
มากกว่านั่งทานข้าวคือเก้าสั่งเบียร์มาดื่มด้วย พระพายเองก็อยากดื่มจึงพากันนั่งดื่มไปเรื่อยๆ เมื่อได้ดื่มเบียร์ก็เริ่มจะคุยกันมากขึ้น จากเวลาเย็นจนตอนนี้เริ่มค่ำแล้ว ทั้งสองดื่มเบียร์กันไปคนละสองสามขวดใหญ่
จู่ๆก็มีโทรศัพท์ดังขึ้น พระพายยังคงดื่มไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจว่าจะเป็นเสียงโทรศัพท์ของใคร เก้าจึงเรียกพระพายขึ้นมา
“พาย มือถือมึงดัง” เก้าบอก พระพายที่เริ่มกรึ่มๆจึงหยิบมันขึ้นมาดูพบว่าเป็นพิธานโทรมา
“คุณพิธาน” พระพายเอ่ยชื่อและรีบรับสายทันที
“ฮัลโหล”
“อ๋อ อยู่กับเก้า..เดี๋ยวก็กลับ”
“ไม่ต้องมารับ ไว้เจอกันที่ห้อง”
จากนั้นพระพายก็วางสาย เก้ามองพระพายที่อมยิ้มออกมา ดูเหมือนตอนนี้เพื่อนของเขาจะมีความสุขสุดๆ ดูได้จากสีหน้า แววตาและคำพูดที่พูดกับพิธานเมื่อครู่นี้
“กลับเถอะมึง นี่ก็จะสามทุ่มแล้ว” เก้าว่าพลางดูนาฬิกาข้อมือ
“นี่เรานั่งกันนานขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” พระพายไม่อยากจะเชื่อว่านั่งกันนานจนถึงสามทุ่ม
“เออ กลับเถอะ”
เมื่อจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระพายก็ขึ้นแท็กซี่ไปก่อน จากนั้นเก้าก็ขึ้นแท็กซี่อีกคันกลับห้องพัก พระพายที่ดื่มเบียร์ไปก็มีกลิ่นติดตัวมาพอสมควรแต่โชคดีที่ไม่ได้เมาแค่มึนนิดหน่อยเท่านั้น
กว่าจะถึงคอนโดก็ปาไปสี่ทุ่มกว่า พระพายเดินขึ้นลิฟต์ไปพร้อมความรู้สึกอยากอาบน้ำมากถึงมากที่สุด เมื่อมาถึงห้องพระพายก็ไขประตูห้องพลางหันไปมองห้องของไคที่อยู่ตรงข้าม ดูท่าจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อคลี่คลายเรื่องพวกนี้แล้ว
เข้ามาในห้องก็พบว่าไปเปิดสว่างอยู่แล้ว ดูท่าพิธานจะมาถึงก่อนและก็เป็นไปอย่างที่คาดไว้ ตอนนี้พิธานนั่งรออยู่ที่โซฟาหน้าทีวี พระพายยิ้มแห้งก่อนที่จะเดินไปใกล้ๆและพบว่าพิธานอาบน้ำเปลี่ยนชุดทำงานมาเป็นชุดลำลองแล้ว
“คุณกลับมาก่อนผมอีกเหรอ?” พระพายถาม
“ใช่ ถึงก่อนนายหนึ่งชั่วโมง” พิธานตอบ
“โกรธผมรึเปล่าที่กลับมาช้า”
“ไม่หรอก นายกินข้าวมาแล้วใช่ไหม?”
“กินแล้วและก็ดื่มเบียร์นิดหน่อย” พระพายยิ้มกว้าง
“รู้ ได้กลิ่นมาตั้งแต่เปิดประตูแล้ว”
“ไม่ได้โกรธผมจริงๆใช่ไหม?” พระพายถามอีกครั้ง
“ไม่..ฉันแค่กำลังทดสอบตัวเองว่าถ้านายกลับช้ากว่านี้ฉันจะทนได้นานสักเท่าไหร่” และนั่นคือคำตอบที่แท้จริง
“กำลังอดทนสินะ” พระพายเข้าใจแล้วว่าตอนนี้พิธานกำลังรอเขาอย่างอดทนแทนที่จะโกรธหรือไปตามด้วยตัวเอง
“ขอบคุณนะ” พระพายแล้วเข้าไปจูบแก้มพิธาน
“ไปอาบน้ำเลย” พระพายหัวเราะออกมาและเดินไปอาบน้ำตามที่พิธานบอก
ใช้เวลาไม่นานนักพระพายก็เดินมาหาพิธานด้วยชุดนอนของตัวเอง พิธานนั่งดูสารคดีเกี่ยวกับงูอนาคอนด้าที่ลุ่มน้ำอเมซอนอย่างตั้งใจ ภาพที่กำลังฉายนั้นคือภาพงูตัวยักษ์กำลังงาบจระเข้ตัวขนาดกลาง
“น่ากลัว” พระพายพูดพลางนั่งลงข้างๆพิธาน
“มันเป็นธรรมชาติของสัตว์ป่า” พิธานว่าอย่างนั้น
“คุณพิธาน...วันนี้ผมไปกับเก้า” จู่ๆพระพายก็พูดขึ้น
“ฉันรู้”
“นั่นแหละ ผมเลยมีเรื่องจะถาม” พิธานจึงละสายตามามองพระพาย
“เรื่องอะไร?”
“คุณไค...มีแฟนหรือคบกับใครอยู่รึเปล่า?” พิธานส่ายหน้าแทบจะทันที
“ไม่มีเลยเหรอ?” ถามอีกครั้ง
“ไม่มี..ว่าแต่ถามทำไม?” พิธานขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“ก็....เก้าบอกคุณไคมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”
“เหรอ....ไม่เคยรู้มาก่อนเลย” พิธานนั่งคิด
“แต่เก้าเห็น...” พระพายทำท่าจะพูดแต่ก็ชะงักเสียก่อน
“เห็นอะไร?” พิธานถาม
“เอ่อ...เห็น อะไรสักอย่างในห้อง...”
ใจก็อยากบอกไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ใจหนึ่งก็คิดว่าไม่อยากให้พิธานรู้อะไรเยอะไปกว่านี้เพราะเรื่องบางเรื่องเชื่อว่าเก้าคงไม่อยากให้คนอื่นรู้นอกจากเขา พิธานเงียบไปพลางมองพระพายที่นิ่งเพราะใช้ความคิดก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ผมจะทำยังไงดี ผมสงสารคุณไค และตอนนี้เก้าก็น่าเป็นห่วง”
“ยังไง?”
“เก้าน่าจะ....ชอบคุณไค” พระพายก็ไม่อยากปูดความลับเพื่อนให้กับแฟนฟัง แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรได้
“แล้วมันมีปัญหาตรงไหน?”
“มีสิ ก็ตรงที่เก้าคิดว่าคุณไคมีที่ชอบอยู่แล้ว เก้าเลยขอให้คุณไคเลิกยุ่งด้วย” พิธานเงียบไป
“ปล่อยให้ไคจัดการเองเถอะ”
“แต่คุณต้องบอกคุณไคถึงเรื่องนี้สิ ไม่อย่างนั้นก็จะเข้าใจผิดกัน” พระพายเริ่มใส่อารมณ์เข้าไปเพราะอยากให้พิธานช่วย แต่พิธานกลับเฉยเมยเสียอย่างนั้น
“ไม่ต้องเครียดหรอก ไคไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ เดี๋ยวมันก็จัดการเอง รอดูก็พอ”
“คุณนี่ไม่คิดจะช่วยเพื่อนเลยเหรอ?” พระพายไม่เข้าใจในท่าทีที่เฉยชาของพิธานเลยทั้งที่เป็นเรื่องของไคเพื่อนสนิทของตัวเองแท้ๆ
“อย่าเอาเรื่องของคนอื่นมาเป็นเดือดเป็นร้อนสิ” พิธานว่าพลางลูบผมพระพายให้ใจเย็นลง
“ก็ผมอยากช่วยทั้งสองคน” พระพายทำหน้าตูม
“เชื่อฉันสิ รอไคกลับมาก่อน เดี๋ยวเจ้านั่นก็จะมาจัดการเองนั่นแหละ ฉันไม่อยากเข้าไปยุ่งเดี๋ยวเรื่องมันจะพลิก”
“อย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่ รอดูเถอะ” พิธานบอกเท่านั้นก่อนที่จะล้มตัวลงนอนหนุนตักพระพายและดูทีวีต่อไป
พระพายเริ่มใจเย็นลงและเริ่มคิดอย่างที่พิธานพูด ไคน่าจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆและคงต้องจัดการอะไรสักอย่างได้แน่ เท่านี้ก็แค่รอดูว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร หวังแค่ว่าให้เก้ามีความสุขเท่านั้นก็พอแล้ว...
Lyrics: Out of reach by Gabrielle.