✿ มนุษย์บังเอิญ ✿
บังเอิญครั้งที่ 1 : นายน่ะคิดมาก
“โทษทีนะไอ้น้อง น้ำแดงพี่เหลือพอทำได้แค่แก้วเดียวว่ะ” สิ้นเสียงเข้มประหนึ่งเอสเปรสโซ่ของพี่ร้านน้ำปั่นหน้าโหดก็เกิดความเงียบเข้าปกคลุมสองมนุษย์ชายฉกรรจ์ผู้สั่งนมชมพูไปทันที
“เอ่อ..คือ..” ผมเองก็ได้แต่ยืนอ้ำๆอึ้งๆ ถ้าจะบอกเออมึงเอาไปเลย.. กูก็อยากกินนี่มึงดันเจ๋อมาสั่งตรงกันทำไมเนี่ย แต่ถ้าหากจะให้บอก มึงถอยไปรู้ไหมกูลูกใครนมเย็นแก้วนี่กูจองเว้ย.. นี่มันก็ไม่ใช่หนังลูกเจ้าพ่อหรือเผาป่าระเบิดกระท่อมเสียด้วยซิ
“งั้นให้ไอ้น้องคนนี้แล้วกันนะมันเดินเข้าร้านมาก่อนเอ็ง” คุณพี่หน้าโหดพยักเพยิดหน้าไปทางไอ้คนตัวสูงที่ยืนหน้าตายอยู่ข้างๆผม หน้าตามันไม่ได้บ่งบอกความอยากกินเท่าไหร่นักทำไมพี่ถึงเห็นใจมันแบบนี้ หันมามองผมซิน้ำลายผมจะไหลอาบไปยันคออยู่แล้วครับพี่
“เพิ่มวิปครีมกับเยลลี่ด้วยครับ” มันตอบรับคุณพี่หน้าโหด และล้วงมือไปหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาควักแบงค์สีแดงออกมา ราวกลับจะประกาศว่า นมเย็นเพิ่มวิปครีมกับเยลลี่แก้วนี้ได้ถูกมันจับจองเรียบร้อยแล้ว อ่า.. นี่มันเมนูประจำของผมเลย
“งั้นผมมากินพรุ่งนี้นะพี่” ส่วนคนแพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง .. ได้แต่เดินคอตกเดินกลับมาที่โต๊ะที่ชาวแกงค์สิงสถิตอยู่
“อ้าว ไหนนมเย็นมึงอ่ะ
ฟืน เดินกลับมาตัวเปล่าพวกกูไม่ต้อนรับนะ” เพียงแค่เดินเฉียดเข้ามาในระยะรัศมีสายตาดังแร้งเท่านั้นก็โดนทวงหาอาหารที่ควรจะมีติดมือกลับมาด้วย .. ก็เจ้าตัวบ่นหงุดหงิดอยากกินนักหนา
“ช่วยเช็คสภาพเพื่อนด้วย ก่อนจะถามอะไร น้องนมเย็นกูถูกชิงไปต่อหน้าต่อตา” เจ้าของผมสีคาราเมลและดวงตาเรียวเล็กเหมือนเจ้าแมวเหมียวนามว่าฟืนก็ได้แต่นั่งคอตก ตอบเสียงหงอยๆกลับไป
“เอ้า .. ใครทำฟืนคะ บอก
พี่ตั้มมา พี่จะไปจัดการให้ฟืนโดยพลัน” คนที่ตอบกลับมาโดยการเล่นคำแบบนี้คือผู้ชายป้อมผิวสีแทนออกไหม้ หน้าตาคมเข้มตามประสาชาวใต้บ้านเราที่ซิ่วเรียนมาหนึ่งปีแต่สภาพกายหยาบเหมือนคนที่ซิ่วมาซักห้าปีโดยประมาณ ตอนแรกที่เจอก็ให้เกรียติโดยการเรียกพี่ จนมันติดปากไปเสียอย่างนั้น
“พี่ตั้มจะเอาดาบไปฟันมันเลยหรือพะยะค่ะ” ลูกคู่ของตั้มก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ..
ไม้เด็กชาวใต้อีกคนในกลุ่มที่มักคอยเป็นลูกคู่เลยสำนวนลิเกกับพี่ตั้มเสมอ
“แค่ไม่ได้แดกนมเย็นทำหน้ายังกับจะตาย โธ่..” เป็นเสียงไอ้คนแรกที่โวยมาให้ได้ยินตั้งแต่ร้อยเมตรก่อนถึงโต๊ะ
ซินผู้ชายผิวขาวเล็กผมสีปีกกามีออร่านางพญาตามชื่อสวยๆของมัน แต่ปากนี่ปากอย่าบอกใคร
“มึงไม่รู้หรอก มันสั่งใส่วิปครีมกับเยลลี่ด้วยนะเว้ยย” มากกว่าหงุดหงิดใจนั้นก็น่าจะเป็นหงุดหงิดจากการนกของกินนี่แหละ
“เอาหน่า .. ไว้พรุ่งนี้พี่ตั้มจะปลอบใจน้องยา ซื้อให้สิบแก้วก็ยังไหว” มือที่แสนหยาบกระด้างตบปุ๊ๆลงบนไหล่ของผม
“มึงมีเงิน?”
“ไม่ .. แต่ไอ้ซินมี” พี่มันส่ายหน้ารัวๆแล้วเพยิดไปทางคนหน้าสวยแถมบ้านยังรวยผิดคอนเซปซินเดอเรล่าในนิทาน
“บอกกูมาซิว่ามึงเห็นกูเป็นอะไรเพื่อนหรือกระเป๋าเงิน”
“..เพื่อนที่แสนดีต่างหาก” ตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มแฉล่มแสนอ้อนตีนตามสไลต์ คำตอบทำเอาซะผมอยากเปิดแบคกราวมิวสิคของโทนี่ผีเลย .. แม่ครับ แม่จะต้องดีใจแน่ที่ผมมีเพื่อนๆที่ดีขนาดนี้
หลังจากหมดเหตุผลที่จะถกเถียงเรื่องนมเย็นเจ้าปัญหาอีกต่อไป ผมและชาวแกงซ์ถึงนั่งวางแผนกันอย่างจริงจังเรื่องที่จะไปฉลองเปิดเทอมกันในคืนนี้ ซึ่งก็คงจะเลี่ยงไม่พ้นร้านของพี่ของพี่ตั้มอีกที เพราะเราจะได้สิทธิ์พิเศษลดราคาจนเจ้าของร้านแทบหลั่งน้ำตา .. แต่ที่จริงเขาน่าจะเอือมระอาเสียมากกว่าจึงลดราคาให้
ใช่ครับ .. วันนี้เปิดเทอมวันแรกหลังจากหมดวันหยุดยาวหลังปีใหม่ไป ที่จริงจะเรียกการหยุดไม่ถึงเดือนนั้นว่าการปิดเทอมก็ไม่น่าจะถกนัก น่าจะเรียกมันว่าช่วงเวลาฟื้นตัวหลังจากสงครามไฟนอลและความทรมานในการรอเกรดออกมากกว่า .. ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเกรดต้องออกทีละตัว บางทีโผล่มาตัวแรกเป็นหมาหรือปลานี่ก็ทำเอาใจแป๋วเหลือเกิน
หลังจากที่ตกลงกันแบบลงตัวว่าจะไปร้านเดิมที่เป็นร้านประจำของเราได้ พี่ตั้มก็กำลังจะยิงมุขห้าบาทสิบบาทตามสไตล์แก แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องตกอยู่ในความเงียบงัน .. และสาเหตุที่ว่าก็มาพร้อมแก้วสีชมพูในมือ
“เอามาให้” เสียงทุ้มที่มาพร้อมกับหน้าตามึนๆเหมือนเดิม เดินตรงมาทางนี้แบบเอื่อยๆพร้อมยื่นแก้วสีชมพูพร้อมครีมฟูๆขาวที่ตกแต่งตัวเยลลี่รูปหมีมาตรงหน้าผม .. น้ำเย็นปั่นเพิ่มวิปครีมและเยลลี่
“ห้ะ .. ให้กู” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแบบงงๆ
“อื้อ ผมให้นาย” คนหน้าตายพูดพรางยื่นแก้วสีชมพูเข้ามาใกล้อีก ใกล้ชนิดที่ว่าอีกนิดก็จะหกรดหน้ากูแล้วครับ
“นี่คือมึงตั้งใจซื้อมาให้กู” ถ้าหากเป็นนมเย็นแก้วเมื่อกี้ที่มันแย่งชิงมันไปป่านนี้ก็น่าจะละลายจนกลายเป็นซากแล้ว แต่แก้วที่อยู่ตรงหน้าผมสภาพยังดีแบบร้อยเปอร์เซ็นอยู่
“เปล่า”
“เปล่าแล้วคือ.. มึงต้องการอะไรกันแน่” ผมมองสำรวจมันอย่างจับผิด บอกตรงๆว่าตัวกูเนี่ยไม่อาจตอบโจทย์มึงได้หรอกนะ ทั้งในด้านกำลังทรัพย์สินและกำลังสมอง .. เพราะไม่มีอะไรเลย
“ไม่มีอะไร นายน่ะคิดมาก” ตบท้ายด้วยใบหน้าที่ยังไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาเหมือนเคย
“...”
“ผมให้ นายรับไปก็พอ” พูดจบก็วางแก้วนมเย็นไว้บนโต๊ะคงเพราะผมไม่ยอมรับมาถือไว้เสียทีแล้วมนุษย์หน้าตายก็เดินจากไป .. ทิ้งผมไว้ข้างหลังพร้อมกับชาวแกงค์ที่เงียบสงบและนมเย็นปั่นอีกหนึ่งแก้ว
.. เป็นอีกครั้งที่ผมถูกความบังเอิญจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว ..✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿
เสียงเฮโลดังโวยวายมากมายที่ไม่สามารถหาต้นตอของแหล่งกำเนิดเสียงได้เลยเพราะในสถานที่แห่งนี้ทุกคนต่างก็พากันพูดคุยจอแจแข่งกัน โต๊ะนี้เสียงดังแล้ว เสียงเพลงที่ดังกว่า หากจะคุยกันทีก็ต้องตะโกนให้ดังมากกว่าเพื่อที่จะให้คนที่ต้องการจะสนทนาด้วยได้ยินเสียงของเรา
ประจวบกับกลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนๆของน้ำข้าวที่มีฟองนุ่มๆสีขาว หรือน้ำสีอำพันที่อยู่ในขวดแก้วใสป้ายแปะไว้ว่า 285 ขวดน้ำเปล่าน้ำอัดลมสีเข้มที่พร่องไปหลายขวด ถั่วบนโต๊ะที่โบกมือเรียกอาบังมาแล้วยังเร้าหรือให้อาบังช่วยแถมถั่วให้หน่อยนะนายจ๋า กลิ่นควันมิ้นต์เย็นๆของบุหรี่หลากหลายยี่ห้อทั้งกลิ่นฉุนแสบจมูกหรือเย็นโล่งสบายตามราคาของมัน ถ้าไม่ชอบแบบนี้ก็ยังมีแบบกลิ่นหวานๆของผลไม้จากท่อสายยาวที่ต่อมาจากตัวเตาอีกที
แต่ละสิ่งดูไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่นัก แต่พอมรวมๆกันแล้วทำไมมันดีกับใจเหลือเกิน ผมกับชาวแกงค์นั่งอยู่ที่ร้านพี่ต๊อบ พี่ชายของพี่ตั้มมาได้นานนับชั่วโมงแล้ว เราเริ่มสตาร์ทตัวตั้งแต่สามทุ่มด้วยสาเหตุที่ว่ามาช้าเดี๋ยวกินเหล้าไม่หมดแล้วมันจะไม่คุ้ม และถ้ามาช้ายังจะเสียเวลาในการสตาร์ทตัวไปอีกของแบบนี้กว่าจะเริ่มเมาไปกับบรรยากาศได้มันก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน
“ถั่วปากอ้ากูหมดอีกแล้วว่ะ” เสียงงอแงของไอ้ไม้บ่นงุ้งงิ้งออกมาไม่ดังมากนักแต่ก็พอจะได้ยิน เพราะตอนนี้ดนตรีสดพักเบรคอยู่และที่ร้านก็เปิดเพลงคลอไปเบาๆเท่านั้น
“มึงมานี่เปลืองถั่วเปลืองมิกซ์จริงๆ” พี่ตั้มโบกหัวไอ้ไม้ไปที แต่ก็จริงของพี่มันไอ้นี่มันไม่ค่อยแตะเหล้าเนื่องจากมันเป็นเด็กต่างจังหวัดไม่เคยเห็นแสงสีเสียงในเมืองกรุง พวกผมเลยจัดหนักพามันมาเมาเละด้วย เหล้ายำ ที่ไม่รู้ใส่อะไรมัวไปหมด .. สภาพไอ้ไม้เมาเยี่ยงหมา มันเลยฝังใจมาจนถึงตอนนี้
“ซินๆ ถ้าอาบังมาโบกด้วยนะ” ไม้ไม่สนใจแล้วหันไปเร้าหรือซินแทน
“เงิน” ยกเบียร์ขึ้นจิบด้วยทวงท่าของนางพญา แต่หันมาทวงเงินไอ้ไม้ยิกๆ
“ห่า .. สิบยี่สิบนี่ก็จังเลย”
“เออว่าแต่ไอ้คนที่เอานมเย็นมาให้มึงนี่ใครวะ เพื่อนมึงเหรอ” ไม้หันมาถามผมหลังจากที่ถั่วมันหมด สงสัยปากจะว่างเลยหาอะไรทำ
“ท่าทางกูดูสนิทกับมันขนาดนั้นเลย”
“อ้าว ไอ้เชี่ยฟืน .. ถ้าไม่สนิทกันมันจะรู้ได้ไงว่ามึงชอบกินไอ้นมเย็นใส่วิปกับเยลลี่อ่ะ” อย่าว่าแต่มึงเลยขนาดตัวกูเองงงงวยอยู่เหมือนกัน
“บังเอิญมั้ง”
“แต่กูคุ้นๆหน้ามันนะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน” ซินพูดพรางทำหน้าครุ่นคิดแต่เหมือนจะนานแสนนานมันก็ยังคิดไม่ออก ทุกคนเลยพากันเปลี่ยนประเด็นไปคุยเรื่องอื่นแทน จนลืมไปเสียสนิทว่าไอ้ซินไปคุ้นหน้าไอ้นมเย็นจากที่ไหน
ตัวผมเองก็มีเดินออกไปทักทายโต๊ะนู่นโต๊ะนี่บ้างตามประสาคนโซแดมฮอต เขาว่ากันว่าเด็กบัญชีมหาลัยเราเด็ดนี่ท่าจะจริง เกียร์พี่สั่นหมดแล้วน้องเอ้ยอยากจะถอดไปคล้องคอน้องเหลือเกิน .. หยุดคุยกับคนสวยคณะบัญชีได้ซักพักก็โดนไอ้ซินเดินตามมาจิกให้กลับไปที่โต๊ะ นี่เป็นคนหรือไก่วะ
แต่เมื่อกลับมาที่โต๊ะก็ทำให้ได้รู้ว่าไอ้หน้าสวยมันไปตามผมกลับมาทำไม สภาพไอ้ไม้ที่หน้าจากที่เคยออกแทนตอนนี้แดงก่ำ ในมือข้างนึงถือขวดเบียร์ที่กำลังรินอย่างทุลักทุเลลงในแก้วเหล้าแล้วทำท่าจะส่งเข้าปากตัวเอง ผมนี่รีบปรี่เข้าไปกระชากแก้วในมือมันออกมาเลย
“ไอ้เหี้ยพี่ตั้ม” ตัวการก็ไม่น่าจะใช่ใครที่ไหน
“มาร้านเหล้าไม่กินเหล้าแล้วจะกินอะไรล่ะคะ” พี่มันว่าพรางรินเหล้าลงแก้วเพียวๆแล้วยื่นมาให้ผม
“นี่อะไร”
“เดี๋ยวเหล้าไม่หมด วันนี้พวกมึงดันสั่งกันมาหลายโปรทั้งเหล้าทั้งเบียร์ มึงคอแข็งสุดแล้วงั้นรับผิดชอบไปนะคะ”
ผมไม่ตอบอะไรแต่ยกเหล้าเพียวๆนั้นส่งเข้าปากทันทีเพื่อแสดงให้รู้ว่าวิถีของคนมาดแมนไม่ปฏิเสธอยู่แล้วเรื่องแบบนี้ และหลังจากนั้นผมก็ยกเพียวไปอีกหลายช้อตติดกัน ไอ้พี่ตั้มก็ขยันรินให้กูเสียเหลือเกิน .. จนตอนนี้เหลือเหล้าเพียงแค่หนึ่งส่วนสี่ของขวดและเบียร์อีกสามขวดตั้งวางอยู่
“พอไหมคนแมน หน้าเน่อนี่แดงหมดแล้ว” ซินว่าพรางตบหลังผมดังอั้ก มือหนักตีนหนักต่างกับหน้าตายิ่งนัก
“กู.. ไหว เหี้ยเอ้ย.. มึนหัวว่ะ ไปห้องน้ามแปป” ผมพูดจบก็ลุกขึ้นแล้วพุ่งออกตัวเต็มแรงไปทางห้องน้ำที่อยู่ด้านหลังร้าน อาศัยความเคยชินเดินมาตามทางเอา จนลากสังขารอันปวกเปียกแต่สติยังเต็มร้อยอยู่มาหยุดที่อ่างล้างหน้าได้สำเร็จ ผมรีบเปิดน้ำแล้ววักเข้าหน้าตัวเองหวังให้ความเย็นของน้ำทำให้ความสดชื่นคืนสู่ผมโดยเร็ว
“อั้ก!! .. เหี้ยเอ้ย!!” แต่แล้วก็ต้องจุกแทบทรุดเมื่อมีคนเหมือนล้มหรืออะไรซักอย่างมากระแทกผมจนหน้าแทบพุ่งเข้าหากระจกตามแรงที่มากระทำ ไอ้หน้าน่ะไม่เท่าไหร่แต่ท้องผมก็ถูกดันให้มากระแทกกับอ่างล้างหน้าจนเหล้าเบียร์ที่กินเข้าไปแบบสำรอกออกมาทางปาก
“โทษที พอดีคนเมาเมื่อกี้ชนผม อ้าว..”
“ทำห่าอะ.. มึง!!” หันกลับหลังมาพร้อมกุมท้องตัวเองเอาไว้กะจะมาด่าแบบสับเละจนให้อีกคนสำนึกจนน้ำตานองหน้าแต่กลับเป็นต้องตกใจเสียเอง ก็คนที่ดันชนผมแบบเต็มรักคือไอ้นมเย็นหน้าตาย..
“โทษทีผมไม่ได้ตั้งใจ โดนชนมาอีกที”
“มึงอีกแล้วเหรอ” ผมได้แต่เพียงสบบเบาๆกับตัวเอง ที่เขาว่ากันว่าโลกมันทรงกลมก็เพิ่งรู้ซึ้งกับตัวเองก็วันนี้
“นายโอเคไหม” มันถามพรางขยับตัวเข้ามาใกล้ผมอีกนิด
“ไม่ๆ.. เอ้ย ไหวๆ” ผมรีบยืนตรงแล้วโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน
“ตกลงนายไหวหรือไม่ไหว”
“ไหวน่ะไหว .. นี่ถามจริงเหอะมึงแอบตามกูมาป่ะเนี่ย” ถึงจะเซอยู่หน่อยๆแต่ผมก็แทบจะยกมือขึ้นตั้งการ์ดใส่อีกฝ่าย เพลย์เซฟดีที่สุด
“ผมจะตามทำไม นายน่ะคิดมาก”
“แล้วทำไมมึงมาอยู่ที่นี่อ่ะ ทำไม .. ตอบมาดิ”
“ร้านนี้มันห้ามผมเข้าเหรอ เปิดเทอมวันแรกใครๆเขาก็มากันทั้งนั้น” เออ..ก็จริงของมันวันนี้คนเต็มร้านเลย แน่นประหนึ่งรถเมล์ฟรี
“เออๆ งั้นก็ช่างเหอะ” ผมบอกปัดๆก่อนจะเดินเลี่ยงมันออกมาจากห้องน้ำ
.. ความบังเอิญจู่โจมแบบผมแบบไม่ทันตั้งตัวอีกแล้ว ..✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿
หลังจากเกิดเหตุอุกอาจขึ้นในห้องน้ำเมื่อกลับมาที่โต๊ะของชาวแกงค์ผมก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนหน้าตายอีกเลย ซึ่งก็ดีแล้วล่ะ .. แต่ที่ไม่ดีนั่นก็คือผมต้องเป็นคนจัดการกับเบียร์อีกสองขวดที่เหลือที่ไร้ซึ่งคนรับผิดชอบ ทำเอาเกือบสำรอกเอาทั้งของเก่าของใหม่คืนสู่ที่เดิม แต่คนมาดแมนจะมาอ้วกแตกกลางร้านให้ขายหน้าสาวๆไม่ได้เด็ดขาด มันจะไม่มีวันนั้น
แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้กับอาการปวดหัวหน่วงๆจากศึกหนักเมื่อคืน ผมค่อยๆขยับพาตัวเองไปล้างหน้าล้างตาแปรงฟันเรียกความเฟรชกลับคืนมา ดูนาฬิกาแล้วเพิ่งจะแปดโมงเช้า ถือว่ายังเช้ามากนักสำหรับวันนี้ที่มีเรียนบ่าย
สุดท้ายเลยมานั่งเรียกสติที่โซฟาตัวเล็กปลายเตียง ไว้กายหยาบและกายละเอียดพร้อมเมื่อไหร่ค่อยลงไปหาอะไรใส่ท้อง
ก๊อกๆๆ.. เช้าเบอร์นี้ไม่น่ามีใครมาเคาะประตูเรียกผมและแน่นอนว่าผมไม่มีห้องเพื่อนบ้านหรือคนรู้จักอยู่แถวนี้ เรื่องแปลกๆนี่ชักจะเกิดถี่เกินไปแล้ว
แต่ยังไงผมก็เดินมาเปิดประตูต้อนรับอยู่ดีตามนิสัยเจ้าบ้านที่น่ารัก
“มีธุระอะไรครั..”
“ผมเอาโจ๊กมาฝากนาย”
“ห้ะ!!” ตกใจทั้งคนที่ยืนถือโจ๊กอยู่และถุงโจ๊กที่ถูกยื่นมาจนแทบจะกระแทกหน้า
“ผมเอามาฝาก”
“มะ.. มึงมาได้ไง” มีก็แต่ผมที่ผงะและชี้นิ้วอันสั่นเทาไปทางอีกคนที่ยืนหน้าตายไร้อารมณ์เหมือนเคย
“ผมก็เดินขึ้นมาไง”
“บอกมานะมึงต้องการอะไร ใครแกล้งกูเนี่ย.. ใครแกล้ง” ผมหันมองซ้ายมองขวาสำรวจจากมุมประตูทั้งสองข้างทาง
“นายน่ะคิดมาก”
“...” ผมยังยึดประตูไว้แน่นมองมันอย่างลังเล
“ผมอยู่ห้องถัดไปจากนายไงไม่รู้เหรอ”
“เหอะ” ผมส่ายหน้ารัวใส่มันทันที
“ผมเอาโจ๊กมาฝาก กินซะเมื่อคืนเดินเซขนาดนั้นตื่นมาน่าจะปวดหัว”
“ไม่มีใครจ้างมึงมาแกล้งกูแน่นะ” ผมยื่นมือออกไปรับถุงโจ๊กที่ยังอุ่นๆอยู่และถามย้ำคนหน้าตายอีกครั้ง
“ไม่มี .. ผมบอกแล้ว
นายน่ะคิดมาก” พูดจบมันก็เดินเลี่ยงไปเปิดประตูห้องด้านซ้ายมือและหายวับเข้าไป
เพิ่งรู้ตัวก็วันนี้ว่าตัวเองเป็นคนคิดมาก โธ่..✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿
★ มนุยษ์แฟนเก่า ★ (ยังไม่จบ)มาแจกความสดใสด้วยการมาอัพ EP01 อย่างรวดเร็วแต่แอบสั้นไปนิด
ขอฝาก #มนุษย์บังเอิญ และน้องฟืนไว้ด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นเลย ยังไงก็คอมเม้นหรือติชมได้เลยน้า