พิมพ์หน้านี้ - ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ แถลงการณ์ ทักทาย (p4/010318)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: warmblue ที่ 09-01-2017 21:07:25

หัวข้อ: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ แถลงการณ์ ทักทาย (p4/010318)
เริ่มหัวข้อโดย: warmblue ที่ 09-01-2017 21:07:25
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ EP00 บังเอิญแค่ไหนเรียกบังเอิญ (p1/090117)
เริ่มหัวข้อโดย: warmblue ที่ 09-01-2017 21:07:54
✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿




.. ความบังเอิญนี่มันหน้าตาเหมือนคุณหรือเปล่าครับ ..




✿ มนุษย์บังเอิญ ✿
00 : บังเอิญแค่ไหนเรียกบังเอิญ




            คุณเชื่อในเรื่องของความบังเอิญมากแค่ไหน ..


            ตอนที่คุณหิวโซจากการอ่านหนังสือสอบตอนเที่ยงคืนแล้วดันคิดถึงมาม่าร้อนๆจนต้องถ่อสังขารลงไปเซเว่น กดน้ำร้อนลงถ้วยจนกลิ่มหอมฉุยส่งมาล่อตาล่อใจ เสร็จสรรพก็มาม่าถ้วยน้อยไปจ่ายเงินเพื่อจะได้ไปเอนจอยอีทติ้งกันบนห้องของเรา .. แต่ดันมีมารมาขวางเสียก่อน ด้วยการเดินไม่ดูทาง ชนโครมจนน้ำต้มยำร้อนๆกระฉอกโดนมือ .. หงุดหงิดอะไรจะแย่ไปกว่าการหงุดหงิดใจนั้นไม่มี


            ตอนที่คุณเดินวนในร้านหนังสือเพื่อฆ่าเวลาแต่เข็มนาฬิกาก็เดินช้าเสียเหลือเกิน จนทำให้ต้องหาหนังสือสนุกๆซักเล่มมาบรรโลงใจ และเมื่อเจอเป้าหมายคุณก็พุ่งชนใส่มันแบบเต็มแรง .. แต่ก็ยังมีคนที่ใจตรงกันมาหยิบหนังสือเล่มนี้ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่มีแววว่าใครจะมาหยิบจับมันเลยแม้แต่น้อย แถมบนชั้นยังเหลือหนังสือแบบเดียวกันนอนเกร่ออยู่


            ตอนที่คุณดันนอนตื่นสายเพราะนาฬิกาปลุกเจ้ากรรมไม่ทำงาน ต้องเร่งรีบอาบน้ำแต่งตัวยัดของที่จำเป็นลงกระเป๋าเป้ใบโปรด ทั้งวิ่งทั้งหอบลงบันไดหอพัก เร่งฝีเท้าวิ่งให้ไวที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะทำได้ .. เข้าห้องสอบสายเกิน 30 นาทีจะหมดสิทธิ์สอบนะคะนิสิต .. เป็นคำกล่าวขานที่ได้ยินมานานแต่ไม่เคยคิดเลยว่าวันนึงมันจะมามีอิมแพคต่อจิตใจขนาดนี้ แต่ความซวยซ้ำซวยซ้อน ซวยแบบซ่อนเงื่อนก็บังเกิด ดันมีจักรยานที่โผล่มาจากทิศไหนไม่รู้ตัดหน้าจนคุณล้มหน้าทิ่มตามแรงจีพุ่งสู่พื้นโลก .. ยังดีที่คนขับพอจะมีน้ำใจรับผิดชอบโดยการพามาส่งที่คณะ


            หรือจะเป็นวันที่อากาศร้อนจนคุณอยากจะตะโกนด่าทุกสิ่งอย่างเกรี้ยวกราด แต่ก็ทำได้เพียงหงุดหงิดในใจเท่านั้น สิ่งที่ดับร้อนได้ดีอาจจะเป็นน้ำปั่นเย็นชื่นใจซักแก้ว .. ใช่แล้วเป็นอีกครั้งที่คุณพุ่งตัวไปร้านน้ำปั่นที่ใกล้ที่สุดแบบเต็มแรง และพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า นมเย็นปั่นหนึ่งครับพี่ .. แต่อนิจจาเสียงชัดถ้อยชัดคำดันกลายเป็นเสียงประสานซะงั้น จนทำให้คุณต้องเหลือบมองข้างๆที่เป็นต้นกำเนิดของเสียง .. นี่กูกินตุ้ดขนาดนี้ยังมีผู้ชายหน้าไหนมากินแบบนี้อีกเหรอวะ .. อนิจจาอีกรอบเพราะคุณทำได้เพียงคิดในใจ





            ผมอยากจะลองถามคุณดูอีกครั้ง .. คุณเชื่อในเรื่องของความบังเอิญมากแค่ไหน แต่ผมน่ะไม่เชื่อใน ความบังเอิญ หรอก

            ถ้าเป็นตัวผมเมื่อเดือนก่อนอาจจะพูดแบบนี้ออกไปด้วยความมาดมั่นเต็มเสียงแบบลูกผู้ชายใจเกินร้อย แต่น่าตลกนักที่ตัวผมในวันนี้และตอนนี้กลับทำได้เพียงสบบไปมา .. เรื่องบังเอิญนี่มันคืออะไรวะ


            ใช่ครับ เรื่องบังเอิญมันหน้าตาเป็นยังไง จะหน้าตาคล้ายไอ้คนตัวสูงที่กำลังสั่งนมเย็นปั่นอยู่ข้างๆผมตอนนี้หรือเปล่า




✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿


★ มนุยษ์แฟนเก่า ★ (ยังไม่จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56884.0)

แอบมาเปิดเรื่องใหม่ ทั้งๆที่เรื่องเก่าก็ยังไม่จบเลย Y__Y
แต่ก็คงคอนเซปเดิมคือมาแจกความสดใส
ขอฝาก #มนุษย์บังเอิญ ไว้ด้วยนะคะ ขอให้เอ็นดูน้องกันน้า



หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ EP00 บังเอิญแค่ไหนเรียกบังเอิญ (p1/090117)
เริ่มหัวข้อโดย: เล็กต้มยำ ที่ 09-01-2017 21:44:03

ความดีต่อใจ รอจ้าา
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ EP00 บังเอิญแค่ไหนเรียกบังเอิญ (p1/090117)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-01-2017 22:42:08
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ EP00 บังเอิญแค่ไหนเรียกบังเอิญ (p1/090117)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-01-2017 22:49:26
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ EP00 บังเอิญแค่ไหนเรียกบังเอิญ (p1/090117)
เริ่มหัวข้อโดย: เปาเปา ที่ 10-01-2017 08:12:57
น่าสนใจจะติดตามไปจนจบค่ะรีบมาต่อน๊าาา
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ EP00 บังเอิญแค่ไหนเรียกบังเอิญ (p1/090117)
เริ่มหัวข้อโดย: littlep_ ที่ 10-01-2017 17:46:32
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ EP00 บังเอิญแค่ไหนเรียกบังเอิญ (p1/090117)
เริ่มหัวข้อโดย: Jadd ที่ 10-01-2017 20:20:53
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ EP00 บังเอิญแค่ไหนเรียกบังเอิญ (p1/090117)
เริ่มหัวข้อโดย: san ที่ 10-01-2017 20:21:27
รอค่า :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ EP00 บังเอิญแค่ไหนเรียกบังเอิญ (p1/090117)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 10-01-2017 21:25:13
รอค่ะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 1 : นายน่ะคิดมาก (p1/100117)
เริ่มหัวข้อโดย: warmblue ที่ 10-01-2017 22:55:08
✿ มนุษย์บังเอิญ  ✿
บังเอิญครั้งที่ 1 : นายน่ะคิดมาก




            “โทษทีนะไอ้น้อง น้ำแดงพี่เหลือพอทำได้แค่แก้วเดียวว่ะ” สิ้นเสียงเข้มประหนึ่งเอสเปรสโซ่ของพี่ร้านน้ำปั่นหน้าโหดก็เกิดความเงียบเข้าปกคลุมสองมนุษย์ชายฉกรรจ์ผู้สั่งนมชมพูไปทันที

            “เอ่อ..คือ..” ผมเองก็ได้แต่ยืนอ้ำๆอึ้งๆ ถ้าจะบอกเออมึงเอาไปเลย.. กูก็อยากกินนี่มึงดันเจ๋อมาสั่งตรงกันทำไมเนี่ย แต่ถ้าหากจะให้บอก มึงถอยไปรู้ไหมกูลูกใครนมเย็นแก้วนี่กูจองเว้ย.. นี่มันก็ไม่ใช่หนังลูกเจ้าพ่อหรือเผาป่าระเบิดกระท่อมเสียด้วยซิ

            “งั้นให้ไอ้น้องคนนี้แล้วกันนะมันเดินเข้าร้านมาก่อนเอ็ง” คุณพี่หน้าโหดพยักเพยิดหน้าไปทางไอ้คนตัวสูงที่ยืนหน้าตายอยู่ข้างๆผม หน้าตามันไม่ได้บ่งบอกความอยากกินเท่าไหร่นักทำไมพี่ถึงเห็นใจมันแบบนี้ หันมามองผมซิน้ำลายผมจะไหลอาบไปยันคออยู่แล้วครับพี่

            “เพิ่มวิปครีมกับเยลลี่ด้วยครับ” มันตอบรับคุณพี่หน้าโหด และล้วงมือไปหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาควักแบงค์สีแดงออกมา ราวกลับจะประกาศว่า นมเย็นเพิ่มวิปครีมกับเยลลี่แก้วนี้ได้ถูกมันจับจองเรียบร้อยแล้ว อ่า.. นี่มันเมนูประจำของผมเลย

            “งั้นผมมากินพรุ่งนี้นะพี่” ส่วนคนแพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง .. ได้แต่เดินคอตกเดินกลับมาที่โต๊ะที่ชาวแกงค์สิงสถิตอยู่







            “อ้าว ไหนนมเย็นมึงอ่ะฟืน เดินกลับมาตัวเปล่าพวกกูไม่ต้อนรับนะ” เพียงแค่เดินเฉียดเข้ามาในระยะรัศมีสายตาดังแร้งเท่านั้นก็โดนทวงหาอาหารที่ควรจะมีติดมือกลับมาด้วย .. ก็เจ้าตัวบ่นหงุดหงิดอยากกินนักหนา

            “ช่วยเช็คสภาพเพื่อนด้วย ก่อนจะถามอะไร น้องนมเย็นกูถูกชิงไปต่อหน้าต่อตา” เจ้าของผมสีคาราเมลและดวงตาเรียวเล็กเหมือนเจ้าแมวเหมียวนามว่าฟืนก็ได้แต่นั่งคอตก ตอบเสียงหงอยๆกลับไป

            “เอ้า .. ใครทำฟืนคะ บอกพี่ตั้มมา พี่จะไปจัดการให้ฟืนโดยพลัน” คนที่ตอบกลับมาโดยการเล่นคำแบบนี้คือผู้ชายป้อมผิวสีแทนออกไหม้ หน้าตาคมเข้มตามประสาชาวใต้บ้านเราที่ซิ่วเรียนมาหนึ่งปีแต่สภาพกายหยาบเหมือนคนที่ซิ่วมาซักห้าปีโดยประมาณ ตอนแรกที่เจอก็ให้เกรียติโดยการเรียกพี่ จนมันติดปากไปเสียอย่างนั้น

            “พี่ตั้มจะเอาดาบไปฟันมันเลยหรือพะยะค่ะ” ลูกคู่ของตั้มก็ไม่ใช่ใครที่ไหน .. ไม้เด็กชาวใต้อีกคนในกลุ่มที่มักคอยเป็นลูกคู่เลยสำนวนลิเกกับพี่ตั้มเสมอ

            “แค่ไม่ได้แดกนมเย็นทำหน้ายังกับจะตาย โธ่..” เป็นเสียงไอ้คนแรกที่โวยมาให้ได้ยินตั้งแต่ร้อยเมตรก่อนถึงโต๊ะ ซินผู้ชายผิวขาวเล็กผมสีปีกกามีออร่านางพญาตามชื่อสวยๆของมัน แต่ปากนี่ปากอย่าบอกใคร

            “มึงไม่รู้หรอก มันสั่งใส่วิปครีมกับเยลลี่ด้วยนะเว้ยย” มากกว่าหงุดหงิดใจนั้นก็น่าจะเป็นหงุดหงิดจากการนกของกินนี่แหละ

            “เอาหน่า .. ไว้พรุ่งนี้พี่ตั้มจะปลอบใจน้องยา ซื้อให้สิบแก้วก็ยังไหว” มือที่แสนหยาบกระด้างตบปุ๊ๆลงบนไหล่ของผม

            “มึงมีเงิน?”

            “ไม่ .. แต่ไอ้ซินมี” พี่มันส่ายหน้ารัวๆแล้วเพยิดไปทางคนหน้าสวยแถมบ้านยังรวยผิดคอนเซปซินเดอเรล่าในนิทาน

            “บอกกูมาซิว่ามึงเห็นกูเป็นอะไรเพื่อนหรือกระเป๋าเงิน”

            “..เพื่อนที่แสนดีต่างหาก” ตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มแฉล่มแสนอ้อนตีนตามสไลต์ คำตอบทำเอาซะผมอยากเปิดแบคกราวมิวสิคของโทนี่ผีเลย .. แม่ครับ แม่จะต้องดีใจแน่ที่ผมมีเพื่อนๆที่ดีขนาดนี้







            หลังจากหมดเหตุผลที่จะถกเถียงเรื่องนมเย็นเจ้าปัญหาอีกต่อไป ผมและชาวแกงซ์ถึงนั่งวางแผนกันอย่างจริงจังเรื่องที่จะไปฉลองเปิดเทอมกันในคืนนี้ ซึ่งก็คงจะเลี่ยงไม่พ้นร้านของพี่ของพี่ตั้มอีกที เพราะเราจะได้สิทธิ์พิเศษลดราคาจนเจ้าของร้านแทบหลั่งน้ำตา .. แต่ที่จริงเขาน่าจะเอือมระอาเสียมากกว่าจึงลดราคาให้

            ใช่ครับ .. วันนี้เปิดเทอมวันแรกหลังจากหมดวันหยุดยาวหลังปีใหม่ไป ที่จริงจะเรียกการหยุดไม่ถึงเดือนนั้นว่าการปิดเทอมก็ไม่น่าจะถกนัก น่าจะเรียกมันว่าช่วงเวลาฟื้นตัวหลังจากสงครามไฟนอลและความทรมานในการรอเกรดออกมากกว่า .. ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเกรดต้องออกทีละตัว บางทีโผล่มาตัวแรกเป็นหมาหรือปลานี่ก็ทำเอาใจแป๋วเหลือเกิน

            หลังจากที่ตกลงกันแบบลงตัวว่าจะไปร้านเดิมที่เป็นร้านประจำของเราได้ พี่ตั้มก็กำลังจะยิงมุขห้าบาทสิบบาทตามสไตล์แก แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องตกอยู่ในความเงียบงัน .. และสาเหตุที่ว่าก็มาพร้อมแก้วสีชมพูในมือ


            “เอามาให้” เสียงทุ้มที่มาพร้อมกับหน้าตามึนๆเหมือนเดิม เดินตรงมาทางนี้แบบเอื่อยๆพร้อมยื่นแก้วสีชมพูพร้อมครีมฟูๆขาวที่ตกแต่งตัวเยลลี่รูปหมีมาตรงหน้าผม .. น้ำเย็นปั่นเพิ่มวิปครีมและเยลลี่

            “ห้ะ .. ให้กู” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแบบงงๆ

            “อื้อ ผมให้นาย” คนหน้าตายพูดพรางยื่นแก้วสีชมพูเข้ามาใกล้อีก ใกล้ชนิดที่ว่าอีกนิดก็จะหกรดหน้ากูแล้วครับ

            “นี่คือมึงตั้งใจซื้อมาให้กู” ถ้าหากเป็นนมเย็นแก้วเมื่อกี้ที่มันแย่งชิงมันไปป่านนี้ก็น่าจะละลายจนกลายเป็นซากแล้ว แต่แก้วที่อยู่ตรงหน้าผมสภาพยังดีแบบร้อยเปอร์เซ็นอยู่

            “เปล่า”

            “เปล่าแล้วคือ.. มึงต้องการอะไรกันแน่” ผมมองสำรวจมันอย่างจับผิด บอกตรงๆว่าตัวกูเนี่ยไม่อาจตอบโจทย์มึงได้หรอกนะ ทั้งในด้านกำลังทรัพย์สินและกำลังสมอง .. เพราะไม่มีอะไรเลย

            “ไม่มีอะไร นายน่ะคิดมาก” ตบท้ายด้วยใบหน้าที่ยังไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาเหมือนเคย

            “...”

            “ผมให้ นายรับไปก็พอ” พูดจบก็วางแก้วนมเย็นไว้บนโต๊ะคงเพราะผมไม่ยอมรับมาถือไว้เสียทีแล้วมนุษย์หน้าตายก็เดินจากไป .. ทิ้งผมไว้ข้างหลังพร้อมกับชาวแกงค์ที่เงียบสงบและนมเย็นปั่นอีกหนึ่งแก้ว


            .. เป็นอีกครั้งที่ผมถูกความบังเอิญจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว ..




✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿




            เสียงเฮโลดังโวยวายมากมายที่ไม่สามารถหาต้นตอของแหล่งกำเนิดเสียงได้เลยเพราะในสถานที่แห่งนี้ทุกคนต่างก็พากันพูดคุยจอแจแข่งกัน โต๊ะนี้เสียงดังแล้ว เสียงเพลงที่ดังกว่า หากจะคุยกันทีก็ต้องตะโกนให้ดังมากกว่าเพื่อที่จะให้คนที่ต้องการจะสนทนาด้วยได้ยินเสียงของเรา

            ประจวบกับกลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนๆของน้ำข้าวที่มีฟองนุ่มๆสีขาว หรือน้ำสีอำพันที่อยู่ในขวดแก้วใสป้ายแปะไว้ว่า 285 ขวดน้ำเปล่าน้ำอัดลมสีเข้มที่พร่องไปหลายขวด ถั่วบนโต๊ะที่โบกมือเรียกอาบังมาแล้วยังเร้าหรือให้อาบังช่วยแถมถั่วให้หน่อยนะนายจ๋า กลิ่นควันมิ้นต์เย็นๆของบุหรี่หลากหลายยี่ห้อทั้งกลิ่นฉุนแสบจมูกหรือเย็นโล่งสบายตามราคาของมัน ถ้าไม่ชอบแบบนี้ก็ยังมีแบบกลิ่นหวานๆของผลไม้จากท่อสายยาวที่ต่อมาจากตัวเตาอีกที

            แต่ละสิ่งดูไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่นัก แต่พอมรวมๆกันแล้วทำไมมันดีกับใจเหลือเกิน ผมกับชาวแกงค์นั่งอยู่ที่ร้านพี่ต๊อบ พี่ชายของพี่ตั้มมาได้นานนับชั่วโมงแล้ว เราเริ่มสตาร์ทตัวตั้งแต่สามทุ่มด้วยสาเหตุที่ว่ามาช้าเดี๋ยวกินเหล้าไม่หมดแล้วมันจะไม่คุ้ม และถ้ามาช้ายังจะเสียเวลาในการสตาร์ทตัวไปอีกของแบบนี้กว่าจะเริ่มเมาไปกับบรรยากาศได้มันก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน


            “ถั่วปากอ้ากูหมดอีกแล้วว่ะ” เสียงงอแงของไอ้ไม้บ่นงุ้งงิ้งออกมาไม่ดังมากนักแต่ก็พอจะได้ยิน เพราะตอนนี้ดนตรีสดพักเบรคอยู่และที่ร้านก็เปิดเพลงคลอไปเบาๆเท่านั้น

            “มึงมานี่เปลืองถั่วเปลืองมิกซ์จริงๆ” พี่ตั้มโบกหัวไอ้ไม้ไปที แต่ก็จริงของพี่มันไอ้นี่มันไม่ค่อยแตะเหล้าเนื่องจากมันเป็นเด็กต่างจังหวัดไม่เคยเห็นแสงสีเสียงในเมืองกรุง พวกผมเลยจัดหนักพามันมาเมาเละด้วย เหล้ายำ ที่ไม่รู้ใส่อะไรมัวไปหมด .. สภาพไอ้ไม้เมาเยี่ยงหมา มันเลยฝังใจมาจนถึงตอนนี้

            “ซินๆ ถ้าอาบังมาโบกด้วยนะ” ไม้ไม่สนใจแล้วหันไปเร้าหรือซินแทน

            “เงิน” ยกเบียร์ขึ้นจิบด้วยทวงท่าของนางพญา แต่หันมาทวงเงินไอ้ไม้ยิกๆ

            “ห่า .. สิบยี่สิบนี่ก็จังเลย”

            “เออว่าแต่ไอ้คนที่เอานมเย็นมาให้มึงนี่ใครวะ เพื่อนมึงเหรอ” ไม้หันมาถามผมหลังจากที่ถั่วมันหมด สงสัยปากจะว่างเลยหาอะไรทำ

            “ท่าทางกูดูสนิทกับมันขนาดนั้นเลย”

            “อ้าว ไอ้เชี่ยฟืน .. ถ้าไม่สนิทกันมันจะรู้ได้ไงว่ามึงชอบกินไอ้นมเย็นใส่วิปกับเยลลี่อ่ะ” อย่าว่าแต่มึงเลยขนาดตัวกูเองงงงวยอยู่เหมือนกัน

            “บังเอิญมั้ง”

            “แต่กูคุ้นๆหน้ามันนะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน” ซินพูดพรางทำหน้าครุ่นคิดแต่เหมือนจะนานแสนนานมันก็ยังคิดไม่ออก ทุกคนเลยพากันเปลี่ยนประเด็นไปคุยเรื่องอื่นแทน จนลืมไปเสียสนิทว่าไอ้ซินไปคุ้นหน้าไอ้นมเย็นจากที่ไหน








            ตัวผมเองก็มีเดินออกไปทักทายโต๊ะนู่นโต๊ะนี่บ้างตามประสาคนโซแดมฮอต เขาว่ากันว่าเด็กบัญชีมหาลัยเราเด็ดนี่ท่าจะจริง เกียร์พี่สั่นหมดแล้วน้องเอ้ยอยากจะถอดไปคล้องคอน้องเหลือเกิน .. หยุดคุยกับคนสวยคณะบัญชีได้ซักพักก็โดนไอ้ซินเดินตามมาจิกให้กลับไปที่โต๊ะ นี่เป็นคนหรือไก่วะ

            แต่เมื่อกลับมาที่โต๊ะก็ทำให้ได้รู้ว่าไอ้หน้าสวยมันไปตามผมกลับมาทำไม สภาพไอ้ไม้ที่หน้าจากที่เคยออกแทนตอนนี้แดงก่ำ ในมือข้างนึงถือขวดเบียร์ที่กำลังรินอย่างทุลักทุเลลงในแก้วเหล้าแล้วทำท่าจะส่งเข้าปากตัวเอง ผมนี่รีบปรี่เข้าไปกระชากแก้วในมือมันออกมาเลย


            “ไอ้เหี้ยพี่ตั้ม” ตัวการก็ไม่น่าจะใช่ใครที่ไหน

            “มาร้านเหล้าไม่กินเหล้าแล้วจะกินอะไรล่ะคะ” พี่มันว่าพรางรินเหล้าลงแก้วเพียวๆแล้วยื่นมาให้ผม

            “นี่อะไร”

            “เดี๋ยวเหล้าไม่หมด วันนี้พวกมึงดันสั่งกันมาหลายโปรทั้งเหล้าทั้งเบียร์ มึงคอแข็งสุดแล้วงั้นรับผิดชอบไปนะคะ”

            ผมไม่ตอบอะไรแต่ยกเหล้าเพียวๆนั้นส่งเข้าปากทันทีเพื่อแสดงให้รู้ว่าวิถีของคนมาดแมนไม่ปฏิเสธอยู่แล้วเรื่องแบบนี้ และหลังจากนั้นผมก็ยกเพียวไปอีกหลายช้อตติดกัน ไอ้พี่ตั้มก็ขยันรินให้กูเสียเหลือเกิน .. จนตอนนี้เหลือเหล้าเพียงแค่หนึ่งส่วนสี่ของขวดและเบียร์อีกสามขวดตั้งวางอยู่




            “พอไหมคนแมน หน้าเน่อนี่แดงหมดแล้ว” ซินว่าพรางตบหลังผมดังอั้ก มือหนักตีนหนักต่างกับหน้าตายิ่งนัก

            “กู.. ไหว เหี้ยเอ้ย.. มึนหัวว่ะ ไปห้องน้ามแปป” ผมพูดจบก็ลุกขึ้นแล้วพุ่งออกตัวเต็มแรงไปทางห้องน้ำที่อยู่ด้านหลังร้าน อาศัยความเคยชินเดินมาตามทางเอา จนลากสังขารอันปวกเปียกแต่สติยังเต็มร้อยอยู่มาหยุดที่อ่างล้างหน้าได้สำเร็จ ผมรีบเปิดน้ำแล้ววักเข้าหน้าตัวเองหวังให้ความเย็นของน้ำทำให้ความสดชื่นคืนสู่ผมโดยเร็ว

            “อั้ก!! .. เหี้ยเอ้ย!!” แต่แล้วก็ต้องจุกแทบทรุดเมื่อมีคนเหมือนล้มหรืออะไรซักอย่างมากระแทกผมจนหน้าแทบพุ่งเข้าหากระจกตามแรงที่มากระทำ ไอ้หน้าน่ะไม่เท่าไหร่แต่ท้องผมก็ถูกดันให้มากระแทกกับอ่างล้างหน้าจนเหล้าเบียร์ที่กินเข้าไปแบบสำรอกออกมาทางปาก

            “โทษที พอดีคนเมาเมื่อกี้ชนผม อ้าว..”

            “ทำห่าอะ.. มึง!!” หันกลับหลังมาพร้อมกุมท้องตัวเองเอาไว้กะจะมาด่าแบบสับเละจนให้อีกคนสำนึกจนน้ำตานองหน้าแต่กลับเป็นต้องตกใจเสียเอง ก็คนที่ดันชนผมแบบเต็มรักคือไอ้นมเย็นหน้าตาย..

            “โทษทีผมไม่ได้ตั้งใจ โดนชนมาอีกที”

            “มึงอีกแล้วเหรอ” ผมได้แต่เพียงสบบเบาๆกับตัวเอง ที่เขาว่ากันว่าโลกมันทรงกลมก็เพิ่งรู้ซึ้งกับตัวเองก็วันนี้

            “นายโอเคไหม” มันถามพรางขยับตัวเข้ามาใกล้ผมอีกนิด

            “ไม่ๆ.. เอ้ย ไหวๆ” ผมรีบยืนตรงแล้วโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน

            “ตกลงนายไหวหรือไม่ไหว”

            “ไหวน่ะไหว .. นี่ถามจริงเหอะมึงแอบตามกูมาป่ะเนี่ย” ถึงจะเซอยู่หน่อยๆแต่ผมก็แทบจะยกมือขึ้นตั้งการ์ดใส่อีกฝ่าย เพลย์เซฟดีที่สุด

            “ผมจะตามทำไม นายน่ะคิดมาก”

            “แล้วทำไมมึงมาอยู่ที่นี่อ่ะ ทำไม .. ตอบมาดิ”

            “ร้านนี้มันห้ามผมเข้าเหรอ เปิดเทอมวันแรกใครๆเขาก็มากันทั้งนั้น” เออ..ก็จริงของมันวันนี้คนเต็มร้านเลย แน่นประหนึ่งรถเมล์ฟรี

            “เออๆ งั้นก็ช่างเหอะ” ผมบอกปัดๆก่อนจะเดินเลี่ยงมันออกมาจากห้องน้ำ


            .. ความบังเอิญจู่โจมแบบผมแบบไม่ทันตั้งตัวอีกแล้ว ..




✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿



            หลังจากเกิดเหตุอุกอาจขึ้นในห้องน้ำเมื่อกลับมาที่โต๊ะของชาวแกงค์ผมก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนหน้าตายอีกเลย ซึ่งก็ดีแล้วล่ะ .. แต่ที่ไม่ดีนั่นก็คือผมต้องเป็นคนจัดการกับเบียร์อีกสองขวดที่เหลือที่ไร้ซึ่งคนรับผิดชอบ ทำเอาเกือบสำรอกเอาทั้งของเก่าของใหม่คืนสู่ที่เดิม แต่คนมาดแมนจะมาอ้วกแตกกลางร้านให้ขายหน้าสาวๆไม่ได้เด็ดขาด มันจะไม่มีวันนั้น

            แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้กับอาการปวดหัวหน่วงๆจากศึกหนักเมื่อคืน ผมค่อยๆขยับพาตัวเองไปล้างหน้าล้างตาแปรงฟันเรียกความเฟรชกลับคืนมา ดูนาฬิกาแล้วเพิ่งจะแปดโมงเช้า ถือว่ายังเช้ามากนักสำหรับวันนี้ที่มีเรียนบ่าย

            สุดท้ายเลยมานั่งเรียกสติที่โซฟาตัวเล็กปลายเตียง ไว้กายหยาบและกายละเอียดพร้อมเมื่อไหร่ค่อยลงไปหาอะไรใส่ท้อง




            ก๊อกๆๆ..



            เช้าเบอร์นี้ไม่น่ามีใครมาเคาะประตูเรียกผมและแน่นอนว่าผมไม่มีห้องเพื่อนบ้านหรือคนรู้จักอยู่แถวนี้ เรื่องแปลกๆนี่ชักจะเกิดถี่เกินไปแล้ว

            แต่ยังไงผมก็เดินมาเปิดประตูต้อนรับอยู่ดีตามนิสัยเจ้าบ้านที่น่ารัก

            “มีธุระอะไรครั..”

            “ผมเอาโจ๊กมาฝากนาย”

            “ห้ะ!!” ตกใจทั้งคนที่ยืนถือโจ๊กอยู่และถุงโจ๊กที่ถูกยื่นมาจนแทบจะกระแทกหน้า

            “ผมเอามาฝาก”

            “มะ.. มึงมาได้ไง” มีก็แต่ผมที่ผงะและชี้นิ้วอันสั่นเทาไปทางอีกคนที่ยืนหน้าตายไร้อารมณ์เหมือนเคย

            “ผมก็เดินขึ้นมาไง”

            “บอกมานะมึงต้องการอะไร ใครแกล้งกูเนี่ย.. ใครแกล้ง” ผมหันมองซ้ายมองขวาสำรวจจากมุมประตูทั้งสองข้างทาง

            “นายน่ะคิดมาก”

            “...” ผมยังยึดประตูไว้แน่นมองมันอย่างลังเล

            “ผมอยู่ห้องถัดไปจากนายไงไม่รู้เหรอ”

            “เหอะ” ผมส่ายหน้ารัวใส่มันทันที

            “ผมเอาโจ๊กมาฝาก กินซะเมื่อคืนเดินเซขนาดนั้นตื่นมาน่าจะปวดหัว”

            “ไม่มีใครจ้างมึงมาแกล้งกูแน่นะ” ผมยื่นมือออกไปรับถุงโจ๊กที่ยังอุ่นๆอยู่และถามย้ำคนหน้าตายอีกครั้ง

            “ไม่มี .. ผมบอกแล้วนายน่ะคิดมาก” พูดจบมันก็เดินเลี่ยงไปเปิดประตูห้องด้านซ้ายมือและหายวับเข้าไป


            เพิ่งรู้ตัวก็วันนี้ว่าตัวเองเป็นคนคิดมาก โธ่..




✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿


★ มนุยษ์แฟนเก่า ★ (ยังไม่จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56884.0)

มาแจกความสดใสด้วยการมาอัพ EP01 อย่างรวดเร็วแต่แอบสั้นไปนิด
ขอฝาก #มนุษย์บังเอิญ และน้องฟืนไว้ด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นเลย ยังไงก็คอมเม้นหรือติชมได้เลยน้า


หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 1 : นายน่ะคิดมาก (p1/100117)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-01-2017 23:43:36
บังเอิญแน่เหรอ   :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 1 : นายน่ะคิดมาก (p1/100117)
เริ่มหัวข้อโดย: littlep_ ที่ 11-01-2017 10:55:24
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 1 : นายน่ะคิดมาก (p1/100117)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 11-01-2017 12:54:46
ไม่น่าบังเอิญขนาดนั้นนะ

  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 1 : นายน่ะคิดมาก (p1/100117)
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 11-01-2017 14:53:35
โธ่น้องฟืนไม่มีอะไรหรอกค่าอย่าคิดมาก55555555
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 1 : นายน่ะคิดมาก (p1/100117)
เริ่มหัวข้อโดย: เปาเปา ที่ 11-01-2017 15:21:19
บังเอืญจนตั้งใจว่าแต่เมะเราชื่อไรค่ะ
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 1 : นายน่ะคิดมาก (p1/100117)
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 11-01-2017 20:18:03
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 1 : นายน่ะคิดมาก (p1/100117)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 11-01-2017 20:33:51
เราว่าไม่น่าบังเอิญ นมเย็นปั่นเพิ่มวิปใส่เยลลี่ต้องตั้งใจแน่ๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 1 : นายน่ะคิดมาก (p1/100117)
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์เจ้าเอ๋ย ที่ 12-01-2017 08:15:54
ติดตามค่า
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 1 : นายน่ะคิดมาก (p1/100117)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-01-2017 09:54:47
ไม่สงสัยสิแปลก
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 1 : นายน่ะคิดมาก (p1/100117)
เริ่มหัวข้อโดย: นีร ที่ 23-01-2017 07:15:57
เจิมม
หัวข้อ: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา PART1 (p1/110417)
เริ่มหัวข้อโดย: warmblue ที่ 11-04-2017 01:21:18
✿ มนุษย์บังเอิญ  ✿

บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา



            โจ๊กใส่ไข่สองถุงและปาท่องโก๋สี่ตัวที่ยังอุ่นๆ นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นกลางห้องมานานนับห้านาที และยังมีมนุษย์อีกหนึ่งชีวิตที่นั่งจ้องมันอย่างเอาเป็นเอาตาย จนมันอาจจะหายร้อนไปก่อนจนทำให้กินไม่อร่อย

            แต่แล้วไงล่ะ ตอนนี้ใครจะไปสนเรื่องแบบนั้นกัน สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดสำหรับมนุษย์ที่กำลังนั่งจดๆจ้องๆโจ๊กสองถุงตอนนี้ น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตสองขาหน้าตาดีที่หิ้วเอามันมาให้เขาต่างหาก

            “ทำไมมันซื้อมาตั้งสองถุงวะ” ผมนั่งคิดอยู่นานหลายนาที จนต้องบ่นพึมพัมกับตัวเองราวกับนางเอกในละครไทย มันมีสองถุง .. หรือมันจะลืมเอาของตัวเองไปกิน

            “บ้าหน่า ใครมันจะไปลืมวะ” แต่คิดไปคิดมา ขนาดเราเองยังลืมทำงานที่อาจารย์สั่งบ่อยๆเลยนี่หว่า

            “หรือมันคิดว่ากูตะกละแดกวะ” เออ อันนี้ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง

            ผมจัดการหยิบโจ๊กทั้งสองถุงขึ้นมาแกะและเทลงชาม ก่อนจะส่งมันเข้าไปหมุนติ้วในไมโครเวฟ เลิกตบตีกับความคิดของตัวเอง

            สงสัยมันจะเห็นว่าผมเป็นคนกินเก่งล่ะมั้ง


            .

            .

            .

            .

            .

            .

            .


            แต่อย่างที่หลายๆ คนพูดเอาไว้ว่าจุดจบสายแข็งมักไม่น่าอภิรมย์เสียเท่าไหร่ เพราะตอนนี้สายแข็งคนนั้นได้มายืนด้อมๆมองๆ อยู่หน้าประตูไม้สีน้ำตาลเข้มข้างห้องของตัวเอง ยกมือขึ้นจะเคาะแต่ก็ชักมือกลับหลายต่อหลายครั้งแล้วล่ะครับ


            “เหี้ยเอ้ย!! เอาวะ”



            ก๊อกๆๆ..



            รอไม่ถึงนาทีประตูไม้สีน้ำตาลบานนั้นก็ค่อยๆ เปิดอ้าออก และตามมาด้วยหน้าหล่อๆ ที่ตายเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือมีความงุนงงเล็กน้อย ในสภาพเสื้อยืดย้วยๆ สีขาวและบ๊อกเซอร์สีน้ำเงินเข้ม

            “นาย..”

            “คือมึงซื้อโจ๊กมาสองถุง แบบกูกินไม่หมดไง แล้ว.. แบบมันไม่หมด เอ้ย มันจะเสียของเปล่าๆ..”

            “นายก็เอาแช่ตู้เย็นไว้ซิ”

            “...” ผมนี่หน้าตึงเลยครับ

            “หรือไม่มีตู้เย็น? เอามาฝากผมแช่ไว้ก็ได้นะ” หน้ากูสั่นไปหมดแล้วเว้ยไอ้นมเย็น

            “จะมาถามว่า แดกด้วยกันมั้ยล่ะ”

            “อ่อ .. งั้นนายก็เอาถุงที่เหลือมาให้ผมซิ” มันจ้องหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะส่งเสียงตอบกลับมา

            “คืองี้นะมึง กูแกะเทใส่ชามเรียบร้อย พร้อมแดก” ทำไมผมถึงไม่หิ้วมาคืนมันวะ ง่ายนิดเดียวดันคิดไม่ได้ นั่งทะเลาะกับตัวเองทำไมให้เสียเวลาชีวิต

            “...”

            “มากินห้องกูก็ได้ รกนิดหน่อย กูไม่ถือ”

            “หือ.. เอางั้น?” มันเลิกคิ้วที่เรียงตัวสวยขึ้นนิดหน่อย แค่นิดเดียวเท่านั้นจริงๆ .. สาบานว่านี่คือหน้าตาประหลาดใจของมึงนะ

            “เออ หยิบของแล้วตามมาดิ รออยู่นี่แหละ”

            “นายจะให้ผมไปสภาพนี้น่ะนะ”

            “แค่นี้มึงก็หล่อจะตายแล้วครับ จะไปเซตผมก่อนไง้ ?”

            “เฮ้อ .. เปล่า ช่างเถอะ” เหมือนอีกฝ่ายจะถอยตัวเข้าไปในห้องนิดหน่อยเหมือนหยิบของแถวๆนั้น แล้วเดินออกมาปิดประตู ในมือของร่างสูงมีเพียงแค่กุญแจห้องเท่านั้น น่าแปลกนะ ที่จะไม่พกโทรศัพพท์ติดตัว ถ้าเป็นผมนี่ไม่ได้เลยครับ เช็คทุกโซเชียลตลอดเวลาตามประสาคนโซแดมฮอต

            “โทรศัพท์มึงอ่ะ”

            “ยุ่งจริง”

            “หมายถึงกูเสือกงี้ป่ะ ฮ่าๆๆ” ถามว่าแคร์มั้ย ผมจะตอบอย่างมาดแมนเลยนะครับว่าไม่เว้ย

            “เปล่า .. ผมไม่ติดโทรศัพท์ ชอบคุยต่อหน้ามากกว่า”

            “อ่าหรอ เข้ามาเลยๆ” ผมรับคำอีกฝ่ายส่งๆ พอดีกับที่เดินมาถึงทีหมายพอดี อันที่จริงต้องเรียกว่าเดินไม่ถึงห้าก้าวเสียมากกว่า











            อีกฝ่ายเหมือนจะกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องราวกับนักสำรวจ ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงข้างโต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ยกลางห้องที่มีโจ๊กสองถ้วยวางอยู่บนนั้น

            “ก็ไม่ได้รกขนาดนั้น”

            “คงงั้น .. สงสัยเมื่อคืนไอ้ซินมันเก็บห้องให้มั้ง” ผมหยิบน้ำขวดเล็กจากตู้เย็นมาวางบนโต๊ะพร้อมกับนั่งลงตามอีกคน เมื่อคืนตอนไอ้ซินหิ้วผมมาทิ้งไว้ที่ห้องคงเขี่ยๆ ของให้เข้าที่เข้าทาง ผมโดนมันบ่นประจำเรื่องทำห้องรก

            “ซิน ?”

            “เพื่อนกูเอง” ไอ้นี่ทำไมต้องทำหน้านิ่งใส่ด้วยล่ะ .. แต่มันก็หน้านิ่งเป็นปกตินี่หว่า

            “อ่อ..”

            “เห้ย โจ๊กอร่อยว่ะ รสชาติเหมือนร้านแถวสวนสาธารณะใกล้ๆมอเลย” ผมว่าพรางใช้ช้อนตักโจ๊กเจ้าปัญหาขึ้นลองชิม ดีนะว่ามันอร่อยไม่งั้นคงจะทำให้คนหล่อหงุดหงิดไม่น้อยที่ต้องเดินเทียวไปเทียวมาแบบนี้

            “อื้อ ก็ผมซื้อร้านนั้น”

            “อ้าว มึงนี่ชอบอะไรเหมือนกูหลายอย่างเนอะตั้งแต่นมชมพูล่ะ แต่ร้านนี้แม่งดีจริง ป้าเขาใจดีให้เครื่องอย่างเยอะ”

            “เปล่า ผมไปวิ่งน่ะ บังเอิญเห็นพอดีเลยลองซื้อมากิน”

            “อ่อออออ รับรองมึงจะติดใจ อ่ะๆ กูแบ่งให้” ผมตักตับที่ไม่ค่อยจะชอบกินเท่าไหร่ไปใส่ชามอีกคนตามประสาคนมีน้ำใจ

            “กินเยอะๆ เถอะนายน่ะ ตัวแค่นี้” มันพูดจิดกัดผมด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเคย แต่ผมเองก็ขี้เกียจจะถือสา เพราะมันว่าพร้อมกับส่งหมูมาในชามผมถึงสองก้อน



            .. สงสัยมันจะบังเอิญอีกแล้ว ก็ผมน่ะโคตรชอบหมูสับร้านนี้เลย .. 




✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿



            หลังจากที่จัดการกับโจ๊กและปาท่องโก๋เจ้าปัญหาจนราบคาบ ไอ้นมเย็นหน้าตายก็อาสาล้างจานชามให้เรียบร้อยตามหน้าที่แขกที่ดี แล้วมันก็ขอตัวกลับห้องไป


            เหมือนผมจะลืมอะไรบางอย่างไปนะ ..


            กินอิ่มก็เริ่มจะหนักตาอีกรอบสมกับที่เป็นเด็กวัยกำลังโต เลยเดินไปเปิดเพลงจากไอพอตแล้วต่อเข้ากับลำโพง ผมชอบที่จะฟังเพลงจากไอพอตมากกว่าโทรศัพท์ถึงสมัยนี้จะไม่ค่อยมีคนใช้ไอพอตกันซักเท่าไหร่แล้วก็ตาม เพราะในโทรศัพท์เองก็มีฟังก์ชันสำหรับการฟังเพลงอยู่แล้ว

            เสร็จสรรพก็จัดการย้ายตัวเองมานอนกลิ้งเล่นบนเตียงตามวิถีคนคูลๆ ยังเหลือเวลาอีกซักพักก่อนที่จะต้องลุกไปอาบน้ำ แต่งตัวแล้วค่อยเข้าคณะ คนคูลจึงตัดสินใจจะงีบซักพักเพราะท้องนั้นตึงเหลือเกิน

            .

            .

            .

            .

            .

            .
   
            .


            ไอ้ฉิบหาย!!

            ผมที่กะจะงีบพักสายตาซักครึ่งชั่วโมงดันเตลิดเพลิดเพลินยาวนานจนกินเวลาเป็นชั่วโมง ต้องตาลีตาเหลือกวิ่งผ่านน้ำ คว้ากางเกงขาเดฟสีดำสนิทพอดีตัวที่ใส่แล้วมาใส่ซ้ำอีกอย่างรวดเร็ว หยิบเสื้อที่แขวนในตู้มาติดกระดุมอย่างว่องไว .. เสื้อที่แขวนในตู้คือซักแล้วทั้งหมดโดยไม่มีข้อยกเว้นครับ ทำได้แค่เพียงเซตผมลวกๆ กวาดของลงกระเป๋าแล้วรีบวิ่งออกไป

            เรียนบ่ายแล้วกูจะสายไม่ได้!!












            “อ้าว นาย..” จังหวะที่ผมพุ่งตัวออกจากลิฟต์ ก็ดันมาเจอะกับเพื่อนบ้านข้างห้องของตัวเองยืนคุยโทรศัพท์อยู่แถวหน้าประตูทางเข้าออกหอพักพอดี

            “เออๆๆ ไว้ค่อยคุยนะกูรีบจะไปเรียนสายแล้วเนี่ย” ผมบอกปัดๆอย่างเร่งรีบ กำลังลังเลในใจว่าระหว่างรอรถของมหาลัยกับวิ่งไปอันไหนจะไวกว่ากัน และไม่ทำให้สภาพกายหยาบผมย่ำแย่ไปมากกว่าที่เป็นอยู่

            "เรียนตึกไหน” อีกฝ่ายเดินตามมาและถามขึ้น

            “วิดวะ ตึกเรียนรวม”

            “ตามมาดิ เดี๋ยวผมไปส่ง”

            “ห้ะ .. ”











            สุดท้ายผมจึงทำได้เดินตามร่างสูงไปที่จอดรถสำหรับหอพัก เดินไปเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่หน้ารถเวสป้าคันเล็กสีดำด้านที่ยังดูไม่ค่อยเก่าเท่าไหร่ แต่คือ..

            “มึง เราจะนั่งพอหรอวะ” ถึงทั้งผมและมันจะไม่ได้ตัวใหญ่เป็นพวกกล้ามปูแต่ก็เป็นผู้ชายแมนๆ เตะบอลครับด้วยกันทั้งคู่ ตัวก็ไม่ได้เล็กขนาดที่ว่าพอนั่งรวมกันบนรถเวสป้าสุดชิคออกแล้วมันจะมันดูน่ารักน่าชัง

            “พอดิ ปกติเพื่อนผมก็ซ้อนกันประจำ” มันว่าพร้อมกับขึ้นคร่อมและสตาร์ทรถ

            “รถมันจะไม่หักเป็นสองท่อนใช่มั้ย” ผมพูดอย่างหวาดๆ ก่อนจะค่อยๆพอตัวเองมานั่งซ้อนท้ายลงบนเบาะอันน้อยนิดของรถสุดวินเทจ หย่อนตัวลงเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้แล้วสุดท้ายจะต้องทิ้งน้ำหนักตัวลงมาทั้งหมดอยู่ดี

            ล้อมันจะไม่แบนใช่มั้ยวะ

            “จับดีๆนะ จะไปแล้ว”

            “เออ ขับดีๆนะมึงอ่ะ” นี่ก็พูดเหมือนซะตัวเองขับดูคาติ มึงขับเวสป้าเว้ย











            ถึงรถจะคันเล็กไปหน่อยแต่มันก็สามารถประคองพาชายฉกรรจ์สองคนมาถึงตึกเรียนรวมของคณะวิศวะได้ .. แม้ว่าจะด้วยความเร็วระดับเต่ากัดล้อก็ตาม ความปลอดภัยน่าจะระดับยูเนสโก้กันเลยทีเดียว

            จะมีก็แต่ความน่าหวาดเสียวกับระยะห่างระหว่างผมกับมัน ความเบียดเสียดกันบนเบาะอันแสนน้อยนิด แทบจะขี่คอกันขับมานี่มันไม่ดีต่อใจเลยแม้แต่น้อย แล้วพี่ฟืนจะมีหน้าไปมองสาวๆ ได้ยังไงล่ะครับ โธ่..

            “ขอบคุณนะมึง ไม่ได้มึงนี่กูฉิบหายแน่ๆ”

            “อื้อ นายรีบไปเรียนได้แล้ว”

            “เออ ขับไปดีๆ”

            “อื้อ”

            “ไว้เจอกันมึง” ผมพูดเสร็จก็โบกมือบ๊ายบายให้อีกฝ่ายก่อนจะรีบวิ่งเข้าตึกไป



            .. ผมว่าผมรู้แล้วล่ะ ว่าผมลืมอะไรไปเมื่อเช้า

            .. ตกลงไอ้นมเย็นหน้าตายนี่มันชื่ออะไรวะ




✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿


★ มนุยษ์แฟนเก่า ★ (ยังไม่จบ)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56884.0)

หายหน้าหายตาไปนานเลยค่ะ กราบขอโทษสิบครั้ง
คิดถึงฟิคเรื่องนี้มากๆ ส่วน #ฟิคมนุษย์แฟนเก่า แต่งไว้บ้างแล้วนะคะ
คาดว่าไม่กี่วันนี้จะได้เอาน้องก้าวมาเสิร์ฟแน่นอน เย่เย้
ถ้ายังมีคนที่ยังคิดถึงและอ่านฟิคเรื่องนี้อยู่ก็มาแสดงตัวและคุยกันได้นะคะ
เหมือนเดิมสามารถเจอกันได้ในทวิตเตอร์กับแฮชแท้ก #มนุษย์บังเอิญ ค่าาา

หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา PART1 (p1/110417)
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 11-04-2017 02:31:03
ทั้งหล่อ ทั้งใจดี นั่นสิ ชื่ออะไรล่ะนมเย็น
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา PART1 (p1/110417)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-04-2017 03:38:00
มันต้องมีอะไรแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา PART1 (p1/110417)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-04-2017 07:55:03
มันบังเอิญจริงหรือ มีเงื่อนงำอะไรแอบแฝงป่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา PART1 (p1/110417)
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 11-04-2017 11:21:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา PART1 (p1/110417)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 11-04-2017 15:04:16
มาตามอีกเรื่อง ต่อให้ทันน้า คนอ่านตั้งใจอ่าน 5555
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา PART1 (p1/110417)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-04-2017 17:45:08
บังเอิญๆๆ......จริงๆ
ที่มาอยู่ข้างห้องนี่ บังเอิญหรือเปล่า
บังเอิญฟืน เจอนายนมเย็น
ตารางเรียนของฟืน นมเย็นก็คงรู้
หรือนมเย็น แอบตามฟืน แล้วฟืนไม่รู้ตัว
ซิน หน้าสวย แล้วฟืนล่ะ รูปร่าง หน้าตาแบบไหน  :ling1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ปล.  คำผิดค่อนข้างเยอะนะ
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา PART1 (p1/110417)
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์เจ้าเอ๋ย ที่ 11-04-2017 22:28:58
มารอน้องฟืนค่า

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา PART1 (p1/110417)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 12-04-2017 01:10:06
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วล่ะฟืน

 :L2: :L2:
หัวข้อ: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา PART2 (p2/150417)
เริ่มหัวข้อโดย: warmblue ที่ 15-04-2017 01:29:22
✿ มนุษย์บังเอิญ ✿
บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา PART2


            “ฟืน นี่มึงตั้งใจฟังอาจารย์บ้างรึเปล่าวะ” ผมที่กำลังประคองหัวและคอไม่ให้อ่อนพับไปแบบคนกล้ามเนื้ออ่อนแรงมาตลอดระยะเวลาสามชั่วโมงได้มาถึงจุดสิ้นสุดทันที เพราะมือขาวๆ ของไอ้ซินโบกมาเต็มแรง จนหน้าคนหล่อแนบติดกับโต๊ะเลคเชอร์

            “คือคนสวยครับ มึงจะไม่ให้โอกาสกูแฮงค์มั่งอะไรมั่งหรอ เมื่อคืนมึงก็เห็นกูซัดไปหนักขนาดไหน”

            “ตอนสอบไม่ต้องมาอ้อนวอนกูนะ” มันมองมาทางผมด้วยสายตาเวทนาหน่อยๆ

            “กูก็มีแค่มึงอ่ะซิน”

            “มันตอแหล” เป็นไอ้พี่ตั้มที่ทำท่ากระซิบกระซาบกับลูกกระจ้อกของมัน  ซึ่งก็คือไอ้ไม้

            “เดี๋ยวพี่มึงจะโดนกูโบกต่อนะครัช” หันไปแยกเขี้ยวใส่พี่มันเป็นการขู่แบบพอให้ดูน่ากลัว

            หยิบโทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะมากดหน้าจอเพื่อดูเวลา 15.34น. ยังเหลือเวลาอีกราวๆ ครึ่งชั่วโมงช่วงเวลาแห่งความน่าเบื่อนี้ถึงจะสิ้นสุดลง  เมื่อก็ไม่ได้จะสนใจกับหนังสือหนังหาอยู่แล้วผมจึงหันไปสะกิดไอ้ไม้ เผื่อมันจะอยากเล่นกับผม เพราะดูท่าทางไอ้คนสวยที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมน่าจะไม่อยากเล่นด้วยซักเท่าไหร่

            “มึง มาเล่นกัน”

            “เล่นห่าอะไรของมึง โตเป็นควายแล้ว” มันเงยหน้าขึ้นจากการไถหน้าจอโทรศัพท์มาตอบกลับมาเรียบๆ และก้มลงไปเล่นต่ออย่างไม่ใยดี

            “นี่ไง กูกำลังชวนเพื่อนควายมาเล่นกัน”

            “มึงไปเล่นตรงนู่นนะฟืนนะ”

            ไอ้ไม้เล่นโทรศัพท์อย่างจริงจัง พี่ตั้มฟุบหน้าไปกับโต๊ะจนน้ำลายแทบย้อยมาเป็นแอ่ง .. โคตรน่ารังเกียจ ไอ้ซินกำลังจดจ่ออยู่กับสไลด์ภาษาต่างดาวที่นอกจากมันก็คงมีแค่องค์การนาซ่าที่เข้าใจ สุดท้ายเมื่อไม่มีใครสนใจจะมาเล่นด้วยกัน ผมจึงหยิบโทรศัพท์มาไถเล่นฆ่าเวลามั่ง

            เลิกคลาสแล้วไปไหนดีวะ .. ทางบ้านจะต้องภูมิใจจนต้องปาดน้ำตาแน่นอน












            “เหี้ยยยยย..”

            “อะไรของมึงวะไม้” ทันทีที่มีเสียงผิดคีย์ดังขึ้นมา คนว่างแบบผมก็หูตั้งหางกระดิกวิ่งเข้าใส่เป้าหมายทันที

            “เมื่อกลางวันแม่งมีคนถ่ายรูปคนดังของมหาลัยได้ว่ะ เหมือนจะมาส่งแฟน”

            “โธ่ .. มึงก็โวยวายซะ แล้วไงวะ” ใครมาส่งแฟนมึงก็เอามาเล่นเป็นประเด็นได้นะเดี๋ยวนะ คนสมัยนี้

            “มึงนี่ไม่อัพเดต ก็พี่คนนี้แม่งโคตรหล่อ ดีกรีเป็นเคยเป็นเดือนคณะแถมเป็นนักกีฬาเลยนะครับ โปรไฟล์ดีสัดๆ แต่เหมือนจะเป็นเกย์ว่ะ ขับมอไซต์มาส่งกันงี้แทบจะขี่คอกันมาเลยนะมึง เนี่ยในเฟซแชร์กันเป็นพันแล้วมั้ง” มันพูดเสร็จก็ยื่นหน้าจอโทรศัพท์ที่เปิดค้างอยู่ในหน้าแอพพลิเคชั่นเฟซบุ้คมาให้ผมดู ประกอบเป็นหลักฐาน

            “เดี๋ยวนี้มึงติดตามคนหล่อประจำมหาลัยด้วย? ไม่เอาว่ะ เรื่องของเขาป่ะ จะคบผู้หญิงผู้ชายมึงจะไปเสือกกับเขาทำไมเนี่ย” บางทีเขาอาจจะไม่ได้ขี่คอกันมาก็ได้นะครับ แค่เบาะมันอาจจะแคบไปนิดนึงก็ได้ คนพวกนี้นี่ใจร้ายจริงๆ

            “เอ้ออออ กูขี้เสือกว่างั้น กูก็ไม่รู้จักหรอกเห็นเขาแชร์กันมาก็ตามเสือกไปงั้น .. ไอ้คนตัวสูงๆ หน้ามันคุ้นๆ ว่ะ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก” พูดไปมือก็ยังขยับซูมรูปเข้าออกตามไปด้วย

            “เพิ่งรู้ตัวหรอครับเพื่อนไม้ว่ามึงขี้เสือก ?”

            “เอ้อออออ ได้เลยไอ้ฟืนได้เลย .. แต่แม่งรูปโคตรไม่ชัดทีหลังมายืมกล้องกูไปถ่ายก็ได้นะนี่”

            ไอ้ไม้มันคลั่งไคล้การถ่ายรูปมากๆ จนอยากจะเข้าสถาปัตย์มากกว่าวิศวะแต่เหมือนทางบ้านจะไม่เห็นด้วย มันเลยต้องมาเรียนวิศวะแทน แต่จนแล้วจนรอดก็เก็บเงินจนได้กล้อง DSLR ตัวไม่ใหญ่มากมาครอบครอง และพ่วงมาด้วยชมรมถ่ายภาพที่มันไปสมัครมา

            “แต่กูว่าแบล็คกราวน์มันคุ้นๆ ไอ้คนตัวเตี้ยๆ ที่ยืนหันหลังนี่แม่งก็โคตรคุ้นเลยมึง .. หรือจะเป็นเพื่อนเราวะ เชี่ยคุ้นไปหมดเลยเนี่ย” มันหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าขอร้องให้ช่วยกันระดมความคิดอย่างจริงจัง

            “เอาตรงๆ นะครับเพื่อนไม้ เลิกเสือกครับ ฮ่าๆๆๆ”

            “ไอ้ซินเว้ยยยย ฟืนมันแกล้งกู”

            “พวกมึงพอกันทั้งคู่ เล่นกันจนหมดคาบแล้วเห็นมั้ย” หันไปอีกทีไอ้ซินมันรวบหนังสือปากกาเรียบร้อย

            “ไอ้ฟืนแหละมาชวนกูเล่น”

            “อ้าว ทำยังกับมึงเล่นกับกูอ่ะไม้ เอาแต่เผือกเรื่องชาวบ้าน”

            “พอกันทั้งคู่” หน้าสวยๆ ของมันดูน่ามองน้อยทันทีที่มันกลอกตามองบนใส่พวกผม .. แต่เหนือสิ่งอื่นใด ใครหลายคนหรือแม้แต่คนที่ไม่สนิทมักจะคิดว่าไอ้หน้าสวยนี่มันตุ้ดชัวร์ ไม่ก็รับชัวร์ แต่ขอฟันธงไว้ตรงนี้เลยนะครับ ว่าเพื่อนผมน่ะโคตรแมนถึงแม้ว่าจะดูจุ้กจิ้กไปหน่อยก็ตาม

            “เออ.. เย็นนี้พวกมึงว่างหรือเปล่า .. เชี่ยพี่ตั้ม ตื่นเว้ย” ไอ้ไม้หันมาถามพวกผมและหันไปปลุกพี่ตั้มที่กำลังฝันหวานไปถึงไหนต่อไหนด้วยการฟาดไหล่หนาๆ นั่นดังป้าบ

            “กูนี่แสตนบายเลยครัช” แน่นอนว่าว่างยาวๆ ไป

            “กูยังไงก็ได้” งานนี้ถ้าไอ้ซินไปด้วยแสดงว่าพวกผมไม่ต้องหอบสังขารตัวเองไปลำบากเล่นให้เหนื่อย เพราะในบรรดาพวกเรามีมันคนเดียวที่มีรถ

            “กูขอบายนะ ต้องแวะเข้าไปหาพี่ต๊อบ” พี่ต๊อบก็คือพี่ชายของพี่ตั้มที่เป็นเจ้าของร้านเหล้าที่พวกเราชอบไปขลุกอยู่กันเป็นประจำ หรือเพิ่งไปถล่มร้านพี่แกมาเมื่อคืนนั่นเอง

            “โอเคๆ งั้นมีไอ้ฟืนกับไอ้ซินนะ”

            “เดี๋ยวคือเพื่อนไม้ต้องบอกกูมาก่อนมั้ยครับ  ว่าจะไปไหนกัน”

            “คือเย็นนี้มีแมทซ์แข่งว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำมอ แล้วที่ชมรมให้กูไปถ่ายรูปบรรยากาศมา บอกจะเอามาลงเพจ แต่เอาจริงนะ กูว่าไม่น่าอยากได้บรรยากาศน่าจะอยากได้รูปนักกีฬามากกว่า”

            “เลยมาชวนพวกกูไปเป็นเพื่อน ?”

            “เออออออ จะไปมั้ยล่ะ”

            “ไปดิ ฮ่าๆๆๆ กูว่างยาวๆ ไปครัช”



✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿



            ยังเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมงครึ่งก่อนการแข่งขันว่ายน้ำจะเริ่มขึ้น ผมและชาวแกงค์จึงเคลื่อนย้ายตัวเองมาอยู่ที่ร้านบะหมี่หมูแดงเจ้าประจำแถวหน้ามหาลัย ด้วยความอร่อยระดับมิชลินแต่ราคาระดับร้านรถเข็น เหมาะแก่การติดแฮชแท้ก #อร่อยไปแดก มากๆ

            “เอาบะหมี่เกี๊ยวหมูแดง พิเศษเพิ่มเกี๊ยวสามครับป้า!!” เสียงไอ้ไม้ตะโกนดังจนลั่นร้านอย่างน่าเขินอายแต่โชคดีที่เวลานี้ที่ร้านไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่

            “มึงรู้ได้ไงว่ากูจะแดกเหมือนมึง” คนหน้าสวยถามขึ้นหลังจากที่ไอ้ไม้หย่อนตัวนั่ลงกับเอ้ากี้พลาสติก

            “ฮึ .. ไม่รู้หรอก แดกๆ ไปเหอะ อย่าเรื่องมากดิมึง” แต่คนผิวแทนกลับตายมาอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลาตามนิสัยของมัน

            ส่วนตัวผมที่ขี้เกียจจะต่อปากต่อคำ เพราะเอาอะไรมาให้กูก็กินได้ทั้งนั้นจึงปล่อยผ่านไป

            “เอ้อ .. กูมีเรื่องจะบอกพวกมึง เกือบลืม” ไม้ที่นั่งไถโทรศัพท์ไปไม่ถึงสองนาทีเงยหน้าขึ้นมาพูดอย่างจริงจัง

            “ไรมึง ทำผิดอะไรมาล่ะ” เป็นผมที่ตอบกลับไป เพราะซินมันเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมามองเท่านั้นตามนิสัยของมัน

            “มึงรู้เรื่องที่กูจะไปค่ายวันศุกร์นี้แล้วช้ะ”

            “อ่าฮะ แล้วไง”

            “คือแบบว่ามึงก็รู้เนอะว่าชมรมกูแม่งไม่ค่อยมีคนรู้จัก คนก็เลยไปน้อยม๊ากมาก”

            “แล้ว  ?” ผมนั่นเริ่มสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง .. กลิ่นชักจะไม่ดีเสียแล้วซิ

            “กูเลยใส่ชื่อพวกมึงไปค่ายด้วยจ้า..”

            “ไอ้เหี้ยไม้!!” คราวนี้ทั้งผมและไอ้ซินประสานเสียงกันเลยทีเดียว

            “แหม่ๆ .. ไม่ขึ้นเสียงซิจ๊ะ ก็คนมันไม่พอนี่หน่า ไปแค่ศุกร์เสาร์ วันอาทิตย์ก็กลับมาแล้วเนี่ย”

            “มึงจะทำอะไรนี่ช่วยปรึกษากูหน่อยได้มั้ย” ซิน

            “มึงช่วยเช็คสภาพหนังหน้าเพื่อนมึงด้วยว่าถ่ายรูปเป็นมั้ย” ผม

            “โอ้ยยยย .. มึงไม่ต้องไปถ่ายรูปอะไรหร้อกกก ขอแค่แรงงานนิดๆ หน่อยๆ เอง แบบมันเป็นค่ายอาสาอ่ะมึง ไปทำห้องสมุดให้น้องๆ ห้องนิดเดียวเอง ไม่ใหญ่มาก กูเชื่อว่าเพื่อนๆ ทำได้สบายมาก”

            “ไม้ .. สภาพกูเหมือนคนใจบุญขนาดนั้นเลยหรอ กูขี้เกียจเว้ย” ผมที่ชักเริ่มจะหมดอารมณ์อยากอาหารเริ่มหงุดเงี้ยวขึ้นมาทันที วันหยุดของฟืน .. หมดกัน

            “สามวันสองคืนเองมึง ถือว่าช่วยลูกหมาตาดำๆ อย่างกูนะ ถ้ากูหาชื่อไม่ครบรุ่นพี่ก็เม้งกูอีก”

            “เฮ้อ .. ทำไงได้ล่ะ ก็ลงชื่อไปแล้วนี่” นั่นแหละ ผมถึงได้หงุดเงี้ยวอย่างนี้ เพราะถ้าลงชื่อไปแล้วจะไปขอเอาชื่อออกตอนนี้คงดูใจหมาไม่น้อย คงต้องไปอย่างเดียว

            “พวกมึงเป็นเพื่อนที่แสนดี”

            “แต่มึงอ่ะเลว จำไว้ซะนะ”



            Rrrrr.




            “เชี่ย .. เจ๊วาวแม่งตายยากฉิบหาย พูดถึงก็มาเลย” เจ๊วาวที่มันพูดถึงเป็นประธานชมรมถ่ายภาพที่ไม้มันฝังตัวอยู่ตอนนี้


            “ฮัลโหล ว่าไงครับเจ๊”


            “โหยยยยย เลทไรเล่า นี่ผมกินข้าวอยู่หน้ามอ เสร็จแล้วเดี๋ยวไปที่สระเลยเนี่ย”


            “คร้าบบบ จะถ่ายให้สวยๆ เลยครับ”


            “แหม่ๆ .. ไหนว่าให้ถ่ายบรรยากาศเยอะๆ ไง นักกีฬาไหนว่าไม่เน้นไง”


            “พี่สาวคนสวยไม่ปากร้ายแบบนี้ซิจ๊ะ เดี๋ยวไม้ถ่ายไปให้เยอะๆ เลย เคป่ะ”


            “คร้าบบบ แต่คนที่จะให้ถ่ายเยอะๆ นี่ชื่อไรนะเจ๊ เมื่อกี้ฟังไม่ถนัด”


            “อ่อ โอเคครับๆ แล้วผมจะรู้ได้ไงวะเจ๊ว่าคนไหน”


            “ฮ่าๆๆๆ โอเคๆ สวัสดีครับ”





            “เจ๊วาวโทรมาสั่งไรมึงอีกอ่ะ” ด้วยความขี้เสือกผมจึงปัดเรื่องเก่าทิ้งไปและขึ้นท๊อปปิคใหม่ทันที

            “แหม่ ไม่ขี้เสือกเลยเนอะเพื่อนฟืน”

            “เล่นตัวหรอมึง”

            “ฮ่าๆๆ เจ๊โทรมาบอกให้ถ่ายนักกีฬาที่ดังๆ เห็นว่าช่วงนี้คนสนใจมันเยอะ เผื่อจะมีคนมาสนใจเพจเพิ่มขึ้น”

            “อ่ออออ หล่อหรอวะ”

            “น่าจะ เจ๊พูดเหมือนหล่อมาก พอกูถามว่ากูจะรู้ได้ไง เจ๊ตอบกูกลับมาว่า เดินเข้าไปก็จะรู้เลย เพราะน่าจะมีคนมากรี้ดมันเยอะ .. เชี่ย อิจฉา”

            “อื้อหื้อ ใครวะ”

            “ไม่รู้ว่ะ เจ๊บอกแค่ว่าเคยเป็นเดือนเศษฐศาสตร์ ชื่อท้องฟ้า



✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿



            “คนเยอะฉิบหาย กูนึกว่าไอดอลเกาหลีมาไฮทัช” ผมบ่นอุบอิบในขณะที่เดินตามหลังสองเกลอขึ้นบันไดไปสู่สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ของมหาลัย

            “นี่เรามาทำอะไรตรงนี้วะฟืน” ซินมันหันมามองหน้าผมและถามอย่างเนือยๆ

            “ไม่รู้ว่ะ กลับตอนนี้ทันมั้ย ทิ้งไอ้ไม้ไว้ตรงนี้แหละ”

            “ไม่ได้!! อยู่เป็นเพื่อนกูก่อนเลย ไหนๆ พวกมึงก็มาแล้วเนี่ย” ไม้หันมาโวยวานใส่ผมกับซินพร้อมกับยกกล้องตัวโปรดของมันขึ้นมาเช็คนู่นนี่

            “คนเยอะๆ นี่เขามาเชียร์ไอ้คนที่ชื่อท้องฟ้าไรนั่นอ่อวะ” ผมที่เพิ่งสังเกตุบรรยากาศรอบข้างหันไปคุยกับไอ้ซิน .. สาวๆ เต็มไปหมดทำให้คนหล่อใจชื้นขึ้นมานิดนึงแล้วซิ

            “มั้ง ที่แน่นอนคือเขาไม่ได้มาหามึง  ไม่ต้องมาทำหน้าตาหมาดีใจ” แล้วมันก็จัดการผลักหัวผมไปที สมงสมองสั่นหมด มือหรือตีนวะ

            “เชี่ย พวกมึงนักกีฬามาประจำแท่นแล้ว” เสียงจากไอ้ไม้เรียกให้ผมที่กำลังฟัดกับซินหันไปสนใจทันที

            “แล้วคนไหนคือท้องฟ้าของมึงล่ะ” ซินมันพูดแล้วพยายามกวาดสายตาไปให้ทั่วๆ เพราะคนที่มาดูมีจำนวนเยอะมาก

            “เออว่ะ พวกมึงช่วยกันหาดิ น่าจะคนที่เด่นๆ ป่ะ” ผมจึงพยายามสอดส่องสายตาให้ไปทั่วเพื่อที่จะช่วยเพื่อนหาบุคคลเจ้าปัญหา .. ไม่ใช่ความขี้เสือกส่วนบุคคลแต่อย่างใด

            จนมาสะดุดตาที่ผู้ชายผิวสีแทนที่ยืนอยู่ประจำลู่ที่ 3 จากการคาดเดาส่วนสูงน่าจะประมาณ 180 กว่าๆ ผิวสีแทนที่ไม่มากจนเกินไปจะเรียกว่าออกสีคาราเมลก็น่าจะไม่ผิดนัก กล้ามเนื้อแบบนักกีฬาที่ดูสมส่วนไม่น้อยหรือมากเกินเห็นชัดจนน่ากลัว พอมีกล้ามหน้าท้องบางๆ ให้เห็นอยู่บ้าง ไล่ลงมาเหนือขอบกางเกงว่ายน้ำสีน้ำเงินเข้มแนบสนิทกับต้นขาแข็งแรงปรากฏวีไลน์ที่เด่นชัดทำให้เจ้าตัวดูเซ็กซี่มากขึ้นอีกเป็นกอง

            เจ้าตัวนั้นไม่ได้มีหน้าตาตี๋น่ารักแบบไอดอลเกาหลีที่กำลังเป็นพิมพ์นิยม หรือสวยจนผู้หญิงอิจฉาแบบไอ้ซิน แต่กลับมีดวงตาสีดำสนิทที่ดูนิ่งสงบที่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่ยากต่อการคาดเดา จมูกที่โด่งกำลังพอดีรับกับปากอิ่มๆ และสุดท้ายคือสันกรามที่คมชัดทำให้เจ้าของใบหน้าดูโคตรจะเซ็กซี่

            ดูรวมๆ แล้วเป็นผู้ชายที่มีเซ็กแอพพีลสูงจนน่ากลัวคนนึง



            .. ไอ้เหี้ย นั่นมันไอ้นมเย็นนี่หว่า!!





            “กูไปถามน้องผู้หญิงข้างๆ มาแล้ว ไอ้คนที่ท้องฟ้าอยู่ลู่ 3 เว้ยยยย” ไอ้ไม้โวยวายอยู่น่าจะเสียงดังพอสมควรแต่มันคล้ายเป็นเสียงวึ้งๆ ที่ผ่านหูผมไป

            “พี่ฟ้าดิ เขาอยู่ปีสี่นี่” เป็นไอ้ซินที่แย้งขึ้นมา

            “เออๆ พี่ฟ้าไรเนี่ย แต่หน้าคุ้นๆ มึงว่าป่ะซิน”

            “..นมเย็น” เสียงแรกที่หลุดออกจากปากของผมออกมา

            “ห้ะ อยากแดกนมเย็น ?”

            “นี่มันไอ้เหี้ยนมเย็น!!”








            “กูว่าแล้ว หน้าคุ้นๆ .. มึงโอเคป่ะเนี่ยฟืน”

            “โอเคดิ กูแค่ตกใจ ฮ่าๆๆ” ผม ซฺน ไอ้ไม้แทรกตัวจนมาอยู่หน้าสุดจนได้ ผมเห็นไอ้ไม้รัวชัตเตอร์ไปที่ไอ้พี่ท้องฟ้าไม่หยุด มันคงอยากได้ช้อตสวยๆ กลับไปฝากที่ชมรม

            ผมเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับการแข่งขันมากนะ แต่ก็ทันพอทีจะได้เห็นช้อตตอนที่ไอ้นมเย็นกระโดดลงจากแท่นมาสู่ผิวน้ำเพราะน้องข้างๆ หวีดนักมากจนผมต้องหันไปดู

            กล้ามเนื้อแขนสวยๆ กวาดเป็นวงกว้างแล้วหลุบเข้าอยู่อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับขายาวๆ ที่ตีน้ำออกเป็นวงกว้าง เป็นมนุษย์ที่ว่ายท่ากบออกมาแล้วยังดูไม่น่าเกลียด และดูดีอย่างไม่น่าให้อภัย
ก็ต้องยอมรับกันตรงๆ ว่ามันโคตรจะดูดีทั้งบนบกและในน้ำเลย

            ผมเพียงแค่ตกใจนิดหน่อยเท่านั้น ที่อยู่ดีๆ ก็มีเพื่อนบ้านเป็นคนฮอตของมหาลัย เป็นนักกีฬาว่ายน้ำ และเคยเป็นเดือนของคณะเศรษฐศาสตร์ .. แต่ตกใจนิดเดียวจริงๆ นะครับ

            “ไม้มันบอกกูว่าพี่ฟ้านี่แหละ ที่ตอนกลางวันโดนถ่ายรูปที่มาส่งแฟน ที่โดนแชร์ในเฟชอ่ะ มึงเห็นยัง”

            “อ้อออออ เหรอวะ ไม่ๆ ไม่เห็นเลยมึง ไม่มีอะไรเลย กูไม่เล่นเฟชเว้ย ฮ่าๆๆๆๆ” ไอ้ฉิบหาย ใครก็ได้บอกผมที ไอ้รูปที่มันโดนถ่ายประจารว่ามาส่งแฟนเกย์มันคงไม่ใช่รูปผมกับมัน บอกฟืนที ..

            “มึงโอเคนะฟืน เหงื่อออกเต็มเลยเนี่ย”

            “ร้อนมึง กูร้อนมาก โซแดมฮอตสุดๆ คือหิวน้ำว่ะ กูไปเซเว่นนะ” พูดจบผมก็พุ่งตัวออกไปจากบริเวณสระว่ายน้ำทันที







            ผมเดินเอื่อยๆ มาเลือกซื้อน้ำตามที่บอกไอ้ซินไว้จริงๆ จนสุดท้ายก็ได้น้ำอัดลมมขวดนึงแบบไม่ได้ตั้งใจ ก็ไม่ได้หิวน้ำอยู่แล้วนี่หน่า แบบนี้จะเรียกว่าตั้งใจได้อย่างไรกัน

            ไม่สามารถหาเหตุผลได้เหมือนกันว่าทำไมผมต้องลุกลี้ลุกลนขนาดนี้ หรือมันอาจจะเป็นปกติของคนแบบผมก็ไม่รู้ .. มันต้องเป็นเพราะผมกลัวคนอื่นจะเข้าใจผิดเรื่องผมกับมันแน่ๆ ใครแม่งเป็นคนปล่อยรูปวะ มันต้องใช่แบบนี้แน่นอน

            เมื่อปล่อยเวลาให้ไหลผ่านไปเรื่อยๆ เป็นเวลากว่าสิบนาที การแข่งขันน่าจะจบไปแล้ว .. ผมจึงค่อยเดินกลับเข้าไปที่สระว่ายน้ำ

            “ฟืนหายหัวไปไหนมาวะ” ไอ้ไม้ซักทันทีที่เห็นหน้าผม

            “หิวน้ำ ไปหาน้ำแดกมา” ผมพูดพร้อมกับชูหลักฐานให้มันดูว่าผมไปมาจริงๆ ถึงแม้จะเพิ่งดูดไปแค่อึกเดียวก็ตาม

            “แข่งจบแล้วใช่ป่ะ” ผมถามเช็คอีกทีเพื่อความแน่ใจเพราะเห็นคนยังไม่่ซาลงซักเท่าไหร่

            “เออ จบแล้วดิ พี่ฟ้าของมึงชนะแล้วด้วย”

            “ไม่ใช่ของกูเว้ย!” ทันทีที่ผมเถียงกลับไอ้ไม้ไปอย่างเกรี้ยวกราดเสร็จก็รู้สึกได้ถึงแรงสะกิดจากด้านหลัง เมื่อหันไปก็เจอกับผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ขาวหมวยสเปคฟืนเลยครับ

            “มีอะไรหรอครับ” ว่าไปก็ส่งยิ้มที่คิดว่าใช้แต้มบุญที่สะสมมาทั้งชีวิตประดิษฐ์ให้ดูดีที่สุดแถมไปให้ด้วย

            “คือ.. พี่ใช่คนที่อยู่ในรูปกับพี่ฟ้าหรือเปล่าคะ” น้องหมวย

            “ใช่แน่นอน ผมสีนี้ ตัวเท่านี้ ใช่ชัวร์” เพื่อนน้องหมวย NO.1

            “กรี้ดดดด จริงอ่อ ตัวนิดเดียวเองน่ารักจังเลย” เพื่อนน้องหมวย NO.2

            “เอ่อ .. คือไม่ใช่ผมครับ ไม่ใช่เด็ดขาดเลยครับ” ตอนนี้รู้สึกกดดันมากจริงๆ ทั้งสายตาที่ชาวแกงค์มองมาด้วยความงงงวย และสายตากดดันจากแกงค์น้องหมวย

            โว้ยยยยยยยยยย!!



            “นาย..”เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกถึงแรงที่สะกิดจากทางด้านหลัง วันนี้ใครจะมาสะกิดกูนักหนาวะ ไม่สนิทอย่ามาสะกิดซิเว้ย

            “อะไรอี.. เห้ย!!” ไอ้นมเย็น!!

            “ทีหลังเอาน้ำเปล่าดิ ผมเพิ่งว่ายน้ำมามันจุก” พูดเสร็จมันก็แย่งน้ำอัดลมจากมือผมไปกินหน้าตาเฉย ใครให้มึงกิ๊น

            “กรี๊ดดดดดดด.. กูว่าแล้วว่าใช่ๆๆ โอ้ยยยยย เคมีดีมากเลยแก” เพื่อนน้องหมวยซัก NO. หวีดร้องและดีดดิ้นอย่างรุนแรง พร้อมกับเขย่าไหล่น้องหมวยไปด้วย

            “อ้าว ยืนนิ่งทำไม กลับห้องดิ”

            “....” ฟืนนั้นสติแทบจะหลุดออกจากร่างไปแล้ว ..คุณอุบลช่วยด้วย

            “เดี๋ยวไปส่ง

            “กรี๊ดดดดดดดดดด!!”


            มึงจะส่งอะไร้ มึงอยู่หอเดียวกับกูเว้ยไอ้นมเย็น ฮืออออออออ..



✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿

★ มนุยษ์แฟนเก่า ★ (ยังไม่จบ)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56884.0)

มาอัพช้าไปนิดนึงเพราะติดนู่นนี่ไปหมดเลยค่ะ
ขอให้เอนจอยกับฟิคเรื่องนี้กันน้า
ต้องขอโทษสำหรับตอนที่แล้วด้วยนะคะ คำผิดเยอะมาก
คอนเม้นติชมหรือพูดคุยกันได้ค่ะ รัก.
#มนุษย์บังเอิญ

หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา PART2 (p2/150417)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-04-2017 03:28:23
คุณอุบลช่วยไม่ทันแล้วนาทีนี้
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา PART2 (p2/150417)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 15-04-2017 10:01:52
อ่อยยน!! คือดี 5555
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา PART2 (p2/150417)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-04-2017 13:25:08
เนียนไปป่ะพี่ฟ้า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา PART2 (p2/150417)
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 15-04-2017 13:27:24
พรหมลิขิตอะไรคะ นี่มันท้องฟ้าลิขิตชัดๆ หุหุ :hao6:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา PART2 (p2/150417)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-04-2017 16:04:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา PART2 (p2/150417)
เริ่มหัวข้อโดย: littlep_ ที่ 16-04-2017 01:06:59
มาตามค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา PART2 (p2/150417)
เริ่มหัวข้อโดย: tnkgif ที่ 16-04-2017 13:00:16
คุณนมเย็นทำไมน่ารักจังงงง :hao7:
อ่านเรื่องนี้แล้วอยากกินนมเย็นเพิ่มวิ้ปมากๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา PART2 (p2/150417)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 16-04-2017 15:08:36
นี่คือวิธีการจีบเนียนใช่ม่ะ 5555555 อย่าคิดมากเนอะ อีกหน่อยฟืนมีแฟนไม่รู้ตัวแน่เลย คริ
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา PART2 (p2/150417)
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์เจ้าเอ๋ย ที่ 22-04-2017 11:03:03
 :pig4: :L1: :pig4: :L1: :pig4: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 2 : พรหมลิขิตบันดาลชักพา PART2 (p2/150417)
เริ่มหัวข้อโดย: sahatsawat ที่ 22-04-2017 12:05:26
 :hao3: พี่ฟ้าาาา ตีเนียนมากก5555
หัวข้อ: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 3 : ค่ายอาสาพาใจสุขสันต์ (p2/230417)
เริ่มหัวข้อโดย: warmblue ที่ 23-04-2017 13:39:53
✿ มนุษย์บังเอิญ ✿

บังเอิญครั้งที่ 3 : ค่ายอาสาพาใจสุขสันต์



            “กูกินข้าวเย็นมาแล้วนะ เผื่อมึงไม่รู้” ผมพูดย้ำเป็นรอบที่สามกับมนุษย์ที่กำลังนั่งจดรายการอาหารลงในกระดาษสีขาวสะอาดตาที่ทำท่าลังเลเป็นเวลานานสองนาน ทั้งๆ ที่เป็นร้านข้าวผัดปู ทั้งร้านก็มีมันอยู่เมนูเดียว


            “ผมให้มานั่งเป็นเพื่อน หรือจะเดินกลับหอไปเอง” มันเงยหน้ามามองผมนิดหน่อยก่อนจะก้มลงเขียนขยุกขยิกต่อเหมือนเดิม


            “เออ จะแดกก็รีบแดก” ผมตอบมันกลับไปอย่างเกรี้ยวกราดแบบคนมีอารมณ์ ด้วยความหงุดเงี้ยวที่ไม่อยากจะมองหน้ามัน ผมจึงเบนสายตามองไปที่โต๊ะด้านข้าง .. แล้วก็พบกับข้าวผัดปูสีสวยน่าทาน โรยมาด้วยเนื้อปูสีขาวฉ่ำๆ ราวกับจะเรียกร้องให้ผมเข้าไปสัมผัสเข้าไปทัชซักที


            “มึง .. คือสั่งไปยัง”


            “ยัง นายมีอะไร”


            “เพิ่มให้กูอีกหนึ่งดิ แบบอยากลองชิมดูอ่ะ เผื่อมันอร่อยครั้งหน้าจะได้ชวนชาวแกงค์มากิน”


            “นายจะกินไหวหรอ กินข้าวมาแล้วนี่ เดี๋ยวลองชิมของผมก็ได้” ไอ้นี่ก็ดันมาหวังดีผิดเวล่ำเวลาเสียจริง


            “ไม่ๆ กูเกรงใจเผื่อกูมีเชื้อไวรัสตับอักเสบแฝงอยู่ เดี๋ยวจะไปติดมึงเอานะ ไม่ดีม้างงง เป็นห่วงนะเนี่ย”


            “เอางั้น ?” ว่าเสร็จมันก็ก้มหน้าลงไปเขียนอย่างรวดเร็วและลุกไปส่งให้กับเจ้าของร้านทันที โดยที่ไม่ถามสุขภาพผมซักคำว่าจะกินอะไร

            กูไม่กินต้นหอมเว้ย แคร์ใจกูมั่งอะไรมั่ง


            “กูไม่กินต้นหอม”


            “ผมก็สั่งไม่ใส่ต้นหอม”


            “อ้าว มึงไม่กินต้นหอมหรอ เหมือนกูเลย มันเหม็นเขียว กูโคตรไม่ชอบเลย”


            “บังเอิญมั้ง”


            “อ่าหรอ” ทำไมผมรู้สึกว่ามันพยายามทำหน้ากลั้นยิ้มอยู่ล่ะ แต่คนอย่างมันเนี่ยนะจะยิ้ม


            “แต่อาจจะไม่บังเอิญก็ได้มั้ง”


            “ห้ะ แบบนี้แสดงว่ามึง..” มันต้องใช่แน่ๆ การที่เรื่องราวทั้งหมดเป็นแบบนี้ต้องมีสาเหตุมาจากมันแน่นอน ผมมั่นใจ


            “ผม ?”


            “มึงต้องเป็นคนดีมากๆ ซินะ .. มึงซื้อนมเย็นมาคืนกูเพราะรู้สึกผิดที่แย่งนมเย็นตัดหน้ากไปใช่มั้ยล่ะ แล้วที่ซื้อโจ๊กมาฝากคงเพราะเห็นว่ากูเมามากใช่มั้ย แล้วนี่ยังพากูมากินข้าวแล้วยังจะไปส่งที่หออีก ทำไมมึงเป็นคนดีจังวะ”
 
            การที่มันจะปฏิบัติต่อผมมากมายขนาดนี้แสดงว่ามันต้องเป็นคนที่มีจิตใจงามมากแน่นอน


            “.. เฮ้ออออ” แต่ปฏิกิริยาตอบรับจากอีกฝ่ายมีเพียงแค่มองหน้าผมอย่างอึ้งๆ และถอนหายใจยาวๆ ออกมา


            “อ้าว .. กูพูดผิดตรงไหน” ผมได้แต่ทำหน้าตางุนงงใส่มันเท่านั้น ฟืนทำอะไรผิดหรอครับ บอกฟืนมาซิ


            “ช่างมันเถอะ ผมดีกับนายก็น่าจะดีแล้วนี่”


            “อื้อ ดีเยอะๆ นะ กูชอบคนใจดี” ใครบ้างล่ะครับ จะไม่ชอบคนใจดี มีคนส่งข้าวส่งน้ำดีจะตายไป


            เป็นอีกครั้งที่อีกฝ่ายทำหน้าตาพิลึกใส่ผม จะยิ้มก็ไม่ยิ้มจะนิ่งก็ไม่นิ่ง ผมควรจะบอกมันมั้ยว่าหน้าตาตอนนี้มันประหลาดขนาดไหน


            ระหว่างที่มันกำลังพยายามทำหน้าประหลาดใส่ผม ข้าวผัดปูหอมๆ สองจานก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะพอดี เป็นอันยุติบทสนทนาระหว่างเรากันเลยทีเดียว เพราะอาหารนั้นมีความน่าสนใจมากกว่าปัจจัยอื่นๆ อีกแล้ว






            และถ้าหากใครสงสัยว่าผมมากับไอ้นมเย็นได้ยังไง ก็จะเล่าย้อนหลังให้ฟังกันนะครับ หลังจากที่มันพูดประโยคดาเมจจิตใจบรรดาแกงค์น้องหมวยเสร็จ ผมก็รีบปฏิเสธเป็นพัลวัล

            แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครฟังผมเลย ส่วนไอ้ซินมันเพียงแค่เดินเข้ามาถามเท่านั้นว่าตกลงจะเอายังไง ไอ้นมเย็นตัวดีจึงตอบไปสั้นๆ ว่า อ่อ อยู่ห้องข้างกัน ไม่ต้องเปลืองน้ำมันขับวนไปส่งมันหรอก หลังจากนั้นรู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ร้านข้าวผัดปูเสียแล้ว


            ใช้เวลาไม่กี่นาทีทั้งผมอีกฝ่ายก็ฟาดข้าวผัดจนเรียบแปล้แทบเลียจาน ไม่เหลือแม้กระทั่งข้าวซักเมล็ด เงยหน้าขึ้นไปเจอหน้ามันอีกที ก็ทำให้นึกถึงคำถามที่คั่งค้างในใจมาแสนนาน


            “เออ .. มึงชื่อท้องฟ้าใช่มั้ย”


            “เปล่า”


            “อ้าววว อย่ามาเนียน มึงชื่อท้องฟ้า” ผมจ้องหน้ามันอย่างเอาเป็นเอาตายทันที มันต้องเค้น


            “ผมอายุมากกว่านายสองปี”


            “...”


            “พี่ฟ้า


            “...”


            “ไหนลองเรียกซิ”



            .. คุณอุบลช่วยฟืนด้วยยย พี่ฟ้า งั้นเหรอ

 

✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿



            “ขอบคุณนะมึงที่มาส่ง” หลังจากที่เดินมาถึงหน้าห้องตัวเองแล้วผมก็พูดขึ้นตามหลักมารยาทที่พึงจะมี


            “มึง ?” คนผิวแทนชะงักเดินที่กำลังเดินแล้วจ้องหน้าผมตรงๆ


            “เอ่อ .. ขอบคุณนะ อ่า .. พี่ฟ้าที่มาส่ง” ในเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าเขาอายุมากกว่าผม แถมยังใจดีคอยบริการอีกหลายๆ อย่าง เรื่องแค่นี้ทำไมผมจะไม่เต็มใจทำให้ล่ะ เพียงแต่แค่ยังไม่ค่อยชินปากเท่านั้นเอง


            “อื้อ..” พี่ฟ้าตอบรับเสียงเบาๆ ในคอ .. ทำไมดูเหมือนมันกำลังทำท่าทางเท่ๆ อยู่เลยวะ


            “งั้นไปล่ะนะ”


            “เดี๋ยวก่อน”


            “ห้ะ ?” เสียงแรกจากอีกฝ่ายทำให้ผมที่ผลุ่บตัวเข้าไปในห้องแล้ว ต้องโผล่หน้าออกมาถาม


            “พรุ่งนี้จะให้ผมไปส่งนายมั้ย”


            “อ่ออออ..” ดีจริงๆ ที่เรามีเพื่อนบ้านที่ดีขนาดนี้ แต่ขอนึกตารางเรียนก่อนนะ


            “...” ตามองนิ่งๆ อย่างรอคำตอบไม่ได้แสดงสีหน้ารำคาญอะไร เรียกว่าไม่แสดงอารมณ์อะไรออกเลยจะดูเหมาะกว่า


            “พรุ่งนี้ไม่มีเรียนเช้าเพราะงั้นพี่ไม่มีภาระที่จะต้องไปส่งผมนะ แหน่ะ.. สบายเลยซิ ส่วนวันศุกร์ ผมต้องไปค่ายอาสากับชมรมถ่ายรูปแต่เช้าเลยมั้ง” ทันทีที่นึกออกผมรีบส่งคำถามให้ทันที และให้คำตอบยิงยาวไปเผื่อวันมะรืนเลย


            “ค่ายอาสา ? ท่าทางนายดูไม่ค่อยเหมาะ”


            “พูดแบบนี้คือผมหน้าตาไร้จิตอาสางี้ .. โธ่ แบดบอยก็งี้ล่ะ” ผมเข้าใจครับ วิถีลูกผู้ชายก็งี้


            “อ่อ แล้วก็อีกเรื่อง”


            “คือพี่มานอนห้องกูเลยมั้ยครับ ยุงมันจะกัดนะนี่” พี่มันจะอะไรนักหนาวะ เก็บไว้คุยพรุ่งนี้บ้างก็ได้ ยังไงเดี๋ยวก็ต้องได้เจอกันอีกนานอยู่แล้ว


            “เอาเบอร์นายมา”


            “เบอร์ ? พี่จะเอาเบอร์ผมไปทำไม” ผมทำหน้างุนงงใส่อีกฝ่าย


            “ต้องทำไมด้วยเหรอ”


            “เอ้า .. เราสนิทกันขนาดนั้นเลย ?” สนิทไม่สนิทก็ไม่สามารถทราบได้แต่รู้แค่ว่าเจอกันบ่อยเหลือเกิ๊น


            “ตกลงจะให้ไม่ให้ ?” ยื่นโทรศัพท์ยี่ห้อผลไม้มาตรงหน้าซึ่งแทบจะชิดแนบสนิทติดหน้าผม


            “แหม่ .. พี่ฟ้าอยากจะคุยกับฟืนก็บอกตรงๆ ซิ” ผมแกล้งดัดเสียงเป็นเสียงเล็กๆ แบบที่ชาวแกงค์บอกว่ามันโคตรอ้อน หมายถึงอ้อนตีนน่ะครับ และรับโทรศัพท์ของอีกฝ่ายมากดเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองลงไป


            “ผมยังตรงไม่พออีกเหรอ


            พี่ฟ้ารับโทรศัพท์คืนไปยัดใส่กระเป๋ากางเกง ปล่อยคำพูดที่เสยหน้าผมราวกับหมัดอัปเปอร์คัทด้วยหน้าตายๆ


            “เวลานายพูดแทนชื่อตัวเองก็ดู .. เหมาะดี


            และเดินจากไปอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 
            .. เวลาผู้ชายโดนผู้ชายด้วยกันขอเบอร์แล้วใจเต้นแรงนี่แปลว่าไม่สบายรึเปล่าครับ

 

✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿



            วันคืนผ่านไปอย่างรวดเร็วและวันศุกร์สุดหรรษาที่ผมไม่อยากให้มาถึงก็คลืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ ผมสะพายเป้หนังสีดำที่โคตรโคเรียสไตล์ไว้ที่บ่า ภายในไม่ได้บรรจุเสื้อผ้าอะไรมากมาย เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนสามสี่ชุดเท่านั้น .. หกโมงสิบนาที ผมพลิกนาฬิกาข้อมือมาดูอย่างเบื่อหน่าย พร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่แรงๆ เวลานัดคือหกโมงครึ่ง แต่ชาวแกงค์ไปลากผมออกจากหอตั้งแต่ยังไม่หกโมงดีเสียด้วยซ้ำ ฮอลล


            “แล้วไม้ล่ะ” พี่ตั้มถามขึ้นหลังจากที่สะลืมสะลือตาตื่นขึ้นมา ผมขึ้นรถมาก็เห็นพี่ตั้มมันหลับอยู่แล้ว ไม่รู้ซินไปรับพี่มันมาตั้งแต่กี่โมง สงสัยขึ้นรถมาแล้วก็หลับเลย


            “มันมารอตั้งแต่ตีสี่แล้วนู่น งานชมรมมันหนิ” คนหน้าสวยพยักเพยิดหน้าไปทางจุดนัดหมาย ก็สามารถเห็นไอ้ไม้ยืนก้มๆ เงยๆ ได้จากตรงนี้


            “เอ้อออ .. ขยันดีแท้ ขยันจนลากกูมาขยันด้วยเนี่ย” พี่ตั้มมันหาวหวอดๆ จนน้ำตาเล็ดออกมา


            “จะไม่ไปก็โคตรใจหมาเลย” ผมบ่นจุ๊บจิ๊บไปเรื่อย


            “แหน่ะ กูได้ข่าวว่ามีผัวล่ะหรอฟืน” พี่มันเปลี่ยนภารกิจจากการหาวมาขยี้หัวผมเลยกลายเป็นรังนกแทน หน้ากูยิ่งง่วงๆ ผมกูก็เฮี่ยอีก หมดกันความอปป้า..


            “ผัวเผออะไร ระดับนี้ต้องเมียครัช ขาว หมวย ตัวเล็ก สเปคฟืน”


            “ไม่ใช่ ตัวสูง ผิวแทน หน้าคม ? ”


            “บ้าบอ” ผมบอกปัดๆ และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสไลด์เล่น และบังเอิญที่มีโนติแจ้งเตือนเข้ามาพอดี



Napha S.



สวัสดีวันศุกร์

*แนบรูปดอกไม้แคปชั่นวันศุกร์ เอาความสุขมาส่งให้จ้ะ*



            คือ.. ช่วยบอกผมทีว่านี่คือการทักทายของเดือนคณะ วิถีคนหล่อที่แท้ทริงเขาทำกันแบบนี้หรอวะ ตั้งแต่วันที่มันขอเบอร์ผมไปหลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า Napha S. Added you by phone number และเมื่อวานก็มีการทักไลน์มาตอนเช้าเหมือนกัน สวัสดีวันพฤหัส *แนบรูปเป็ดน้อยแคปชั่นขอให้เจอสิ่งดีๆ มีความสุขตลอดทั้งวัน* พอผมตอบกลับไปอีกฝ่ายแค่ขึ้น read แต่ไม่ตอบ เพิ่งจะมาตอบก็คือเมื่อกี้



            “พ่อมึงหรอวะ มีสวัสดีวันศุกร์ซะด้วย” พี่ตั้มชะโงกหน้าเข้าดูใกล้ๆ หน้าจอโทรศัพท์ผมถามขึ้น


            “เออ ไม่เผือกมั้ยล่ะพี่” รีบเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงอย่างว่อง


            “อ่ออออ เพิ่งรู้ว่าพ่อมึงชื่อนภานะฟืน” อี..


            “พอๆ ลงไปช่วยไอ้ไม้มันได้แล้ว” คนหน้าสวยกดโทรศัพท์ตัวเองอีกสองสามจึ้กก่อนจะกดล้อคหน้าจอและดับเครื่องยนต์ เป็นอันบอกว่าพวกมึงน่ะลงมาได้แล้ว


 

 

 

 




            “กว่าจะมานะพวกมึง” ไอ้ไม้รีบวิ่งเข้ามากอดคอพวกทันที


            “กูมาตรงเวลาเป๊ะๆ” ผมรีบยื่นนาฬิกาข้อมือไปจ่อหน้ามัน จะมากล่าวหาว่าฟืนมาช้าน่ะ ไม่ได้นะ


            “เออออออออ .. ไม่เบี้ยวกูดีใจจนน้ำตาจะปริ่มละ”


            “มึงกล้าใช้คำว่าเบี้ยวหรอ ในเมื่อพวกกูไม่ได้เป็นคนลงชื่อไปน่ะ” ซินหันไปตอบไอ้ไม้เรียบๆ


            “ฮี่ๆๆ เอาหน่า ไปกันเยอะๆ ไง หนุกหนาน” มันพูดพรางเดินนำพวกผมมาหยุดที่หน้ารถทัวร์ เป็นรถทัวร์แบบที่เด็กๆ มัธยมชอบใช้ไปทัศนศึกษากันนั่นแหละครับ ไม่มีแอร์ จะมีก็แต่พัดลมหมุนๆ ไฟกระพริบ และรถเพ้นท์ลาย พ่อปู่ฤาษีตาไฟ .. โคตรเฟี้ยวฟ้าว


            “งบน้อย ถูกมะ” พี่ตั้มมันถามขึ้น


            “โหยยยย ตอนแรกจะไม่ได้รถด้วยซ้ำ ไหงเมื่อคืนเจ๊วาวโทรมาบอกว่าได้รถแล้วก็ไม่รู้ งงๆ อยู่เหมือนกัน”


            “เออๆ หนุกหนานอ่ะเนอะมึง” ซินมันพูดดขึ้นอย่างปลงๆ ซึ่งตอนนี้ผมก็เริ่มจะปลงตามมันไปแล้ว


            “ขึ้นรถไปพวกมึงอ่ะ จองที่เลยนะเดี๋ยวเต็มนี่คนยังไม่มาอีกเยอะเลย”


            “อ้าว ไหนว่าคนมาไม่เยอะ”


            “เออ เดี๋ยวมึงก็รู้ว่าทำไมคนเยอะ”


            “อ้าววววว หลอกพวกกูเรอะ”


            “เซอร์ไพร์ไง ไปๆ ขึ้นไป” ไม้ดันหลังพวกผมขึ้นรถพร้อมหัวเราะคิกคักอย่างน่าสงสัย .. พอโผล่หัวขึ้นมาก็ยังพอมีคนมาบ้างแล้วประปราย


            “กูขอนั่งติดหน้าต่างนะ” ผมรีบวิ่งตรงไหนที่นั่งแถวกลางๆ หน่อยและเลือกนั่งด้านในที่ติดกับหน้าต่างเพื่อที่จะได้รับลมและมองถนนได้ วางกระเป๋าไว้ข้างตัวจองที่ให้ไอ้ไม้ ส่วนซินกับพี่ตั้มให้มันตีกันแย่งที่ติดหน้าต่างกันเอง


            หลังจากนั้นผมก็หยิบหูฟังออกมาจากเป้ เสียบเข้ากับไอพอด เปิดเพลงตามสไตล์ที่ช่วงนี้กำลังอินอยู่ฟังไปเรื่อยๆ ผมไม่มีเพลงไหนที่ชอบเป็นพิเศษ หากช่วงไหนชอบเพลงไหนก็จะฟังมากเป็นพิเศษ


            เวลาผ่านไปซักพักจนผมอยากจะงีบ ตาเริ่มปรอย คนก็เริ่มขึ้นมากันจนแน่นรถ ส่วนมากเหมือนจะเป็นผู้หญิง .. ช่วงนี้ผู้หญิงเขาอินทำจิตอาสากันหรอ สาวๆ ใจบุญ ฟืนชอบ



            โทรศัพท์บนตักสั่นอีกสองครืดจนผมต้องหยิบขึ้นมาดู




มอ ไมค์ ไม้

 

ฟืนไม่ต้องจองที่เผื่อกูนะ

ต้องนั่งข้างหน้ากับชมรมงะ

 


            สรุปคือผมจองที่เก้อ ในขณะที่กำลังจะหยิบกระเป๋าเป้ตัวเองออกเผื่อว่าสาวๆ คนไหนยังไม่มีที่นั่ง จะมานั่งข้างๆ หัวใจฟืนจะได้สะดวกหน่อย ..

 
            “นาย มีคนนั่งมั้ย” เสียงค่อยๆ ฟังขึ้นเหนือหัวผม ฟังไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่เพราะใส่หูฟังอยู่


            “งั้นนั่งนะ ?” กระเป๋าเป้สีน้ำเงินเข้มถูกวางลงมา แหม่ .. ดูท่าทางเป็นผู้หญิงเรียบหรู เขาว่ากันว่าสีน้ำเงินเป็นสีแห่งความหรูหรานี่ครับ


            “อ่า .. เชิญเลยครับ” ผมถอดหูฟังออกและเงยหน้าขึ้นมองคนที่จะมานั่งข้างๆ ผม


            “ครับ” หน้านิ่งๆ ยิ้มตอบกลับมาเล็กน้อย แค่เล็กน้อยเท่านั้นจริงๆ .. แต่ดูโคตรดึงดูดให้มองตาม


            หลังจากถอดหูฟังออกมาแล้วหนึ่งข้างเหมือนหูข้างนั้นจะได้ยินแต่เสียงวิ้งค์ๆ แทนเสียงเพลง


            “มึง!!” ผมชี้หน้ามันอย่างตกใจ


            “หื้อ ?” คนผิวแทนหรี่ตามองผมอย่างคนทำผิด


            “พี่ฟ้า..”


            หูฟังที่ยังใส่อยู่อีกข้างก็ยังเล่นเพลงต่อไป .. อาจเป็นเพราะเธอบังเอิญได้เจอฉัน ..





#มนุษย์บังเอิญ



-----------------------------------------


♦ HUNTER BUNNY ♦ #กระต่ายนักล่า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59569.0#lastPost)

ขอฝากผลงานอีกเรื่องไว้ด้วยนะคะ อยากลองเขียนแถวดาร์กๆ ฉีกไปจากเดิมดูบ้าง

มาอัพล่ะค่า พรุ่งนี้มีสอบก็มาอัพค่ะ / ล้อง
มาคอมเม้นพูดคุยกันได้น้า
ขอบคุณที่เอ็นดูฟิคเรื่องนี้กันนะคะ
รัก.

หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 3 : ค่ายอาสาพาใจสุขสันต์ (p2/230417)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-04-2017 15:11:27
 :hao3: บังเอิญเยอะจังเนอะ
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 3 : ค่ายอาสาพาใจสุขสันต์ (p2/230417)
เริ่มหัวข้อโดย: sahatsawat ที่ 23-04-2017 18:09:07
มีความรู้สึกว่า พี่ฟ้ามันมึนๆมากก 55555
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 3 : ค่ายอาสาพาใจสุขสันต์ (p2/230417)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-04-2017 18:51:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 3 : ค่ายอาสาพาใจสุขสันต์ (p2/230417)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 23-04-2017 21:09:05
ฟืนนน อย่างงี้เรียกถูกจีบแล้วนะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 3 : ค่ายอาสาพาใจสุขสันต์ (p2/230417)
เริ่มหัวข้อโดย: littlep_ ที่ 24-04-2017 08:25:52
พี่ฟ้าตัวเนียนเลยยยย  :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 3 : ค่ายอาสาพาใจสุขสันต์ (p2/230417)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 24-04-2017 11:56:26
ความบังเอิญนี้ท่าทางจะชื่อท้องฟ้า
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 3 : ค่ายอาสาพาใจสุขสันต์ (p2/230417)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-04-2017 21:28:59
เกิ้นนน
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 3 : ค่ายอาสาพาใจสุขสันต์ (p2/230417)
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 25-04-2017 20:54:34
บังเอิญ....ชอบ....เธอ   ใช่ไหมพี่ฟ้า?   :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 3 : ค่ายอาสาพาใจสุขสันต์ (p2/230417)
เริ่มหัวข้อโดย: Midorima ที่ 01-05-2017 01:56:52
มานั่งรอ
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 3 : ค่ายอาสาพาใจสุขสันต์ (p2/230417)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 30-05-2017 13:39:33
เนียนกว่าพี่ฟ้าไม่มีอีกแล้ว
ฟืน ผู้ไม่รู้อะไรเลย 5555555
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 3 : ค่ายอาสาพาใจสุขสันต์ (p2/230417)
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 30-05-2017 16:29:54
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: เพิ่งมาอ่านกำลังมันเลยค่ะเห่อๆๆๆ
หัวข้อ: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 30% (p2/010617)
เริ่มหัวข้อโดย: warmblue ที่ 31-05-2017 00:02:03

มนุษย์บังเอิญ

บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว (30%)



อาจเป็นเพราะว่าเธอบังเอิญได้เจอฉัน

อาจเป็นเพราะว่าเราบังเอิญอยู่ด้วยกัน

เพราะเธอยังไม่เคย ได้รู้มันเป็นยังไง

และฉันไม่เคยเข้าใจ ถ้ามันต้องอยู่อย่างนั้น


(ใกล้ - scrubb)



            กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังฟังเพลงเพลงเดิมซ้ำวนไปวนมา ตั้งใจฟังโดยไม่ใช่ความบังเอิญเพราะผมเป็นคนตั้งไว้ ไม่ได้เพราะว่าชอบเพลงนี้เป็นพิเศษ หรือชอบนักร้องวงนี้มากมาย เพียงแค่ว่าตอนนี้อยากฟังเพลงนี้เท่านั้นเอง

            รถทัวร์เพนท์ลายสีสันจนน่าเวียนหัวล้อหมุนออกจากระยะมหาวิทยาลัยได้ซักพักแล้ว ด้วยความที่ยังเช้ามาก รถยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ปัญหาการจราจรจึงน้อยตามไปด้วย ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความง่วงก่อนที่จะก้าวขาขึ้นรถมันหายไปไหนหมด ตอนนี้ถึงได้ข่มตานอนไม่หลับ แถมยังนั่งขยับตัวยุกยิก และเหลือบสายตาไปมองคนด้านซ้ายของตัวเองเป็นระยะ


            วันนี้นมเย็นยังดูดีสไลต์หน้าตาปลาตายของมันเหมือนเดิม .. หน้าปลาตายในนิยามของผมคือ สีหน้าไร้อารมณ์ไม่หือไม่อือใดๆ .. ซึ่งนมเย็นทำสีหน้าแบบนั้นแทบจะตลอดเวลา อยากรู้เหมือนกันว่าตอนมึงดู AV มึงจะทำหน้าแบบนี้มั้ยหนิ แต่หน้าตาไร้อารมณ์ของมันก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างดูดรอปลง เสื้อยืดคอวีสีขาวและกางเกงยีนส์สกินนี่สีซีด ผมที่เสยขึ้นลวกๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจทำให้มันดูดีได้อย่างน่าประหลาดใจ



            “ทำหน้าตาง่วงนอนแล้วทำไมไม่นอน” เสียงจากสิ่งมีชีวิตด้านซ้ายดังขึ้น

            “ไม่ยุ่งซิครับ” ผมยักคิ้วกวนๆ กลับไปตามสไตล์คนเท่

            “หึ .. ที่ไม่นอนเพราะอยากมองหน้าผม ?” มันหันมามองหน้าผมตรงๆ แล้วพูด

            ไอ้ฉิบหาย.. รู้ตัวแล้วทำเนียนๆ จะตายมั้ยมึงน่ะ

            “บ้าเหร้อออ คิดว่าตัวเองหล่อมากงี้ คนอื่นต้องมานั่งจ้องหน้างี้”

            “ถ้านายว่าผมหล่อ งั้นหล่อก็ได้”

            “เปล่าพูดเว้ยยยย หล่อและมีสไตล์มันต้องแบบนี้ครับ เรียนรู้ไว้” ผมชี้นิ้วเข้ามาที่หน้าตัวเองประกอบ

            “โอเค แบบนี้ก็แบบนี้”

            ผมยกยิ้มอย่างผู้ชนะ ให้มันรู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร

            “แต่ถ้าอยากมองหน้าผมก็มอง ไม่ต้องแอบหรอก”

            “...”

            “เต็มใจให้มองอยู่แล้ว

            “กูง่วงแล้ว นอนดีกว่า” ผมรีบยัดหูฟังกลับเข้าหู พลิกตัวเข้าด้านหน้าต่างโดนมิสนใจก้อนหินและแสงแดดหรืออะไรทั้งนั้น

            มั่นใจว่าตัวเองต้องทำหน้าตาเด๋อด๋าใส่มันแน่นอน ไม่รู้หรอกว่าจะหยอดหรืออะไร แต่ใจกูสั่นอยากบอกให้รู้ไว้ตรงนี้เลย .. ใจกูบางมากจุดนี้


            .

            .

            .

            .

            .

            .

            สุดท้ายแล้วก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี ผมเลยหยิบโทรศัพท์มาแอบไถอย่างแนบเนียนไม่ให้คนที่นั่งข้างๆ รู้ตัว เดี๋ยวมันจะหาว่าเราหลอกลวงหลับไม่จริง

            “ฟืน แดกขนมมะ” เสียงโหวกเหวกดังขึ้นมาจากด้านหลัง พร้อมกับหน้าของพี่ตั้มที่โผล่พ้นเบาะออกมา

            “แดก” ได้โอกาสปลดระวางการเนียน ผมดีดตัวขึ้นมาตามกลิ่นหอมๆ ของมันฝรั่งทอดกรอบรสโปรดที่อยู่ในมือพี่ตั้ม

            “เพื่อนเขยจะกินด้วยก็ได้นะครับ เอ๊ะ.. หรือว่าต้องพี่เขยวะ อายุมากกว่าพวกเรานี่หว่า” พี่ตั้มยื่นขนมที่เพิ่งโดนกระทำชำเราโดยการล้วงอย่างรุนแรงจากผมไปตรงหน้านมเย็น

            “ขอบคุณครับ” มันตอบรับพร้อมกับหยิบขนมไปกินเพียงชิ้นเดียว

            “โอ้โหหหห .. ยอมรับด้วยเว้ย สงสัยต้องฉลองเปิดตัวผัวน้องฟืน” พี่ตั้มมันถอยกลับหลุมตัวเองไปพร้อมเสียงหัวเราะคิกคักที่ยังดังไล่ตามหลังมา

            “นี่ก็ไปเล่นตามพี่มัน” ผมหันมาแยกเขี้ยวใส่ตัวปัญหาที่นั่งเคี้ยวขนมยังไม่รู้สึกรู้สาอะไร

            “เล่นอะไร”

            “ทีหลังก็ปฏิเสธพี่มันไป กูโดนล้อเนี่ย” พูดไปจัดการกับขนมในมือที่ปล้นมาจากพี่ตั้มไปเรื่อย

            “ไม่อยากโดนล้อ ?”

            “ใครจะชอบโดนล้อ โดนแซววะ เป็นแวนซ์เก่าหรือไง”

            “ไม่อยากโดนล้อก็ทำให้เป็นเรื่องจริง แค่นี้เขาก็ไม่ล้อนายแล้ว”

            “หยุดพูดและแดกซะ” ผมเอาขนมที่เหลือในมือยัดใส่ปากไอ้นมเย็น ปล่อยให้พูดมากไม่ได้เลย พยายามจะฮุคกูหรอ ฝันไปเถอะ








            หลังจากกินขนมและนมอีกหนึ่งกล่องหมดไป หนังตาก็เริ่มจะปิดเข้าหากันราวกับรู้งานว่ากินนมแล้วนอนเสียนะเด็กดี .. น่าหงุดเงี้ยวที่ดันลืมเอาหมอนใบเล็กมาด้วย จึงทำให้นอนไม่สบายเท่าที่ควร จะหันไปถามไอ้ซินว่ามีเสื้อกันหนาวมั้ย จะเอามารองนอน มันก็หลับเอาผ้าเช็ดหน้าปิดหน้าตัดขาดโลกภายนอกเรียบร้อย


            หันซ้ายหันขวาอยู่ซักพักก็รู้สึกว่าชางแม่งเถอะ  ง่วงเหลือเกิน..


            “หาอะไร”

            “ลืมเอาเสื้อมาจะรองนอน ท่ามันไม่ได้นอนไม่หลับ” ผมหลับตาและขยับปากตอบไปเสียงเอื่อยๆ

            “ตาจะปิดอยู่แล้วทำมาพูดว่านอนไม่หลับ” ได้ยินเสียงแว่วๆ ดังมาแทบจับใจความไม่รู้เรื่อง

            “ด่ากูหรอ ได้ยินนะเห้ย”

            “จะนอนก็นอนดีๆ”

            รู้สึกได้ว่าหัวโดนจับโยกไปมาทีสองทีไปวางแหมะลงบนอะไรซักอย่าง แข็งแต่ก็อุ่น ความสูงค่อนข้างพอดี ขยับตัวอีกนิดหน่อยให้ลงลอคก็พร้อมนอนอย่างเต็มรูปแบบ

            “ฝันดีนะนมเย็น”

            ความอุ่นสัมผัสลงบนหัวผมอีกครั้ง จากนั้นผมก็ได้เข้าสู่ห้วงความฝันอย่างสมบูรณ์..







            ผมรู้ตัวอีกทีจากที่วิวด้านนอกเคยมีถนนหลายเลนและรถรามากมาย ตอนนี้กลับกลายเป็นทุ่งนาและต้นไม้ แทบจะไร้บ้านผู้คน ข้างทางป้ายเขียนเป็นระยะ 'นก' 'หนู' 'งูเห่า' จากเมืองกรุงสู่นกหนูงูเห่า .. หลับไปแปปเดียวตื่นมาอีกที ออกสู่โลกกว้างเสียแล้ว

            ผมเปิดหน้าต่างให้กว้างขึ้น ปล่อยให้ผมพัดมาตีหน้าเรียกความสดชื่นคืนมา แม้แดดจะเริ่มแรงแล้วก็ตาม รู้สึกตัวขึ้นมาพบว่าตลอดระยะทางที่หลับ ตัวเองนอนพิงไหล่ของไอ้นมเย็นมาตั้งแต่แรก ตื่นขึ้นมารีบขอโทษมันยกใหญ่ กลัวแขนจะอัมพาตกิน เกือบชั่วโมงได้เลยที่ผมหลับไป

            “แขนยังอยู่ดีใช่มั้ย” เอื้อมมือไปบีบๆ แขนมันให้

            “ยังไม่ขาดหรอก”

            “ขาดได้ก็ดีหรอกแบบนี้” ขยำๆ อย่างรุนแรงจนพอใจจึงหยุด

            “นี่ช่วยนวดหรืออะไร แรงเยอะยังกับวัว”

            “ช่วยหรอก ดีนะเป็นวัวยังน่ารักอยู่ ยอมๆ ฮ่าๆๆๆ”

            นมเย็นส่ายหน้าอย่างเอือมระอาเต็มทน

            “พี่ฟ้า .. นี่เราไปจังหวัดอะไรกันอ่ะ”

            “อ้าว นี่ไม่รู้ ?”

            “รู้แล้วจะถามทำไมเล่า ตลกอีกแล้ว” พูดไปผมก็ม้วนสายหูฟังพันไอพอดเก็บไปด้วย

            “กาญจนบุรี”

            “อื้อหื้อ ที่มีน้ำตกสวยๆ ใช่ป่ะ จะได้ไปเที่ยวมั้ยอ่ะ” เริ่มตื่นเต้นและตื่นตัวขึ้นมาทันที จำได้ว่าเคยเปิดดูที่คนมารีวิวเที่ยวน้ำตกที่จังหวัดนี้ จำได้ว่าสวยและน้ำใสมาก

            “น้ำตกเอราวัณน่ะหรอ เห็นบอกว่าวันสุดท้ายก่อนกลับเขาจะพาไปมั้ง”

            “หูยยยยย เรื่องราวดีๆ”

            “มาค่ายแต่ไม่รู้อะไรเลยเนี่ยนะ”

            “ไอ้ไม้แม่งจับชื่อมายัดๆ ลง มันลงชื่อไปแล้วให้มาก็มา”

            “ทำไมถึงยังฟังเพลงในไอพอดล่ะ” นมเย็นพยักหน้ารับ แล้วเปลี่ยนประเด็นมาถึงสื่อที่ผมเพิ่งเก็บเข้าเป้ไป

            “ก็ไอพอดมันเอาไว้ใช้ฟังเพลงนี้”

            “โทรศัพท์เดี๋ยวนี้ก็ฟังเพลงได้”

            “ก็จริงของพี่ .. แต่ไอพอดมันมีไว้สำหรับฟังเพลง ก็ต้องเอามาฟังเพลงดิ ถ้าผมฟังในโทรศัพท์ไอพอดก็จะไม่ได้ทำหน้าที่ของมัน แบบนี้น่าสงสารออก” ยิ้มน้อยๆ ตบท้าย เป็นคำตอบที่ผมตอบแบบเดิมๆ ทุกครั้งเวลาที่มีคนถามคำถามประมาณนี้

            “อีกอย่าง มันก็ยังไม่พัง เอามาใช้บ้างเดี๋ยวมันน้อยใจผม ฮ่าๆๆ” ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่อึดและทนพอสมควร ผมยังจำความรู้สึกดีใจตอนที่ได้มันมาครอบครองได้อยู่เลย กว่าจะเก็บเงินครบและกว่าจะขอแม่ให้พาไปซื้อได้ เพราะงั้นตอนนี้ถ้ามันยังไม่ลาสังขารไปผมก็ยังอยากจะเอามันมาใช้อยู่

            “อื้อ ไว้จะเอาของที่บ้านมาใช้มั่ง”

            “ดีๆ เราจะเป็นคนฮิป” ผมยื่นมือไปตรงหน้านมเย็นเพื่อเตรียมจะทำไฮไฟว์กัน

            แต่นมเย็นไม่สมยอมและนอกจากนั้นยังดีดหน้าผากผมไปอีกที อ้าว ... ไอ้นี้

            “เตรียมตัวเก็บของได้แล้ว ใกล้จะถึงแล้ว”

            หันไปคุยกับนมเย็นไม่ ละสายตาไปมองที่หน้าต่างอีกทีก็พบกว่าเราเข้ามาในทางแคบๆ ที่ถนนเริ่มไม่เรียบเหมือนเมื่อครู่ ต้มไม้ต้นสูงมากมายล้อมรอบตัว

            “พี่ตั้มปลุกซินด้วย” ผมยืดตัวไปเบาะหลังเพื่อบอกพี่ตั้ม ไอ้ซินนี่หลับลึกหลับยาว

            “มันตื่นนานแล้วเถอะ ตื่นก่อนมึงอีก” พี่ตั้มพูดพร้อมปชี้ไปที่ไอ้หน้าสวย ที่นั่งหน้าซึนคล้ายวิญญาณหลุดลอยออกไปแล้ว .. สภาพเพิ่งตื่นของมัน

            “ซินมันไม่ได้มีไหล่ให้พิงเหมือนมึงนะครัช แหม่ ฟืน แหม่..”

            เกลียดทุกคนเลยเว้ย โดนเฉพาะไอ้นมเย็นข้างๆ ที่ยังทำตัวไม่รู้สึกรู้สาด้วยหน้าปลาตายของมัน ปล่อยให้คนเท่ดื้นพล่านด้วยความเกรี้ยวกราด..


--------------------------



กลับมาอัพอีกครั้ง หวังว่ายังมีคนคิดถึงกันเนอะ

100% น่าจะเป็นพรุ่งนี้หรือไม่ก็มะรืนนี้นะคะ

จะเริ่มฝึกงานแล้ว ความเครียดรุมเร้า

ยังไงก็ขอฝาก #มยุษย์บังเอิญ ไว้ด้วยนะคะ

คอมเม้นมาคุยกันเถอะ คิดถึงค่ะ

รัก.
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 30% (p2/010617)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 31-05-2017 01:00:33
 :katai2-1: พึ่งได้มาานค่ะ...ชอบบบบมาก  o13 มาลงบ่อยๆนะค่ะ...ฝึกงานสู้ๆค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 30% (p2/010617)
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์เจ้าเอ๋ย ที่ 31-05-2017 10:59:51
ความหยอดของพี่นมเย็นนนนน  :hao6:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 30% (p2/010617)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-05-2017 12:43:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 30% (p2/010617)
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 31-05-2017 12:55:07
ชอบพี่นมเย็น อ่อยแบบซึนๆ
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 30% (p2/010617)
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 31-05-2017 14:48:09
 :man1:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 30% (p2/010617)
เริ่มหัวข้อโดย: littlep_ ที่ 31-05-2017 20:30:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 30% (p2/010617)
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 31-05-2017 21:17:52
อิพี่ฟ้ามันร้ายยย อิน้องก้เด๋อออ
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 30% (p2/010617)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 31-05-2017 22:01:15
เหมือนนิยายตลกเลยอะ ทำไมดูมึนๆเอ๋อๆ สงสารน้อง 5555
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 30% (p2/010617)
เริ่มหัวข้อโดย: sebest ที่ 01-06-2017 00:04:28
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 30% (p2/010617)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-06-2017 01:19:16
อร๊ายยยย พี่นมเย็นตะมุตะมิมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 30% (p2/010617)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 01-06-2017 01:34:38
หึหึ
หัวข้อ: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 120% (p3/020617)
เริ่มหัวข้อโดย: warmblue ที่ 02-06-2017 22:31:33
มนุษย์บังเอิญ
บังเอิญครั้งที่ 3 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว




อาจเป็นเพราะว่าเธอบังเอิญได้เจอฉัน

อาจเป็นเพราะว่าเราบังเอิญอยู่ด้วยกัน

เพราะเธอยังไม่เคย ได้รู้มันเป็นยังไง

และฉันไม่เคยเข้าใจ ถ้ามันต้องอยู่อย่างนั้น


(ใกล้ - scrubb)




            กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังฟังเพลงเพลงเดิมซ้ำวนไปวนมา ตั้งใจฟังโดยไม่ใช่ความบังเอิญเพราะผมเป็นคนตั้งไว้ ไม่ได้ฟังเพราะชอบเพลงนี้เป็นพิเศษ หรือชอบนักร้องวงนี้ เพียงแค่ว่าตอนนี้อยากฟังเพลงนี้เท่านั้นเอง


            รถทัวร์เพนท์ลายสีสันจนน่าเวียนหัวล้อหมุนออกจากระยะมหาวิทยาลัยได้ซักพักแล้ว ด้วยความที่ยังเช้ามาก รถยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ปัญหาการจราจรจึงน้อยตามไปด้วย ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความง่วงก่อนที่จะก้าวขาขึ้นรถมันหายไปไหนหมด ตอนนี้ถึงได้ข่มตานอนไม่หลับ แถมยังนั่งขยับตัวยุกยิก และเหลือบสายตาไปมองคนด้านซ้ายของตัวเองเป็นระยะ


            วันนี้ไอ้นมเย็นยังดูดีสไลต์หน้าตาปลาตายของมันเหมือนเดิม .. หน้าปลาตายในนิยามของผมคือ สีหน้าไร้อารมณ์ไม่หือไม่อือใดๆ .. ซึ่งไอ้นมเย็นทำสีหน้าแบบนั้นแทบจะตลอดเวลา อยากรู้เหมือนกันว่าตอนมึงดู AV มึงจะทำหน้าแบบนี้มั้ยหนิ แต่หน้าตาไร้อารมณ์ของมันก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างดูดรอปลง เสื้อยืดคอวีสีขาวและกางเกงยีนส์สกินนี่สีซีด ผมที่เสยขึ้นลวกๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจทำให้มันดูดีได้อย่างน่าประหลาดใจ

            “ทำหน้าตาง่วงนอนแล้วทำไมไม่นอน” เสียงจากสิ่งมีชีวิตด้านซ้ายดังขึ้น

            “ไม่ยุ่งซิครับ” ผมยักคิ้วกวนๆ

            “ที่ไม่นอนเพราะอยากมองหน้าผม ?” มันหันมามองหน้าผมแล้วพูด .. ไอ้ฉิบหาย รู้ตัวแล้วทำเนียนๆ จะตายมั้ยมึงน่ะ

            “คิดว่าตัวเองหล่อมากงี้ คนอื่นต้องมานั่งจ้องหน้างี้”

            “ถ้านายว่าผมหล่อ งั้นหล่อก็ได้”

            “เปล่าพูดเว้ยยยย หล่อและมีสไตล์มันต้องแบบนี้ครับ เรียนรู้ไว้” ผมชี้นิ้วเข้ามาที่หน้าตัวเองประกอบ

            “โอเค แบบนี้ก็แบบนี้”

            ผมยกยิ้มอย่างผู้ชนะ ให้มันรู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร

            “แต่ถ้าอยากมองหน้าผมก็มอง ไม่ต้องแอบหรอก”

            “...”

            “เต็มใจให้มองอยู่แล้ว

            “กูง่วงแล้ว นอนดีกว่า” ผมรีบยัดหูฟังกลับเข้าหู พลิกตัวเข้าด้านหน้าต่างโดนมิสนใจก้อนหินและแสงแดดหรืออะไรทั้งนั้น

            มั่นใจว่าตัวเองต้องทำหน้าตาเด๋อด๋าใส่มันแน่นอน ไม่รู้หรอกว่าจะหยอดหรืออะไร แต่ใจกูสั่นอยากบอกให้รู้ไว้ตรงนี้เลย .. ใจกูบางมากจุดนี้

            .

            .

            .

            .

            .

            .


            สุดท้ายแล้วก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี ผมเลยหยิบโทรศัพท์มาแอบไถอย่างแนบเนียนไม่ให้คนที่นั่งข้างๆ รู้ตัว เดี๋ยวมันจะหาว่าเราหลอกลวงหลับไม่จริง

            “ฟืน แดกขนมมะ” เสียงโหวกเหวกดังขึ้นมาจากด้านหลัง พร้อมกับหน้าของพี่ตั้มที่โผล่พ้นเบาะออกมา

            “แดก” ได้โอกาสปลดระวางการเนียน ผมดีดตัวขึ้นมาตามกลิ่นหอมๆ ของมันฝรั่งทอดกรอบรสโปรดที่อยู่ในมือพี่ตั้ม

            “เพื่อนเขยจะกินด้วยก็ได้นะครับ เอ๊ะ.. หรือว่าต้องพี่เขยวะ อายุมากกว่าพวกเรานี่หว่า” พี่ตั้มยื่นขนมที่เพิ่งโดนกระทำชำเราโดยการล้วงอย่างรุนแรงจากผมไปตรงหน้าไอ้นมเย็น

            “ขอบคุณครับ” มันตอบรับพร้อมกับหยิบขนมไปกินเพียงชิ้นเดียว

            “โอ้โหหหห .. ยอมรับด้วยเว้ย สงสัยต้องฉลองเปิดตัวผัวน้องฟืน” พี่ตั้มมันถอยกลับหลุมตัวเองไปพร้อมเสียงหัวเราะคิกคักที่ยังดังอยู่

            “นี่ก็ไปเล่นตามพี่มัน” ผมหันมาแยกเขี้ยวใส่ตัวปัญหาที่นั่งเคี้ยวขนมยังไม่รู้สึกรู้สาอะไร

            “เล่นอะไร”

            “ทีหลังก็ปฏิเสธพี่มันไป กูโดนล้อเนี่ย” พูดไปจัดการกับขนมในมือที่ปล้นมาจากพี่ตั้มไปเรื่อย

            “ไม่อยากโดนล้อ ?”

            “ใครจะชอบโดนล้อ โดนแซววะ เป็นแวนซ์เก่าหรือไง”

            “ไม่อยากโดนล้อก็ทำให้เป็นเรื่องจริง แค่นี้เขาก็ไม่ล้อนายแล้ว”

            “หยุดพูดและแดกซะ” ผมเอาขนมที่เหลือในมือยัดใส่ปากไอ้นมเย็น ปล่อยให้พูดมากไม่ได้เลย พยายามจะฮุคกูหรอ ฝันไปเถอะ







            หลังจากกินขนมและนมอีกหนึ่งกล่องหมดไป หนังตาก็เริ่มจะปิดเข้าหากันราวกับรู้งานว่ากินนมแล้วนอนเสียนะเด็กดี .. น่าหงุดเงี้ยวที่ดันลืมเอาหมอนใบเล็กมาด้วย จึงทำให้นอนไม่สบายเท่าที่ควร จะหันไปถามไอ้ซินว่ามีเสื้อกันหนาวมั้ย จะเอามารองนอน มันก็หลับเอาผ้าเช็ดหน้าปิดหน้าตัดขาดโลกภายนอกเรียบร้อย

            หันซ้ายหันขวาอยู่ซักพักก็รู้สึกว่าชางแม่งเถอะ  ง่วงเหลือเกิน..

            “หาอะไร”

            “ลืมเอาเสื้อมาจะรองนอน ท่ามันไม่ได้นอนไม่หลับ” ผมหลับตาและขยับปากตอบไปเสียงเอื่อยๆ

            “ตาจะปิดอยู่แล้วทำมาพูดว่านอนไม่หลับ” ได้ยินเสียงแว่วๆ ดังมาแทบจับใจความไม่รู้เรื่อง

            “ด่ากูหรอ ได้ยินนะเห้ย”

            “จะนอนก็นอนดีๆ”

            รู้สึกได้ว่าหัวโดนจับโยกไปมาทีสองทีไปวางแหมะลงบนอะไรซักอย่าง แข็งแต่ก็อุ่น ความสูงค่อนข้างพอดี ขยับตัวอีกนิดหน่อยให้ลงลอคก็พร้อมนอนอย่างเต็มรูปแบบ

            “ฝันดีนะนมเย็น”

            ความอุ่นสัมผัสลงบนหัวผมอีกครั้ง จากนั้นผมก็ได้เข้าสู่ห้วงความฝันอย่างสมบูรณ์..







            ผมรู้ตัวอีกทีจากที่วิวด้านนอกเคยมีถนนหลายเลนและรถรามากมาย ตอนนี้กลับกลายเป็นทุ่งนาและต้นไม้ แทบจะไร้บ้านผู้คน ข้างทางป้ายเขียนเป็นระยะ ‘นก’ ‘หนู’ ‘งูเห่า’ จากเมืองกรุงสู่นกหนูงูเห่า .. หลับไปแปปเดียวตื่นมาอีกที ออกสู่โลกกว้างเสียแล้ว

            ผมเปิดหน้าต่างให้กว้างขึ้น ปล่อยให้ผมพัดมาตีหน้าเรียกความสดชื่นคืนมา แม้แดดจะเริ่มแรงแล้วก็ตาม รู้สึกตัวขึ้นมาพบว่าตลอดระยะทางที่หลับ ตัวเองนอนพิงไหล่ของไอ้นมเย็นมาตั้งแต่แรก ตื่นขึ้นมารีบขอโทษมันยกใหญ่ กลัวแขนจะอัมพาตกิน เกือบชั่วโมงได้เลยที่ผมหลับไป

            “แขนยังอยู่ดีใช่มั้ย” เอื้อมมือไปบีบๆ แขนมันให้

            “ยังไม่ขาดหรอก”

            “ขาดได้ก็ดีแบบนี้” ขยำๆ อย่างรุนแรงจนพอใจจึงหยุด

            “นี่ช่วยนวดหรืออะไร แรงเยอะยังกับวัว”

            “ช่วยหรอก ดีนะเป็นวัวยังน่ารักอยู่ ยอมๆ ฮ่าๆๆๆ”

            นมเย็นส่ายหน้าอย่างเอือมระอาเต็มทน

            “พี่ฟ้า .. นี่เราไปจังหวัดอะไรกันอ่ะ”

            “อ้าว นี่ไม่รู้ ?”

            “รู้แล้วจะถามทำไมเล่า ตลกอีกแล้ว” พูดไปผมก็ม้วนสายหูฟังพันไอพอดเก็บไปด้วย

            “กาญจนบุรี”

            “อื้อหื้อ ที่มีน้ำตกสวยๆ ใช่ป่ะ จะได้ไปเที่ยวมั้ยอ่ะ” เริ่มตื่นเต้นและตื่นตัวขึ้นมาทันที จำได้ว่าเคยเปิดดูที่คนมารีวิวเที่ยวน้ำตกที่จังหวัดนี้ จำได้ว่าสวยและน้ำใสมาก

            “น้ำตกเอราวัณน่ะหรอ เห็นบอกว่าวันสุดท้ายก่อนกลับเขาจะพาไปมั้ง”

            “หูยยยยย เรื่องราวดีๆ”

            “มาค่ายแต่ไม่รู้อะไรเลยเนี่ยนะ”

            “ไอ้ไม้แม่งจับชื่อมายัดๆ ลง มันลงชื่อไปแล้วให้มาก็มา”

            “ทำไมถึงยังฟังเพลงในไอพอดล่ะ” นมเย็นพยักหน้ารับ แล้วเปลี่ยนประเด็นมาถึงสื่อที่ผมเพิ่งเก็บเข้าเป้ไป

            “ก็ไอพอดมันเอาไว้ใช้ฟังเพลงนี้”

            “โทรศัพท์เดี๋ยวนี้ก็ฟังเพลงได้”

            “ก็จริงของพี่ .. แต่ไอพอดมันมีไว้สำหรับฟังเพลง ก็ต้องเอามาฟังเพลงดิ ถ้าผมฟังในโทรศัพท์ไอพอดก็จะไม่ได้ทำหน้าที่ของมัน แบบนี้น่าสงสารออก” ยิ้มน้อยๆ ตบท้าย เป็นคำตอบที่ผมตอบแบบเดิมๆ ทุกครั้งเวลาที่มีคนถามคำถามประมาณนี้

            “อีกอย่าง มันก็ยังไม่พัง เอามาใช้บ้างเดี๋ยวมันน้อยใจผม ฮ่าๆๆ” ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่อึดและทนพอสมควร ผมยังจำความรู้สึกดีใจตอนที่ได้มันมาครอบครองได้อยู่เลย กว่าจะเก็บเงินครบและกว่าจะขอแม่ให้พาไปซื้อได้ เพราะงั้นตอนนี้ถ้ามันยังไม่ลาสังขารไปผมก็ยังอยากจะเอามันมาใช้อยู่

            “อื้อ ไว้จะเอาของที่บ้านมาใช้มั่ง”

            “ดีๆ เราจะเป็นคนฮิป” ผมยื่นมือไปตรงหน้านมเย็นเพื่อเตรียมจะทำไฮไฟว์กัน

            แต่นมเย็นไม่สมยอมและนอกจากนั้นยังดีดหน้าผากผมไปอีกที อ้าว ... ไอ้นี้

            “เตรียมตัวเก็บของได้แล้ว ใกล้จะถึงแล้ว”

            หันไปคุยกับนมเย็นไม่นาน ละสายตามาอีกทีมองที่หน้าต่างอีกทีก็พบกว่าเราเข้ามาในทางแคบๆ ที่ถนนเริ่มไม่เรียบเหมือนเมื่อครู่ ต้มไม้ต้นสูงมากมายล้อมรอบตัว

            “พี่ตั้มปลุกซินด้วย” ผมยืดตัวไปเบาะหลังเพื่อบอกพี่ตั้ม ไอ้ซินนี่หลับลึกหลับยาว

            “มันตื่นนานแล้วเถอะ ตื่นก่อนมึงอีก” พี่ตั้มพูดพร้อมปชี้ไปที่ไอ้หน้าสวย ที่นั่งหน้าซึนคล้ายวิญญาณหลุดลอยออกไปแล้ว .. สภาพเพิ่งตื่นของมัน

            “ซินมันไม่ได้มีไหล่ให้พิงเหมือนมึงนะครัช แหม่ ฟืน แหม่..”

            เกลียดทุกคนเลยเว้ย โดนเฉพาะไอ้นมเย็นข้างๆ ที่ยังทำตัวไม่รู้สึกรู้สาด้วยหน้าปลาตายของมัน ปล่อยให้คนเท่ดิ้นพล่านด้วยความเกรี้ยวกราด..



------ 30% ------



            เมื่อสัมผัสกับพื้นดินก็สามารถรับรู้ได้ถึงความธรรมชาติทันที แม้จะนั่งรถมาจากกรุงเทพแม้แค่สองชั่วโมงนิดๆ แต่บรรยากาศช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ต้นไม้ต้นใหญ่เล็กประปรายมากมาย เสียงนกร้องผสมผสานกับเสียงของแมลง รวมไปถึงเสียงน้ำไหลที่ได้ยินแว่วมา กลิ่นไอของความสดชื่นไร้มลพิษ และแดดที่แรงมากขึ้นอีกหน่อย

            จากถนนลาดยางกลับกลายเป็นพื้นดินแดงที่ไม่ค่อยจะราบเรียบนัก เดินทางจากตัวเมืองกาญจนบุรีเพียงไม่นานก็ถึงที่หายที่เราจะมาตั้งค่ายกัน ก่อนที่จะลงจากรถมาเจ๊วาวได้มาบรีฟพวกเราว่า โรงเรียนนี้เพิ่งสร้างได้ไม่นานนัก เป้าหมายของค่ายอาสาในครั้งนี้คือการมาสร้างห้องสมุดดินเหนียวและทาสีรอบๆ โรงเรียนให้เรียบร้อย แต่ด้วยเวลาที่จำกัดครั้งนี้เราจึงมีหน้าที่แค่มาทำก้อนดินเป็นบล๊อคเตรียมไว้ให้สำหรับมหาวิทยาลัยถัดไปที่จะมาจัดการต่อ


            “สวัสดีครับ ขอต้อนรับลูกๆ ทุกคนสู่โรงเรียนของเรา ที่นี่อาจจะไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไหร่นะ ว่าแต่กินอะไรกันมารึยังเนี่ย” คุณลุงท่าทางใจดี แต่งกายด้วยเสื้อคอกลมสีขาวทับด้วยเสื้อคลุมลายตารางสีเขียวหม่น ผูกเอวด้วยผ้าขาวม้า กล่าวทักทายพวกเรา เมื่อเห็นว่าทุกคนลงจากรถหมดแล้ว

            “เรียบร้อยแล้วค่ะครูใหญ่ เดี๋ยวมื้อกลางวันพวกเราจัดการกันเองเลย พอดีวาวเตรียมข้าวกล่องมาให้น้องๆ ทุกคนแล้ว” เป็นเจ๊วาวประธานค่ายครั้งนี้เป็นคนตอบครูใหญ่ไป

            “งั้นเดี๋ยวมื้อเย็นนี้ครูกับชาวบ้านแถวนี้ขอเลี้ยงต้อนรับพวกเรานะ จะเอาอาหารป่ามาให้ลองกัน แต่ไม่รู้นะว่าเด็กๆ จะกินกันได้มั้ย ฮ่าๆๆ” 

            “โอ้ยยยย เด็กพวกนี้กินได้หมดล่ะค่ะ หิน ดิน ทรายก็น่าจะได้ ครูใหญ่ต้องระวังตัวไว้นะคะ เผลอๆ จะกินครูใหญ่เข้าไปด้วย” เจ๊วาวพูดจาติดตลกแต่ดันทำหน้าจริงจัง เล่นใหญ่ตามสไตล์

            “เอ้อออ เลี้ยงง่ายดี ดีๆ จะได้ใช้งานให้คุ้มหน่อย ฮ่าๆๆๆ” ครูใหญ่พูดพร้อมหัวเราะเสียงดังแต่ผมแอบเห็นนะว่าแกแอบทำหน้าจริงจังน่ะ .. เหมือนถูกหลอกมาเชือดเลย ฮอล

            “โหยยยยย” ไม่ใช่เพียงแต่ผมที่แอบโหยหวนในใจเพราะเพื่อนร่วมทริปนี้ก็อวดครวญออกมาทันที .. เพิ่งจะสังเกตุว่าออกค่ายครั้งนี้สมาชิกผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอย่างเราๆ เกือบครึ่ง ผู้หญิงสายบุญ ฟืนปริ่ม

            “ไม้ ทำไมผู้หญิงมาออกค่ายกับชมรมมึงเยอะจังวะ” ผมสะกิดถามไอ้ไม้ที่ยืนอยู่ข้างๆ

            “อ่อออออ เซอร์ไพร์ไงมึง เซอร์ไพร์ซ้อนเซอร์ไพร์” มันทำหน้าร่าเริงจนน่าหมั่นไส้

            “อะไรของมึง”

            “เซอร์ไพร์แรกคือทริปนี้มีผู้หญิงน่ารักให้เราส่องกระชุ่มกระชวยหัวใจ เซอร์ไพร์ที่สองคือผัวมึง”

            “ห้ะ ผัวกู ? ผัวกูนี่ใครวะ” ผมงุนงงอย่างหนัก ผัวกู .. ผมไปพลาดท่าเสียเชิงชายไปตั้งแต่เมื่อไหร่

            “ก็การที่ผู้หญิงมาออกค่ายเยอะขนาดนี้นี่ต้องขอบคุณผัวมึงนะ พอมีข่าวมาพี่ฟ้าคนฮอตประจำมหาลัยมาลงชื่อออกค่ายกับชมรมกูนะ วันรุ่งขึ้นคนแห่มาสมัครพรึ่บพรับ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่มีแม้แต่แมลงจะบินผ่านมาสมัคร อานุภาพความฮอตผัวมึงนี้แรงกล้ามากนะ”

            ผมเอานิ้วจิ้มหน้าผากไอ้ไม้อย่างสุดแรงเท่าที่จะออกแรงทำได้

            “ข้อแรกนมเย็นไม่ใช่ผัวกู ข้อสองคือกูไม่มีผัวเว้ย!!”

            “แหม่ .. มีโค้ดนงโค้ดเนมเว้ย” เสียงพี่ตั้มที่แซวแว่วมาแต่ไกลๆ

            “ก็บอกว่าไม่มีผัวไงเล่า!!” ท้ายเสียงผมกระแทกเสียงอย่างคนหัวร้อนและไฟป่า บอกให้ร็เลยกูจริงจังมาก

            “เอ่อ.. เป็นผู้ชายไม่ต้องรีบมีผัวก็ได้ลูก” เป็นเสียงครูใหญ่ดังแทรกตอบกลับมาให้ผมอายเล่น และตามด้วยเสียงหัวเราะมากมายของเพื่อนร่วมทริป

            ก็รู้ว่าเสียงมันเงียบแต่ไม่คิดว่าจะเงียบขนาดนี้ ขอแทรกแผ่นดินไปอยู่กับเห็บไรแถวนี้จะได้มั้ย ฮอลลล..

            “จบเรื่องมีผัวไปแล้ว เดี๋ยวเดินตามครูมานะลูก จะพาไปดูที่พักแล้วก็เก็บของกันก่อน”

             ยัง .. ยังไม่จบเรื่องมีผัว ตอนพูดครูใหญ่ยังหันมาส่งสายตาล้อเลียนให้ผมอยู่เลย ช่างเป็นครูใหญ่ที่เป็นกันเองเสียเหลือเกิน

            “พวกเรามีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพื่อความปลอดภัยครูจะให้ผู้หญิงนอนในอาคารเรียนนะ จัดห้องเอาไว้ให้เราแล้ว ห้องเดียวน่าจะพอเนอะ พวกผู้ชายเดี๋ยวให้ไปกางเตนท์นอนกันตรงสนาม พอจะได้มั้ยลูก ช่วงนี้อากาศไม่ร้อน เย็นกำลังดีเลย”

            “ได้ค่ะครู สบายมั่กมาก” เจ๊วาวตอบกลับไปและพวกผมก็พยักหน้าเออออตาม เพราะจะยังไงก็นอนได้อยู่แล้ว อีกอย่างอยากมีประสบการณ์กางเตนท์นอนมานานแล้วครับ ช่วงนี้อากาศกำลังดีอย่างที่ครูใหญ่แกว่าจริงๆ ขนาดช่วงสายของวันอย่างตอนนี้ถึงจะมีแดดแต่ก็ยังมีลมพัดมาเรื่อยๆ ไม่ร้อนจนเกินไป

            “แต่ถ้าไม่ได้จะให้พวกผู้ชายมานอนกับพวกผู้หญิงก็ได้ค่าาา พวกหนูไม่ถือ อิอิ” ไม่ได้บรรยายเพื่อความหรรษาแต่อย่างใดแต่พวกคุณเธอทำเสียง อิอิ จริงๆ เพิ่งรู้ว่าผู้หญิงสายบุญก็แอบน่ากลัวเหมือนกันนะครับ..









            เป็นคุณป้าที่เป็นชาวบ้านแถวนี้ที่จะมาช่วยดูแลพวกเราพาพวกผู้หญิงเข้าไปในอาคารเรียน และครูใหญ่ขี้เล่นคนเดิมมาเหล่าบรรดาชายฉรรก์มายังสนามหญ้าที่อยู่ด้านหน้าอาคารเรียน บริเวณไม่กว้างมากเท่าไหร่นักแต่ก็น่าจะกว้างพอที่จะกางเตนท์ได้ซัก 4-5 หลัง

            นับดูแล้วผู้ชายที่มาออกค่ายครั้งนี้มีเพียง 9 คนเท่านั้น คือ พวกผม 4 คน นมเย็นและเพื่อนมัน คนในชมรม 2 คนที่ผมเคยคุยด้วยนิดหน่อยตอนไปนั่งเล่นที่ชมรมมัน และอีกหนึ่งที่เหลือไอ้ไม้บอกว่าเป็นเด็กปีหนึ่งคณะสถาปัตย์ตัวสูงท่าทางฮิปเตอร์และเซอร์สุดชีวิตที่หลงมาสมัครเพราะคิดว่าเป็นทริปออกต่างจังหวัดมาถ่ายรูปชิคๆ สงสารน้องเขานะครับ

            “แบ่งนอนเองนะลูก มี 9 คน คงต้องเป็น 2 2 3 เดี๋ยวสามคนเอาเต็นท์ใหญ่สุดไปนอนนะ กางเตนท์กันมั้ยใช่มั้ย”

            “เป็นครับ ผ่านการเรียนลูกเสือสามัญมาเรียบร้อย” พี่ตั้มตอบออกไปเสียงดังฟังชัด คือมึงถามกูยัง ถามกูก่อนเว้ย

            “งั้นจัดการกันเองนะ เดี๋ยวอีกซักครึ่งชั่วโมงไปรวมตัวกันที่ลานหน้าเสาธง ครูจะพาไปดูพื้นที่แล้วก็เริ่มทำบล๊อคดินเหนียว”

            “โอเคครับบบบ”

            “พี่ตั้ม กูกางเต็นท์ไม่เป็นนะ มึงบอกงั้นกางเลย”

            “มึงนี่มันคนกากจริงๆ เคยเรียนป่ะลูกเสือสามัญอ่ะ เคยเป็นป่ะหัวหน้าหมู่ คนแบบมึงคงไม่เคยถือไม้สามง่ามซินะ”

            “ไม้สามง่ามคือเหี้ยไรวะ”

            “คนเป็นหัวหน้าหมู่ถึงจะได้ถือไง โธ่.. ฟืน” มันทำหน้าเอือมระอาใส่ผม

            “กูเคยอยู่หมู่นกพิราบนะครับ อย่ามาๆ” ผมจำได้แม่นว่าภูมิใจหนักหนาตอนนั้น ซึ่งก็ไม่สามารถหาเหตุผลได้เหมือนกันว่าทำไมต้องภูมิใจกับความเป็นนก

            “โธ่ .. น่าเวทนา เป็นแค่นกพิราบทำมาอวดดีใส่หมาป่าแบบกู” นอกจากหน้าเอือมระอามันยังทำหน้าละเหี่ยใจใส่ผม

            “นกพิราบกับหมาป่ามาโอนอยออกกันเถอะ เสียเวลาจริงๆ พวกมึงนี่” ซินมันเดินมาตบหัวผมที หันไปดุพี่ตั้มที

            ผลโอนอยออกเป็นเอกฉันท์ว่าผมนอนกับพี่ตั้ม ซินนอนกับไม้







            “กางเลย ไม่ช่วยด้วย ทำไม่เป็น” เมื่อผมต้องนอนกับพี่ตั้ม ผู้ที่เคยผ่านการเป็นหัวหน้าหมู่หมาป่ามาเลยได้เป็นความสบายของผม เพราะออกตัวแต่แรกว่ากูมันกากกางไม่เป็นหรอกนะ

            “เออ นั่งเป็นควายน้อยอยู่ตรงนั้นแหละ”

            บอกเลยว่าไม่รู้สึกรู้สา บอกเลยว่าสบายมาก



            “ฟืน มาช่วยผมยึดสมอหน่อย”

            เหมือนได้ยินคนเรียกอะไร ฟืนๆ นะ

            “ฟืน ถ้าว่างก็มาช่วยผมยึดสมอหน่อย” เสียงดังขึ้นอีกระดับ เป็นเสียงที่ค่อนข้างคุ้นเคยเพราะช่วงนี้ได้ยินบ่อยเหลือเกิน

            “ผมกางเต็นท์ไม่เป็น” จำใจต้องเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงและย้ายกายหยาบมายืนตรงหน้านมเย็นตัวสูง

            “แค่ช่วยยึดสมอลงกับมุมของเต็นท์ ทำได้ใช่มั้ย” อีกฝ่ายสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างและเงยหน้ามาถาม

            “ทำได้ ไม่ฉลาดแต่ก็ไม่โง่นะ” ผมพูดพร้อมกับทำตามที่นมเย็นทำเมื่อครู่ แม้ว่าจะใช้เวลามากกว่าหน่อยแต่ก็ทำได้สำเร็จ

            “สบายมาก ดูผลงาน” ผมชี้ไปที่ผลงานของตัวเอง

            “เก่งมาก” ถึงปากมันจะชมอยู่ แต่สายตาผมก็เหลือไปมองอีกสามด้านที่เหลือว่าถูกมันจัดการจนเรียบร้อยแล้ว

            “เอ้า โปรขนาดนี้จะให้ผมมาช่วยทำไมหนิ” ถามออกไปด้วยงุนงง

            “อยากให้ช่วย แค่นี้ไม่ได้หรอ”

            “ก็ .. เออเว้ย มาช่วยแล้วนี่ไง” ทำไมกูต้องมาใจบางกับหน้าปลาตายของมันด้วยวะ

            “ก็แค่นั้น” มันวางมือแหมะลงบนหัวผมเร็วๆ หนึ่งทีแล้วเอาออก

            “แล้วเพื่อนพี่ไปไหนอ่ะ” รีบเปลี่ยนประเด็นอย่างรวดเร็วไม่ให้มันจับพิรุธเราได้

            “เพื่อน ? .. ไม่ใช่ เมฆเป็นน้อง”

            “อ่อออออ”

            “อ้าว นี่ใคร” พูดยังไม่ทันจบประโยคดี บุคคลที่ชื่อเมฆก็เดินเข้ามาในเฟรม

            “ฟืน เด็กที่อยู่ข้างๆ ห้อง หอเดียวกัน” นมเย็นหันไปพูดกับน้องชายมัน จะพูดว่าต่างกันเลยก็คงไม่ใช่ พูดว่าแตกต่างเหมือนกันน่าจะถูกต้องกว่า เมฆเป็นบุคคลตัวสูงที่น่าจะเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ผิวสีออกแทนคล้ายพี่ชาย หน้าตาเหมือนโกรธใครตลอดเวลา อันที่จริงมันแค่ดูดุและไม่มิตรเท่าไหร่ อาจจะเพราะตาคมๆ ของเขา แต่ที่โดดเด่นที่สุดน่าจะเป็นผมทรงอันเดอร์คัทแมนบัน กัดและย้อมจนผมเป็นสีเทานั่น

            “เด็กมึงหรอฟ้า ร้ายนะเนี่ย ที่ย้ายหอเพราะงี้” นอกจากหน้าดุและปากก็ยังหมาอีกด้วย ผมจะจำไว้

            “นอกจากหน้าตาไม่เป็นมิตรปากก็ไม่เป็นมิตรด้วยหรอ” ผมแยกเขี้ยวใส่

            “นอกจากจะหน้าเหมือนแมวแล้วยังขู่เป็นหมาได้ด้วยหรอ”

            “...” ผมนี่หน้าสั่น จัดการความรู้สึกตัวเองไม่ถูกเลย นอกจากพ่ายแพ้ให้พี่มันแล้วยังต้องมาปราชัยแก่กับคนน้องมันอีกหรอ

            “อย่าแกล้งน้อง” นมเย็นผลักหัวไอ้คนปากหมาอย่างขอไปที

             “แกล้งไปก็ไม่สนุก เก็บไปแกล้งตัวเล็กดีกว่า” คนหัวเทายักไหล่อย่างไม่สนใจและเดินผละเข้าเต็นท์ที่กางเสร็จแล้วของตัวเองไป

            “กลับไปหาเพื่อนได้แล้วมั้ง ท่าทางบ่นนายใหญ่แล้ว” นมเย็นวางมือบนไหล่ผมเบาๆ และผลักไปทางเพื่อนตัวเอง ที่ท่าทางน่าจะยืนสาปแช่งผมอยู่จริงๆ


            แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้นมเย็นมันเรียกผมว่า ‘น้อง’ หรอ

            ใจกู ฮอลลลลลลลล

            สุดท้ายก็เป็นผมที่เดินไปหาพวกชาวแกงค์อย่างคนไร้สติ ลาก่อน..








            “เดินหน้าตาหมางงกลับมานี่ยังไงครัช” ไอ้ไม้ที่เดินมาช่วยพี่ตั้มกางเต็นท์ ยืนเท้าเอวถามผมด้วยสายตาล้อเลียน

            “พูดมาก” ผมตอบไปอย่างปัดรำคาญ พร้อมกับยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองแรงๆ ไปหนึ่งทีเพื่อเรียกสติที่ขาดหาย

            “เอ้า ตบหน้าตัวเองเพื่อ” คนหน้าสวยเงยหน้ามาถามผม เป็นอีกตัวที่กินแรงเพื่อนๆ ไม่ยอมช่วยกางเต็นท์ นั่งกินลมชมวิวอยู่บนโขดหิน มันคงคิดว่าตัวเองเป็นแอเรียล

            “ฮึ” สั่นหน้าปฏิเสธจนรู้สึกได้ว่าผมที่ไม่ได้เซตมากระเจิงไปทั่วทิศทาง 360 องศา

            “มันเป็นบ้าอย่าไปสนใจมันเลย” พี่ตั้มพูดพรางลุกขึ้นยืนเก็บข้าวของเพราะกางเต็นท์เสร็จพอดี

            “ท่าทางเทสคิทจะไม่ได้ผล ต้องตัดหัวไปตรวจอย่างเดียวเคสนี้” ลูกกระจ้อกของพี่ตั้มเขาครับ

            “พวกคนเฮี่ย”

            “กูเห็นนะ ทำมาเป็น กางเต็นท์ไม่เป็น แต่ไปช่วยผัวตัวเองเฉย” พี่ตั้ม

            “แหม่ ทามมาเปง” ไอ้ไม้

            “ทำไมล่ะ เปงผัวอ่อมาสั่ง”

            “เออ กูไม่ได้เป็นผัวมึงไงเลยสั่งไม่ได้ ผัวเรียกทีเดียวกระดิกหางไปหานะ”

            “....” นอกจากพ่ายแพ้ให้สองพี่น้องนั่น ผมยังต้องมาพ่ายแพ้ให้กับชาวแกงค์อีก

            คุณอุบลช่วยฟืนด้วย..




         
หัวข้อ: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 120% (p3/020617)
เริ่มหัวข้อโดย: warmblue ที่ 02-06-2017 22:32:19
            กิจกรรมหลังจากการจัดการที่หลับนอนคือการมาทำบล๊อคดินเหนียวแบบที่ครูใหญ่ได้กล่าวไว้ข้างต้น พวกเราทุกคนเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองที่สามารถเลอะเทอะได้ เพราะดูท่าทางแล้วชุดสไตล์อปป้าที่ใส่มาตอนแรกจะไม่ค่อยเหมาะซักเท่าไหร่

            ส่วนผู้หญิงสายบุญในทริปนี้ก็เปลี่ยนเป็นชุดสบายๆ เสื้อยืดกางเกงขาสั้นพร้อมลุย อยากบอกเหลือเกินว่าใจฟืนนั้นเบาหวิว คนนู่นก็ขาว คนนี้ก็เรียว บางคนนี่ขาวหมวยสเปคฟืน ยิ่งใจเคว้งไปหมด

            “เก็บมั่งเหอะ หูตั้งหางกระดิกหมดแล้ว กูกลัวมึงนะ” ไอ้ไม้สะกิดบอกว่าผมด้วยสายตารังเกียจ

            “การจะสร้างก้อนดินเนี่ย อย่างรแกเลยเราต้องเตรียมแบบก่อน โดยแบบเราจะทำจากไม้พวกนี้ เอามันมาตอกตะปูเรียงกันเป็นขั้นๆ แบบบล็อคอันนี้ที่ครูทำไว้ให้พวกเราดูเป็นตัวอย่างนะ 1 พิมพ์จะมีทั้งหมด 5 บล็อค ถ้าตอนทำไม่เข้าใจตรงนั้นก็ถามได้ ครูอยู๋ช่วยพวกเราแถวๆ นั้นแหละ” ไม่ทันที่ผมจะโต้ตอบไม้กลับไปอย่างดุเดือด เสียงของครูใหญ่ก็ดังแทรกเข้ามาเสียก่อน แกกำลังกล่าวถึงงานที่เรากำลังจะเริ่มทำกัน

            “งานตอกๆ พวกนี้คงต้องยกให้พวกผู้ชายเขาทำกันไปก่อน ทำพิมพ์ไว้ซัก 10 อันก่อนก็พอ ส่วนผู้หญิงช่วยกันยกส่วนผสมมากองรวมกันไว้ตรงนี้ก่อนนะลูก” หลังจากที่ครูใหญ่ทิ้งภาระงานไว้ให้เหล่าชายฉกรรจ์อย่างเราเรียบร้อยก็เดินไปแจงงานให้อีกฝั่งหนึ่งต่อ

            “เดี๋ยวถ้าทำพิมพ์เสร็จแล้วครูจะมาสอนวิธีผสมแล้วเทใส่พิมพ์นะ” ผมได้ยินเสียงครูใหญ่ตะโกนมาแว่วๆ .. บอกเลยว่าผมเฝ้ารอการผสมอย่างใจจดใจจ่อ คิดว่าฟีลลิ่งน่าจะคล้ายกับการเหยียบองุ่นเพื่อทำไวน์แน่นอน
การทำพิมพ์ไม้ไม่อยากอย่างที่คิด ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง พิมพ์ทั้ง 10 อันก็เสร็จเรียบร้อย ผมได้มีส่วนช่วยในขั้นตอนนี้ ไม่ต้องนั่งเป็นตัวภาระอย่างเช่นตอนกางเต็นท์เมื่อครู่ แต่ความโปร ความมืออาชีพก็คงต้องยกให้ไอ้พี่ตั้ม สองพี่น้องนมเย็น และเด็กสถาปัตย์ปีหนึ่งที่ชื่อพีท

            คนอื่นผมเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร แต่ที่สงสัยคือทำไมนมเย็นมันจะต้องเก่งทุกอย่างเลยวะ มึงคิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่ในดิอะเวนเจอร์หรือ มึงไม่มีข้อด้อยหรือ .. ประเด็นคือกูอิจฉาจ้า

           





            เมื่อทำพิมพ์เสร็จ ก็ต้องส่งตัวแทนไปตามครูใหญ่ที่ได้ออกตัวก่อนหน้านี้ว่าจะค่อยช่วยดูอยู่แถวๆ นี้ ซึ่งตอนนี้หายหน้าหายตาไปที่ไหนก็ไม่อาจรู้ กลับมาสอนกรรมวิธีต่อไปให้กับเรา และตัวแทนนั้นคือเจ๊วาว

            “โทษทีๆ พอดีครูเดินเล่นเพลินไปหน่อย กินลมชมวิวเนอะ”

            ว๊อท..

            “ขั้นตอนต่อไปให้เอาดิน น้ำ แกลบมาผสมรวมกัน เหยียบให้มันเข้ากัน จนดูเป็นเนื้อเดียวกัน ค่อยมาเทใส่ในพิมพ์ อย่าทิ้งไว้นานนะลูกเดี๋ยวมันจะดึงไม่ออก พักเดียวพอแล้วดึงพิมพ์ออกได้ เวลาลูกเทดินต้องเทให้เต็มบล็อคนะ ไม่งั้นดินมันจะไม่สวย ไม่เท่ากัน จะมีผลตอนการก่อสร้าง และดินที่ได้จะไม่แข็งแรง”

            แล้วเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง พวกเราถยอยเทส่วนผสมสองอย่างแรกที่เป็นของแข็งคือดินและแกลบมากองรวมกันในที่ที่ครูใหญ่บอกไว้ จากนั้นค่อยเทน้ำใส่และเริ่มนวดดินโดยการเหยียบ

            ผมอาจจะลืมไปว่าดินเหนียวกับองุ่นนั้นมีมวลสารแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม่งโคตรหนึบหนับตีนเลยเว้ย .. แต่ก็ให้สัมผัสแปลกๆ คือความเย็นและนิ่มเหนียว ผมไม่ได้กำลังกล่าวถึงของกินนะครับ มันคือดินเหนียวนี่แหละ เมื่อนิ่งผสมแกลบลงไปความเหนียวก็มันก็เพิ่มขึ้นด้วย แต่เวลาเหยียบก็ให้ความรู้สึกจั๊กจี้นิดหน่อย

            จากที่คิดว่าทำไม่นานก็คงเสร็จกลับผิดคาดไปอย่างลิบลับ เวลาล่วงเลยมาจนถึงประมาณสี่โมงเย็น ครูใหญ่ก็มาตามพวกเราให้ไปกินมื้อเย็นที่ชาวบ้านช่วยกันเตรียมไว้ให้ วันนี้เราทำบล็อคดินเหนียวได้ประมาณ 400 ก้อนเท่านั้น ครูใหญ่บอกว่าก้อนดินพวกนี้ต้องตากแดดไว้อีกเป็นอาทิตย์กว่าจะเอามาใช้งานจริงได้

            ตอนแรกที่คิดว่าค่ายอาสานั้นน่าจะเหนื่อยและน่าเบื่อก็เปลี่ยนความคิดผมไปได้นิดหน่อย มันเหนื่อยจริงๆ ครับ ยิ่งกับสิ่งที่เราไม่เคยทำและการนั่งรถเดินทางมาไกล แต่มันไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดกลับสนุกด้วยซ้ำ แม้จะทุลักทุเลไปหน่อยในตอนแรกแต่ซักพักทุกอย่างก็เริ่มลงตัว เพื่อนต่างคณะ หรือเพื่อนร่วมคณะบางคนที่ไม่เคยคุยกันก็ได้ทำความรู้จักกันบ้าง

            จะมีก็แต่คนบางคนที่ฮอตเสียเหลือเกิน มีคนคอยแวะเวียนไปส่งน้ำให้อยู๋บ่อยครั้ง นี่มันคงเก็บขวดหลายขวดไปเปิดขายเป็นหกรณ์ได้แล้วมั้ง รำคาญตามากๆ บอกเลย

            คงไม่ต้องให้บอกนะครับว่าใคร ก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ..











            พวกผมเดินมาล้างเนื้อล้างตัวที่เปรอะเปื้อนดินที่ขากันที่ลำธารใกล้ๆ โรงเรียน เสื้อผ้าไม่ได้เลอะอะไรมากมาย ส่วนที่เลอะมีเพียงช่วงเข่าลงไปเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆ ครูใหญ่ยังบอกอีกว่าลำธารตรงนี้สามารถมาอาบน้ำได้เพราะมันสะอาดไม่แพ้แน่นอน และจากที่ผมมาสัมผัสด้วยตัวเองแล้วก็คิดว่าน่าจริง น้ำเย็นๆ ใสๆ เย็นนี้เจอะกับพี่ฟืนแน่นอน

            ที่นี้มีห้องอาบน้ำเตรียมไว้ให้ด้วยสำหรับคนที่ไม่อยากลงมาบันเทิงในลำธารนี้ แต่มันมีเพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น คนขี้เกียจรอคิวแบบผมคงขอเซย์กู๊ดบาย








            “ไอ้เฮี่ย เนื้ออะไรวะ อร่อยฉิบหาย” พี่ตั้มทำหน้าปริ่มเปรมกับอาหารตรงหน้ามาก และเมนูที่มันบอกน่าจะเป็นหมูผัดน้ำมันหอย ไม่รู้จะฟินอะไรหนักหนา แต่มันก็อร่อยจริงๆ แหละครับ แต่ผมปริ่มกับกบทอดกระเทียมมากกว่า ถ้ารู้ว่ากบมันจะอร่อยขนาดนี้กินไปนานแล้ว

            “อันนั้นคือเก้งผัดน้ำมันหอยลูก อร่อยใช่มั้ยล่ะ นี่แหละของเด็ด” ครูใหญ่ที่นั่งกินข้าวอยู๋วงถัดไปหันมาบอกอย่างภาคภูมิใจ

            ผมเริ่มสงสัยแล้วว่ากับข้าวสี่ห้าอย่างตรงหน้านี่มีอะไรนี่เป็นหมูหรือไก่บ้างมั้ย ถึงหันไปถามป้าคนข้างๆ และคำตอบที่ได้คือ..

            “อันนี้คือผัดเผ็ดนกกะทา อันนี้ต้มเอี่ยน ส่วนอันนี้ก็ปลาส้มทอดธรรมดา” นั้นคือชื่อเมนูอีกสามอย่างที่เหลือ ขอบอกว่าต้มเอี่ยนหรือต้มเปรตปลาไหลนี่ดีมากๆ รสแซ่บถึงใจ ป้าเขาบอกว่าเครื่องปรุงค่อนข้างเยอะ ไม่ค่อยมีใครรู้จัก

            “สงสัยถ้าอยากกินอีกต้องกลับมาที่นี่ซะแล้ว” ผมออดอ้อนคุณป้าเต็มที่

            “แหม่ พูดอย่างนี้ถ้าไม่มานี่ป้าโกรธเราเลยนะ”

            “ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำครับป้า” ผมยกมือตะเบ๊ะอย่างพยายามน่ารักสุดชีวิต

            เมื่อหยอกล้อกับคุณป้าจบก็หันมาจ้วงข้าวในมืออย่างตะบี้ตะบัน เพื่อไม่ให้ใครมาแย่งกับข้าวของเราไปได้ ผมเพิ่งจะเคยกินอาหารแนวนี้ครั้งแรกและประทับใจปลื้มปริ่มมาก

            ผมเห็นนะว่าสิ่งมีชีวิต 1ea มองผมแล้วแอบยิ้มเล็กๆ แม้จะเล็กน้อยมากก็ตามเถอะ

            แหม่ .. กูรู้ตัวหรอกว่ากูน่าฮัก











            ตกเย็นอีกหน่อยจากหลังจากที่กินข้าวเสร็จ ก็เป็นเวลาส่วนบุคคลคือสามารถทำอะไรก็ได้ พักผ่อนตามอัธยาศัย ผมกับพ้องเพื่อนเลยพากันนั่งเล่นที่ตรงจุดกินข้าวที่เดิมเพราะขี้เกียจย้ายสังขารตัวเองไปไหน และยังมีสองศรีพี่น้องพ่วงมาด้วยเป็นตัวแถม

            พวกเราทั้ง 6 คน นั่งเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศธรรมชาติ และพระอาทิตย์สีส้มที่เริ่มลาลับขอบฟ้า ช่วงเวลาแห่งความพักผ่อนหย่อนใจที่แท้จริง

            “เอ้า ยังนั่งตรงนี้กันอยู่อีกหรอ” ครูใหญ่เดินเข้ามาถามพวกเราพร้อมกับในมือที่ถือไหอะไรซักอย่างมาด้วย

            “นั่นไหอะไรหรอครับครู” พี่ตั้มทำหน้าแฉล้มถาม ราวกับรู้ว่าไหนั้นมันคืออะไร

            “อ่อออ เหล้าอุน่ะลูก รู้จักมั้ย” ครูใหญ่พูดพรางวางไหนั้นลงตรงหน้าพวกเรา

            “มันคืออะไรหรอครับ” ซินมันถามกลับไปพร้อมมองไหประหลาดอย่างไม่วางตา

            “เหล้าที่พวกชาวบ้านเขาทำกันเองน่ะลูก หมักกันเอง จริงๆ พื้นเพมันมาจากทางอีสานแต่ก็ลองทำกันดู อยากลองชิมดูมั้ย”


            มีหรือจะพลาด พยักหน้ากันรัวๆ


            ครูใหญ่แกจัดการใช้มีดเคาะเปิดฝาไหอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็หยิบน้ำเปล่ามาเทลงไป เอาหลอดเสียบแล้วยื่นมาให้เมฆลองคนแรก มันจัดการลองดูดไปหนึ่งอึกแล้วทำหน้าทำตาแปลกๆ

            “ก็อร่อยดี อร่อยแบบแปลกๆ” มันว่าพร้อมกับดูดอีกที

            “เห้ยยย อย่าแดกหมด” เรื่องของมึนเมานี่ไม่ได้ครับ พี่ตั้มแกไม่ยอมเด็ดขาด

            “ฮ่าๆๆๆ ถ้าชอบก็เอาเลยลูก เติมน้ำได้เรื่อยๆ จนเหล้ามันจาง แต่ระวังเมานะ”

            “อร่อยดี มึงลองดิ” ซินที่ลองแล้วยื่นไหมาตรงหน้าผม

            กลิ่นแปลกๆ .. ผมไม่ใช่คนคออ่อน ชาววิศวะอย่างเราเข้าร้านเหล้าบ่อยเสียขนาดนั้น แต่สิ่งที่ผมไม่ค่อยถูกด้วยเท่าไหร่คือเหล้าที่มีรสหวาน

            ลองดูดไปอึกใหญ่เพื่อรสชาติแบบเต็มเปี่ยม


            ไอ้เฮี่ย .. อร่อยแต่เสือกหวาน


            เมาเป็นหมาก็ช่างแม่งจะกินโว้ย










            ครูใหญ่นั่งอยู่คุยเล่นกับพวกเราอีกซักพักก่อนจะแยกตัวออกไป ปล่อยชาวเราไว้กับเหล้าหนึ่งไห ผมเห็นนมเย็นมันกินไปไม่กี่อึกแล้วไม่แตะอีกเลย สงสัยคงไม่ชอบ ไม่กินก็ดี ไม่แบ่งหรอกนะ

            “มาป่าแบบนี้เขาชอบทำอะไรกันวะ” ไอ้ไม้เปิดประเด็นขึ้นมา

            “เล่าเรื่องผีมั้ง” เมฆเสนอขึ้น .. ผีเหมือนคนพูดจริงๆ

            “โบราณเขาว่าเข้าป่าห้ามถามหาเสือ ก็เหมือนห้ามถามหาผีนั้นแหละ” ไอ้ซินพูดดี

            “ฟืน มึงไหวมั้ยหนิ” พี่ตั้มเอาศอกกระทุ้งสีข้างผม

            “หื้ออออ .. ไหวเด่” เสียงอู้อี้ไปนิดแต่ไหวชัวร์ พูดไปมือก็กอดไหเหล้าไปด้วย

            “ไอ้ห่า ตกลงกันว่าจะไปเล่นน้ำ สภาพนี้จะได้หรอวะ”

            “หวายยยยยยดิ๊” ผมพนักหน้าเสริมเป็นคำตอบ คือรู้ตัวนะครับว่าใครพูดอะไรและตัวเองพูดอะบ้าง แต่ควบคุมเสียงไม่ค่อยได้เฉยๆ

            “ผมเคยได้ยินมา..” เสียงนมเย็น

            หลังจากเสียงนั้นดังขึ้น ทุกคนก็เงียบกริบเพื่อรอฟังมันพูด

            “ลุงผมเคยเล่าให้ฟังว่าตามป่าตามเขา จะมีผีสางเจ้าที่ดูแลรักษาอยู่ในทุกๆ ที่ เคยมีคนทิ้งขยะไว้ตามข้างทางพอกลับไปถึงบ้านขยะชิ้นนั้นก็กลับมาอยู่หน้าบ้านตัวเอง”

              แม้แต่ผมที่ควบคุมตัวเองไม่ค่อยอยู่ก็ยังกอดไหตั้งใจฟังมันด้วย

            “โดยเฉพาะตามแหล่งน้ำมักจะมีผีพรายที่คอยดูแลท้องน้ำอยู่ เขาว่ากันว่าหากพรายตนนั้นชอบใครก็จะพาดำน้ำไป แล้วไม่มีใครหาเจออีกเลย”

            แล้วที่ธารน้ำนั้นมันจะมีพรายป่ะวะ..

            “แล้วผมจะรู้ได้ไงอะพี่ ว่าพรายมันจะชอบใคร”

            “เขาว่ากันว่าผีพรายชอบคนตัวขาว

            เล่นเอาทั้งวงหันมาจ้องกูกันเป็นตาเดียวเลยครับ กูรู้ว่ากูขาวแต่ไอ้ซินก็ขาวไม่มองมันมั่งวะ

            หากเป็นคนอื่นเล่าผมอาจจะคิดว่าโดนอำเล่น แต่นี่ด้วยหน้าจริงจังของมันเล่นเอาผมไปไม่ถูกเลย

            “ทางที่ดีอย่าเข้าใกล้แหล่งน้ำเลยจะดีกว่านะ”

            หางตาผมเห็นเหมือนมันเหลือบสายตามาทางผม ส่วนน้องมันเหมือนจะยิ้มมุมปากที่แสนเท่แต่ไม่ดาเมจจิตใจกูหรอกนะ


            เพราะในใจตอนนี้มีแต่เรื่อง ทำไมผีพรายต้องชอบคนตัวขาวด้วยวะ..




-----------------

ตัวละครบางตัวคุ้นๆ มั้ยคะ ใช่ค่ะ เมฆคนนั้นแหละ ฮ่าๆๆๆๆ

มาต่อจนครบแล้วค่ะ กินพลังมาก
เริ่มทำงานจริงจังแล้ว เพิ่งรู้ว่าการทำงานมันโหดร้ายขนาดนี้
ทำงาน 6 วันด้วย ล้อง
แต่จะพยายามหาเวลามาอัพนะคะ
ต้องขอบอกตรงๆ ว่าที่หายไปส่วนหนึ่งเพราะฟีดแบคไม่ค่อยดีเท่าไหร่
มันมีผลต่อจิตใจคนเขียนจริงๆ ค่ะ ใจบาง Y_Y
แต่เรารักฟิคเรื่องนี้มากค่ะ เลยคิดว่าจะมาต่อเรื่อยๆ นะ
หวังว่าจะมีคนรักหรือชอบฟิคเรื่องนี้บ้างเหมือนกันเนอะ
ยังไงก็ขอฝาก #มนุษย์บังเอิญ ไว้ด้วยนะคะ
คอมเม้นมาคุยกันเถอะ คิดถึงนะ

รัก.


หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 120% (p3/020617)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-06-2017 10:48:36
 :hao3: หวงอะดิ
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 120% (p3/020617)
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 03-06-2017 11:38:01
ง้อวววววว
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 120% (p3/020617)
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 03-06-2017 15:54:28
พี่ฟ้าคนเนียนน
หวงละซิ เป็นห่วงน้องละซิ
สัมผัสได้ถึงความละมุนนนน
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 120%
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 03-06-2017 16:36:56
พี่ฟ้ามันร้าย

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 120% (p3/020617)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-06-2017 21:55:51
ผีพราย ตนนั้น ใช่พี่ฟ้าปะ
พูดให้ฟืน กลัวหรือเปล่า จะได้ไม่ลงเล่นน้ำ
ไม่ให้ใครๆเห็นผิวขาวๆของฟืน
พี่ฟ้า หวงไม่อยากให้ใครเห็นหรือเปล่า :katai1: :katai1: :katai1:

พี่ฟ้า เคยเจอฟืนมาก่อนแน่ แอบชอบฟืนใช่ปะ
แล้วยังย้ายหอ เพื่อมาอยู่ใกลฟืน อีกด้วย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 120% (p3/020617)
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 04-06-2017 00:34:45
อย่าพึ่งท้อเลยน้าาา ปูเรื่องมาดีค่ะ น่าติดตาม สู้ ๆ นะคะ ตอนยังน้อย ค่อย ๆ เขียน มีนิยายหลายเรื่องที่พอจบแล้ว อยู่ดี ๆ กลับมีคนมาอ่านเยอะขึ้น
//ปกติเราไม่ค่อยมาอ่านนิยายเปิดใหม่ตอนน้อยเลยนะ ขอยอมรับจากใจเลยว่า มือลั่นจ้า 55 แต่เราก็อ่านจนถึงตอนนี้เลยนะ ชอบ ๆ  o13
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 120% (p3/020617)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 04-06-2017 01:23:10
แบบนี้ก้อได้สินะ
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 120% (p3/020617)
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์เจ้าเอ๋ย ที่ 04-06-2017 15:29:36
คนซึนเอ้ยยยยย :impress2:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 120% (p3/020617)
เริ่มหัวข้อโดย: littlep_ ที่ 05-06-2017 08:26:57
 :pig4: :pig4: :pig4
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 4 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว 120% (p3/020617)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 05-06-2017 20:14:42
ชอบความอ่อยแบบมึน หน้าตาย ของพี่ฟ้ามากค่าาา
หัวข้อ: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -สปอย- (p3/060617)
เริ่มหัวข้อโดย: warmblue ที่ 06-06-2017 22:30:57
✿ มนุษย์บังเอิญ ✿

บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุรานั้นว่าร้ายนัก

 

            “มาเอากูออกไปจากตรงนี้ที เอากูออกปายยยย นมเย็น!!” ผมตะโกนกรีดร้องและดีดดิ้นตีน้ำจนแตกกระจายอย่างไม่เหลือเค้าโครงชายชาตรีอกสามศอกอีกต่อไป


            “ฟืน ใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ เดินขึ้นมา” นมเย็นมันยืนอยู่บนฝั่ง ยื่นมือลงเพื่อดึงผมขึ้นไปจากธารน้ำ


            “ไหนว่าจะช่วย ทำไมไม่ลงมา สารเลวที่สุด” จากปกติก็เป็นคนค่อยข้างโหวกเหวกอยู่แล้ว บวกด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์และความกลัว ฟีเจอร์ลิ่งกันอย่างลงตัว ทำให้ผมสติแตกได้ไม่ยาก


            “ก็เนี่ย ยื่นมือมา แค่นี้เอง” มันทำหน้าวิตก และทิ้งมือรอผมอยู่ที่เดิม


            “ดึงกูขึ้นไปเลย เร็วๆๆ” แต่ละก้าวกว่าจะก้าวขามาถึงมันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน ทั้งๆ ที่น้ำก็ไม่ได้ลึกอะไร ทำไมผมถึงรู้สึกหนักตัวไปหมดแบบนี้นะ..


            ทันทีที่ผมถึงจุดหมาย รีบคว้ามือนมเย็นไว้อย่างแนบแน่นกันเลยทีเดียว


            “ดึงกูขึ้นไปเลย พี่ฟ้าดึงฟืนขึ้นไป” สรรพนามตอนนี้เรียบเรียงไม่ถูกแล้ว บรรยากาศอึมครึมชวนขนหัวลุก และป่าบริเวณรอบๆ และหน้าหวั่นวิตกของคนตรงหน้า คล้ายเป็นมวลอากาศกดอัดให้ผมรู้สึกแย่จนน้ำตาจะเล็ด


            “ทีหลังอย่าซนแบบนี้อีก” นมเย็นพูดคล้ายๆ การปลอบใจแต่สายตาดูหงุดหงิดแบบบอกไม่ถูก


            “ไม่มาที่นี่แล้ว ไม่อาบแม่งแล้วน้ำอ่ะ” พาลครับ พาลจุดนี้


            “จะอาบก็ไปอาบในนู่น เขาจัดที่ไว้ให้อาบ นายก็ดันมาทำซ่า เป็นไงล่ะ”


            “คนยิ่งกลัวๆ อยู่ อย่าเพิ่งบ่นดิ”


            “ผมพูดดีๆ ไม่เคยฟัง ต้องให้ใช้ไม้แข็งหรอ” นมเย็นทำหน้าดุอีกแล้ว


            “ยัง.. ยังไม่หยุดบ่นอีก”


            “ไป กลับเต็นท์ได้แล้ว ยืนนานๆ เดี๋ยวก็ไม่สบายอีก ตัวปัญหาเอ้ย” ผมเห็นว่านมเย็นแอบถอนหายใจไปหนึ่งที และผลักหัวผมเบาๆ อีกหนึ่งที อันนี้ทำแบบโจ่งแจ้งไม่มีการแอบใดๆ


            “ขาไม่มีแรงเหลย” จริงครับ .. เอาเรี่ยวแรงฝ่าความกลัวไปหมดแล้ว


            “...” มันขมวดคิ้วใส่และย่อตัวลงตรงหน้าผม


            “ห้ะ” มึ้งจะมาสายย่ออะไรตอนนี้


            “ขึ้นมา รอนายเดินไหวไม่ต้องกลับกันพอดี”


            “คือ .. จะให้ขี่หลังไปหรอ” ผมถามอย่างลังเล


            “คิดว่าผมจะอุ้มไปแบบเจ้าสาวหรือไง นายเป็นผู้ชายนะไม่ใช่ผู้หญิง มวลสารมันไม่เท่ากัน” คือกูรู้ว่ากูน่ะชายชาตรี กูเลยถามไงว่าจะให้ขี่หลังมึงหรอ หงุดเงี้ยว!


            ผมจึงกระโดดเกาะหลังมันอย่างเต็มแรง เอาให้หลังเดาะและรู้สำนึกเสียบ้าง


            “ก็แค่นี้”


            แต่มันกลับยืนขึ้นอย่างสง่างาม เอาแขนช้อนใต้ขาผมอีกทีคล้ายการเพิ่มความมั่นใจว่าผมจะไม่ร่วงลงมา



            ง่ะ .. กลายเป็นว่ากูเขินแทน



            “หนักป่ะ” ผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่มันออกตัวเดินมาได้ซักพัก แต่ก็ช้าเหลือเกินจนต้องถาม



            “ยังจะมีหน้ามาถาม” เรียบๆ แต่เจ็บจริง


            “ฮึ” ผมขมุบขมิบปากล้อเลียนมัน ชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว .. ทำไมไหล่มันกว้างจังวะ มุดแม่ง เอาให้มันรู้ว่าคนจริงเขาทำกันแบบไหน อย่ามาต่อปากต่อคำกับพี่อีก


            “นี่ทำอะไร” ยังมีหน้ามาถาม เลยจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบให้เลย ทำการมุดไหล่นมเย็นมันแบบคูณสอง


            “น้องฟืนอ้อนพี่หรอคะ”

 

            ...



            ...



            ...



 
            ไอ้คนชื่อฟืนมันใบ้แดกไปแล้วครับตอนนี้ ตายไปเลย ตายไปเสียดีกว่า..

 



            “กูเมา”


            เชื่อเถอะ เพราะตอนนี้รู้สึกร้อนหน้ามาก สงสัยจะเมาแล้วจริงๆ ..




---------------------



ปล. อิพี่ฟ้ามันร้ายนักนะคะ ทามมาเปง 555555555

คิดว่าจะอัพประจำคือเสาร์หรืออาทิตย์นะคะ
เพราะช่วงนี้ทำงาน 6 วันเหลย
อยากกลับมาต่อไวๆ แต่หมดพลังค่ะ
รีบมาปั่นสปอยไว้ก่อน
คอนเม้นติชมหรือพูดคุยกันได้เสมอ
ขอบคุณหลายๆ คนที่ยังคิดตามและรักฟิคเรื่องนี้เหมือนที่เรารัก

#มนุษย์บังเอิญ
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -สปอย- (p3/060617)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-06-2017 23:09:02
หืมมมมม
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -สปอย- (p3/060617)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-06-2017 23:58:11
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -สปอย- (p3/060617)
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 07-06-2017 04:45:59
ฮอลลลลล
เลาแพ้ผู้ชายแบบนี้
น้องฟืนอ้อนพี่ฟ้าหรอคะ
ตายไปเลยยยย งืออออ
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -สปอย- (p3/060617)
เริ่มหัวข้อโดย: littlep_ ที่ 07-06-2017 19:35:28
มารอคนซึน
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -สปอย- (p3/060617)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 07-06-2017 21:31:00
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -สปอย- (p3/060617)
เริ่มหัวข้อโดย: lazymonday ที่ 07-06-2017 22:14:37
ชอบพี่ฟ้ามาคะะะะะะะ จะเอาๆๆๆๆ
พี่เขาเข้ามาแบบตรงสุดๆ
หนูฟืนก็คงอึนๆอยู่สินะ
ยิ่งคำว่านายน่ะคิดมาก เห็นแล้วอยากจะขอซื้อ(ตลก)
เราชอบเรื่องนี้จัง  อ่านเพลินๆ สนุก แง
เม้นไม่ค่อยเก่ง แต่ก็แอบกดเป็ดเงียบๆนะ555555555
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -สปอย- (p3/060617)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-06-2017 05:25:36
ฟืน จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ มุดไหล่นมเย็นมันแบบนันสต็อบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

“น้องฟืนอ้อนพี่หรอคะ” ฟินนนนนน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -PART1- (p3/110617)
เริ่มหัวข้อโดย: warmblue ที่ 11-06-2017 22:21:26
✿ มนุษย์บังเอิญ ✿

บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุรานั้นว่าร้ายนัก -PART1-

 



            นั่งคุยกันอีกซักพักก็ได้เวลาแยกย้าย พวกเราปลีกตัวออกมาจากสองศรีพี่น้องกลับมาที่เต็นท์เพื่อหยิบอุปกรณ์อาบน้ำและเสื้อผ้าที่จะใช้เปลี่ยน อาการมึนเมาของผมดีขึ้นนิดหน่อย อาการลิ้นเปลี้ยเริ่มหายไปและแข้งขาเริ่มมีเรี่ยวแรง แม้ว่าสติยังจะกลับมาไม่ครบก็ตาม



            คนหน้าสวยประจำกลุ่มออกตัวว่าจะไม่ไปร่วมอาบน้ำสาบานท่ามกลางธรรมชาติที่ลำธารกับพวกผม



            แม้จะมีเรื่องผีสางมาเกี่ยวข้อง คนจริง2017 ก็ไม่หวั่น ด้วยปณิธานอันแรงกล้าที่ใฝ่ฝันจะไปสัมผัสน้ำใสๆ เย็นๆ ท่ามกลางกลิ่นอายธรรมชาติ .. ใครไม่ไป กูไป

 


            “ทำไมมึงไม่ไปว่ะซิน” ไม้ที่อุ้มของไว้เต็มสองมือถามไอ้ซินเสียงดัง ทั้งๆ ที่มันก็ยืนอยู่ข้างๆ กัน


            “กูไม่ชอบ โล่งขนาดนั้น ที่กูมาออกค่ายกับมึงนี่ก็มากพอแล้วมะ” มันตอบกลับมาพร้อมสายตาเอือมระอาเลเวล 100


            “แหม่ ถามแค่นี้ ทามมาเปง”


            “หรือมึงกลัวผีพรายที่พี่ฟ้าเล่า” พี่ตั้มเอ่ยขึ้นพร้อมสายตาล้อเลียน


            “ฮึ ไม่อ่ะ” มันส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ


            “ผีมีจริงที่หนายย” ผมจึงรีบผลมโรงทันที ผีเผอมีจริงที่ไหนกันเล่า คนจริง2017 ใครเขาจะมากลัวผีกัน


            “แต่ก็น้า..”


            “น้าไรมึงพี่ตั้ม”


            “เปล๊าาาาจ้า” มันหัวเราะคิกคักชวนอ้อนตีน


            “ถ้าผีมันจะหลอก มันคงไม่หลอกกูหรอก”


            “ไรของมึงอีกซิน พูดประโยคยากๆ กูแปลไม่ออกนะตอนนี้” บอกตรงๆ พี่มึนมาก



            “ผีพรายมันคงอยากหลอกมึงมากกว่ากูอ่ะฟืน” เสียงตบท้ายพร้อมกับพวกมันที่ประสานเสียงหัวเราะกัน


            เกลียดโว้ยยย..


            พวกคนเฮี่ย กูกลัวผีนะ




 

 


            เมื่อเราสามหล่อเดินมาถึงที่หมาย ก็พบเจอกับ น้ำใสๆ ที่ไหลดังเสียงเสนาะ ราวกับเรียกร้องให้พวกเรากระโดดลงไปหา เวลาตอนนี้เริ่มค่ำแล้วแต่ตามแนวลำธารได้ติดไฟไว้เป็นจุดๆ ให้บรรยากาศที่ดีไปอีกแบบ และความหรรษาก็เกิดขึ้น..


            “พวกมึง กูลืมหยิบกางเกงในมา” ไอ้พี่ตั้ม


            “ห่า .. เรื่องเยอะตลอด” ผมบ่นกระปอดกระแปด


            “เอาไงดี” คงจะขี้เกียจเดินวนไปวนมาหลายรอบ เพราะเต็นท์กับตรงจุดที่เรายืนก็ไม่ใช่ใกล้


            “มึงก็เดินกลับไปเอา” ไม้เสนอ


            “ไป” ผมเพยิดหน้าสมทบ


            “คนเดียวหรอวะ” พี่มันเริ่มหน้าเสีย


            “อ้าว แล้วพี่จะไปกับใคร”


            “ไม้ มึงไปเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ นะ” มันหันไปส่งสายตาออดอ้อนกับไอ้ไม้.. กลัว


            “ไปชวนไอ้ฟืนนู่นนนน” ไอ้นี่ก็รีบปฏิเสธแบบไม่รักษาน้ำใจ


            “ขากูมีแรงเดินมาถึงนี้ก็บุญแล้วมั้ย”


            “พวกมึงไม่รักกู ปฏิเสธกูแบบนี้ได้ไง ถึงกูจะเป็นหัวหน้าหมู่หมาป่ามาก่อนแต่กูก็ใจบางเป็นนะ”



            เอาล่ะ พี่ตั้มเปิดโหมดตัดพ้อ



            “เออ เดี๋ยวกูไปคนเดียวก็ได้ มืดฉิบหาย ถ้าหลงทางไปจะทำยังไงดี จะได้กลับไปเจอหน้าแม่อีกมั้ยวะ”


            “ฉิบหาย เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน” เป็นไอ้ไม้ที่ทนความน่ารำคาญของมันไม่ไหว


            “ก็แค่นี้” พี่มันยิ้มออกมาอย่างน่าชวนเอาแข้งฟาดหน้าซักที


            “ฟืน นั่งรอพวกกูอยู่ตรงนี้ อย่าซน โอเค้” ไม้มันสั่งผม และวางของที่ถือมาลงข้างๆ


            “ซนเหี้ยไร เห็นกูเป็นเด็กสามขวบเรอะ”


            “เออ ถ้าซนผีพรายจะมาหามึง”


            ไม้, คนฉิบหาย2017 ได้กล่าวไว้แบบนั้น

 

 

 

            จุดจบของผมก็คือไม่ฟังเสียงนกเสียงกา ถอดเสื้อตัวบนออกเหลือเพียงบลอกเซอร์สีแดงลายสก๊อตแบบคนเท่ๆ และหย่อนขาจุ่มลงไปในน้ำใสเย็นตรงหน้า .. หัวใจมันเรียกร้อง



            รู้ตัวอีกทีก็เปียกไปทั้งตัวแล้ว



            อยากบอกว่าไอ้ซินพลาดมาก น้ำเย็นๆ เรียกความสดชื่นหลังจากที่เหนื่อยมาทั้งวัน ทั้งเหนื่อยนั่งรถและทำกิจกรรม แสงไฟที่ติดไฟตามแนวน้ำช่วยทำให้บรรยากาศกูผ่อนคลาย รวมไปถึงเสียงของแมลงต่างๆ ผมสผสานกัน ราวกับว่ากำลังร้องเพลงอยู่ .. แบบนี้ในกรุงเทพหาไม่ได้แน่นอน


            ผมแช่น้ำเล่นไปซักพัก จึงเอื้อมมือไปหยิบไอพอดที่พกติดไว้ในกระเป๋ากางเกงตัวที่ใส่เมื่อครู่ เปิดเพลงคลอกันไป .. พวกมันไปนานจังวะ โดนสิงโตลากไปแดกรึเปล่า


            หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบ บ่งบอกว่ามีคนกำลังเดินเข้ามา


            ตายยากจริงๆ



            “ไปนานฉิบหาย นึกว่าโดนสิงโตลากไปแดกแล้ว”


            “เตือนอะไรเคยฟังบ้างมั้ยเนี่ยฟืน”


            แต่เสียงที่ตอบกลับมากลับไม่ใช่ของสองเกลอ แต่กลับเป็ยเสียงทุ้มๆ และหน้านิ่งเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือมีความดุผสมลงไปอีกหน่อย


            “เตือนอะไร อย่ามา” เถียงไว้ก่อน พ่อสอนไว้ ถ้าไม่ใช่พ่อก็เถียงไปเลย อยาไปยอมแพ้มัน


            “เมื่อกี้ผมเดินสวนกับซินที่ห้องอาบน้ำ ทำไมนายไม่ไปอาบที่นั่น”


            “คนจริง2017 ไม่กลัวหรอกครับ ผีเผออะไร” ผมยักไหล่อย่างไม่หยี่ระ


            “เฮ้อ แล้วแต่นายแล้วกัน” นมเย็นถอนหายใจกลับมา และทำท่าจะเดินกลับไป



            แต่...

 

            “ฟืน” มันเรียกผมด้วยเสียงที่ออกเครียดนิดๆ


            “อะไรของพี่”


            “ข้างหลังนาย” มันพูดเสียงเบาขึ้นอีกนิด และผมสังเกตุเห็นเหงื่อที่เมื่อครู่ไม่ปรากฏแต่ตอนนี้ล้อมรอบใบหน้ามันประปราย ทั้งๆ ที่อากาศเย็นขนาดนี้ .. ว๊อท


            “ทำไม ทำไมพี่ฟ้า ไม่ตลกนะ” ผมยุดนิ่งทันทีและจะค่อยๆ หันไปมองด้านหลังตัวเอง


            “อย่าหันไปนะ!!” เป็นมันที่ตะโกนเสียงดังขึ้นมาอีกสองเลเวล กูตกใจนะ ฮอลลลลล


            “ไม่เล่นนะเว้ย” กลายเป็นว่าผมที่เริ่มหน้าเสีย  สติกระเจิงไปอีกขั้น และยืนนิ่งเป็นท่อมไม้ท่ามกลางธารน้ำ


            “ขึ้นมาก่อนๆ เดินมาขึ้น” นมเย็นพูดพร้อมกับหน้าที่เริ่มซีเรียสขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาผมใจเสียมากขึ้นไปอีก


            “มาเอากูออกไปจากตรงนี้ที เอากูออกปายยยย นมเย็น!!” ผมตะโกนกรีดร้องและดีดดิ้นตีน้ำจนแตกกระจายอย่างไม่เหลือเค้าโครงชายชาตรีอกสามศอกอีกต่อไป .. สติแตกของจริง


            “ฟืน ใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ เดินขึ้นมา” นมเย็นมันยืนอยู่บนฝั่ง ยื่นมือลงเพื่อดึงผมขึ้นไปจากธารน้ำ


            “ไหนว่าจะช่วย ทำไมไม่ลงมา สารเลวที่สุด” จากปกติก็เป็นคนค่อยข้างโหวกเหวกอยู่แล้ว บวกด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์และความกลัว ฟีเจอร์ลิ่งกันอย่างลงตัว ทำให้ผมสติแตกได้ไม่ยาก


            “ก็เนี่ย ยื่นมือมา แค่นี้เอง” มันทำหน้าวิตก และทิ้งมือรอผมไปอยู่ที่เดิม


            “ดึงกูขึ้นไปเลย เร็วๆๆ” แต่ละก้าวกว่าจะก้าวขามาถึงมันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน ทั้งๆ ที่น้ำก็ไม่ได้ลึกอะไร ทำไมผมถึงรู้สึกหนักตัวไปหมดแบบนี้นะ..


            ทันทีที่ผมถึงจุดหมาย รีบคว้ามือนมเย็นไว้อย่างแนบแน่นกันเลยทีเดียว


            “ดึงขึ้นไปเลย พี่ฟ้าดึงฟืนขึ้นไป” สรรพนามตอนนี้เรียบเรียงไม่ถูกแล้ว บรรยากาศอึมครึมชวนขนหัวลุก และป่าบริเวณรอบๆ และหน้าหวั่นวิตกของคนตรงหน้า คล้ายเป็นมวลอากาศกดอัดให้ผมรู้สึกแย่จนน้ำตาจะเล็ด


            “ทีหลังอย่าซนแบบนี้อีก” นมเย็นพูดคล้ายๆ การปลอบใจแต่สายตาดูหงุดหงิดแบบบอกไม่ถูก


            “ไม่มาที่นี่แล้ว ไม่อาบแม่งแล้วน้ำอ่ะ” พาลครับ พาลจุดนี้


            “จะอาบก็ไปอาบในนู่น เขาจัดที่ไว้ให้อาบนายก็มาทำซ่า เป็นไงล่ะ”


            “คนยิ่งกลัวๆ อยู่ อย่าเพิ่งบ่นดิ”


            “ผมพูดดีๆ ไม่เคยฟัง ต้องให้ใช้ไม้แข็งหรอ” นมเย็นทำหน้าดุอีกแล้ว


            “ยัง.. ยังไม่หยุดบ่นอีก”


            “ไป กลับเต็นท์ได้แล้ว ยืนนานๆ เดี๋ยวก็ไม่สบายอีก ตัวปัญหาเอ้ย” ผมเห็นว่านมเย็นแอบถอนหายใจไปหนึ่งที และผลักหัวผมเบาๆ อีกหนึ่งที อันนี้ทำแบบโจ่งแจ้งไม่มีการแอบใดๆ


            “ขาไม่มีแรงเหลย” จริงครับ .. เอาเรี่ยวแรงฝ่าความกลัวไปหมดแล้ว


            “...” มันขมวดคิ้วใส่และย่อตัวลงตรงหน้าผม


            “ห้ะ” มึ้งจะมาสายย่ออะไรตอนนี้


            “ขึ้นมา รอนายเดินไหว ไม่ต้องกลับกันพอดี”


            “คือ .. จะให้ขี่หลังไปหรอ” ผมถามอย่างลังเล


            “คิดว่าผมจะอุ้มไปแบบเจ้าสาวหรือไง นายเป็นผู้ชายนะไม่ใช่ผู้หญิง มวลสารมันไม่เท่ากัน” คือกูรู้ว่ากูน่ะชายชาตรี กูเลยถามไงว่าจะให้ขี่หลังมึงหรอ หงุดเงี้ยว!


            ผมจึงกระโดดเกาะหลังมันอย่างเต็มแรง เอาให้หลังเดาะและรู้สำนึกเสียบ้าง


            “ก็แค่นี้”


            แต่มันกลับยืนขึ้นอย่างสง่างาม เอาแขนช้อนใต้ขาผมอีกทีคล้ายการเพิ่มความมั่นใจว่าผมจะไม่ร่วงลงมา



            ง่ะ .. กลายเป็นว่ากูเขินแทน



            “หนักป่ะ” ผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่มันออกตัวเดินมาได้ซักพัก แต่ก็ช้าเหลือเกินจนต้องถาม


            “ยังจะมีหน้ามาถาม” เรียบๆ แต่เจ็บจริง


            “ฮึ” ผมขมุบขมิบปากล้อเลียนมัน ชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว .. ทำไมไหล่มันกว้างจังวะ มุดแม่ง เอาให้มันรู้ว่าคนจริงเขาทำกันแบบไหน อย่ามาต่อปากต่อคำกับพี่อีก


            “นี่ทำอะไร” ยังมีหน้ามาถาม เลยจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบให้เลย ทำการมุดไหล่นมเย็นมันแบบคูณสอง


            “น้องฟืนอ้อนพี่หรอคะ”

 
            .

 

            .

 

            .



            ไอ้คนชื่อฟืนมันใบ้แดกไปแล้วครับตอนนี้ ตายไปเลย ตายไปเสียดีกว่า..


            “กูเมา”

 
            เชื่อเถอะ เพราะตอนนี้รู้สึกร้อนหน้ามาก สงสัยจะเมาเข้าให้แล้วจริงๆ ..


 
-----------------



            ถึงตอนเช้าผมก็ยังคงโดนสองเพื่อนตัวดีล้อเลียนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอยู่ สองคนที่เอ่ยถึงคงไม่ต้องบอกก็รู้กันดีว่าเป็นใคร ส่วนอีกคนที่ทำหน้าตาสวยไปวันๆ ไม่มีพูดถึงแต่สายตากลับสื่อถึงความล้อเลียนและขำขัน ผมสัมผัสได้..


            ก็จะอะไรเสียอีกล่ะ เมื่อคืนจังหวะที่ผมช๊อคค้างแบบสติกระเจิงไปบนหลังนมเย็น ก็เหมาะเจาะราวกับจับวางให้พี่ตั้มกับไอ้ไม้เดินสวนมาพอดี .. อาเมน


            “กูบอกแล้ว ผีพรายจะมาหามึง” ซินตบบ่าผมและพูดราวกับเห็นใจ


            ช่วยบอกที ว่าใครน่ากลัวกว่ากัน ระหว่าง ผีพราย ชาวแกงค์ และไอ้นมเย็น..

 

 



            กิจกรรมวันนี้ก็คล้ายๆ เดิมคือผมสดินและทำบล๊อคดินเหนียวกันต่อ ตอนเช้าพวกครูใหญ่และชาวบ้านช่วยกันทำข้าวต้มหมูเลี้ยงพวกเรา ง่ายและธรรมดาแต่อร่อยอย่าบอกใครเชียว ตอนนี้เป็นช่วงสายของวันพวกเราก็ยังขยันขันแข็งเหยียบดิน ผสมน้ำและเทลงพิมพ์อย่างขมักเขม้น


            “น้องฟืน น้ำมั้ยคะ” ในขณะที่ผมกำลังยืนปาดเหงื่ออยู่ เสียงหวานๆ ราวกับเสียงสวรรค์ชะโลมใจได้เอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นขวดน้ำดื่มมาให้


            เสียงหวานปานสายไหม ขาวราวสำลี สวยปานนางฟ้า .. พระเจ้าทรงเมตตาลูกแล้วใช่หรือไม่


            “อ่าครับ” ด้วยความเขินทำให้ผมไม่ค่อยกล้าที่จะสบตาคุณเธอตรงๆ มือซ้ายยกขึ้นเกาแก้ม มือขวายื่นจะไปรับน้ำจากคนสวยตรงหน้า


            “ของนายอันนี้ เติมน้ำตาลเสียหน่อย”


            แต่บุญแต่ดันมีกรรมมาบัง..


            เมื่อนมเย็นมันยื่นขวดน้ำที่บรรจุน้ำสีเขียวเข้มมาตรงหน้า ส่วนอีกมือยื่นไปรับน้ำจากพี่สาวคนสวยมาไว้เอง



            ‘น้ำใบบัวบก’ ฉลากสีขาวเขียนด้วยปากกามาร์คเกอร์สีน้ำเงินลายมือหยึกยือกำกับเอาไว้



            ริอาจจะเป็น คนเฮี่ย2017 เหรอมึง

 

            “แหม่ จะใครก็รับไปเถอะค่ะ ให้น้องฟืนก็เหมือนให้พี่ฟ้า ให้พี่ฟ้าก็เหมือนให้น้องฟืนเนอะ” พี่สาวคนสวยหัวเราะคิกคักกับนมเย็น


            “ขอบคุณครับ” นมเย็นมันพูดตัดบท และละสายตามาจ้องผมราวกับจะถามว่า ‘น้ำใบบัวบกแก้ช้ำในไง แดกซิครับฟืน’


            “น้องฟืนก็สู้ๆ นะคะ” พี่สาวคนสวยหันมาแอบกระซิบกับผมและชูสองนิ้วส่ายดุ้กดิ้กมาให้ .. ใจพัง


            “ทำตาละห้อยเชียวนะ”


            “คนเฮี่ย2017 ไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น” เปิดฝาน้ำด้วยความรุนแรงและกระดกแบบลูกผู้ชายเป็นคำตอบ .. เอ้อ ก็อร่อยดีนะน้ำใบบัวบกของมัน

 




            จบสิ้นฉากแย่งซีนไปผมก็มาเอนจอยกับการเหยียบดินและแกลบต่อ ถึงจะหนืดและเหยียบยากไปหน่อยแต่ก็เป็นหน้าที่งานที่สนุกที่สุดสำหรับผมแล้ว พี่ตั้มกับไอ้ไม้ช่วยขนถุงดินจากรถกะบะที่มาส่ง มากองรวมกันไว้เป็นจุด งานใช้แรงงานเหมาะราวกับคัดสรรมาเพื่อพวกมัน ส่วนไอ้ซินเดินหายหัวไปไหนไม่รู้ ช่วงนี้มันปลีกวิเวกบ่อยแปลกๆ งานสืบและเผือกต้องมา แต่เอาไว้ก่อน .. ทิ้งให้ผมต้องมาผจญภัยแบบคนไร้เพื่อน


            “ฟืน” ไอ้เด็กท่าทางฮิปเตอร์สะกิดเรียกผม


            “พี่ฟืนเว้ย กูอายุมากกว่ามึงนะ” ข่มทันทีเมื่อมีโอกาส


            “ไม่อยากเรียกพี่ ไม่ได้เหรอ” มันถามกลับมาตาใส


            “ห้ะ” มึงขอกูตรงๆ เลยงี้ เกิดก่อนหนึ่งปีไม่มีความหมายเลยงี้


            “ไม่อยากเรียกกระรอกว่าพี่”


            “ใครคือกระรอกวะ นี่ฟืนนะ ฟืนเอง” ผมโบกไม้โบกมือตรงหน้ามันเรียกสติ


            “ก็นี่หน้าเหมือนกระรอก ไม่เรียกพี่นะ” มันชี้นิ้วมาตรงหน้าผม ใกล้ชนิดที่ว่านิ้วมันจะเกยหน้ากันอยู่แล้ว


            “...” เสียศูนย์กันเลยทีเดียว


            “ได้มั้ย”


            “เออๆ ตามใจมึงเหอะ” กล้าขอมาก็กล้าให้นะครับ


            “ชื่อพีทนะ”


            “รู้แล้ว ฟังอยู่ตอนมึงแนะนำตัว”


            “หูยยยยย จำได้ด้วย”


            “จำได้ทั้งค่ายนั้นแหละ เรื่องไร้สาระขอให้บอก ฮ่าๆๆๆ”


            “ไม่ไร้สาระดิ”


            “ไรของมึงหนิ” ถามออกไปอย่างงุนงง


            “เรื่องของพีทอ่ะ อย่ามองว่าไร้สาระดิ”



            หูยยยยย  คิดว่าในเรื่องนี้จะมีใครสวยไปกว่าผมมั้ยครับ ต้องสวยขนาดไหนถามใจดู

 
            ตายไปเลยเสียดีกว่า..

 





            หันซ้ายหันขวาเพื่อขอความช่วยเหลือก็พบกับพี่ตั้มและไอ้ไม้ที่ยืนจ้องมาราวกับยืนดูได้ซักพักแล้ว


            “ตัวร้ายแม่งออกฉากมาแล้วว่ะ”


            “ครบเลยทีนี้ พระเอก นางเอก ตัวร้าย อู้หู”


            สองตัวยืนคุยกันด้วยท่าทางกระซิบกระซาบแต่เสียงนี่ดังราวกับใช้โทรโข่ง


            ส่วนไอ้เด็กฮิปเตอร์แม่งก็ยืนยิ้มหน้าระรื่นอยู่ข้างผม



            “ฟืน มาตรงนี้หน่อย” จงบอกมาว่าเป็นเสียงของใคร (10คะแนน)


            “โอ๊ะโอ พระเอกมาแล้วตัวประกอบอย่างเราไปดีกว่าเนอะ” ยัง .. ยังไม่หยุด


            “ช่วยลากถุงดินตรงนี้ไปหน่อย”


            “กำลังไป” รีบเดินไปหานมเย็นเจ้าเก่าเจ้าเดิม เพิ่มเติมคือสกิลเรียกจิกแบบยิกๆ


            “เรียกทั้งวันเลยนะ ฟืนนู่น ฟืนนี่” ขอบ่นหน่อยเหอะ


            “ไม่ได้ ?”


            “ไม่ได้จะมายืนตรงนี้มั้ย ถามใจพี่ดูนะ”


            “เรียกเพราะรำคาญ”


            “ย้อนแยงหรอ รำคาญแล้วจะมาเรียกทำไม”


            “รำคาญคนฮอต” มันพูดออกมาด้วยสายตาหน่ายๆ แต่เดี๋ยวก่อนนะ คนฮอตนี่กูหรือมึงครับ กูเห็นนะ สาวๆ แอบมองมึงจนตัวจะพรุนอยู่แล้วเถอะ รำคาญเหมือนกันแหละวะ


            “เออ หน้าตาสวรรค์สร้างมา พี่จะให้ผมทำไง”


            “รำคาญ” มันพูดและจ้องหน้าผมด้วยสีหน้าปลาตายเช่นเดิม


            “เออ แล้วไง”


            “รำคาญ”


            “รำคาญมากก็จะไปแล้วนะ”


            “รำคาญ” มันพูดพร้อมกับคว้าแขนผมไปข้างนึงด้วย


            “อย่าย้อนแยงดิ” พูดแล้วปรายสายตาไปที่มือมันด้วย


            “รำคาญ”


            “เออแม่ง.. รำคาญพี่เหมือนกันแหละวะ”


            "รำคาญ"


            "..."


            “อย่าแรดให้มากดิ”


            ประโยคคล้ายคำด่าแต่สายตาอ่อนโยนนั่นมันคืออะไรวะ .. ใจพังอีกแล้ว



---------------------

พี่ฟ้าควรมาเป็นหลัวของเรา ไม่แบ่งให้อิฟืนมันแล้วววว
ขอแบ่งตอนนี้เป็น 2 พาร์ทนะคะ
คอนเม้นติชมหรือพูดคุยกันได้เสมอ

ขอบคุณหลายๆ คนที่ยังคิดตามและรักฟิคเรื่องนี้เหมือนที่เรารัก

#มนุษย์บังเอิญ

หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -PART1- (p3/110617)
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 11-06-2017 23:20:15
พี่ฟ้ามาว่าเรามาหวงเราหน่อยยยยย
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -PART1- (p3/110617)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 12-06-2017 02:30:36
 :hao7:  o13 ถ้าผู้แต่งจะเขียนได้น่ารักน่าหยิกขนาดนี้....คนอ่านต้องขอรบกวนผู้แต่ให้มาupบ่อบๆๆเพราะติดมากกก :ruready
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -PART1- (p3/110617)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-06-2017 08:08:49
ผีพรายมาหาคนตัวขาวจริงๆ
แถมผียังให้คนตัวขาวขี่หลังด้วย
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -PART1- (p3/110617)
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 12-06-2017 13:10:29
โอ้ยยยพี่ฟ้าาา
ใจบางงง
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -PART1- (p3/110617)
เริ่มหัวข้อโดย: littlep_ ที่ 12-06-2017 19:58:16
โอ้ยยยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -PART1- (p3/110617)
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์เจ้าเอ๋ย ที่ 13-06-2017 20:30:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -PART1- (p3/110617)
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 14-06-2017 21:33:45
พี่ฟ้ามีความละมุนอ่ะงื้ออออ
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -PART1- (p3/110617)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 19-06-2017 11:29:31
55555 งานด่าก้อมา
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -PART1- (p3/110617)
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 19-06-2017 21:01:29
 :laugh:
สนุกดีค้าา
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -PART1- (p3/110617)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 19-06-2017 21:10:49
เจอแบบนี้ใจบางด้วยคน 5555พี่ฟ้าดาเมจรุนแรงตลอดดด
น้องนีที่มาค่ายกี่ชีวิต คือนกถูกมั้ย
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -PART1- (p3/110617)
เริ่มหัวข้อโดย: lazymonday ที่ 26-06-2017 22:30:35
 :ling1: :ling1: :ling1:
จาเอาพี่ฟ้าาาาาาาา

อย่าแรดให้มันมาก55555555
โอ้ยย สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -PART1- (p3/110617)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 27-06-2017 11:02:26
เขียนได้สนุกมากค่ะ พี่ฟ้าน่ารักดี  :mew1:
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุราเขาว่าร้ายนัก -PART1- (p3/110617)
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 03-08-2017 12:50:48
น่าสนใจมากก มาปักป้ายจอง ติดตามต่อไปจ้า
หัวข้อ: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ แถลงการณ์ ทักทาย (p4/010318)
เริ่มหัวข้อโดย: warmblue ที่ 01-03-2018 12:08:06
สวัสดีค่ะ
อยากจะกราบทั้งสวัสดีและขออภัยมาในที่นี้
หลังจากหายหน้าหายตาไปนานร่วมนับครึ่งปี ด้วยเหตุเพราะไม่ว่างและหลายสิ่งตั่งต่าง
วันนี้นึึกคิดถึงพี่นภาคนหน้ามึนเลยกลับมาเปิดอ่านแล้วมีความรู้สึกว่าอยากจะเขียนพี่นภาต่อ

เพราะฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคที่เราเขียนแล้วรู้สึกชอบมากที่สุด
ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกว่าจะเขียนต่อให้จบ
วันนี้เลยขอกลับมาทักทาย และหวังว่าจะมีคนยังรอพี่นภาของเราอยู่บ้างนะคะ


รัก.
หัวข้อ: Re: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ แถลงการณ์ ทักทาย (p4/010318)
เริ่มหัวข้อโดย: winning ที่ 21-06-2018 14:16:51
พี่ฟ้าหลัววว ฮือออ