✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ แถลงการณ์ ทักทาย (p4/010318)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✿ มนุษย์บังเอิญ ✿ แถลงการณ์ ทักทาย (p4/010318)  (อ่าน 12811 ครั้ง)

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
อิพี่ฟ้ามันร้ายยย อิน้องก้เด๋อออ

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
เหมือนนิยายตลกเลยอะ ทำไมดูมึนๆเอ๋อๆ สงสารน้อง 5555

ออฟไลน์ sebest

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อร๊ายยยย พี่นมเย็นตะมุตะมิมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ warmblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
มนุษย์บังเอิญ
บังเอิญครั้งที่ 3 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว




อาจเป็นเพราะว่าเธอบังเอิญได้เจอฉัน

อาจเป็นเพราะว่าเราบังเอิญอยู่ด้วยกัน

เพราะเธอยังไม่เคย ได้รู้มันเป็นยังไง

และฉันไม่เคยเข้าใจ ถ้ามันต้องอยู่อย่างนั้น


(ใกล้ - scrubb)




            กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังฟังเพลงเพลงเดิมซ้ำวนไปวนมา ตั้งใจฟังโดยไม่ใช่ความบังเอิญเพราะผมเป็นคนตั้งไว้ ไม่ได้ฟังเพราะชอบเพลงนี้เป็นพิเศษ หรือชอบนักร้องวงนี้ เพียงแค่ว่าตอนนี้อยากฟังเพลงนี้เท่านั้นเอง


            รถทัวร์เพนท์ลายสีสันจนน่าเวียนหัวล้อหมุนออกจากระยะมหาวิทยาลัยได้ซักพักแล้ว ด้วยความที่ยังเช้ามาก รถยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ปัญหาการจราจรจึงน้อยตามไปด้วย ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความง่วงก่อนที่จะก้าวขาขึ้นรถมันหายไปไหนหมด ตอนนี้ถึงได้ข่มตานอนไม่หลับ แถมยังนั่งขยับตัวยุกยิก และเหลือบสายตาไปมองคนด้านซ้ายของตัวเองเป็นระยะ


            วันนี้ไอ้นมเย็นยังดูดีสไลต์หน้าตาปลาตายของมันเหมือนเดิม .. หน้าปลาตายในนิยามของผมคือ สีหน้าไร้อารมณ์ไม่หือไม่อือใดๆ .. ซึ่งไอ้นมเย็นทำสีหน้าแบบนั้นแทบจะตลอดเวลา อยากรู้เหมือนกันว่าตอนมึงดู AV มึงจะทำหน้าแบบนี้มั้ยหนิ แต่หน้าตาไร้อารมณ์ของมันก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างดูดรอปลง เสื้อยืดคอวีสีขาวและกางเกงยีนส์สกินนี่สีซีด ผมที่เสยขึ้นลวกๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจทำให้มันดูดีได้อย่างน่าประหลาดใจ

            “ทำหน้าตาง่วงนอนแล้วทำไมไม่นอน” เสียงจากสิ่งมีชีวิตด้านซ้ายดังขึ้น

            “ไม่ยุ่งซิครับ” ผมยักคิ้วกวนๆ

            “ที่ไม่นอนเพราะอยากมองหน้าผม ?” มันหันมามองหน้าผมแล้วพูด .. ไอ้ฉิบหาย รู้ตัวแล้วทำเนียนๆ จะตายมั้ยมึงน่ะ

            “คิดว่าตัวเองหล่อมากงี้ คนอื่นต้องมานั่งจ้องหน้างี้”

            “ถ้านายว่าผมหล่อ งั้นหล่อก็ได้”

            “เปล่าพูดเว้ยยยย หล่อและมีสไตล์มันต้องแบบนี้ครับ เรียนรู้ไว้” ผมชี้นิ้วเข้ามาที่หน้าตัวเองประกอบ

            “โอเค แบบนี้ก็แบบนี้”

            ผมยกยิ้มอย่างผู้ชนะ ให้มันรู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร

            “แต่ถ้าอยากมองหน้าผมก็มอง ไม่ต้องแอบหรอก”

            “...”

            “เต็มใจให้มองอยู่แล้ว

            “กูง่วงแล้ว นอนดีกว่า” ผมรีบยัดหูฟังกลับเข้าหู พลิกตัวเข้าด้านหน้าต่างโดนมิสนใจก้อนหินและแสงแดดหรืออะไรทั้งนั้น

            มั่นใจว่าตัวเองต้องทำหน้าตาเด๋อด๋าใส่มันแน่นอน ไม่รู้หรอกว่าจะหยอดหรืออะไร แต่ใจกูสั่นอยากบอกให้รู้ไว้ตรงนี้เลย .. ใจกูบางมากจุดนี้

            .

            .

            .

            .

            .

            .


            สุดท้ายแล้วก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี ผมเลยหยิบโทรศัพท์มาแอบไถอย่างแนบเนียนไม่ให้คนที่นั่งข้างๆ รู้ตัว เดี๋ยวมันจะหาว่าเราหลอกลวงหลับไม่จริง

            “ฟืน แดกขนมมะ” เสียงโหวกเหวกดังขึ้นมาจากด้านหลัง พร้อมกับหน้าของพี่ตั้มที่โผล่พ้นเบาะออกมา

            “แดก” ได้โอกาสปลดระวางการเนียน ผมดีดตัวขึ้นมาตามกลิ่นหอมๆ ของมันฝรั่งทอดกรอบรสโปรดที่อยู่ในมือพี่ตั้ม

            “เพื่อนเขยจะกินด้วยก็ได้นะครับ เอ๊ะ.. หรือว่าต้องพี่เขยวะ อายุมากกว่าพวกเรานี่หว่า” พี่ตั้มยื่นขนมที่เพิ่งโดนกระทำชำเราโดยการล้วงอย่างรุนแรงจากผมไปตรงหน้าไอ้นมเย็น

            “ขอบคุณครับ” มันตอบรับพร้อมกับหยิบขนมไปกินเพียงชิ้นเดียว

            “โอ้โหหหห .. ยอมรับด้วยเว้ย สงสัยต้องฉลองเปิดตัวผัวน้องฟืน” พี่ตั้มมันถอยกลับหลุมตัวเองไปพร้อมเสียงหัวเราะคิกคักที่ยังดังอยู่

            “นี่ก็ไปเล่นตามพี่มัน” ผมหันมาแยกเขี้ยวใส่ตัวปัญหาที่นั่งเคี้ยวขนมยังไม่รู้สึกรู้สาอะไร

            “เล่นอะไร”

            “ทีหลังก็ปฏิเสธพี่มันไป กูโดนล้อเนี่ย” พูดไปจัดการกับขนมในมือที่ปล้นมาจากพี่ตั้มไปเรื่อย

            “ไม่อยากโดนล้อ ?”

            “ใครจะชอบโดนล้อ โดนแซววะ เป็นแวนซ์เก่าหรือไง”

            “ไม่อยากโดนล้อก็ทำให้เป็นเรื่องจริง แค่นี้เขาก็ไม่ล้อนายแล้ว”

            “หยุดพูดและแดกซะ” ผมเอาขนมที่เหลือในมือยัดใส่ปากไอ้นมเย็น ปล่อยให้พูดมากไม่ได้เลย พยายามจะฮุคกูหรอ ฝันไปเถอะ







            หลังจากกินขนมและนมอีกหนึ่งกล่องหมดไป หนังตาก็เริ่มจะปิดเข้าหากันราวกับรู้งานว่ากินนมแล้วนอนเสียนะเด็กดี .. น่าหงุดเงี้ยวที่ดันลืมเอาหมอนใบเล็กมาด้วย จึงทำให้นอนไม่สบายเท่าที่ควร จะหันไปถามไอ้ซินว่ามีเสื้อกันหนาวมั้ย จะเอามารองนอน มันก็หลับเอาผ้าเช็ดหน้าปิดหน้าตัดขาดโลกภายนอกเรียบร้อย

            หันซ้ายหันขวาอยู่ซักพักก็รู้สึกว่าชางแม่งเถอะ  ง่วงเหลือเกิน..

            “หาอะไร”

            “ลืมเอาเสื้อมาจะรองนอน ท่ามันไม่ได้นอนไม่หลับ” ผมหลับตาและขยับปากตอบไปเสียงเอื่อยๆ

            “ตาจะปิดอยู่แล้วทำมาพูดว่านอนไม่หลับ” ได้ยินเสียงแว่วๆ ดังมาแทบจับใจความไม่รู้เรื่อง

            “ด่ากูหรอ ได้ยินนะเห้ย”

            “จะนอนก็นอนดีๆ”

            รู้สึกได้ว่าหัวโดนจับโยกไปมาทีสองทีไปวางแหมะลงบนอะไรซักอย่าง แข็งแต่ก็อุ่น ความสูงค่อนข้างพอดี ขยับตัวอีกนิดหน่อยให้ลงลอคก็พร้อมนอนอย่างเต็มรูปแบบ

            “ฝันดีนะนมเย็น”

            ความอุ่นสัมผัสลงบนหัวผมอีกครั้ง จากนั้นผมก็ได้เข้าสู่ห้วงความฝันอย่างสมบูรณ์..







            ผมรู้ตัวอีกทีจากที่วิวด้านนอกเคยมีถนนหลายเลนและรถรามากมาย ตอนนี้กลับกลายเป็นทุ่งนาและต้นไม้ แทบจะไร้บ้านผู้คน ข้างทางป้ายเขียนเป็นระยะ ‘นก’ ‘หนู’ ‘งูเห่า’ จากเมืองกรุงสู่นกหนูงูเห่า .. หลับไปแปปเดียวตื่นมาอีกที ออกสู่โลกกว้างเสียแล้ว

            ผมเปิดหน้าต่างให้กว้างขึ้น ปล่อยให้ผมพัดมาตีหน้าเรียกความสดชื่นคืนมา แม้แดดจะเริ่มแรงแล้วก็ตาม รู้สึกตัวขึ้นมาพบว่าตลอดระยะทางที่หลับ ตัวเองนอนพิงไหล่ของไอ้นมเย็นมาตั้งแต่แรก ตื่นขึ้นมารีบขอโทษมันยกใหญ่ กลัวแขนจะอัมพาตกิน เกือบชั่วโมงได้เลยที่ผมหลับไป

            “แขนยังอยู่ดีใช่มั้ย” เอื้อมมือไปบีบๆ แขนมันให้

            “ยังไม่ขาดหรอก”

            “ขาดได้ก็ดีแบบนี้” ขยำๆ อย่างรุนแรงจนพอใจจึงหยุด

            “นี่ช่วยนวดหรืออะไร แรงเยอะยังกับวัว”

            “ช่วยหรอก ดีนะเป็นวัวยังน่ารักอยู่ ยอมๆ ฮ่าๆๆๆ”

            นมเย็นส่ายหน้าอย่างเอือมระอาเต็มทน

            “พี่ฟ้า .. นี่เราไปจังหวัดอะไรกันอ่ะ”

            “อ้าว นี่ไม่รู้ ?”

            “รู้แล้วจะถามทำไมเล่า ตลกอีกแล้ว” พูดไปผมก็ม้วนสายหูฟังพันไอพอดเก็บไปด้วย

            “กาญจนบุรี”

            “อื้อหื้อ ที่มีน้ำตกสวยๆ ใช่ป่ะ จะได้ไปเที่ยวมั้ยอ่ะ” เริ่มตื่นเต้นและตื่นตัวขึ้นมาทันที จำได้ว่าเคยเปิดดูที่คนมารีวิวเที่ยวน้ำตกที่จังหวัดนี้ จำได้ว่าสวยและน้ำใสมาก

            “น้ำตกเอราวัณน่ะหรอ เห็นบอกว่าวันสุดท้ายก่อนกลับเขาจะพาไปมั้ง”

            “หูยยยยย เรื่องราวดีๆ”

            “มาค่ายแต่ไม่รู้อะไรเลยเนี่ยนะ”

            “ไอ้ไม้แม่งจับชื่อมายัดๆ ลง มันลงชื่อไปแล้วให้มาก็มา”

            “ทำไมถึงยังฟังเพลงในไอพอดล่ะ” นมเย็นพยักหน้ารับ แล้วเปลี่ยนประเด็นมาถึงสื่อที่ผมเพิ่งเก็บเข้าเป้ไป

            “ก็ไอพอดมันเอาไว้ใช้ฟังเพลงนี้”

            “โทรศัพท์เดี๋ยวนี้ก็ฟังเพลงได้”

            “ก็จริงของพี่ .. แต่ไอพอดมันมีไว้สำหรับฟังเพลง ก็ต้องเอามาฟังเพลงดิ ถ้าผมฟังในโทรศัพท์ไอพอดก็จะไม่ได้ทำหน้าที่ของมัน แบบนี้น่าสงสารออก” ยิ้มน้อยๆ ตบท้าย เป็นคำตอบที่ผมตอบแบบเดิมๆ ทุกครั้งเวลาที่มีคนถามคำถามประมาณนี้

            “อีกอย่าง มันก็ยังไม่พัง เอามาใช้บ้างเดี๋ยวมันน้อยใจผม ฮ่าๆๆ” ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่อึดและทนพอสมควร ผมยังจำความรู้สึกดีใจตอนที่ได้มันมาครอบครองได้อยู่เลย กว่าจะเก็บเงินครบและกว่าจะขอแม่ให้พาไปซื้อได้ เพราะงั้นตอนนี้ถ้ามันยังไม่ลาสังขารไปผมก็ยังอยากจะเอามันมาใช้อยู่

            “อื้อ ไว้จะเอาของที่บ้านมาใช้มั่ง”

            “ดีๆ เราจะเป็นคนฮิป” ผมยื่นมือไปตรงหน้านมเย็นเพื่อเตรียมจะทำไฮไฟว์กัน

            แต่นมเย็นไม่สมยอมและนอกจากนั้นยังดีดหน้าผากผมไปอีกที อ้าว ... ไอ้นี้

            “เตรียมตัวเก็บของได้แล้ว ใกล้จะถึงแล้ว”

            หันไปคุยกับนมเย็นไม่นาน ละสายตามาอีกทีมองที่หน้าต่างอีกทีก็พบกว่าเราเข้ามาในทางแคบๆ ที่ถนนเริ่มไม่เรียบเหมือนเมื่อครู่ ต้มไม้ต้นสูงมากมายล้อมรอบตัว

            “พี่ตั้มปลุกซินด้วย” ผมยืดตัวไปเบาะหลังเพื่อบอกพี่ตั้ม ไอ้ซินนี่หลับลึกหลับยาว

            “มันตื่นนานแล้วเถอะ ตื่นก่อนมึงอีก” พี่ตั้มพูดพร้อมปชี้ไปที่ไอ้หน้าสวย ที่นั่งหน้าซึนคล้ายวิญญาณหลุดลอยออกไปแล้ว .. สภาพเพิ่งตื่นของมัน

            “ซินมันไม่ได้มีไหล่ให้พิงเหมือนมึงนะครัช แหม่ ฟืน แหม่..”

            เกลียดทุกคนเลยเว้ย โดนเฉพาะไอ้นมเย็นข้างๆ ที่ยังทำตัวไม่รู้สึกรู้สาด้วยหน้าปลาตายของมัน ปล่อยให้คนเท่ดิ้นพล่านด้วยความเกรี้ยวกราด..



------ 30% ------



            เมื่อสัมผัสกับพื้นดินก็สามารถรับรู้ได้ถึงความธรรมชาติทันที แม้จะนั่งรถมาจากกรุงเทพแม้แค่สองชั่วโมงนิดๆ แต่บรรยากาศช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ต้นไม้ต้นใหญ่เล็กประปรายมากมาย เสียงนกร้องผสมผสานกับเสียงของแมลง รวมไปถึงเสียงน้ำไหลที่ได้ยินแว่วมา กลิ่นไอของความสดชื่นไร้มลพิษ และแดดที่แรงมากขึ้นอีกหน่อย

            จากถนนลาดยางกลับกลายเป็นพื้นดินแดงที่ไม่ค่อยจะราบเรียบนัก เดินทางจากตัวเมืองกาญจนบุรีเพียงไม่นานก็ถึงที่หายที่เราจะมาตั้งค่ายกัน ก่อนที่จะลงจากรถมาเจ๊วาวได้มาบรีฟพวกเราว่า โรงเรียนนี้เพิ่งสร้างได้ไม่นานนัก เป้าหมายของค่ายอาสาในครั้งนี้คือการมาสร้างห้องสมุดดินเหนียวและทาสีรอบๆ โรงเรียนให้เรียบร้อย แต่ด้วยเวลาที่จำกัดครั้งนี้เราจึงมีหน้าที่แค่มาทำก้อนดินเป็นบล๊อคเตรียมไว้ให้สำหรับมหาวิทยาลัยถัดไปที่จะมาจัดการต่อ


            “สวัสดีครับ ขอต้อนรับลูกๆ ทุกคนสู่โรงเรียนของเรา ที่นี่อาจจะไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไหร่นะ ว่าแต่กินอะไรกันมารึยังเนี่ย” คุณลุงท่าทางใจดี แต่งกายด้วยเสื้อคอกลมสีขาวทับด้วยเสื้อคลุมลายตารางสีเขียวหม่น ผูกเอวด้วยผ้าขาวม้า กล่าวทักทายพวกเรา เมื่อเห็นว่าทุกคนลงจากรถหมดแล้ว

            “เรียบร้อยแล้วค่ะครูใหญ่ เดี๋ยวมื้อกลางวันพวกเราจัดการกันเองเลย พอดีวาวเตรียมข้าวกล่องมาให้น้องๆ ทุกคนแล้ว” เป็นเจ๊วาวประธานค่ายครั้งนี้เป็นคนตอบครูใหญ่ไป

            “งั้นเดี๋ยวมื้อเย็นนี้ครูกับชาวบ้านแถวนี้ขอเลี้ยงต้อนรับพวกเรานะ จะเอาอาหารป่ามาให้ลองกัน แต่ไม่รู้นะว่าเด็กๆ จะกินกันได้มั้ย ฮ่าๆๆ” 

            “โอ้ยยยย เด็กพวกนี้กินได้หมดล่ะค่ะ หิน ดิน ทรายก็น่าจะได้ ครูใหญ่ต้องระวังตัวไว้นะคะ เผลอๆ จะกินครูใหญ่เข้าไปด้วย” เจ๊วาวพูดจาติดตลกแต่ดันทำหน้าจริงจัง เล่นใหญ่ตามสไตล์

            “เอ้อออ เลี้ยงง่ายดี ดีๆ จะได้ใช้งานให้คุ้มหน่อย ฮ่าๆๆๆ” ครูใหญ่พูดพร้อมหัวเราะเสียงดังแต่ผมแอบเห็นนะว่าแกแอบทำหน้าจริงจังน่ะ .. เหมือนถูกหลอกมาเชือดเลย ฮอล

            “โหยยยยย” ไม่ใช่เพียงแต่ผมที่แอบโหยหวนในใจเพราะเพื่อนร่วมทริปนี้ก็อวดครวญออกมาทันที .. เพิ่งจะสังเกตุว่าออกค่ายครั้งนี้สมาชิกผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอย่างเราๆ เกือบครึ่ง ผู้หญิงสายบุญ ฟืนปริ่ม

            “ไม้ ทำไมผู้หญิงมาออกค่ายกับชมรมมึงเยอะจังวะ” ผมสะกิดถามไอ้ไม้ที่ยืนอยู่ข้างๆ

            “อ่อออออ เซอร์ไพร์ไงมึง เซอร์ไพร์ซ้อนเซอร์ไพร์” มันทำหน้าร่าเริงจนน่าหมั่นไส้

            “อะไรของมึง”

            “เซอร์ไพร์แรกคือทริปนี้มีผู้หญิงน่ารักให้เราส่องกระชุ่มกระชวยหัวใจ เซอร์ไพร์ที่สองคือผัวมึง”

            “ห้ะ ผัวกู ? ผัวกูนี่ใครวะ” ผมงุนงงอย่างหนัก ผัวกู .. ผมไปพลาดท่าเสียเชิงชายไปตั้งแต่เมื่อไหร่

            “ก็การที่ผู้หญิงมาออกค่ายเยอะขนาดนี้นี่ต้องขอบคุณผัวมึงนะ พอมีข่าวมาพี่ฟ้าคนฮอตประจำมหาลัยมาลงชื่อออกค่ายกับชมรมกูนะ วันรุ่งขึ้นคนแห่มาสมัครพรึ่บพรับ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่มีแม้แต่แมลงจะบินผ่านมาสมัคร อานุภาพความฮอตผัวมึงนี้แรงกล้ามากนะ”

            ผมเอานิ้วจิ้มหน้าผากไอ้ไม้อย่างสุดแรงเท่าที่จะออกแรงทำได้

            “ข้อแรกนมเย็นไม่ใช่ผัวกู ข้อสองคือกูไม่มีผัวเว้ย!!”

            “แหม่ .. มีโค้ดนงโค้ดเนมเว้ย” เสียงพี่ตั้มที่แซวแว่วมาแต่ไกลๆ

            “ก็บอกว่าไม่มีผัวไงเล่า!!” ท้ายเสียงผมกระแทกเสียงอย่างคนหัวร้อนและไฟป่า บอกให้ร็เลยกูจริงจังมาก

            “เอ่อ.. เป็นผู้ชายไม่ต้องรีบมีผัวก็ได้ลูก” เป็นเสียงครูใหญ่ดังแทรกตอบกลับมาให้ผมอายเล่น และตามด้วยเสียงหัวเราะมากมายของเพื่อนร่วมทริป

            ก็รู้ว่าเสียงมันเงียบแต่ไม่คิดว่าจะเงียบขนาดนี้ ขอแทรกแผ่นดินไปอยู่กับเห็บไรแถวนี้จะได้มั้ย ฮอลลล..

            “จบเรื่องมีผัวไปแล้ว เดี๋ยวเดินตามครูมานะลูก จะพาไปดูที่พักแล้วก็เก็บของกันก่อน”

             ยัง .. ยังไม่จบเรื่องมีผัว ตอนพูดครูใหญ่ยังหันมาส่งสายตาล้อเลียนให้ผมอยู่เลย ช่างเป็นครูใหญ่ที่เป็นกันเองเสียเหลือเกิน

            “พวกเรามีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพื่อความปลอดภัยครูจะให้ผู้หญิงนอนในอาคารเรียนนะ จัดห้องเอาไว้ให้เราแล้ว ห้องเดียวน่าจะพอเนอะ พวกผู้ชายเดี๋ยวให้ไปกางเตนท์นอนกันตรงสนาม พอจะได้มั้ยลูก ช่วงนี้อากาศไม่ร้อน เย็นกำลังดีเลย”

            “ได้ค่ะครู สบายมั่กมาก” เจ๊วาวตอบกลับไปและพวกผมก็พยักหน้าเออออตาม เพราะจะยังไงก็นอนได้อยู่แล้ว อีกอย่างอยากมีประสบการณ์กางเตนท์นอนมานานแล้วครับ ช่วงนี้อากาศกำลังดีอย่างที่ครูใหญ่แกว่าจริงๆ ขนาดช่วงสายของวันอย่างตอนนี้ถึงจะมีแดดแต่ก็ยังมีลมพัดมาเรื่อยๆ ไม่ร้อนจนเกินไป

            “แต่ถ้าไม่ได้จะให้พวกผู้ชายมานอนกับพวกผู้หญิงก็ได้ค่าาา พวกหนูไม่ถือ อิอิ” ไม่ได้บรรยายเพื่อความหรรษาแต่อย่างใดแต่พวกคุณเธอทำเสียง อิอิ จริงๆ เพิ่งรู้ว่าผู้หญิงสายบุญก็แอบน่ากลัวเหมือนกันนะครับ..









            เป็นคุณป้าที่เป็นชาวบ้านแถวนี้ที่จะมาช่วยดูแลพวกเราพาพวกผู้หญิงเข้าไปในอาคารเรียน และครูใหญ่ขี้เล่นคนเดิมมาเหล่าบรรดาชายฉรรก์มายังสนามหญ้าที่อยู่ด้านหน้าอาคารเรียน บริเวณไม่กว้างมากเท่าไหร่นักแต่ก็น่าจะกว้างพอที่จะกางเตนท์ได้ซัก 4-5 หลัง

            นับดูแล้วผู้ชายที่มาออกค่ายครั้งนี้มีเพียง 9 คนเท่านั้น คือ พวกผม 4 คน นมเย็นและเพื่อนมัน คนในชมรม 2 คนที่ผมเคยคุยด้วยนิดหน่อยตอนไปนั่งเล่นที่ชมรมมัน และอีกหนึ่งที่เหลือไอ้ไม้บอกว่าเป็นเด็กปีหนึ่งคณะสถาปัตย์ตัวสูงท่าทางฮิปเตอร์และเซอร์สุดชีวิตที่หลงมาสมัครเพราะคิดว่าเป็นทริปออกต่างจังหวัดมาถ่ายรูปชิคๆ สงสารน้องเขานะครับ

            “แบ่งนอนเองนะลูก มี 9 คน คงต้องเป็น 2 2 3 เดี๋ยวสามคนเอาเต็นท์ใหญ่สุดไปนอนนะ กางเตนท์กันมั้ยใช่มั้ย”

            “เป็นครับ ผ่านการเรียนลูกเสือสามัญมาเรียบร้อย” พี่ตั้มตอบออกไปเสียงดังฟังชัด คือมึงถามกูยัง ถามกูก่อนเว้ย

            “งั้นจัดการกันเองนะ เดี๋ยวอีกซักครึ่งชั่วโมงไปรวมตัวกันที่ลานหน้าเสาธง ครูจะพาไปดูพื้นที่แล้วก็เริ่มทำบล๊อคดินเหนียว”

            “โอเคครับบบบ”

            “พี่ตั้ม กูกางเต็นท์ไม่เป็นนะ มึงบอกงั้นกางเลย”

            “มึงนี่มันคนกากจริงๆ เคยเรียนป่ะลูกเสือสามัญอ่ะ เคยเป็นป่ะหัวหน้าหมู่ คนแบบมึงคงไม่เคยถือไม้สามง่ามซินะ”

            “ไม้สามง่ามคือเหี้ยไรวะ”

            “คนเป็นหัวหน้าหมู่ถึงจะได้ถือไง โธ่.. ฟืน” มันทำหน้าเอือมระอาใส่ผม

            “กูเคยอยู่หมู่นกพิราบนะครับ อย่ามาๆ” ผมจำได้แม่นว่าภูมิใจหนักหนาตอนนั้น ซึ่งก็ไม่สามารถหาเหตุผลได้เหมือนกันว่าทำไมต้องภูมิใจกับความเป็นนก

            “โธ่ .. น่าเวทนา เป็นแค่นกพิราบทำมาอวดดีใส่หมาป่าแบบกู” นอกจากหน้าเอือมระอามันยังทำหน้าละเหี่ยใจใส่ผม

            “นกพิราบกับหมาป่ามาโอนอยออกกันเถอะ เสียเวลาจริงๆ พวกมึงนี่” ซินมันเดินมาตบหัวผมที หันไปดุพี่ตั้มที

            ผลโอนอยออกเป็นเอกฉันท์ว่าผมนอนกับพี่ตั้ม ซินนอนกับไม้







            “กางเลย ไม่ช่วยด้วย ทำไม่เป็น” เมื่อผมต้องนอนกับพี่ตั้ม ผู้ที่เคยผ่านการเป็นหัวหน้าหมู่หมาป่ามาเลยได้เป็นความสบายของผม เพราะออกตัวแต่แรกว่ากูมันกากกางไม่เป็นหรอกนะ

            “เออ นั่งเป็นควายน้อยอยู่ตรงนั้นแหละ”

            บอกเลยว่าไม่รู้สึกรู้สา บอกเลยว่าสบายมาก



            “ฟืน มาช่วยผมยึดสมอหน่อย”

            เหมือนได้ยินคนเรียกอะไร ฟืนๆ นะ

            “ฟืน ถ้าว่างก็มาช่วยผมยึดสมอหน่อย” เสียงดังขึ้นอีกระดับ เป็นเสียงที่ค่อนข้างคุ้นเคยเพราะช่วงนี้ได้ยินบ่อยเหลือเกิน

            “ผมกางเต็นท์ไม่เป็น” จำใจต้องเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงและย้ายกายหยาบมายืนตรงหน้านมเย็นตัวสูง

            “แค่ช่วยยึดสมอลงกับมุมของเต็นท์ ทำได้ใช่มั้ย” อีกฝ่ายสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างและเงยหน้ามาถาม

            “ทำได้ ไม่ฉลาดแต่ก็ไม่โง่นะ” ผมพูดพร้อมกับทำตามที่นมเย็นทำเมื่อครู่ แม้ว่าจะใช้เวลามากกว่าหน่อยแต่ก็ทำได้สำเร็จ

            “สบายมาก ดูผลงาน” ผมชี้ไปที่ผลงานของตัวเอง

            “เก่งมาก” ถึงปากมันจะชมอยู่ แต่สายตาผมก็เหลือไปมองอีกสามด้านที่เหลือว่าถูกมันจัดการจนเรียบร้อยแล้ว

            “เอ้า โปรขนาดนี้จะให้ผมมาช่วยทำไมหนิ” ถามออกไปด้วยงุนงง

            “อยากให้ช่วย แค่นี้ไม่ได้หรอ”

            “ก็ .. เออเว้ย มาช่วยแล้วนี่ไง” ทำไมกูต้องมาใจบางกับหน้าปลาตายของมันด้วยวะ

            “ก็แค่นั้น” มันวางมือแหมะลงบนหัวผมเร็วๆ หนึ่งทีแล้วเอาออก

            “แล้วเพื่อนพี่ไปไหนอ่ะ” รีบเปลี่ยนประเด็นอย่างรวดเร็วไม่ให้มันจับพิรุธเราได้

            “เพื่อน ? .. ไม่ใช่ เมฆเป็นน้อง”

            “อ่อออออ”

            “อ้าว นี่ใคร” พูดยังไม่ทันจบประโยคดี บุคคลที่ชื่อเมฆก็เดินเข้ามาในเฟรม

            “ฟืน เด็กที่อยู่ข้างๆ ห้อง หอเดียวกัน” นมเย็นหันไปพูดกับน้องชายมัน จะพูดว่าต่างกันเลยก็คงไม่ใช่ พูดว่าแตกต่างเหมือนกันน่าจะถูกต้องกว่า เมฆเป็นบุคคลตัวสูงที่น่าจะเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ผิวสีออกแทนคล้ายพี่ชาย หน้าตาเหมือนโกรธใครตลอดเวลา อันที่จริงมันแค่ดูดุและไม่มิตรเท่าไหร่ อาจจะเพราะตาคมๆ ของเขา แต่ที่โดดเด่นที่สุดน่าจะเป็นผมทรงอันเดอร์คัทแมนบัน กัดและย้อมจนผมเป็นสีเทานั่น

            “เด็กมึงหรอฟ้า ร้ายนะเนี่ย ที่ย้ายหอเพราะงี้” นอกจากหน้าดุและปากก็ยังหมาอีกด้วย ผมจะจำไว้

            “นอกจากหน้าตาไม่เป็นมิตรปากก็ไม่เป็นมิตรด้วยหรอ” ผมแยกเขี้ยวใส่

            “นอกจากจะหน้าเหมือนแมวแล้วยังขู่เป็นหมาได้ด้วยหรอ”

            “...” ผมนี่หน้าสั่น จัดการความรู้สึกตัวเองไม่ถูกเลย นอกจากพ่ายแพ้ให้พี่มันแล้วยังต้องมาปราชัยแก่กับคนน้องมันอีกหรอ

            “อย่าแกล้งน้อง” นมเย็นผลักหัวไอ้คนปากหมาอย่างขอไปที

             “แกล้งไปก็ไม่สนุก เก็บไปแกล้งตัวเล็กดีกว่า” คนหัวเทายักไหล่อย่างไม่สนใจและเดินผละเข้าเต็นท์ที่กางเสร็จแล้วของตัวเองไป

            “กลับไปหาเพื่อนได้แล้วมั้ง ท่าทางบ่นนายใหญ่แล้ว” นมเย็นวางมือบนไหล่ผมเบาๆ และผลักไปทางเพื่อนตัวเอง ที่ท่าทางน่าจะยืนสาปแช่งผมอยู่จริงๆ


            แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้นมเย็นมันเรียกผมว่า ‘น้อง’ หรอ

            ใจกู ฮอลลลลลลลล

            สุดท้ายก็เป็นผมที่เดินไปหาพวกชาวแกงค์อย่างคนไร้สติ ลาก่อน..








            “เดินหน้าตาหมางงกลับมานี่ยังไงครัช” ไอ้ไม้ที่เดินมาช่วยพี่ตั้มกางเต็นท์ ยืนเท้าเอวถามผมด้วยสายตาล้อเลียน

            “พูดมาก” ผมตอบไปอย่างปัดรำคาญ พร้อมกับยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองแรงๆ ไปหนึ่งทีเพื่อเรียกสติที่ขาดหาย

            “เอ้า ตบหน้าตัวเองเพื่อ” คนหน้าสวยเงยหน้ามาถามผม เป็นอีกตัวที่กินแรงเพื่อนๆ ไม่ยอมช่วยกางเต็นท์ นั่งกินลมชมวิวอยู่บนโขดหิน มันคงคิดว่าตัวเองเป็นแอเรียล

            “ฮึ” สั่นหน้าปฏิเสธจนรู้สึกได้ว่าผมที่ไม่ได้เซตมากระเจิงไปทั่วทิศทาง 360 องศา

            “มันเป็นบ้าอย่าไปสนใจมันเลย” พี่ตั้มพูดพรางลุกขึ้นยืนเก็บข้าวของเพราะกางเต็นท์เสร็จพอดี

            “ท่าทางเทสคิทจะไม่ได้ผล ต้องตัดหัวไปตรวจอย่างเดียวเคสนี้” ลูกกระจ้อกของพี่ตั้มเขาครับ

            “พวกคนเฮี่ย”

            “กูเห็นนะ ทำมาเป็น กางเต็นท์ไม่เป็น แต่ไปช่วยผัวตัวเองเฉย” พี่ตั้ม

            “แหม่ ทามมาเปง” ไอ้ไม้

            “ทำไมล่ะ เปงผัวอ่อมาสั่ง”

            “เออ กูไม่ได้เป็นผัวมึงไงเลยสั่งไม่ได้ ผัวเรียกทีเดียวกระดิกหางไปหานะ”

            “....” นอกจากพ่ายแพ้ให้สองพี่น้องนั่น ผมยังต้องมาพ่ายแพ้ให้กับชาวแกงค์อีก

            คุณอุบลช่วยฟืนด้วย..




         
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2018 12:01:13 โดย warmblue »

ออฟไลน์ warmblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
            กิจกรรมหลังจากการจัดการที่หลับนอนคือการมาทำบล๊อคดินเหนียวแบบที่ครูใหญ่ได้กล่าวไว้ข้างต้น พวกเราทุกคนเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองที่สามารถเลอะเทอะได้ เพราะดูท่าทางแล้วชุดสไตล์อปป้าที่ใส่มาตอนแรกจะไม่ค่อยเหมาะซักเท่าไหร่

            ส่วนผู้หญิงสายบุญในทริปนี้ก็เปลี่ยนเป็นชุดสบายๆ เสื้อยืดกางเกงขาสั้นพร้อมลุย อยากบอกเหลือเกินว่าใจฟืนนั้นเบาหวิว คนนู่นก็ขาว คนนี้ก็เรียว บางคนนี่ขาวหมวยสเปคฟืน ยิ่งใจเคว้งไปหมด

            “เก็บมั่งเหอะ หูตั้งหางกระดิกหมดแล้ว กูกลัวมึงนะ” ไอ้ไม้สะกิดบอกว่าผมด้วยสายตารังเกียจ

            “การจะสร้างก้อนดินเนี่ย อย่างรแกเลยเราต้องเตรียมแบบก่อน โดยแบบเราจะทำจากไม้พวกนี้ เอามันมาตอกตะปูเรียงกันเป็นขั้นๆ แบบบล็อคอันนี้ที่ครูทำไว้ให้พวกเราดูเป็นตัวอย่างนะ 1 พิมพ์จะมีทั้งหมด 5 บล็อค ถ้าตอนทำไม่เข้าใจตรงนั้นก็ถามได้ ครูอยู๋ช่วยพวกเราแถวๆ นั้นแหละ” ไม่ทันที่ผมจะโต้ตอบไม้กลับไปอย่างดุเดือด เสียงของครูใหญ่ก็ดังแทรกเข้ามาเสียก่อน แกกำลังกล่าวถึงงานที่เรากำลังจะเริ่มทำกัน

            “งานตอกๆ พวกนี้คงต้องยกให้พวกผู้ชายเขาทำกันไปก่อน ทำพิมพ์ไว้ซัก 10 อันก่อนก็พอ ส่วนผู้หญิงช่วยกันยกส่วนผสมมากองรวมกันไว้ตรงนี้ก่อนนะลูก” หลังจากที่ครูใหญ่ทิ้งภาระงานไว้ให้เหล่าชายฉกรรจ์อย่างเราเรียบร้อยก็เดินไปแจงงานให้อีกฝั่งหนึ่งต่อ

            “เดี๋ยวถ้าทำพิมพ์เสร็จแล้วครูจะมาสอนวิธีผสมแล้วเทใส่พิมพ์นะ” ผมได้ยินเสียงครูใหญ่ตะโกนมาแว่วๆ .. บอกเลยว่าผมเฝ้ารอการผสมอย่างใจจดใจจ่อ คิดว่าฟีลลิ่งน่าจะคล้ายกับการเหยียบองุ่นเพื่อทำไวน์แน่นอน
การทำพิมพ์ไม้ไม่อยากอย่างที่คิด ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง พิมพ์ทั้ง 10 อันก็เสร็จเรียบร้อย ผมได้มีส่วนช่วยในขั้นตอนนี้ ไม่ต้องนั่งเป็นตัวภาระอย่างเช่นตอนกางเต็นท์เมื่อครู่ แต่ความโปร ความมืออาชีพก็คงต้องยกให้ไอ้พี่ตั้ม สองพี่น้องนมเย็น และเด็กสถาปัตย์ปีหนึ่งที่ชื่อพีท

            คนอื่นผมเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร แต่ที่สงสัยคือทำไมนมเย็นมันจะต้องเก่งทุกอย่างเลยวะ มึงคิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่ในดิอะเวนเจอร์หรือ มึงไม่มีข้อด้อยหรือ .. ประเด็นคือกูอิจฉาจ้า

           





            เมื่อทำพิมพ์เสร็จ ก็ต้องส่งตัวแทนไปตามครูใหญ่ที่ได้ออกตัวก่อนหน้านี้ว่าจะค่อยช่วยดูอยู่แถวๆ นี้ ซึ่งตอนนี้หายหน้าหายตาไปที่ไหนก็ไม่อาจรู้ กลับมาสอนกรรมวิธีต่อไปให้กับเรา และตัวแทนนั้นคือเจ๊วาว

            “โทษทีๆ พอดีครูเดินเล่นเพลินไปหน่อย กินลมชมวิวเนอะ”

            ว๊อท..

            “ขั้นตอนต่อไปให้เอาดิน น้ำ แกลบมาผสมรวมกัน เหยียบให้มันเข้ากัน จนดูเป็นเนื้อเดียวกัน ค่อยมาเทใส่ในพิมพ์ อย่าทิ้งไว้นานนะลูกเดี๋ยวมันจะดึงไม่ออก พักเดียวพอแล้วดึงพิมพ์ออกได้ เวลาลูกเทดินต้องเทให้เต็มบล็อคนะ ไม่งั้นดินมันจะไม่สวย ไม่เท่ากัน จะมีผลตอนการก่อสร้าง และดินที่ได้จะไม่แข็งแรง”

            แล้วเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง พวกเราถยอยเทส่วนผสมสองอย่างแรกที่เป็นของแข็งคือดินและแกลบมากองรวมกันในที่ที่ครูใหญ่บอกไว้ จากนั้นค่อยเทน้ำใส่และเริ่มนวดดินโดยการเหยียบ

            ผมอาจจะลืมไปว่าดินเหนียวกับองุ่นนั้นมีมวลสารแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม่งโคตรหนึบหนับตีนเลยเว้ย .. แต่ก็ให้สัมผัสแปลกๆ คือความเย็นและนิ่มเหนียว ผมไม่ได้กำลังกล่าวถึงของกินนะครับ มันคือดินเหนียวนี่แหละ เมื่อนิ่งผสมแกลบลงไปความเหนียวก็มันก็เพิ่มขึ้นด้วย แต่เวลาเหยียบก็ให้ความรู้สึกจั๊กจี้นิดหน่อย

            จากที่คิดว่าทำไม่นานก็คงเสร็จกลับผิดคาดไปอย่างลิบลับ เวลาล่วงเลยมาจนถึงประมาณสี่โมงเย็น ครูใหญ่ก็มาตามพวกเราให้ไปกินมื้อเย็นที่ชาวบ้านช่วยกันเตรียมไว้ให้ วันนี้เราทำบล็อคดินเหนียวได้ประมาณ 400 ก้อนเท่านั้น ครูใหญ่บอกว่าก้อนดินพวกนี้ต้องตากแดดไว้อีกเป็นอาทิตย์กว่าจะเอามาใช้งานจริงได้

            ตอนแรกที่คิดว่าค่ายอาสานั้นน่าจะเหนื่อยและน่าเบื่อก็เปลี่ยนความคิดผมไปได้นิดหน่อย มันเหนื่อยจริงๆ ครับ ยิ่งกับสิ่งที่เราไม่เคยทำและการนั่งรถเดินทางมาไกล แต่มันไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดกลับสนุกด้วยซ้ำ แม้จะทุลักทุเลไปหน่อยในตอนแรกแต่ซักพักทุกอย่างก็เริ่มลงตัว เพื่อนต่างคณะ หรือเพื่อนร่วมคณะบางคนที่ไม่เคยคุยกันก็ได้ทำความรู้จักกันบ้าง

            จะมีก็แต่คนบางคนที่ฮอตเสียเหลือเกิน มีคนคอยแวะเวียนไปส่งน้ำให้อยู๋บ่อยครั้ง นี่มันคงเก็บขวดหลายขวดไปเปิดขายเป็นหกรณ์ได้แล้วมั้ง รำคาญตามากๆ บอกเลย

            คงไม่ต้องให้บอกนะครับว่าใคร ก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ..











            พวกผมเดินมาล้างเนื้อล้างตัวที่เปรอะเปื้อนดินที่ขากันที่ลำธารใกล้ๆ โรงเรียน เสื้อผ้าไม่ได้เลอะอะไรมากมาย ส่วนที่เลอะมีเพียงช่วงเข่าลงไปเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆ ครูใหญ่ยังบอกอีกว่าลำธารตรงนี้สามารถมาอาบน้ำได้เพราะมันสะอาดไม่แพ้แน่นอน และจากที่ผมมาสัมผัสด้วยตัวเองแล้วก็คิดว่าน่าจริง น้ำเย็นๆ ใสๆ เย็นนี้เจอะกับพี่ฟืนแน่นอน

            ที่นี้มีห้องอาบน้ำเตรียมไว้ให้ด้วยสำหรับคนที่ไม่อยากลงมาบันเทิงในลำธารนี้ แต่มันมีเพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น คนขี้เกียจรอคิวแบบผมคงขอเซย์กู๊ดบาย








            “ไอ้เฮี่ย เนื้ออะไรวะ อร่อยฉิบหาย” พี่ตั้มทำหน้าปริ่มเปรมกับอาหารตรงหน้ามาก และเมนูที่มันบอกน่าจะเป็นหมูผัดน้ำมันหอย ไม่รู้จะฟินอะไรหนักหนา แต่มันก็อร่อยจริงๆ แหละครับ แต่ผมปริ่มกับกบทอดกระเทียมมากกว่า ถ้ารู้ว่ากบมันจะอร่อยขนาดนี้กินไปนานแล้ว

            “อันนั้นคือเก้งผัดน้ำมันหอยลูก อร่อยใช่มั้ยล่ะ นี่แหละของเด็ด” ครูใหญ่ที่นั่งกินข้าวอยู๋วงถัดไปหันมาบอกอย่างภาคภูมิใจ

            ผมเริ่มสงสัยแล้วว่ากับข้าวสี่ห้าอย่างตรงหน้านี่มีอะไรนี่เป็นหมูหรือไก่บ้างมั้ย ถึงหันไปถามป้าคนข้างๆ และคำตอบที่ได้คือ..

            “อันนี้คือผัดเผ็ดนกกะทา อันนี้ต้มเอี่ยน ส่วนอันนี้ก็ปลาส้มทอดธรรมดา” นั้นคือชื่อเมนูอีกสามอย่างที่เหลือ ขอบอกว่าต้มเอี่ยนหรือต้มเปรตปลาไหลนี่ดีมากๆ รสแซ่บถึงใจ ป้าเขาบอกว่าเครื่องปรุงค่อนข้างเยอะ ไม่ค่อยมีใครรู้จัก

            “สงสัยถ้าอยากกินอีกต้องกลับมาที่นี่ซะแล้ว” ผมออดอ้อนคุณป้าเต็มที่

            “แหม่ พูดอย่างนี้ถ้าไม่มานี่ป้าโกรธเราเลยนะ”

            “ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำครับป้า” ผมยกมือตะเบ๊ะอย่างพยายามน่ารักสุดชีวิต

            เมื่อหยอกล้อกับคุณป้าจบก็หันมาจ้วงข้าวในมืออย่างตะบี้ตะบัน เพื่อไม่ให้ใครมาแย่งกับข้าวของเราไปได้ ผมเพิ่งจะเคยกินอาหารแนวนี้ครั้งแรกและประทับใจปลื้มปริ่มมาก

            ผมเห็นนะว่าสิ่งมีชีวิต 1ea มองผมแล้วแอบยิ้มเล็กๆ แม้จะเล็กน้อยมากก็ตามเถอะ

            แหม่ .. กูรู้ตัวหรอกว่ากูน่าฮัก











            ตกเย็นอีกหน่อยจากหลังจากที่กินข้าวเสร็จ ก็เป็นเวลาส่วนบุคคลคือสามารถทำอะไรก็ได้ พักผ่อนตามอัธยาศัย ผมกับพ้องเพื่อนเลยพากันนั่งเล่นที่ตรงจุดกินข้าวที่เดิมเพราะขี้เกียจย้ายสังขารตัวเองไปไหน และยังมีสองศรีพี่น้องพ่วงมาด้วยเป็นตัวแถม

            พวกเราทั้ง 6 คน นั่งเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศธรรมชาติ และพระอาทิตย์สีส้มที่เริ่มลาลับขอบฟ้า ช่วงเวลาแห่งความพักผ่อนหย่อนใจที่แท้จริง

            “เอ้า ยังนั่งตรงนี้กันอยู่อีกหรอ” ครูใหญ่เดินเข้ามาถามพวกเราพร้อมกับในมือที่ถือไหอะไรซักอย่างมาด้วย

            “นั่นไหอะไรหรอครับครู” พี่ตั้มทำหน้าแฉล้มถาม ราวกับรู้ว่าไหนั้นมันคืออะไร

            “อ่อออ เหล้าอุน่ะลูก รู้จักมั้ย” ครูใหญ่พูดพรางวางไหนั้นลงตรงหน้าพวกเรา

            “มันคืออะไรหรอครับ” ซินมันถามกลับไปพร้อมมองไหประหลาดอย่างไม่วางตา

            “เหล้าที่พวกชาวบ้านเขาทำกันเองน่ะลูก หมักกันเอง จริงๆ พื้นเพมันมาจากทางอีสานแต่ก็ลองทำกันดู อยากลองชิมดูมั้ย”


            มีหรือจะพลาด พยักหน้ากันรัวๆ


            ครูใหญ่แกจัดการใช้มีดเคาะเปิดฝาไหอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็หยิบน้ำเปล่ามาเทลงไป เอาหลอดเสียบแล้วยื่นมาให้เมฆลองคนแรก มันจัดการลองดูดไปหนึ่งอึกแล้วทำหน้าทำตาแปลกๆ

            “ก็อร่อยดี อร่อยแบบแปลกๆ” มันว่าพร้อมกับดูดอีกที

            “เห้ยยย อย่าแดกหมด” เรื่องของมึนเมานี่ไม่ได้ครับ พี่ตั้มแกไม่ยอมเด็ดขาด

            “ฮ่าๆๆๆ ถ้าชอบก็เอาเลยลูก เติมน้ำได้เรื่อยๆ จนเหล้ามันจาง แต่ระวังเมานะ”

            “อร่อยดี มึงลองดิ” ซินที่ลองแล้วยื่นไหมาตรงหน้าผม

            กลิ่นแปลกๆ .. ผมไม่ใช่คนคออ่อน ชาววิศวะอย่างเราเข้าร้านเหล้าบ่อยเสียขนาดนั้น แต่สิ่งที่ผมไม่ค่อยถูกด้วยเท่าไหร่คือเหล้าที่มีรสหวาน

            ลองดูดไปอึกใหญ่เพื่อรสชาติแบบเต็มเปี่ยม


            ไอ้เฮี่ย .. อร่อยแต่เสือกหวาน


            เมาเป็นหมาก็ช่างแม่งจะกินโว้ย










            ครูใหญ่นั่งอยู่คุยเล่นกับพวกเราอีกซักพักก่อนจะแยกตัวออกไป ปล่อยชาวเราไว้กับเหล้าหนึ่งไห ผมเห็นนมเย็นมันกินไปไม่กี่อึกแล้วไม่แตะอีกเลย สงสัยคงไม่ชอบ ไม่กินก็ดี ไม่แบ่งหรอกนะ

            “มาป่าแบบนี้เขาชอบทำอะไรกันวะ” ไอ้ไม้เปิดประเด็นขึ้นมา

            “เล่าเรื่องผีมั้ง” เมฆเสนอขึ้น .. ผีเหมือนคนพูดจริงๆ

            “โบราณเขาว่าเข้าป่าห้ามถามหาเสือ ก็เหมือนห้ามถามหาผีนั้นแหละ” ไอ้ซินพูดดี

            “ฟืน มึงไหวมั้ยหนิ” พี่ตั้มเอาศอกกระทุ้งสีข้างผม

            “หื้ออออ .. ไหวเด่” เสียงอู้อี้ไปนิดแต่ไหวชัวร์ พูดไปมือก็กอดไหเหล้าไปด้วย

            “ไอ้ห่า ตกลงกันว่าจะไปเล่นน้ำ สภาพนี้จะได้หรอวะ”

            “หวายยยยยยดิ๊” ผมพนักหน้าเสริมเป็นคำตอบ คือรู้ตัวนะครับว่าใครพูดอะไรและตัวเองพูดอะบ้าง แต่ควบคุมเสียงไม่ค่อยได้เฉยๆ

            “ผมเคยได้ยินมา..” เสียงนมเย็น

            หลังจากเสียงนั้นดังขึ้น ทุกคนก็เงียบกริบเพื่อรอฟังมันพูด

            “ลุงผมเคยเล่าให้ฟังว่าตามป่าตามเขา จะมีผีสางเจ้าที่ดูแลรักษาอยู่ในทุกๆ ที่ เคยมีคนทิ้งขยะไว้ตามข้างทางพอกลับไปถึงบ้านขยะชิ้นนั้นก็กลับมาอยู่หน้าบ้านตัวเอง”

              แม้แต่ผมที่ควบคุมตัวเองไม่ค่อยอยู่ก็ยังกอดไหตั้งใจฟังมันด้วย

            “โดยเฉพาะตามแหล่งน้ำมักจะมีผีพรายที่คอยดูแลท้องน้ำอยู่ เขาว่ากันว่าหากพรายตนนั้นชอบใครก็จะพาดำน้ำไป แล้วไม่มีใครหาเจออีกเลย”

            แล้วที่ธารน้ำนั้นมันจะมีพรายป่ะวะ..

            “แล้วผมจะรู้ได้ไงอะพี่ ว่าพรายมันจะชอบใคร”

            “เขาว่ากันว่าผีพรายชอบคนตัวขาว

            เล่นเอาทั้งวงหันมาจ้องกูกันเป็นตาเดียวเลยครับ กูรู้ว่ากูขาวแต่ไอ้ซินก็ขาวไม่มองมันมั่งวะ

            หากเป็นคนอื่นเล่าผมอาจจะคิดว่าโดนอำเล่น แต่นี่ด้วยหน้าจริงจังของมันเล่นเอาผมไปไม่ถูกเลย

            “ทางที่ดีอย่าเข้าใกล้แหล่งน้ำเลยจะดีกว่านะ”

            หางตาผมเห็นเหมือนมันเหลือบสายตามาทางผม ส่วนน้องมันเหมือนจะยิ้มมุมปากที่แสนเท่แต่ไม่ดาเมจจิตใจกูหรอกนะ


            เพราะในใจตอนนี้มีแต่เรื่อง ทำไมผีพรายต้องชอบคนตัวขาวด้วยวะ..




-----------------

ตัวละครบางตัวคุ้นๆ มั้ยคะ ใช่ค่ะ เมฆคนนั้นแหละ ฮ่าๆๆๆๆ

มาต่อจนครบแล้วค่ะ กินพลังมาก
เริ่มทำงานจริงจังแล้ว เพิ่งรู้ว่าการทำงานมันโหดร้ายขนาดนี้
ทำงาน 6 วันด้วย ล้อง
แต่จะพยายามหาเวลามาอัพนะคะ
ต้องขอบอกตรงๆ ว่าที่หายไปส่วนหนึ่งเพราะฟีดแบคไม่ค่อยดีเท่าไหร่
มันมีผลต่อจิตใจคนเขียนจริงๆ ค่ะ ใจบาง Y_Y
แต่เรารักฟิคเรื่องนี้มากค่ะ เลยคิดว่าจะมาต่อเรื่อยๆ นะ
หวังว่าจะมีคนรักหรือชอบฟิคเรื่องนี้บ้างเหมือนกันเนอะ
ยังไงก็ขอฝาก #มนุษย์บังเอิญ ไว้ด้วยนะคะ
คอมเม้นมาคุยกันเถอะ คิดถึงนะ

รัก.



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-06-2017 22:39:30 โดย warmblue »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
พี่ฟ้าคนเนียนน
หวงละซิ เป็นห่วงน้องละซิ
สัมผัสได้ถึงความละมุนนนน
รอค่าาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Tumz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 448
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ผีพราย ตนนั้น ใช่พี่ฟ้าปะ
พูดให้ฟืน กลัวหรือเปล่า จะได้ไม่ลงเล่นน้ำ
ไม่ให้ใครๆเห็นผิวขาวๆของฟืน
พี่ฟ้า หวงไม่อยากให้ใครเห็นหรือเปล่า :katai1: :katai1: :katai1:

พี่ฟ้า เคยเจอฟืนมาก่อนแน่ แอบชอบฟืนใช่ปะ
แล้วยังย้ายหอ เพื่อมาอยู่ใกลฟืน อีกด้วย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
อย่าพึ่งท้อเลยน้าาา ปูเรื่องมาดีค่ะ น่าติดตาม สู้ ๆ นะคะ ตอนยังน้อย ค่อย ๆ เขียน มีนิยายหลายเรื่องที่พอจบแล้ว อยู่ดี ๆ กลับมีคนมาอ่านเยอะขึ้น
//ปกติเราไม่ค่อยมาอ่านนิยายเปิดใหม่ตอนน้อยเลยนะ ขอยอมรับจากใจเลยว่า มือลั่นจ้า 55 แต่เราก็อ่านจนถึงตอนนี้เลยนะ ชอบ ๆ  o13

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ จันทร์เจ้าเอ๋ย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ littlep_

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ชอบความอ่อยแบบมึน หน้าตาย ของพี่ฟ้ามากค่าาา

ออฟไลน์ warmblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
✿ มนุษย์บังเอิญ ✿

บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุรานั้นว่าร้ายนัก

 

            “มาเอากูออกไปจากตรงนี้ที เอากูออกปายยยย นมเย็น!!” ผมตะโกนกรีดร้องและดีดดิ้นตีน้ำจนแตกกระจายอย่างไม่เหลือเค้าโครงชายชาตรีอกสามศอกอีกต่อไป


            “ฟืน ใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ เดินขึ้นมา” นมเย็นมันยืนอยู่บนฝั่ง ยื่นมือลงเพื่อดึงผมขึ้นไปจากธารน้ำ


            “ไหนว่าจะช่วย ทำไมไม่ลงมา สารเลวที่สุด” จากปกติก็เป็นคนค่อยข้างโหวกเหวกอยู่แล้ว บวกด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์และความกลัว ฟีเจอร์ลิ่งกันอย่างลงตัว ทำให้ผมสติแตกได้ไม่ยาก


            “ก็เนี่ย ยื่นมือมา แค่นี้เอง” มันทำหน้าวิตก และทิ้งมือรอผมอยู่ที่เดิม


            “ดึงกูขึ้นไปเลย เร็วๆๆ” แต่ละก้าวกว่าจะก้าวขามาถึงมันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน ทั้งๆ ที่น้ำก็ไม่ได้ลึกอะไร ทำไมผมถึงรู้สึกหนักตัวไปหมดแบบนี้นะ..


            ทันทีที่ผมถึงจุดหมาย รีบคว้ามือนมเย็นไว้อย่างแนบแน่นกันเลยทีเดียว


            “ดึงกูขึ้นไปเลย พี่ฟ้าดึงฟืนขึ้นไป” สรรพนามตอนนี้เรียบเรียงไม่ถูกแล้ว บรรยากาศอึมครึมชวนขนหัวลุก และป่าบริเวณรอบๆ และหน้าหวั่นวิตกของคนตรงหน้า คล้ายเป็นมวลอากาศกดอัดให้ผมรู้สึกแย่จนน้ำตาจะเล็ด


            “ทีหลังอย่าซนแบบนี้อีก” นมเย็นพูดคล้ายๆ การปลอบใจแต่สายตาดูหงุดหงิดแบบบอกไม่ถูก


            “ไม่มาที่นี่แล้ว ไม่อาบแม่งแล้วน้ำอ่ะ” พาลครับ พาลจุดนี้


            “จะอาบก็ไปอาบในนู่น เขาจัดที่ไว้ให้อาบ นายก็ดันมาทำซ่า เป็นไงล่ะ”


            “คนยิ่งกลัวๆ อยู่ อย่าเพิ่งบ่นดิ”


            “ผมพูดดีๆ ไม่เคยฟัง ต้องให้ใช้ไม้แข็งหรอ” นมเย็นทำหน้าดุอีกแล้ว


            “ยัง.. ยังไม่หยุดบ่นอีก”


            “ไป กลับเต็นท์ได้แล้ว ยืนนานๆ เดี๋ยวก็ไม่สบายอีก ตัวปัญหาเอ้ย” ผมเห็นว่านมเย็นแอบถอนหายใจไปหนึ่งที และผลักหัวผมเบาๆ อีกหนึ่งที อันนี้ทำแบบโจ่งแจ้งไม่มีการแอบใดๆ


            “ขาไม่มีแรงเหลย” จริงครับ .. เอาเรี่ยวแรงฝ่าความกลัวไปหมดแล้ว


            “...” มันขมวดคิ้วใส่และย่อตัวลงตรงหน้าผม


            “ห้ะ” มึ้งจะมาสายย่ออะไรตอนนี้


            “ขึ้นมา รอนายเดินไหวไม่ต้องกลับกันพอดี”


            “คือ .. จะให้ขี่หลังไปหรอ” ผมถามอย่างลังเล


            “คิดว่าผมจะอุ้มไปแบบเจ้าสาวหรือไง นายเป็นผู้ชายนะไม่ใช่ผู้หญิง มวลสารมันไม่เท่ากัน” คือกูรู้ว่ากูน่ะชายชาตรี กูเลยถามไงว่าจะให้ขี่หลังมึงหรอ หงุดเงี้ยว!


            ผมจึงกระโดดเกาะหลังมันอย่างเต็มแรง เอาให้หลังเดาะและรู้สำนึกเสียบ้าง


            “ก็แค่นี้”


            แต่มันกลับยืนขึ้นอย่างสง่างาม เอาแขนช้อนใต้ขาผมอีกทีคล้ายการเพิ่มความมั่นใจว่าผมจะไม่ร่วงลงมา



            ง่ะ .. กลายเป็นว่ากูเขินแทน



            “หนักป่ะ” ผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่มันออกตัวเดินมาได้ซักพัก แต่ก็ช้าเหลือเกินจนต้องถาม



            “ยังจะมีหน้ามาถาม” เรียบๆ แต่เจ็บจริง


            “ฮึ” ผมขมุบขมิบปากล้อเลียนมัน ชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว .. ทำไมไหล่มันกว้างจังวะ มุดแม่ง เอาให้มันรู้ว่าคนจริงเขาทำกันแบบไหน อย่ามาต่อปากต่อคำกับพี่อีก


            “นี่ทำอะไร” ยังมีหน้ามาถาม เลยจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบให้เลย ทำการมุดไหล่นมเย็นมันแบบคูณสอง


            “น้องฟืนอ้อนพี่หรอคะ”

 

            ...



            ...



            ...



 
            ไอ้คนชื่อฟืนมันใบ้แดกไปแล้วครับตอนนี้ ตายไปเลย ตายไปเสียดีกว่า..

 



            “กูเมา”


            เชื่อเถอะ เพราะตอนนี้รู้สึกร้อนหน้ามาก สงสัยจะเมาแล้วจริงๆ ..




---------------------



ปล. อิพี่ฟ้ามันร้ายนักนะคะ ทามมาเปง 555555555

คิดว่าจะอัพประจำคือเสาร์หรืออาทิตย์นะคะ
เพราะช่วงนี้ทำงาน 6 วันเหลย
อยากกลับมาต่อไวๆ แต่หมดพลังค่ะ
รีบมาปั่นสปอยไว้ก่อน
คอนเม้นติชมหรือพูดคุยกันได้เสมอ
ขอบคุณหลายๆ คนที่ยังคิดตามและรักฟิคเรื่องนี้เหมือนที่เรารัก

#มนุษย์บังเอิญ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-06-2017 22:44:15 โดย warmblue »

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
ฮอลลลลล
เลาแพ้ผู้ชายแบบนี้
น้องฟืนอ้อนพี่ฟ้าหรอคะ
ตายไปเลยยยย งืออออ

ออฟไลน์ littlep_

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13

ออฟไลน์ lazymonday

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบพี่ฟ้ามาคะะะะะะะ จะเอาๆๆๆๆ
พี่เขาเข้ามาแบบตรงสุดๆ
หนูฟืนก็คงอึนๆอยู่สินะ
ยิ่งคำว่านายน่ะคิดมาก เห็นแล้วอยากจะขอซื้อ(ตลก)
เราชอบเรื่องนี้จัง  อ่านเพลินๆ สนุก แง
เม้นไม่ค่อยเก่ง แต่ก็แอบกดเป็ดเงียบๆนะ555555555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ฟืน จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ มุดไหล่นมเย็นมันแบบนันสต็อบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

“น้องฟืนอ้อนพี่หรอคะ” ฟินนนนนน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ warmblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
✿ มนุษย์บังเอิญ ✿

บังเอิญครั้งที่ 5 : พิษสุรานั้นว่าร้ายนัก -PART1-

 



            นั่งคุยกันอีกซักพักก็ได้เวลาแยกย้าย พวกเราปลีกตัวออกมาจากสองศรีพี่น้องกลับมาที่เต็นท์เพื่อหยิบอุปกรณ์อาบน้ำและเสื้อผ้าที่จะใช้เปลี่ยน อาการมึนเมาของผมดีขึ้นนิดหน่อย อาการลิ้นเปลี้ยเริ่มหายไปและแข้งขาเริ่มมีเรี่ยวแรง แม้ว่าสติยังจะกลับมาไม่ครบก็ตาม



            คนหน้าสวยประจำกลุ่มออกตัวว่าจะไม่ไปร่วมอาบน้ำสาบานท่ามกลางธรรมชาติที่ลำธารกับพวกผม



            แม้จะมีเรื่องผีสางมาเกี่ยวข้อง คนจริง2017 ก็ไม่หวั่น ด้วยปณิธานอันแรงกล้าที่ใฝ่ฝันจะไปสัมผัสน้ำใสๆ เย็นๆ ท่ามกลางกลิ่นอายธรรมชาติ .. ใครไม่ไป กูไป

 


            “ทำไมมึงไม่ไปว่ะซิน” ไม้ที่อุ้มของไว้เต็มสองมือถามไอ้ซินเสียงดัง ทั้งๆ ที่มันก็ยืนอยู่ข้างๆ กัน


            “กูไม่ชอบ โล่งขนาดนั้น ที่กูมาออกค่ายกับมึงนี่ก็มากพอแล้วมะ” มันตอบกลับมาพร้อมสายตาเอือมระอาเลเวล 100


            “แหม่ ถามแค่นี้ ทามมาเปง”


            “หรือมึงกลัวผีพรายที่พี่ฟ้าเล่า” พี่ตั้มเอ่ยขึ้นพร้อมสายตาล้อเลียน


            “ฮึ ไม่อ่ะ” มันส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ


            “ผีมีจริงที่หนายย” ผมจึงรีบผลมโรงทันที ผีเผอมีจริงที่ไหนกันเล่า คนจริง2017 ใครเขาจะมากลัวผีกัน


            “แต่ก็น้า..”


            “น้าไรมึงพี่ตั้ม”


            “เปล๊าาาาจ้า” มันหัวเราะคิกคักชวนอ้อนตีน


            “ถ้าผีมันจะหลอก มันคงไม่หลอกกูหรอก”


            “ไรของมึงอีกซิน พูดประโยคยากๆ กูแปลไม่ออกนะตอนนี้” บอกตรงๆ พี่มึนมาก



            “ผีพรายมันคงอยากหลอกมึงมากกว่ากูอ่ะฟืน” เสียงตบท้ายพร้อมกับพวกมันที่ประสานเสียงหัวเราะกัน


            เกลียดโว้ยยย..


            พวกคนเฮี่ย กูกลัวผีนะ




 

 


            เมื่อเราสามหล่อเดินมาถึงที่หมาย ก็พบเจอกับ น้ำใสๆ ที่ไหลดังเสียงเสนาะ ราวกับเรียกร้องให้พวกเรากระโดดลงไปหา เวลาตอนนี้เริ่มค่ำแล้วแต่ตามแนวลำธารได้ติดไฟไว้เป็นจุดๆ ให้บรรยากาศที่ดีไปอีกแบบ และความหรรษาก็เกิดขึ้น..


            “พวกมึง กูลืมหยิบกางเกงในมา” ไอ้พี่ตั้ม


            “ห่า .. เรื่องเยอะตลอด” ผมบ่นกระปอดกระแปด


            “เอาไงดี” คงจะขี้เกียจเดินวนไปวนมาหลายรอบ เพราะเต็นท์กับตรงจุดที่เรายืนก็ไม่ใช่ใกล้


            “มึงก็เดินกลับไปเอา” ไม้เสนอ


            “ไป” ผมเพยิดหน้าสมทบ


            “คนเดียวหรอวะ” พี่มันเริ่มหน้าเสีย


            “อ้าว แล้วพี่จะไปกับใคร”


            “ไม้ มึงไปเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ นะ” มันหันไปส่งสายตาออดอ้อนกับไอ้ไม้.. กลัว


            “ไปชวนไอ้ฟืนนู่นนนน” ไอ้นี่ก็รีบปฏิเสธแบบไม่รักษาน้ำใจ


            “ขากูมีแรงเดินมาถึงนี้ก็บุญแล้วมั้ย”


            “พวกมึงไม่รักกู ปฏิเสธกูแบบนี้ได้ไง ถึงกูจะเป็นหัวหน้าหมู่หมาป่ามาก่อนแต่กูก็ใจบางเป็นนะ”



            เอาล่ะ พี่ตั้มเปิดโหมดตัดพ้อ



            “เออ เดี๋ยวกูไปคนเดียวก็ได้ มืดฉิบหาย ถ้าหลงทางไปจะทำยังไงดี จะได้กลับไปเจอหน้าแม่อีกมั้ยวะ”


            “ฉิบหาย เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน” เป็นไอ้ไม้ที่ทนความน่ารำคาญของมันไม่ไหว


            “ก็แค่นี้” พี่มันยิ้มออกมาอย่างน่าชวนเอาแข้งฟาดหน้าซักที


            “ฟืน นั่งรอพวกกูอยู่ตรงนี้ อย่าซน โอเค้” ไม้มันสั่งผม และวางของที่ถือมาลงข้างๆ


            “ซนเหี้ยไร เห็นกูเป็นเด็กสามขวบเรอะ”


            “เออ ถ้าซนผีพรายจะมาหามึง”


            ไม้, คนฉิบหาย2017 ได้กล่าวไว้แบบนั้น

 

 

 

            จุดจบของผมก็คือไม่ฟังเสียงนกเสียงกา ถอดเสื้อตัวบนออกเหลือเพียงบลอกเซอร์สีแดงลายสก๊อตแบบคนเท่ๆ และหย่อนขาจุ่มลงไปในน้ำใสเย็นตรงหน้า .. หัวใจมันเรียกร้อง



            รู้ตัวอีกทีก็เปียกไปทั้งตัวแล้ว



            อยากบอกว่าไอ้ซินพลาดมาก น้ำเย็นๆ เรียกความสดชื่นหลังจากที่เหนื่อยมาทั้งวัน ทั้งเหนื่อยนั่งรถและทำกิจกรรม แสงไฟที่ติดไฟตามแนวน้ำช่วยทำให้บรรยากาศกูผ่อนคลาย รวมไปถึงเสียงของแมลงต่างๆ ผมสผสานกัน ราวกับว่ากำลังร้องเพลงอยู่ .. แบบนี้ในกรุงเทพหาไม่ได้แน่นอน


            ผมแช่น้ำเล่นไปซักพัก จึงเอื้อมมือไปหยิบไอพอดที่พกติดไว้ในกระเป๋ากางเกงตัวที่ใส่เมื่อครู่ เปิดเพลงคลอกันไป .. พวกมันไปนานจังวะ โดนสิงโตลากไปแดกรึเปล่า


            หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบ บ่งบอกว่ามีคนกำลังเดินเข้ามา


            ตายยากจริงๆ



            “ไปนานฉิบหาย นึกว่าโดนสิงโตลากไปแดกแล้ว”


            “เตือนอะไรเคยฟังบ้างมั้ยเนี่ยฟืน”


            แต่เสียงที่ตอบกลับมากลับไม่ใช่ของสองเกลอ แต่กลับเป็ยเสียงทุ้มๆ และหน้านิ่งเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือมีความดุผสมลงไปอีกหน่อย


            “เตือนอะไร อย่ามา” เถียงไว้ก่อน พ่อสอนไว้ ถ้าไม่ใช่พ่อก็เถียงไปเลย อยาไปยอมแพ้มัน


            “เมื่อกี้ผมเดินสวนกับซินที่ห้องอาบน้ำ ทำไมนายไม่ไปอาบที่นั่น”


            “คนจริง2017 ไม่กลัวหรอกครับ ผีเผออะไร” ผมยักไหล่อย่างไม่หยี่ระ


            “เฮ้อ แล้วแต่นายแล้วกัน” นมเย็นถอนหายใจกลับมา และทำท่าจะเดินกลับไป



            แต่...

 

            “ฟืน” มันเรียกผมด้วยเสียงที่ออกเครียดนิดๆ


            “อะไรของพี่”


            “ข้างหลังนาย” มันพูดเสียงเบาขึ้นอีกนิด และผมสังเกตุเห็นเหงื่อที่เมื่อครู่ไม่ปรากฏแต่ตอนนี้ล้อมรอบใบหน้ามันประปราย ทั้งๆ ที่อากาศเย็นขนาดนี้ .. ว๊อท


            “ทำไม ทำไมพี่ฟ้า ไม่ตลกนะ” ผมยุดนิ่งทันทีและจะค่อยๆ หันไปมองด้านหลังตัวเอง


            “อย่าหันไปนะ!!” เป็นมันที่ตะโกนเสียงดังขึ้นมาอีกสองเลเวล กูตกใจนะ ฮอลลลลล


            “ไม่เล่นนะเว้ย” กลายเป็นว่าผมที่เริ่มหน้าเสีย  สติกระเจิงไปอีกขั้น และยืนนิ่งเป็นท่อมไม้ท่ามกลางธารน้ำ


            “ขึ้นมาก่อนๆ เดินมาขึ้น” นมเย็นพูดพร้อมกับหน้าที่เริ่มซีเรียสขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาผมใจเสียมากขึ้นไปอีก


            “มาเอากูออกไปจากตรงนี้ที เอากูออกปายยยย นมเย็น!!” ผมตะโกนกรีดร้องและดีดดิ้นตีน้ำจนแตกกระจายอย่างไม่เหลือเค้าโครงชายชาตรีอกสามศอกอีกต่อไป .. สติแตกของจริง


            “ฟืน ใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ เดินขึ้นมา” นมเย็นมันยืนอยู่บนฝั่ง ยื่นมือลงเพื่อดึงผมขึ้นไปจากธารน้ำ


            “ไหนว่าจะช่วย ทำไมไม่ลงมา สารเลวที่สุด” จากปกติก็เป็นคนค่อยข้างโหวกเหวกอยู่แล้ว บวกด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์และความกลัว ฟีเจอร์ลิ่งกันอย่างลงตัว ทำให้ผมสติแตกได้ไม่ยาก


            “ก็เนี่ย ยื่นมือมา แค่นี้เอง” มันทำหน้าวิตก และทิ้งมือรอผมไปอยู่ที่เดิม


            “ดึงกูขึ้นไปเลย เร็วๆๆ” แต่ละก้าวกว่าจะก้าวขามาถึงมันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน ทั้งๆ ที่น้ำก็ไม่ได้ลึกอะไร ทำไมผมถึงรู้สึกหนักตัวไปหมดแบบนี้นะ..


            ทันทีที่ผมถึงจุดหมาย รีบคว้ามือนมเย็นไว้อย่างแนบแน่นกันเลยทีเดียว


            “ดึงขึ้นไปเลย พี่ฟ้าดึงฟืนขึ้นไป” สรรพนามตอนนี้เรียบเรียงไม่ถูกแล้ว บรรยากาศอึมครึมชวนขนหัวลุก และป่าบริเวณรอบๆ และหน้าหวั่นวิตกของคนตรงหน้า คล้ายเป็นมวลอากาศกดอัดให้ผมรู้สึกแย่จนน้ำตาจะเล็ด


            “ทีหลังอย่าซนแบบนี้อีก” นมเย็นพูดคล้ายๆ การปลอบใจแต่สายตาดูหงุดหงิดแบบบอกไม่ถูก


            “ไม่มาที่นี่แล้ว ไม่อาบแม่งแล้วน้ำอ่ะ” พาลครับ พาลจุดนี้


            “จะอาบก็ไปอาบในนู่น เขาจัดที่ไว้ให้อาบนายก็มาทำซ่า เป็นไงล่ะ”


            “คนยิ่งกลัวๆ อยู่ อย่าเพิ่งบ่นดิ”


            “ผมพูดดีๆ ไม่เคยฟัง ต้องให้ใช้ไม้แข็งหรอ” นมเย็นทำหน้าดุอีกแล้ว


            “ยัง.. ยังไม่หยุดบ่นอีก”


            “ไป กลับเต็นท์ได้แล้ว ยืนนานๆ เดี๋ยวก็ไม่สบายอีก ตัวปัญหาเอ้ย” ผมเห็นว่านมเย็นแอบถอนหายใจไปหนึ่งที และผลักหัวผมเบาๆ อีกหนึ่งที อันนี้ทำแบบโจ่งแจ้งไม่มีการแอบใดๆ


            “ขาไม่มีแรงเหลย” จริงครับ .. เอาเรี่ยวแรงฝ่าความกลัวไปหมดแล้ว


            “...” มันขมวดคิ้วใส่และย่อตัวลงตรงหน้าผม


            “ห้ะ” มึ้งจะมาสายย่ออะไรตอนนี้


            “ขึ้นมา รอนายเดินไหว ไม่ต้องกลับกันพอดี”


            “คือ .. จะให้ขี่หลังไปหรอ” ผมถามอย่างลังเล


            “คิดว่าผมจะอุ้มไปแบบเจ้าสาวหรือไง นายเป็นผู้ชายนะไม่ใช่ผู้หญิง มวลสารมันไม่เท่ากัน” คือกูรู้ว่ากูน่ะชายชาตรี กูเลยถามไงว่าจะให้ขี่หลังมึงหรอ หงุดเงี้ยว!


            ผมจึงกระโดดเกาะหลังมันอย่างเต็มแรง เอาให้หลังเดาะและรู้สำนึกเสียบ้าง


            “ก็แค่นี้”


            แต่มันกลับยืนขึ้นอย่างสง่างาม เอาแขนช้อนใต้ขาผมอีกทีคล้ายการเพิ่มความมั่นใจว่าผมจะไม่ร่วงลงมา



            ง่ะ .. กลายเป็นว่ากูเขินแทน



            “หนักป่ะ” ผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่มันออกตัวเดินมาได้ซักพัก แต่ก็ช้าเหลือเกินจนต้องถาม


            “ยังจะมีหน้ามาถาม” เรียบๆ แต่เจ็บจริง


            “ฮึ” ผมขมุบขมิบปากล้อเลียนมัน ชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว .. ทำไมไหล่มันกว้างจังวะ มุดแม่ง เอาให้มันรู้ว่าคนจริงเขาทำกันแบบไหน อย่ามาต่อปากต่อคำกับพี่อีก


            “นี่ทำอะไร” ยังมีหน้ามาถาม เลยจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบให้เลย ทำการมุดไหล่นมเย็นมันแบบคูณสอง


            “น้องฟืนอ้อนพี่หรอคะ”

 
            .

 

            .

 

            .



            ไอ้คนชื่อฟืนมันใบ้แดกไปแล้วครับตอนนี้ ตายไปเลย ตายไปเสียดีกว่า..


            “กูเมา”

 
            เชื่อเถอะ เพราะตอนนี้รู้สึกร้อนหน้ามาก สงสัยจะเมาเข้าให้แล้วจริงๆ ..


 
-----------------



            ถึงตอนเช้าผมก็ยังคงโดนสองเพื่อนตัวดีล้อเลียนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอยู่ สองคนที่เอ่ยถึงคงไม่ต้องบอกก็รู้กันดีว่าเป็นใคร ส่วนอีกคนที่ทำหน้าตาสวยไปวันๆ ไม่มีพูดถึงแต่สายตากลับสื่อถึงความล้อเลียนและขำขัน ผมสัมผัสได้..


            ก็จะอะไรเสียอีกล่ะ เมื่อคืนจังหวะที่ผมช๊อคค้างแบบสติกระเจิงไปบนหลังนมเย็น ก็เหมาะเจาะราวกับจับวางให้พี่ตั้มกับไอ้ไม้เดินสวนมาพอดี .. อาเมน


            “กูบอกแล้ว ผีพรายจะมาหามึง” ซินตบบ่าผมและพูดราวกับเห็นใจ


            ช่วยบอกที ว่าใครน่ากลัวกว่ากัน ระหว่าง ผีพราย ชาวแกงค์ และไอ้นมเย็น..

 

 



            กิจกรรมวันนี้ก็คล้ายๆ เดิมคือผมสดินและทำบล๊อคดินเหนียวกันต่อ ตอนเช้าพวกครูใหญ่และชาวบ้านช่วยกันทำข้าวต้มหมูเลี้ยงพวกเรา ง่ายและธรรมดาแต่อร่อยอย่าบอกใครเชียว ตอนนี้เป็นช่วงสายของวันพวกเราก็ยังขยันขันแข็งเหยียบดิน ผสมน้ำและเทลงพิมพ์อย่างขมักเขม้น


            “น้องฟืน น้ำมั้ยคะ” ในขณะที่ผมกำลังยืนปาดเหงื่ออยู่ เสียงหวานๆ ราวกับเสียงสวรรค์ชะโลมใจได้เอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นขวดน้ำดื่มมาให้


            เสียงหวานปานสายไหม ขาวราวสำลี สวยปานนางฟ้า .. พระเจ้าทรงเมตตาลูกแล้วใช่หรือไม่


            “อ่าครับ” ด้วยความเขินทำให้ผมไม่ค่อยกล้าที่จะสบตาคุณเธอตรงๆ มือซ้ายยกขึ้นเกาแก้ม มือขวายื่นจะไปรับน้ำจากคนสวยตรงหน้า


            “ของนายอันนี้ เติมน้ำตาลเสียหน่อย”


            แต่บุญแต่ดันมีกรรมมาบัง..


            เมื่อนมเย็นมันยื่นขวดน้ำที่บรรจุน้ำสีเขียวเข้มมาตรงหน้า ส่วนอีกมือยื่นไปรับน้ำจากพี่สาวคนสวยมาไว้เอง



            ‘น้ำใบบัวบก’ ฉลากสีขาวเขียนด้วยปากกามาร์คเกอร์สีน้ำเงินลายมือหยึกยือกำกับเอาไว้



            ริอาจจะเป็น คนเฮี่ย2017 เหรอมึง

 

            “แหม่ จะใครก็รับไปเถอะค่ะ ให้น้องฟืนก็เหมือนให้พี่ฟ้า ให้พี่ฟ้าก็เหมือนให้น้องฟืนเนอะ” พี่สาวคนสวยหัวเราะคิกคักกับนมเย็น


            “ขอบคุณครับ” นมเย็นมันพูดตัดบท และละสายตามาจ้องผมราวกับจะถามว่า ‘น้ำใบบัวบกแก้ช้ำในไง แดกซิครับฟืน’


            “น้องฟืนก็สู้ๆ นะคะ” พี่สาวคนสวยหันมาแอบกระซิบกับผมและชูสองนิ้วส่ายดุ้กดิ้กมาให้ .. ใจพัง


            “ทำตาละห้อยเชียวนะ”


            “คนเฮี่ย2017 ไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น” เปิดฝาน้ำด้วยความรุนแรงและกระดกแบบลูกผู้ชายเป็นคำตอบ .. เอ้อ ก็อร่อยดีนะน้ำใบบัวบกของมัน

 




            จบสิ้นฉากแย่งซีนไปผมก็มาเอนจอยกับการเหยียบดินและแกลบต่อ ถึงจะหนืดและเหยียบยากไปหน่อยแต่ก็เป็นหน้าที่งานที่สนุกที่สุดสำหรับผมแล้ว พี่ตั้มกับไอ้ไม้ช่วยขนถุงดินจากรถกะบะที่มาส่ง มากองรวมกันไว้เป็นจุด งานใช้แรงงานเหมาะราวกับคัดสรรมาเพื่อพวกมัน ส่วนไอ้ซินเดินหายหัวไปไหนไม่รู้ ช่วงนี้มันปลีกวิเวกบ่อยแปลกๆ งานสืบและเผือกต้องมา แต่เอาไว้ก่อน .. ทิ้งให้ผมต้องมาผจญภัยแบบคนไร้เพื่อน


            “ฟืน” ไอ้เด็กท่าทางฮิปเตอร์สะกิดเรียกผม


            “พี่ฟืนเว้ย กูอายุมากกว่ามึงนะ” ข่มทันทีเมื่อมีโอกาส


            “ไม่อยากเรียกพี่ ไม่ได้เหรอ” มันถามกลับมาตาใส


            “ห้ะ” มึงขอกูตรงๆ เลยงี้ เกิดก่อนหนึ่งปีไม่มีความหมายเลยงี้


            “ไม่อยากเรียกกระรอกว่าพี่”


            “ใครคือกระรอกวะ นี่ฟืนนะ ฟืนเอง” ผมโบกไม้โบกมือตรงหน้ามันเรียกสติ


            “ก็นี่หน้าเหมือนกระรอก ไม่เรียกพี่นะ” มันชี้นิ้วมาตรงหน้าผม ใกล้ชนิดที่ว่านิ้วมันจะเกยหน้ากันอยู่แล้ว


            “...” เสียศูนย์กันเลยทีเดียว


            “ได้มั้ย”


            “เออๆ ตามใจมึงเหอะ” กล้าขอมาก็กล้าให้นะครับ


            “ชื่อพีทนะ”


            “รู้แล้ว ฟังอยู่ตอนมึงแนะนำตัว”


            “หูยยยยย จำได้ด้วย”


            “จำได้ทั้งค่ายนั้นแหละ เรื่องไร้สาระขอให้บอก ฮ่าๆๆๆ”


            “ไม่ไร้สาระดิ”


            “ไรของมึงหนิ” ถามออกไปอย่างงุนงง


            “เรื่องของพีทอ่ะ อย่ามองว่าไร้สาระดิ”



            หูยยยยย  คิดว่าในเรื่องนี้จะมีใครสวยไปกว่าผมมั้ยครับ ต้องสวยขนาดไหนถามใจดู

 
            ตายไปเลยเสียดีกว่า..

 





            หันซ้ายหันขวาเพื่อขอความช่วยเหลือก็พบกับพี่ตั้มและไอ้ไม้ที่ยืนจ้องมาราวกับยืนดูได้ซักพักแล้ว


            “ตัวร้ายแม่งออกฉากมาแล้วว่ะ”


            “ครบเลยทีนี้ พระเอก นางเอก ตัวร้าย อู้หู”


            สองตัวยืนคุยกันด้วยท่าทางกระซิบกระซาบแต่เสียงนี่ดังราวกับใช้โทรโข่ง


            ส่วนไอ้เด็กฮิปเตอร์แม่งก็ยืนยิ้มหน้าระรื่นอยู่ข้างผม



            “ฟืน มาตรงนี้หน่อย” จงบอกมาว่าเป็นเสียงของใคร (10คะแนน)


            “โอ๊ะโอ พระเอกมาแล้วตัวประกอบอย่างเราไปดีกว่าเนอะ” ยัง .. ยังไม่หยุด


            “ช่วยลากถุงดินตรงนี้ไปหน่อย”


            “กำลังไป” รีบเดินไปหานมเย็นเจ้าเก่าเจ้าเดิม เพิ่มเติมคือสกิลเรียกจิกแบบยิกๆ


            “เรียกทั้งวันเลยนะ ฟืนนู่น ฟืนนี่” ขอบ่นหน่อยเหอะ


            “ไม่ได้ ?”


            “ไม่ได้จะมายืนตรงนี้มั้ย ถามใจพี่ดูนะ”


            “เรียกเพราะรำคาญ”


            “ย้อนแยงหรอ รำคาญแล้วจะมาเรียกทำไม”


            “รำคาญคนฮอต” มันพูดออกมาด้วยสายตาหน่ายๆ แต่เดี๋ยวก่อนนะ คนฮอตนี่กูหรือมึงครับ กูเห็นนะ สาวๆ แอบมองมึงจนตัวจะพรุนอยู่แล้วเถอะ รำคาญเหมือนกันแหละวะ


            “เออ หน้าตาสวรรค์สร้างมา พี่จะให้ผมทำไง”


            “รำคาญ” มันพูดและจ้องหน้าผมด้วยสีหน้าปลาตายเช่นเดิม


            “เออ แล้วไง”


            “รำคาญ”


            “รำคาญมากก็จะไปแล้วนะ”


            “รำคาญ” มันพูดพร้อมกับคว้าแขนผมไปข้างนึงด้วย


            “อย่าย้อนแยงดิ” พูดแล้วปรายสายตาไปที่มือมันด้วย


            “รำคาญ”


            “เออแม่ง.. รำคาญพี่เหมือนกันแหละวะ”


            "รำคาญ"


            "..."


            “อย่าแรดให้มากดิ”


            ประโยคคล้ายคำด่าแต่สายตาอ่อนโยนนั่นมันคืออะไรวะ .. ใจพังอีกแล้ว



---------------------

พี่ฟ้าควรมาเป็นหลัวของเรา ไม่แบ่งให้อิฟืนมันแล้วววว
ขอแบ่งตอนนี้เป็น 2 พาร์ทนะคะ
คอนเม้นติชมหรือพูดคุยกันได้เสมอ

ขอบคุณหลายๆ คนที่ยังคิดตามและรักฟิคเรื่องนี้เหมือนที่เรารัก

#มนุษย์บังเอิญ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2017 07:50:18 โดย warmblue »

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
พี่ฟ้ามาว่าเรามาหวงเราหน่อยยยยย

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :hao7:  o13 ถ้าผู้แต่งจะเขียนได้น่ารักน่าหยิกขนาดนี้....คนอ่านต้องขอรบกวนผู้แต่ให้มาupบ่อบๆๆเพราะติดมากกก :ruready

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ผีพรายมาหาคนตัวขาวจริงๆ
แถมผียังให้คนตัวขาวขี่หลังด้วย

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด