Tsundere Boy เมื่อหนุ่มซึนมาหลงรัก ตอนที่ 9
“น้ำตาล กลับบ้านกันเลยมั้ยจ๊ะ” เสียงมะนาวร้องทักผมที่กำลังนั่งหมดอาลัยตายอยากในห้องเรียน เอ๊ะ นี่ผมเอาแต่นั่งเหม่อโดยไม่ช่วยเพื่อนๆเก็บของเลยหรือนี่
“มะนาว เก็บของกันหมดแล้วเหรอ” มะนาวพยักหน้าแทนคำตอบ
“น้ำขอโทษนะ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย..”
“โอ๊ย ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เพื่อนๆเขาก็เก็บของกันจนเกือบจะเสร็จแล้วตอนนมะนาวมาน่ะ มะนาวก็ไม่ค่อยได้ช่วยอะไรเหมือนกัน ว่าแต่น้ำเถอะ ไม่สบายหรือเปล่าจ๊ะ” มะนาวเอามือมาแตะหน้าผากของน้ำเบาๆ ความอบอุ่นจากมือเล็กทำให้รู้สึกดีเหลือเกิน
“น้ำสบายดี แค่เหนื่อยๆน่ะ แล้วมะนาวจะกลับเลยใช่มั้ย เดี๋ยวน้ำไปส่งนะ”
“จ้ะ” มะนาวยิ้มรับและจับมือของน้ำ เป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับคนที่พบเห็นสำหรับความสนิทสนมของทั้งสองคน แต่สำหรับคนที่ไม่ได้คิดแบบปกติธรรมดา ก็มักจะมองว่ามันมากเกินไป
“เขื่อน มึงไม่รู้สึกอะไรเหรอ” โมนถามเขื่อนเสียงนิ่งๆหลังจากที่มองน้ำกับมะนาวมาพักใหญ่
“รู้สึกอะไรวะ” ดูมัน หน้าก็ไม่ละมาจากการ์ตูน แถมยังถามกลับแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“แม่ง ก็น้ำกับมะนาวอะดิ ทำไมสนิทกันขนาดนั้นวะ”
“อ้าว ก็เป็นเพื่อนสนิทกันนี่ แล้วมึงจะไปทำไมเขาล่ะ” คราวนี้เป็นไอ้คู่แฝดตอบแทนเขื่อน เขื่อนก็เอาแต่พยักหน้าเออออ
“เขื่อน มึงฟังกูนะ เรื่องนี้น่ะกูคิดมานานแล้ว” โมนดึงเก้าอี้มานั่งตรงข้ามกับเขื่อน ท่าทางจริงจังจนเขื่อนต้องละจากการ์ตูนในมือและให้ความสนใจเพื่อนทันที
“ว่า?”
“ว่ามะนาวน่ะ สนิทกับน้ำมากไปรึเปล่า มึงลองนึกดูนะเขื่อน ว่ามะนาวน่ะ ตั้งแต่เด็กมา เคยสนิทกับเพื่อนผู้ชายคนไหนขนาดนี้มั้ย” ท่าทีร้อนรนของโมนทำให้เขื่อนอดคิดไม่ได้ พอมานึกๆดูมันก็จริงดังที่โมนว่า เพราะถึงแม้เขาจะไม่สนิทกับมะนาวเท่าไรนัก เพราะเขาอยู่อังกฤษตั้งแต่เด็กๆ เลยไม่ค่อยได้เล่นกัน แต่ว่าก็พอจะรับรู้ว่ามะนาวมักไม่สนิทถึงเนื้อถึงตัวกับเพื่อนผู้ชายทุกคนที่รู้จัก เอาตามจริงก็มีแค่น้ำนี่ละ
“ใช่มั้ยละมึง เพิ่งสังเกตอะเดะ” โมนมันหน้างอเลยครับ สงสัยหึงน้ำแน่เลย
“มันก็จริงอย่างที่มึงว่า แต่มึงลองคิดอีกมุม น้ำอะ หน้ามันหวานเหมือนผู้หญิงเลยนะ มะนาวคงคิดว่ามันเป็นเพื่อนผู้หญิงเหมือนกันมากกว่า” สองแฝดพยักหน้าเออออด้วย
“เขื่อนๆ งั้นขอกูลองชิมน้ำได้ปะ ว่ามันหวานจริงเปล่า โอ๊ย” ผมหันไปตบกบาลไอ้เทมส์ ก่อนจะหันมาคุยกับโมนต่อ
“มึงไม่ต้องกลัวหรอกโมน ยังไงกูก็ระวังอยู่เหมือนกันแหละ ของๆกู เรื่องอะไรจะให้คนอื่นมาแย่งไปง่ายๆ” โมนพยักหน้ารับและไม่พูดอะไรอีก
“นี่น้ำตาล มะนาวถามอะไรอย่างได้มั้ยจ๊ะ” เสียงหวานจากร่างบางที่นั่งเหยียดยาวบนโซฟาถามขึ้น
“อะไรเหรอมะนาว” น้ำวางแก้วน้ำหวานลงบนโต๊ะ แล้วนั่งตามข้างๆ
“ทำไมน้ำตาลยังไม่มีแฟนเหรอจ๊ะ”
“....” จะตอบว่ายังไงดีละครับผม
“เอ่อ...น้ำตาลคง..ไม่ได้เป็นเกย์ใช่มั้ย...” พอเห็นว่าน้ำเงียบ มะนาวก็ถามต่อ
“ไม่ใช่นะ” อืม เขาไม่ใช่เกย์นะ เพราะก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกพิศวาสผู้ชายเลยสักนิด แต่เพราะเขื่อนน่ะแหละ...
“เหรอจะ ดีจัง แล้วน้ำตาลยังไม่มีแฟนจริงๆเหรอจ๊ะ” น้ำอึ้งอีกรอบ หัวสมองก็ประมวลผล พอนึกถึงเรื่องแซมมี่ ปากก็ตอบออกไปเพราะความน้อยใจ
“ไม่มีหรอก”
“เหรอจ๊ะ มะนาวก็ไม่มีเหมือนกัน” มะนาวยิ้มกว้าง แต่ทำไมต้องยิ้มแปลกๆแบบนั้นด้วยนะ
“แต่ว่ามะนาวน่ะ ทำไมไม่มีแฟนล่ะ ทั้งที่น้ำก็เห็นว่ามีหนุ่มๆมาชอบมะนาวเยอะเลยนะ” โมนก็คนนึงไง
“ก็มะนาวไม่ชอบพวกเขานี่จ๊ะ ตอนนี้มะนาวมีแค่น้ำก็พอแล้วละ” ทำไมฟังๆดูแล้วคำตอบของมะนาวมันแปลกๆแฮะ
“มะนาวก็พูดไปเรื่อย เพื่อนกับแฟนน่ะ มันให้ความรู้สึกไม่เหมือนกันหรอกนะ”
“เรื่องนั้นมะนาวรู้ รู้มานานแล้วด้วย” มะนาวส่งยิ้มแปลกๆมาอีกแล้ว สงสัยวันนี้มะนาวจะเหนื่อยเกินไป
“มะนาวกลับก่อนดีกว่านะจ๊ะ นี่ก็มืดแล้ว”
“อืม ให้ที่บ้านมารับเหรอ เดี๋ยวน้ำเดินไปส่งหน้าบ้านนะ” ผมยื่นมือไปให้มะนาวจับเหมือนทุกครั้ง และครั้งนี้มะนาวก็จับมือผมด้วยความเต็มใจเช่นเคย
“!” จู่ๆก็มีสัมผัสนิ่มๆมาแตะที่แก้มผม นี่มันจูบนี่นา ผมหันไปมองมะนาวแบบอึ้งๆ และก็เห็นว่ามะนาวก้มหน้างุด แก้มแดงแจ๋
“มะ มะนาวแค่ขอบใจน้ำน่ะจ้ะ ที่วันนี้น้ำมาช่วยเล่นเปียโนให้มะนาวด้วย” อ๋อ งั้นเหรอ...
“ไม่เป็นไรหรอก แค่นิดหน่อยเอง” แล้วนี่ผมจะเขินทำไมเนี่ย
“ไปกันเถอะ” มะนาวดึงมือของน้ำให้ไปส่งนอกบ้าน
ตึ๊งงง!!
เสียงคีย์เปียโนดังสนั่น บ่งบอกถึงอารมณ์อันขุ่นมัวของคนเล่นได้เป็นอย่างดี ทำเอาชายหนุ่มข้างบ้านที่หวังจะมาแอบฟังเสียงเปียโนก็ยังชะโงกหน้าข้ามรั้วมาดูด้วยความแปลกใจ
“น้ำ เป็นอะไรรึเปล่า ดูอารมณ์ไม่ดีเลย” พี่กิ๊ฟท์เกาะรั้วตะโกนถามด้วยความเป็นห่วง
“เปล่าหรอกครับ แค่เพลียๆน่ะ” ปากบอกว่าเพลีย แต่สภาพหน้าดูไม่เห็นเพลีย มีหรือที่คนรู้จักมานานอย่างเขาจะดูไม่ออก
“พี่กิ๊ฟท์ ไปเข้าทางประตูสิครั-” น้ำร้องห้ามเพราะกลัวอันตราย แต่คนฟังก็ไม่ยอมฟัง กลับปีนและเดินเข้ามาจนถึงห้องรับแขกจนได้
“พี่กิ๊ฟท์อะ ไม่ฟังกันบ้างเลย” น้ำบ่นหน้างอ
“ไม่ต้องมาบ่นพี่เลย น้ำมีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่า” พี่กิ๊ฟท์ลูบหัวน้ำเบาๆ
“นิดหน่อยครับ” ไม่รู้ว่าจะปิดไปทำไม แต่ก็คงไม่บอกทั้งหมดหรอกนะ
“อืม ใจเย็นๆนะ ค่อยๆคิดไป” นี่ละพี่กิ๊ฟท์ จะไม่พูดทำนองว่าให้เลิกคิดมาก เพราะมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว คนที่ไม่เคยคิดมากไม่มีทางเข้าใจหรอก แต่แกจะบอกให้เราค่อยๆคิดไป น้ำเคยถามว่าทำไมพี่กิ๊ฟท์ถึงไม่พูดเหมือนคนอื่น แกก็ตอบกลับมาว่า ‘บอกให้เลิกคิดน้ำก็ไม่ยอมหรอก สู้พี่แนะนำให้น้ำค่อยๆคิดดีกว่ามั้ย ‘
“ขอบคุณนะครับ”
“พี่ขอเพลงแทนคำขอบคุณได้มั้ย”
“พี่อยากได้เพลงอะไรละครับ แต่บอกไว้ก่อนนะ ว่าวันนี้น้ำอาจเล่นไม่ค่อยดี”
“แค่น้ำเล่นให้พี่ก็ดีใจแล้วละ ว่าแต่น้ำเล่นเพลงคำหวานเป็นมั้ย”
“เพลงที่ประกอบเรื่องโหมโรงน่ะเหรอครับ” น้ำพอจำได้ว่าเคยได้ยิน แต่เอ..เขาไม่มีโน้ตแฮะ
“อืม พี่เอาโน้ตมาให้ด้วยนะ อยากให้น้ำลองเล่นดู” แหม เตรียมพร้อมซะขนาดนี้ก็ต้องเล่นละครับ ตามประสาคนรักดนตรีก็ไม่ขัดอยู่แล้ว
“โอเคครับ ไม่ดีอย่าว่ากันนะ” น้ำหันมาพูดยิ้มๆ ก่อนจะจัดท่านั่งและวางโน้ตตรงหน้า พี่กิ๊ฟท์นั่งมองอิริยาบถของน้ำอย่างเพลิดเพลิน แขนเล็กๆทั้งสองข้างที่วางอยู่บนคีย์เปียโน เรียวขาเนียนที่เหยียบบนเพดัล
‘อา...อยากให้ขาคู่นั้นมาเหยียบขนตัวเขาจังเลย.. เฮ้ย ไม่ใช่ๆ คิดบ้าอะไรวะเรา’ บังเอิญน้ำกำลังตั้งใจเล่น เลยไม่ทันได้สนใจพี่กิ๊ฟท์ที่นั่งตบหัวตัวเองเหมือนคนบ้า
เสียงเปียโนเพลงคำหวานที่แสนหวานสมชื่อเพลงดังขึ้น เรียกให้พี่กิ๊ฟท์มีสมาธิจดจ่ออยู่กับเพลง สายตามุ่งมั่นของน้ำในเวลาที่เล่นเปียโนช่างชวนให้คนตกหลุมรักเหลือเกิน คนร้องขอให้เล่นเอาแต่นั่งจ้องงคนเล่นจนไม่เป็นอันฟังเพลงเลย
“เป็นไงบ้างครับพี่กิ๊ฟท์ พอฟังได้มั้ย” พี่กิ๊ฟท์สะดุ้งโหยงเมื่อรู้ว่าตัวเองเอาแต่มองจ้องโดยไม่ได้ฟังเลย
“อ๋อ เอ้อ ก็ดีนะ เพราะดี”
“ไม่ได้ฟังแล้วรู้ได้ไง”
“พี่ฟังอยู่นะ ใครว่าพี่ไม่ได้ฟั-” เอ๊ะ มันไม่ใช่เสียงน้ำนี่ เสียงน้ำไม่ห้วนแบบนี้
“นั่งจ้องแต่คนเล่น จะฟังอะไรรู้เรื่องละ” พี่กิ๊ฟท์หันไปทางเสียงห้าวทันที
“นาย! ถือวิสาสะเข้ามาทำอะไรในบ้านคนอื่นกัน” ไอ้บ้านี่อีกแล้ว ที่ลากน้ำตาลของเขาเข้าบ้านหน้าตาเฉย ถือว่าหล่อรึไงวะ ถึงได้ทำตัวกวนตีนแบบนี้
“เขื่อน เข้ามาได้ยังไงครับ ผมล็อกประตูบ้านแล้วนะ” น้ำหน้าเหวอ นี่ล็อกบ้านเขาเสียหรือไงนะ
“ก็นายให้กุญแจฉันไว้ ฉันก็ไขเข้ามาสิ” ดูท่าว่าเขื่อนคงมาจากบ้าน เพราะว่าชุดนักเรียนถูกถอดออกและเปลี่ยนเป็นชุดลำลองแล้ว
“อ๋อ นั่นสิ ผมลืม” ฮึ้ย ทำไมเซ่ออย่างนี้ รู้งี้ไม่น่าให้กุญแจไปเลย ไม่ต้องมีเวลาส่วนตัวกันพอดี
“แล้วจะมานั่งทำไม กลับบ้านตัวเองไปสิ” เขื่อนโบกมือไล่พี่กิ๊ฟท์ ดูท่าพี่แกจะฉุนมากเพราะลุกยืนทำท่าเหมือนจะชกเขื่อนแล้ว
“เอ้อ พี่กิ๊ฟท์ครับ น้ำนัดเพื่อนมาทำรายงานน่ะ ตอนนี้ก็มืดแล้วด้วยเดี๋ยวมันจะเสร็จช้า พี่กิ๊ฟท์กลับไปก่อนนะครับ” น้ำถลาเข้าไปตรงหน้าพี่กิ๊ฟท์และรั้งเอาไว้
“ทำการบ้านแน่เหรอน้ำ” พี่กิ๊ฟท์ถามเสียงขุ่น
“ดูซะ” เขื่อนโยนปึกเอกสารลงบนโต๊ะ พี่กิ๊ฟท์ชะโงกหน้าดูก็พบว่าเป็นเอกสารการทำรายงานจริงๆ แต่พอน้ำเหลือบไปดู เอ..วิชานี้มันเรียนจบไปตั้งแต่เทอมที่แล้วนี่นา
“เขื่อ-” พอน้ำเงยหน้ามาจะเถียงก็ถูกเขื่อนมองตาขวาง เลยต้องก้มหน้าหลบตาต่อไป
“ถ้ามีอะไรก็โทรหาพี่นะ โทรเข้ามือถือพี่เลยก็ได้ พี่กลับละ เหม็นหน้าคน” พี่กิ๊ฟท์ขยี้หัวน้ำและเดินออกไปทางประตูหน้า น้ำตามไปล็อกประตู และเดินเข้ามาหาเขื่อน
“เขื่อนมีธุระอะไรครับ”
“ไม่มีธุระ แล้วมาไม่ได้รึไง” คำตอบเอาแต่ใจ แต่ไม่รู้ทำไมน้ำต้องยิ้ม ยิ้มแสนหวาน...
“เวลายิ้มแล้วก็น่ารัก จะทำหน้าเศร้าทำไม” เขื่อนเอามือมาประคองที่หน้าของน้ำ รอยยิ้มหายไปเหลือแต่ความเขินอาย
“ผะ ผมไม่ได้ทำหน้าเศร้านี่ครับ” จู่ๆมาจับแก้มแล้วเอาหน้ามาประชิด ตกใจนะเนี่ย
“หึ โกหก” ใบหน้าคมนั้นค่อยๆเลื่อนเข้ามาใกล้ ลมหายใจอุ่นระเรี่ยใบหน้าของน้ำ เจ้าตัวหลับตาปี๋เพราะทำหน้าไม่ถูก
จุ๊บ!
จูบเหมือนเด็ก จูบเหมือนเวลาที่เราเล่นกับสัตว์เลี้ยง เสียงหัวเราะหึหึในลำคอทำให้น้ำลืมตาโพลงเพราะรู้สึกเหมือนถูกแกล้งแหย่
“เขื่อนขำอะไรครับ!” แทนคำตอบจากเขื่อน จูบที่ลึกซึ้งกว่าถูกประทับไปแทนที่ เรียวลิ้นอุ่นสอดแทรกชิมความหวาน
“อืม พอแค่นี้ก่อนนะ ที่มาเนี่ยเพราะมีอะไรมาให้ดู” เขื่อนละจากริมฝีปากนิ่ม ใบหน้าขาวเนียนมีสีหน้าเคลิ้มฝันดูเย้ายวน
“อะไรเหรอครับ” เสียงหวานสายตาปรือ จับกดเสียดีมั้ย? แต่เอาไว้ก่อนละกัน
“หึหึ” เขื่อนยกกระเป๋าใบโตขึ้นมาวางตรงหน้า ทำเอาน้ำแอบสงสัยว่าหิ้วมาตอนไหนหว่า แต่ก็ไม่มีเวลาให้คิดนานนัก เพราะเมื่อเขื่อนยกหีบไม้ขัดเงาออกมาน้ำก็เริ่มตาโต
“สวยมั้ย” เขื่อนถามน้ำที่ตอนนี้สายตาเป็นประกายวาววับไปแล้ว
“ฮื่อ สวยมากเลย เขื่อนไปเอามาจากไหนเหรอ” น้ำถลาเข้าไปสัมผัสกับขิมขนาดใหญ่ มือเล็กลูบไล้อย่างสนใจ
“ที่บ้านคุณย่าน่ะ ท่านชอบเล่นดนตรี แล้วก็สอนฉันด้วย” เขื่อนมองน้ำอย่างเอ็นดู พอเป็นเรื่องดนตรีละตาเป็นประกายเชียวนะ
“เหรอๆ แล้วนอกจากขิมมีอย่างอื่นมั้ย”
“ก็มีนะ มีระนาด มีซอ ประมาณนี้ละ”
“แล้วเขื่อนเล่นเป็นมั้ยเนี่ย”
“เป็นสิ เป็นทุกอย่างแหละ แต่ไม่เก่งเท่าคุณย่าหรอก”
“ลองเล่นคู่กันมั้ย” นั่นละคือสิ่งที่เขื่อนต้องการ อุตส่าห์แบกขิมจะมาเล่นด้วย ก็ดั๊นเจอเจ้าตัวดีเล่นเพลงไทยให้ไอ้บ้านั่นนั่งจ้องอยู่ได้
“เอาสิครับ เล่นเลยๆ” น้ำรีบกุลีกุจอไปที่เปียโน เขื่อนอมยิ้มและถามน้ำว่าจะเลือกเพลงอะไร
“ถ้าเป็นขิมก็ต้องเพลงไทยสิครับ” เขื่อนค้นโน้ตเพลงที่เขาเอาติดตัวมาและยื่นให้น้ำ เสียงโน้ตแรกถูกบรรเลงโดยแกรนด์เปียโนหลังใหญ่ และตามด้วยเสียงดังกังวานของขิม ความเพลิดเพลินที่ทำให้น้ำลืมความกังวลไปจนหมดสิ้น การได้ทำสิ่งต่างๆร่วมกับคนที่รักช่างให้ความรู้สึกแตกต่างกับการทำคนเดียวเหลือเกิน เมื่อเหลียวไปมองเขื่อนที่กำลังตั้งอกตั้งใจเล่นขิม ความขุ่นมัวเรื่องของแซมมี่ก็หายไปจากใจของน้ำ หัวใจสั่งการแต่เพียงว่าแค่เขาได้มีอยู่ในเศษเสี้ยวใจของเขื่อนก็เพียงพอ จะไม่เรียกร้องอะไรอีกแล้ว
“เพราะดีจังครับ ผมชอบเสียงขิมจังเลย” เขื่อนยิ้มเรียบๆเมื่อเห็นใบหน้าเจือความตื่นเต้นของน้ำ
“เรามีเรื่องต้องคุยกันนะน้ำ” คำพูดของเขื่อนดึงเอารอยยิ้มออกไปจากใบหน้าน้ำเหมือนสับสวิตช์ น้ำไม่ชอบประโยคแบบนี้ มันเป็นการบอกนัยๆว่า มีเรื่องไม่ดี...
“มานั่งตรงนี้” เขื่อนตบที่นั่งข้างตัวเอง
“นั่งนี่ก็คุยได้ครับ” น้ำไม่อยากฟัง ไม่อยากไปนั่งใกล้ๆ แต่อยากจะหายวับไปจากตรงนี้เลยได้ไหม?
“นายจะมาดีๆ หรือให้ฉันไปลากนายมานั่งตัก” เขื่อนทำสีหน้ายียวน น้ำจึงต้องลุกไปนั่งข้างเขื่อน แต่ก็ถูกดึงไปนั่งบนตักจนได้
“เขื่อน อย่าโกงสิครับ!”
“ฉันไม่ได้บอกสักหน่อย ว่าถ้านายเดินมาดีๆแล้วฉันจะไม่จับนั่งตัก” เขื่อนซุกจมูกไปตามซอกคอของคนบนตักที่เอาแต่เบี่ยงตัวออก
“จะคุยเรื่องอะไรครับ”
“เรื่องมะนาว” น้ำทำหน้างงทันที แค่คุยเรื่องมะนาว ทำไมต้องทำหน้าซีเรียสแบบนั้นด้วย แต่ในใจก็โล่งอก ไม่ใช่เรื่องแย่ๆอย่างที่เขาคิด
“มะนาวทำไมเหรอครับ” เขื่อนเงียบ ไม่พูดอะไร แล้วคนเงียบกว่าอย่างน้ำจะถามต่อเชียวหรือ ทั้งสองก็เอาแต่นั่งเงียบๆ จนน้ำกำลังจะผละไปนั่งบนโซฟานั่นแหละ เขื่อนจึงเปิดปาก
“คือว่านะ ไอ้โมนมันหึงที่นายสนิทกับมะนาว”
“บ้าแล้ว”
“เรื่องจริง มันอิจฉาที่นายสนิทกับมะนาว”
“ผมกับมะนาวเป็นเพื่อนกันนะครับ” สวยน่ารักขนาดมะนาวจะมาสนใจผู้ชายอ่อนแอแบบผมทำไมกัน
“เฮ้อ ก็นั่นละ แต่โมนมันหึง นายก็ระวังตัวหน่อยละกันนะ อย่าไปถึงเนื้อถึงตัวอะไรกันมาก” เขื่อนขมวดคิ้ว อันที่จริงต้องบอกกับมะนาวต่างหากว่าอย่ามาถึงเนื้อถึงตัวกับน้ำมาก ตัวเขาเองไม่ห่วงน้ำเลย แต่ห่วงมะนาวมากกว่า ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่ามะนาวคิดยังไงกับน้ำ แถมไอ้คนตรงหน้าเขาก็ไม่รับรู้อะไรเสียเลย
“ไม่เข้าเรื่องเลย โมนคิดมากไปเอง”
“เถอะนะ คิดซะว่าฉันขอ” เขื่อนทำหน้าเว้าวอนจนน้ำใจอ่อน
“ผมเคยขัดใจเขื่อได้ด้วยเหรอ...” น้ำหน้าหงิก
“หึหึ น่ารัก มาหอมทีนึง”
“ไม่เอา หอมทีไรลามปามทุกทีเลย”
“อย่างกดิวะ มาเร็ว” และแล้วร่างบางที่พยายามดิ้นหนีก็ไม่พ้นแรงควาย พอถูกจับกดจนหลังติดโซฟา ก็ไม่ได้ลุกขึ้นมาอีกเลยจนเกือบเช้า...
>>>>> TBC
ปล.1 :: เรื่องราวยังไม่คลี่คลาย เก็บเอาไว้เป็นประเด็นสำคัญดีกว่าเค่อะ
ปล.2 :: บีเองก็อยากลงเยอะๆนะคะ แต่ว่าตั้งกฎกับตัวเองไว้แล้ว ลงวันละนิด ดีกว่าลงทีละเยอะๆแล้วหายยาวนะคะ