THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 20
Of Course
09:42
เช้าวันใหม่ที่ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยเสียงคลื่นกระทบฝั่งที่บรรเลงเป็นจังหวะพร้อมด้วยความเย็นจากลมทะเลที่พัดเข้ามากระทบผิวชวนให้รู้สึกสบายตัว ผมปรือตาขึ้นมองภาพตรงหน้าเห็นคุณเพชรอยู่ไม่ห่าง ดูเหมือนว่าเขากำลังเปิดประตูที่ระเบียงออก
มิน่าล่ะ ถึงได้ยินเสียงคลื่นชัดขึ้น
เห็นแบบนั้นผมก็พลิกตัวไปมา ก่อนจะบิดขี้เกียจสองสามทีแล้วนอนต่อ แต่ก็นอนได้ไม่นานครับเพราะท้องของผมเริ่มประท้วงด้วยการส่งสัญญาณความหิวออกมา ว่าแล้วจึงลืมตาขึ้นอีกรอบพลางมองหาคนที่ตื่นก่อน แต่กลับไม่เห็นเขาอยู่ในห้องแล้ว
“เพชร”
“คุณเพชร”
“เพชร อยู่ในห้องน้ำรึเปล่า”
เรียกอยู่หลายครั้งแต่ไม่มีเสียงตอบรับ ผมเลยลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินหาเขารอบๆ ห้อง
“แฟนนน อยู่ไหนอ่า”
“แฟนอยู่นี่ค้าบ” เพชรตอบรับเสียงดังฟังชัด
คำตอบของเขาทำให้ผมยกยิ้มอย่างพอใจ
เรียกว่าเพชรอยู่ตั้งนานไม่ยอมตอบ แต่พอเรียกแฟนเท่านั้นแหละ หึ
ระหว่างที่กำลังจะเดินไปหาอีกคนที่น่าจะอยู่ริมสระว่ายน้ำ ผมก็แวะเข้าไปล้างหน้า แปรงฟัน จัดเผ้าจัดผมให้เป็นทรง ก่อนจะหยิบชุดคลุมอาบน้ำที่วางพาดอยู่มาสวมทับชุดนอนแล้วเดินไปหาคุณเพชร
พอเดินมาถึงริมสระกลับไม่เจอเจ้าของเสียงเมื่อครู่แล้ว นั่นทำให้เริ่มคิดในใจว่าหรือผมจะล้างหน้าแปรงฟันนานเกินไปจนคุณเพชรเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น เพราะถ้าดูจากจานอาหารที่จัดวางสวยงามอยู่บนโต๊ะกระจกใสริมสระในตอนนี้ ก็พอจะเดาได้ว่าเมื่อกี้เพชรคงมาเตรียมอาหารเช้าอยู่อย่างแน่นอน
พอมีสิ่งเบี่ยงเบนความสนใจผมเลยเลิกตามหาเขาแล้วเปลี่ยนเป็นเดินไปนั่งตรงนั้นแทน ยิ่งเข้าใกล้โต๊ะอาหารกลิ่นหอมของออมเล็ตกับซุปร้อนๆ ยิ่งเตะจมูกชัดขึ้นจนผมต้องลอบกลืนน้ำลายลงคออยู่หลายที
น่ากินแฮะ
จังหวะที่กำลังเพลิดเพลินกับการจินตนาการว่าถ้าของกินน่าอร่อยพวกนี้เข้าไปอยู่ในปากของผมมันจะฟินแค่ไหนนั้น ผมก็ถูกรุกล้ำจากคนมือไวที่มาสวมกอดจากทางด้านหลังพร้อมกับเอาหน้าคมมาซุกลงที่ลาดไหล่ ก่อนที่ไรหนวดของคุณเพชรจะมาถูไปมาที่บริเวณข้างแก้มของผมจนทำให้ผมรู้สึกจั๊กจี๊ ถึงขั้นต้องหัวเราะคิกคิกออกมาแล้วใช้มืออีกข้างดันหน้าคนซุกซนออกไปก่อน
“โกนหนวดบ้างป่ะ”
“ก็แฟนไม่ยอมโกนให้อ่า” ทำมาเป็นเสียงสองบวกด้วยหน้ามุ่ยที่เจือรอยยิ้ม
“ก็เห็นว่ามีมือ” ผมพูดว่าไปแล้วอมยิ้มไว้
“แต่มือก็เจ็บอยู่” คนตัวสูงทำปากยื่น
“แต่มือก็กอดเราได้อ่ะ” ว่าแล้วก็มองไปที่แขนของคนที่บอกว่ามือเจ็บ แล้วเบนสายตากลับขึ้นมาจ้องตาเจ้าเล่ห์อีกครั้ง จังหวะนั้นเขาก็ขโมยหอมแก้มผมฟอดใหญ่อีกครั้งหนึ่งก่อนจะปล่อยให้ผมเป็นอิสระ
“เราหิวแล้ว”
“นี่ไง ผมเตรียมไว้ให้
เห็นว่าคุณหงส์กำลังหลับสบายก็ไม่อยากปลุก
…คิดว่าคงตื่นไม่ทันเวลาอาหารเช้า ผมเลยสั่งมาให้ที่ห้องแทน”
“ทำดี”
“ขอรางวัล” คุณเพชรทำแก้มป่อง ก่อนจะหลับตาลงแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม
ความเพชร
แม่งอ้อนเก่งว่ะ ผมยิ้มร้ายพร้อมกับยื่นมือไปเกาคางเพชร แล้วพูดเสียงสอง
“น่าย้ากยะค้าบบ นุ้งเพชร เดี๋ยวพี่หงส์จะซื้อกระดูกให้แทะเล่นนะก๊าบบ”
“ดูจิ เชื่องเชียว น่าร้ากกกกก”
พอรู้ตัวว่ากำลังถูกแกล้งให้เป็นหมา คนที่หลับตาอยู่ก็ลืมตาขึ้นพร้อมทำหน้ามุ่ยอีกครั้ง
“นี่ไม่ใช่หมานะ”
“ไม่ได้ว่าเป็นหมานี่ก๊าบ แค่จะให้รางวัลนุ้งเพชรด้วยกระดูกเฉยๆ”
“อ้าวหรอ แต่นุ้งเพชรไม่แทะกระดูกนะก๊าบบ
...ใช่ที่ไหนละคุณ นี่แฟนนะ ไม่ใช่หมา โด่วววว”
หลังจากนั้นเราก็นั่งทานข้าวเช้ากันอย่างสบายๆ คุยเล่นกันไปเรื่อย ไม่ได้จริงจังอะไร
จนช่วงท้ายที่เริ่มอิ่มเพชรจึงพูดประโยคนึงขึ้นมา
“ผมตัดสินใจละ…” น้ำเสียงจริงจังเรียกให้ผมละสายตาจากการหั่นแตงโมเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง
เขาเงียบไปครู่หนึ่งแลวพูดต่อ “ผมจะขายบิ๊คไบค์”
หูฝาดไปรึเปล่า ผมย่นคิ้วเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว
“ขายเลยหรอ”
คืองี้...ตอนที่ขอให้เพชรเลิกขับบิ๊คไบค์ ผมแค่คิดว่าจะขอให้เขาเลิกขับแบบจริงจัง
แต่ถ้าจะขับเล่นในซอยหมู่บ้านหรือขับเป็นงานอดิเรกก็ไม่ได้ว่าอะไร
พอเพชรพูดว่าเขาจะขายทิ้ง มันเลยทำผมตกใจนิดหน่อย...เพราะนั่นคือสิ่งที่เขารัก
“ผมเริ่มขับบิ๊คไบค์ประมาณ ม.6”
“แต่ผมเริ่มรักคุณมาตั้งแต่ ม.1 แค่นี้ก็รู้แล้วป่ะ ว่าต้องเลือกอะไร”
ฟังดูเหมือนกับว่ากำลังทำให้เขาต้องเลือก
แต่คำพูดของผมเมื่อคืน ก็คือคำพูดที่ทำให้เพชรต้องเลือกจริงๆ
“แน่ใจใช่มั้ย” ขอถามเขาอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
คนด้านข้างพยักหน้าแล้วยิ้มรับ “อื้ม คิดมาทั้งคืนแล้ว”
ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ยอมรับการตัดสินใจของเขา
ผมเอื้อมมือไปหยิบมือเพชรมากุมเอาไว้แล้วบีบเบาๆ
“อยู่ต่ออีกคืนได้ป่ะ” คนที่ถูกจับมือพูดขึ้น
“แต่พรุ่งนี้มีเรียนนะ”
“โดดไง” ผมเบิกตากว้างมองคนด้านข้างที่กำลังชวนโดดเรียนหน้าตาเฉย
หนุ่มวิศวะ ว่าที่เกียรตินิยมอันดับ 1 กำลังชวนผมโดดเรียน
ผมทำท่าทางเหมือนคนใช้ความคิด นั่นทำให้สีหน้าของเพชรหมองลงไปอีก
สุดท้ายก็แพ้ทาง
“งั้น...โดดก็โดด”
ก็วิชาที่เราเรียนด้วยกัน แล้วถูกจับเป็นคู่กันนั่นแหละครับ เล่นหายไปทั้งคู่แบบนี้ เค้ารู้หมดว่าแอบโดดไปด้วยกัน
พอผมตอบรับฝ่ายนั้นก็กำมือทำท่าดีใจ “เยสสสส”
“งั้นวันนี้คุณหงส์อยากทำไร อยากไปไหน ผมพาไปหมด”
“อยากล่องเรือ”
“อื้อหืออ” คนด้านข้างดูเหมือนจะตกใจในคำพูดของผม
ทำให้ผมหลุดขำออกมาแล้วไล่มองเพชร
“แต่สภาพคุณเพชรตอนนี้ เราคงอยากจะพาไปล้างแผลที่โรงพยาบาลก่อนอ่ะ”
“หึ”
กินข้าวเสร็จก็ได้เวลาอาบน้ำ เพชรอาบก่อนส่วนผมอาบทีหลัง พออาบเสร็จก่อนคุณเขาก็เลยมานอนดูทีวีอยู่บนเตียงกระดิกเท้ารออย่างสบายใจ
“คุณหงส์ นี่อะไร” เสียงทุ้มพูดขึ้นแล้วมองมา ผมที่กำลังยืนทาครีมอยู่หน้ากระจกเลิกคิ้วขึ้นอย่างคนไม่เข้าใจคำถาม
“นี่อะไรคืออะไร”
“นี่ชุดหรือเศษผ้า”
นั่นไง เป็นเรื่องจนได้
คิดไว้แล้วว่าคุณเพชรต้องมีปัญหากับเสื้อผ้าของผม ก็แค่กางเกงขาสั้นมากมายกับเสื้อเชิ๊ตตัวยาวสีเหลือง
ผิดมากหรอถ้าผมอยากจะเตรียมชุดแรดๆ มาใส่เดินเล่นริมทะเล
คิดแล้วก็เบะปากเบาๆ ออกมา
เชอะ! รู้งี้ไม่ชวนมาก็ดี
“เศษผ้าตรงไหน นี่ทั้งตัวรวมกันเกือบครึ่งแสนเชียว” ผมพูดพลางเกลี่ยครีมลงบนหน้า
แล้วทำทีเป็นไม่สนใจอีกฝ่าย
ระหว่างนั้นคนที่นอนอยู่ก็ลุกขึ้นมายืนกอดอกจ้องมองผมอยู่ด้านข้าง
“แล้วชุดครึ่งแสนนี่ เค้าไม่ให้กระดุมเม็ดบนๆ มาหรอครับ
มันถึงได้เปิดโชว์ลงไปถึงสะดือขนาดนี้” พูดจบก็เอามือมาถูเสื้อผมแล้วไล่จับกระดุม
“เว่อ ถึงสะดืออะไร แค่กลางอก”
“ไม่รู้แหละ ติดกระดุมเลย ไม่อนุญาตให้เปิดมากมายขนาดนี้”
“ก็มันอึดอัดอ่ะ หายใจไม่ออกเข้าใจป่ะ”
“ไม่เข้าใจ แล้วก็จะไม่มีวันเข้าใจครับ
มานี่เลย” พูดจบเพชรก็ดึงตัวผมเข้าไป ก่อนจะยื่นมือมาดึงกระดุมเม็ดบนไปติดจนหมด
ผมดิ้นหนีแต่ไม่รอดเพราะเขาออกแรงดึงมากกว่า บวกกับกลัวเสื้อจะขาดด้วยเลยทำนิ่งเอาไว้ พอเพชรติดกระดุมเสร็จผมก็แลบลิ้นใส่เขาแล้วใช้มือปลดออก
คนตัวสูงจะทำหน้านิ่งตึงแล้วเอามือมาติดกระดุมให้อีกรอบ ผมมองตาปริบๆ แล้วก็ปลดออกหลังจากที่เขาติดเสร็จ แถมรอบนี้ปลดกระดุมออกจนหมดเลย
รอบนี้เขาเงียบ ไม่ดึงดันจะบังคับผมให้ติดกระดุมต่อ
แต่คุณเพชรยกยิ้มมุมปากแล้วเดินผ่านหน้าผมไปที่กระเป๋าของเขา ก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างแล้วเดินกลับมา
“ดี งั้นใส่นี่แทน” พูดจบเขาก็วางไอ้ของที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะเครื่องแป้งแล้วถอดเสื้อผมออก ผมเลยต้องดิ้นขัดขืนพอเป็นพิธี แถมด้วยความโง่ที่ดันปลดกระดุมออกจนหมด เลยถูกถอดเสื้อจากคนมือไวออกได้อย่างง่ายดาย
“ใส่อะไร ไม่เอา เราจะใส่ตัวนี้ ม่ายย คุณเพชร ไม่เล่นแบบนี้”
ทำเสียงดังเข้าใส่ แต่ดูเหมือนว่าเพชรไม่ได้สนใจ แถมยังล็อคแขนผมไว้ แล้วจับเสื้อวอร์มโง่ๆ มาสวมทับตัวผมด้วย
“คุณเพชร บ้าไปแล้วหรือไง”
“คุณอ่ะแหละ” พูดจบเพชรก็รวบตัวผมไปนอนบนเตียง แล้วจับขาจับแขนผม
ทำท่าจะถอดกางเกงผมออก
“จะปล้ำเรารึไง น่าเกลียด”
ผมก็ดิ้นๆ พอเป็นพิธี...จะดิ้นมากได้ไงล่ะครับ ขืนไปโดนแผลขึ้นมาเดี๋ยวคุณเขาจะเจ็บอีก เลยต้องยอมให้เพชรถอดกางเกงผมออกหน้าตาเฉย พร้อมกับสวมกางเกงวอร์มตัวโคร่งเข้ามาแทน ทำเสร็จแล้วก็จับตัวผมให้ลุกขึ้นมายืนแห้งๆ อยู่หน้ากระจก
เมื่อเหตุการณ์เผด็จการจับเปลี่ยนชุดจบลง ผมก็ยืนหายใจหอบมองคนใจร้ายแล้วค้อนใส่เขาไปหนึ่งที คุณเพชรจัดทรงผมตัวเองให้กลับเป็นทรงก่อนจะมองมาที่ผมนิ่งๆ
“นี่รถล้มจริงป่ะเนี่ย ไม่เจ็บแผลบ้างหรอ ไปเอาแรงจากไหนเยอะแยะมาขืนใจเรา”
“ล้มจริง แต่แรงอ่ะมีมากกว่านี้อีก ถ้าคุณหงส์ยังแต่งตัวโป๊”
“ใจคอจะเก็บไว้ดูคนเดียวรึงะ” พูดจบก็เชิดหน้าใส่
ไม่พอใจโว้ยยยยย
“ใช่” ร่างสูงตอบห้วนๆ
ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง เลยหันไปมองสารร่างตัวเองในกระจกก่อนจะหลุดขำออกมา
“นี่มันชุดอะไร ให้เราครูพละหรอ”
เสื้อวอร์มตัวโคร่งกับกางเกงวอร์มตัวใหญ่สีเขียวเข้มแถบสีส้ม
ชุดวอร์มแบบที่ดูเป็นแฟชั่นมันก็มีเหอะ ไม่เห็นจะต้องเป็นชุดครูสอนพละแบบนี้เลย
โว้ยยย ไอ้เพชรบ้า
“สวมชุดนี้หนึ่งวัน…เพื่อดัดนิสัย”
พูดจบคุณเพชรก็จูงมือผมออกจากห้องอย่างคนบังคับขู่เข็น
ทั้งที่ผมยังทาครีมบนหน้าไม่เสร็จเลย อะไรจะขนาดนี้
ดีนะหยิบแว่นกันแดดติดมือมาได้
สุดท้ายผมก็ต้องไปโรงพยาบาลในสภาพอย่างงั้นแหละครับ ซึ่งดูไปดูมามันก็ไม่ได้แย่
เพราะอะไรนะหรอ
.
.
เพราะไม้แขวนดี ใส่อะไรก็สวย
กลับมาที่รีสอร์ทเกือบบ่ายโมง ผมยังไม่ค่อยหิวเพราะเพิ่งทานข้าวเช้ากันไป แต่สิ่งที่ผมรู้สึกมากในตอนนี้ก็คือรู้สึกง่วง
ทันทีที่ถึงห้องพักผมก็ทิ้งตัวลงบนเตียง แล้วมุดตัวเข้าไปขดอยู่ในผ้าห่มเตรียมนอน
ระหว่างนั้นคุณเพชรก็เดินไปปิดประตูระเบียงพร้อมกับเปิดแอร์ให้ผมได้เย็นสบาย
“นอนนะเพชร” ผมพูดบอกคนที่ยืนมองผมอยู่ พร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้เขา
เห็นบอกจะโทรหาแม่อัพเดตอาการ หลังจากนั้นผมก็หลับไปเลย
ตื่นขึ้นมาอีกทีเหลือบมองนาฬิกาก็บอกเวลาบ่าย 2 กว่า มองหาอีกคนในห้องไม่เจออีกแล้ว ไม่รู้เขาจะขยันหายตัวไปไหนนักหนา ผมก็เลยลุกไปฉี่ ล้างหน้าล้างตาแล้วเดินหาจนทั่วห้องแต่ก็ยังไม่เจอคุณเพชรอยู่ดีนั่นแหละ จังหวะที่ผมกำลังจะเดินไปเปิดประตูห้องเพื่อออกไปหาข้างนอก ก็มีคนเปิดประตูเข้ามาพอดี
ก็คนที่ผมกำลังหาอยู่นี่แหละครับ
“ไปไหนมาอ่า”
เพชรไม่ได้ตอบคำถามแต่ชี้ออกไปที่ระเบียง
งงมั้ยให้ทาย??
แล้วร่างสูงก็เดินเข้ามาทำท่าเก็บของใส่กระเป๋าก่อนจะพูดคลายความสงสัยให้ผม
“ไปล่องเรือกัน”
คำพูดสั้นๆ แต่ทำให้ผมตาโตขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน
ผมรีบวิ่งเข้าไปเกาะแขนเพขรเอาไว้แล้วถามออกมาอย่างประหลาดใจ
“จริงดิ่” กลัวเขาจะมาหลอกให้ดีใจเล่น
“ใช่ เพิ่งไปติดต่อมาเมื่อกี้เอง เดี๋ยวอีก 20 นาทีเรือออก”
“โหหหหห ป๋าว่ะ”
ร่างสูงหันมามองหน้าผม แล้วยื่นมือมาดึงแก้มผมทีนึง “แน่นอนครับ”
พอคอนเฟิร์มแล้วว่าชัวร์ ผมก็รีบวิ่งเข้าไปเปลี่ยนชุดสิครับ จะรออะไร
ถือกระเป๋าใบโตติดตัวมาคนละใบแล้วเดินตามเจ้าหน้าที่รีสอร์ทมาบริเวณท่าเรือที่มีเรือยอร์ชลำสีขาวจอดอยู่ ได้เห็นแบบนั้นผมก็ตาลุกวาว เพราะไม่คิดว่าเพชรจะเอาจริง เมื่อเช้าที่พูดคือพูดเล่น ผมรู้มาจากงานแถลงข่าวเมื่อคืนว่าทางรีสอร์ทมีบริการนี้ เลยลองพูดขำๆ แต่คุณเพชรไม่ขำด้วย ผมจึงได้ลองเรือด้วยประการนี้
เรือยอร์ชสีขาวสวยลำใหญ่ที่ประเมินจากสายตาแล้วน่าจะรับสมาชิกได้เกือบ 20 คน แต่ตอนนี้ถ้าไม่นับรวมเจ้าหน้าที่บนเรือก็จะมีแค่ผมกับคุณเพชรแค่สองคน
ส่วนตัวไปอีก : )
ขึ้นมาเดินสำรวจภายในเรือได้ไม่นาน เรือลำสวยก็แล่นออกจากฝั่ง
ผมจึงเดินมานั่งเล่นถ่ายรูปอยู่บริเวณด้านหน้าเรือกับคุณเพชร อาจเพราะตอนนี้เวลาเกือบบ่าย 3 แล้ว แดดเลยไม่ร้อนมาก ถ่ายรูปกันจนหนำใจ...อ๊ะ วันนี้ผมไม่โดนแกล้งแอบถ่ายตอนเผลอนะครับ เพราะคนที่ชอบแกล้งไม่มีโทรศัพท์ จอแหลกละเอียดไปตั้งแต่เมื่อวาน ผมเลยรอดตัวไป ได้แต่ภาพสวยๆ มาเก็บเอาไว้ หลังจากนั้นเพชรก็หายไปทำอะไรบางอย่างปล่อยให้ผมนอนรับลมไปพลางๆ
ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับถังแช่แชมเปญแล้วก็แก้วสองใบ
ภาพนี้คุ้นๆ แฮะ
เหมือนตอนไปพัทยาเลย > <
“คิดไง ถึงพามาจริง”
“ก็เห็นมีคนอยากมาจริง” คนด้านข้างพูดตอบก่อนจะยื่นแก้วแชมเปญที่เทเรียบร้อยแล้วมาให้
ผมรับแก้วมาไว้ในมือแล้วหันหน้ากลับไปปะทะลมต่อพร้อมกับเอามือเสยผม
“รู้ได้ไงว่าเราอยากมาจริง”
“รู้ก็แล้วกัน”
“ทำมาเป็นว่าเราปลดกระดุม ตัวเองก็ทำเหมือนกันแหละ” พอไล่มองคนด้านข้างถึงได้เห็นว่าเสื้อเชิ๊ตสีขาวของเขา ถูกปลดกระดุมด้านบนลงมาเกือบ 4 เม็ด
“ก็ปลดริมทะเล ไม่ได้ใส่ไปโรงพยาบาล” เพชรตอบเสียงทุ้มต่ำ พร้อมกับยื่นแก้วมาชน
“Cheers!”
พักใหญ่ที่เรือแล่นออกมาจากฝั่ง พี่คนขับก็หยุดเรือ แล้วเดินมาบอกว่าจะจอดเรือบริเวณนี้พร้อมกับที่อาหารกินเล่นออกมาเสิร์ฟ
“คุณเพชรเล่นน้ำไม่ได้ใช่มั้ย”
“ทำไมอ่ะ”
คำถามของเพชรทำให้ผมเหลือบมองแผลที่แขนของเขา คนที่ถูกมองเลยยิ้มออกมา
“เล่นได้แหละ น้ำทะเล”
“แน่ใจนะ”
“แน่ดิ”
“ก็ได้ งั้นเราขอโดดก่อน” พูดจบผมก็ลุกขึ้น แล้วหันหน้าเข้าหาเพชรมองหน้าเขาอย่างท้าทาย
“ไม่ชอบให้เราแต่งตัวโป๊ใช่ป่ะ”
ว่าแล้วมือเรียวก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตตัวเมื่อเช้าที่ถูกให้เปลี่ยน
ผมปลดช้าๆ ทีละเม็ด แล้วมองเพชรที่นอนอยู่
ก่อนจะโยนเสื้อไปให้เขา แล้วเลื่อนมือลงมาปลดตะขอกางเกงต่อ
ผมแกะตะขอออกแล้วรูดซิปลงช้าๆ พร้อมกับหันหลังให้เขาแล้วถอดกางเกงออก
ไม่รู้ว่าคนด้านหลังทำหน้ายังไง แต่ผมกำลังยกยิ้มมุมปากอยู่
“มันไม่ได้โป๊ไปช่ะ” ประโยคคำถามแต่ไม่ได้ต้องการคำตอบ
ว่าแล้วก็โดดลงทะเลไป
ตู๊มมมมม !!
ความรู้สึกแรกที่จมดิ่งลงไปในทะเล ผมรู้สึกได้ปลดปล่อยตัวตนออกมาอย่างบอกไม่ถูก
จากนั้นก็ลอยขึ้นมาตามแรงถีบขา แล้วผมก็ตะโกนเย้วๆ เรียกคนด้านบน
“ลงมาเร็วคุณเพชร” ผมโบกไม้โบกมือให้เพชร
พร้อมกับที่เขาลุกขึ้นถอดเสื้อแล้วทำท่าจะโดดลงมา
“รอผมนะ” พูดจบร่างสูงก็โดดลงมาด้านข้างผม ทำเอาน้ำทะเลเค็มๆ กระจายใส่หน้าผมเต็มไปหมด
พอเพชรโผล่ขึ้นมา เขาก็ลูบผมตัวเองแล้วปัดน้ำออกจากหน้า
“หนุกดีอ่ะ โดดกันอีกรอบป่ะคุณ”
แล้วเขาก็จับผมหันหลังพร้อมกับพาว่ายน้ำกลับมาขึ้นเรือ
ตอนนี้เรามายืนอยู่ตรงบริเวณขอบเรือที่ใช้โดดเมื่อครู่ เพชรเอื้อมมือมาจับมือผมไว้แน่นแล้วหันมายิ้ม
เอ้อ ผมไม่ได้โป๊นะครับ ผมใส่กางเกงว่ายน้ำอยู่ > <
“พร้อมนะ นับสามนะ...
หนึ่ง
สอง
สาม”
ตู๊มมมม
ผมกับเพชรทิ้งตัวลงทะเลในจังหวะเดียวกัน แต่ท่าของเขาน่าจะสวยกว่าท่าผมหน่อย
อันนี้ต้องยอม เพราะเพชรว่ายน้ำเก่งกว่าผมเยอะ
แล้วเราสองคนก็ผลุบลงในน้ำ ก่อนจะโผล่ขึ้นมาแล้วพากันถีบขาเอาไว้
ส่วนมือที่จับกันไว้ก็ยังจับกันแน่นอยู่
“อีกรอบมั้ย” ผมถาม
ไม่รอช้าเราพากันว่ายขึ้นเรือเหมือนเคยแล้วทำอย่างนั้นอยู่อีกหลายรอบ
จนเริ่มรู้สึกเหนื่อย
“เหนื่อยเหมือนกันแฮะ” ผมพูดบอกเพชรหลังจากที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้
เขาพยักหน้ารับ “เหนื่อยไม่เท่าไหร่ แต่แสบนี่ดิ”
“ไหวป่าว”
“สบ๊ายย มาเกาะหลังผมดิ” ว่าแล้วคนตรงหน้าก็พลิกตัวพร้อมกับหันหลังเพื่อให้ผมวางมือเพื่อเกาะบนตัวเขา ก่อนที่คนร่างสูงจะพาผมว่ายน้ำเล่นในบริเวณนั้น
ชมน้ำ ดูปลา มองพระอาทิตย์กันไปเรื่อยจนเริ่มหมดแรง ผมเลยเปลี่ยนมาเป็นกอดคอเขาไว้แทน พอเห็นว่าผมพยายามเปลี่ยนท่าเพชรเลยหยุดว่ายน้ำก่อน แล้วดีดตัวกลับมาในท่าตรงพร้อมกับกอดคอผมตอบ
เรากอดคอแล้วหันหน้าเข้าหากัน ใบหน้าห่างกันไม่มากนัก
“สวยว่ะ”
หมายถึงหน้าเรา หรือหมายถึงวิว ผมมองตาคนตรงหน้าแล้วสงสัย
“ทั้งทะเล แล้วก็คุณหงส์นั่นแหละ” คำพูดของเพชรทำให้ผมหลุดขำแล้วหลุบตามองต่ำ
เขินได้ป่ะล่ะ
แต่ดูเหมือนกับว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ผมหลบตาได้นาน ตอนนี้มือไวของเขายื่นมาเชยคางผมขึ้นให้สบตากับเขาอีกครั้ง แล้วคนตรงหน้าก็ก้มลงมาใกล้ๆ
ก่อนที่ริมฝีปากนิ่มจะยื่นมาแตะริมฝีปากบางของผม
เพชรฉวยจูบผมอย่างอ่อนโยน
ไม่นานเขาก็สอดลิ้นเข้ามาช่วงชิมความหวานจากรสผลไม้ที่ผมเพิ่งทานไปก่อนหน้า
ผมรับสัมผัสจากคุณเพชรแล้วดันลิ้นตัวเองต่อสู้กับความดุดันของลิ้นที่เข้ามา
มันฉวัดเฉวียนหยอกล้อกันไปมา เหมือนกับปลาที่ว่ายเวียนอยู่ในทะเลรอบตัวเรา
ดีว่ะ
รู้สึกดีจริงๆ
เราจูบกันอยู่นาน มีจังหวะผ่อนหนักผ่อนเบา มีแกล้งกัดขบเม้มริฝีปากให้ความตื่นเต้นมากกว่าเคย พอเราได้แลกเปลี่ยนความหวาน ช่วงชิมรสจูบกันไปมาจนพอใจ คุณเพชรก็ปล่อยริมฝีปากนุ่มของผมให้เป็นอิสระ ก่อนจะพาผมว่ายน้ำกลับมาที่เรือ
ช่วงเย็นหลังจากที่อาบน้ำแล้วก็ทานข้าวเย็นกันเรียบร้อย เพชรก็จูงมือผมมานอนดูดาวอยู่บริเวณท้ายเรือ
โชคดีของเรา...ที่วันนี้คลื่นลมสงบ แถมยังเป็นคืนที่มีดาวกว่าล้านดวงลอยสวยอยู่บนท้องฟ้า เสียงน้ำทะเลบวกกับลมเย็นเบาสบายปะทะหน้า ชวนให้บรรยากาศดีขึ้นไปอีก
ผมกับคุณเพชรนอนหนุนหมอนใบเดียวกัน ไล่ชี้ดูดาวดวงนั้นดวงนี้ไปเรื่อย ครู่ใหญ่คนด้านข้างก็ยกหัวผมขึ้น ก่อนที่เขาจะช้อนหลังผมให้มานอนบนอกแกร่งแล้วกอดผมไว้แน่น
“คุณหงส์ เห็นดาวดวงนั้นมั้ย”
ผมเงยหน้าขึ้นมองเสี้ยวหน้าคมของคนพูด แล้วมองตามมือเรียวที่ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ดวงนั้นหรอ” ผมชี้นิ้วไปที่ดาวที่ตัวเองคิดว่าน่าจะใช่
“ที่สว่างๆ อยู่สองดวงตรงนั้นอ่า”
“อ่อ เห็นแล้ว เห็นแล้ว” เสียงใสร่าเริงเมื่อรู้ว่าดาวที่ตัวเองคิด คือดาวที่เพชรชี้ให้ดู
“ผมจองให้เป็นดาวของเรานะ”
“หื้มม”
ดาวของเรา : )“ดวงที่ใหญ่กว่าให้ชื่อว่าเพชร ส่วนดวงเล็กที่อยู่ข้างกันชื่อหงส์”
“ดาวเพชรกับดาวหงส์หรอ”
“ช่ายย”
ผมละสายตาจากดาวบนฟ้า กลับมามองคนด้านข้าง เขามองมาที่ผมแล้วส่งยิ้มให้
“ถ้าวันไหนคุณคิดถึงผม ก็มองมาที่ดาวสองดวงนี้ ส่วนผมก็จะมองเหมือนกัน”
“ถ้าเราคิดถึงคุณเพชร เราก็ไปหาคุณเพชรไง ไม่เห็นต้องมองดาวเลย”
“โรแมนติกหน่อยดิคุณ” ร่างสูงลูบหน้าตัวเองพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
เขาทำให้ผมขำตาม
เออว่ะ ผมโคตรตัดอารมณ์เลย
ขอโทษค้าบ
“เอาใหม่ๆ งั้นเอาเป็นว่า ถ้าเราคิดถึงกัน มองดาวคู่นี้ ก็จะได้รู้ว่าอีกคนกำลังมองอยู่
แบบนี้ใช่มั้ย”
“ใช่เลย”
แล้วคุณเพชรก็ก้มลงมาประทับจูบไว้ที่หน้าผากของผม
เรานอนกอดกันไม่ได้มีใครพูดอะไร ปล่อยให้เวลามันเดินผ่านไปช้าๆ
ถ่ายโอนความรู้สึกดีให้กันผ่านอ้อมกอด
พร้อมกับมองดวงดาวที่เป็นดาวของเราบนท้องฟ้า
เวลานี้ทำให้ผมนึกถึงคำที่บอกว่า ‘โลกนี้มีเพียงแค่เราสองคน’
ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเข้าใจ แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว
เพชรลูบหัวผมอย่างแผ่วเบาแต่สวมกอดผมไว้แน่น เช่นเดียวกับที่ผมกอดเขาตอบ
ครู่หนึ่งคนด้านข้างก็ฮัมเพลงออกมา
แม้จะเป็นเพลงที่ผมไม่ค่อยคุ้นหู แต่ก็เคยได้ยิน
“อยู่กับฉันได้ไหม ให้แก่เฒ่าเป็นตายาย
ในบั้นปลายสุดท้ายของ ดวงชีวัน”
“ร้องเพลงหรือประโยคคำถาม”
“ถ้าประโยคคำถาม จะได้มั้ยล่ะ”
“ได้แหละ”
การที่คนๆ นึง ยอมทิ้งสิ่งที่ตัวเองรักตามคำขอของคนอีกคน
ดังนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องยากที่ผมจะตอบคำถามนี้ของเขาเช่นเดียวกัน
**To Be Continued**ใกล้จบแล้วว ก็จะหวีดๆ แบบนี้แหละจ้าา