The Protector (
หลังจากทำข้อตกลงกับฝ่ายรัฐบาล นครแห่งชีวิตก็กลายเป็นที่กล่าวขาน ยกย่องจากคนทั่วไป ผู้คนหลีกเลี่ยงคำว่ามิวเทนท์ และเลือกใช้คำว่าผู้ใช้พลังเพื่อแสดงถึงความเคารพยกย่อง สถานะของพวกมิวเทนท์ได้รับการเชิดชูอยู่เหนือผู้คน เรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองของนครแห่งชีวิตก็ว่าได้
น่าเสียดายที่ยุคทองของพวกเขาคงอยู่ได้เพียงไม่นาน
เป็นไปได้ว่าราชาซอมบี้ทราบเรื่องความร่วมมือระหว่างมนุษย์และมิวเทนท์ ดังนั้นหลังจากที่จิวซือกลับไปยังนครแห่งชีวิตเพียงสามเดือน การโจมตีของเหล่าซอมบี้ก็เริ่มรุนแรงขึ้น ซอมบี้ระดับนายพลและทหารระดับสูงถูกส่งออกมาจากด้านหลังป่าแห่งความตายอย่างต่อเนื่อง น่าแปลกที่พวกมันหลีกเลี่ยงนครแห่งชีวิต จนจิวซือเกิดความสงสัยว่าบางทีเทือกเขาแห่งนี้คงมีความพิเศษบางอย่างที่เขาไม่รู้
ในช่วงแรกนครแห่งชีวิตเพียงส่งผู้ใช้พลังระดับทั่วไปไปช่วยต้านกองกำลังของพวกซอมบี้ ต่อมาพบว่ามีซอมบี้ระดับสูงจำนวนมากปะปนอยู่ ราวกับว่าพวกมันกำลังเตรียมการสำหรับการโจมตีครั้งใหญ่ จิวซือทราบข่าวนี้ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ก่อนหน้านี้ที่การปะทะระหว่างซอมบี้กับกองกำลังติดอาวุธลงเอยที่การเสมออาจเป็นความตั้งใจของราชาซอมบี้ บางทีเขาแค่นึกสนุก และต้องการรักษาความสมดุลนี้ไว้ บางทีการตัดสินใจเข้าข้างมนุษย์ของพวกมิวเมนท์เป็นชนวนสำคัญ
จากนครแห่งชีวิตไปถึงชายแดนเมืองสตาร์ตัสใช้เวลาเดินเท้าประมาณครึ่งวัน จิวซือ คานส์ ฮิล ซีโน่และบรรดามิวเทนท์ระดับสูงกว่าห้าร้อยคนเดินทางมายังเมืองสตาร์ดัส ส่วนที่เหลือเฝ้ารักษานครแห่งชีวิต เมืองสตาร์ดัสบัดนี้เต็มไปด้วยกองกำลังติดอาวุธ ประชาชนที่เพิ่งอพยพกลับมาก็ถูกพาตัวออกไปยังสถานที่ปลอดภัยอีกครั้ง รวมถึงพ่อแม่ของซีโน่ด้วย
“พวกมันจงใจตีเมืองสตาร์ดัส” นายพลอีวานกล่าวด้วยสีหน้าฉายความกังวล ด้านซ้ายมือของเขาคือนายทหารระดับสูงอีกสามคน ซึ่งมีท่าทางเคร่งเครียดไม่ต่างกัน การถอนกำลังของพวกซอมบี้จากเขตแดนอื่นๆ แล้วมุ่งเป้าตีเมืองสตาร์ดัสที่อยู่ใกล้นครแห่งชีวิต และสมควรจะเป็นเมืองที่ปลอดภัยที่สุด ทำให้เกิดคำถามมากมาย และแม้ฝ่ายรัฐบาลจะโยกกำลังพลมายังเมืองชายแดนแห่งนี้เพิ่มขึ้นหลายเท่า ก็ยังไม่กล้าละทิ้งบริเวณอื่นๆ
“แปลก” นายทหารระดับสูงคนหนึ่งกล่าว
“เกรงว่าจะเป็นกับดัก”
จิวซือพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อกังวลของนายพลอีวาน ราชาซอมบี้เป็นปริศนาอีกประการหนึ่งที่เขายังไม่กระจ่าง ความคิดของฝ่ายนั้นที่มีต่อมิวเทนท์ยากจะคาดเดา จิวซือหันไปหาอี้เทียนที่นั่งอยู่ด้านข้างเพื่อขอความเห็น
“คานส์?”
“ไม่มีทางเลือก มันบุกทางไหนก็ยันทางนั้น”
จิวซือมองข้ามไหล่อี้เทียน เห็นใบหน้าคมคายของอวิ๋นหนานหันมาราวกับรับรู้ถึงสายตาของเขา ดวงตาสีทองราบเรียบยามกล่าว “ไม่มีทางอื่น” หมายความว่าเขาเห็นด้วยที่จะตั้งรบที่นี่ ก่อนจะเสริมว่า “ส่งหน่วยลาดตระเวนสืบข่าว”
“ทางเราจะร่วมด้วย”
การปะทะของสองกองกำลังดำเนินอยู่ราวหนึ่งเดือน หน่วยลาดตระเวนของนครแห่งชีวิตและฝ่ายรัฐบาลไม่พบความผิดปกติของเมืองอื่นๆ เป็นความจริงว่าฝ่ายตรงข้ามโจมตีแต่เมืองสตาร์ดัส ทั้งยังเป็นการโจมตีอย่างค่อยเป็นค่อยไปราวกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง กระทั่งกลางดึกของคืนที่เงียบสงัด ลมพัดแรงจนเกิดเสียงหวีดหวิว บรรยากาศขมุกขมัวเข้าปลุกคลุมทั่วเมืองสตาร์ดัส
ในที่สุดก็มาแล้ว
ในฐานะครูฝึก อี้เทียนรู้จักพลัง จุดแข็งจุดด้อยของทุกคนเป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงอยู่บัญชาการที่แนวหน้า จิวซือที่อยู่ในกระโจมค่ายชั่วคราวผุดลุกขึ้นตามสัญชาตญาณ ซีโน่รู้สึกตัวตื่นเพราะความเคลื่อนไหวของคนข้างๆ เขาเห็นอลันรีบร้อนลุกจากที่นอน ก็ทราบว่าสถานการณ์ไม่ดี เด็กชายรีบลุกขึ้นตาม แต่ถูกอลันห้ามไว้
“ห้ามออกไป”
“ผมไปด้วย”
“นี่คือคำสั่ง”
ซีโน่เม้มปาก เขาเคยเห็นอลันออกคำสั่งกับคนอื่นๆ เพียงไม่กี่ครั้ง แต่ทุกครั้งล้วนไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของเขา เด็กชายเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่ายามที่อลันแสดงตนในฐานะเจ้านครแห่งชีวิต แรงกดดันที่แผ่จากตัวเองมากมายเพียงใด
จิวซือสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อเห็นกองทัพดำทะมึนของพวกซอมบี้ ท่ามกลางพวกมันมีหลายร้อยตนที่ดูแล้วน่าจะเป็นพวกที่มีระดับชั้นสูง เรียกได้ว่าแม้ปราศจากพลังพิเศษเช่นเดียวกับมิวเทนท์ แต่แค่ความรวดเร็วและแข็งแกร่งของร่างกาย ก็สร้างความลำบากให้กับเหล่าผู้ใช้พลังได้แล้ว
จิวซือกระโจนเข้าไปเบื้องหน้ามิวเมนท์ตนหนึ่งที่ถูกล้อม กำแพงดินกระแทกซอมบี้หลายตัวกระเด็น หินแหลมคมราวห่ากระสุนกระแทกร่างของเหล่าซอมบี้ ทำให้การเคลื่อนไหวของพวกมันชะงักลง เปิดทางให้ผู้ใช้พลังคนอื่นๆ โจมตี
“เจ้าเมือง”
“ท่านอลัน”
“บอสอลัน”
ใบหน้าของเหล่าผู้ใช้พลังฉายแววความตื่นเต้นและยินดีที่อลันปรากฏตัวขึ้น ทุกคนต่างทราบดีว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ใช่ครูฝึกคานส์ แต่เป็นอลัน เจ้าผู้ครองนครแห่งชีวิตผู้นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากออกจากนครแห่งชีวิต พลังพิเศษของพวกมิวเทนท์คล้ายกับถูกลดระดับลงกึ่งหนึ่ง แม้แต่คานส์และฮิลก็ไม่มีข้อยกเว้น มีเพียงอลันเท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบอะไร ทำให้สถานะของเขายิ่งสูงขึ้นไปอีก แน่นอนว่ามีบางคนเกิดความสงสัยว่าอลันมีความลับ หรือสิ่งของวิเศษอะไรที่ไม่บอกพวกเขา หลอกลวงว่าตนเองแข็งแกร่ง ทั้งที่อาศัยของวิเศษ นับตั้งแต่ได้ฝังความเคลือบแคลงเรื่อง Life-med ไว้ในใจ ความรู้สึกของบางคนที่มีต่ออลันก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้จะไม่มีใครกล้าพูดออกมาเพราะเกรงกลัวคานส์ก็ตามที
ความสามารถของจิวซือเรียกได้ว่าเป็นไพ่ตายหรืออาวุธลับ เพื่อรอดูเชิงของฝ่ายตรงข้าม นับตั้งแต่มิวเทนท์เข้าร่วมกับรัฐบาล จิวซือก็ไม่เคยแสดงตัวต่อสู้ด้วยตนเอง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาร่วมวงกับแนวทาง เมื่อเห็นพลังที่แข็งแกร่งของเขา ขวัญและกำลังใจของฝ่ายนครแห่งชีวิตก็เพิ่มสูงขึ้นทันที เสียงเรียกชื่ออลันแทบกลายเป็นเพลงปลุกใจ ครู่เดียวฝ่ายผู้ใช้พลังก็ผลักดันฝูงซอมบี้ถอยร่นไปหลายกิโลเมตร
ขณะที่ดูเหมือนฝ่ายผู้ใช้พลังจะเริ่มได้เปรียบ ฝูงซอมบี้ก็หยุดชะงักก่อนจะแหวกแถวออกเป็นสองฝั่ง ทำให้เกิดทางเดินโล่งตรงกลาง การทำให้ซอมบี้ที่ปราศจากความนึกถึงเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเป็นระเบียบเช่นนี้ มีแต่ราชาซอมบี้เท่านั้นที่ทำได้ และแน่นอนว่าเขาผู้นั้นมาแล้ว
บุรุษร่างสูงใหญ่ดูไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป ยกเว้นเพียงแต่ผิวขาวซีดเหมือนกระดาษ ดวงตาแดงก่ำ และเล็บยาวแหลมคม แต่ไอดำทะมึนที่ล้อมรอบตัวเขาดังพายุหมุน และเหล่าซอมบี้ที่ค้อมตัวลงทำความเคารพ ทำให้คาดเดาถึงสถานะราชาของเขาได้ไม่ยาก
บุรุษผู้นั้นเผยรอยยิ้มที่มิคล้ายยิ้ม กล่าวเสียงเย็นว่า “มิวเทนท์ ข้าละเลยพวกเจ้ามานานเกินไป”
ประหนึ่งเลือดในกายของมิวเทนท์ทุกตนตอบสนองต่อคำพูดของเขา ต่างรู้สึกว่าร่างกายร้อนขึ้นทั้งที่อุณหภูมิร่างกายของมิวเทนท์มักต่ำกว่าคนทั่วไป บางคนตัวสั่นทรุดลงกับพื้น หอบหายใจร้องครางเบาๆ อี้เทียนกระโดดมายืนข้างจิวซือเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ดี ใบหน้าหล่อเหลาของเขามีเหงื่อผุดพรายคล้ายพยายามข่มกลั้นความไม่สบายกาย แม้แต่มิวเทนท์ระดับสูงอย่างอี้เทียนยังได้รับผลกระทบ ทำให้จิวซือเริ่มตระหนกขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น” จิวซือไม่รู้สึกอะไร แต่ดูเหมือนคนอื่นๆ จะไม่เป็นเช่นนั้น
“ต่อต้านข้าหรือ” ราชาซอมบี้หัวเราะเสียงต่ำ ไอดำรอบตัวเขาโคจรเร็วขึ้นจนเกิดเสียงหวีดหวิวในอากาศ ไม่ว่าสายตาของพาดผ่านมิวเทนท์ตนไหน ผู้นั้นพลันรู้สึกเหมือนเลือดในกายเดือดพล่าน เจ็บปวดทุรนทุราย ไม่ต่างจากยามที่พวกเขากำลังจะคลั่งเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้
“อ๊ากกก”
“มิวเทนท์ ลูกนอกสายเลือดของข้า กลับกล้าแข็งข้อกับข้า” ราชาซอมบี้หัวเราะเสียงเย็น ดวงตาแดงหรี่มองบรรดามิวเทนท์ที่กำลังทุรนทุรายอย่างดูแคลน
“มันกระตุ้นไวรัส” จิวซือขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงลอดไรฟันของอี้เทียน ใบหน้าของอีกฝ่ายบิดเบี้ยวแม้ร่างกายจะเหยียดตรง ต่อต้านความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้นทุกวินาที จิวซือบีบไหล่อี้เทียน สายตาเป็นกังวล แม้อี้เทียนจะมีดวงจิตแข็งกล้าอย่างไร แต่ร่างกายของคานส์ไม่อาจทนทานต่ออิทธิพลที่เข้ามากระตุ้นได้ ยิ่งร่างนี้มีพลังแข็งกล้าเพียงใด ไวรัสยิ่งมีจำนวนมากและแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ดังนั้นการที่ชายหนุ่มยังอดทนไม่คลั่งไปเสียก่อนก็ต้องอาศัยดวงจิตที่แข็งแกร่งของเขา
จิวซือมอบไปรอบๆ แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก เขารู้สึกเดือดดาลจนตัวสั่น แผ่นดินรอบตัวสั่นสะเทือนตามแรงอารมณ์ของเขา ก้อนหินเศษดินพุ่งขึ้นมาในอากาศ หมุนวนอย่างรวดเร็วประหนึ่งถูกพายุหมุนพัดลอยขึ้นไป ก่อนจะพุ่งไปกระแทกบรรดาซอมบี้ที่อยู่รอบๆ จนพวกมันกระเด็นล้มระเนระนาด
การกระทำของเขาย่อมเป็นสิ่งที่ท้าทายราชาซอมบี้จนฝ่ายนั้นหยุดชะงัก เบนสายตามาจับจ้องจิวซือด้วยความประหลาดใจ
“อลัน” เสียงเรียกแหบต่ำ ริมฝีปากซีดเซียวยกขึ้นเป็นรอยยิ้มมุมปาก ตรงข้ามกับประกายกร้าวในดวงตา “ลูกชายคนโปรด ที่ข้าหวังให้สืบทอด”
“น่าผิดหวัง”
สิ้นคำ พายุดำที่โคจรอยู่รอบตัวของเขาก็เพิ่มกำลังแรง เส้นรอบวงขยายออกไปโดยรอบ จิวซือสบตากับอี้เทียน ต่างเห็นตรงกันว่าไม่อาจปล่อยให้พายุดำใหญ่โตขึ้นกว่านี้ มังกรไฟลำตัวยาวกว่าสิบเมตรทะยานออกจากกลางฝ่ามือของอี้เทียน เร่งเร้าให้ไวรัสในร่างกายยิ่งมีปฏิกริยา มังกรไฟพุ่งชนพายุดำ ทำให้เกิดรอยแยก ก่อนจะทะยานเข้าหาราชาซอมบี้ ฝ่ายนั้นไม่คาดคิดว่าจะมีมิวเทนท์ที่แข็งแกร่งพอจะต่อต้านพลังของเขา สมาธิถูกแบ่งแยกมารับมือกำลังมังกรไฟ ทำให้พายุดำอ่อนกำลังลง ขณะเดียวกันเจ้าของมังกรไฟก็ทรุดลงกับพื้น มือกุมลำคอก่อนจะกระอักเลือดสีคล้ำออกมา
จิวซือลนลานเข้าไปหาเขา เห็นสีหน้าของอี้เทียนย่ำแย่อย่างที่คงไม่มีทางเกิดขึ้นกับเทพยามา พวกเขาเป็นเทพแต่เข้ามาในภพที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดก็ลำบากแล้ว ยังต้องอยู่ในร่างที่ต่อต้านพลังเทพ และเป็นทาสของเชื้อไวรัสอีก แม้แต่เทพยามายังไม่อาจประคองตนได้ นับประสาอะไรกับมิวเทนท์ตนอื่นๆ ซึ่งล้วนแต่ตาแดงก่ำ กรีดร้องโหยหวนอย่างทรมาน
จิวซือรู้เพียงว่ามีแต่ตนเองที่ไม่ถูกผลกระทบ ที่ไม่ถูกควบคุม ร่างกายของอลันยังปกติดีทุกอย่าง ในเมื่ออลันไม่เป็นอะไร ดังนั้นเลือดของเขาก็น่าจะสามารถช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ จิวซือกรีดข้อมือตัวเองแล้วยื่นไปให้อี้เทียนด้วยความรีบร้อน ลืมไปว่าการกระทำเช่นนี้เป็นเรื่องต้องห้ามและล้ำเส้นของอีกคนขนาดไหน
“คานส์ ดื่ม” อี้เทียนมองจิวซืออย่างไม่อยากเชื่อ เขากัดฟันกรอด ตวัดสายตามองอีกคนด้วยความโกรธ โกรธจนแทบจะถูกไวรัสในร่างกายครอบงำ
ถึงกลับเสนอเลือดตัวเองให้เขา!
ชายหนุ่มผลักมือเปื้อนเลือดออกไป ก่อนจะทะยานเข้าหาราชาซอมบี้ที่ยังอยู่ใจกลางพายุดำ ตั้งใจจะปลดปล่อยความโกรธเกรี้ยวทุกอย่างกับตัวการ เงาดำอีกสายหนึ่งทะยานตามไปติดๆ เป็นอวิ๋นหนานที่หลังจากพยายามช่วยเหลือมิวเทนท์หลายต่อหลายคนให้รอดจากอาการคลั่งด้วยพลังของเขา แต่มิวเทนท์มีจำนวนน้อยหลายร้อยคน สิ้นเปลืองพลังและเวลาเป็นอย่างมาก จึงเปลี่ยนใจสังหารราชาซอมบี้แทน
จิวซือเม้มปาก เหตุการณ์คราวนี้ถือว่าเกินกว่าที่พวกเขาคาดเดาไว้หลายขุม เขาสร้างกำแพงดินล้อมรอบบริเวณแนวหน้านี้ไว้ ปกป้องมนุษย์ที่อ่อนแอไม่ให้ได้รับอันตราย กองกำลังของนายพลอีวานถอยร่นไปไกลแล้ว มีแต่พวกเขาเหล่าผู้ใช้พลังเท่านั้นที่ยันการบุกรุกของซอมบี้ แต่เพราะมิวเทนท์ทุกคนต่างได้รับผลกระทบ ทำได้เพียงต่อสู้กับร่างกายตัวเอง ไม่ให้เสียการควบคุมจนคลั่งและกลายเป็นซอมบี้ไป จึงไม่มีผู้ใดต้านทานฝูงซอมบี้ได้อีก ยกเว้นกำแพงดินของจิวซือ ขณะที่เขาสร้างกำแพงดินชั้นแล้วชั้นเล่า สายตาก็ยังเฝ้ามองการต่อสู้ของเทพทั้งสอง ภาวนาให้พวกเขาสังหารราชาฝ่ายนั้นให้สำเร็จ
“ก้า ก้า”
จิวซือหันตามเสียงร้องที่คุ้นเคยของเสี่ยวเฮย ก็เห็นซีโน่กำลังถูกมิวเมนท์อีกสามตนทำร้าย มิวเทนท์ทั้งสามตนนั้นตาแดงก่ำ น้ำลายไหลยืด เขี้ยวและเล็บแหลมคม คาดว่าคงพ่ายแพ้ต่อเชื้อไวรัสในร่างแล้ว ซีโน่ปล่อยลูกไฟปะทะกับพวกนั้น แต่เด็กสิบขวบเพียงคนเดียว ต่อให้อัจฉริยะเพียงใดก็สู้ไม่ไหว เขานึกเสียใจที่ไม่ยอมเชื่อฟังฮิล เดิมทีหลังจากที่ฮิลช่วยถ่ายทอดพลังให้ ก็บอกให้เสี่ยวเฮยและเสี่ยวฝูพาเขาหนี แต่เพราะเขาอยากช่วยอลัน อยากเห็นกับตาว่าอลันปลอดภัยดี จึงดึงดันปีนกำแพงดินเข้ามา ไม่คาดคิดว่าจะสถานการณ์จะเลวร้ายถึงเพียงนี้
“ซีโน่!”
จิวซือเข้ามาช่วยเด็กชายได้ทันอย่างฉิวเฉียด กรงเล็บกรีดผ่านไหลของเขาจนเลือดทะลัก แต่ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว มือหนึ่งดึงซีโน่เข้าหาตัวอีก อีกมือซัดมิวเทนท์ทั้งสามตัวกระเด็น ทั้งยังตอกตรึงมือสองข้างของมิวเทนท์ทั้งสามไว้กับพื้นด้วยแท่งหินปลายแหลม
หนึ่งในนั้นคือลีน่าที่เขาเคยช่วยไว้ ลีน่าสังกัดหน่วยก่อสร้าง เรียกได้ว่าเป็นลูกน้องสายตรงของจิวซือ หลังจากที่รอดจากอาการคลั่งคราวก่อน เธอก็คอยดูแลจิวซืออย่างดี และมักเรียกเขาว่าบอสอลันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยน เวลานี้กลับถูกเขาตรึงไว้กับพื้น กรีดร้องและพยายามจะดิ้นให้หลุด ไม่สนว่าบาดแผลที่มือจะฉีกขาดขนาดไหน
จิวซือมองภาพนั้นด้วยใจปวดหนึบ อีกด้านเห็นอี้เทียนถูกมวนไอดำกระแทกจนลอยละลิ่วไปปะทะกับกับกำแพงดิน ขณะที่อวิ๋นหนานเข้าประชิดตัวราชาซอมบี้ ต่อสู้พัวพันโดยไม่มีท่าทีว่าจะได้เปรียบเลยแม้แต่น้อย
จิวซือกัดริมฝีปาก ซีโน่ยังตัวสั่นในอ้อมแขนของเขา รอบกายเต็มไปด้วยเสียครวญครางและเจ็บปวดของบรรดาพี่น้องของนครแห่งชีวิต
ดวงตาสีทองเบือนมาสบคล้ายไม่ตั้งใจ แต่จิวซือถึงกับไม่อาจละสายตาจากคนที่อยู่ห่างไกลออกไป ตงหวางมักเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นเสมอ ไม่ว่าเมื่อไร สมควรแล้วที่เป็นผู้ปกครองวังทะเลตะวันออก เจ้านายของเขา ความคิดที่ทำให้รอยยิ้มช่วยไม่ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจิวซือ ก่อนที่ดวงตาอ่อนแสงจะแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวในวินาทีที่เขาตัดสินใจ
รักและต้องการปกป้องก็ใช่
แต่ที่เหนือกว่านั้นคือคำสัญญาที่เคยลั่นวาจาไว้
#วิถีเซียน3p