ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG  (อ่าน 287374 ครั้ง)

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
เอาล่ะสิ
ต้นกะไผ่เริ่มรู้ใจตัวเองทีละนิดแล้ว :haun5: :haun5: :haun5:
ทีนี้ก็เหลือแต่ฟ้าล่ะ
น่าสงสารนู๋ฟ้าจริงๆ  :sad4: :sad4:

sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
   จากนั้น ช่วงบ่าย กองร้อยที่ 3 จะฝึกการจำลองการเข้าตีตะลุมบอน ณ ที่หมาย แล้วฝึกการเดินทางไกลโดยการใช้ เข็มทิศเลนเซติค  โดยใช้การเล็งอ้างอิงวัตถุตามสภาพภูมิประเทศ ตามพิกัดที่ครูฝึกกำหนดไว้ เพื่อค้นหาสิ่งของที่ครูฝึกทำการซ่อนไว้ในป่า และมีการจัดขบวนแถวการเดินออกเป็นลักษณะของการเดินลาดตระเวน หลังฟังคำแนะนำวิธีใช้เข็มทิศแล้ว ครูฝึกแบ่งกลุ่ม นศท. ออกตามหมวด โดยแต่ละหมวด จะมีพลเล็งเข็มทิศและพลพิกัด นับก้าวเดินไปตามทิศทางที่วัดได้ ซึ่งการเดินจะเดินไปหยุดวัดหาพิกัดไปเรื่อย ๆ ครั้งละ 50 ก้าว ซึ่งบาง หมวด หาพิกัดผิด คนนำเดินพาหลงป่า ไปก็มี
   เดินลัดเลาะ ไปตามป่าเขาลูกแล้วลูกเล่า บุกป่าฝ่าดง ไปตามสภาพป่าโปร่งในฤดูหนาว ต้นไม้ส่วนใหญ่เริ่มสลัดใบ ป่าจึงโล่งโปร่งไม่หนาทึบ ทำให้เดินง่ายพอสมควร หมวดของต้นข้าว สายฟ้า และทิวไผ่ ก็สามารถหาของที่ครูฝึกซ่อนไว้เจอ คือ เป้สนามใส่แผนที่แขวนไว้บนต้นไม้ เมื่อเวลาจวนเจียนใกล้จะพลบค่ำพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าอยู่พอดี ซึ่งกองร้อยที่ 3 ทั้ง 3 หมวด หาของเจอ 2 หมวด และหลงทาง 1 หมวด
   
หลังจากภารกิจการฝึกเสร็จสิ้นแล้ว ครูฝึกจึงพาเดินลัดเลาะกลับมายังกองร้อยที่พัก ก็เกือบมืดพอดี พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว กว่าจะรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ความมืดและความหนาวเย็นก็เริ่มคืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็ว นศท. บางคนกลัวหนาว จนยอมที่จะไม่อาบน้ำ ทั้งที่อาบเหงื่อต่างน้ำมาทั้งวัน ตัวเหนียวเหนอะหนะ ไปหมด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีต้นข้าวรวมอยู่ด้วย แต่ครูฝึกบอกว่า ถ้าใครไม่อาบก็จะไม่ได้อาบไปอีก 2 วัน เพราะนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ทุกคนจะได้อาบน้ำ
ต้นข้าวจึงยอมไปอาบน้ำกับสายฟ้า สายน้ำเย็นเฉียบกระทบผิวกายอัน ความเย็นแพร่ซ่านผ่านผิวหนังเข้าสู่ทุกอณูของร่างกาย จนสั่นสะท้านขนลุกซู่เป็นเกรียว ต้นข้าวปากสั่นตัวซีดไปหมดเพราะความเย็นประดุจน้ำแข็งของน้ำในอ่าง ทิวไผ่ยืนมองอาการของต้นข้าว อย่างอดขำไม่ได้ จนหนุ่มร่างบางได้แต่มองตาเขียว

วันนี้ ต้นข้าวกับสายฟ้าจะต้องเข้าเวรยามกองร้อย ผลัดที่ 2 ตั้งแต่เวลา 4 ทุ่ม ถึง เที่ยงคืน ระหว่างนั้น สองหนุ่มเพื่อนรัก ก็ชวนกันคุยถึงเรื่องราวต่าง ๆ เพื่อเป็นการแก้ง่วงและคลายความหนาวเย็น แล้วอยู่ ๆ ความเงียบก็เข้าปกคลุม เมื่อเวลาใกล้เที่ยงคืน จนบรรยากาศวังเวง ๆ ชอบกล

“ฟ้า เราปวดท้อง พาเราไปเข้าห้องน้ำหน่อยสิ” ต้นข้าวพูดขึ้นทำลายความตึงเครียดจากความเงียบลง

“อืม แล้วใครจะเฝ้ายามล่ะ” สายฟ้าแย้งขึ้นอย่างลังเล เพราะว่าเขาเองยังอยู่ในการปฏิบัติหน้าที่อยู่

“น่านะ ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ” ต้นข้าวคะยั้นคะยอ เพื่อที่จะให้สายฟ้าไปเป็นเพื่อน

“ก็ได้” สองหนุ่มเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ติดกับชายป่าบริเวณเชิงเขา ถัดจากห้องอาบน้ำรวมเข้าไปด้านใน ซึ่งห่างจากกองร้อยและลานเต็นท์ที่พักไปประมาณ 100 เมตร มีเพียงแสงไฟสลัว ๆจากหลอดนีออนเล็ก ๆ หน้าห้องน้ำให้แสงสว่างพอลาง ๆ เท่านั้น
สายฟ้ายืนรออยู่ที่หน้าห้องน้ำ เพื่อรอเพื่อนรักของเขาที่เข้าไปทำธุระส่วนตัวอยู่ โดยต้นข้าวส่งเสียงพูดคุยตอบโต้กับสายฟ้าไปมาเพื่อเช็คว่าเพื่อนยังอยู่ ซึ่งมันทำให้คนขี้กลัวอย่างเขาอุ่นใจขึ้น

“ฟ้า ทำไมเงียบไปล่ะ ฟ้า อยู่รึเปล่า เฮ่ย…สายฟ้า นายอย่ามาอำเรานะ เราไม่ชอบนะ ตอบมาสิ ฟ้า”

   ต้นข้าวส่งเสียงโวยวาย เมื่ออยู่ ๆ เสียงของเพื่อนรักคู่สนทนาของเขาขาดหายไปเฉย ๆ จนต้นข้าวเกิดอาการกระสับกระส่าย และเร่งรีบทำธุระให้เสร็จสิ้น ก่อนจะผลุนผันออกมาจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว และร่างผอมบางก็ปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำอย่างจัง จนหนุ่มร่างบางเซถลา เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นเงาสลัวของคนตัวใหญ่ไม่ชัดนัก ต้นข้าวเบิกตากว้าง อ้าปากร้องตะโกนอย่างตกใจสุดขีด แต่โดนอุ้งมือของคนร่างใหญ่ปิดปากไว้อย่างรวดเร็ว
   “อย่าร้องสิ เดี๋ยวชาวบ้านเค้าก็ตื่นกันหมดหรอก” ทิวไผ่ร้องปรามขึ้นมาอย่างแผ่วเบา

   เมื่อต้นข้าวตั้งสติได้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่เขาหวาดกลัว ก็พยายามแกะอุ้งมือหนาแกร่งนั้นออกอย่างรวดเร็ว
   “นายมาได้ไง แล้วนี่สายฟ้าหายไปไหน” ต้นข้าวถามกลับทิวไผ่อย่างเสียงแข็ง

“ก็มาเข้าห้องน้ำน่ะสิ สายฟ้า กลับไปยืนยามแล้ว ฟ้าฝากเราอยู่เป็นเพื่อนนี่ไง แล้วเมื่อกี้ร้องทำไม กลัวอะไรเหรอ” ทิวไผ่ตอบหนุ่มน้อยร่างบาง แกมยั่วเย้าตามเคย

“กลัวอะไรล่ะ มีอะไรต้องกลัว ไม่เห็นต้องกลัวเลย”

“แล้วลากเพื่อนโดดเวรมาเฝ้าประตูส้วมให้เนี่ยนะ”

“แล้วมันเรื่องอะไรของนาย”

 “ปากดีไม่เลิกนะ แบบนี้ต้อง...” ไม่ทันสิ้นเสียง ร่างบอบบางถูกผลักเข้าแนบชิดผนังห้องน้ำอย่างรวดเร็วจนยากที่จะขัดขวาง สองมือแกร่งจับกดหัวไหล่ของหนุ่มน้อยยึดไว้ ทันใด ริมฝีปากอุ่น ๆ ของทิวไผ่ก็ฉกลงประกบริมฝีปากอวบอิ่มเรียวสวยได้รูปของต้นข้าวอย่างรวดเร็ว เขาบดขยี้เบา ๆ อย่างทะนุถนอม หนุ่มร่างบางยืนตัวแข็งทื่อ นัยน์ตาเบิกโตอย่างตกใจ เสียงหัวใจเต้นดังโครมครามอย่างไม่เป็นจังหวะ ร่างกายอ่อนระทวยลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ ดูเหมือนว่ามันเนิ่นนานทีเดียว
“หอมหวานดีนะ ไม่ผิดหวังจริง ๆ” ทิวไผ่ถอนปากออก และแลบลิ้นเลียริมฝีปาก สายตาจ้องมองดวงหน้าใสที่กำลังมึนงง ของต้นข้าวอย่างพออกพอใจ
‘อุ๊บ’ ทิวไผ่ร้องแทบไม่ออก หน้าเขียวตัวงอ ยกมือกุมที่หว่างขาแน่น เมื่อโดนเข่าน้อย ๆ ลอยขึ้นกระทบที่กล่องดวงใจของเขาเข้าอย่างจัง ความจุกวิ่งกระจายไปทั่วทั้งช่องท้อง
“นี่สำหรับไอ้โรคจิต คนฉวยโอกาส อย่างนาย” ต้นข้าวกล่าวเสียงเรียบระคนด้วยความโกรธจัด พลางใช้มือเช็ดริมฝีปากไปมาอย่างแขยะแขยง แล้วเดินจากไปอย่างอารมณ์เสีย ทิ้งให้ทิวไผ่นั่งคุกเข่าด้วยความจุกอยู่หน้าห้องน้ำเพียงคนเดียว

“อ้าวต้นเสร็จแล้วเหรอ แล้วไผ่ล่ะ” สายฟ้าทักทายเมื่อเห็นต้นข้าวเดินมาจากห้องน้ำ พร้อมใบหน้าบ่งบอกว่ากำลังหงุดหงิดอย่างสุด ๆ แต่ไม่เห็นทิวไผ่เดินตามออกมาด้วย

“เออดิ นายทิ้งเราไว้คนเดียวทำไม” ต้นข้าวตอบกลับสายฟ้าอย่างอารมณ์เสีย

“อ้าวไผ่ก็อยู่นี่นา” สายฟ้าตอบเพื่อนรักอย่างซื่อ ๆ พลางจ้องมองสังเกตสีหน้าเพื่อนรักว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“แล้วปล่อยเราไว้กับนายนั่นเนี่ยนะ นายเป็นเพื่อนเรารึเปล่า รู้อยู่ว่าเราไม่ชอบหน้านายนั่น นี่ก็จะถึงเที่ยงคืนแล้ว เดี๋ยวพวกผลัดต่อไปคงมาเปลี่ยนเวร เราไปนอนแล้วนะ” ต้นข้าวพูดอย่างหงุดหงิดก่อนตัดบท แล้วเดินเข้าเต็นท์ไปอย่างหัวเสีย
ต้นข้าวเปลี่ยนชุดฝึกออกเป็นชุดนอนและเสื้อกันหนาวตัวหนา เขาพยายามข่มเปลือกตาลงให้หลับ แต่กลับต้องนอนกระสับกระส่ายไปมา เมื่อภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อซักครู่มันลอยวนเวียนหลอกหลอนเขาไปมาไม่ยอมหยุด จนจิตใจว้าวุ่นไปหมด ‘ไอ้บ้านั่นจูบเรา แล้วทำไมเราต้องอ่อนไหวไปกับมันด้วยวะ โอ๊ย’

   ทิวไผ่หน้าซีด เดินตัวงอออกมาจากบริเวณห้องน้ำ

   “อ้าว ไผ่ เป็นอะไรไปเหรอครับ ปวดท้องรึเปล่า ทำไม...” สายฟ้าส่งเสียงทักทายหนุ่มร่างใหญ่ด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นใบหน้าของทิวไผ่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก

   “เปล่าครับฟ้า แค่หกล้มในห้องน้ำเลยจุกนิดหน่อยน่ะครับ เอ่อ แล้วต้นข้าวไปนอนแล้วเหรอครับ” ทิวไผ่ตอบหนุ่มร่างเล็กกลับมาเสียงเนือย ๆ และถามถึงคู่กรณีของเขาเมื่อซักครู่ที่ผ่านมา

   “ต้นไปนอนแล้วครับ ทำไมหรอ” สายฟ้าเอ่ยถามด้วยความสงสัยที่ทิวไผ่เอ่ยถึงต้นข้าว

   “เปล่าครับ งั้นไผ่ขอตัวไปนอนนะครับ” ทิวไผ่ปฏิเสธคำถามของสายฟ้า เขามองไปทางเต็นท์ของต้นข้าวด้วยแววตาสำนึกผิดอยู่ลึก ๆ ที่ทำอะไรผลีผลามกับหนุ่มหน้าใสเกินไป แล้วตัดบทขอตัวเดินเข้าเต็นท์ตัวเองไป

   อาการแปลก ๆ ของทั้งเพื่อนรัก และหนุ่มหน้าเข้ม ที่ได้แสดงออกมา เมื่อครู่ มันทำให้ความคิดต่าง ๆ นานา ในหัวสมองของสายฟ้าโลดแล่นพันกันไปมาอย่างวุ่นวาย มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างที่เขาปล่อยให้ต้นข้าวกับทิวไผ่อยู่ด้วยกันตามลำพังเมื่อกี้แน่ ๆ การแสดงออกของทิวไผ่และต้นข้าวนับวันมันยิ่งทำให้เขาระแคะระคายใจมากขึ้น ในเมื่อคนหนึ่งคือรักแรกพบที่ตนเทใจให้จนหมด แต่เขาเองกับไม่กล้าและไม่มั่นใจที่จะแสดงออกมาให้ทิวไผ่ได้รับรู้ความรู้สึกของตนเอง ส่วนอีกคนคือเพื่อนที่แสนดี คบหากันมานานหลายปี มันยิ่งตอกย้ำทิ่มแทงหัวใจ สายฟ้ามากขึ้นทุกวัน

   หลังจากเปลี่ยนเวรยามเสร็จแล้ว สายฟ้าเดินกลับมาที่เต็นท์ของตน พร้อมกับความคิดที่สับสนวุ่นวายที่ประทังกันเข้ามาในหัวสมอง สายฟ้ามุดเข้าไปในเต็นท์เห็นต้นข้าวนอนตะแคงหันหลังมาทางเขาอยู่ก่อนแล้ว

   “ต้น หลับรึยัง” ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา มีแต่เสียงผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ

   “เราขอโทษนะ ที่ทำให้นายอารมณ์เสีย” สายฟ้าขอโทษเศร้าสร้อย ก่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดฝึกออก แล้วล้มตัวลงนอนข้าง ๆ หันหลังให้ต้นข้าว และพยายามทำสมาธิสู้กับความคิดฟุ้งซ่าน ซึ่งความอ่อนเพลียจากการฝึกมาทั้งวันก็ช่วยให้เขาเข้าสู่ห้วงนิทราได้อย่างไม่ยากมากนัก

ที่จริงแล้วต้นข้าวเองก็ยังไม่ได้หลับเช่นกัน และเขาเองก็ไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองสายฟ้าแต่อย่างใด เพราะสายฟ้าคือ เพื่อนที่รัก และห่วงใยเขาเสมอ

...

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
สายฟ้า น่าสงสารจังเลย  :impress:


ขอบคุงที่มาต่อนะงับ o15

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ต้นข้าวโดนทิวไผ่จูบแล้วแอบหวั่นไหวเหรอเนี่ย อิอิ

ท่าทางคู่นี้จะตบจูบๆๆๆๆๆ อิอิ น่าลุ้น

dokebi

  • บุคคลทั่วไป
 o3 :laugh3: :laugh3: :laugh: หุหุ ต้น ไผ่

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เมื่อไหร่ พระเอกขี้ม้าขาวจะมาช่วยสายฟ้าหนอ

  :o11:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ท่าทางคู่นี้จะไม่รักกันง่าย ๆ มั๊ง ต่อยจูบ กันอย่างนั้น  :amen:
เชียร์สายฟ้าต่อไป  :give2:

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 o12 o12  ทำไมไผ่ไม่นุ่มนวลกะต้นหน่อย  เล่นอย่างนี้ก็ต้องโดนอย่างที่โดนแหละครับ  :haun5: :haun5:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
โถๆ หนูฟ้า หาคนมาดามหัวใจด่วนๆ เลย :undecided:
สองคนนั้นเค้าเริ่มรู้ใจตัวเองแล้วนา o18

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
เสียดาย น่าจะต่อให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

อยากรู้นักจะยังทะเลาะกันอยู่มั้ย o3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
วันที่ 4 ของการฝึก ทุกคนถูกปลุกแต่เช้ามืดด้วยเสียงนกหวีดผู้ซื่อตรงต่อเวลาเช่นเคย วันนี้ไม่มีการทำกายบริหารเช่นวันที่ผ่าน ๆ มา ครูฝึกสั่งให้ นศท. แปรงฟันและล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วให้เก็บเต็นท์ผ้าใบ พร้อมทั้งผ้าห่มและสัมภาระที่จำเป็นใส่เป้สนาม ส่วนอุปกรณ์ใช้สอยอื่น ๆ ให้จัดใส่กระเป๋าของตนเองที่นำมา เอาไปฝากไว้ที่ทำการกองร้อย เมื่อรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ทุกคนรับอาวุธประจำกาย พร้อมทั้งแบกเป้สนาม เตรียมน้ำใส่กระติกน้ำสนามให้เต็ม ก่อนจะมีการเรียกรวมพลทุกกองร้อยเพื่อสนธิกำลังกัน ในการฝึกรวมทั้ง 3 กองร้อย

“ต้น กรอกน้ำใส่กระติกให้เต็มนะ วันนี้เราต้องลงภาคสนามกันทั้งวัน เดี๋ยวไม่มีน้ำกิน แดดยิ่งร้อน ๆ อยู่”
สายฟ้าบอกเพื่อนรักก่อนออกจากเต็นท์ เอาของไปเก็บที่กองร้อย ด้วยความเป็นห่วง

“โหย ขนาดใส่แค่ครึ่งกระติก ก็เดินกระเตง ๆ หนักจะแย่อยู่แล้ว ไม่ไหวอ่ะ เรากินน้ำไม่เยอะหรอก ไม่ต้องห่วงน่า สบายมากแค่นี้เหลือเฟือ”

“อืม ตามใจ อย่าเป็นลมแดดก็แล้วกัน” สายฟ้าตอบไปอย่างปลง ๆ ในนิสัย ดื้อรั้นของต้นข้าว

ผู้พันหัวหน้าชุดครูฝึกเป็นผู้ชี้แจงขั้นตอนการฝึกในวันนี้ และเป็นผู้อำนวยการในการฝึกด้วย โดยในวันนี้ ช่วงกลางวันจะเป็นการฝึกการเข้าตีที่หมายในเวลากลางวัน ส่วนกลางคืน จะเป็นการเข้าตีในเวลากลางคืน พื้นที่การฝึก คือ พื้นที่ป่าด้านข้างสนามยิงปืน หลังจาก มีการชี้แจงรายละเอียดแล้ว นศท.ทุกคนได้รับแจกผงฝุ่นพราง ที่ใช้ในการพรางใบหน้า โดยการพรางแบบกลางวันจะทาฝุ่นพรางเป็นริ้ว ๆ ที่ข้างแก้ม ใบหู หน้าผาก สันจมูก คาง ลำคอ และที่หลังมือ
ครูฝึกก็พา นศท. เคลื่อนย้ายกำลังด้วยเท้าไปทางทิศเหนือเข้าสู่พื้นที่ซึ่งห่างจากฐานกองร้อย ประมาณ 2 กิโลเมตรครึ่ง ลัดเลาะไปตามร่องเขาและชายป่า ตามทางเดินแคบ ๆ ในลักษณะ แถวตอนเรียงหนึ่ง

เมื่อเดินทางไปถึงพื้นที่การฝึกเข้าสู่ ที่รวมพล โดย จะต้องนำสัมภาระและเป้สนามทิ้งไว้ที่ ที่รวมพล จะมีเพียง อาวุธประจำกาย และกระติกน้ำติดตัวไปเท่านั้น ในที่รวมพล จะมีการฝึกการวางแผนการเข้าตี โดยการใช้โต๊ะทราย ซึ่งทำจากทรายหลายสี เทลงบนพื้นที่ราบโล่งเตียน จำลองสภาพภูมิประเทศที่จะใช้ในการรบ เช่นภูเขา ลำห้วย ที่ราบ ต่าง ๆ จากสถานที่จริง เป็นลักษณะการวางแผนการเข้าตีในระดับกองร้อยทหารราบ รูปขบวนการเข้าตีจะลักษณะหน้ากระดาน 2 หมวดเข้าตี 1 หมวดสนับสนุน โดยหมวดที่ 1 และที่ 3 จะเป็นหมวดเข้าตีหลัก อยู่ปีกซ้ายและขวา ส่วนหมวดที่ 2 จะอยู่ด้านหลัง ตรงกลางระหว่าง หมวดที่ 1 และ ที่ 3 อีกทีหนึ่ง เพื่อเป็นกองหนุนช่วยส่วนรวมเมื่อหมวดเข้าตีด้านใดเพลี่ยงพล้ำหรือถูกต้านทานจากฝ่ายตรงข้ามอย่างหนัก
โดยแต่ละหมวดจะมี 3 หมู่ทหารราบ หมู่ละ 11 คน 1 หมู่อำนวยการ 8 คน และ 1 หมู่ปืนกลเอ็ม 60 หมู่ละ 9 คน แต่ละหมู่จะจัดกำลัง แบบสามเหลี่ยมเปิดหน้า ผู้บังคับหมู่จะอยู่ส่วนยอดด้านหลังสุดของลูกหมู่ และการจัดรูปขบวนก็จะจัดเหมือนระดับหมวดของกองร้อย แต่จะลดขนาดลงมาระดับหมู่ของหมวด ซึ่งหมู่ปืนกลจะคอยตั้งยิงสนับสนุนในพื้นที่ของหมู่ที่มีการปะทะกันอย่างหนักหน่วง ในการรบจริงการวางตัวของแต่ละคนจะไม่เป็นกลุ่มก้อน แต่จะอยู่ห่างกัน 5-20 เมตร ตามความกว้างและที่กำบังของลักษณะภูมิประเทศ เพื่อป้องกันการสูญเสีย จากการโดนระดมยิงด้วยอาวุธหนัก ซึ่งในระดับกองร้อยแล้ว ความกว้างด้านหน้าของแนวเข้าตีจะยาวราว ๆ 1-2 กิโลเมตรเลยทีเดียว โดยขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศของพื้นที่การรบเป็นสำคัญ
หลังจากวางแผนการบุก และจัดรูปขบวนเรียบร้อยแล้ว ก็มีการพักรับประทานอาหารกลางวัน กันกลางป่า ในที่รวมพลของแต่ละหมู่ หมวด  และรอสัญญาณการเข้าตี ในช่วงบ่าย ต่อไป

เมื่อตะวันบ่ายคล้อย แดดร่มลมตก หนังท้องตึง หน้าตาเริ่มหย่อน นศท. หลายคน เริ่มจับจองพื้นที่ใต้ต้นไม้เพื่อพักผ่อนเอาแรงที่จะใช้ในการฝึก แต่ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้เคลิบเคลิ้มดีนัก เสียงเอฟเฟค ระเบิดก็ดังกึกก้องสนั่นป่า จนทุกคนสะดุ้งโหยง ต้นข้าวรีบควานหาอาวุธประจำกายโดยสัญชาตญาณ ถึงแม้มันจะเป็นเพียงปืนโบราณสมัยสงครามโลก แต่มันก็ยังมีผลในทางจิตวิทยาการป้องกันตัวอยู่ ครูฝึกสั่งให้ ทุกคนประจำที่ตามตำแหน่งของตนเองที่มีการซักซ้อมกันไว้ก่อนหน้านี้ จากนั้น ก็มีคำสั่งให้เคลื่อนที่สู่แนวออกตี โดยการเคลื่อนที่จะประสานงานกันผ่านทางวิทยุสนาม  เมื่อหมวดหนึ่งยิงสนับสนุน อีกหมวดหนึ่ง จะดำเนินกลยุทธ์ในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า สลับกันไปมา บางครั้งสภาพภูมิประเทศ และสถานการณ์ยากแก่การเคลื่อนที่ในระดับหมวดก็จะลดขนาดการดำเนินกลยุทธ์ลงมาในระดับหมู่ เพื่อง่ายแก่การเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ด้วยการหมอบ โผ วิ่ง กลิ้ง คลาน เป็นระยะทางไปข้างหน้ากว่า 2 กิโลเมตร ตามพื้นที่ป่าโปร่งในหุบเขา  จนต้นข้าว และสายฟ้า สองหนุ่มน้อยร่างบางเริ่มมีอาการเหนื่อยล้า ลงอย่างเห็นได้ชัด แม้สีหน้าเหนื่อยอ่อนจะถูกซ่อนพรางด้วยผงฝุ่นสีดำก็ตาม

“ฟ้า น้ำนายเหลือมั้ย ของเราหมดแล้ว เราหิวน้ำอ่ะ” ต้นข้าว พูดด้วยสีหน้าซีดเซียว หยาดเหงื่อเกาะพราว เต็มใบหน้า เขากลืนน้ำลายที่เหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก ด้วยความกระหายน้ำ

สายฟ้าส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย รู้ล่วงหน้าแล้วว่ามันจะต้องเกิดขึ้น ก่อนจะส่งกระติกน้ำ ที่เหลือค่อนกระติกให้กับเพื่อนรักของเขาดื่มแก้กระหาย เพราะอีกนาน ก่อนที่การฝึกจะเสร็จ จึงจะได้เติมน้ำอีกที เดี๋ยวต้นข้าวจะเป็นลมไปเสียก่อน
ต้นข้าวรับมาดื่มอย่างกระหาย จนน้ำหมดกระติกอย่างลืมตัว
“แหะ ๆ เราขอโทษนะ ลืมไปว่านายยังไม่ได้กิน” ต้นข้าวจับกระติกที่ว่างเปล่าคว่ำลงเขย่า แล้วพูดอย่างหน้าเจื่อน ๆ
สายฟ้าทำหน้าเซ็งอีกครั้ง ก่อนพูดขึ้น “ไม่เป็นไร เพื่อเพื่อนเราอดได้”

 ซึ่งทำให้ต้นข้าวรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างจับใจ ก่อนที่จะพร่ำขอโทษเพื่อนรักอีกครั้ง


เมื่อเข้าใกล้ฐานข้าศึกสมมติ ผ่านดงกับระเบิดจำลอง และรั้วลวดหนาม ครูฝึกสั่งให้ทุกคนเตรียม พร้อมตะลุมบอน โดยการกวาดล้างคูสนามเพลาะด้วยระเบิดมือ จากนั้น ทุกคนลุกยืนขึ้นพร้อมกันระดมยิงและวิ่งไปข้างหน้าเข้าสู่ฐานของข้าศึก เพื่อกวาดล้างให้สิ้นซาก ส่วนระวังป้องกันจะตีลึกเข้าไปด้านหลังฐานที่ยึดได้ออกไป 200 เมตร แล้ววางกำลังป้องกันการตีโต้ตอบ เมื่อเคลียร์พื้นที่เรียบร้อย ก็สถาปนาความมั่นคง ณ ที่หมาย โดยการกระจายกำลังตรึงฐานไว้อย่างแข็งแรง
การฝึกเข้าตีกลางวันจบลงตอนใกล้จะพลบค่ำ พร้อมกับความโล่งอก และหมดแรงของ หลาย ๆ คน จนล้มตัวลงนอนแผ่หลากลางพื้นดินอย่างเหนื่อยอ่อน ครูฝึกปล่อยให้ นศท. พักเหนื่อยซักครู่ก่อนจะมีการรับประทานอาหารเย็นกันที่หน้ากองอำนวยการฝึกด้านข้างสนามยิงปืน

“เหนื่อยไหม ต้น” สายฟ้า ทักทายเพื่อนรักอย่างเหนื่อยหอบ

“เหนื่อยเหมือนกันแฮะ นายล่ะ ไหวไหม” ต้นข้าวตอบคำถามสายฟ้า มาแบบหอบ ๆ เช่นเดียวกัน

“ก็โอเค” สายฟ้า ตอบพลางส่งสายตามองหาทิวไผ่ ไปรอบ ๆ ก่อนที่จะเห็นหนุ่มร่างใหญ่นั่งอยู่มุมหนึ่งของสนามมองมาทางเขาและต้นข้าวอยู่ก่อนแล้ว ทิวไผ่ส่งยิ้มเห็นฟันขาวตัดกับใบหน้าดำก่ำด้วยฝุ่นพราง กลับมาอย่างให้กำลังใจ ก่อนที่จะมองไปที่ต้นข้าว ซึ่งไม่ได้สนใจใยดีเขาเลย จนทิวไผ่ต้องหุบยิ้มลง ตีสีหน้าเรียบเฉย สายฟ้ามองหน้าทิวไผ่สลับกันกับต้นข้าวไปมา อย่างสงสัยในอาการของสองหนุ่ม ความคิดต่าง ๆ เริ่มพรั่งพรู เข้าสู่หัวของเขาอีกแล้ว

อาหารเย็นมื้อนี้ เป็นไข่พะโล้ กับไก่ทอด และมีบัวลอยเป็นขนมหวาน ปิดท้าย คงเพราะความเหนื่อย และความหิว ทุกคนจึงกินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย เมื่ออิ่มแล้ว สายฟ้า และต้นข้าวไปเข้าแถวเติมน้ำใส่ประติกน้ำสนามประจำกายให้เต็มเพื่อดื่มในการฝึกช่วงกลางคืน
ประมาณ 6 โมงเย็น ครูฝึกสั่งเรียกแถว และแจกจ่ายฝุ่นพราง อีกครั้ง เพื่อทำการพรางกลางคืน โดยจะทาผงฝุ่นทุกส่วนของร่างกายที่โผล่พ้นเสื้อผ้าให้ดำสนิท เพื่อป้องกันการสะท้อนแสงในเวลากลางคืน คนไหนที่พรางไม่สนิท หรือไม่ยอมพรางจะโดนครูฝึกทำโทษ โดยครูฝึกจะพรางให้เอง จนมืดสนิทมองเห็นแต่ตากับฟันเวลายิ้มเท่านั้น ทุกคนกลายสภาพเป็นเงาะป่าซาไก หัวเราะคลิกคักกันอย่างครื้นเครง

“ห้ามยิ้ม ใครเห็นฟันจะพรางปากมัน” ครูฝึกยศจ่าสิบเอกคนหนึ่งพูดหยอกล้อกับ นศท.อย่างสนุกสนานเป็นกันเอง แต่ก็มีคนกล้าลองของหัวเราะขึ้นจึงโดนครูจับไปพรางฟันเข้าจริง ๆ

“อ้าปาก ๆ เอ็งจะอ้าไม่อ้า ลองดีใช่ไหม อ้าปาก”  นศท. ตัวดีทำหน้าหยี เมื่อโดนครูฝึกบังคับให้อ้าปากขึ้น ก่อนจะโดนฝุ่นพรางทาฟันจนดำปี๋ แล้ววิ่งไปบ้วนปากที่อ้างน้ำทันที  เพื่อน ๆ หัวเราะคนโดนแกล้งกันยกใหญ่
 “ใครหัวเราะอีก อยากโดนเหมือนมันเหรอ เฮ่ย ไอ้นั่นล้างออกเหรอ มาพรางใหม่เลยเอ็ง”

ไม่นานก็มีเสียงนกหวีดเรียกรวมพลดังขึ้น ก่อนจะมีการตั้งแถวเดินกลับไปเอาสัมภาระยังที่รวมพลก่อนการออกตี รูปขบวนในการเข้าตีกลางคืนจะแตกต่างจากการเข้าตีกลางวันอย่างสิ้นเชิง โดย ทุกคนจะรอคำสั่งอยู่ที่รวมพล ในระดับหมู่ มีเพียงผู้ที่ทำหน้าที่ ผบ.หมู่  นายสิบประจำหมู่ และพลนำทาง เท่านั้นที่ออกมาสำรวจแนวออกตีที่หน้าฐานข้าศึกหลังจากพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว เมื่อทราบพิกัด และแนวการวางกำลังแล้ว พลนำทางและ ผบ.หมู่ จะกลับไปนำกำลังที่รออยู่ในที่รวมพลเดินเข้าสู่แนวออกตี ที่มีนายสิบประจำหมู่รออยู่ก่อนแล้ว จากนั้น จึงมีการกระจายกำลังกันออกเป็นหน้ากระดาน ก่อนจะทำการจู่โจม เข้าตะลุมบอนเพื่อยึดที่หมายให้ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ให้ข้าศึกได้ทันตั้งตัวติดโดยการใช้ความมืดให้เป็นประโยชน์ในการซ่อนพราง
นศท. มีเพียงอาวุธประจำกายรุ่นคุณปู่สมัยสงครามโลก ที่ใช้กระสุนจากปาก นั่นคือ เสียงตะโกน ปัง ๆ ๆ เท่านั้น ในการสู้รบปรบมือกับครูฝึกที่เป็นข้าศึกสมมติซึ่งมี ปลย. เอ็ม 16 และ เอชเค 33 เป็นอาวุธและใช้กระสุนจริง หรือกระสุนซ้อมรบ ยิงขึ้นฟ้า ส่งเสียงดังกังวานก้องสนั่นป่าในยามวิกาล บางครั้งใช้กระสุนส่องวิถีจะเห็นแสงไฟสีแดงเป็นทางยาวจากปากกระบอกปืนขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นระยะกว่า 300 เมตร เป็นความสวยงามซึ่งแฝงไว้ด้วยความโหดเหี้ยมทารุณ เมื่อเป้าหมายของมันคือสิ่งมีชีวิตที่จะโดนปลิดชีพ

การฝึกภาคกลางคืนจบลง ประมาณเกือบ 4 ทุ่ม คืนนี้เป็นคืนแรกที่ไม่มีการอาบน้ำ นศท. ต้องนอนทั้งชุดฝึกที่ใส่อาบเหงื่อต่างน้ำ เปรอะเปื้อนดินโคลนมาตลอดทั้งวัน ครูฝึกกำหนดพื้นที่บริเวณลานกว้างหน้าสนามยิงปืนเป็นสถานที่พักแรม และสั่งห้ามออกนอกพื้นที่อย่างเด็ดขาด เพราะพื้นที่ป่าด้านข้างเป็นพื้นที่ฝึกซ้อมใช้อาวุธของทหารและตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งอาจมีลูกระเบิดตกค้างหลงเหลืออยู่ และอาจเป็นอันตรายได้
กลางลาน มีการก่อกองไฟขนาดใหญ่ เพื่อไล่ความหนาวเย็น การนอนจะใช้ผ้าเต็นท์ผืนหนึ่งปูที่พื้น สำหรับนอนกับคู่บั๊ดดี้ของตน แล้วใช้อีกผืนคลุมทับผ้าห่มอีกชั้นหนึ่งเพื่อกันความหนาวเย็น 
บรรยากาศยามค่ำคืนของคืนเดือนแรม เมื่อมองไปรอบข้างมีแต่ความมืดมิด มีเพียงหมู่ดาวสาดแสงส่องรัศมี ระยิบระยับแพรวพราว อย่างสวยงาม เต็มไปหมดทั่วทั้งแผ่นฟ้า

‘ถ้าได้นอนดูดาวเคียงข้างทิวไผ่ก็คงจะดีสินะ’ สายฟ้า รำพันนอนมองหมู่ดาวเหล่านั้นและยิ้มที่มุมปากอย่างมีความสุข

“ต้น นั่นดาวตก” สายฟ้า ชี้ไม้ชี้มือ ไปทางทิศตะวันตกเหนือขอบฟ้า เพื่อให้ต้นข้าวเพื่อนรัก มองดูสะเก็ดดาวตกที่ตนเห็น สายฟ้าอธิษฐานของพรเป็นการใหญ่
ต้นข้าวมองตามสายฟ้าอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น ใบหน้าคมเข้มของคนตัวใหญ่คู่กัดของเขาก็โผล่ขึ้นมาในมโนสำนึก ดวงหน้าหล่อเหลาลอยเด่นบนท้องฟ้า แวดล้อมไปด้วยหมู่ดาวจรัสแสงสว่างไสว ทิวไผ่ฉีกยิ้มหราอวดฟันขาว จนเห็นลักยิ้มคู่สวยเปื้อนเสน่ห์ที่มุมปากทั้งสองข้าง สอดส่งสายตาหวานซึ้งมายังเขา

 “เฮ่ย....” ต้นข้าวอุทาน สะดุ้งเฮือกตื่นจากภวังค์ พลางตบหน้าตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา

“ต้น เป็นไรเหรอ มี อะไรอ่ะ” สายฟ้าลืมตาขึ้นจากการอธิษฐาน เมื่อได้ยินเสียงอุทานของเพื่อนรักที่นอนอยู่ข้าง ๆ

“เปล่า ๆ ไม่มีอะไร นอนได้แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ามาฝึกหนักกันต่ออีก” ต้นข้าวกลบเกลื่อน

สองหนุ่มนอนหันหลังชนกัน เพื่อให้ไออุ่นจากร่างกายส่งผ่านกันและกันต่อสู้กับความหนาวเย็นของอากาศที่ยิ่งดึก ยิ่งเย็นยะเยือกลงเรื่อย ๆ กระแสลมพัดพาความเย็นโชยมาจากทิวเขา แต่ละครั้งกระทบผิวกายจนขนลุกซู่ร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งสรรพางค์ เพราะไม่มีผ้าเต็นท์ช่วยกันลมเหมือนตอนอยู่กองร้อย ต้องนอนห่มฟ้าอวดสายตาดวงดาวที่คอยส่งแสงแวบวับอย่างไม่เคยหลับใหล

...

mumumama

  • บุคคลทั่วไป
 o15 ขอบคุณนะคร้าบ ตามติดต่อไป  o15

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ต้นข้าวเอาเปรียบสายฟ้าจังเลย

 :angry2:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
รออ่านต่ออีกนะคร้าบบบบบบบบบบบบบ

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุงที่มาต่อนะ o15

แล้วจะรออ่าน :impress:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ชักเซ็ง ๆ กับต้นข้าว ดื้อไม่เข้าเรื่องจริง ๆ  :try2:

sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
นกหวีดน้อยผู้ซื่อตรง กรีดร้องแผดเสียงบาดแก้วหู ทำหน้าที่ปลุกตั้งแต่เช้ามืดอีกเช่นเคย  ทุกคนกุลีกุจอลุกขึ้นเก็บสัมภาระใส่เป้สนามอย่างเร่งด่วน ไม่มีโอกาสแม้แต่การแปรงฟัน ได้แต่เพียงล้างหน้าและบ้วนปากด้วยน้ำที่เหลืออยู่ในกระติกน้ำประจำตัวเท่านั้น
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการฝึก โดยจะเป็นการฝึกการตั้งรับและร่นถ่อย ซึ่งตรงกันข้ามกับการฝึกที่ผ่านไปเมื่อวานที่เป็นการฝึกการเข้าตี หลังจากรับประทานอาหารเช้าและฟังคำชี้แจงแล้ว นศท. ทุกคนรอคำสั่งจากครูฝึกในการปฏิบัติต่อไป โดยช่วงเช้า จะเป็นการวางแผนการรับมือการเข้าตีของฝ่ายข้าศึก และเสริมสร้างความมั่นคงในฐานที่มั่นของตนให้ต้านทานกำลังฝ่ายตรงข้ามที่จะบุกเข้ามาให้ได้ หรือให้นานที่สุด ซึ่งการรบจริงส่วนใหญ่จะเป็นการรบในคูสนามเพลาะ และที่กำบังในฐานที่มั่นของตน มีการเสริมสร้างความแข็งแรงของรังปืนกล แนวป้องกันการบุก สนามทุ่นระเบิด รั้วลวดหนามต่าง ๆ  และวิธีการร่นถอยอย่างเป็นระบบให้สูญเสียน้อยที่สุด เมื่อไม่สามารถรักษาฐานที่มั่นไว้ได้

ในช่วงบ่าย นศท. ทุกคนเข้าสู่ที่มั่นประจำตำแหน่งของตน รอรับการเข้าตีของครูฝึกที่เป็นข้าศึกสมมติ ในสถานการณ์จริง ทหารทุกคนห้ามร่นถอยหรือทิ้งฐานที่มั่นของตนเด็ดขาด จนกว่าจะได้รับคำสั่งของ ผู้บังคับบัญชา ถึงแม้ว่าจะต้องพลีชีพ เป็นคนสุดท้ายก็ตามที
จากสถานการณ์สมมติ เมื่อไม่สามารถรักษาฐานที่มั่นของตนไว้ได้ และมีคำสั่งให้ร่นถอย เพื่อป้องกันความเสียหายไม่ให้มากไปกว่าเดิม การร่นถอยจะทำอย่างเป็นระบบ เหมือนเช่นการเข้าตี มีส่วนยิงคุ้มกัน ให้อีกส่วนหนึ่งถอยลงไปตั้งหลัก เมื่อส่วนที่ร่นถอยไปก่อนเข้าที่กำบังได้สำเร็จก็จะทำการยิงคุ้มกันให้ส่วนหน้าร่นถอยลงมา สลับกันไปมาจนกว่าจะพ้นจากพื้นที่ที่ปะทะกัน การร่นถอยลักษณะนี้เหมาะสมกับการร่นถอยในเวลากลางวัน
ในการเข้าตี ตั้งรับและร่นถอย อาจมีหลายรูปแบบ จะนำมาใช้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสภาพภูมิประเทศว่าเอื้ออำนวยหรือเปล่า การร่นถอยอีกวิธีหนึ่งคือ การทิ้งกำลังไว้คอยปะทะ โดยจะเป็นการร่นถอยของกองกำลังระดับหมวด หรือขนาดใหญ่ระดับกองร้อยขึ้นไป เพื่อความรวดเร็วและความปลอดภัยของกำลังส่วนใหญ่ โดยจะมีการเหลือกำลังไว้ประมาณ 1 หมู่ หรือ 1 หมวด ซุ่มรอไว้ปะทะกับฝ่ายข้าศึก เพื่อหน่วงเวลาข้าศึกที่ทำการติดตามโจมตีการร่นถอย ให้กำลังส่วนใหญ่ที่ร่นถอยไปเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย จากการรบกวนการร่นถอยของข้าศึก เหมาะสมสำหรับการร่นถ่อยในเวลากลางคืน เพราะข้าศึก ไม่สามารถประมาณกำลังที่เหลือไว้ปะทะได้อย่างแน่ชัด โดยการใช้ความมืดในการซ่อนพรางกาย ทำให้เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว

การฝึกวันสุดท้ายสิ้นสุดลงกับสภาพหมดแรงของ นศท. เกือบทุกคน และคืนนี้ ทุกคนต้องนอนที่สนามยิงปืนเป็นคืนที่สอง ก่อนจะเดินทางกลับบ้านกันในวันรุ่งขึ้น 
ต้นข้าวดูเหมือนว่าจะเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าเนียนที่เคยสดใสเปล่งปลั่งด้วยเลือดฝาด กลับซีดเผือดลงอย่างถนัดตา ถึงแม้จะมีฝุ่นพรางปิดบังไว้

“ต้น ไม่สบายรึเปล่า ทำไมหน้าซีดจัง” สายฟ้าสอบถามเพื่อนรักอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของต้นข้าว

“ไม่เป็นไรหรอก สงสัยเหนื่อยมากไปหน่อยน่ะ ขอบใจที่เป็นห่วงเรานะ” ต้นข้าวตอบขอบคุณเพื่อนรักที่ห่วงใยเขา เสียงเนือย แต่เมื่อจะก้าวเดินต้นข้าวกลับหน้ามืด พื้นดินรอบ ๆ ตัวเขาหมุนติ้วไปหมด และเซเกือบจะล้ม สายฟ้ารีบวิ่งเข้ามาประคองต้นข้าวไว้

“ไหนบอก ไม่เป็นไรไง ไปกินยาหน่อยมั้ย รู้สึกว่าที่ครูฝึกจะมียาอยู่นะ” สายฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“ไม่ต้องลำบากหรอก เดี๋ยวนอนพักก็คงหาย พรุ่งนี้เช้าก็กลับบ้านกันแล้ว” หนุ่มหน้าใส ตอบกลับเพื่อนรักมาอย่างดื้อรั้น จนสายฟ้าต้องยอมตามใจ

คืนนี้หมู่ดาวยังคงทอแสงประกายแวววาวระยิบระยับ อย่างเช่นเคย แต่ขอบฟ้ากลับมีเมฆหมอกมืดมัว จนดูไม่ค่อยสดใสเท่าใดนัก สายฟ้าหลับตาลง และผล็อยหลับเข้าสู่นิทรากาลไปอย่างเหนื่อยอ่อน สายลมยังคงพัดโชยพาความหนาวเย็นมาปะทะผิวกายเป็นระยะ ๆ แต่สายฟ้าก็ไม่ได้รู้สึกเหน็บหนาวแต่อย่างใด เพราะได้ไออุ่นจากแผ่นหลังเพื่อนรักที่นอนแนบชิดกันอยู่

สายฟ้าต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เมื่อรู้สึกว่าร่างกายหนุ่มร่างบางเพื่อนรักของเขากำลังจะลุกเป็นไฟขึ้นมาในไม่ช้า สายฟ้าอังมือที่หน้าผากต้นข้าวแต่ก็ต้องชักมือกลับอย่างรวดเร็วเพราะมันร้อนรุ่มเหมือนกับเตาไฟ ต้นข้าวนอนขดตัวสั่นสะท้าน ใบหน้าและริมฝีปากซีดเซียว

“ต้น ๆ ไม่สบายใช่ไหม” สายฟ้าถามอย่างเป็นห่วง

“หนาว หนาวจัง” ต้นข้าวตอบมาอย่างปากคอสั่น

“เดี๋ยวเราจะพานายไปหาครูฝึกเอง” สายฟ้าคว้าผ้าห่มมาคลุมให้ต้นข้าวเพิ่ม และพยายามจะอุ้มและแบกเพื่อนรักไปยังเต็นท์สนามของครูฝึกที่อยู่อีกด้านหนึ่ง

“อึ๊บ... เอาไงดีเนี่ย หนักชะมัดยาดเลย ตัวนิดเดียวเอง” สายฟ้าเซถลาเมื่อพยายามแบกต้นข้าวขึ้นหลังแต่ ไม่เป็นผล เพราะความเหนื่อยอ่อนจากการฝึกทำให้เขาหมดแรงเช่นกัน และอีกอย่างต้นข้าวเองก็ตัวใหญ่กว่าเขา

“ทิวไผ่ ไผ่ต้องช่วยได้” สายฟ้าอุทานเบา ๆ แล้ว วิ่งไปที่ทิวไผ่นอนอยู่ทันที

“ไผ่ ไผ่ครับ ช่วยต้นด้วย” สายฟ้าพูดอย่างหน้าตาตื่น

“หือ ต้นข้าวเป็นไรหรอครับฟ้า” ทิวไผ่ลุกขึ้นนั่ง แล้วถามกลับอย่างสงสัย

“ต้นตัวร้อนมากเลย สงสัยไข้ขึ้น ฟ้าแบกมันไม่ไหวไผ่ช่วยทีนะครับ” สายฟ้าพูดเชิงขอร้อง ทิวไผ่รีบลุกขึ้นและวิ่งนำหน้าสายฟ้า ไปอย่างร้อนรน เมื่อไปเห็นหนุ่มร่างบางนอนหนาวสั่นอยู่ใต้ผ้าห่ม ทิวไผ่ยื่นมือไปอังที่หน้าผากต้นข้าว แล้วช้อนอุ้มหนุ่มร่างบางขึ้นสู่อ้อมอกอย่างง่ายดาย ก่อนที่จะเดินกึ่งวิ่งไปที่เต็นท์ของครูฝึก โดยมีสายฟ้าตามหลังมาติด ๆ

“ครูครับ ๆ เพื่อนผมไม่สบายครับ” ทิวไผ่ส่งเสียงปลุกครูฝึกที่นอนอยู่ในเต็นท์

“มีอะไรกัน ดึก ๆ ดื่น ๆ รอพรุ่งนี้เช้าไม่ได้เหรอ” ครูฝึกส่งเสียงงัวเงียออกมาจากในเต็นท์

“รอไม่ได้แล้วครับ เพื่อนผมตัวร้อนมาก” ทิวไผ่พยายามให้เหตุผล จนครูฝึกลุกขึ้นมาดู

“ไหนดูซิ โห หนักขนาดนี้ สงสัยต้องส่งโรงพยาบาลแล้ว เป็นนานรึยังเนี่ย ทำไมพึ่งมาปลุก เกิดเพื่อนเราตายขึ้นมาครูไม่แย่เรอะ”
ครูฝึกคนเดิมโบ้ยหน้าตาเฉย จนทิวไผ่ทำหน้าเซ็ง ๆ จากนั้นจึงแจ้งไปยังผู้บังคับการฝึกให้ทราบ แล้วเอารถออกพาต้นข้าวส่งโรงพยาบาลในเมืองซึ่งอยู่ห่างลงเขาไปประมาณ เกือบ 20 กิโลเมตร โดยมีสายฟ้านั่งไปเป็นเพื่อนและ ผู้กำกับ นศท. อีกคนหนึ่ง
 ระหว่างทางสายฟ้าเฝ้าดูอาการของเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง แต่ใจหนึ่งก็ครุ่นคิดอยู่กับสิ่งที่ได้พบเห็น พร้อมกับอาการเจ็บแปลบที่ใจขึ้นมาอีกครั้ง ‘ทิวไผ่เป็นห่วงต้นข้าวขนาดนี้เชียวหรือ’



...


NewcoolstaR

  • บุคคลทั่วไป
 :impress: แวะมาทักทายพี่นัท เพราะเป็งกะละจัยให้ ครับ  o13

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
อ่ะนะ สายฟ้านี่ช่างสังเกตจริง ๆ   :teach:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
น่าสงสารสายฟ้า เฮ้ออออออออออออออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
สังเกตุมากขึ้นเรื่อยๆ ชักจะกลายเป็นจับผิดซะแล้วแฮะ :try2:

ขอบคุณครับ :yeb:

sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
“ตื่นแล้วหรือจ๊ะลูกต้น เป็นไงมั่งหายปวดหัวยังเอ่ย” เกศสินีส่งเสียงทักทายลูกชายสุดที่รักของเธอ

“อ้าว ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ครับแม่” ต้นข้าวถามอย่างสงสัย และมึนงง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

“ก็ลูกไม่สบาย สายฟ้าเพื่อนลูกกับครูฝึกเลยพามาส่งโรงพยาบาลน่ะค่ะ เดี๋ยวหม่ามี้ป้อนข้าวต้มร้อน ๆ จะได้หายป่วยเร็ว ๆ นะคะ”

“ขอบคุณครับ แต่ต้นทานเองไหวคับ แล้วฟ้าล่ะครับแม่” ต้นข้าวกล่าวขอบคุณมารดา และถามหาสายฟ้าทันที

“ลูกฟ้ากลับบ้านไปแล้วจ้ะ วันนี้ออกค่ายกันนี่นา”

“ต้นนี่แย่จังนะครับ อีกไม่กี่ชั่วโมงแท้ ๆ ยังทำให้คนอื่นวุ่นวายจนได้ เฮ้อ…” ต้นข้าวพูดเชิงตำหนิตัวเองด้วยเสียงเศร้าสร้อย

“อย่าโทษตัวเองซิจ๊ะ เรื่อยป่วยไข้ มันไม่เข้าใครออกใครหรอกนะ” เกศสินี พูดปลอบใจลูกชายของตน

“ขอบคุณครับแม่”

ต้นข้าวนอนโรงพยาบาลอยู่ 1 คืน หมอก็อนุญาตให้สามารถ กลับบ้านได้ และวันถัดไปก็สามารถ ไปโรงเรียนได้ตามปกติ

“ต้น หายดีแล้วเหรอ เราขอโทษนะที่ไม่ได้ไปเยี่ยมน่ะ เผอิญเพลียมากไปหน่อย กลับถึงบ้านก็หลับเป็นตายเลย” สายฟ้าทักทายถามไถ่อาการของเพื่อนรัก

“อืม หายดีแล้ว บอกแล้วเราไม่เป็นไรมากหรอก ขอบใจนายนะที่พาเราส่งโรงพยาบาล” ต้นข้าวขอบคุณเพื่อนรักของเขาอีกครั้ง

“นี่ ยังจะมาทำปากเก่ง ตอนนั้นน่ะ นอนสั่นเป็นเจ้าเข้าเลยนะนายอ่ะ ตัวร้อนยังกับเตาไฟแน่ะ ถ้าไม่ได้ไผ่นะ ป่านนี้นายจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”

“อะไรนะ นายนั่นทำไม เกี่ยวอะไร” ต้นข้าวถามสายฟ้าอย่างงุนงง และเริ่มหงุดหงิด เมื่อได้ยินชื่อของคนที่ปล้นชิงจูบแรกจากเขา

“ก็อุ้มนายไปหาครูฝึกน่ะสิ” ทิวไผ่พูดสอดขึ้นมา เมื่อเข้ามาพบว่าสองหนุ่มกำลังสนทนาเกี่ยวกับตนอยู่

“นายมีสิทธิอะไรมายุ่งกับตัวเรา” ต้นข้าวตอบไปด้วยความโกรธ

“โหย ถ้ารู้ว่าทำคุณบูชาโทษแบบนี้นะ ปล่อยให้นอนไข้ขึ้นตายกลางป่าก็ดีหรอก ขอบคุณซักคำไม่มี”
ทิวไผ่พูดแดกดันขึ้นมาอย่างตัดพ้อ

‘หึหึ ขนาดจูบยังทำมาแล้ว แค่อุ้มทำไมจะไม่กล้าล่ะ ไอ้เจ้าหน้าอ่อนเอ๊ย...’ ทิวไผ่ได้แต่พึมพำคำนี้อยู่ในใจหากไม่มีสายฟ้าอยู่ด้วย เขาคงพูดมันสะกิดให้ต้นข้าวเจ็บใจเล่น ๆ ไปแล้ว

...


ย่างเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์เทศกาลวาเลนไทน์  ดูจะคึกคัก มีชีวิตชีวาสำหรับหนุ่มสาววัยรุ่น ดอกกุหลาบ และ ช็อกโกแลต ดูจะเป็นของขวัญยอดฮิตสำหรับเทศกาลวันแห่งความรักนี้ โดยหนุ่มสาวส่วนใหญ่ ที่จับจ้องหมายปองใคร มักจะใช้โอกาสทองนี้ในการสารภาพและบอกรักคนที่ตนแอบชอบอยู่ หนุ่มรูปหล่อขวัญใจสาว ๆ อย่างทิวไผ่ ดูจะเนื้อหอมที่สุดในห้อง และโรงเรียน
เช้าวันที่ 14 กุมภา สายฟ้ามาโรงเรียนแต่เช้าตรู่ นำช็อกโกแลตกล่องใหญ่ห่อด้วยกระดาษสีสันสวยงามผูกด้วยริบบิ้นสายรุ้งอย่างลงตัว เพื่อมอบให้คนที่ตนแอบปลื้มอยู่ เขานั่งทบทวนคิดคำพูดหวาน ๆ ซึ้ง ๆ ที่จะสารภาพความในใจของเขา เพื่อเขียนแนบการ์ดใส่ไปด้วย แต่จนแล้วจนรอดใจเจ้ากรรมก็กับเกิดอาการลังเล เพราะเขาเองก็ไม่มั่นใจในตัวของหนุ่มคนนั้นเช่นกัน จึงได้แต่เขียนถ้อยคำธรรมดา ๆ เท่านั้น เพื่อปกปิดไม่ให้ทิวไผ่รู้ว่าเป็นใคร แล้วสอดมันไว้ใต้โต๊ะของหนุ่มหน้าคมเข้ม ก่อนที่จะมีใครมาพบเข้าเสียก่อน
ทิวไผ่ก้าวเข้ามาในห้องก็ต้องตะลึงกับกองกล่องของขวัญ และช่อดอกกุหลาบ หลากสี มากมายอยู่บนโต๊ะของเขา พร้อมการ์ดที่เจ้าของ ช่อดอกไม้และของขวัญ เหล่านั้น  แถมมีสาว ๆ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องมาดักรอมอบให้ด้วยตัวเองอีกหลายคน ตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะยัยบ๊อบ สาวเทียมคนสวยประจำห้อง ถึงกับกอดคอหอมแก้มทิวไผ่โชว์ต่อหน้าเพื่อน ๆ ทั้งห้อง เป็นที่ฮือฮาสนุกสนานกันใหญ่ จนทิวไผ่เขินอายหน้าแดงก่ำ จนเพื่อนชายในห้องต่างอิจฉากันใหญ่
สายฟ้าและต้นข้าวเองก็แอบมีแฟนคลับให้ของขวัญและดอกไม้บ้างคนละช่อสองช่อ

“ไผ่นี่ เนื้อหอมจังนะครับ” สายฟ้าพูดพลางส่งยิ้มให้หนุ่มที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ เขา ทิวไผ่ส่งยิ้มตอบกลับมาแบบเขินอายนิด ๆ ก่อนที่จะลอบมองไปทางต้นข้าว ซึ่งฝ่ายหลังทำเป็นไม่สนใจใยดีเช่นเคย

ก่อนจะกลับบ้าน ต้นข้าวก็ต้องแปลกใจที่มีกล่องของขวัญขนาดเล็กกะทัดรัด อยู่ในลิ้นชักโต๊ะของเขา มีการ์ดใบเล็ก ๆ แนบอยู่ข้างกล่อง ต้นข้าวหยิบมันใส่กระเป๋าเพื่อนำไปแกะที่บ้าน
หลังเลิกเรียนทิวไผ่หอบถุงของขวัญและช่อดอกไม้มากมายกลับบ้านไปอย่างทุลักทุเล เป็นที่จับจ้องของสายตาผู้คนตลอดทางกลับบ้านจนให้นึกรู้สึกอึดอัดนิด ๆ
ทิวไผ่นำดอกไม้ทั้งหมด ไปจัดช่อใส่แจกันตั้งตามมุมต่าง ๆของบ้าน จากนั้น ก็มานั่งอ่านการ์ด อย่างสบายอารมณ์และเริ่มแกะกล้องของขวัญ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นช็อกโกแลต ‘โหย ถ้ากินช็อกโกแลตพวกนี้หมดนะ คงพุงกางเป็นหมูแน่ ๆ’ ทิวไผ่ปรารภกับตัวเองและหัวเราอย่างอารมณ์ดี จนมาถึงของขวัญกล่องสุดท้ายที่กล่องใหญ่ที่สุด ห่อด้วยกระดาษสีสันสวยงามผูกด้วยริบบิ้นลายสายรุ้งตัดกลับสีกระดาษอย่างลงตัว มีการ์ดลายสวยใบเล็ก ๆ แนบอยู่ ทิวไผ่เปิดออกอ่านข้อความด้านใน “ขอบคุณนะ สำหรับสิ่งดี ๆ ที่มีให้” แต่ไม่มีลงชื่อกำกับไว้แต่อย่างใด
“หึหึ คิดคำได้ห่วยมากเลยนะนายนี่ ไม่กล้าขอบคุณด้วยตัวเองนี่นา หยิ่งซะ นายเบื๊อกเอ๊ย” ทิวไผ่พึมพำ ถึงเจ้าของใบหน้าใส ๆ ผู้ไม่เคยยอมพูดดีกลับเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว พร้อมทั้งยิ้มกริ่มอย่างพออกพอใจ เพราะอะไรไม่รู้ที่ทำให้เขาเข้าใจว่าเป็นหนุ่มหน้าใสปากร้ายอย่างไม่ทราบสาเหตุไปเสียแล้ว

ต้นข้าว กลับมาถึงบ้าน ขึ้นไปห้องแล้วเอากล่องของขวัญน่ารักนั้นออกมาเปิดทันที “ขอโทษนะ หวังว่าคงไม่โกรธ” ลงชื่อ ‘คนใกล้ตัว’

“ใครเนี่ย ใช้นามแฝงแปลก ๆ แล้วขอโทษอะไรของเค้า รึว่าจะเป็น... บ้าน่า ไอ้หมอนั่นคงไม่ทำอะไรงี่เง่าแบบนี้มั้ง”
 ต้นข้าวครุ่นคิดอย่างสับสน ถึงเจ้าของการ์ดและกล่องช็อกโกแลตที่แท้จริงกล่องนี้


...


เดือนกุมภาพันธ์ ถือเป็นเดือนสุดท้ายของภาคเรียนสุดท้ายในชีวิตของเด็กมัธยมปลาย ก่อนที่จะจบหลักสูตรภาคบังคับและแยกย้ายไปสมัคร หรือสอบแข่งขันเข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาที่สูงขึ้น หรือออกไปหางานทำต่อไปสำหรับคนที่ไม่คิดที่จะเรียนต่อ
โรงเรียนของต้นข้าวจะจัดสอบปลายภาคในเทอมสุดท้ายในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคม จากนั้น จะมีการมอบประกาศนียบัตร และกิจกรรมปัจฉิมนิเทศ อำลาอาลัย ให้แก่นักเรียนชั้น ม.3 และ ม.6 ที่กำลังจะจบการศึกษา โดยคณะครูอาจารย์และรุ่นน้องในโรงเรียน
ช่วงเช้าจะเป็นพิธีกล่าวให้โอวาท และมอบประกาศนียบัตรโดยผู้อำนวยการของโรงเรียน จากนั้นจะมีการบายศรีสู่ขวัญขอพร ผูกข้อต่อแขนด้วยด้ายผูกข้อมือสีขาวบริสุทธิ์ ให้แก่ศิษย์รักของคณะครูอาจารย์ และด้ายสีสันต์สวยงามหลากสี ทั้งการ์ดอวยพร ดอกไม้ สร้อยคอร้อยลูกอม ฮาร์ทบีต และอีกมากมาย ของเด็ก ๆ ด้วยกันเอง  ซึ่งหนุ่มป๊อบประจำรุ่นอย่างทิวไผ่ก็โดนสาว ๆ รุมทึ้ง แย่งกันเข้าหาจนเพื่อนชายร่วมรุ่นต่างมองมาเป็นตาเดียวกันด้วยความอิจฉา และส่งเสียงแซวอย่างคึกครื้น โดยมีสายตาของสายฟ้าคอยจับจ้องหนุ่มหล่อหน้าคมเข้มอยู่ห่าง ๆ อยากจะเข้าไปหาบ้าง แต่ก็ต้องตัดใจสู้เก็บงำความรู้สึกไว้อย่างคับอก ทิวไผ่เหลือบมองมายังต้นข้าวขณะโดนรุมล้อมด้วยบรรดาสาว ๆ ทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นน้อง แต่หนุ่มหน้าใสกลับทำทีท่าไม่ได้สนใจใยดีเขาตามที่ทิวไผ่คาดหวัง เช่นเคย จนคนมองแอบมีสีหน้าและแววตาเศร้าสร้อย ความที่เคยใกล้ชิดจากการเป็นคู่กัดกันตลอดมามันกลับกลายมาเล่นงานกัดกร่อนหัวใจของเขาเข้าเองซะแล้ว
สายฟ้าเห็นอาการของทิวไผ่อยู่ตลอดเวลา และมันทำให้เขาเจ็บแปลบบาดลึกที่ขั้วหัวใจดวงน้อยอีกครั้ง

จากนั้นมีการมอบของที่ระลึกรุ่นด้วยโซฟาชุดรับแขก 1 ชุด แก่ทางโรงเรียนของตัวแทนนักเรียน และมีการถ่ายภาพร่วมกันระหว่างคณะอาจารย์และนักเรียนที่กำลังจะจบการศึกษาทั้งม.ต้น และ ม. ปลาย  รวมทั้งภาพหมู่กับอาจารย์ที่ปรึกษาของแต่ละห้อง เก็บที่ระลึกกันด้วย
ในช่วงบ่ายมีการแสดงของตัวแทนรุ่นน้องในระดับชั้นต่าง ๆ เพื่อมอบเป็นของขวัญแก่รุ่นพี่ที่กำลังจะอำลาสถาบันไปในไม่ช้า ต่อด้วยการแสดงละครขำขันของคณะอาจารย์หนุ่มสาว ในเรื่อง แผลเก่าภาคพิสดาร ซึ่ง ขวัญ และ เรียม เรียกเสียงหัวเราะเฮฮาอย่างสนุกสนานจากเด็ก ๆ และคณาจารย์ด้วยกันเอง

หลังการแสดงจบลง อาจารย์พิธีกร เชิญให้ตัวแทนนักเรียน ออกมาอ่านกลอนอำลาอาลัยสถาบัน

เมื่อตัวแทนนักเรียนชั้น ม.3 ออกมาและเริ่มอ่านบทกลอนในแผ่นกระดาษสีขาวตรงหน้า สรรพสำเนียงที่เคยดังเซ็งแซ่สอดแทรกกันไปมาอย่างวุ่นวายพลันเงียบลงในทันใด  ทุกคนต่างอยู่ในอาการสงบ ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั้งหอประชุม มีเพียงเสียงจากเครื่องขยายเสียงที่ช่วยถ่ายทอดถ้อยคำสำนวนกลอนของตัวแทนนักเรียนออกมาเท่านั้น ........จากเสียงที่ดูปกติในตอนแรก เมื่อเริ่มอ่านไปเรื่อย ๆ เสียงนั้นกลับเริ่มสั่นเครือ ขึ้นเรื่อย ๆ ตามมาด้วยเสียงสะอึกสะอื้นเริ่มดังระงมขึ้นทีละน้อย ๆ ยิ่งสร้างความสะเทือนอารมณ์มากยิ่งขึ้นไปอีก บางคนก้มหน้านิ่ง บ้างตาแดงก่ำน้ำตาคลอเบ้าและเริ่มไหลรินอาบสองแก้ม บรรยากาศรอบข้างเริ่มเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เพื่อน ๆ เริ่มเข้าสวมกอดกัน ปล่อยเสียงโฮกันจนเสียงสะอื้นดังระงมไปทั้งงาน ต้นเสียงคนอ่านเริ่มขาด ๆ หาย ๆ เนื่องจากต้องหยุดสะอื้นไห้ไปตามบรรยากาศตรงหน้า
ไม่เพียงแต่เหล่าเด็ก ๆ เท่านั้น อาจารย์หลายคนก็พลอยมีน้ำตารินไหลร่วมไปด้วย

หลังจาก ตัวแทนนักเรียนชั้น ม.3 กล่าวจบ ตัวแทนนักเรียนชั้น ม.6 ก็ขึ้นมากล่าวต่อ บรรยากาศรอบข้างที่เศร้าอยู่แล้ว ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเหมือนกับกระพือ กองไฟให้รุกโชน เด็ก ๆ หลายคน สวมกอดเพื่อน และอาจารย์ที่ตนเคารพนับถือพลางร้องไห้ไปด้วยกันอย่างยากที่จะสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ได้

แด่...............หมู่มิตรมากมายในวันเก่า
เพื่อน..........พ้องเราคือภาพฝันอันสดใส
ครั้ง.............ยังอยู่พร้อมหน้าคราเยาว์วัย
ก่อน............จากไกลในเส้นทางที่ต่างกัน
 
ที่................แห่งนี้คงควรค่าระลึกถึง
สอน............ให้ซึ้งถึงความหมายชีวิตนั้น
ให้...............รู้ว่านอกตำราที่เรียนกัน
รู้.................สำคัญคือเพื่อนแท้ไม่แปรไป

จัก...............เติบใหญ่ก้าวไปในวันหน้า
คำ...............นึงหากันบ้างอย่าร้างหาย
ว่า...............ครั้งหนึ่งเคยมีมิตรสนิทใจ
อำลา...........ไปไกลเพียงกาย ใจคงเดิม…

ต้นข้าว และสายฟ้าสองหนุ่มหน้าใส เพื่อนรักที่คบกันมาถึง 6 ปีเต็ม ต่างสวมกอดกันกลมร้องสะอื้นไห้  ถึงแม้ว่าจะสอบเรียนต่อได้ในที่เดียวกัน แต่บรรยากาศตอนนี้แสนจะเป็นใจให้อารมณ์รู้สึกอ่อนไหวคล้อยตามจนยากที่จะฉุดรั้งห้ามไว้ได้เสียแล้ว ทิวไผ่มองไปรอบ ๆ ด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว เห็นเพื่อน ๆ และอาจารย์ร้องไห้แล้วก็อดไม่ได้ เขาพยายามสะกดกลั้น อารมณ์ความรู้สึกจากบรรยากาศความเศร้ารอบตัวที่แผ่ซ่านเข้าสู่จิตใจของเขาไว้ให้ได้ แต่ก้อนแข็ง ๆ กลับวิ่งมาจุกอยู่ที่คอหอย จนต้องก้มหน้านิ่งกัดริมฝีปากแน่น น้ำตาลูกผู้ชายหยดติ๋งลงสู่หน้าตักอย่างสุดที่จะทัดทานไว้ พลางคอยตบหลังเพื่อนชายร่วมห้องที่นั่งสะอื้นอยู่ข้าง ๆ เบา ๆ อย่างปลอบโยน
ถึงแม้ว่าทิวไผ่จะเพิ่งย้ายมาเรียนอยู่ที่นี่ ไม่ถึงหนึ่งปีเต็ม แต่ความผูกพันในหลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่างที่นี่มันได้พันธนาการจิตใจเขาไว้เสียแล้ว

เมื่อตัวแทนนักเรียน ม. 6 กล่าวจบ เสียงสะอื้นไห้ระงมเซ็งแซ่ทั่วงานทั้งศิษย์ทั้งอาจารย์ ซึ่งเมื่ออาจารย์เปิดเพลงอำลาอาลัยซึ้ง ๆ เข้าบรรยากาศ ยิ่งดูเศร้าหมองเข้าไปอีก

นึกไปแล้วให้รู้สึกใจหาย เวลาแค่ไม่กี่ปี...ไม่ใช่สิ สำหรับหลายคน มันนานถึง 6 ปี แต่ ทำไมเวลา 6 ปีมันถึงได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้  ตลอดหลายปีที่ผ่านมา กาลเวลาได้ช่วยหล่อหลอม สร้างสายใยความสัมพันธ์ผูกพันกันไว้อย่างแน่นแฟ้น ระหว่างผองเพื่อนด้วยกันเอง ที่เคยได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ครูอาจารย์ที่เคยพร่ำบ่นสั่งสอนลูกศิษย์รักของตนหวังให้มีวิชาความรู้ติดตัวไปเพื่อหาเลี้ยงชีพในภายภาคหน้า รวมถึงความผูกพันกันสถานที่ ที่เคยอยู่อาศัยพักพิงเล่าเรียนมา จนสำเร็จไปอีกขั้น
แล้วสุดท้าย กาลเวลา และคำว่า ลาจาก ก็มาพรากทุกสิ่งทุกอย่างออกจากกัน ไปตามวัฏจักรชีวิตของคนเราที่จะต้องสู้กันต่อไปตามหนทางของตน


...

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
เดี่ยวก็จะถึงตอนมหาลัยแล้วใช่มั้ยเนี่ย อิอิ

จะได้เห็นตั้ง สองคู่แนะ อิอิ  :-[

ปล.นึกถึงสมัยตอนเรียนจบ ร้องไห้ซึ้งมากๆ ยิ่งโรงเรียนชายล้วนแบบผมด้วยน่ะ ซึ้งโคตรๆ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
รอลุ้นต่อ o15

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
ว่าแล้วก็คิดถึงสมัยมัธยมจัง จำได้ว่าร้องไห้จนตาบวมเลย :sad4:

คิดถึงเพื่อนๆจัง ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้มีโอกาสรวมตัวกันอีก :impress3:

ขอบคุณมากนะครับ o1

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ก้าวพ้นวัยเด็กมาแล้ว

ก้าวเป็นผู้ใหญ่ต่อไป

เป็นกำลังใจให้ครับ

 :teach:


ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณครับ  มารอเป็นกำลังใจให้ครับ

nanao

  • บุคคลทั่วไป
มารออ่านคร้าบ  :impress:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ไม่รู้จะเม้นท์อะไร รออ่านต่อแล้วกันค่ะ  :impress:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
เยี่ยม ปูพื้นความสัมพันธ์แบบคู่กัด  แอบสนใจใส่ใจกันและกัน แต่ไม่แสดงออก o13

รออ่านต่อภาคมหาลัยจ้า เป็นกำลังใจให้กานต์กับคุณฮิคุงนะ  o15

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด