- 2 -“คุณหญิงมุกครับ เมื่อไหร่พี่ชายคุณหญิงถึงจะเลิกถ่อมตัว ตั้งแต่รู้จักกันไม่เคยยืดอกรับคำชม ทั้งที่เพื่อนร่วมรุ่นรู้แก่ใจ ใครคนวางแผนคงไม่พ้นประมุขวังเจ้าเสน่ห์..ฮะฮ่าๆ”
เพื่อนอีกคนหยอกหญิงมุก ซึ่งแวดล้อมไปด้วยคณะเพื่อนร่วมรุ่นจากอังกฤษมาร่วมสิบ
“ไม่ชินอีกหรือคะคุณสิงขร พี่ชายเพชรเป็นแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร
มุกคิดว่าคุณชินแล้วเสียอีก เป็นเพื่อนกันร่วมสิบปี” หญิงมุกพูดหัวเราะไปกับบรรดาเพื่อนๆ
ซึ่งพากันแซวกึ่งหยอกคุณชายเป็นที่สนุกสนาน บ่งบอกให้รู้ว่า
ประมุขวังสุดหล่อเป็นที่รักของเพื่อนมากแค่ไหน
“ทำไมไม่พาพระเอกของงานมาด้วย ขอพวกเราทำความคุ้นเคยสักนิดสิครับคุณชาย
หรือหวงน้องสุดฮอตกันล่ะครับ” คุณกวินเป็นคนถาม
“หึหึ..เดี๋ยวรอก่อน ชายเปลวเขาติดภารกิจอยู่ ผมก็คงขอตัวสักครู่
ไม่นานจะกลับมาชนแก้วด้วย” คุณชายหัวเราะเล็กน้อย ก่อนแจ้งให้เพื่อนๆ ทราบว่าเปลวติดภารกิจ
ถือโอกาสขอตัวด้วยเช่นกัน หลังอยู่คุยกับเพื่อนๆ มาได้สักระยะพอสมควรแก่เวลา ต้องเตรียมโชว์เป่าแซกโซโฟนแล้ว
“ไปแล้วต้องกลับมานะครับ ไม่ใช่ให้สาวกักตัวจนลืมเพื่อนเชียว” เพื่อนอีกคนแซว
เรียกเสียงหัวเราะเมื่อคุณชายยักคิ้วให้อย่างเท่ ก่อนร่างสูงจะเดินออกจากบริเวณนั้น
โดยมีเสียงหัวเราะพูดคุยดังตามหลัง หนีไม่พ้นคงพูดถึงประมุขวังหนุ่มหล่อดูโดดเด่นในคืนนี้
สังเกตสาวๆ ในงานแอบส่งสายตาให้ไม่ขาด แต่คุณชายวางตัวดีไม่มีก้อร่อก้อติกกับใครเป็นพิเศษ
“กราบบังคมฝ่าพระบาท..กระหม่อมรับหน้าที่พิธีกรในงานคืนนี้ โปรดประทานพระกรุณาอนุญาตกระหม่อม
ใช้คำสามัญแทนราชาศัพท์ ควรมิควรแล้วแต่จักทรงโปรด ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม”
พิธีกรขึ้นเวทีก้มกราบอย่างนอบน้อม หันหน้ามายังที่ประทับของพระองค์เจ้าฉัตรบวรและพระชายาหม่อมเจ้าหญิงธิฆัมพร
ก่อนจะกล่าวขอสองพระองค์ประทานอนุญาตใช้คำสามัญทำหน้าที่ จากนั้นถึงค่อยดำเนินรายการตามที่ได้รับมอบหมายต่อไป
“กราบเรียนท่านผู้มีเกียรติกระผมนิมมาน สหพัฒพิบูลย์ ทำหน้าที่พิธีกร
ทุกท่านคงทราบวัตถุประสงค์ในการจัดงาน เป็นการต้อนรับทายาทของหม่อมเจ้าทองเกล้า มณีรมย์
กลับวังมณีรมย์ หลังดำเนินการตามหากันมายาวนานร่วมยี่สิบกว่าปี ขณะนี้คุณชายทองเปลวได้มาอยู่ในวังแล้ว
จึงถือโอกาสนี้ให้ทุกท่านได้รู้จัก ร่วมแสดงการต้อนรับคุณชายในฐานะทายาทวังมณีรมย์
ขอเสียงปรบมือต้อนรับให้กำลังใจพร้อมชมโชว์ชุดพิเศษ ซึ่งทุกท่านจะได้รับชม ณ บัดนี้...แปะๆๆๆ!!!”
สิ้นเสียงพิธีกร เสียงปรบมือดังทั่วบริเวณ ก่อนสปอร์ตไลท์จะค่อยดับลงพร้อมๆ กัน
ทั่วทั้งบริเวณปกคลุมไปด้วยความมืด ยกเว้นเวทีแสดงที่มีแสงกระพริบของไฟสีขาวดวงเล็ก
สลับกันวูบวาบวับแวมงดงามปานแสงดาวบนท้องฟ้าในยามค่ำคืนมืดมิด
แต่สามารถเห็นดาวดาษดื่นทั่วผืนนภาดูสุกสกาวเหมือนดังในเวลานี้
ฉับพลันเสียงดนตรีเครื่องสายกังวานขึ้น สะกดทุกสิ่งเงียบลงทันที
บทเพลงพระราชนิพนธ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ‘ใกล้รุ่ง’ ดังขึ้นมาให้ได้ยิน
เป็นท่วงทำนองไพเราะเสนาะหูจากการตีขิม วินาทีที่ทุกคนต่างมุ่งจับจ้องที่เวทีท่ามกลางความมืด
ก็เริ่มเกิดแสงส้มนวลสาดส่องดุจตัวแทนดวงอาทิตย์ในยามเช้าโผล่พ้นขอบฟ้า
รู้จักเรียกขานกันแสงแห่งอรุณรุ่งของท้องนภา
สาวงามในชุดราตรีแดงเพลิงเข้ารูปยาวระพื้น ช่วงบนคือเกาะอกด้านหลังมีปีกขนนกสีขาวสยายกางกว้าง
โผล่มาเด่นลอยอยู่ตรงกลางเวที เหมือนกินรีบินลงจากฟากฟ้ารับแสงอรุณ
ในมือถือไม้ตีขิมพร้อมด้านหน้ามีเครื่องสายที่รู้จักกันคือขิม ห้อยลอยอยู่เหนืออากาศเช่นเดียวกัน
ทุกสายตาต่างตะลึงลาน ไปกับความงามของนางกินรีสวมปีกนกสีขาวสยายกว้างอยู่ด้านหลัง
ช่างตัดกับชุดสีแดงเพลิงขับผิวนวลบ่าเปลือยให้ขาวกระจ่างท่ามกลางแสงไฟสาดส่อง
วงหน้างามดวงตาวาวระยับเสริมให้เด่นด้วยขนตาปลอม ทำให้ลูกตาที่สวยอยู่แล้ว
แลดูหวานรับกับจมูกโด่งเข้ากับรูปหน้าเรียวงามประดุจนางสวรรค์
เส้นผมนุ่มดำสนิทมีรัดเกล้ามวยเก็บเผยหน้าผากเกลี้ยงเกลา หางผมยาวทิ้งลงทางด้านหลัง
ริมฝีปากสีสดเผยรอยยิ้มงามจับจิต ในขณะดวงตาสวยจับจ้องยังตัวขิม
พร้อมกับนิ้วที่เคาะตีให้เสียงดนตรีดังอย่างมีสมาธิ ทุกอย่างที่เห็นทำเอาคนที่มาร่วมงาน
พากันอึ้งมองตาค้างแทบลืมหายใจกันไปแล้ว
“สวยมาก สวยจนเหลือเชื่อ” บางคนถึงกับเพ้อลืมตัว จินตนาการไปแล้วว่าสิ่งที่เห็นเป็นภาพลวงตา
นางกินรีแสนสวยจากป่าหิมพานต์หนีลงมาเที่ยวแดนมนุษย์ พลันมาโผล่เหินเวหาอยู่กลางเวทีไปเสียแล้ว
แม้แต่พระองค์หญิงธิฆัมพรกับพระองค์เจ้าฉัตรบวร พระสวามีในพระองค์เองยังคาดไม่ถึงเกี่ยวกับโชว์อลังการชุดนี้
ว่าจะจัดการแสดงออกมาในรูปแบบนี้
เสียงของขิมกังวานเพราะจับใจ ผ่านไปจนถึงท่อนแยกก็มีอันเรียกเสียงฮือฮาขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเสียงขิมผ่อนแผ่วลง เสียงแซกโซโฟนก็ดังขึ้นไม่มีต้นสายปลายเหตุ เป่ารับต่อเนื่องไม่มีใครคาดถึงมาก่อน
ขณะเดียวกันแสงไฟสปอร์ตไลท์ก็ส่องจับยังข้างเวที ก่อนเสียงกรี๊ดเสียงปรบมือจะดังกระหึ่ม
“กรี๊ดด...แปะๆๆ!!!” เก็บอาการไม่อยู่กันแล้ว
แม้กระทั่งคุณมรกตที่พอเห็นว่าเป็นใคร ยังร่วมส่งเสียงกรี๊ดแหกปากลืมตัวไปพร้อมพวกเพื่อนๆ
“หล่อมาก..หล่อสุดๆ” คุณชายเพชรรัตน์ สวมทักซิโด้สีดำคาดผ้าสีแดงตรงเอวสอบยืนสง่าเป่าแซก
จังหวะสลิงซึ่งดึงเปลวกลางเวทีค่อยลดระดับต่ำลง คุณชายเป่าแซกพร้อมก้าวขึ้นเวที
ย่นระยะเข้าใกล้นางกินรีที่กำลังจะลงสู่พื้นพิภพ ได้อย่างลงตัวพอดิบพอดี
เสียงขิมตีรับแซกโซโฟน ผสมผสานเครื่องดนตรีซึ่งบรรเลงโดยหนุ่มหล่อในชุดสากล
ดุจเจ้าชายในราชวงศ์ชั้นสูงของสังคมมนุษย์ยุคนี้ซึ่งเป็นคนเป่าแซกบรรเลงร่วมกับนางกินรีแห่งแดนหิมพานต์ผู้งดงาม
เป็นโชว์ที่เหนือความคาดหมายผู้ร่วมงานยิ่งนัก ทั้งสองส่งยิ้มให้กันดูมีความสุขกับการบรรเลงดนตรี
บรรยากาศภายในงานเคลิ้มหวานไปกับพวกเขาด้วย
เปลวงามสมเป็นนางกินรี..ที่อยู่ในจินตนาการของผู้คนได้ไม่มีที่ติ ส่วนคุณชายเพชรหล่อชนิดสาวๆ ตาเยิ้มเคลิ้มกันไปแล้ว
คุณมรกตเธอจ้องคุณชายไม่กะพริบ บรรดาหนุ่มๆ พากันลืมหายใจเหมือนโดนเสน่ห์นางกินรีสะกดเป็นที่เรียบร้อยไปแล้วเช่นกัน
ความประทับใจถ้าหากนับเพียงบรรเลงบทเพลงพระราชนิพนธ์ระหว่างขิมกับแซกโซโฟน
ถือได้ว่าสมควรยกนิ้วให้โดยไม่มีที่ติกับฝีไม้ลายมือของสองคุณชายแห่งวังมณีรมย์
แต่นี่ไม่เพียงแค่บรรเลงดนตรี กลับเพิ่มโชว์โดยเปลวเหินฟ้าด้วยชุดปีกขนนกสีขาวเป็นกินรี
ยิ่งทำให้โชว์ชุดนี้อลังการงานสร้าง สมเป็นอดีตนางโชว์เบอร์ต้นเมืองพัทยาได้อย่างไม่เสียชื่อ
ความงามของเปลวจากคุณชายกลายเป็นหญิงสาวก็ว่าพาคนตะลึงลานกันไปทั่วทั้งงานแล้ว
แต่ประมุขวังสุดหล่อร่วมโชว์ด้วยนี่สิ ถึงกับเรียกเสียงปรบมือดังกระหึ่ม เมื่อเสียงบรรเลงหวานแผ่วจางในที่สุด
ก่อนทั้งคู่จะขอบคุณผู้ชม คุณชายโค้งคำนับเปลวยกมือไหว้นอบน้อม
มอบรอยยิ้มทิ้งความประทับใจในช่วงสุดท้ายได้เป็นที่จดจำ
“ขอเสียงปรบมือดังๆ อีกครั้งสิครับ..แปะๆๆๆ!!!”
พิธีกรทำหน้าที่ขอเสียงปรบมือจากแขกเหรื่อ ให้ทั้งสองปิดท้ายอีกครั้ง
“เป็นการโชว์ที่ตื่นตาตื่นใจ สร้างความประทับใจจนต้องยกนิ้วให้ยอดเยี่ยมมากทีเดียว
ทั้งคุณชายเพชรรัตน์และคุณชายทองเปลว เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายจริงๆ
ผมรับแจ้งจากผู้มีเกียรติท่านหนึ่งมา ขอเชิญคุณชายเพชรกับคุณชายเปลวให้เกียรติเปิดฟลอร์เต้นรำ
หวนรำลึกการพบกันในงานเลี้ยงประมูลช่วยเหลือมูลนิธิเด็กด้อยโอกาสผู้พิการ
ซึ่งยอดบริจาคที่คุณหญิงมุกดาเป็นผู้ประมูลกว่า 10 ล้านบาท จนเป็นข่าวครึกโครมมาแล้ว
ก่อนจะรู้ว่าราชินีคลีโอพัตราที่ร่วมเต้นรำกับคุณชายเพชรรัตน์ ที่แท้คือทายาทคนของวังมณีรมย์
บุตรท่านชายทองเกล้า จนกลายเป็นที่มาของคำเล่าขานซินเดอเรลล่าเมืองไทยอยู่ขณะนี้
มีแฟนคลับมากมายไปแล้วนั้น พวกเราอยากเห็นบรรยากาศเปิดฟลอร์เต้นรำอีกครั้ง
แม้ครั้งนี้จะไม่ใช่ราชินีคลีโอพัตรา แต่เป็นนางกินรีแต่ไม่ได้งดงามน้อยกว่ากันไปเลย
ขอถือโอกาสนี้ให้เกียรติเปิดฟลอร์ในฐานะเจ้าภาพด้วยครับ”
เสียงพิธีกรพูดจบเสียงปรบมือสนับสนุนเรียกร้องดังทั่วบริเวณ มีเพียงคุณมรกตตาลุกอย่างไม่สบอารมณ์
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นกระแสเรียกร้องแขกเหรื่อ หวังชมเจ้าภาพเปิดฟลอร์
ประเด็นเธอคาดหวังจะเปิดฟลอร์เต้นคู่คุณชายในฐานะประมุขวัง สุดท้ายไม่เป็นตามที่คาดหวังอีกจนได้
ดนตรีบรรเลงโดยนักดนตรีชุดเดิม ฟลอร์เต้นรำปรากฏคู่หนุ่มสาวโดดเด่นสุดๆ เปลวไม่มีปีกขนนกติดหลังแล้ว
เป็นเพียงผู้หญิงสวยร่างโปร่ง สวมชุดราตรีสีแดงเพลิงดูสูงส่งสง่างามยิ่งยืนกลางฟลอร์
โดยมีคุณชายในชุดทักซิโด้ดำคาดผ้าแดงประคองเข้าคู่ ก่อนขยับก้าวตามท่วงทำนองดนตรี
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง ตามด้วยบรรดานักเต้นรำที่มาร่วมงานควงคู่กันออกมาเปิดฟลอร์
ร่วมเต้นไปกับคู่เอกจนเกือบจะเต็มฟลอร์
“ชายเปลวเขามีอาชีพเดิมเป็นนางโชว์ เห็นรูปในนิตยสารก็ว่าเขาสวยมากแล้ว
พอมาเห็นด้วยตาในคืนนี้ จำต้องยอมรับสวยกว่าที่คิดไว้อีก ไม่ว่าจะพิศมองมุมไหน
เขาก็เป็นธรรมชาติไม่มีที่ติเลยนี่สิ ไม่นึกคนเราจะเกิดมาพร้อมด้วยพรสวรรค์ได้แบบนี้” พระองค์หญิงธิฆัมพรตรัสชม
“นั่นสินะ ถึงมีคนชื่นชมพูดกันหนาหู วันนี้ชายเปลวทำฉันทึ่งนึกชอบใจที่เห็นการโชว์พิเศษ
แบบนี้เรียกได้ว่าสร้างความประทับใจให้จดจำ ตามประสงค์ของน้องหญิงแล้วสิ..หึหึ”
พระองค์เจ้าฉัตรบวรทรงรับสั่งเสร็จ ก็แย้มสรวลวงพักตร์ดูอบอุ่น ดวงเนตรทอดมองคู่เต้นรำ
ที่อยู่กลางฟลอร์ไม่ห่างที่ประทับมากสักเท่าใด ส่วนบุคคลที่เรียกร้องให้เปิดฟลอร์โดยเน้นคู่นี้
ตามคำกล่าวอ้างของพิธีกรนั้น ผู้อยู่เบื้องหลังคือคุณหญิงมุกดานั่นเอง เป็นผู้กำกับให้มีรายการพิเศษนี้ขึ้น
บัดนี้คุณหญิงมุกได้ให้เกียรติเพื่อนร่วมรุ่นเป็นคู่เต้นรำอยู่ไม่ห่างจากคู่คุณชายและเปลวมากนัก
“คุณนิล..ขอคุยส่วนตัวสักครู่สิ” คุณมรกตหวังพึ่งน้องชายเธอแล้ว ยอมเดินมาหาที่กลุ่มของคุณนิล
ส่วนคนที่ถูกเรียกแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร หันไปบอกเพื่อนๆ ก่อนเน้นเจาะจงคุยกับสนิมเบาๆ
“ฉันขอตัวคุยกับพี่มรกตแป๊บนะ หนิมอยู่กับเพื่อนฉันไปก่อน”
“ครับ” สนิมเห็นตั้งแต่คุณมรกตเดินเข้ามา สีหน้าหม่อมหลวงสาวดูไม่สู้ดี
จึงไม่คิดสะกิดให้อีกฝ่ายหันมาเล่นงานเอา เวลานี้พอคุ้นเคยพูดคุยกับเพื่อนคุณนิลไม่รู้สึกอึดอัดแล้ว
ทั้งคุณอนิรุทธ์ คุณสกรณ์ ยกเว้นคุณเอกหลังกลับจากห้องน้ำ ก็นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาประหยัดปากประหยัดคำเสียแล้ว
“มีอะไรครับ” คุณนิลเอ่ยถามพี่สาว เมื่อเดินมาในจุดที่ดีแล้ว
“แกช่วยเป็นคู่เต้นรำให้นังเปลวที ฉันจะได้เต้นกับพี่ชายเพชร”
“ไม่เอาน่าพี่มรกต อยากเต้นกับพี่ชายขอเขาสิครับ”
คุณนิลรีบปฏิเสธสีหน้าดูไม่พอใจเห็นได้ชัด ไม่คิดว่าพี่สาวเรียกออกมาเพราะเรื่องนี้
“นิลฉันพี่แกนะ..ขอแค่นี้ลำบากอะไร ช่วยไปเป็นคู่เต้นนังเปลวที
ฉันจะได้เต้นกับพี่ชายเพชร” เจอไม้นี้คุณนิลตัดรำคาญให้มันจบกันไป
“เพลงเดียวนะ อย่ามาวุ่นวายอะไรผมอีก” ยื่นเงื่อนไขตัดรำคาญ
“ตกลง..เพลงเดียวก็เพลงเดียว” จากนั้นสองพี่น้องก็เดินเข้าไปยังกลางฟลอร์
ที่สองคุณชายกำลังเต้นจนจะจบเพลงเพื่อเปลี่ยนจังหวะ
“พี่ชายเพชรให้เกียรติมรกตสักเพลงสิคะ” ไม่รอช้าคุณมรกตเธอชิงขอคุณชายทันที
คุณชายเมื่อเห็นแบบนี้ ก็มองเปลวให้เป็นคนตัดสินใจ
“เชิญครับ” เปลวไม่อยากให้เป็นที่สะดุดตา ยิ่งรู้ห่างไปไม่ไกล
เป็นที่ประทับของสองพระองค์ทรงทอดเนตรอยู่ จึงยอมผละหลีกให้คุณมรกตเข้าประจำตำแหน่งแทน
“เปลวให้เกียรติเต้นรำกับพี่สักเพลงสิครับ” คุณนิลโค้งอย่างสุภาพ
พร้อมเอ่ยปากขอเปลวเป็นคู่เต้นต่อ เปลวยิ้มยอมเป็นคู่เต้นรำของคุณนิล
“สนิมอยู่กับใครครับ” ระหว่างที่เต้นเปลวอดห่วงสนิมไม่ได้
“อยู่กับเพื่อนพี่ ไม่มีปัญหาหรอก” คุณนิลบอกให้คลายกังวล
“แน่ใจไม่มีปัญหา” เปลวยังคงย้ำขอคำยืนยัน
“เพลงเดียว เดี๋ยวพี่กลับไปดูแลสนิมครับ” คุณนิลพูดด้วยสีหน้าดูจริงจังมาก
เปลวจึงต้องยอมปล่อยไปตามนั้น เพราะทำอะไรไม่ได้ด้วยสิ
“น้องหนิมดื่มอีกแก้ว ชนครับชน” สนิมพออยู่ลำพังก็ถูกรบเร้าให้ชนแก้วดื่ม
ตัวตั้งตัวตีก็คือคุณเอก จากที่นิ่งๆ ไม่พูดไม่จาดันยิ้มให้อย่างสนิทคุ้นเคยกันดิบดี
แถมชักชวนคนนั้นคนนี้ชนแก้วกับสนิมอีกต่างหาก
“ผมดื่มไปสองแก้วแล้วครับ” สนิมปฏิเสธอย่างสุภาพ เมื่อเริ่มรู้สึกมึนหัวแล้ว
หลังโดนจัดไปสองแก้วก่อนหน้า คล้อยหลังคุณนิล..คุณอนิรุทธ์กับคุณสกรณ์ชวนชน
ตื๊อจนไม่สามารถปฏิเสธได้ ตอนนี้คุณเอกก็อีกคน
“น้องหนิมกังวลอะไรหรือครับ ดื่มในวังมณีรมย์ไม่ได้ดื่มข้างนอก
ทีสองคนนั้นน้องหนิมยังให้เกียรติ กับพี่ไม่ได้เชียวหรือครับ” เจอหว่านล้อมยกอ้างใส่แบบนี้
สนิมก็จนหนทางปฏิเสธ จำใจยกแก้วชนกับคุณเอกเรียกรอยยิ้มจากคุณอนิรุทธ์และคุณสกรณ์
สองหนุ่มดูครึ้มอกครึ้มใจที่เห็นหน้าขาวใสของสนิมเห่อแดงจนสุกจากฤทธิ์แอลกอฮอล์
แน่นอนเมื่อมีแก้วแรกก็ต้องตามมาอีกเรื่อยๆ จนไม่รู้สนิมดื่มไปกี่แก้ว ที่รู้สนิมเมาไปแล้วเรียบร้อย
เพราะไม่เคยดื่มวิสกี้ดีกรีแรงมาก่อนเลยนั่นเอง..นอกจากประสบการณ์ในการดื่มเหล้าจะน้อย
คออ่อนไม่สันทัดในเรื่องนี้แล้ว ความเกรงใจกลัวตนเองทำให้เพื่อนคุณนิลไม่พอใจเสียเรื่องขึ้นมา
สนิมจึงปฏิเสธดื้อแพ่งกับใครได้ไม่เต็มปากเต็มคำ โดนลูกตื๊อคะยั้นคะยอมากเข้าก็ยอมดื่ม
จึงทำให้เมาไปแล้วอย่างที่ไม่คิดว่าจะเมา ร่างบางเริ่มเอนฟุบ
โดยทั้งสามคนพากันเนียนไม่ให้เป็นที่สังเกต คุณอนิรุทธ์ประคองร่างสนิมพิงกอดอย่างชอบใจ
กลิ่นกรุ่นของกายหนุ่มสะอาดสะอ้าน ผสมผสานน้ำหอมยี่ห้อดังราคาแพงที่เปลวจัดหาให้
กระตุ้นคุณอนิรุทธ์ให้รู้สึกหวิวมวนช่องท้องยิ่งนัก ไม่ติดว่านี่คือวังมณีรมย์
คงได้จัดการอะไรตามใจปรารถนาไปแล้วเรียบร้อย
มาอัพให้ก่อนครึ่งหนึ่งนะคะ เหลืออีกครึ่งจบแล้วค่ะ
ขอโทษสำหรับแฟนนิยายที่มีปัญหาเรื่องปกด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้เช่นกันค่ะ
รักคนอ่านทุกคนเสมอ