11 : ถ้าเธอพร้อม ฉันก็พร้อม...ไปด้วยกัน
“แล้ว...หลิน” วันชนะฉายแววกังวล หนักใจเรื่องที่จะเกิดระหว่างคนรักกับเพื่อน
นักขัตเองก็แสดงความกังวลก่อนจะยกคางวันชนะขึ้นมาสบตากัน ชายหนุ่มมอบความเชื่อมั่นแก่คนรักผ่านรอยยิ้ม
“ให้เวลาตั้มหน่อยนะ” บีบที่ไหล่เบาๆก่อนจะรวบร่างคนรักที่เพิ่งตัดความลังเลไปได้มากอดแน่นอีกครั้ง จูบที่ต้นคอ
“วินรู้สึกไม่ดีเลย”
แม้เคลือบหวานเอาไว้ก็คงเพียงเปลือกนอก ไม่นานพอหมดความหวานสิ่งที่ต้องเผชิญก็คือยาขม หากทนไม่ได้ก็คงต้องบ้วนทิ้งหรือรีบกลืน หากแต่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี่สิ
“วินกลับมาแล้วเหรอจ้ะ ตั้มด้วย ไปไหนมาไม่บอกกันเลยนะ” สุวรรณาทักเป็นปกติเมื่อเห็นเพื่อนและคนรักเปิดประตูเข้ามา
...คนรัก?...คำถามผุดขึ้นในใจ ...ใช่หรือ?...ยังใช่อยู่หรือ? หัวเราะเยาะอยู่ในใจ...ให้คนทั้งคู่ หรือสมน้ำหน้าตัวเองกัน
“พี่เขาจะเฉลยพี่รหัสแล้วนะ” สุวรรณาบอก
“อืม” วันชนะรับคำ สายตาละอายแต่คิดว่าอีกฝ่ายน่าสงสารที่ไม่รู้ความลับระหว่างเขากับนักขัต
สายตาเจ็บแค้น เหยียดหยันดูถูก สายตาที่ถือตนว่าเหนือกว่าโชติขึ้นชั่วแวบก่อนจะถูกกลบด้วยรอยยิ้มสวย
“ตั้มจ้ะ เดี๋ยวเสร็จจากนี้เราไปหาอะไรกินกันอีกไหม แล้วค่อยไปส่งหลินที่บ้านนะ คุณพ่อกับคุณแม่หลินเขาอยากพบตั้มนะ” หล่อนจงใจพูดให้เสียงดังข้ามฝั่ง มือเอื้อมไปจับมือของนักขัต แต่ในใจยังเห็นภาพเมื่อไม่กี่นาทีก่อนนี้ ที่มือเธอกับคนรักเกาะกุมอบอุ่น
จับมือคราวนี้ไม่มีความอบอุ่นเหลืออยู่แล้ว...ช่างรวดเร็วนัก...
นี่แหล่ะนะ ผู้ชาย
ไม่ใช่สิ! ไม่ใช่
หล่อนจงใจให้เห็นมือที่จับอยู่ เธอแสดงได้เนียนว่าไม่รู้อะไร นักขัตพยายามจะขยับมือออกเพราะรู้ว่าวันชนะเห็น แต่ที่วันชนะเห็นมากไปกว่านั้นคือ สายตาที่มองต่ำส่งมาทางตน
เขาคงวิตกมากไป หลินไม่ใช่คนแบบนั้น มองอีกที นั่นไง หลินผู้น่าสงสาร เราขอโทษนะ
หลุบตาลงต่ำ ละอายแก่ใจที่ทรยศเพื่อน...ไม่อยากเห็นภาพบาดใจ
“เอ่อ วันนี้ตั้มมีธุระ” นักขัตเสียงแผ่ว
“ไม่ได้นะ หลินบอกที่บ้านเอาไว้แล้ว” เธอทำเสียงน้อยใจ
นักขัตมองหน้าวันชนะเหมือนขอคำตัดสิน แต่วันชนะไม่สบมองเขาเลย
ขอโทษนะวิน ให้เวลาเราหน่อยเถอะนะ
งานเลี้ยงเลิกแล้ว รุ่นพี่รุ่นน้องออกมายืนออที่หน้าร้าน
“วิน” สายตาเห็นใจ เข้าใจส่งให้กัน รอก่อนเถอะ
“ไปเถอะ” สายตาที่ส่งมาบอกอย่างนั้น สายตาเชื่อมั่นในกันและกัน
ทั้งคู่ส่งสัญญาณให้กัน คิดว่ามีเพียงสองคนที่รู้กันดีว่าในใจคิดอะไร
“ไปกันเถอะตั้ม” หลินโฉบมา หล่อนตัดสัญญาณทิ้ง แต่ก็ยังเล่นละครได้แนบเนียน “ไปก่อนนะวิน” เธอยิ้มหวาน
แต่สัญชาติญาณหึงหวงแบบผู้หญิงตีวนอยู่ภายใน
หรือฉันควรจะยอม วันชนะก็เป็นเพื่อน
ไม่! ไม่มีทางยอมให้หรอก พวกวิปริต!
“ตั้มไปส่งหลินก่อนนะวิน เดี๋ยวเจอกันที่ตึก...” นักขัตพูดไม่ทันจบดีก็โดนลากไปเสียแล้ว
...
กลับมาถึงห้อง ไม่มีแสงลอดมาจากช่องใต้ประตู วุฒิคงไม่อยู่ วันชนะเลยไม่เคาะเรียก
เปิดประตูเข้ามาในห้องก็ได้ยินเสียงดังหวืดๆที่บนโต๊ะอ่านหนังสือ มือถือเปิดระบบสั่นเอาไว้กำลังมีสายโทรเข้าหน้าจอเรืองแสงวูบวาบ
“สวัสดีครับคุณภัทร” วันชนะกรอกเสียงลงไป
“เรียกพี่ภัทรเฉยๆไม่ต้องเรียกคุณก็ได้” ปลายสายโต้ตอบ
“ครับ พี่ภัทร”
“เป็นไรไปครับวิน เสียงเศร้าๆ” ภัทรสังเกตได้
“เปล่าครับ” วันชนะปฏิเสธ
“ทุกข์ใจเรื่องความรักหรือเปล่า” ปลายสายพูดแกมหัวเราะ แต่ตรงเข้าเป้าเผง
“...” เงียบไปอึดใจ ก่อนพูดตอบไปว่า “ใช่ครับ”
ปลายสายนิ่งงันไปเหมือนกัน ภัทรไม่เคยนึกถึงประเด็นที่ว่าวันชนะจะมีแฟนอยู่แล้วมาก่อนจึงรู้สึกจุกไปเหมือนกัน เรื่องที่เตรียมมาคุย นึกไม่ออกเสียแล้ว
“ผมขอโทษครับ แต่ผมคิดว่าควรจะบอกให้พี่ภัทรรู้ ที่จริงผมกับเขา...” วันชนะเสียงแผ่ว “จะเรียกว่าแฟนกันคงยังไม่ใช่หรอกครับ”
เรื่องราวทั้งหมดพรั่งพรูจากที่สั่งสมเอาไว้ วันชนะเองไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้เล่าเรื่องของเขาให้กับภัทรฟัง เพียงแค่เริ่มเปิดเผยก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก
ภัทรรับฟังวันชนะจนจบ เขาเองยังให้คำแนะนำอะไรมากไม่ได้ เพราะจิตใจตัวเองก็รู้สึกจะชาๆอยู่เหมือนกัน คนที่ตนชอบกลับมีคนที่เขารักอยู่แล้ว ความรู้สึกเล็กๆที่ค่อยๆแทรกซึมคือดีใจที่รับรู้ว่าวันชนะอาการดีขึ้นหลังจากที่ได้ระบายเรื่องทุกข์ใจ อาจเป็นเพราะรู้จักกันได้ไม่นาน พบเจอกันก็เพียงชั่ววูบ ความสัมพันธ์จึงยังไม่หยั่งรากลึก แม้ความหวังจะมีแต่ก็ไม่ลึกเช่นเดียวกัน แต่ก็อดเสียดายไม่ได้
“ไม่เป็นไรนะครับวิน ในเมื่อตั้มเองก็รักวิน ก็ให้เวลาเขาหน่อยเถอะนะ” คนรับปรึกษาให้คำแนะนำ
“ขอบคุณมากครับพี่ภัทร วินดีขึ้นมากเลย” น้ำเสียงยังเศร้าๆแต่น้อยกว่าตอนเริ่มคุย
“เอาน่า อย่าคิดมาก ไหนเล่าหน่อยสิว่าวันนี้ไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อนๆสนุกไหม” ภัทรชวนเปลี่ยนเรื่อง
“สนุกมากเลยครับ อาหารก็อร่อยนะครับ ว่างๆพี่ภัทรลองไปทานดูสิครับ ที่ร้าน...”
“ต้องให้วินพาพี่ไปทานเสียแล้ว” ภัทรหัวเราะก่อนเอ่ยชวนน้ำเสียงสบายๆแต่จริงจังขึ้น “ว่างเมื่อไรล่ะเรา”
เงียบไปสักพัก “เสาร์หน้าดีไหมครับ วินจะได้เอามือถือไปคืนพี่ด้วย” วันชนะหวังผล
“ตกลงตามนี้นะ” วางสายแล้ว ภัทรมีรอยยิ้มผุดขึ้น “เด็กหนอเด็ก”
ห้าทุ่ม วันชนะนอนตาโพลงในความมืด วุฒิคงไม่กลับมาแล้วล่ะ น่าจะไปค้างที่อื่นเหมือนปกติ เพื่อนคนนี้ชอบไปค้างข้างนอกบ่อยๆ
เสียงกริกดังที่ประตูเบาๆ แสงจากข้างนอกส่องสว่างเข้ามาทาบเป็นเงาคน แล้วมืดลง
“กลับมาแล้วเหรอ นึกว่าวันนี้จะไม่กลับเสียอีก” วันชนะนอนพูด
ไม่มีเสียงทักทายตอบกลับ
วันชนะเริ่มผิดสังเกต ทำไมวุฒิไม่กดสวิตซ์เปิดไฟ จึงดันตัวลุกขึ้นนั่ง
“กลับมาสิครับ คนรักของผมอยู่ที่นี่นี่นา” เงาดำสูงเข้ามาประชิด นั่งลงข้างๆสวมกอด กระซิบเบาๆที่ข้างหู
วันชนะตกใจตอนแรกแต่ก็ยิ้มออกมา นักขัตเอาแก้มมาแนบที่แก้มวันชนะ
“เข้ามาได้ยังไง” วันชนะถาม ยิ้มอายในความมืด
“ก็มีกุญแจ” นักขัตตอบ กอดแน่นขึ้น แก้มแนบมากขึ้น
“ได้ไง ?”
“วุฒิทำเผื่อให้นานแล้ว” พูดจบหอมแก้มวันชนะไปที
“บ้าเหรอ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” วันชนะตีแขน
“ใครจะมาเห็นล่ะ อายพระจันทร์เหรอวิน” นักขัตหัวเราะ
“อายพระอาทิตย์มั้ง” วันชนะต่อมุข
นักขัตหอมที่แก้มอีกที
“ช้ำหมดแล้ว” วันชนะยกมือลูบแก้มร้อนผ่าว
คนกอดปล่อยมือมาวางที่บ่าทั้งสองข้างดึงให้คนถูกกอดหันมาเผชิญหน้ากัน พูดเสียงจริงจังขึ้นว่า
“วินครับ ที่ผ่านมาตั้มขอโทษนะ บอกตรงๆว่าแต่แรกตั้มเห็นวินเป็นเพื่อนเท่านั้น แต่นานวันเข้าตั้มก็เริ่มรู้สึกว่าใจมันเต้นจังหวะแปลกๆ ทั้งตอนที่เห็นวินยิ้ม หัวเราะ หรือแม้แต่ตอนที่วินร้องไห้ ตั้มขอโทษที่ตั้มเสียเวลาลังเลอยู่นาน ตั้มมัวแต่กลัวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น” นักขัตมองผ่านความมืดเข้าไปลึกถึงนัยน์ตาของคนตรงหน้า มือข้างหนึ่งเอื้อมขึ้นสัมผัสเบาๆที่แก้มของคนที่กำลังตั้งใจฟัง
“แต่ตอนนี้ ตั้มไม่แคร์อะไรแล้ว ตั้มจะเป็นผู้ชายหรือจะกลายเป็นเกย์ก็ช่าง ทั้งหมดนี้ตั้มทำและจะเป็นเพื่อวินคนเดียวนะ”
น้ำตาเอ่อท้นขึ้นมา ตื้นตันใจ ในที่สุดก็มีวันนี้
“อย่าร้องสิวิน” นักขัตปาดน้ำตาให้
“ดีใจตะหากล่ะ” วันชนะโอบรอบตัวนักขัตไว้แน่น
นักขัตเชยคางวันชนะขึ้นมา หน้าอยู่ห่างกันไม่เกินคืบ หายใจรวยรินรดกัน แต่ไม่รังเกียจกัน วงหน้าค่อยๆเลื่อนใกล้เข้า ทั้งคู่หลับตาลงปล่อยให้ร่างกายดึงดูดเข้าหากัน
ริมฝีปากอบอุ่นสัมผัสกัน ลมหายใจร้อนขึ้นเรื่อยๆ ถี่ขึ้น จากริมฝีปากที่แตะแนบกันเฉยๆ ก็เริ่มขยับโดยธรรมชาติ...ดูดดื่ม กอดกันแน่นขึ้นราวจะรัดให้ตัวหลอมเข้าเป็นคนคนเดียวกัน ลิ้นชอนไชสัมผัสกันและกัน แต่ไม่รังเกียจกัน
ทั้งคู่ค่อยๆพากันโน้มลงนอน...
กล้ามเนื้อเกร็งที่บริเวณช่วงล่าง จูบกันดูดดื่มแต่ต่างไม่กล้าจะสัมผัสจุดสำคัญของกันและกัน วันชนะนั้นอายไม่กล้าเริ่มก่อน นักขัตเองก็ยังมือใหม่ ทั้งคู่เลยได้แต่นอนกอดกัน จูบกัน หอมแก้มกัน จนนานเข้าทั้งนักขัตและวันชนะก็ปล่อยหัวเราะให้กับความมือใหม่ของกันและกัน
...