สืบเสน่หา
ตอนที่ 3
ดึกดื่นค่อนวิกาลแล้วในยามนี้ ที่มีเสียงกระซิบกระซาบแผ่ว ในกลุ่มคนสี่คนสวมชุดดำ ซึ่งยืนลอบมองอยู่ที่รั้วด้านข้างของตัวบ้าน รั้วที่เป็นผักกินได้อย่างชะอม ทำให้ยากแก่การปีนป่ายนัก แถมยังสามารถนำมาทำเป็นอาหาร ได้ประโยชน์สองต่ออีกด้วย
“ทางนี้ไม่ได้ว่ะ หนามเยอะชิบเป๋ง” คนร่างเตี้ยบ่นพึมพำ
“หลังบ้านไง ตรงนั้นมีต้นไม้ใหญ่ให้ปีนด้วย” ชายตัวผอมเสนอ
“ทำไมไม่รีบบอกวะ” สายตาดุมองคาดโทษ พลางคลำมือป้อย ๆ เพราะเผลอโดนหนามไปเต็ม ๆ เมื่อครู่นี้
ทั้งหมดจึงรีบเดินกันอย่างเบาที่สุดไปทางด้านหลังอย่างพยายามให้เงียบมากที่สุด บ้านหลังนี้แปลกประหลาดนัก แม้จะตั้งอยู่ท้ายซอยตัน ที่ค่อนข้างร้างผู้คน แต่กลับไม่เลี้ยงสุนัขไว้จับขโมยแม้แต่สักตัวเดียว ประตูก็ใช่ว่าจะล็อคแน่นหนา ตัวบ้านทำด้วยไม้ ยิ่งง่ายแก่การเข้าถึง ราวเชิญชวนให้เข้ามาปล้นได้ง่าย ๆ เลยด้วยซ้ำ จะมีที่กันได้อยู่หน่อย ก็รั้วชะอมหนามแหลมที่ปลูกเรียงรายรอบบ้านนั่นแหละ
“เฮ้ย ระวังหน่อยนะ อาจจะมีสัญญาณกันขโมยอยู่ก็ได้” อีกคนรีบปราม คนอื่นพยักหน้ารับ มองฝ่าความมืดเข้าไปด้านใน ภายในที่เงียบสงัดไร้แสงไฟ คล้ายเจ้าบ้านเข้านอนไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อหลายชั่วโมงก่อน
ทุกคนทยอยกันข้ามฝั่งไปทีละคน เหลือเพียงชายร่างอ้วนคนสุดท้าย ที่ค่อนข้างจะเงอะงะกว่าคนอื่น เลยทำให้การปีนดูลำบากลำบนกว่ามากนัก ขณะกำลังเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนที่ปีนข้ามรั้วไปฝั่งตรงข้ามไปเรียบร้อย โดยอาศัยไม้ใหญ่ที่ขึ้นเสียชิดรั้ว พลางนึกก่นบ่นอยู่ในใจ ว่าทำไมไม่คิดจะช่วยดึงกันบ้างเลย ดวงตาคู่นั้นก็เบิกกว้าง เมื่อมองเห็นปลายเท้าสีขาวผ่องที่ห้อยลงมาจากกิ่งด้านบน พอมองสูงขึ้นไปอีก ก็พบร่างผอมบางในชุดขาว ที่มีผมยาวสยาย ใบหน้าขาวซีดหากแฝงความงามอย่างเศร้า ๆ เบนลงมาจ้องมองนิ่ง
“น่ะ…นั่นใครน่ะ มาได้ยังไง” เสียงสั่นน้อย ๆ ถามออกไปอย่างไม่มั่นใจนัก เมื่อครู่ยังไม่มีใครบนนี้เลย เขาแน่ใจ แล้วตอนนี้…มาจากไหน…เมื่อไหร่กัน
“…ให้ช่วย…ฉุดขึ้นไป…ไหมคะ…” เสียงหวานลากยาวเย็นเยือกถามกลับ ริมฝีปากสีแดงสดเริ่มแย้มยิ้ม
“อ่ะ..อื้ม” มือเผลอยื่นออกไปโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสมือเย็นเฉียบราวน้ำแข็งนั้น พอเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นลำคอขาวผ่องมีเชือกคล้องห้อยอยู่ รอยรัดของมันทำเอาเป็นแนวเชือกสีม่วงคล้ำ ร่างนั้นห้อยต่องแต่งโดยมีเพียงตัวเชือกที่คอช่วยยึดเหนี่ยวจนแกว่งไกว และพอมองไล่ขึ้นไป ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นใบหน้าสวยแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงช้ำก่อนจะค่อย ๆ เริ่มเน่าเฟะ…ฉ่ำน้ำเหลืองหยดแหมะ ยามไหวเอนตามสายลมเห็นกระทั่งหนอนตัวน้อย ๆ ที่ตอมไต่ร่วงหล่นตาม มือที่จับกันอยู่ค่อยนิ่มร่วนเนื้อหลุดลุ่ยเหลือแต่กระดูก เสียงหัวเราะหวานใสบาดหูดังใกล้ ๆ ชัดจนถึงโสตประสาทในเบื้องลึก
“เรียมคิดถึงพี่ขวัญเหลือเกิน…มาอยู่กับเรียมนะคะ”
“เฮ้ย!” คนถูกจับยึดไว้ร้องเสียงหลง รีบสะบัดอีกฝ่ายให้หลุดทันที
ร่างที่ไม่ได้มีอะไรยึดเหนี่ยวหล่นโครมลงเบื้องล่าง ในมือยังคงมีมือติดกระดูกเละ ๆ ของใครบางคน หลุดติดมาด้วย
คนมองตาเหลือกอย่างตกใจ พอตั้งตัวได้ก็รีบเหวี่ยงของที่จับไว้ทิ้ง ก่อนโกยสี่เท้าวิ่งอ้าว
“จะทิ้งเรียมไปไหนล่ะคะ…คุณพี่”
ร่างสีขาวขาดวิ่นเบาหวิวตามเกาะไหล่ คนถูกเกาะตกใจแทบทำอะไรไม่ถูก ได้แต่สะบัดตัวกลิ้งไปมาอยู่กับพื้น ฉี่แตกเลอะราดเป้ากางเกงไปเรียบร้อย
“เรียมรักพี่คนเดียว……” ใบหน้าที่หนอนขึ้นเต็มขยับเข้าใกล้อีก ปากสีม่วงคล้ำปะปนมูกเลือดเขียว ๆ โน้มลงหา แทบจะประทับจูบลงเสียแล้ว คนมองตาเหลือกถลน ช็อคน้ำลายฟูมปาก ก่อนหมดสติไปทั้งอย่างนั้น
ผีสาวมองมาอย่างนึกสนุกทำหน้าเละ ๆ นั้นให้กลับมาสวยดังเดิมอย่างสมใจ ก่อนจะหายวับไปจากตรงนั้น
อีกด้านของรั้ว ที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวว่าเกิดอะไรขึ้นกับอีกด้านเข้าเสียแล้ว คนชุดดำตัวสูงหันมาหาคนเตี้ยกว่าพลางถามขึ้นว่า “เจ้าอ้วนไปไหนแล้ววะ”
ร่างเตี้ยส่ายหน้าอย่างไม่รู้เรื่อง ก่อนถอนหายใจยาว “เฮ้อ มันคงปีนข้ามมาไม่ไหวมั้ง ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องตามมา ดันอยากจะมาซะนี่ สมน้ำหน้ามัน”
“เอาไงดีล่ะ” คนตัวผอมด้านข้างหารือ
“ก็มันข้ามมาไม่ได้เองนี่หว่า ทิ้งมันไว้นั่นแหละ เรารีบไปจัดการให้เสร็จ ๆ ก่อนดีกว่า เดี๋ยวใครตื่นมาเจอจะยุ่ง”
“เอางั้นก็ได้ เอ้า ไปซะทีสิ” คนร่างสูงเร่ง ท่าทางเป็นหัวหน้ากลุ่มอย่างเห็นได้ชัด มือแข็งแรงกวักเรียก ทั้งหมดจึงรีบวิ่งผ่านทางเดินที่โรยด้วยกรวดขาว เสียงกระทบกันของเม็ดกรวดดังแผ่วเบา บ้านโบราณยกใต้ถุนสูง ทำให้สามารถวิ่งเข้ามาแอบใต้ตัวบ้านได้ไม่ยากเย็นนัก
“ในบ้านไม่มีไฟเปิดเลยว่ะ สงสัยมันจะช่วยชาติประหยัดไฟ”
หัวติดจะล้านของชายร่างเตี้ยโดนตีดังเผียะ “ไอ้บ้า ไปชมมันทำไมวะ กะอีแค่หลับไปแล้วเท่านั้นแหละ มันคงไม่เปิดไฟนอนเหมือนใครบางคนหรอกน่า สิ้นเปลืองงบประมาณชาติจริง ๆ”
“ก็ข้ากลัวผีนี่หว่า” คนพูดชักหน้ามุ่ยเถียงไม่ออก
พูดจบเหมือนจะรู้ บรรดาหมาจากวัดใกล้ ๆ เริ่มเปิดคอนเสิร์ตประสานเสียงแทบจะในทันที คนพูดสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เสียงหอนเย็นเยียบคล้ายเรียกผี ว่ากันว่าหมาหอนเพราะเห็นผี มันจะจริงหรือไม่ เขาก็กลัวไปเรียบร้อยแล้ว
ทั้งหมดขึ้นมาบนนอกชานแล้วในตอนนี้ บริเวณที่เคยใช้รับลูกค้าตอนกลางวัน ตอนนี้กลับโล่งมืดและเงียบสงัด ฝ่ายหัวหน้าที่ก้าวขึ้นมาคนแรกมองซ้ายขวา ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ จากคนในบ้าน บ่งบอกได้ว่าทางสะดวก
“เฮ้ย แยกกันไปค้นตามห้อง เป้าหมายอยู่ในห้องด้านนั้นคนเดียว เราจะค้นห้องนั้นตอนมันไปทำงานตอนกลางวันแทน ส่วนห้องอื่น ๆ จัดการตอนนี้เลย ทำให้เนียน อย่าให้มีหลักฐานเหลือล่ะ ว่ามีคนแอบเข้ามาค้นของ”
ขณะคนสั่งกำลังจะก้าวเดิน กลับถูกใครบางคนยึดชายเสื้อไว้ พอหันกลับมา ก็พบว่าเจ้าเตี้ยคนเดิม เผลอดึงเสื้อเขาไว้เสียแน่น
“เฮ้ย ข้าบอกให้แยกกันไปไง จับเสื้อไว้ทำไมวะ” เขากระซิบเสียงดุ หากอีกฝ่ายยังคงไม่ปล่อย
“กะ…ก็หมามันหอน ข้ากลัวนี่หว่า” คนตอบละล่ำละลัก หน้าสั้นศีรษะล้านเลี่ยน หันรีหันขวางอย่างหวั่น ๆ ขี้กลัวเสียจนน่าหมั่นไส้
“ปล่อยเลยแกนี่ ไม่ได้เรื่องสักคนพวกนี้ ไปทางนู้นเลยไป ไอ้ยาวเอ็งไปเป็นเพื่อนมัน ข้าจะไปทางนี้เอง” เขาพูดอย่างตัดรำคาญ
“โธ่ลูกพี่” เสียงคร่ำครวญเบา ๆ จากอีกฝ่าย ที่แม้จะอายุมากกว่า แต่สมองดูจะด้อยพัฒนากว่าชอบกล
“เออน่า รีบ ๆ จัดการให้เสร็จ ๆ แล้วจะได้กลับ เรื่องง่าย ๆ ได้เงินก็เยอะ แกอย่าเรื่องมากเลยน่า”
เพราะคำพูดนั้นเลยทำให้อีกฝ่ายเลิกโต้เถียง คนชื่อยาวจึงพยักพเยิดให้ตามมา
การเคลื่อนไหวทั้งหมดล้วนอยู่ในสายตาของร่างเล็กที่นอนกลิ้งอยู่บนขื่อบ้าน เท้าป้อมที่มีกำไลทองห้อยลงมาพลางกระดิกอย่างครุ่นคิด ใบหน้าใสมีรอยยิ้มน่ารักติดจะเจ้าเล่ห์ “พ่อพูดถูกจริง ๆ มีแขกมาเยอะเสียด้วย ฝากพี่เรียมต้อนรับที่ริมรั้ว กำจัดได้ไป 1 ยังเหลืออีกสาม…เอ จะเล่นอะไรดีน้า”
ดวงตากลมโตเป็นประกาย จะว่าไปเขาก็ไม่ได้ทำอะไรสนุก ๆ แบบนี้มานานมากแล้ว เรื่องการแกล้งคนเนี่ย เป็นความสามารถอันดับหนึ่งของเขาเลยก็ว่าได้ และเพราะแบบนี้ พ่อของเขาเลยนอนหลับอุตุซะสบายใจเฉิบ ขนาดรู้ทั้งรู้ ว่าคืนนี้จะมีคนลอบเข้ามาที่บ้านในคืนนี้
ใบหน้าใสยิ้มให้กับตัวเอง เพราะพ่อไว้ใจเขาสินะ แบบนี้ก็ต้องจัดชุดใหญ่ให้สักหน่อย
เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ถ้าจัดการไม่ได้ ก็ไม่ใช่เจ้าเคนแล้ว!
ยังไม่ทันเริ่มปฏิบัติการพิเศษ ร่างเล็กของเด็กหญิงผู้หนึ่งกลับโผล่ขึ้นมาข้างตัว เธอมีดวงตาสีฟ้า และผมสีทองสดใส อยู่ในชุดกระโปรงบาน สูงกว่าเคนเล็กน้อย มือบอบบางกอดตุ๊กตาหมีไว้แนบอก ร่างกึ่งโปร่งใสของเธอ หันมามองพลางยิ้มเผล่
เด็กน้อยผมจุกสะดุ้ง กระเถิบถอยห่างแทบไม่รู้ตัว “เจนนี่ ใครชวนเธอมากันเนี่ย”
“ใจร้ายจริงเคน ชวนคนอื่นทุกคน แต่ไม่ชวนเจนนี่” เธอว่าพลางนั่งลงที่ข้าง ๆ บนขื่อนั้น “พี่เรียมจัดการเสร็จไปคนนึงแล้ว เหลืออีกสามจะทำไงล่ะ”
พี่เรียมของทั้งสองคือหญิงสาวชุดขาวที่นั่งรอบนต้นไม้ริมรั้วนั่นเอง เธอเป็นผีสาวที่ตอนเป็นคนถูกคนรักทอดทิ้ง แล้วอินจัดในเรื่องขวัญกับเรียม ขนาดผูกคอตายแล้วยังคิดว่าตัวเองเป็นเรียมที่เฝ้ารอเจ้าขวัญอยู่นั่นเอง
คนฟังหัวเราะเบา ๆ “โชว์ชุดใหญ่ยังไม่ออกเลย รับรองสนุกแน่”
“ให้เจนนี่เล่นด้วยนะ” เธอเป็นผีเด็กน้อยที่เจมส์เก็บได้ในย่านตรอกข้าวสาร ตอนออกไปรับจ้างทำงานซ่อมท่อน้ำนอกสถานที่ เด็กลูกครึ่งมักจะเติบโตมาด้วยความยากลำบาก และขนาดตายแล้ว ก็ใช่ว่าจะสบาย ด้วยเจ้าที่หลายที่ล้วนแล้วแต่ตั้งแง่ กับผีลูกครึ่งที่ดูไม่เหมือนคนไทย พอมาอยู่ที่บ้าน ก็มีคนมาขอเธอไปเลี้ยง เจมส์เห็นว่าชะตาต้องกัน อาจจะเป็นมารดาของเด็กน้อยในชาติก่อน เขาจึงยินยอมให้นำสิ่งของแทนตัวเด็กหญิง ก็คือตุ๊กตาหมีตัวหนึ่ง กลับไปบูชา แต่แม้จะไปแล้ว ในบางครั้งเธอก็จะแว่บกลับมาเยี่ยมเยียนทั้งชายหนุ่ม…และเด็กน้อย ด้วยติดอกติดใจเสน่ห์ของเจ้าเคนเป็นพิเศษ
“เอ้า ก็ได้ เห็นว่านาน ๆ ทีหรอกนะ” เด็กน้อยพูดด้วยท่าทีเป็นผู้ใหญ่เสียเต็มประดา ก่อนจะโดนหอมแก้มฟอดใหญ่ เล่นเอาตกใจแทบตกขื่อไปเลยทีเดียว
“ฉันบอกแล้วไงเจนนี่ ว่าอย่าจูบ!”
“แม่ยังชอบหอมแก้มเจนนี่เลย ตอนที่ยังไม่ตายน่ะ” ดวงตากลมโตสีสวยเศร้าลง เมื่อเผลอคิดถึงมารดาเข้า
มือของเคนตบบ่าบอบบางนั้นเบา ๆ “ก็ได้ ๆ นาน ๆ ทีจะทำก็ได้ แต่อย่าบ่อยแล้วกัน” เขาพูดพลางเสมองไปอีกด้าน ด้วยแก้มที่เขินจนแดงเรื่อ เด็กสาวมองเด็กชายที่กำลังเขินอายพลางยิ้มหวาน เข้าใจว่าเคนต้องการจะปลอบใจเธอนั่นเอง
“เจนนี่รักเคนที่สุดเลย” เธอว่าพลางกอดเด็กชายไว้ เคนดิ้นขลุกขลักอยู่เป็นครู่ กว่าจะหลุดจากอ้อมกอดคนตัวสูงกว่านั้นได้ ฮึ เขาก็แค่ตายตอนตัวเล็กกว่าเท่านั้น ผีที่ไม่มีการเจริญเติบโตต่อเนี่ย ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย เด็กน้อยคิดในใจอย่างหงุดหงิด ที่ต้องตัวเตี้ยกว่าสาวเจ้า ไม่มีทางโตกว่าได้
“อ๊ะ มัวแต่นอกเรื่องซะนาน เดี๋ยวพวกนั้นก็ทำบ้านเลอะเทอะพอดี ไปกันเจนนี่ พวกพี่ ๆ คงรออยู่นานแล้ว”
“ชวนใครมาบ้างล่ะ พี่ลำไยที่เป็นกระสือ กับพี่แม้นผีหัวขาดสินะ” เธอพูดต่ออย่างรู้ดี ว่าก๊กผี ๆ ของเจ้าเคน มีใครบ้าง
“ฮื่อ แล้วยังมีพี่แก้ว ที่ตายทั้งกลมด้วย วันนี้ตาเจ้าที่ใจดี อนุญาตให้เข้ามากันได้เยอะเชียวแหละ”
“ฮึ มีแต่ผีสาว ๆ ทั้งนั้น” เจนนี่พึมพำอย่างน้อยใจ เพราะเคนไม่ยอมชวนเธออยู่คนเดียวจริง ๆ
“ก็พวกนี้อยากมาเจอหน้าพ่อนี่นา นาน ๆ ทีหรอก ตาเจ้าที่ถึงให้เข้ามา ปกติพ่อสั่งไว้ ว่าห้ามให้เข้ามารบกวน คงกลัวโดนลักหลับแน่ ๆ” ร่างเล็กว่าพลางหัวเราะคิกอย่างขบขัน พอนึกถึงสมัยก่อนที่พอเจมส์ตื่นมา ก็มีบรรดาผีสาว ๆ มานอนเป็นเพื่อนเสียเต็มเตียง คนมันมีเสน่ห์ก็ลำบากแบบนี้แหละนะ
“ไม่รีบไปดูแล เดี๋ยวพ่อเธอก็โดนลักหลับอีกหรอก”
จอมเจ้าเล่ห์ยักไหล่พลางหัวเราะเบา ๆ “พ่อไม่ได้สั่งให้ดูเรื่องนั้นนี่ ช่วยไม่ได้”
ว่าพลางหันมาหาเด็กหญิง “ฉันให้พวกพี่ ๆ ไปเฝ้าตามห้องต่าง ๆ แล้วล่ะ มีแค่ห้องพระ ที่พวกเขาไม่ค่อยอยากเข้าเท่าไหร่ แต่ห้องนั้นมีร่างฉันอยู่ เจนนี่ก็เคยอยู่ในนั้นมาก่อนนี่นะ คงไม่เป็นไร เราไปเฝ้าห้องนั้นกันดีกว่า ขืนให้พวกนั้นขโมยพระเครื่องของรักของหวงพ่อไปได้สักชิ้น มีหวังอดได้ของเล่นอีกเป็นปี”
“อื้ม ไปสิ” มือน้อย ๆ จับกันไว้ แล้วหายตัวไปอย่างรวดเร็ว