❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018  (อ่าน 48869 ครั้ง)

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อาหยางสู้ๆๆๆๆ

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ทีมอาหยางคร่าาา เอาพี่ธีทิ้งไป555

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
เรื่องนี้นังมีปมที่เราอ่านแล้วคาใจ รอลุ้นกันต่อไป :katai3:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ยังไม่ได้เจอน้องนนเลย ไม่รู้ว่าโดนล้างสมองไปมากแค่ไหนนะ  :hao3:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ดะ เดี๋ยวนะ วินกับอาหยาง...

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
นั่นไง~พ่อ่อพ่อชักมักได้กันเอง 555

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
บทที่ 12

วันนี้ที่รอคอย



“ทำไมเธอถึงทำอย่างนี้เมษา จะไปก่อกวนอรเขาทำไม”

“ก็เมรักคุณนี่คะ อยากให้คุณเปิดตัวเมบ้าง ยังไงเมก็เป็นเมียคุณแล้วนะ”

“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่มีทาง เธอเป็นคนอยากเข้ามาอยู่ในสถานะนี้เอง ก็ต้องอยู่แบบนี้ไปตลอด”

“เมไม่มีทางยอมหรอก”

“แต่เธอก็รู้ว่าฉันมีเมียมีลูกแล้ว ยังจะมาทำอย่างนี้อีก ฉันไม่เขี่ยเธอทิ้งมันก็ถือว่าเป็นบุญแล้วนะ”

“ถ้าคุณยังไม่ให้เมเป็นเมียที่ออกหน้าออกตาอีกคน รับรองว่าเมไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่”

“ถ้าเธอทำอย่างนั้นฉันไม่เอาเธอไว้แน่”

ผมยกยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน ตอนนี้ผมอยู่ประตูหน้าห้องกะว่าจะเข้าไปหาพี่ธี แต่ก็มาได้ยินอะไรดีๆ เข้า ไม่เสียแรงที่ผมวางแผนเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น เมษาทำหน้าที่ได้ดีมากเลยทีเดียว ทำเอาพี่ธีถึงกับกุมขมับได้เกือบทุกวัน เพราะเจ้าหล่อนตามตื๊อไม่เลิกเพื่อจะได้เดินควงอย่างออกหน้าออกตา แต่พี่ธีไม่ยอมเพราะกลัวว่าจะเป็นขี้ปากพนักงานในออฟฟิศ รวมถึงหากอรจิรารู้เรื่องเข้าจะมาตามอาละวาดถึงที่แน่นอน

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

ผมเคาะประตูห้องแล้วถือวิสาสะเปิดเข้าไป ก็เห็นทั้งสองคนกำลังยืนอยู่ข้างกัน เมษาส่งยิ้มมาให้ผมเล็กน้อยอย่างรู้กัน ส่วนพี่ธีก็เอาแต่จ้องหน้าผมอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

“ผมมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าครับ”

“ไม่ครับ” เขาเอ่ยกับผม ก่อนจะหันหน้าไปเอ่ยกับเลขาสาวบ้าง “เธอออกไปก่อนเมษา”

“ค่ะท่านประธาน” เมษาส่งยิ้มให้กับเจ้านาย ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

เมื่ออยู่กันตามลำพังแล้ว พี่ธีก็เชิญผมนั่งที่เก้าอี้ เขานั่งจ้องหน้าผมอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับกำลังคิดอะไรในใจ ทั้งสีหน้าและแววตาคู่นั้น บ่งบอกว่าเขากำลังรู้สึกไม่พอใจผมซะเหลือเกิน

“ทำไมคุณชอบมองหน้าผมแบบนั้นล่ะครับ”

“ทำไม? ผมมองไม่ได้เหรอ”

“เปล่าครับ ตาของคุณจะมองใครก็ได้ แต่ที่คุณแสดงออกมามันไม่เหมาะสมเท่านั้นเอง”

“ผมรู้ว่าคุณคือคนวางแผนเรื่องทั้งหมด”

ผมรู้ว่าพี่ธีหมายถึงเรื่องเมษา แต่ผมกลับทำหน้างงเล็กน้อย ราวกับไม่รู้ว่าเรื่องที่พูดมามันคืออะไรกันแน่

“วางแผนเรื่องอะไรครับ”

“ก็เรื่องเมษาโดนฉุด เรื่องที่ผมโดนวางยาปลุกเซ็กส์ ทุกอย่างมันดูบังเอิญไปหมด ราวกับมีคนวางแผนเรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้ว และคนที่ผมสงสัยก็คือคุณ เพราะตั้งแต่คุณเข้ามาชีวิตผมก็มีแต่เรื่องวุ่นวายเต็มไปหมด” เขาชี้หน้าผม ทำหน้าถมึงทึงราวกับยักษา

“คุณชอบคิดไปเองอยู่เรื่อยเลยคุณธี ผมจะทำอย่างนั้นไปทำไมล่ะครับ” ผมแค่นยิ้ม ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ยียวนกวนประสาทเขา

“ก็คุณ....” เขาจ้องเขม็งมือที่วางอยู่บนโต๊ะกำจนสั่นเทา สายตาคมที่มองมานั้นเต็มไปความเกรี้ยวกราด แต่ทว่ากลับไปยอมเอ่ยปากออกมาว่าจะพูดอะไรกับผม

“ก็คุณอะไรครับ” ผมเลิกคิ้วถามเขาอีกครั้ง

“เปล่า...ไม่มีอะไรครับ ผมว่าผมต้องไปพบจิตแพทย์บ้างแล้วล่ะ ช่วงนี้ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยอยู่ ขอโทษด้วยนะครับ” ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปอย่างปุบปับ ทำเอาผมถึงกับงง พี่ธีจะพูดอะไรออกมานะผมอยากจะรู้จริงๆ

“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจว่าช่วงนี้คุณคงมีเรื่องให้คิดหนักน่าดู” ใช่สิทั้งเรื่องเมียทั้งสองคน แถมยังมีเรื่องธุรกิจที่กำลังจะดิ่งลงเหวอีกด้วย คิดเหรอว่าผมมาเป็นที่ปรึกษาจะทำให้บริษัทดีขึ้น ผมมาช่วยฉุดมันดิ่งลงเหวต่างหากล่ะ

“ครับ ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยเรื่องงานกันดีกว่าไหม”

“ดีครับผมกำลังจะแนะนำคุณอยู่พอดีเลย เราควรจะหาผู้ถือหุ้นรายใหม่ ที่มีธุรกิจสื่ออยู่ในมือเข้ามาร่วมบริหารนะครับ เพราะตอนนี้สถานการณ์มันไม่ได้ดีขึ้นเลย ผมกลัวว่าหากเป็นอย่างนี้ต่อไปทุกอย่างมันจะพังไปมากกว่านี้อีก”

“ไหนคุณบอกว่าจะช่วยผมไงล่ะ แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้แนะนำผมให้หาผู้ร่วมทุนคนใหม่”

“ผมเป็นนักธุรกิจก็ต้องการกำไรเป็นธรรมดา ที่นี่ขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ทำอะไรก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย หากเป็นอย่างนี้ต่อไปมีแต่ทุนจะจม บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ผมเองก็ไม่ไหวเหมือนกัน” ถึงคราวที่ผมจะต้องเป็นผู้บริหารของที่นี่อย่างเต็มตัวแล้วสินะ เพราะอีกไม่นานผู้ร่วมหุ้นรายใหม่ซึ่งเป็นหน้าม้าของผมจะเข้ามาถือหุ้นจำนวนหนึ่ง หลังจากนั้นผมก็รวบหุ้นทั้งสองส่วนเข้ามาเป็นของผม และสัดส่วนที่มากเกินกว่าครึ่งนั้นก็จะทำให้ผมมีอำนาจในการบริหารงาน

“ผมเองก็คิดว่าคุณจะมีดีมากกว่านี้ซะอีก ที่ไหนได้ก็แค่นักธุรกิจธรรมดาไม่ได้เก่งกาจอะไรเลย” เขาเอ่ยประชดประชันผม

“ผมยอมรับว่าผมไม่ได้เก่งอะไรมากนัก แต่ผมก็เป็นคนที่กว้างขวางพอตัว รู้จักคนในแวดวงสื่อหลายคน ผมสามารถแนะนำให้เขามาลงทุนกับเราได้นะครับ ผมจะยอมแบ่งหุ้นในส่วนของผมให้กับเขา และคุณเองก็ควรจะแบ่งในส่วนของคุณขายด้วยเช่นเดียวกัน”

“ทำไมผมจะต้องทำตามที่คุณแนะนำด้วยล่ะ”

“ก็แล้วแต่นะครับ ถือว่าผมแนะนำแล้ว การมีผู้ถือหุ้นทำงานในวงการสื่อ มันก็ดีที่เราจะสามารถให้เขาโปรโมตธุรกิจในเครือได้ โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายมากเท่าที่ควร หากมีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้นรายได้ก็จะมากขึ้น ถึงตอนนั้นแล้วมันมีแต่ได้กับได้ไม่ใช่เหรอครับ ที่พูดเพราะผมเป็นห่วงคุณที่ต้องแบกรับภาระมาตลอด คิดดูดีๆ นะครับ ผมว่ามันดีกว่าการไปกู้เงินจากธนาคารมา ดอกเบี้ยก็ไม่ใช่ถูกๆ”

“ถ้าอย่างนั้นผมขอคิดดูก่อนก็แล้วกัน” พี่ธีขมวดคิ้ว มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด เพราะเรื่องนี้มันเป็นการตัดสินใจที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ผมว่าเขาคงจะยอมทำตามคำแนะนำผมแน่นอน เพราะตอนนี้สถานการณ์ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ที่เป็นอย่างนั้นเพราะผมได้ไปปล่อยข่าว ทำลายชื่อเสียงของธุรกิจในเครือของพี่ธีอยู่เป็นระลอก

ในระหว่างที่เรากำลังอยู่ในห้วงแห่งความเงียบงันนั้น ก็มีสายโทรเข้ามาหาพี่ธี

Rrrrr….

“ว่าไงอร”

(นังนั่นส่งข้อความมาหาอรอีกแล้ว คุณกำลังอยู่กับมันใช่ไหม)

“คุณจะบ้าเหรอผมทำงานอยู่บริษัท อย่าทำตัวน่าเบื่อได้ไหม”

(ฉันไม่เชื่อคุณจะต้องกกมันอยู่แน่ๆ ถ้าฉันจับได้จะจับนังนั่นแก้ผ้าประจานเลยคอยดู)

“เฮ้อ! แค่นี้ล่ะผมไม่อยากจะเสียเวลากับคุณแล้ว”

(กรี๊ดด!! ไอ้ผัวเฮงซวย วันนี้คุณไปรับลูกคนเดียวเลยฉันไม่ไปด้วยหรอก)

ตู๊ดๆ ๆ ๆ

วางสายแล้วพี่ธีก็ถอนหายใจเสียงดัง ผมได้แต่นั่งปรายตามองออกไปชมทิวทัศน์ด้านนอก ผ่านกระจกแก้วบานใหญ่

เห็นสภาพแล้วก็รู้สึกสมน้ำหน้าซะเหลือเกิน

“จริงๆ ผมควรจะออกไปข้างนอกก่อน ไม่น่ามานั่งฟังเรื่องส่วนตัวของคุณเลย”

“ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ ในเมื่อคุณเองก็รู้จักกับภรรยาผมดี เผลอๆ อาจจะรู้จักดีกว่าผมก็ได้”

“คุณพูดราวกับว่ากำลังหึงหวงภรรยา”

“ก็คงงั้นมั้งครับ” เขาตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย คาดเดาอารมณ์ได้ยากซะเหลือเกิน

“ผมกับคุณอรเป็นแค่เพื่อนกับจริงๆ ครับ คุณสบายใจได้ ผมไม่มีทางคิดอย่างนั้นกับคุณอรแน่นอน”

“ก็คงจะจริง เพราะว่าคุณคงจะทำอย่างนั้นนกับเมียผมไม่ได้หรอก” เขาเอ่ยอย่างมีเลศนัย ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

“ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะครับ” ทำไมเขาชอบพูดทิ้งปริศนาไว้อย่างนี้อยู่เรื่อยเลยนะ

“ผมก็แค่ล้อคุณเล่นเท่านั้นเองครับ อย่าคิดอะไรมากเลย หึๆ” เขาพูดแล้วก็ขำออกมาเบาๆ ทำเอาผมถึงกับกำมือจนสั่น แต่ใบหน้ากลับส่งยิ้มให้เขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ”

“อ้าว! คุณจะไปไหนงั้นเหรอ”

“ผมมีธุระต่อครับ” ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นยืน เตรียมตัวจะเดินออกไป แต่จู่ๆ พี่ธีก็เอ่ยประโยคหนึ่งออกมา มันเป็นประโยคที่ทำให้หัวใจผมเต้นระรัว รู้สึกตื่นเต้นมากเหลือเกิน

“เย็นนี้ไปรับลูกกับผมไหมครับ”

“ระ...รับลูกงั้นเหรอครับ” ผมเอ่ยตะกุกตะกัก แต่ใบหน้าเปื้อนยิ้มไม่ยอมหยุด

“ใช่ครับรับลูกของเราไง” เขามองหน้าผมแล้วยิ้มน้อยๆ ออกมา

ไม่นานนักผมก็เริ่มได้สติ หลังจากเผลอแสดงพิรุจให้เขาเห็นเสียนาน

“ลูกของเราหมายถึง...”

“โทษทีครับ ผมอาจจะพูดไม่ค่อยชัดเจนเท่าไร เรานี่หมายถึงผมกับอรน่ะครับ”

“ออครับ ผมไปด้วยก็ได้ครับ อยากเห็นหน้าลูกชายคุณอยู่เหมือนกัน อยากรู้ว่าจะหน้าตาน่ารักเหมือนกับคุณอรไหม”

“ผมรับรองว่าน่ารักเหมือนแม่มากครับ เหมือนมากจริงๆ” เขาเอ่ย พลางจ้องมองใบหน้าผมแทบไม่ละสายตาไปไหนเลย

“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวออกไปข้างนอกสักครู่นะครับ”

“เชิญครับ”



เมื่อเดินออกมานอกห้องแล้ว ผมก็ส่งสัญญาณโดยการยักคิ้วให้กับเมษาหนึ่งที ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นเดินตามหลังผมไปที่บันไดหนีไฟ

“เป็นยังไงบ้างครับคุณเมษา”

“ตอนนี้ฉันกำลังกวนประสาทยัยเมียหลวงเกือบทุกวันค่ะ อีกไม่นานหรอกเธอจะทนไม่ไหวจนเลิกกันแน่นอน หลังจากนั้นฉันก็จะได้เป็นเมียที่ออกหน้าออกตาแต่เพียงผู้เดียว” สีหน้าของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความฝัน ที่มันอาจจะเป็นจริงได้ยากซะเหลือเกิน เพราะผมคิดว่าแม่บุญธรรมคงไม่ยอมให้เลิกกันง่ายขนาดนั้นแน่

“ขอให้คุณโชคดีนะครับ”

“ขอบคุณค่ะ ถ้าไม่มีคุณอี้เฟยมาจุดประกายให้ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ได้เป็นเมียอีกคนของคุณธีภพอย่างนี้”

“ไม่เป็นไรครับผมยินดี”

“แล้วคุณอี้เฟยจะให้ฉันทำอะไรเป็นการตอบแทนล่ะคะ”

“ผมไม่ต้องการอะไรหรอกครับ ขอแค่ให้คุณได้สมหวังกับความรักก็พอ”

“ขอบคุณนะคะ ฉันจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้ของคุณเลยค่ะ”

“ครับผมขอให้คุณโชคดีนะครับ และที่สำคัญผมแนะนำให้คุณเปิดตัวกับคุณอรไปเลยว่าเป็นเมียอีกคนของคุณธี ถ้าอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ อย่างนี้ เมื่อไหร่จะได้มีหน้ามีตาในสังคมล่ะครับ”

“แต่ฉันยังกลัวๆ ว่าคุณธีจะไม่พอใจเอา แค่ฉันไปป่วนคุณอร คุณธีก็ยังไม่ค่อยชอบใจเลยค่ะ”

“มาถึงขั้นนี้แล้ว จะกลัวอะไรล่ะครับ ยังไงคุณก็เสียตัวให้เขาไปแล้ว ผมเชื่อว่าเขาไม่มีทางทิ้งคุณแน่”

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะทำตามคำแนะนำของคุณค่ะ ฉันจะบุกไปถึงบ้านให้พ่อกับแม่ของคุณธีรู้เรื่องด้วย คราวนี้ล่ะทุกคนจะได้รู้ว่าฉันก็มีสิทธิ์ในตัวคุณธีไม่ต่างจากคุณอรเลยแม้แต่น้อย” แววตาที่มุ่งมั่นของเธอ ทำให้ผมเชื่อได้ว่าอีกไม่นานบ้านหลังนั้นจะต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน



เมื่อถึงเวลาต้องไปรับตาหนูที่โรงเรียน พี่ธีก็เร้าหรือให้ผมนั่งรถไปกับเขา ผมจึงโทรเรียกให้ลูกน้องมาขับรถกลับไปไว้ที่บ้าน นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถไปพร้อมกับเขา ระหว่างทางพี่ธีชวนผมคุยไปเรื่อยเปื่อย โดยจะถามเรื่องผมซะเป็นส่วนมาก จนเบื่อที่จะตอบคำถามซะเหลือเกิน

พวกเรามาถึงก่อนเวลานิดหน่อย จึงเข้าไปนั่งรอที่ม้านั่งในสนามเด็กเล่น พี่ธีคงไม่รู้ว่าภายในใจผมมันตื่นเต้นมากแค่ไหน เพราะท่าทางที่แสดงออกมา ให้เขาเห็นนั้นไม่มีพิรุธใดๆ พูดคุยยิ้มแย้มเป็นปกติ

“ทำไมคุณถึงชวนผมมาที่นี่ด้วยล่ะครับ” ผมหันไปเอ่ยกับเขาที่นั่งอยู่ข้างกัน

“ผมก็แค่อยากให้คุณมาเห็นความน่ารักของลูกชายผมเท่านั้นเอง ตอนนี้มันคงใกล้ถึงเวลาแล้วสินะ” พี่ธีเอ่ยกับผมเสียงเอื่อยๆ ท้ายประโยค

“ใกล้ถึงเวลาอะไรครับ คุณชอบพูดจาแปลกๆ อยู่เรื่อยเลย” ผมเอ่ย พลางชะเง้อมองหาตาหนู เมื่อไหร่จะออกมาก็ไม่รู้ นี่ก็เลยเวลาเลิกเรียนมาตั้งหนึ่งนาทีแล้ว

ใช่ครับตั้งหนึ่งนาทีแล้ว...

“ใกล้ถึงเวลาที่ลูกชายผมจะออกมาแล้วไงครับ” เขาส่งยิ้มมาให้ ทำไมผมถึงรู้สึกได้ว่ารอยยิ้มนี้มันเป็นยิ้มที่บริสุทธิ์ปราศจากการปรุงแต่งใดๆ ซึ่งผมไม่เคยเห็นอย่างนี้จากตัวเขามาก่อน

“อ้อ...ลืมถามไปเลยว่าลูกชายคุณชื่ออะไรครับ”

“นนท์ครับ เด็กชายธาดา ตั้งพาณิชย์สกุล”

หือ!

“ธาดางั้นเหรอครับ” ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ที่ธีเปลี่ยนชื่อจริงให้ตาหนู เขาถือวิสาสะอะไรมาเปลี่ยนชื่อให้ลูกผมอย่างนี้

“ใช่ครับ...คุณอี้เฟยมีอะไรงั้นเหรอ”

“ปะ...เปล่าครับผมแค่คิดว่าชื่อเพราะดี” ผมยิ้มแห้งๆ ให้เขา

ในระหว่างนั้นก็มีเสียงเด็กชายตะโกนดังแว่วมา ผมรีบหันขวับไปมองก็เห็นคนที่ผมอยากเจอมากที่สุด วิ่งตรงเข้ามาหาพวกเรา พร้อมกับรอยยิ้มกว้างราวกับกำลังดีใจมากเหลือเกิน ที่เห็นผู้เป็นพ่อมารับถึงในโรงเรียน

“คุณพ่อคร้าบบบ!!!”

“มาแล้วเหรอครับคนดีของพ่อ” เขานั่งชันเข่าข้างหนึ่ง ก่อนจะอ้าแขนรอรับกอดจากลูกชาย หอมแก้มซ้ายขวาอย่างชื่นอกชื่นใจ มันเป็นอะไรที่ทรมานมากเมื่อผมไม่สามารถกอดลูกชายตัวเองได้ ผมคิดถึงเด็กคนนี้มากเหลือเกิน อยากกอดเขาเหมือนที่พี่ธีกอดอยู่ตอนนี้

“น้องนนท์ไหว้คุณอาอี้เฟยสิครับ”

“สวัสดีครับ” ตาหนูยกมือไหว้ ส่งยิ้มมาให้ผม

“สวัสดีครับน้องนนท์” ผมอยากจะเอื้อมมือไปจับแก้มใสๆ นั่นเหลือเกิน แต่คงทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น

“วันนี้ทำไมคุณแม่ไม่มาด้วยล่ะครับ” ตาหนูหันไปสนใจพี่ธี ก่อนจะเอ่ยปากถามถึงอรจิรา

หากผมไม่โดนเขาพรากลูกไปจากอก ป่านนี้คนที่ตาหนูเรียกว่าแม่คงจะเป็นผมไปแล้วสินะ แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้มีโอกาสอย่างนั้นบ้าง แต่ก็มีบางเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจได้ นั่นคือเห็นตาหนูเป็นเด็กดีมีสัมมาคารวะ ไม่ได้รับนิสัยร้ายๆ จากพ่อและย่าของเขามาด้วย

“คุณแม่ติดธุระครับ พ่อว่าเรากลับบ้านกันเถอะ”

“ครับคุณพ่อ”

“ป่ะคุณ เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้านก่อน”

“ไม่เป็นไรครับผมให้คนที่บ้านมารับแล้ว” ใจจริงผมก็อยากจะให้เขาไปส่ง เพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับลูกนานขึ้น แต่ผมก็ไม่อยากให้พี่ธีรู้จักบ้าน ซึ่งเป็นฐานที่มั่นที่ใช้วางแผนเล่นงานเขา

“ออครับ” เขาว่าพลางส่งยิ้มมาให้ ขณะยืนจูงมือตาหนูอยู่ ท่าทีที่เขาอยู่กับลูก ช่างเป็นผู้ชายที่ดูอบอุ่น ผิดคาดกับที่ผมคิดเอาไว้มาก

“ตาหนูอยู่กับคุณอาแป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวพ่อไปเข้าห้องน้ำก่อน”

“ได้ครับคุณพ่อ”

“ฝากลูกชายผมสักครู่นะครับ”

“ครับ”

หลังจากพี่ธีเดินไปเข้าห้องน้ำข้างอาคารเรียนแล้ว ผมก็หันไปส่งยิ้มให้กับตาหนู นั่งลงตรงหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะอย่างเบามือ ในที่สุดผมก็ได้สัมผัสตัวลูกชายแล้ว ช่างมีความสุขมากเหลือเกิน

“วันนี้น้องนนท์เรียนเหนื่อยไหมครับ”

“ไม่เหนื่อยเลยครับ น้องนนท์ชอบเรียนหนังสือมากที่สุด คุณพ่อสอนว่าให้น้องนนท์ตั้งใจเรียน โตขึ้นจะได้ไปช่วยคุณพ่อทำงานครับ” ตาหนูเป็นเด็กที่พูดเก่ง ยิ้มเก่ง และมีอัธยาศัยดีมาก ไม่ได้ตื่นกลัวผมที่เพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรกเลย

“ดูท่าทางน้องนนท์จะรักคุณพ่อมากเลยนะ” ตอนนี้ขอบตาผมร้อนผ่าว กำลังจะร้องไห้ออกมา ยิ่งเห็นใบหน้าที่ใสซื่อนี้ ยิ่งทำให้ภาพความทรงจำเมื่อห้าปีก่อน ที่เคยนอนกอด เคยอุ้ม เคยดูแลไม่เคยห่าง มันกลับมาฉายวนซ้ำในหัวอีกครั้ง

“ครับ...น้องนนท์รักคุณพ่อมาก เพราะคุณพ่อใจดีแถมยังชอบพาน้องนนท์ไปเที่ยวบ่อยๆ คุณอาทำไมตาแดงอย่างนั้นล่ะครับ”

“ฝุ่นเข้าตาอาครับ” พูดจบน้ำตาผมก็ไหลลงมาทันที ผมพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองสะอื้นไห้ออกมา

“คุณอาร้องไห้ทำไมครับ ไม่ร้องนะครับ” ตาหนูไม่พูดเปล่า กลับเอื้อมมือมาปาดน้ำตาบนแก้มผมออกให้ เห็นอย่างนั้นน้ำตายิ่งไหลลงมาไม่ยอมหยุด

“อาไม่ร้องแล้วครับ” ผมรีบเกลี่ยน้ำตาตัวเองออกจนหมด แล้วจับมือน้อยๆ นั่นมากุมไว้ที่กลางอก

“คุณพ่อบอกว่าถ้าร้องไห้แสดงว่าเราอ่อนแอ ฉะนั้นห้ามร้องไห้ให้ใครเห็นเพราะเขาจะมองว่าเราอ่อนแอ คุณอาอย่าร้องไห้อย่างนี้อีกนะครับ คนอื่นจะว่าคุณอาอ่อนแอ”

“ครับผม...คุณอาจะไม่ร้องไห้ให้น้องนนท์เห็นอีกแล้วนะ”

“เก่งมากครับคุณอา” ตาหนูยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร

ผมจะจำรอยยิ้มนี้ไว้ให้แม่น เพื่อเป็นแรงผลักดันให้แก้แค้นคืนให้สำเร็จโดยเร็ว เราจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง

“ไปกันเถอะครับ”

เสียงพี่ธีดังมาจากข้างหลัง ทำให้ผมต้องรีบลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะพยายามปรับสีหน้าและอารมณ์ให้เป็นปกติ หยิบแว่นสีชาในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาใส่ เพื่อบดบังร่องรอยของการร้องไห้มาเมื่อสักครู่

“คุณพ่อครับคุณอาระ...” ผมยกมือขึ้นมาจุ๊ที่ปากห้ามตาหนูไว้เสียก่อน เห็นอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยักคิ้วให้ผมทันที

“คุณอาทำไมครับ” เขาเดินมายืนข้างลูกชายแล้วก้มหน้าถาม

“คุณอาน่ารักมากๆ เลยครับ” ได้ยินอย่างนั้นผมก็ส่งยิ้มให้ตาหนู ผมไม่รู้ว่าเขาเลี้ยงลูกมาแบบไหน แต่สิ่งที่ตาหนูเป็นอยู่ในตอนนี้มันโอเคมากๆ และสิ่งที่เขาสอนลูกมันเป็นอะไรที่ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานทางด้านจิตใจได้ดีเช่นเดียวกัน ฉะนั้นแล้วผมจะถือว่านี่คือผลงานหนึ่งเดียวของเขาที่ทำให้ผมรู้สึกยอมรับได้

“อ๋อ พ่อก็นึกว่าอะไร ตาถึงนะเราเนี่ย”

“ไปกันเถอะครับคนน่ารัก...ของน้องนนท์” เขาหันมาเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

ผมเริ่มมั่นใจแล้วว่าเขาควรจะไปพบจิตแพทย์ เพราะในช่วงที่เราได้มีโอกาสคลุกคลีกันนั้น เขาอารมณ์แปรปรวนอย่างนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้เขากลับทำให้ผมรู้สึกอยากจะอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว มีพ่อ แม่ และลูก อยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าอย่างนี้ตลอดไป...ซึ่งมันคงไม่มีวันนั้นแน่นอน

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
มีอะไรเกิดขึ้นในครอบครัวธีที่คนนอกไม่รู้บ้างนะ ธีเป็นอะไรถึงต้องไปหาจิตแพทย์ แลวน้องนนก็อารมณ์ดีผิดกับพ่อเลย  :ruready

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :ruready เริ่มแล้วใช่ไหมคะ  มาค่ะ เตรียมพร้อมละ

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
บทที่ 13

แค้นนี้ต้องชำระ



ในที่สุดแผนการที่ผมวางแผนไว้ก็สำเร็จลุล่วงเสียที พี่ธียอมแบ่งหุ้นบางส่วนขายให้กับนายทุนหน้าม้าที่ผมแนะนำมา นั่นทำให้ผมยิ้มในใจอย่างผู้ชนะ เพราะหากรวมกับส่วนที่ผมมี หุ้นทั้งหมดก็จะมากกว่าครึ่ง นั่นจะทำให้ผมสามารถนั่งเก้าอี้ประธานบริษัทได้ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอกครับ ต้องหลังจากให้ผมได้บ้านหลังนั้นมาก่อน ผมจะใช้อรจิราให้เป็นประโยชน์อีกครั้ง โดยการหลอกใช้เธอให้เอาโฉนดบ้านหลังนั้นมาขายให้ผม

วันนี้เธอเข้ามาหาผมที่บ่อนอีกครั้ง เรานั่งดื่มกันเหมือนเช่นเคย เธอระบายความอัดอั้นในใจ ที่เกิดจากการกระทำของคนในบ้านหลังนั้นให้ผมฟัง ในช่วงที่อ่อนแออย่างนี้เหมาะนักล่ะ ที่จะจูงจมูกเธอให้ทำตามที่ผมต้องการ

“ดูท่าทางวันนี้คุณอรจะเครียดกว่าทุกวันนะครับ”

“ใช่ค่ะทั้งเครียดทั้งกลุ้มใจ คุณรู้ไหมว่าคนที่เป็นเมียน้อยของพี่ธีคือนังเมษา เลขาหน้าห้องของพี่ธีนั่นเอง”

ผมแสร้งทำเป็นตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามเธอต่อไป “คุณเมษางั้นเหรอ! ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเป็นเธอ”

“วันก่อนมันมาหยามฉันถึงที่บ้าน แสดงตัวว่าเป็นเมียอีกคนของพี่ธี ฉันทนเห็นความร้ายกาจของมันไม่ไหวเลยมีเรื่องตบตีกับมัน จนข้าวของในบ้านเสียหาย คุณแม่เห็นอย่างนั้นก็ทนไม่ไหวถึงขนาดกับสาดน้ำเย็นเข้ามาห้ามเราทั้งสองคน แถมยังไล่ฉันกับนังนั่นออกไปจากบ้านอย่างกับหมูกับหมา จริงๆ แล้วคุณแม่ควรจะไล่นังนั่นออกไปคนเดียว ทำไมต้องไล่ฉันด้วยล่ะคะ ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ” เธอเล่าให้ผมฟังอย่างคับแค้นใจ ผมว่าเธอคงจะโดนคุณแม่กดดันมานาน เลยอยากจะระบายบ้าง

“ผมว่าแม่สามีคงจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าคุณอรสักเท่าไหร่ ถ้าเป็นผมจะไม่ยอมให้ตัวเองโดนกดขี่ห่มเหงอย่างนั้นเด็ดขาด”

“คุณอี้เฟยก็คิดอย่างนั้นเหรอคะ”

“ใช่ครับ ถ้าเป็นผมจะเอาคืนให้สาสม ในเมื่อเขาไม่ได้เห็นความสำคัญของเรา เราก็ไม่ต้องให้ค่าคนพวกนั้นหรอก”

“ฉัน...ฉันไม่กล้าทำหรอกค่ะ คุณแม่น่ากลัวกว่าที่คุณคิดไว้ซะอีก คนธรรมดาอย่างฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ” ดูท่าทางเธอคงจะกลัวแม่บุญธรรมผมน่าดู อาจจะเป็นเพราะเธออยู่ที่นั่นมาหลายปี รู้เห็นอะไรหลายๆ อย่างจนกลัวขึ้นสมองไปแล้ว

“มันไม่ยากหรอกครับถ้าเราตั้งใจจะทำจริงๆ ผมจะอยู่ข้างคุณเองไม่ต้องห่วง” ผมจับมือเธอไว้เพื่อให้กำลังใจ

“แล้วฉันต้องทำยังไงล่ะคะ ตอนนี้ฉันคิดอะไรไม่ออกจริงๆ”

“ผมมีวิธีครับ คุณจะได้ทั้งเงินก้อนใหญ่และความสะใจไปพร้อมๆ กันแน่นอน” ได้ยินอย่างนั้นเธอก็ตาลุกวาวเลยทีเดียว สิงการพนันอย่างอรจิราถ้าเอาเรื่องเงินเข้ามาล่อ มีหรือจะไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม

“ยังไงคะ?”

“คุณก็หลอกให้แม่สามีคุณโอนกรรมสิทธิ์บ้านหลังนั้นมาให้คุณไง แล้วคุณก็เอามาขายต่อให้ผม ผมเห็นว่าบ้านหลังนั้นสวยดี เลยอยากจะเก็บเอาไว้เป็นเรือนหอของเรา คุณว่าดีไหมครับ”

“ดีเหมือนกันฉันจะได้ปลดแอกจากชีวิตเน่าๆ อย่างนี้ซะที ฉันอยากมีอิสระ แต่ว่าฉันจะทำให้คุณแม่เซ็นต์ยินยอมได้ยังไงล่ะคะ รายนั้นไม่เคยยอมอะไรง่ายๆ หรอก” อรจิราแสดงสีหน้าหนักใจออกมาให้ผมเห็น

“ได้สิครับไม่มีปัญหา เพราะผมมีตัวช่วยให้คุณ” ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบขวดแก้วเล็กๆ ที่มีของเหลวสีเขียวบรรจุอยู่ด้านใน “นี่ครับตัวช่วยที่จะทำให้คุณทำงานได้ง่ายขึ้น”

“มันคือ...” เธอรับไปแล้วจ้องมองที่ขวดอย่างสนใจ

“ยาวิเศษไงครับ ผมได้มาจากเมืองจีน หากใครได้กินเข้าไปแม้ในปริมาณเพียงเล็กน้อย ก็จะทำตามคำสั่งของเราทุกอย่าง แถมเมื่อได้สติแล้วจะลืมเรื่องก่อนหน้านั้นอีกด้วย”

“ว้าว! สุดยอดเลยค่ะฉันจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดเลยค่ะ”

“อนาคตอยู่ในมือคุณแล้ว ถ้าทำสำเร็จเราจะแต่งงานกันนะครับ ผมจะใช้บ้านหลังนั้นเป็นเรือนหอของเรา คุณต้องทำให้ได้นะครับ คุณจะได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ได้ทั้งเงินและได้ทั้งชีวิตใหม่อีกด้วย”

“ขอบคุณนะคะที่ชี้ทางสว่างให้กับฉัน ฉันรักคุณที่สุดเลยค่ะ” ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็เขยิบตัวเข้ามานั่งใกล้ ก่อนจะเข้ามาสวมกอดผมทันที

“ผมก็รักคุณครับ”

จู่ๆ เจ้าหล่อนก็เงยหน้าขึ้นมาเอ่ยกับผม “แล้วเรื่องพี่ธีล่ะคะ ถ้ายังมีเขาอยู่ฉันก็มาหาคุณไม่ได้น่ะสิ”

“ผมถามจริงๆ คุณรักคุณธีบ้างหรือเปล่า ตอบผมตามความจริง”

“คือ...ถ้าบอกว่ารักไหมก็รักค่ะ แต่ฉันรักคุณมากกว่า มาถึงตอนนี้แล้วถ้าเขาจะเลือกเมษาฉันก็ไม่ว่าอะไร”

“ถ้าอย่างนั้นคุณไม่ต้องห่วงเรื่องคุณธีภพหรอกครับ ขอแค่คุณทำงานนี้ให้เสร็จ เรื่องอื่นเดี๋ยวผมจัดการเอง”

“ฉันจะเชื่อใจคุณค่ะที่รัก”

ผมได้แต่ยิ้มมุมปาก หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบเล็กน้อย นึกถึงภาพที่คนบ้านนั้นไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน ธุรกิจที่เคยเป็นเจ้าของกลับต้องกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายเล็ก ไม่มีสิทธิ์มีเสียงใดๆ แค่คิดก็สะใจแทบบ้าแล้ว

*-*-*-*-*-*-*-*

หลายวันต่อมาอรจิราทำงานให้ผมได้สำเร็จ เธอเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับโฉนดที่ดิน จากนั้นเราทั้งสองก็ได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ผมจ่ายเงินให้เธอจำนวนหนึ่ง ซึ่งมากพอที่จะทำให้เธอใช้ชีวิตได้อย่างสบายๆ ไปทั้งชาติ

ตอนนี้ผมได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนั้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว โดยที่คนในบ้านหลังนั้นยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังจะโดนเฉดหัวออกไปในเร็ววัน

“เตี่ยครับในที่สุดผมก็ทำได้แล้ว ผมทำให้เขาไม่เหลืออะไรแล้ว” ผมเอ่ยกับเตี่ย ขณะที่เรากำลังนั่งดื่มชาอยู่ในศาลาข้างบ่อปลาคาร์ฟภายในสวนหลังบ้าน

“อั๊วดีใจกับลื้อด้วย ในที่สุดลื้อก็จะได้อยู่กับลูกสมใจเสียที”

“เรื่องลูกผมยังกลัวๆ อยู่ครับ ตาหนูจำผมไม่ได้เลย เกรงว่าจะทำให้ตาหนูปรับตัวไม่ได้น่ะสิครับ” ผมห่วงความรู้สึกของลูกมากเหลือเกิน

“ความจริงก็คือความจริง ลื้อคือแม่ของตาหนู ทุกอย่างมันจะต้องถูกเปิดเผย ในวันที่ลื้อย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นอยู่แล้ว ลื้อต้องใจแข็งเข้าไว้ นึกถึงวันที่ผู้ชายคนนั้นพรากตาหนูไปจากอกลื้อสิ มันเจ็บปวดมากแค่ไหน ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำให้อีเจ็บปวดอย่างที่ลื้อเคยโดนมา”

“แต่ผมเกรงว่าตาหนูจะสับสนน่ะสิครับเตี่ย แล้วเรื่องอรจิราผมเองก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะปฏิเสธเธอยังไงดี หากเธอรู้ความจริงว่าผมเป็นแม่ของตาหนู เธอคงจะทำใจยอมรับไม่ได้แน่นอน” นี่คือสิ่งที่ผมยังคิดไม่ตก

“มาถึงขั้นนี้แล้วลื้อจะกลัวอะไร อรจิราเองก็ใช่ว่าจะเป็นผู้หญิงรักนวนสงวนตัวเสียหน่อย ตอนนี้เธอได้เงินจำนวนมากแล้ว มันก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วไม่ใช่เหรอ” เตี่ยเอ่ยกับผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไร้ซึ่งความรู้สึกกังวลใจ ซึ่งต่างจากผมโดยสิ้นเชิง สมแล้วที่เตี่ยเป็นถึงประธานของลูกน้องนับพันคน เรื่องเล็กน้อยอย่างนี้เขาคงไม่เก็บเอามาคิดให้ปวดกบาลอย่างแน่นอน ผมจะต้องตามรอยเตี่ยให้ได้ในสักวัน

“ผมจะพยายามมองข้ามเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ครับ เพราะเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้มันยิ่งใหญ่กว่านี้เป็นร้อยเท่า” ผมเอ่ยกับเตี่ยด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและจริงจัง

“ดีมากลูกชายอั๊วมันต้องได้อย่างนี้สิวะ” เตี่ยยิ้มอย่างภาคภูมิใจในตัวผม

อีกไม่นานหรอกผมจะเดินเข้าไปที่บ้านหลังนั้นในฐานะเจ้าของบ้านคนใหม่ ผมจะเฉดหัวทุกคนในบ้านหลังนั้นออกไปให้หมด คงจะเป็นอะไรที่สะใจน่าดู

*-*-*-*-*-*-*

หลังจากที่ผมจัดการเรื่องซื้อขายหุ้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว วันนี้จึงตั้งใจเอาเอกสารนั้นไปให้พี่ธีดูให้เต็มตา เพื่อทวงตำแหน่งประธานบริษัทจากเขา เดินมาถึงหน้าห้องก็ต้องประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเห็นโต๊ะทำงานที่เคยเป็นของเมษากลับว่างเปล่าไร้ซึ่งเงาของเจ้าหล่อน เข้าใจว่าวันนี้เธอคงจะลางานหรือมีธุระอะไรเทือกนั้น

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

ผมเคาะประตูห้องตามมารยาท ก่อนจะเปิดเข้าไปด้านใน ก็เห็นพี่ธียืนกอดอกมองดูวิวทิวทัศน์ภายนอกห้องผ่านกระจกใสอย่างนิ่งสงบ ปกติแล้วหากได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างนี้ เขามักจะจ้องมองมาดูว่าเป็นใครทุกครั้ง

“สมใจอยากคุณแล้วสินะ” เขาเอ่ยกับผมทั้งที่ยืนหันหลังให้

“เรื่องอะไรกันครับ”

“ก็ทุกเรื่องที่คุณกำลังพยายามทำ ตอนนี้มันสำเร็จไปหมดทุกอย่างแล้วนี่” หรือว่าเขาจะรู้เรื่องแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ดีจะได้ไม่ต้องพูดมากให้เปลืองน้ำลาย

“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมกำลังทำอะไร”

“ก็ผมกำลังจับตาดูคุณอยู่ทุกฝีก้าวยังไงล่ะ” เขาหันกลับมามองหน้าผมด้วยแววตาที่แข็งกร้าว สายตาที่มองมามันเหมือนเมื่อครั้งที่เขาเคยทำร้ายผมไม่ผิดเพี้ยน แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย

“คงรู้เรื่องนี้ด้วยสินะ” ผมยื่นสัญญาซื้อขายหุ้นให้เขาดู เพื่อแสดงให้เขารู้ว่าตอนนี้ ผมมีสิทธิ์นั่งเก้าอี้ประธานบริษัทแทนเขาไปแล้ว

พี่ธีรับไปแล้วก็ขยำทันที ก่อนจะปาเข้าที่ใบหน้าผมอย่างจัง แต่ผมกลับยกยิ้มมุมปากอย่างสะใจ

“รู้ไหมว่าสิ่งที่มึงกำลังทำอยู่ ทำให้มีคนต้องตาย ได้ทุกอย่างไปแล้วก็หยุดซะเถอะวิน” แววตาที่เคยแข็งกร้าว กลับกลายเป็นแววตาที่ซ่อนความปวดร้าวไว้ในพริบตา หรือว่าที่ผ่านมาเขารู้อยู่แล้วว่าผมคือวินตั้งแต่แรก แล้วทำไมถึงได้ยอมทำตามที่ผมแนะนำทุกอย่างเลยล่ะ จนต้องสูญเสียอำนาจในการบริหารงานอย่างนี้

“ใคร! ใครตาย คุณอย่ามาพูดมั่ว ๆ นะ แล้วก็อย่าเรียกผมว่าวินอีกเด็ดขาด” ผมจ้องหน้าเขาอย่างไม่ลดละ

“ก็เมษายังไงล่ะ เธอตายแล้วเพราะเชื่อคำยุแยงของมึงไงล่ะ” เขาตวาดใส่ผมเสียงดัง

“ไม่จริง! เมษาจะตายได้ยังไงกัน หรือว่าคุณฆ่าเธอเหมือนที่เคยฆ่าคนอื่นๆ” ผมหน้าถอดสีทันที เมื่อได้ยินว่าเมษาเสียชีวิตแล้ว แสดงว่าต้องมีใครสักคนที่ฆ่าเธอ และจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่ธีเท่านั้น เขาคงจะฆ่าเมษาเหมือนที่ฆ่ายายจันทร์แน่นอน แล้วครั้งนี้เขาจะใส่ร้ายใครกันล่ะ

“กูไม่ได้ฆ่า คนที่ฆ่าเมษาก็คือ...อร อรจ้างให้คนไปฆ่าเมษาถึงห้องพักยังไงล่ะ” เขาหลบตาผม ไม่กล้าสู้หน้า นั่นทำให้ผมมั่นใจว่าสิ่งที่เขาเอ่ยออกมามันไม่ใช่เรื่องจริงเลย

“ไม่จริง! คุณโกหก คุณนั่นล่ะที่เป็นคนฆ่า เมษาไปอาละวาดที่บ้านคุณแล้วมีเรื่องกับคุณอร คุณเลยฆ่าเธอใช่ไหม แล้วโบ้ยความผิดให้เมียตัวเอง ไอ้เหี้ย! เคยเลวยังไงก็เลวอย่างนั้น” ผมเหลืออดจึงตะโกนใส่หน้าเขา เขาทำกับอรจิราเหมือนที่เคยทำกับผม เพียงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง

“มึงยอมรับแล้วสินะว่าคือไอ้วิน” เขายังคงยืนนิ่ง ไม่ได้เข้ามารุกรานผมแต่อย่างใด

“ใช่! กูคือไอ้วินคนที่มึงเคยพรากลูกไปจากอกกูไง คนที่มึงเคยใส่ร้ายว่าเป็นคนฆ่ายายจันทร์ ทั้งที่ความจริงมึงนั่นล่ะที่เป็นคนทำ กูไม่จำเป็นต้องโกหกอะไรแล้ว เพราะตอนนี้กูได้สิ่งที่กูต้องการทั้งหมดแล้วยังไงล่ะ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทหรือแม้กระทั่งบ้านที่มึงใช้ซุกหัวนอนมาตั้งแต่เกิด” ผมยิ้มมุมปาก ในเมื่อเขามั่นใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าผมคือวิน ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องปิดบังกันอีก จากนี้ไปผมจะเล่นงานเขาทุกวิถีทางให้ตกนรกทั้งเป็นเลยทีเดียว

“บ้าน! หมายความว่าไง” เขาขมวดคิ้วจนเกือบจะชนกัน มองหน้าผมอย่างไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน

คงยังไม่รู้เรื่องนี้สินะ เก่งไม่จริงนี่หว่า...

“มึงเคยทำให้กูเป็นคนไร้บ้าน กลายเป็นคนเร่ร่อนหากินตามข้างถนน กูจะทำให้พวกมึงเป็นอย่างนั้นบ้าง มึงคงยังไม่รู้สินะว่าเมียสุดที่รักของมึง เป็นคนจัดฉากให้แม่ของมึงเซ็นต์โอนกรรมสิทธิ์บ้านหลังนั้นให้เธอ จากนั้นคุณอรก็นำมาขายให้กู อ้อ! อีกอย่างกูจะบอกให้เอาบุญนะ ไม่ใช่แค่มึงหรอกที่มีชู้ แต่คุณอรเองก็มีชู้ มึงจะดูคลิปไหมว่าตอนที่เมียของมึงโดนกูเอาเธอมีความสุขมากแค่ไหน หึๆ” ว่าแล้วผมก็หัวเราะออกมาเบาๆ เพื่อเยาะเย้ยเขาให้เจ็บแสบที่สุด

“ไอ้เหี้ยวิน!”

ผั๊วะ!

พลั่ก!

ผมโดนต่อยหน้าจนล้มลงนอนราบกับพื้น จากนั้นพี่ธีก็ลงมาคร่อมตัวผมไว้ ซัดหมัดเข้าที่ใบหน้าผมหลายต่อหลายครั้ง ผมไม่ต่อสู้หรือป้องกันตัวเลยแม้แต่น้อย กลับหัวเราะเสียงดังราวกับคนไร้สติ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ทำร้ายผม เพราะจากนี้ไปผมจะเป็นฝ่ายทำให้เขาเจ็บปวดที่สุดและจำไปจนวันตาย

“พอใจหรือยัง?”

“มึงทำแบบนี้ทำไมวะ!”

“ทำไมงั้นเหรอ? มึงถามมาได้ยังไงกันวะ มึงเคยทำอะไรกับกูไว้บ้างจำไม่ได้รึไง กูจะให้เวลามึงและพ่อกับแม่มึงย้ายออกไปจากบ้านภายในสามวัน ไม่งั้นกูจะให้คนของเตี่ยมาลากตัวมึงออกไป ส่วนลูกมึงไม่ต้องเป็นห่วง เพราะกูได้ส่งคนไปรับที่โรงเรียนเรียบร้อยแล้ว” พูดแล้วผมก็แสยะยิ้มให้เขาอย่างผู้ชนะ

“มึงทำร้ายลูกแบบนั้นไม่ได้นะไอ้วิน ลูกจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามึงเป็นแม่ รู้อย่างนี้แล้วมึงยังจะทำให้ลูกร้องไห้งอแงได้ลงคอเหรอวะ” เขาตะโกนใส่หน้าขณะจับคือเสื้อผมเอาไว้

“กูจำเป็นต้องทำเพราะมึงเป็นคนทำกับกูก่อน ถ้ามึงไม่พรากลูกไปจากกู ไม่ฆ่ายายจันทร์อย่างโหดเหี้ยม ป่านนี้พวกเราคงได้อยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าแล้ว”

“กูก็จำเป็นต้องทำ มึงไม่เข้าใจกูหรอกว่าต้องเก็บอะไรไว้ในใจมากมายแค่ไหน” เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินผมเอ่ยอย่างนั้นออกไป

“ไม่ต้องมาแก้ตัว! มึงมันเป็นคนเห็นแก่ตัว กูจะทำทุกทางเพื่อให้มึงไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต มึงเคยพรากลูกไปจากกู กูเองก็จะพรากลูกไปจากมึงเหมือนกัน” ไม่ใช่ผมไม่สงสารลูก แต่ผมต้องทำเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ที่ผมควรจะได้

“ตั้งแต่เห็นมึงที่บ้านในวันนั้น กูก็มั่นใจว่าเป็นมึง และรู้อยู่แล้วว่ามึงต้องกลับมาแก้แค้นกู กูจะยอมรับความผิดทุกอย่างเอาไว้เพียงคนเดียว กูยอมแกล้งโง่เพื่อให้มึงเอาชนะได้ ถือว่าเป็นการไถ่โทษที่ทำให้ชีวิตมึงต้องพัง ตอนนี้กูสบายใจแล้วที่มึงดูแลตัวเองได้ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่มึงเอาแต่อ่อนแอไม่สู้คน” พี่ธีเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ขอบตาของเขาร้อนผ่าว ไม่นานก็มีน้ำตาไหลลงมาเป็นสาย ผมไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างเขาจะร้องไห้ต่อหน้าผม

คงคิดว่าผมจะใจอ่อนสินะ...ไม่มีทาง

พี่ธีลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปเก็บของบนโต๊ะทำงาน ส่วนผมเองก็ลุกขึ้นนั่ง ใช้หัวแม่มือเช็ดเลือดที่มุมปากออก จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนมองดูการกระทำของเขาอย่างสะใจ

“ในเมื่อมึงมีอำนาจสูงสุดแล้ว กูฝากด้วยละกันทำที่นี่ให้เป็นเหมือนเดิม อย่างที่เคยเป็นมา” เขาเอ่ยด้วยแววตาเศร้า ก่อนจะเดินถือกล่องออกไปจากห้อง

“เดี๋ยวก่อน!”

เขาหยุดชะงัก ก่อนจะหันมามองหน้าผมอย่างไม่สบอารมณ์ “มึงต้องการอะไรอีก”

“เอารูปครอบครัวมึงกลับไปด้วย เพราะถ้ามันยังอยู่ในห้องนี้ กูคงจะเอามันทิ้งลงในถังขยะแน่นอน”

ได้ยินอย่างนั้นพี่ธีก็เดินมาหยิบกรอบรูปบนโต๊ะใส่กล่องไปด้วย

“เรื่องมันยังไม่จบแค่นี้หรอกเตรียมตัวรับกรรมที่มึงเคยก่อไว้ด้วยละกัน หึๆ”

เขาไม่พูดอะไรได้แต่เดินออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ

ห้องนี้เป็นของผมแล้วสินะ ผมยิ้มอย่างผู้ชนะขณะปรายตามองไปรอบห้อง น้ำตาแห่งความตื้นตันดีใจไหลลงมาเป็นทาง นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง ผมยังต้องมีอะไรสะสางอีกเยอะพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องของยายจันทร์ ผมจะหาหลักฐานมามัดตัวพี่ธี ให้เขาไปชดใช้กรรมในคุกให้จงได้

เมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งของพี่ธีแล้ว ผมก็ยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ แต่นั่งยิ้มอยู่ได้ไม่นานก็มีสายโทรเข้ามา เมื่อเห็นชื่อที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอ ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย

“ว่าไงครับคุณอร”

(คุณอี้เฟย ฮือๆ ๆ ช่วยฉันด้วยค่ะ ตอนนี้ฉันโดนตำรวจจับตัวมาที่สน.XXX)

“คุณอรใจเย็นๆ นะครับ เกิดอะไรขึ้น”

(ไอ้คนร้ายที่ตำรวจจับตัวได้ มันใส่ร้ายว่าฉันเป็นคนจ้างวานให้มันไปฆ่านังเมษาค่ะ แต่ฉันไม่ได้ทำนะคะ ฉันโดนใส่ร้าย)

“คุณอรไม่ต้องกลัวนะครับ ผมจะไปประกันตัวคุณเดี๋ยวนี้ล่ะ”

(เร็วๆ นะคะฉันไม่อยากอยู่ในคุกอย่างนี้แล้ว)

“รอผมนะครับเดี๋ยวผมไป”

ขนาดเมียที่เคยอยู่กินด้วยกันมานานหลายปี พี่ธียังทำได้ลงคอ ทำไมจิตใจเขาถึงได้โหดเหี้ยมขนาดนี้ ผมจะไม่มีวันให้เขาทำอย่างนี้กับใครได้อีกแล้ว

หลังจากวางสายอรจิราไปแล้ว ผมก็รีบโทรหาอาหยางทันที เพื่อถามเรื่องลูก

“ฮัลโลอาหยาง”

(ครับคุณอี้เฟย)

“ตอนนี้นายรับลูกฉันมาที่บ้านแล้วใช่ไหม”

(ใช่ครับ)

“แล้วตาหนูงอแงหรือเปล่า”

(ยังครับตอนนี้คุณหนูกำลังสนุกกับการเล่นเกมอยู่ครับ)

“อย่าบอกนะว่านายกำลังเล่นเกมกับตาหนูอยู่”

(เอ่อ...ใช่ครับ)

“ขอบใจนะ นายพยายามถ่วงเวลาอย่าให้ตาหนูงอแง กลับจากสถานีตำรวจแล้วฉันจะรีบกลับทันที”

(เกิดอะไรขึ้นครับ! คุณอี้เฟยเป็นอะไรหรือเปล่า) อาหยางยังคงเป็นห่วงผมไม่เคยเปลี่ยน

“ฉันไม่เป็นไร แต่คุณอรกำลังมีเรื่อง ถึงบ้านแล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้กันนะ”

(ครับคุณอี้เฟย ดูแลตัวเองด้วยนะครับ ผม....เป็นห่วง)

“โอเคฉันจะดูแลตัวเองดีๆ จะไม่ทำให้นายต้องเป็นห่วง”

อย่างน้อยในช่วงเวลาที่เคร่งเครียดอย่างนี้ ยังคงมีกำลังใจเล็กๆ จากอาหยาง ซึ่งเป็นกำลังใจที่ทำให้ผมรู้สึกดีมากเลยทีเดียว เขาไม่เคยทำให้ผมผิดหวังหรือเสียใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เหมือนพี่ธี ซึ่งปฏิบัติกับผมราวกับทาสในเรือนเบี้ยมาตลอดชีวิต ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นพ่อของตาหนูเลยแม้แต่น้อย


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เอาแล้วๆ มันส์ล่ะทีนี้.  :hao3:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
นั่นไง งานงอก

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
วุ่นวายน่าดู.  ลองตามดูเนาะ

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
รอลุ้นกันต่อไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
บทที่ 14

ฆาตกรตัวจริง?



ขับรถมาไม่นานผมก็มาถึงสถานีตำรวจ เมื่อเดินขึ้นไปหาเธอด้านบน ก็พบว่าอรจิรากำลังนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ในห้องขัง เห็นสภาพแล้วอดสงสารเธอไม่ได้

“คุณอรครับผมมาแล้ว”

เมื่ออรจิราได้ยินเสียงผมเอ่ยเรียก เจ้าหล่อนรีบหันขวับมามอง ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เธอลุกขึ้นยืนแล้วพุ่งตัวเข้ามาจับกรงเหล็กห้องขังไว้ เพื่อมาสนทนากับผม

“คุณอี้เฟย คุณอี้เฟยจริงๆ ด้วย”

“ครับผม ผมมารับคุณกลับบ้านแล้ว”

“จริงๆ นะคะ ฉันกลัวที่นี่ ฉันไม่อยากอยู่ในคุกแล้ว ฉันไม่ได้ฆ่าเมษาจริงๆ นะคะ”

“ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ฆ่า เดี๋ยวผมจะไปขอประกันตัวคุณกับร้อยเวร คุณรอที่นี่ก่อนนะ”

“เร็วๆ นะคะฉันอยากออกจากที่นี่เต็มทนแล้ว”

ผมเดินตรงไปหาร้อยเวรที่นั่งอยู่บนโต๊ะเขียนเอกสาร เพื่อขอเจรจาประกันตัวอรจิรา เห็นสภาพอรจิราก็นึกถึงตัวเองเมื่อห้าปีที่แล้ว เธอโดนพี่ธีทำร้ายเหมือนที่ผมเคยโดน ผมจะไม่ปล่อยให้เขาลอยนวลเด็ดขาด

“สวัสดีครับผมจะมาขอประกันตัวคุณอรจิราครับ”

“ไม่ทราบว่าคุณเป็นอะไรกับผู้ต้องหาครับ”

“ผมเป็นเพื่อนครับ”

“เราต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ให้ประกันตัวเธอไม่ได้ เพราะคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ ผู้ตายโดนฆ่าอย่างโหดร้ายทารุณ แถมเธอยังถูกซัดทอดว่าเป็นผู้จ้างวานฆ่าอีกด้วย ทางเราจึงคัดค้านการประกันตัวครับ” ร้อยเวรเอ่ยอย่างนั้นผมก็ยิ่งสงสารเธอเข้าไปใหญ่ ในเมื่อเธอไม่ได้ทำแล้วทำไมถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย

“ถ้าอย่างนั้นผมขอคุยอะไรกับผู้ต้องหา ที่ซัดทอดมาถึงคุณอรจิราได้ไหมครับ” ผมอยากเห็นหน้าคนที่เป็นฆาตกร ผมอยากจะรู้ว่ามันเป็นคนเดียวกันกับที่ฆ่ายายจันทร์ไหม เพราะทั้งสองคดีพี่ธีเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งนั้น

“อืม...ผมให้เวลาคุณห้านาทีเท่านั้นนะครับ”

“ขอบคุณครับ”

จากนั้นคุณตำรวจก็พาผมเดินไปที่ห้องขังอีกห้องหนึ่ง ผมเห็นชายวัยกลางคน รูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาดี เขาไม่เห็นเหมือนฆาตกรฆ่าคนตายเลย แล้วทำไมถึงได้คิดสั้นยอมเป็นทาสคนอย่างพี่ธีอย่างนี้

“นายเหมมีคนอยากจะคุยด้วย”

นายเหมคนนั้นหันหน้ามา ก่อนจะขมวดคิ้วมองผมอย่างตั้งใจ

“แค่ห้านาทีนะครับ” คุณตำรวจบอกผม

“ครับคุณตำรวจ”

เมื่อคุณตำรวจเดินไปแล้วผมก็หันไปสนใจมองเขาคนนั้นอีกครั้ง

“ไอ้วิน!”

ทำไมนายเหมถึงได้รู้จักผมล่ะ ในเมื่อผมไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักเขามาก่อนเลย

“กูไม่ใช่คนที่มึงพูดถึง”

“ไม่ใช่ได้ยังไง กูจำมึงได้แม่น”

“กูจะเป็นใครมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เรื่องที่กูต้องการจะพูดก็คือ ใครเป็นคนสั่งให้มึงใส่ร้ายคุณอร”

“ไม่มี! คุณอรนั่นล่ะที่เป็นคนสั่งให้กูไปฆ่าเมษา”

“ไม่จริงคุณอรไม่ได้ทำ มึงอย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังก็คือคุณธีภพ”

“ก็บอกว่าไม่ใช่ยังไงวะ! คุณอรเป็นคนสั่งกูจริงๆ” เขาเริ่มหงุดหงิดกับสิ่งที่ผมพยายามยัดเยียดให้

“ยังไงซะ กูก็ไม่ยอมให้มึงมาทำลายชีวิตคนอื่นอย่างนี้หรอก อย่าคิดนะว่าทำแบบนี้แล้วเรื่องมันจะจบ เพราะถึงยังไงเวรกรรมมันก็มีจริง ไม่ช้าก็เร็วกรรมมันจะต้องสนอง”

“อ้าวเหรอ! แล้วที่กูเคยฆ่าผู้หญิงแก่ๆ คนหนึ่งแล้วใส่ร้ายมึง ทำไมคดีนั้นคนที่ยังเป็นผู้ต้องหาอยู่ก็คือมึงล่ะวะ”

ผมพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลลงมา กำมือจนสั่นแทบจะเป็นบ้า เมื่อเห็นฆาตกรที่ฆ่ายายจันทร์อยู่ตรงหน้านี้แล้ว ผมอยากจะฆ่ามันให้ตายลงตรงหน้านี้เสียเหลือเกิน แต่คนอย่างมันจะต้องตายทั้งเป็น ผมจะทำทุกวิถีทางให้มันเจ็บปวดยิ่งกว่า

“ไอ้สารเลว! มึงสินะที่เป็นคนฆ่ายายจันทร์ มึงทำแบบนั้นทำไมวะ” ผมอดรนทนไม่ไหว เอื้อมมือเข้าไปกระชากคอเสื้อมันทันที

“ยอมรับแล้วสินะว่ามึงคือไอ้วิน  กู...ไม่...บอก” มันพูดเน้นคำเยาะเย้ยผม แถมยังหัวเราะออกมาอย่างน่าหมั่นไส้อีกด้วย หากไม่อยู่ในสถานีตำรวจ ผมคงจะฆ่ามันให้ตายลงตรงนี้ไปแล้ว

“กูสัญญาว่าจะทำให้มึงไม่มีวันได้ออกมาจากคุกแน่ และอย่าคิดว่าคนที่มึงปกป้องอยู่จะรอดจากเนื้อมมือกูได้ กูเองนี่ล่ะจะกระชากหน้ากากนายของมึงออกมาเอง…ไอ้เหี้ย”

“ถ้ามึงมีปัญญาก็เชิญ ต่อให้ตายกูก็ไม่มีวันปริปากพูดแน่นอน” มันยังคงทำเป็นปากเก่งต่อหน้าผม คนพวกนี้ขุดสันดานไม่ขึ้นจริงๆ สินะ ทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง

“มึงไม่พูดแต่กูจะทำให้เจ้านายมึงเป็นคนพูดเอง มึงคิดเหรอว่ากูเป็นวินคนเดิมที่อ่อนแอให้คนอื่นกดขี่ข่มเหงเหมือนเดิม ตอนนี้กูมีอำนาจ มีเงิน จะสั่งให้ใครอยู่หรือตายก็ได้ แม้กระทั่งคนอย่างมึงกูจะสั่งเก็บเมื่อไหร่ก็ได้ อย่าทำเป็นดีใจไปนักเลยไอ้ฆาตกร”

“กูจะคอยดูว่าคนอย่างมึงมันจะทำอะไรได้”

“มึงก็คอยดูละกัน”

“กูมั่นใจว่ามึงต้องมีลูกเมีย มีพ่อมีแม่ มันไม่ยากสำหรับกูเลยที่จะตามสืบว่าครอบครัวมึงอยู่ที่ไหน กูจะทำอย่างที่มึงทำกับยายจันทร์ จะทำให้มึงรู้ว่าความเจ็บปวดมันเป็นยังไง”

“มะ....มึงจะทำอะไร” นายเหมเริ่มมีสีหน้าตื่นกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว ใช่สิ! ใครๆ ก็รักคนในครอบครัว อย่างนี้สิเรื่องมันถึงจะสนุก

“กูก็จะทำกับคนในครอบครัวมึงบ้างยังไงล่ะ ถ้ามึงไม่ยอมพูดความจริงกับตำรวจ กูจะเป็นคนทรมานลูกเมียมึงด้วยตัวเอง กูจะให้เวลามึงคิดหนึ่งอาทิตย์ ถ้าเกินนั้นแล้วมึงเตรียมรับข่าวร้ายได้เลย” ว่าแล้วผมก็แสยะยิ้ม มองดูสีหน้าที่ซีดเซียวของนายเหม

“ถ้ามึงทำอย่างนั้นนายกูไม่ปล่อยมึงไว้แน่”

“มึงคิดเหรอว่ากูจะกลัว ตอนนี้นายธีภพไม่สามารถคุ้มกะลาหัวมึงได้แล้วรู้ไว้ด้วย กูปล้นเอาทั้งบ้านและบริษัทมันมาเป็นของกูหมดแล้ว ตอนนี้มันเหลือแต่ตัว ถ้ายังพอมีสมองก็คิดเอาเองนะว่าจะทำยังไง”

“กูน่าจะฆ่ามึงตั้งแต่วันนั้น แต่มึงเสือกหนีออกจากบ้านมาก่อน ไม่งั้นมึงคงได้กลายเป็นศพไปแล้ว ไม่มีโอกาสมายืนขู่กูอยู่อย่างนี้หรอก ไหนๆ ก็จะติดคุกแล้ว กูจะบอกให้เอาบุญว่ากูเป็นเด็กกำพร้าเว้ย ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีเมีย ไม่มีลูก แล้วทีนี้มึงจะไปทรมานใครล่ะวะ เรื่องที่มึงขู่กูก็แค่แกล้งตกใจเล่นไปเท่านั้นเอง หึๆ เป็นไงล่ะสะใจมึงไหม ฮ่าๆ ๆ”

มันพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงกันแน่ มันคิดจะฆ่าผมตั้งแต่อยู่ในบ้านงั้นเหรอ ผมเริ่มงงแล้วสรุปว่าเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่

“รู้อย่างนี้แล้วถึงกับหน้าซีดเลยเหรอวะ”

“ไอ้เหี้ย! อย่าคิดว่าถ้าปิดปากเงียบแล้วจะช่วยนายมึงไว้ได้ เพราะกูไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่นอน”

“ถ้ามึงทำได้กูจะก้มลงกราบตีนมึงเลย เพราะทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่ปากกูเท่านั้น”

“กูอยากจะรู้จังว่าพี่ธีให้เงินมึงเท่าไหร่ ถึงได้ยอมปกป้องเขาขนาดนั้น ถ้ามึงต้องการเงินกูให้ได้มากกว่าพี่ธีเป็นร้อยเท่า”

“เงินมึงซื้อกูไม่ได้หรอก”

“ทำเป็นปากดีไปเถอะ กูจะเป็นคนส่งเจ้านายมึงเข้ามาอยู่ในคุกกับมึงเอง มึงเตรียมตัวก้มกราบตีนกูได้เลย”

ในระหว่างนั้นคุณตำรวจก็เดินเข้ามาเสียก่อน

“หมดเวลาแล้วครับคุณ”

“ครับคุณตำรวจ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”

ก่อนเดินออกมาผมก็ไม่วายส่งสายตาเหี้ยมให้มันอีกครั้ง นายเหมยิ้มเยาะผมอย่างสะใจ มันคงฆ่าคนเป็นว่าเล่น จนไม่มีความเป็นมนุษย์เหลือในตัวแล้ว



ผมออกจากตรงนั้นแล้วก็เดินตรงไปหาอรจิรา เพื่อไปแจ้งข่าวร้ายให้เธอรับรู้

“คุณอรครับ”

เมื่อได้ยินเสียงผมเอ่ยเรียก เธอก็รีบลุกขึ้นมาจับที่กรงเหล็กห้องขังเอาไว้ จ้องมองมาที่ผมอย่างมีความหวัง ยิ้มไม่ยอมหุบเลยทีเดียว

“คุณอี้เฟยฉันจะได้ออกไปแล้วใช่ไหมคะ”

“เอ่อ...ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ช่วยคุณอรออกไปไม่ได้ ตอนนี้ทางตำรวจยังไม่ให้ประกันตัวครับ แต่ผมสัญญาว่าจะหาทางพาตัวคุณออกมาให้ได้เร็วๆ นี้แน่นอน”

ได้ยินอย่างนั้นอรจิราก็ปล่อยโฮออกมาราวกับเด็ก เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารซะเหลือเกิน

“ฮือๆ ๆ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้ ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ทำ” อรจิราร้องไห้เสียงดังระงมไปทั่วทั้งโรงพัก อย่างไม่อายผู้ใด ผมจึงยื่นมือเข้าไปจับมือเธอไว้เพื่อให้กำลังใจ

“คุณอรไม่ต้องกลัว ผมสัญญาว่าจะพาตัวคุณออกไปจากที่นี่ให้ได้อย่างแน่นอน”

“จริงๆ นะคะ ฉันจะรอคุณ ต้องช่วยฉันให้ได้นะคะคุณอี้เฟย”

“ครับผมสัญญา แต่ตอนนี้ผมต้องไปก่อน แล้ววันหลังผมจะมาเยี่ยมใหม่”

“ชีวิตฉันอยู่ในกำมือคุณแล้ว ฉันรักคุณนะคะคุณอี้เฟย”

“ผมก็รักคุณครับ”

ผมยิ้มให้เธอก่อนจะเดินออกมาอย่างเป็นกังวล ตอนนี้เรื่องเข้าใกล้ความจริงขึ้นมาทุกทีแล้วสินะ อย่างน้อยผมก็ได้รู้ตัวคนที่มันฆ่ายายจันทร์แล้ว

ยายจ๋า...ผมจะได้แก้แค้นคืนให้ยายแล้วนะจ๊ะ



ผมรีบบึ่งรถกลับมาที่บ้านพร้อมกับคำถามมากมายที่ยังคงต้องหาคำตอบ ราวกับว่าเพิ่งกลับจากโรงเรียนแล้วต้องมาทำการบ้านต่อซะอย่างนั้น เมื่อเข้ามาในบ้านก็พบว่าตอนนี้ตาหนูได้หลับไปเสียแล้ว สงสัยคงจะเล่นเกมกับอาหยางจนเหนื่อย และเผลอหลับไปสินะ เห็นสภาพตาหนูตอนนี้ก็อดที่จะร้องไห้ไม่ได้ ผมสงสารลูกที่ต้องมาเจอเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจตั้งแต่เด็กจนโต ผมจะทำอย่างไรให้ตาหนูยอมรับในฐานะแม่โดยไม่ต้องใช้วิธีแย่งมาแบบนี้ได้นะ แค่คิดมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ คงมีทางนี้ทางเดียวเท่านั้นให้ผมต้องเลือก

“อาหยาง” ผมพยายามเอ่ยเรียกอาหยางให้เสียงเบาที่สุด

อาหยางได้ยินก็หันมามองผมทันที เขาส่งยิ้มละมุนให้เหมือนทุกครั้ง “คุณอี้เฟย”

“ตาหนูหลับนานหรือยัง”

“ยังครับไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เอง”

“ออ...ถ้าอย่างนั้นนายช่วยอุ้มแกไปนอนบนห้องฉันหน่อยนะ”

“ได้ครับ”

อาหยางรีบอุ้มตาหนูขึ้นในท่าเจ้าสาว แล้วเดินตามผมเข้าไปในห้องนอน

“ขอบใจนะ”

“ไม่เป็นไรครับ คุณหนูน่ารักมากผมใจดีด้วยนะครับที่คุณได้ลูกกลับคืนมา”

“ยังหรอก ตอนนี้ฉันยังมีเรื่องกังวลใจอยู่”

“เรื่องอะไรครับ”

“ฉันกลัวตาหนูจะรับฉันในฐานะแม่ไม่ได้ ฉันกลัวว่าลูกจะเสียใจร้องไห้และเกลียดฉันที่แย่งจากพ่อเขามา” ผมหันไปมองหน้าลูกชายด้วยแววตาเศร้า

อาหยางเห็นอย่างนั้นก็เดินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะสวมกอดผมไว้หลวมๆ เพื่อให้กำลังใจ ราวกับรู้ว่าตอนนี้ผมกำลังต้องการใครสักคนเข้ามาปลอบประโลมใจ กลิ่นกายที่หอมเป็นเอกลักษณ์ของเขาทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก จนต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปวางไว้บนแผ่นหลังของอาหยาง เพื่อตอบรับความหวังดีนั้นไว้อย่างสุดซึ้ง

“ขอบใจนะที่นายอยู่ข้างๆ ฉันอย่างนี้มาตลอด”

“คุณอี้เฟยคือชีวิตของผม ผมให้คุณได้ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิต”

“ฉันไม่มีทางให้นายทำอย่างนั้นเด็ดขาด นายต้องอยู่ข้างๆ ฉันอย่างนี้ไปตลอดนะเข้าใจไหม ช่วงเวลาที่หัวใจฉันมันอ่อนแอ ก็มีนายนี่ล่ะที่ช่วยปลอบประโลมใจฉันให้มันหายดีได้”

“ขอบคุณที่คุณอี้เฟยไม่รังเกียจผมนะครับ ผมจะอยู่ข้างกายคุณอย่างนี้ตลอดไป ผมสัญญา” เขาเอ่ยพลางส่งยิ้มให้

จะผิดไหมถ้าผมต้องการจะจูบเขา จะผิดไหมที่ผมเริ่มจะหวั่นไหวกับผู้ชายที่นิสัยดีๆ อย่างนี้ แต่ทว่าหัวใจของเขากลับมีใครบางคนจับจองไว้แล้ว

“อืมมม”

ในที่สุดริมฝีปากเราทั้งสองคนก็ประกบกันจนได้ ผมไม่รู้ว่าอาหยางไปฝึกความชำนาญเหล่านี้มาจากใคร เขาบดจูบริมฝีปากบางของผมอย่างดูดดื่มและเร่าร้อน ทำให้ร่างกายของผมอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดที่แข็งแกร่งของเขา มือทั้งสองข้างของผมปีนป่ายขึ้นไปรั้งที่ต้นคออาหยางไว้ ส่วนมือหนาทั้งสองข้างของเขาบีบเคล้นที่แก้มก้นงอนของผมไปด้วย

ในห้องที่เงียบสงบ กลับมีเสียงลมหายใจของเราทั้งสองคน ที่มันดังถี่ระรัวราวกับไปวิ่งรอบสนามกีฬามาสักห้ารอบซะอย่างนั้น

เมื่อได้สติแล้วผมก็รีบผละใบหน้าออกมา ก่อนจะหลบตาเขาแล้วเอ่ยอะไรบางอย่าง ที่ทำให้อาหยางถึงกับหน้าเสีย “ยะ...หยุดเถอะอาหยาง เราไม่ควรทำเรื่องอย่างนี้อีกแล้ว”

“ผมขอโทษครับที่ล่วงเกินคุณอี้เฟย ต่อไปนี้ผมจะไม่ทำให้คุณอี้เฟยเสียหายอีกแล้วครับ” เขาเอ่ย สีหน้าของอาหยางบ่งบอกว่ารู้สึกผิดมากแค่ไหน นั่นทำให้ผมเองก็รู้สึกผิดตามไปด้วย

“ฉันสิที่ต้องขอโทษนาย ฉันควรจะเป็นฝ่ายยับยั้งชั่งใจเสียเอง นายไปพักก่อนเถอะพรุ่งนี้เรามีงานใหญ่ที่ต้องทำ”

“ครับคุณอี้เฟย”

อาหยางเดินคอตกออกไปจากห้อง ผมมันเลวเองที่เผลอตัวทำอย่างนั้นออกไป จนอาจจะทำให้อาหยางรู้สึกหวั่นไหว ผมจะไม่มีวันทำอย่างนั้นอีกแล้ว...ไม่มีวัน

ผมเดินไปนั่งบนเตียงข้างลูกชายตัวน้อย คนที่ผมเคยเฝ้าฟูมฟักดูแลตั้งแต่อยู่ในท้อง ตาหนูเป็นเด็กที่หน้าตาน่ารักน่าชังเสียเหลือเกิน จนผมรู้สึกผิดที่แย่งแกมาจากพี่ธี ผมไม่อยากให้ดวงใจของผมต้องเสียใจและร้องไห้ ไม่อยากให้แกต้องมีปมตั้งแต่เด็ก เรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะพี่ธีคนเดียวแท้ๆ หากเขาไม่พรากลูกไปจากอกผม ตาหนูคงต้องไม่เจอกับเรื่องพวกนี้แน่นอน

ผมเกลียดเขา เกลียดเขาที่สุด

พรุ่งนี้แล้วสินะวันที่ผมรอคอย จะได้เข้าไปในบ้านหลังนั้นในฐานะเจ้าของบ้าน ผมอยากเห็นสีหน้าและแววตาของคนที่พ่ายแพ้ซะเหลือเกิน มันคงจะสะใจไม่น้อย...


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :z2: ใกล้แล้วๆ เอาคืนให้สาสม

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ใครหว่า แม่นังธีหรือป่าว  :hao4:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ขอให้รอดนะ อย่าขว้างงูไม่พ้นคอ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สรุปหักมุม เป็นพ่อพี่ธีจ้า จะพีคมาก

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
บทที่ 15

ความเจ็บปวด



ผมต้องลืมตาตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ จากการได้ยินเสียงร้องไห้งอแงของตาหนูดังไม่หยุดหย่อน เจ้าตัวเล็กเอาแต่ร้องเรียกหาพี่ธี ผมพยายามเข้าไปกอดเพื่อปลอบใจแต่ก็รับการปฏิเสธ แต่พอบอกว่าจะพาไปหาพี่ธีที่บ้านเช้านี้แล้ว ตาหนูถึงหยุดร้องและเริ่มเชื่อฟังผมมากขึ้น

“คุณอาสัญญาแล้วนะครับว่าจะพาผมไปหาคุณพ่อ”

“คุณอาสัญญาครับ น้องนนท์ไปทานข้าวกับลุงอาหยางก่อนนะ อีกประเดี๋ยวเราจะเข้าไปหาคุณพ่อที่บ้านกัน”

“ครับคุณอา”

“อาหยางฝากด้วยนะ”

“ครับคุณอี้เฟย”

เราส่งยิ้มให้กันอย่างเขินๆ ภาพเมื่อคืนนี้ยังคงไม่จางหายไปจากความทรงจำเลยแม้แต่น้อย แต่ผมจะพยายามลืมมันให้ได้ เพราะวันนี้มีงานใหญ่มากกว่านั้นที่จะต้องทำ

ผมเดินเข้าไปหาเตี่ยที่กำลังนั่งดื่มชาในศาลาสวนหลังบ้าน ใจจริงผมอยากให้เตี่ยไปที่บ้านหลังนั้นด้วยกัน แต่ก็ไม่อยากให้ท่านต้องไปรับรู้เรื่องบ้าบออะไรพวกนั้น อยากจะแก้ปัญหาด้วยตนเอง แค่ท่านช่วยผมมาจนถึงทุกวันนี้ ก็เป็นบุญคุณเหลือล้นจนไม่สามารถตอบแทนได้หมดในชาตินี้แล้ว

“เตี่ยครับ” ผมเอ่ยเรียกก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้าม

“ลื้อเตรียมตัวพร้อมแล้วใช่ไหม”

“ครับเตี่ยผมพร้อมซะยิ่งกว่าพร้อมแล้ว”

“มาถึงขั้นนี้แล้วอย่าใจอ่อนให้ใครเด็ดขาด นึกถึงสิ่งที่พวกมันทำกับลื้อเข้าไว้ อีกไม่นานทุกอย่างที่ลื้อหวังไว้ก็จะเป็นจริง อั๊วเอาใจช่วย”

“ขอบคุณครับเตี่ย ผมจะเข้มแข็งเข้าไว้ เอาไว้ผมจะมาหาเตี่ยที่นี่บ่อยๆ นะครับ”

“ขอให้ลื้อโชคดี”

ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ลงไปนั่งที่พื้น ก่อนจะกราบแทบเท้าเตี่ยเพื่อขอบคุณสำหรับทุกสิ่งอย่างที่เตี่ยทำให้ผม และเรียกกำลังใจให้ตัวเองเอาฤกษ์เอาชัยในวันนี้อีกด้วย



ผมขับรถพาตาหนูล่วงหน้าไปที่บ้านหลังนั้นก่อน ส่วนอาหยางแวะไปรับป้ากิ่งที่บ่อน ป้ากิ่งเป็นคนที่ผมไว้ใจจึงจะให้มาช่วยดูแลเป็นแม่บ้าน เป็นหูเป็นตาให้ผม นอกจากนั้นเตี่ยยังส่งลูกน้องมาช่วยดูแลความปลอดภัยให้เกือบยี่สิบนาย วางกำลังไว้รอบบ้านก่อนที่พวกผมจะไปถึงเสียด้วยซ้ำ ป่านนี้คนในบ้านคงจะวุ่นวายกันน่าดูสินะ

มาถึงแล้วผมก็ขับรถไปจอดที่หน้าบ้านอย่างถือวิสาวะ ลงรถแล้วก็เดินอ้อมไปเปิดประตูให้กับตาหนูบ้าง ผมสูดอากาศเข้าปอดจนสุดแล้วผ่อนลมหายใจออกอย่างเชื่องช้า เพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ก่อนจะจูงมือลูกชายเข้าไปเผชิญหน้ากับคนบ้านนี้อีกครั้ง ในฐานะนายธาวินและเป็นเจ้าของบ้านคนใหม่อีกด้วย

เข้าไปถึงก็เจอคนพวกนั้นนั่งรออยู่ภายในห้องรับแขก ทุกคนจ้องมองมาที่ผมอย่างไม่สบอารมณ์ ราวกับแค้นเคืองมานานเป็นชาติ เว้นแต่พ่อที่มองผมด้วยความดีใจ ยิ้มอย่างมีความสุข ผมอยากจะให้พ่ออยู่ที่นี่ต่อเหลือเกิน แต่คงทำไม่ได้เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้ทุกคนออกไปจากที่นี่ ไม่ยกเว้นใครแม้แต่คนเดียว

“คุณพ่อ!” เมื่อตาหนูเห็นพี่ธีก็ปล่อยมือผมรีบวิ่งเข้าไปกอดเขา ผมยอมปล่อยลูกไปหาเขาแต่โดยดี

“ไอ้คนเนรคุณ! แกทำอย่างนี้กับคนที่เลี้ยงแกมาตั้งแต่เด็กได้ยังไงกัน” แม่บุญธรรมลุกขึ้นจากโซฟา ชี้หน้าด่าผมเป็นคนเป็นแรก ท่าทางคงจะโมโหหนักมากที่โดนอรจิราหลอก

“ผมเนรคุณตรงไหนครับคุณแม่ คุณแม่เองต่างหากที่เสียท่าให้กับลูกสะใภ้อย่างอรจิรา ผมก็แค่รับซื้อบ้านหลังนี้ต่อเท่านั้นเอง” ผมเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน ยิ้มเยาะอย่างสะใจ

พี่ธีจ้องหน้าผมอย่างเดือดดาล คงจะโกรธที่ผมพูดกับแม่ของเขาอย่างนั้น ก็แล้วแต่ผมไม่แคร์ เพราะตอนนี้มันถึงเวลาของผมแล้ว ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง

“กรี๊ดดด!! ไอ้สารเลว ฉันอุตส่าห์เลี้ยงดูแกมาตั้งแต่เด็ก รู้อย่างนี้ฉันน่าจะปล่อยแกไว้ในบ้านเด็กกำพร้าซะก็ดี จะได้ไม่ต้องโดนแว้งกัดอย่างนี้”

“เลี้ยงดูผมมาอย่างนั้นเหรอครับ คุณไม่เคยรักไม่เคยสนใจผมเลย คุณเลี้ยงดูผมไม่ต่างจากทาส ตบตีทรมานสารพัด อย่างนี้เขาเรียกว่าเลี้ยงอย่างนั้นเหรอครับคุณแม่ ถ้าผมเลือกทางเดินชีวิตเองได้ ผมคงจะอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าเหมือนเดิม มันคงจะดีกว่าต้องมาอยู่ในนรกขุมนี้ ต้องมาโดนลูกชายของคุณข่มขืน ต้องมาเห็นยายจันทร์ตายต่อหน้าต่อตา ต้องโดนพรากลูกไปจากอก ชีวิตผมมันบัดซบเพราะพวกคุณพาผมมาเลี้ยงที่นี่ยังไงล่ะ” ผมตะโกนใส่หน้าพวกเขาอย่างเดือดดาล แต่ทว่ากลับไม่ได้มีน้ำตาหยดลงมาเลยสักเม็ด

“วินใจเย็นๆ นะลูก” พ่อพยายามเกลี้ยกล่อมให้ผมใจเย็นลง แต่มันไม่สำเร็จหรอกเพราะผมไม่เชื่อฟังใครในบ้านหลังนี้อีกแล้ว

“ไม่! ทำไมผมจะต้องใจเย็นด้วยล่ะ ในเมื่อตอนนี้ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนในบ้านหลังนี้แล้ว พ่อนั่นล่ะหยุด เลิกอยู่ใต้กระโปรงผู้หญิงคนนี้แล้ว คนอย่างพ่อเคยกล้าทำอะไรบ้างไหม ผมรู้ว่าพ่อเป็นคนดี แต่ความดีของพ่อไม่สามารถหยุดผมได้หรอก เพราะตอนนี้ผมไม่ได้ใสซื่ออ่อนแอ ปล่อยให้คนพวกนี้มารังแกผมเหมือนเดิมได้อีกแล้ว พ่อไม่เคยเสียคนที่รักไปพ่อไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน”

“ไอ้วิน! มึงจะพูดกับพ่อแบบนั้นไม่ได้” พี่ธีตะโกนมาห้ามผม

“ทำไมจะพูดไม่ได้ กูจะพูด”

“ทำไมพ่อจะไม่เคยเสียคนรักไปล่ะ” พ่อเอ่ยออกมาด้วยแววตาเศร้า ก่อนจะปรายตาไปมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างกัน ราวกับว่าพ่อมีอะไรในใจแต่ไม่กล้าเอ่ยออกมา

“แต่มันคงไม่เหมือนที่ผมโดน พ่อรู้ไหมว่าลูกชายพ่อฆ่ายายจันทร์ของผมอย่างโหดเหี้ยม แถมยังพรากลูกชายมาจากผม พ่อไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน” ว่าแล้วผมก็หันไปมองตาหนูที่อยู่ในอ้อมกอดพี่ธี สายตาที่มองมานั้นทำให้ผมแทบกระอักเลือด ตาหนูแสดงท่าทีกลัวผมมากเหลือเกิน

“ลูกชายฉันไม่ได้ทำเรื่องอย่างนั้น ลูกชายฉันไม่ได้ฆ่าใคร แกนั่นล่ะที่ฆ่ายายตัวเอง”

“ผมจะฆ่าคนที่มีพระคุณกับผมทำไมล่ะ ในเมื่อยายจันทร์ให้ชีวิตใหม่กับผม ชีวิตที่ดีกว่าอยู่ในบ้านหลังนี้เป็นร้อยเท่าพันเท่า”

“ทำไมจะทำไม่ได้ เพราะขนาดพวกฉันที่มีพระคุณกับแกยังทำได้ลงคอเลย” แม่บุญธรรมเบะปากใส่ผม ป่านนี้ยังไม่สำนึกอีก มันคงถึงเวลาที่ผมจะไล่ตะเพิดพวกเขาออกไปแล้วสินะ

“คนอย่างพวกคุณพูดไปก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆ เก็บของออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ”

“ไม่! ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น นี่มันบ้านของฉัน”

“ใช่! มันเคยเป็น แต่ตอนนี้มันเป็นของผมอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว จะดูหลักฐานไหมล่ะ” ว่าแล้วผมก็โยนสัญญาซื้อขายไปจนปลิวลอยกลางอากาศ ก่อนจะตกลงสู่พื้นตรงหน้าแม่บุญธรรมพอดิบพอดี

“พวกกูจะออกไป แต่ลูกต้องไปอยู่กับกู”

“ไม่ได้ลูกต้องอยู่กับกูเท่านั้น น้องนนท์นี่แม่ของหนูเองนะลูก มาหาแม่นะเราจะอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม” ว่าแล้วผมก็รีบเดินตรงไปหาพี่ธีเพื่อแย่งตาหนูมา

“คุณอาไม่ใช่แม่ คุณแม่น้องนนท์คือแม่อร” ได้ยินอย่างนั้นยิ่งทำให้ผมเจ็บปวดเข้าไปใหญ่

“มึงได้ทุกอย่างไปแล้วแต่ลูกต้องอยู่กับกู” พี่ธีกอดลูกชายเอาไว้แน่น ผมพยายามบยื้อแย่งมา จนทำให้ตาหนูตกใจร้องไห้งอแงเสียงดัง แม้จะสงสารจับใจแต่ผมจะไม่มีทางยอมปล่อยลูกไปเด็ดขาด

“อย่ายุ่งกับหลานฉันนะ” แม่บุญธรรมเดินเข้ามาดึงตัวผมออกอีกแรง

ในระหว่างที่พวกเรากำลังทำศึกสงครามแย่งตาหนูกันอยู่นั้น องครักษ์ประจำตัวผมก็มาถึง

“หยุดเดี๋ยวนี้!” อาหยางนั่นเองที่เดินเข้ามาพร้อมกับป้ากิ่ง

ทุกอย่างหยุดชะงัก เพราะอาหยางเล็งปลายกระบอกปืนมาที่พวกเรา แต่ทว่าแม่บุญธรรมที่ดึงคอเสื้อผมอยู่นั้นกลับยืนนิ่ง เบิกตากว้างด้วยความตกใจจ้องเขม็งไปยังป้ากิ่ง

“นังกิ่ง”

“กิ่ง” พ่อเองก็ตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นป้าแก่ง

นั่นยิ่งทำให้ผมยิ่งงเข้าไปใหญ่ ป้ากิ่งรู้จักคนพวกนี้ได้อย่างไรกัน

ผมเบนความสนใจมาที่ป้ากิ่งทันที เธอปล่อยโฮออกมาเมื่อเห็นหน้าพ่อ ราวกับได้เจอคนที่รอคอยมาแสนนานซะอย่างนั้น

“นี่มันอะไรกันครับป้า รู้จักคนพวกนี้ด้วยเหรอ” ผมรีบเดินไปยืนข้างป้ากิ่งก่อนจะเอ่ยถาม ป้าเอาแต่ร้องไห้ ส่ายหน้าไม่ยอมพูดอะไร

“ฮือๆ ป้า..”

“กิ่งเธอยังไม่ตาย เธอยังมีชีวิตอยู่ ฉันดีใจเหลือเกิน” พ่อร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจ

“หยุด! ห้ามเข้าไปหามันอีกเด็ดขาด ฉันไม่ยอมให้คุณกับมันได้อยู่ด้วยกันอีกแน่นอน” แม่บุญธรรมรั้งแขนพ่อไว้ ไม่ให้เข้ามาหาพวกเรา

“ปล่อยผม”

“ไม่ปล่อย! ถ้าคุณไปหามันฉันไม่ปล่อยมันไว้อีกแน่”

“มาถึงตอนนี้แล้ว ทำไมคุณไม่ปล่อยวางอะไรเลย เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วนะ”

“ฉันไม่มีวันลืม ฉันไม่มีวันลืมสิ่งที่คุณกับมันทำกับฉันหรอก”

“นั่นมันเรื่องของคุณ แต่ผมจะไปหาคนที่ผมรัก”

“กรี๊ดดด”

ขณะทั้งสองคนกำลังยื้อแย่งฉุดกระชากกันอยู่นั้น ผมก็หันมาเอ่ยกับป้ากิ่ง

“สรุปว่าป้าคือเมียของพ่องั้นเหรอครับ” ผมพยายามคาดคั้นเอาความจริงจากป้ากิ่ง มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่คนเราจะมาพบเจอกันโดยบังเอิญอย่างนี้

“ใช่ค่ะคุณอี้เฟย ป้าเคยเป็นคนรับใช้ที่บ้านหลังนี้มาก่อน ป้าผิดเองที่ไปมีอะไรกับคุณพงษ์ศักดิ์ เป็นเมียน้อยอีกคนของเขา ฮึก” ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินอย่างนั้น โลกมันช่างกลมเหลือเกิน

“เป็นไปได้ยังไงกัน แล้วทำไมคุณพ่อถึงได้ทิ้งขว้างป้าให้เร่ร่อนข้างถนนอย่างนั้นล่ะครับ” ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าประเด็นเรื่องของป้ากิ่ง กำลังเป็นที่สนใจแทนเรื่องของผมซะงั้น

“คือ...นั่นเป็นเพราะ....” ป้ากิ่งอ้ำอึ้งไม่กล้าพูดออกมา ผมรู้ว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้ แต่ป้าคงจะกลัวใครบางคนที่อยู่ในนี้อย่างแน่นอน

“ป้าบอกผมมาเถอะ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้มันจบๆ ไปทีเดียวเลย”

“ป้าโดนคุณวรรณีตามรังควานและพยายามฆ่าค่ะ แต่ป้ารอดมาได้ เลยต้องกลายเป็นคนเร่ร่อนอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ”

ได้ยินอย่างนั้นผมก็รีบหันขวับไปมองหน้าแม่บุญธรรมทันที เลวทั้งแม่ทั้งลูก คิดจะฆ่าใครก็ฆ่าอย่างนั้นเหรอ มันจะมากไปแล้วนะ

“ป้าไม่ต้องห่วงผมจะแก้แค้นคืนให้ป้าเอง”

ผมจับมือป้ากิ่งเอาไว้เพื่อให้กำลังใจ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับคนพวกนั้นอีกครั้ง

“เลวทั้งแม่ทั้งลูก นี่พวกคุณยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า”

“มึงจะมากไปแล้วนะ มึงกล้าว่าแม่กูอย่างนั้นได้ยังไง” พี่ธีชักสีหน้าใส่ผม แววตาที่แข็งกร้าวนั้นบ่งบอกว่าเขากำลังโมโหมากเหลือเกิน นั่นยิ่งทำให้ผมสะใจที่ทำให้เขาเดือดดาลได้

“แม่มึงไม่ใช่แม่กู”

“ไอ้วิน! กูยอมมึงมากพอแล้วนะ”

“แค่นี้มันยังน้อยไป กับสิ่งที่มึงทำกับกู สิ่งที่แม่มึงทำกับป้ากิ่ง บ้านหลังนี้มันก็มีแต่คนเลวๆ ทั้งนั้นล่ะวะ”

“คุณพ่อครับน้องนนท์กลัว น้องนนท์ไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว ฮือๆ” ตาหนูร้องไห้งอแง กอดพี่ธีอยู่อย่างนั้น ผมได้แต่มองตาละห้อย

ผมไม่อยากให้ลูกเสียใจเลย ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้

“ตาหนูลูกแม่ แม่ขอโทษนะลูก แต่แม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้”

“คุณอาไม่ใช่แม่ คุณอาไม่ใช่แม่น้องนนท์”

“หึๆ ๆ สมน้ำหน้า ฉันจะบอกให้เอาบุญก็ได้ ถ้ารู้สิ่งที่ฉันจะบอกอย่าช็อกตายไปก่อนล่ะ” แม่บุญธรรมยิ้มมุมปาก ขณะควงแขนพ่อเอาไว้แน่น ไม่ยอมให้ไปหาป้ากิ่ง สีหน้าและแววตาของพ่อนั้นบ่งบอกว่ารู้สึกเจ็บปวดมากเหลือเกิน

“ทำไมผมต้องฟังสิ่งคุณจะพูดด้วยล่ะ พวกคุณรีบเก็บของออกไปจากบ้านผมเดี๋ยวนี้ อย่าต้องให้ใช้กำลัง”

“แกไม่อยากรู้เหรอว่าพ่อกับแม่แท้ๆ ของแกเป็นใคร” แม่บุญธรรมยกยิ้มมุมปาก แววตาของเธอช่างแข็งกร้าว ราวกับกำลังจะประกาศชัยชนะต่อหน้าผมซะอย่างนั้น

“อย่ามาหลอกผมซะให้ยากเลย คุณไม่มีทางรู้เพราะผมเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เกิด” ผมไม่มีทางเชื่อว่าเธอจะรู้เรื่องจริงๆ

“คุณรู้งั้นเหรอว่า...” พ่อหันไปมองหน้าแม่บุญธรรมอย่างประหลาดใจ ราวกับโดนอีกฝ่ายล่วงรู้ความลับที่เก็บงำไว้ซะอย่างนั้น

แม้ว่าผมจะไม่เคยคิดตามหาพ่อแม่ที่แท้จริง แต่ลึกๆ ภายในใจมันกลับมีแวบหนึ่งที่คิดเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง จนมาถึงวันนี้ที่ผมได้ยินจากปากแม่บุญธรรม มันกลับทำให้ผมสนใจอยากรู้เรื่องมากเหลือเกิน

“ใช่! ฉันรู้ความจริงว่าคุณหลอกฉันมาตลอด หลอกให้ฉันรับเด็กกำพร้าที่เป็นลูกของคุณกับนังกิ่งมาเลี้ยง คุณทำอย่างนี้ได้ยังไงกัน คุณก็รู้ว่าฉันเกลียดนังกิ่งมากแค่ไหน” แม่บุญธรรมตะโกนใส่หน้าพ่อเสียงดัง

“ผม...ผมขอโทษ” พ่อทำหน้าสำนึกผิด ก่อนจะหันมามองหน้าผม สื่อว่าสิ่งที่แม่บุญธรรมพูดเมื่อสักครู่คือเรื่องจริง

มันไม่จริงใช่ไหม?

เด็กกำพร้าคนนั้นเป็นผมงั้นเหรอ?

ผมเป็นลูกชายแท้ๆ ของพ่องั้นเหรอ?

หญิงเร่ร่อนข้างถนนที่ผมช่วยชีวิตเอาไว้คือแม่แท้ๆ ของผมงั้นเหรอ?

ทำไมทุกอย่างมันถึงได้กลับตาลปัตรอย่างนี้ ผมสับสนไปหมดแล้ว

ผมทรุดตัวนั่งลงกับพื้นน้ำตานองหน้า คนที่ตกใจไม่ต่างจากผมก็คือพี่ธี เราทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยแววตาที่ปวดร้าวและเจ็บปวดเหลือเกิน ผมกับพี่ธีเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันอย่างนั้นเหรอ ผมโดนพี่ชายร่วมสายเลือดข่มขืนจนตั้งท้อง มันเป็นเรื่องอัปยศที่สุดในชีวิตที่เกินจะรับได้ ผมอยากจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอด เกิดมาเป็นคนทั้งทีก็เจอแต่เรื่องเหี้ยๆ ไม่จบไม่สิ้น ผมอยากตาย.....


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด