วายที่5 สิ่งที่เจอ วันที่รอคอยมาถึงแล้ว! ผมกำลังจะไปยกเค้าห้องพี่เฟย์ หลังจากนัดแนะวันเวลากันในเอ็ม แม่ผมสั่งกำชับแล้วกำชับอีกอย่าไปซนทำข้าวของพี่เขาพัง ผมพยักหน้ารับแก้มป่อง ถึงผมจะซุ่มซ่าม แต่ไม่มากขนาดนั้นสักหน่อย
ผมสะพายเป้อันเก่งใบเดิม ด้านในเบาหวิว ใส่แค่มือถือ กุญแจบ้านกับเงิน พื้นที่ที่เหลือเตรียมไปหอบหนังสือเต็มกำลัง เวลานัดคือ 11 โมงที่ BTS สถานีนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่านคอนโดห้องพักระดับหรู ระหว่างรอพี่ชายมาหิ้วกลับห้อง ผมมองนู่นมองนี้ไปเรื่อยเปื่อย
แถวนี้คนอยู่เยอะก็จริง แต่เงียบสงบมาก ส่วนใหญ่คนคงไปกองกันอยู่แถวสยามหมด นอกจากตึกสูงๆแล้ว ยังมีพวกสวนสาธารณะ ต้นไม้ต้นโตๆ ลมพัดเย็นสบาย ถือว่าบรรยากาศดีไม่น้อยเลย
“ถ้ามีสระว่ายน้ำด้วยคงฟินน่าดู”
“คอนโดพี่มีนะ ถ้าเราอยากเล่น วันหลังเอาชุดว่ายน้ำมาด้วยสิ” เสียงทุ้มตอบกลับ ผมหันขวับเห็นพี่ชายในชุดโคตรสบาย เสื้อยืด รองเท้าแตะ กับกางเกงสี่ส่วน เฮียชิวมากเลยครับ
“พี่ จู่ๆโผล่มางี้ตกใจนะ” ตกใจในความหล่อ ปาดน้ำหมาก เอ๊ยน้ำลาย ไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหน คุณพี่ชายยังคงออร่าความหล่อทิ่มแทงตาเช่นเดิม
“เรามัวแต่เหม่อน่ะสิ ป่ะ กลับห้อง จะเที่ยงพอดี เดี๋ยวพี่ทำข้าวเที่ยงให้กิน”
ผมนี่ตาวาวเลยครับ ฝีมือการทำอาหารของเฮียแกอร่อยไม่แพ้เชฟในโรงแรมเลย เผลอๆบางทีอร่อยกว่าด้วยซ้ำ
“ผมขอขนมด้วยน้า” ได้ของคาวต้องตามด้วยของหวาน ผมเกาะแขนมองด้วยสายตาที่คิดว่าออดอ้อนสุดชีวิต เหมือนพี่ชายจะเซไปวูบหนึ่ง มือหนาขยี้หัวผมจนยุ่งหนักกว่าเก่า ปกติมันก็ชี้ไปชี้มาเหมือนเส้นผมทะเลาะกับหวีอยู่แล้ว ไม่ต้องให้พี่มาช่วยยีเพิ่มหรอก
“ฮึ กินให้หมดแล้วกัน” นิ้วยาวดึงจมูกเล็กเบาๆ ผมหันหน้าหนี ร้องเย้ด้วยความเบิกบาน ขนม ขนม ผมไม่ได้ใจง่ายถูกล่อด้วยขนมกับหนังสือวายนะบอกเลย ไม่ได้ร้อนตัวด้วย จริงจริ๊ง
พี่ชายตัวโตเอาเป้เบาหวิวของผมไปสะพายเอง แล้วจูงมือพาผมไปที่คอนโดเจ้าตัว แค่หน้าคอนโดก็หรูแล้ว คอนโดสูงสีขาวสลับเทาเข้ม พื้นสะอาดสะอ้านไร้ขยะ ต้นไม้ร่มรื่นมีแปลงดอกไม้ขนาดเล็กกระจายไปจุดๆให้ความสวยงาม และมีที่นั่งสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ ถ้าไม่ใช่เวลาใกล้เที่ยง ผมคิดว่าคงมีคนมานั่งเล่น ออกกำลังกายแถวนี้แน่นอน อย่างน้อยๆก็คนที่เดินนำหน้าผมนี่แหละ หุ่นดีขนาดนี้ เวลาว่างต้องออกกำลังกายแหง เพราะผมไม่เคยเห็นใครที่อยู่เฉยๆแล้วหุ่นดีได้ ถ้ามีผมจะไปฝากฝังตัวเป็นลูกศิษย์
ประตูกระจกมีคนคอยเปิดปิดประตูให้ พอเข้าไปแอร์เย็นปะทะร่าง รู้สึกเหมือนอยู่คนละโลกกับด้านนอก ตรงหน้าเป็นส่วนรับรอง มีโซฟานุ่มให้นั่งพัก ไม่ไกลนักมีรีเซฟชั่นคอยให้ความสะดวก พนักงานสวมชุดเรียบร้อยยิ้มทักทายพี่เฟย์ เผื่อแผ่มาทางผมด้วย
“น้องคุณเฟย์น่ารักจัง”
“ฮ่าๆ ขอบคุณครับ คุณหนิงอย่าลืมทานข้าวนะครับจะเที่ยงแล้ว”
“ค่า หนิงไม่ลืมหรอกค่ะ จริงด้วย ลูกสาวฝากมาบอก ขนมที่คุณเฟย์ทำอร่อยมากเลย หนิงขอสั่งเพิ่มนะคะ”
“ดีจริง ผมก็กังวลอยู่ว่าน้องจะทานได้มั้ยถ้างั้น เดี๋ยวผมทำมาส่งให้พรุ่งนี้นะครับ”
พี่เฟย์ตอบพนักงานที่ยิ้มรับ ผมเลยก้มหัวให้แล้วตามพี่ชายไป เห็นลิฟท์อยู่สี่ตัวกำลังจะเดินไปทางนั้น กลับโดนมือหนาหิ้วคอซะก่อน แถมยกมาวางข้างตัว พี่ทำเหมือนผมเป็นลูกแมวซนเลยนะแง่ง!
“จะไปไหนน่ะ ลิฟท์ขึ้นอยู่ทางนี้”
“อ้าว... แล้วนั่น ไว้ส่งของเรอะ” ผมชี้ไปทางลิฟท์มีคนกำลังเดินออกมาพอดี
“ลิฟท์ทั่วไปนี้แหละ แต่สำหรับชั้นปกติ ของพี่ต้องไปทางนี้ 5 ชั้นบนเป็นของ VIP”
พี่เฟย์พูดพลางใช้คีย์กาดร์รูดเปิดประตูกระจก ด้านในเจอลิฟท์สองตัว เหมือนกับลิฟท์ปกติด้านนอกทุกอย่างติดแค่มีช่องเสียบการ์ดเพิ่มขึ้นมา และปุ่นกดมีถึงแค่ชั้น 27 เท่านั้น ระหว่างลิฟท์ขึ้นผมเลยถาม
“พี่... เท่าที่ผมจำได้ พี่บอกว่าคอนโดพี่มีทั้งหมด 32 ชั้นใช่ป่ะ แล้วไอ้ 5 ชั้น VIP เนี่ย มันไม่มีปุ่มกดเหรอ?ใช้การ์ดเอา?”
“อ่าฮะ ต้องใช้คีย์การ์ดเท่านั้นถึงจะขึ้นไปได้ แน่นอน หากเหตุฉุกเฉิน จะมีลิฟท์ของพนักงานขึ้นไปถึงชั้น 32 ได้เลยโดยไม่ต้องวุ่นวายกับขั้นตอนพวกนี้”
ผมพยักหน้ารับหงึกหงัก ระบบความปลอดภัยที่นี่สุดยอดจริงๆ คาดว่าราคาคงสุดยอดไม่ต่างกัน ผมขอไม่ถามถึงแล้วกัน ไม่อยากรู้สึกทึ่งไปมากกว่านี้ กระทั่งถึงชั้นบน ออกจากลิฟท์มีเรื่องให้แปลกใจอีกรอบ มองซ้ายมองขวา มีเพียงสองประตู?
พี่ชายเดินไปทางประตูด้านขวา ใช้คีย์การ์ดเปิด กวักมือเรียกผมเข้าไป เป็นทางเล็กมีชั้นวางรองเท้า กับสลิปเปอร์สีขาว พี่ชายใส่สีขาว ส่วนผมเหรอ เหอะๆ สลิปเปอร์อันเล็กลายอุลตร้าแมน เดี๋ยวพี่... พี่เข้าใจผิดอะไรรึเปล่า
“พี่ฮะ ทำไมของผมมันลายเด็กน้อยงี้อะ ไม่มีพวกเรียบๆเหรอ”
ดวงตาคมแต่อบอุ่นก้มลงมองเท้าผมสลับกับเท้าตัวเองแล้วหยิบสลิปเปอร์อีกอันมาให้ผมลองใส่เงียบๆ พอผมลองใส่ดู ชัดเลย นี้มันลูกแอบเอาของพ่อมาใส่เล่นชัดๆ เดินไปถ้าไม่สะดุดหัวทิ่มตายก็ปรมาจารย์สลิปเปอร์แล้ว
“เท้าเราเล็กนิดเดียว อันนี้พี่ซื้อมาใหม่ เพิ่งแกะเมื่อเช้า ลายแมวมันหมด พี่เลยเอาลายนี้มาแทน ไม่ดีเหรอ”
ยังมีการมาถามเสียงนุ่มด้วยรอยยิ้มพี่ชายใจดีชวนละลาย โอเค ยอมก็ได้ ต่อให้เป็นลายสัตว์ประหลาดผมก็ยอม ซึ่งหลังจากนี้ หลังไปห้างกับแม่ ผมจะเลือกซื้อสลิปเปอร์ของตัวเองมาทิ้งไว้ห้องพี่ชายสักคู่...
“พี่ทำอาหารแปบ ตู้หนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น อยากเดินดูตรงไหนก็ได้ตามใจ แค่อย่าโดดลงไปจากระเบียงเป็นพอสงสารคนด้านล่างต้องเก็บกวาด”
“บ้า พูดจาโหดร้าย!” ผมโวยวายใส่ มีเสียงหัวเราะตอบกลับ พร้อมร่างสูงที่เดินเข้าไปในห้องครัว ต้องบอกว่าห้องกว้างมาก เหมือนบ้านขนาดย่อมเลย ผมเดินสำรวจซะทั่ว มีสายตาพี่ชายคอยมองผ่านทางเคาน์เตอร์ที่คั่นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องครัวเป็นระยะ
เห็นแบบนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมมีสองประตู เพราะทั้งชั้นมันมีแค่สองห้องถึงได้กว้างขนาดนี้ มีทุกอย่างครบหมด ห้องนอนสองห้อง ห้องหนึ่งดูเป็นห้องพี่ชายผมไม่กล้าเข้าไปเลยส่องดูแค่ด้านนอก อีกห้องเป็นห้องนอนแขก มีห้องน้ำในตัวทั้งสอง ห้องนั่งเล่นอยู่ตรงกลาง มีชุดโซฟา โต๊ะกระจกหน้าทีวี พื้นปูด้วยพรมนุ่ม ไม่ไกลมีชั้นหนังสือสองตู้ จัดแบ่งประเภทเป็นระเบียบ มีมุมสำหรับนั่งอ่านด้วย
พอเปิดประตูกระจกที่ติดกับห้องนั่งเล่นออกไปจะเจอระเบียงกว้าง มีเก้าอี้เอนหลังกับโต๊ะนั่งรับลมเย็นบนตึกสูง ผมได้ยินเสียงน้ำไหล พอหันไปเจอสวนขนาดเล็ก มองดีๆส่วนใหญ่เป็นพวกผักปลูกไว้กินได้กับน้ำพุเล็กๆ มีรูปปั้นแมวหลายอิริยาบถวางประดับอยู่
ผมตื่นตาตื่นใจสุดๆ และไม่กล้ารื้อกล้าแตะอะไรมาก เพราะพี่เขาจัดทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ได้กลิ่นหอมของขนมอบอวลในห้อง คงเพิ่งทำขนมไปเมื่อเช้า ดูแล้วสมกับเป็นห้องส่วนตัวของผู้ชายที่มีบุคลิคแบบพี่เฟย์จริงๆ
สักพักอาหารก็ทำเสร็จ เป็นกับข้าวแบบง่ายๆแต่หน้าตาหน้ากินสุดๆ พวกเรานั่งทานกันในห้องทานข้าวอยู่ถัดจากห้องครัว ตะกี้ผมมัวแต่สำรวจด้านนอกเลยไม่ได้เข้ามาดูตรงนี้ หลังทานเสร็จผมช่วยพี่ยกจานไปเก็บ ได้เห็นห้องครัวใหญ่ อุปกรณ์ครบครัน มีกระทั่งเตาอบขนม ผมคิดว่าถ้าลดขนาดห้องครัวเท่ากับปกติ คงจะเพิ่มพื้นที่ในห้องไม่น้อยที่สำคัญ สะอาด ไร้คราบน้ำมัน ไม่มีกลิ่นอาหารเพราะมีเครื่องดูดกลิ่นออกไปด้านนอก
แต่พี่เฟย์เป็นคนชอบทำอาหารกับขนม ดังนั้นส่วนนี้จึงเปรียบเสมือนอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าตัว ที่แมวตัวป่วนอย่างผมควรอยู่ให้ห่าง หากไม่อยากทำข้าวของ อุปกรณ์ทำครัวบางตัวที่ราคาเหยียบหมื่นจนถึงหลักแสนพังโดยไม่ตั้งใจ
“เดี๋ยวพี่ล้างเอง ไปรอที่โซฟา เดี๋ยวยกขนมไปให้”
ผมพยักหน้ารับ ล้างมือแล้วย้ายตัวเองไปขลุกอยู่ตรงชั้นหนังสือ ช่วงชั้นบนๆที่ผมเอื้อมไม่ถึง มีแต่พวกหนังสือต่างประเทศกับหนังสือวิชาการ ไอ้พวกที่ผมต้องการน่ะ หึหึ มันอยู่แถวล่างๆ ผมฮัมเพลงหยิบนิยายมาดู พร้อมการ์ตูนมากมาย คงมีแค่ส่วนนี้แหละที่ผมกล้ารื้อ
นิยายกับการ์ตูนหลายเล่มผมอ่านไปแล้ว บางเรื่องเป็นแนวที่พี่ชายชอบแต่ผมไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ สุดท้ายจากนั่งๆเปลี่ยนเป็นนอนอ่านในกองหนังสือ สรวงสวรรค์จริงๆ
“อือหือ รื้อมันเลยนะ เอ้า... ขนม ได้เรื่องที่ถูกใจบ้างรึยัง”
เค้กผลไม้ถูกวางบนโต๊ะหน้าทีวี ผมคั่นหนังสือแล้ววิ่งไปจิ้มเค้กหม่ำทันที
“อร่อยที่สุด หนังสือเจอที่ถูกใจแล้ว แต่ยังไม่พอ ผมต้องรื้ออีก”
“เอาเลยตามสบาย รื้อไปอย่าลืมเก็บเข้าที่ด้วยล่ะ พี่ไปทำเค้กก่อน มีลูกค้าสั่งมา”
“คร้าบ” ผมรับแก้วนมใส่น้ำผึ้งจากพี่ชายมานั่งจิบกินกับเค้ก แสนมีความสุข พี่ชายส่ายหัวด้วยรอยยิ้มเอ็นดู ก่อนกลับไปขลุกในห้องครัวอีกรอบ คิดว่าวันนี้ทั้งวันคงอยู่แต่ในนั้นแหละ ส่วนผม หลังหม่ำเค้กเสร็จ ตามไปป่วนในครัวจนได้สตรอเบอรี่มากินลูกนึง สุขกว่านี้มีอีกไหม ระหว่างนั่นก็อ่านการ์ตูนไป แน่นอนว่าวาย! วายยกเซ็ต พี่เฟย์มีเยอะมาก เยอะกว่าร้านขายบางร้านอีก เก่าใหม่มีหมด อยากยกเค้าไปจริงๆนะเนี่ย
อ่านการ์ตูนจบไปสามเล่ม พอเพิ่งนึกขึ้นได้ ก่อนมาแวะโอนเงินซื้อหนังสือนิยายผ่านตู้ ATM แต่ดันลืมกรอกแบบฟอร์มส่งข้อมูล!
“พี่ฮะๆ มีคอมป่าว ผมขอยืมหน่อย สั่งหนังสือแล้วลืมแจ้งอะ จะหมดเขตแล้วด้วย”
พี่ชายละสายตาจากหน้าเค้กที่กำลังแต่ง มองลูกแมวมาเต้นเร่าๆอยู่ข้างตัว
“พี่มีแต่โน้ตบุ้ค อยู่ในห้องนอนพี่ ไปหยิบมาใช้แล้วกัน สายชาร์จก็อยู่ด้วยกันนั้นแหละ”
ผมวิ่งเปิดประตูเข้าห้องพี่ชาย ดวงตาสอดส่องหาโน๊ตบุ้ค วางเก็บเรียบร้อยอยู่บนโต๊ะ ถ้าเป็นผม คงไม่เรียบร้อยงี้หรอก เครื่องกับสายกองด้วยกันนั่นแหละ ผมยกโน๊ตบุ้คออกมา หนักเหมือนกันแฮะ สายตาดันเหลือบเห็นการ์ตูนอันคัทอยู่ตรงหัวเตียง ปากเล็กยิ้มมีเลศนัย ฮั่นแน่ มีเอามาอ่านเล่นในห้องนอนด้วย ผมเลยแฮ้บไปอ่านซะเลย
จัดแจงเปิดโน้ตบุ้คเสียบสายชาร์จในห้องนั่งเล่น แล้วเข้าไปกรอกแบบฟอร์มจากเว็บที่ตัวเองจดเอาไว้ หลังกดส่งเรียบร้อยค่อยโล่งใจ ที่เหลือก็รอรับหนังสือ ระหว่างนั้นแอบไหลไปเล่นอย่างอื่นต่อ เสิร์ชหาอะไรดูไปเรื่องเปื่อย เช็คนิยายในเน็ตว่าอัพตอนต่อแล้วหรือยัง เรื่องไหนอัพก็หยุดอ่าน จบค่อยไปดูเรื่องอื่นต่อ
เผลอยาวไปอ่านพวกการ์ตูนตามเว็บด้วย จะว่าไป ผมมีอนิเมะที่ดูค้างไว้ มานั่งดูต่อเลยแล้วกัน ระหว่างดูเพลินๆใช้หูฟังโทรศัพท์ตัวเองมาเสียบ จู่ๆ เสียงเอ็มก็เด้งขึ้น ผมชะงักนึกเซ็งเพราะดูแล้วมันติดขัด ลืมไปว่าเอ็มถ้าตั้งค่าไว้เวลาเปิดเครื่องมันจะออนไลน์ให้ทันที
ผมกดดูว่าใครทักมา จะได้บอกพี่ชายถูก เผื่อเป็นเรื่องงานอะไรงี้ พอเห็นชื่อยาวเหยียดใส่อิโมชั่นเยอะแยะจนดูไม่ออกมันจะสื่ออะไร คิ้วผมขมวดมุ่น คงไม่ใช่เรื่องงานแล้วล่ะ ยิ่งไอคอนเคลื่อนไหวโผล่มา ส่งรูปหัวใจเต็มจอแถมเสียงจูบที่เอ็มเพิ่งอัพระบบนี้มาไม่นาน ทำเอาผมสะดุ้ง คุ้นๆว่าผมเคยใช้ไอคอนนี้ปาลูกโป่งน้ำใส่เอ็มเพื่อนนะ
ในใจผมคิด อาจจะเป็นน้องชายของพี่เฟย์ที่เล่าให้ฟังก็ได้ กำลังจะอ้าปากเรียกเจ้าของเครื่อง ข้อความเด้งรัวขึ้นมา ทำให้ผมชะงักอยู่กับที่
☆+o(> ∪<)◇น้องZAZA◇(>∪ <)☆+o : ดีฮะพี่ชาย>3<
☆+o(> ∪<)◇น้องZAZA◇(>∪ <)☆+o : เห็นออนน้องชายคนนี้เลยรีบทักมานะเนี่ย ////
☆+o(> ∪<)◇น้องZAZA◇(>∪ <)☆+o : พี่ฮะ ทำไมเงียบล่ะ T^T
☆+o(> ∪<)◇น้องZAZA◇(>∪ <)☆+o : พี่ตอบหน่อยสิ TT^TT ไม่ตอบน้องชาจะงอนแล้วน้า
☆+o(> ∪<)◇น้องZAZA◇(>∪ <)☆+o : อะลืมไปพี่ไม่ชอบ O_o ไม่งอนก็ได้ ตอบหน่อยสิฮะพี่ชาย Q^Q
น้องชา เหอะๆ ผมจำได้ว่าน้องพี่เฟย์ชื่อโฟมนะ แถมยังเคยคุยด้วยกันบ่อยๆ บางทีประชุมสาย รวมเอ็ม จริงๆผมมีเอ็มโฟมด้วยล่ะ คุยกันถูกคออยู่ หา? อยากเปรียบสีหน้าผมเป็นอิโมชั่นตอนนี้มั้ยครับ ถ้าอยากผมจัดให้
=_=|||…
อะไรของมันวะคร้าบบบบบ นั่นๆ ยังไม่หยุด เด้งรัวๆ ผมอยากถามเหลือเกินว่าต้องการอะไรจากสังคม ใครบอกผมหึง ป๊าว! ไม่มี หึงอะไร ผมกับพี่ชายไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ด้วยความลืมตัว ผมเลยเลื่อนขึ้นไปดูข้อความก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่ มีแต่น้องชานี้แหละที่พิมพ์อยู่ฝ่ายเดียว
ผมส่ายหัว คงจะเป็นพวกเด็กที่มาป่วนพี่เฟย์มั้ง มือกำลังจะคลิกออฟไลน์เอ็ม เสียงเด้งดังขึ้นมาอีก คราวนี้ไม่ใช่แถบของเจ้าน้องชากระพริบสีส้ม
เชรดแม่ม! มันงอกได้ โผล่ออกมาอีกเกือบสิบหน้าต่าง ไล่แต่ละอันเด็กน้อยทั้งนั้นเลย อายุน่าจะพอๆกับผมหมด หรือบางทีมากกว่าน้อยกว่าลดหลั่นกันไป ที่ผมอึ้งไม่ใช่อะไร เปิดหน้าต่างเอ็มที่ชื่อผมโชว์ออฟไลน์อยู่ขึ้นมาเทียบ ข้อความที่พี่เฟย์ตอบแทบไม่ต่างจากเด็กทุกคนเลย รู้สึกตัวเองหน้าชามือเย็นเฉียบ
หนึ่งในจำนวนคนที่ออนไลน์ ผมเห็นโฟมออนอยู่ แต่ไม่ได้ทักมาเหมือนคนอื่นๆ ผมเลยทักไป ลืมไปด้วยซ้ำว่านี้เอ็มของพี่เฟย์
fay_ie : โฟม แง้
F_OA_M สุดหล่อ:หะ! อ่อ ตกใจแทบช็อก ทีแท้ปอนด์นี้เอง เป็นไร วันนี้ไปเที่ยวห้องเฮียไม่ใช่เหรอ หรือโดนแกล้ง
fay_ie :จะบอกว่าโดนก็ใช่ จะไม่โดนก็ถูก ฮือ
F_OA_M สุดหล่อ: ตกลงยังไงแน่ ฮ่าๆ ปอนด์ตลกดี
fay_ie : ไม่ขำนะ อยากกลับบ้านแล้วอะ
F_OA_M สุดหล่อ: เพิ่งบ่ายสามเอง จะกลับแล้วเหรอ ไหนเมื่อวานบอกจะอยู่ถึงห้าโมง
fay_ie : อืม
F_OA_M สุดหล่อ:เอาจริงๆ เป็นอะไร
ผมเงียบมองหน้าจอ ส่วนอันอื่นเหรอ ผมตั้งไม่ว่างเอาไว้ พอใครทักมาจะไม่มีเสีย ลังเลอยู่ว่าจะเล่าให้ฟังดีมั้ยนะ รู้สึกยังไงก็ไม่รู้ อีกฝ่ายเป็นน้องของจำเลยด้วย โจทก์อย่างผมอุทรณ์ได้เหรอ
F_OA_M สุดหล่อ:จะบอกไม่บอก ไม่บอกโทรหาเฮียแล้วนะ
แหงะ เลิกลังเลเลยผม ถ้าไปถามเจ้าตัวแบบนั้น ผมก็แย่น่ะสิ
fay_ie :ยอมบอกแล้วๆ
ผมเล่าทุกอย่างให้โฟมฟัง ลุ้นไปด้วยว่าโฟมจะบอกยังไง ปกติน้องชายทั่วไปต้องพูดเข้าข้างพี่ชายตัวเองอยู่แล้ว แต่นั่นคงใช้ไม่ได้กับพี่น้องบ้านนี้
F_OA_M สุดหล่อ:ปกติเฮียไม่ใช่คนแบบนี้ คงคิดทำอะไรบ้าๆล่ะมั้ง ยิ่งคิดไม่ปกติเหมือนชาวบ้านสักเท่าไหร่ เอางี้สิ ในห้องนั้นเห็นพวกเครื่องครัวใช่มะ หยิบๆเลือกๆมาสักอันแล้วทุ่มลงจากชั้น 28 เลย แถมมีดแถวนั้นปาเข้าหน้าเฮียด้วยก็ได้ ฝากแทงก่อนสักสามแผลนะ บังอาจลากกบของโฟมไปเที่ยวไม่เจอน้องนุ่ง คนเขาอุตส่าห์รอเจอ
fay_ie : เอ่อ... โฟม ใจเย็น
F_OA_M สุดหล่อ: เรื่องนี้เย็นไม่ได้หรอก! มันคือความแค้นของลูกผู้ชาย แฟนนอกใจแบบนี้ยอมให้ไม่ได้เด็ดขาด หรือถ้าไม่หนำใจ ตอนให้เป็ดกินโลด
fay_ie : เอ๊ะ แถวนี้ไม่มีเป็ดอะ นกแทนได้มะ จะบ้าเรอะ! ฉันไม่ได้คบกับพี่เขาสักหน่อย แค่พี่ชายน้องชายเท่านั้น
F_OA_M สุดหล่อ: ฮ่าๆๆ ก็ยังจะเล่นกลับนะ แต่ตอบได้ดารามาก เอาน่า อย่าคิดมาก คงไม่มีอะไรหรอก ถามไปตรงๆ ดีกว่ามาคิดอะไรคนเดียวนะ
พอได้คุยกับโฟม ได้ระบายออกไป อารมณ์แปลกๆตอนแรกเริ่มเบาบางลง ผมถอนหายใจ พิมพ์ขอบคุณโฟมแล้วล้างข้อความที่คุยทั้งหมดทิ้งก่อนปิดเครื่อง ผมยังไม่กลับบ้านทันที ยังอยู่เล่นต่ออีกสักพัก นอนกลิ้งอ่านหนังสือที่ไม่รู้เรื่องเลยสักนิด วนซ้ำแถวเดิมเป็นรอบที่สิบสรุป ถือไว้เฉยๆไม่ได้อ่าน
ผมหลับตา นึกถึงความจริง พี่เฟย์เป็นคนใจดีกับทุกคน ไม่แปลกที่ผมจะได้เทียบเท่ากับคนอื่น ผมหวังอะไรอยู่ อยากให้พี่คุยกับผมแบบพิเศษกว่าคนอื่นเหรอ นั่นมันเห็นแก่ตัวเกินไป ความรู้สึกคนเรามันบังคับไม่ได้ แถมผมเป็นแค่น้องชาย ไม่มีความสำคัญขนาดนั้น ต่อให้เป็นโฟม น้องชายแท้ๆ ยังไม่สามารถบังคับให้พี่ชายตัวเองทำอะไรตามใจชอบได้เลย ไอ้เรื่องที่ผมไม่ชอบใจ ไม่อยากให้พี่คุยกับคนอื่นๆยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ทั้งที่ไม่ควรคิดไปในแง่ลบ สมองผมดันไม่ฟัง นึกไปถึงเรื่องที่ยังไม่เกิด ถ้าหากวันหนึ่งพี่ชายมีคนที่รักขึ้นมาล่ะ ผมคงไม่ได้คุยกับพี่แบบนี้อีก คนเราย่อมให้ความสำคัญกับคนที่รักอยู่แล้ว รู้สึกเจ็บชะมัด เหมือนมีก้อนจุกอยู่ตรงคอ ดวงตาร้อนผ่าว ไม่นานน้ำตาก็ไหลออกมา ไอ้บ้าเอ๊ย ผมดันชอบพี่เขาไปซะแล้ว
หนังสือถูกดึงออกจากมือ คนที่ทำให้ผมร้องไห้ก้มลงมามองด้วยความเป็นห่วงโดยไร้การเสแสร้งใดๆทั้งสิ้น
“ปอนด์ เป็นอะไรไป ทำไมร้องไห้ล่ะหืม?”
เสียงนุ่มกับฝ่ามืออุ่นช่วยซับน้ำตาเบาๆ ผมส่ายหัวแล้วยิ้มให้
“แค่อ่านนิยายอินไปหน่อยอะพี่ เรื่องนี้ดราม่าชะมัด ผมยิ่งอ่อนไหวง่ายกับเรื่องดราม่าด้วย”
คนตัวโตเลิกคิ้วมองหนังสือในมือตัวเอง โกหกชัดๆ หนังสือเรื่องนี้มีแต่เรื่องชวนขำ ไม่มีอะไรส่อไปทางดราม่าแม้แต่นิดเดียว แต่ถ้าเด็กไม่อยากบอก พี่ชายไม่คิดจะเซ้าซี้ให้งอแงหนัก มือหนาดึงรั้งร่างเล็กเข้ามาในอ้อมแขนอุ่น ลูบหลังปลอบเด็กน้อย
“ถ้ามันเศร้าขนาดนั้นก็เลิกอ่านเถอะ ไปกินขนมกับพี่ดีกว่า ไอ้ที่กินเข้าไปเริ่มย่อยแล้วใช่มั้ย มีไอติมด้วยนะ”
“ดีเลย ผมไปล้างหน้าแปบ พี่ห้ามกินของผมหมดนะ”
ร่างเล็กผุดลุกขึ้นวิ่งเข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านนอก พี่ชายมองตาม ไปเตรียมขนมมาให้อย่างที่บอก เด็กน้อยเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่า ใบหน้าเปื้อนน้ำตาแบบนั้นไม่อยากเห็นเลย มันทำให้คนที่ใจแข็งมาตลอด รู้สึกใจอ่อนยวบ ได้แต่เอาของที่อีกฝ่ายชอบมาให้กิน อย่างน้อยๆ สีหน้าตอนได้ทานของอร่อย ย่อมดีกว่าตอนเสียใจแน่ๆ
แต่เขาเป็นผู้ใหญ่ และใจเย็นพอที่จะรอ รอเวลาที่เด็กน้อยถามออกมาเอง...
“มาแล้วววว” เสียงเล็กลากเสียงยาวถลามากินขนมที่วางไว้บนโต๊ะ เฟย์มองภาพนั้นพลางลูบหัวเล็กแบบที่ชอบทำ
ผมคิดในใจระหว่างกินขนม สัมผัสอ่อนโยนนี้ไม่ได้โกหก สีหน้าห่วงใยมาจากใจจริง เท่านี้เพียงพอแล้วรึเปล่านะสำหรับผม คำตอบคือใช่ แต่ลึกๆในใจกลับคัดค้าน ตอนนี้ผมไม่กล้าพอที่จะถามไปตรงๆ นึกขำตัวเองหน่อยๆ กับเรื่องเล็กๆไหงมาดราม่าเป็นตุเป็นตะ ความรักทำให้คนเปลี่ยนไปจริงๆ เป็นสมัยก่อนผมคงไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก
ผมกลับบ้านมาเวลาเดิมที่คิดไว้ พี่ชายจะมาส่ง แต่ผมบอกว่าไม่เป็นไร อ้างว่าเย็นแล้ว ถ้าพี่ชายเสียเวลาไปกลับจะมืดค่ำซะเปล่าๆ เวลานี้รถยิ่งติดๆอยู่ ยื้อสักพักพี่เฟย์ถึงยอม ปล่อยให้ผมกลับเอง แล้วสั่งกำชับว่า มีอะไรให้โทรหาทันที ผมรับคำขึ้นรถกลับบ้าน
ตอนใกล้ถึง แม่โทรมาให้ซื้อของให้พอดี ผมเลยได้เดินตลาดหน้าหมู่บ้านปลดปล่อยอารมณ์ พอแม่เห็นหน้าผมไม่พูดอะไร แต่รับของไปเคาะมะเหงกเข้าหัวผมทีนึง พูดลอยๆคล้ายบ่นใส่ผม
“ทำหน้าเป็นแมวอดปลาทูไปได้ เป็นเด็กเป็นเล็ก คิดอะไรมาก เรื่องวุ่นวายปล่อยให้ผู้ใหญ่เข้าคิดไป เราน่ะแค่ตั้งใจเรียน เป็นเด็กดี กินเยอะๆโตไวๆก็พอแล้ว เอ้า... ยืนเอ๋อทำไม มาช่วยแม่ล้างผักสิ จะกินมั้ยข้าวเย็นเนี่ย”
ผมยืนอึ้ง ก่อนจะหัวเราะแล้วเข้าไปกอดอ้อนหอมแก้มแม่ คนสวยคนนี้ต่อให้ผมไม่พูดอะไร แค่เห็นสีหน้าท่าทางก็เดาออกหมด แม่นยำยิ่งกว่าหมอดูที่ไหน พอผมกวนมากๆเข้า เลยโดนมะเหงกไปอีกที เล่นเอาล้างผักสงบเสงี่ยมเลย
นั่นสินะ เป็นเด็กเป็นเล็กจะคิดมากทำไม ผมไม่ใช่พระเอกหนังซะหน่อย เอาล่ะ หลังกินข้าวฝีมือแม่เพิ่มพลัง ค่อยไปถามให้เคลียร์ ฮุเร่!!
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขออภัยที่หายไปนาน ผมติดภารกิจปั่นฟิค
บันทึกจอมโจรแห่งสุสานขายในงานต้ามู่เดือนสิงหา ถ้าสนใจรายละเอียดสอบถามได้ที่เพจของผมเลยครับ
https://www.facebook.com/SilverFsih?ref=bookmarks