ตอนที่20
“พี่ปอนด์ ผมขอโทษพี่ พอดีผมเป็นไข้เลยไม่ได้มาเรียนเมื่อวาน”ตอนนี้พักกลางวัน ผมกำลังเดินถือจานข้าวตามหลังพี่ปอนด์ต้อยๆ ส่วนพี่ปอนด์ที่ยังโกรธผมอยู่ก็พยายามที่จะเดินถือถ้วยก๋วยเตี๋ยวหนีผม
เมื่อเช้าหลังจากที่พี่ปอนด์ถามผมด้วยความไม่พอใจ ออดบอกเวลาเรียนก็ดังขึ้นช่วยชีวิตผมพอดี แต่ก็กลายเป็นว่าพี่ปอนด์ยิ่งโกรธผมมากกว่าเมื่อเช้าอีก
“อะไรกันสองคนผัวเมีย งอนอะไรกันอีก”พี่ปอนด์เดินมานั่งกับพี่เทม ที่นั่งรออยู่
“ผัวเมีย พ่องมึง ไอ้สัส ขยับไป”พี่ปอนด์ตอกกลับอย่างปกติ ด้วยความไม่พอใจ สอดตัวเข้าไปนั่งที่เกาอี้ ฝั่งเดียวกับพี่เทม ผมเลยต้องมานั่งอีกฝั่ง ก็จะให้ผู้ชายหน้าตาดี สามคนนั่งเบียดกันผมก็เกรงว่ามันไม่ดูไม่ค่อยงาม
“แล้วพวกมึงเป็นอะไรกันอีก สามวันดีสี่วันงอนกัน กูเห็นแล้วจะอ้วก”พี่เทมถึงลุคแกจะดูค่อนข้างผู้ดี แต่ปากแกไม่ผู้ดีตามครับ ด่าเจ็บยิ่งกว่าผู้หญิงในคณะอีก
“แหะๆ”ผมหันไปยิ้มแห้งๆให้พี่เทมอย่างขอความช่วยเหลือ แต่พี่เทมกลับส่ายหน้าเมื่อไม่ได้คำตอบจากที่แกถามก่อนหน้านี้
ผมเลยเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นพี่ปอนด์ที่ก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยวน้ำตกหมูแบบไม่สนใจใยดีผม
“ผมขอโทษพี่ ผมเพิ่งเจอมือถือด้วย เลยไม่รู้ว่ามันแบตหมด”ผมบอก เพราะเมื่อเช้ารับโทรศัพท์มาจากไอ้บอดี้กาดยักษ์นั้น ผมก็ไม่ได้ดูเลยว่ามันปิดเครื่องไว้อยู่ เพิ่งมารู้ก็ตอนที่พี่ปอนด์ด่าเมื่อเช้านั้นแหละ แกบอกว่าโทรหาผมเป็นร้อยครั้งก็ไม่ติดแล้วผมก็ไม่ติดต่อแกเลย ทั้งๆที่บอกไว้ให้ผมโทรหาเมื่อถึงคอนโดแล้ว
ก็วันนั้นมาถึงมันก็เกิดเรื่องขึ้นนี่ครับ จะไปมีเวลาไหนโทรกัน อีกอย่างก็คือผมลืมไปสนิทเลยด้วย แต่ถึงไม่ลืมก็เหอะ คนที่โดนแบบผมคืนนั้นใครจะมีกะจิตกะใจโทรตามที่สั่งกันครับ
“กี่ครั้งแล้วไอ้น่าน มึงทำเหมือนไม่เห็นหัวกู นี่กูยังเป็นพี่มึงอยู่ไหม”พี่ปอนด์เงยหน้าจากชามก๋วยเตี๋ยวมาพูดกับผมอย่างเหลืออด แววตาของแกเต็มไปด้วยความน้อยใจและผิดหวัง ทำเอาผมจุกเหมือนกัน
“ผมขอโทษพี่ ต่อไปจะไม่มีอีก ไม่ว่าผมจะเป็นอะไรทำอะไรอยู่ไหนผมจะบอกพี่ทุกอย่างเลย”ผมบอก
“มึงพูดเองนะ เดี๋ยวเย็นนี้อย่างเพิ่งหนีกลับ กูจะรีดให้หมดตัวเลย ความลับเหี้ยๆของมึง”พี่ปอนด์ใช้ตะเกียบชี้หน้าผมอย่างคาดโทษ
“โห พี่ ผมขอโทษจริงจริ๊ง(เสียงสูง)”ผมพูดพร้อมทำหน้าตาแบบลูกหมาที่กำลังจะขอข้าวกิน แต่ผมไม่ได้จะขอข้าวพี่ปอนด์นะ แค่อยากทำให้แกเห็นใจ
“มึงก็อะไรนักหนา ห่วงเวอร์ไอ้สัส ไอ้น่านมันผู้ชายนะโว้ยใครจะไปทำอะไรมันตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ”พี่เทมช่วยพูดกับพี่ปอนด์ให้ ซึ่งผมก็ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วยรัวๆกับพี่เทม
“ผู้ชายนี่ตัวดีเลย”พี่ปอนด์พึมพำ แต่ผมกับพี่เทมก็ต่างได้ยิน และงงๆกับสิ่งที่พี่ปอนด์พูดตามๆกัน
“พลอย นั่งรอนี่นะ”ผม เงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินชื่อของคนที่ไม่ต้องการจะได้ยินที่สุด และพี่เทมกับพี่ปอนด์ก็หันไปมองด้านหลัง
พลอยบอกกับเพื่อนผู้หญิงกลุ่มของเธอด้วยท่าทางเรียบร้อยตามแบบฉบับที่เธอมักเป็นตอนอยู่มหาลัย พอเพื่อนของเธอเดินไปซื้อข้าวกันหมดเธอก็ จ้องมองกลับมาที่โต๊ะพวกผมอย่างไม่รู้สึกอะไร พี่ปอนด์(หันกลับมากินก๋วยเตี๋ยวต่อแบบไม่สนใจ พี่เทมก็ได้แต่มองมาที่พี่ปอนด์อย่างกังวนหน่อยๆ แล้วลงมือกินข้าวต่อ ส่วนผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกจับผิด ผมไม่รู้ว่าพลอยรู้เรื่องที่ผมถูกไอ้แก่ทำมิดีมิร้ายไหม เมื่อก่อนที่ผมไม่สบายเธอคงอาจคิดว่าผมโดยซ้อมหรือโดนอะไรเทือกๆนั้น แต่ตอนนี้ผมกับรู้สึกว่าเหมือนพลอยจะรู้ว่าผมถูกข่มขืน ตัวผมชาไปหมด ใจมันสั่นๆยังไงไม่รู้ ผมหวังว่าอย่างน้อยๆไอ้แก่มันก็คงไม่เอาเรื่องที่ผมโดนมันจับกดทุกคืนๆไปเป่าประกาศให้ศัตรูหมายเลขหนึ่งของผม อย่างพลอยรู้หรอกนะ
แต่จะว่าไปช่วงนี้มันอยู่กับผมแทบตลอดไม่รู้ว่ามันยังติดต่อกับพลอยอีกไหม
ไม่รู้ว่ามันยังขึ้นเตียงกับเธออีกไหม แค่คิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ใจผมก็รู้สึกแน่นไปหมด
สถานการณ์ที่ไม่ชัดเจอของผมกับไอ้แก่ตอนนี้มันทำให้ผมกังวลทุกอย่างรอบตัวจริงๆ
“แดก มึงจะจ้องอะไรหนักหนา”พี่ปอนด์เลื่อนจากข้าวของผมมาตรงหน้าก่อนที่แกจะตักเอาลูกชิ้นในก๋วยเตี๋ยวของแกมาให้ผม ผมชอบกินลูกชิ้นที่เขาใส่ก๋วยเตี๋ยวครับแต่ไม่ค่อยชอบกินก๋วยเตี๋ยวเท่าไหร่ คือเวลาสั่งก็จะสั่งเกาเหลาลูกชิ้น แล้วมาตักกินแค่ลูกชิ้นแค่กับข้าวแค่นั้น ผมลงมือกลับมากินข้าวต่อไม่ได้สนใจพลอยอีก กินเสร็จก็ขึ้นเรียนกันเลย
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเรียนภาคเรียนนี้ อาทิตย์หน้าจะเริ่มสอบ และส่งงาน โชคยังดีที่อย่างน้อยๆเวลาเรียนผมก็ยังเซฟอยู่ แต่เซฟแบบคาบเส้นเลยครับ ขาดอีกครั้งผมคงหมดสิทธิ์สอบแล้วถ้าเกิดเป็นแบบนั้นผมได้ฆ่าไอ้แก่จริงๆแน่ งานกลุ่มก็ส่งเกือบหมดแล้ว ต้องยกความดีให้เพื่อนผมเลย ที่มันไม่ด่าที่ผมไม่ค่อยได้ช่วยงานเท่าไหร่ แต่ถึงผมไม่ค่อยทำงานแต่ผมก็พรีเซนต์แทนซึ่งพวกมันเลยหยวนๆให้ผม ตอนนี้ก็เหลือแค่งานเดี่ยว3ชิ้นกับอ่านหนังสือเตรียมสอบอาทิตย์หน้า
“จะสอบแล้ว จะมาให้กูติวให้ไหม”เลิกเรียนผมกับพี่ปอนด์ที่เลิกพร้อมกันก็เดินมาเจอกันที่บันไดพอดี พี่ปอนด์ที่ตอนนี้ไม่โกรธผมแล้วก็ถามไถ่ตามภาษาพี่รหัสแสนดี
“.....”ปกติทุกเทอมผมจะไปสิงอยู่กับพี่ปอนด์ไม่ก็กับเพื่อนเพื่ออ่านหนังสือกัน แต่ปีนี้ผมที่ต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมของไอ้แก่ เลยไม่รู้ว่าจะเอาไงดี จะตัดสินใจเองก็กลัวจะซ้ำรอยเดิมอีก
“ขอเขามาหากูได้ไหม”พี่ปอนด์ที่เห็นผมไม่ตอบก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง ผมตกใจหันมองหน้าพี่ปอนด์แทบจะทันที ใบหน้าของพี่ปอนด์เรียบนิ่ง แต่แววตาของพี่ปอนด์กลับเต็มไปด้วยความเจ้บปวดที่ผมรู้สึกได้
“พี่หมายความว่าไง”ผมหยุดเดิน ถามพี่ปอนด์อย่างกังวน ผมรู้ว่าพี่ปอนด์รู้ว่าผมรู้จักไอ้แก่ และในสายตาของพี่ปอนด์คงรู้ว่ามันไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่ที่ผมไม่รู้ก็คือพี่ปอนด์รู้อะไรมากกว่าที่ผมคิดว่าพี่ปอนด์รู้หรือเปล่า
“เปล่า กูก็แค่เห็นช่วงนี้มึงดูติดเขา กูเลยถามดู ไม่มีอะไร”พี่ปอนด์บอกปัดเดินหนีผมไป
ผมเดินลงมาชั้นล่างมองดูนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้ 5โมงเย็นแล้ว เลยทำให้ผมอดสอดสายตาหาคนที่บอกว่าจะมารับไม่ได้
“ไอ้น่าน อ่านหนังสือไหนมึง กับพี่ปอนด์?”ไอ้แชมป์เดินมาจากทางไหนไม่รู้ เดินมากอดคอผมถามแบบปกติที่มันชอบทำ
“กูยังไม่รู้ว่า เดี๋ยวดูก่อน”ผมบอก ตาก็ยังมองหารถไอ้แก่ไป
“อ่านกับพวกไอ้จ๋าป่ะ เห็นบอกไอ้มิ่งมันจะมาช่วยเกร็งข้อสอบให้”ไอ้แชมป์บอก
“ไม่แน่ใจว่ะ กูขอดูก่อนช่วงนี้งานเยอะด้วย”ผมหันไปบอกไอ้แชมป์
“งานอะไรของมึง งานเดี่ยวหรืองานอะไร”ไอ้แชมป์เลิกคิ้วอย่างสงสัย
“งานพาร์ไทม์ที่กูทำนี่แหละ ช่วงนี้งานเร่ง กูเลยต้องรีบช่วยเขา”ผมโกหก เพราะไม่อยากถูกคาดคั้นไปมากกว่านี้
“อ่อ เออๆ ยังไงก็โทรมานะมึง กูจะได้จองที่ให้”ไอ้แชมป์บอก ก่อนจะขอตัวกลับหอเพราะความง่วง ผมตัดสินใจโทรหาไอ้แก่แต่รอจนสายตัดมันก็ไม่รับ แล้วพี่ปอนด์ก็เดินมาหาหลังจากพี่แกไปเข้าห้องน้ำ ผมเลยเลิกโทร
“เอาไง กลับยังไงกูไปส่งไหม”พี่ปอนด์ถาม
“เอ่อ คือผม...”ผมไม่รู้จะพูดยังไง จะบอกพี่ปอนด์ไปตรงๆว่าต้องรอไอ้แก่มารับ ก็ไม่กล้า แต่ถ้าจะให้พี่ปอนด์ไปส่ง ผมโดนน่วมแน่
“เอ่อๆ แล้วแต่มึง กูกลับล่ะ”พี่ปอนด์พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนน้อยใจ ก่อนที่แกจะรีบเดินหนีไปโดยที่ผมไม่มีโอกาสได้แก้ตัว
ผมคิดว่าถึงเวลาที่พูดกับการเกี่ยวกับเรื่องของผม แต่คงไม่เล่าทุกอย่าง แต่ก็ควรบอกแก เพราะถ้าผมต้องมาวางตัวกับพี่ปอนด์ที่เป็นพี่ที่ผมสนิทที่สุดลำบากแบบนี้ สักวันผมคงต้องถูกทิ้งให้อยู่ตัวคนเดียวแน่
แต่จะบอกยังไงให้พี่ปอนด์เข้าใจและแกไม่มองผมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิมกัน
ก่อนที่ผมจะจิตตกไปมากกว่านี้ ไอ้แก่ก็โทรกลับมา มันบอกอีก5นาทีถึงให้ผมมารอที่หน้าคณะเลย จริงผมอยากบอกให้มันจอดหน้ามอ เดี๋ยวผมรีบวิ่งไป แต่มันก็ตัดสายก่อน จนสุดท้ายผมก็เดินมานั่งที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้หน้าคณะ ตอนนี้มีนักศึกษาน้อยกว่าทุกวัน เพราะส่วนใหญ่ต้องรีบไปอ่านหนังสือ ไม่ก็รีบปั่นงานส่ง ช่วงที่ผมนั่งรอเพื่อนหลายคนเดินมาทักแต่ผมก็แค่บอกว่า รอคนรู้จักมารับแค่นั้นแล้วก็รีบบอกปัดๆไป
ลมเย็นๆช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ทำให้ผมผ่อนคายขึ้นมาบ้าง นั่งมองผู้คนจำนวนมากที่เดินอยู่ไกลๆ คิดเรื่องต่างๆและหาทางแก้ไข
รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงบีบแตรรถของไอ้แก่ ผมเลยรีบลุกเดินไปขึ้นรถอย่างไว ไม่ใช่เพราะกลัวมันรอ แต่ผมไม่อยากให้คนอื่นเห็นผมขึ้นรถสปอร์ตคันล่ะหลาย10ล้านแบบนี้
พอขึ้นมาบนรถเสร็จ ไอ้แก่ก็ออกรถแทบจะทันที แต่ระหว่างที่รถกำลังเคลื่อนออกจากตัวคณะ ผมก็บังเอิญเห็นพลอยที่ยืนกอดชีทเรียนเหมือนมองมาที่รถคันที่ผมนั่งด้วยสายตาที่ทำผมกลัวขึ้นมา
“เป็นอะไร”ไอ้แก่คงเห็นสีหน้าของผมที่ผิดปกติมัยเลยทักขึ้นมา
“เปล่า”ผมบอกปัดแล้วหันกลับมานั่งดีๆ พยายามไม่สนใจเรื่องเมื่อกี้ แค่เรื่องผมกับไอ้แก่ตอนนี้ก็เดินพอ ไหนจะเรื่องพี่ปอนด์อีก ถ้าผมต้องกังวลเรื่องพลอยอีกคนผมคงสติแตกแน่นอน
“สอบวันไหน”ตอนนี้รถกำลังติดไฟแดงที่ขึ้นเลขถอยหลัง3หลัก ตลอดทางระหว่างผมกับมันไม่ได้พูดคุยอะไรกันจนตอนนี้จู่ๆมันก็ถามขึ้นมา ผมหันไปมองมันเลิกคิ้วอย่างสงสัย ไม่ได้สงสัยสิ่งที่มันถาม แต่สงสัยว่าทำไมมันถามต่างหาก ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะสนใจ แต่จู่ๆก็เกิดถามขึ้นมา
“อะไร”เพราะผมไม่ตอบคำถาม แต่กลับจ้องหน้ามันแทน มันเลยหันมาถามกลับอีกครั้งอย่างเริ่มรำคราญ
“จันทร์หน้า”ผมตอบ เลือกที่จะหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกมส์ เพราะเริ่มรู้สึกแปลกๆ ผมไม่ชินกับสิ่งที่มันกำลังเป็นตอนนี้
“........”มันไม่ตอบอะไรกลับมา ยังคงจดจ่อที่ไฟจราจรที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร
“กูต้องไปอ่านหนังสือ”ผมเลยได้โอกาสบอกเรื่องที่ผมต้องเตรียมตัวสอบ
“.......”มันหันมามองผมแบบแค่มอง ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร แล้วหันกลับไปมองถนนต่อ
“กับเพื่อนกู”ผมบอกอีกครั้งเป็นเชิงให้มันรู้ว่าผมจะต้องไปอ่านกับเพื่อน ไม่ใช่อ่านแค่ที่คอนโด หรือที่บ้านของมัน
“อ่านที่บ้านก็ได้”มับบอกพร้อมกับที่สันญาณไฟจราจรเปลี่ยนสีพอดี มันเลยออกรถ
“มันไม่ใช่แค่อ่าน แต่มันต้องให้เพื่อนติวด้วย”ผมบอกตอนนี้เลิกเล่นเกมส์แล้วหันมาคุยกับมันอย่างจริงจัง ไอ้แก่ทำหน้าเหมือนไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้แดงออกมามากมายเหมือนเมื่อก่อน แค่ขมวดคิ้วแค่นั้น
“แค่เพื่อนใช่ไหมที่จะติวให้”มันหันมาทำก่อนจะหันไปมองถนนต่อ
“พี่ปอนด์ด้วย”ผมบอกเสียงเบาเหมือนกลัวมันไม่ยอมให้ไป แต่ก็ไม่กล้าที่จะโกหกมันอีกหลังจากเรื่องครั้งก่อนผมก็ไม่มีความคิดที่จะโกหกมันอีกเลย
มันตีหน้านิ่งทันทีที่ได้ยินชื่อพี่ปอนด์ ไม่รู้มันไม่ชอบอะไรพี่ปอนด์นักหนา ผมก็ไม่เคยเห็นพี่ปอนด์จะไปทำอะไรให้มันเลย ทีกับพี่เทมหรือไอ้แชมป์ไม่เห็นมันทำหน้าแบบนี้ใส่เลยเวลาผมพูดถึง ผมลอบมองมันอย่างกล้าๆกลัวๆ เอาจริงๆถ้ามันบอกห้ามผมก็คงไม่ให้พี่ปอนด์ติวให้ เพราะไม่อยากมีปัญหาช่วงสอบ แต่ก็อีกนั้นแหละถ้ามันไม่ยอมจริงๆผมก็ต้องมาเครียดเรื่องบอกพี่ปอนด์อีก ไม่ว่าจะทางไหนผมก็ต้องเจอปัญหากับใครสักคนอยู่ดี
“จะไปรับส่งทุกวัน”มันหันมาบอก เป็นเชิงว่า อนุญาตแต่ต้องให้มันไปรับไปส่งทุกวัน
“อืม”ผมตอบรับ แค่นี้ก็ดีสุดๆแล้วถ้าขืนผมเรื่องมากกว่านี้ผมคงต้องโดนขังให้อ่านคนเดียวในห้องแน่นอน
ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงบ้าน พอรถเลี้ยวเข้ามา ผมก็เห็นจงชิงกำลังนั่งอยู่ที่บันไดหน้าบ้าน แขนสั้นเท้าคางเหมือนกำลังรออะไรบ้างอย่าง พอเห็นรถเจ้าตัวก็ดีดตัวลุกขึ้นแล้วเหมือนกันไปตะโกนบอกฉิงฉิงไม่นานฉิงฉิงก็วิ่งออกมา ทั้งสองคนเลยยืนคอยรถจอดนิ่งๆ
“อุ้ก!”พอผมเปิดประตูรถลงมา จงชิงก็วิ่งเข้ามาใส่ผมอย่างแรง เรียกว่ากระโดดใส่เลยมากกว่า ผมเกือบรับไว้ไม่ทัน พออุ้มจงชิงดีๆเจ้าตัวก็ทำหน้างอใส่ทันที ทำเอาผมงงไปหมด กระโดดหาเหมือนดีใจแต่กับทำหน้างอใส่ซะอย่างนั้น ลืมบอกไปจงชิงเป็นผู้ชายนะครับ ผมรู้เมื่อวานตอนพาไปเข้าห้องน้ำ ยอมรับเลยว่าตกใจ เพราะจงชิงหน้าหวานมาก หน้าเหมือนกับฉิงฉิงเลย ผมก็เลยคิดว่าเป็นผู้หญิงซ่ะอีก ดูจากขนาดตัวแล้วก็พอๆกันแต่ฉิงฉิงเหมือนจะสูงกว่านิดหน่อย เลยไม่แน่ใจว่าเป็นพี่น้องหรือฝาแฝดกันแน่
“ช้า!”กลายเป็นฉิงฉิงที่ยืนกอดอกทำหน้าไม่พอใจใส่ผมที่เป็นคนบอกสาเหตุที่ทั้งสองคนหน้างอให้รู้ เรียกร้อยยิ้มของผมขึ้นมาซะอย่างนั้น นี่เป็นรอยยิ้มในรอบ2วันของผมเลยนะครับเนี่ย พวกเด็กๆบ้างครั้งก็กลับน่ารักขึ้นมาซ่ะอย่างนั้น
“หึ”ได้ยินเสียงไอ้แก่หัวเราะในคอ มองมาที่ผมที่กำลังยืนยิ้มเหมือนคนบ้าใส่จงชิงในอ้อมแขน แล้วมันก็เดินเข้าบ้านโดยมีแม่บ้านมารับเสื้อสูทกับกระเป๋าทำงานของมันไป มันเลยเดินไปตามฉิงฉิงที่กอดอกไม่พอใจเข้ามาในบ้าน
“วันนี้พวกคุณหนูนั่งรอหน้าบ้านทั้งวันเลยค่ะ ข้าวกลางวันก็ไม่ยอมทาน”แม่บ้านที่ทำหน้าที่เสริฟข้าวต้มเมื่อวานตอนเย็นบอกพร้อมกับรับกระเป๋าของผมที่สะพายไว้หลวมๆที่ไหล่ไป เพื่อให้ผมได้อุ้มจงชิงถนัดๆ เล่าให้ฟัง
“ไม่ทานเลยหรอครับ”ผมหันไปคุยกับแม่บ้าน พร้อมกับหันมองจงชิงที่ตอนนี้ทำท่าซบอกเหมือนกำลังหนีความผิด
“ค่ะ ทำอย่างไงก็ไม่ยอมทาน พอถามเหตุผลคุณหนูก็พูดภาษาจีนใส่ ป้าฟังไม่เข้าใจค่ะ เลยไม่รู้จะทำไง เธอบอกแบบรู้สึกผิดที่ไม่สามารถทำหน้าที่ให้ดีได้
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณที่มาเล่าให้ฟังยังมีอะไรถ้าไม่กล้าบอกไอ้ เอ้ย บอกคุณช่างอิ่นมาบอกผมก็ได้ครับ”ผมบอกเธอแล้วยิ้มให้เธอรับคำแล้วเดินนำเข้าไปในบ้าน
ที่ผมบอกกับเธอแบบนั้นไม่ได้ต้องการจะบอกเธอรู้ว่าผมมีอภิสิทธิ์หรือมีสิทธิ์อะไรแทนไอ้แก่หรอกนะครับ แต่ผมแค่เห็นว่าในบ้านนี้นอกจากผมกับไอ้แก่ก็แทบไม่มีใครเข้าใกล้เด็กๆสองคนนี้เลย ยิ่งพอบอกว่ามานั่งรอทั้งวันข้าวไม่กินผมยิ่งกังวนถึงจะไม่ใช่ลูกหลานอะไรผม แต่ถ้าลองเป็นคุณได้รู้จักเด็กตัวเล็กขนาดนี้คุณก็คงอดห่วงไม่ได้ ยิ่งเพราะหน้าตาดียิ่งทำให้ผมติดกับอย่างง่ายดาย ทั้งๆที่ปกติไม่ค่อยอยากจะเข้าใกล้เด็กที่อายุต่ำกว่า10ปี แต่กับสองคนนี้ผมกับรู้สึกเหมือนว่าผมจะปล่อยไปแบบไม่สนใจเหมือนเด็กคนอื่นไม่ได้ ทั้งๆที่พอมองเด็กสองคนนี้ผมก็มักจะคิดเรื่องของแม่พวกเขาและมันทำให้ผมรู้สึกแย่ แต่ผมก็กลับเมินเฉยใส่เด็กสองคนนี้ไม่ได้ ตั้งแต่รู้จักไอ้แก่นับวันผมก็ยิ่งเพี้ยนเข้าไปใหญ่
TBC.
กลับมาเเล้ว รอนานไหม 55555