- 2 -ร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ทุกคนรอคอยผู้ถือครองเทพมหาธาตุลงมาจุติล้วนอยู่กันอย่างสันติสุข
แว่นแคว้นนครต่างพึ่งพาอาศัยแบ่งปันทรัพยากร เจือจานแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน
ลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัย บัดนี้ความกระหายอำนาจสนองกิเสส ต้องการสำแดงพลังของตน
ผ่านฤทธานุภาพให้เป็นที่ประจักษ์ ตั้งตนเป็นใหญ่ของราชครูที่สถาปนาตัวเป็นพระปิตุลา
สำเร็จราชการดุจกษัตริย์ ก่อให้เกิดศึกสงครามเดือดร้อนทั่ว เลือดนองผืนแผ่นดินทะเลทราย
ผู้คนต่างหิวโหยอดอยาก แตกแยกเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยกลายเป็นโจรปล้นสะดม ไม่ยอมขึ้นกับใครก็มีหลายกลุ่ม
ทุกหัวระแหงเดือดร้อนแวดล้อมไตรคาน เหลือแต่นครแห่งนี้ที่ยังคงต้านทานได้นานกว่า 6 ปี
โดยยังไม่เพลี้ยงพล้ำขั้นสาหัส เพราะความปรีชากล้าหาญเก่งกาจ เป็นที่ยอมรับของเหล่าพสกนิกร
องค์ชายวายุภักษ์พายุดำแห่งทะเลทราย คือฉายาที่ข้าศึกต่างหวาดหวั่น
แม้อีกฝ่ายจะมีมหาธาตุสามชนิดเป็นกำลังสำคัญ ไม่ว่าวารีธาตุซึ่งจำเป็นต่อผู้คนในดินแดนแห้งแล้งกันดาร
ต้องอาศัยน้ำบริโภคดำรงชีวิต หรืออัคคีเพลิงสุดร้อนแรง ใช้เผาผลาญทำลายล้างทุกสิ่งย่อยยับชั่วพริบตา
พสุธาเดือดสามารถพลิกผืนทรายให้สะเทือนเลือนลั่น ดูดกลืนทุกสรรพสิ่งกลบฝังใต้ผืนทรายอย่างไร้ความปราณี
แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถกรีธาทัพ ฝ่าค่ายกลพายุดำทะเลทราย ซึ่งใช้เป็นแนวป้องกันเขตแดนด่านแรก
เข้ายึดครองนครไตรคานได้สำเร็จ การปะทะเกิดขึ้นนอกกำแพงเมือง สร้างความเดือดร้อนให้ไตรคาน
เป็นเรื่องปกติในภาวะสงคราม โดยเฉพาะเกี่ยวกับเสบียงอาหารรวมถึงน้ำดื่มซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก..
มีค่ายิ่งกว่าอัญมณีเพชรนิลจินดาเสียอีก
น้ำถือเป็นปัจจัยที่พวกเขาหวงแหน เห็นความสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด ในเมื่อมีเพียงโอเอซิส แหล่งน้ำในนครเพียง 4 แห่ง
ไว้หล่อเลี้ยงพสกนิกรทั้งนครที่มีอยู่เรือนแสน แต่เดิมไม่เคยกังวลเรื่องความไม่เพียงพอ เพราะนครใกล้เคียงยังมีการแลกเปลี่ยน
ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไตรคานกำลังโดนบีบ เพราะนครที่ว่ากลายเป็นเมืองใต้อาณัติของเวฬุวรรณจนหมด
แหล่งน้ำที่มีอยู่ในนคร จึงกลายเป็นไม่เพียงพอและเริ่มจะขัดสนขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาใหญ่ยิ่งของพวกเขาตอนนี้
องค์ชายวายุภักษ์สามารถเรียกลมได้ แต่กลับไม่สามารถเรียกฝนนี่สิ ฝ่ายข้าศึกมีวารีธาตุสามารถเรียกน้ำได้ดังใจปรารถนา
ย่อมไม่ขัดสนในเรื่องนี้ พสกนิกรไตรคานจึงใช้น้ำกันอย่างประหยัดเข้าขั้นขัดสนกันไปแล้วตอนนี้
นครที่แตกพ่ายยกธงขาวให้นครเวฬุวรรณ ยอมตกเป็นเบี้ยล่างพระปิตุลากระหายอำนาจ ก็เพราะมีข้อจำกัดเรื่องนี้
ต่อสู้ยืดเยื้อแค่ไหนสุดท้ายก็พ่ายแพ้ไม่มีชิ้นดี เหล่าราชนิกูลสูงศักดิ์ตกเป็นเชลยตัวประกัน เพื่อไม่ให้คิดคดทรยศ
บรรดาองค์หญิงเลอโฉมกลายเป็นนางบำเรอของพระปิตุลา..และองค์ชายธรณิณไปเสียแทบทั้งสิ้น
ส่วนองค์หญิงชลธาร ว่าที่ราชินีก็มีนิสัยแข็งกร้าวหาใช่อ่อนหวานงดงามดั่งรูปโฉม สำคัญโหดเหี้ยมอำมหิต
เห็นการตายดุจผักปลาไม่อนาทรต่อการเข่นฆ่าสังหารแม้แต่น้อย ความโหดเหี้ยมขององค์หญิงเป็นที่โจษจัน
กระนั้นองค์ชายรูปงามนามวายุภักษ์กลับไม่เคยกริ่งเกรง การประจันหน้าของพวกเขา พระองค์เสียเปรียบเพลี้ยงพล้ำบาดเจ็บ
เพราะทานพลังองค์หญิงชลธารและองค์ชายธรณิณไม่ไหว แต่ก็พาตนรอดกับเข้าแนวป้องกันเขตแดน
ซึ่งอาศัยค่ายกลพายุดำทะเลทรายช่วยป้องกันเอาไว้ได้
ไม่มีใครฝ่าด่านพายุดำอันรุนแรง ซึ่งสามารถฉีกกระชากร่างกายผู้คนแหลกเหลวในพริบตา
กอปรกับทัศนียภาพวิสัยทัศน์ในการมองเห็นไม่เอื้ออำนวย บรรยากาศมืดดำฝุ่นทรายปลิวฟุ้งตลบอบอวล
จนไม่สามารถลืมตาอ้าปากหายใจได้ด้วยซ้ำ ล้วนเกิดจากพลังอำนาจเรียกใช้มหาธาตุขององค์วายุภักษ์
นำมาเป็นปราการป้องกันนครไตรคานให้รอดพ้นการบุกยึดของเวฬุวรรณมาได้ยาวนานกว่า 6 ปี
“ข้าภูมิใจที่รับหน้าที่นี้ หาใช่ความลำบากขอรับ” ยุพราชหนุ่มตอบพระอาจารย์ สีหน้าน้ำเสียงห้าวหาญดูไม่ยิ่งหย่อน
“ไม่ผิดหวังที่ข้ารับเจ้าเป็นศิษย์ ว่าแต่มาหาข้าคงไม่ได้แค่ต้องการมาเยี่ยมใช่ไหม..วายุภักษ์”
ไม่มีสิ่งใดรอดการคาดคำนวณของมหาโหรา
“ท่านคาดเดาได้ถูกแล้ว ข้ารู้ว่าท่านออกจากบำเพ็ญศีลตรงมาเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ใช่เป็นความบังเอิญ
เป็นเพราะท่านหยั่งรู้ล่วงหน้าเสด็จพ่อของข้ามีอันตราย ข้าจึงตั้งใจมาขอบคุณ หากไม่มีท่านคงเลวร้ายยิ่งนัก”
การนอบน้อมถ่อมตนของวายุภักษ์ เป็นที่น่าชื่นชม แม้วางองค์ต่อธารกำนัลองอาจผึ่งผาย หยิ่งผยองแลน่าเกรงขาม
แต่สำหรับพระอาจารย์ พระองค์ให้เกียรติดุจบิดามารดาก็ว่าได้
“เจ้ากล่าวไม่ผิด ข้ารู้พ่อของเจ้าตกอยู่ในอันตราย แต่กลับมาช้าไปก้าว ยังดีที่ข้ารู้จักพิษร้ายนี้ จึงสามารถยับยั้งเอาไว้
แต่เจ้าอย่าเพิ่งดีใจ ที่ทุกคนเห็นว่าพ่อเจ้าปลอดภัย แท้จริงพิษยังขจัดไม่หมด พิษเผ่าแมงมุมดำถือว่ายากมีตัวยารักษา
นอกเสียจากเผ่าแมงมุมดำจักเป็นผู้ถอนพิษให้ กรณีพ่อเจ้า..ข้าเพียงประทังไม่ให้พิษลุกลาม แต่ไม่ได้แพร่งพรายให้ผู้ใดล่วงรู้
แม้แต่แม่เจ้าก็เช่นกัน ข้าเกรงจะทำให้พวกเขาตกใจเสียขวัญไปกันใหญ่ ที่พ่อเจ้าไม่ได้สติ เพราะอาการของพิษ
ที่ไม่สามารถขับออกได้ ยกเว้นหาตัวคนร้ายเจอแล้วบังคับให้มันมอบยาถอนให้” คำบอกเล่าของพระอาจารย์
เป็นเรื่องที่องค์ชายวายุภักษ์คาดการณ์ไว้บางส่วน หลังตรวจชีพจรเสด็จพ่อ พระองค์ก็รู้ว่าพิษร้ายไม่ได้ถูกขจัด
เพียงแต่สะกดไว้ไม่ให้ลุกลาม หากยังทิ้งไว้ล้วนอันตรายไม่ต่างกัน
“นอกจากวิธีนี้พอมีทางอื่นอีกหรือไม่ การสืบหาคนร้ายคงต้องใช้เวลาฝีมือพวกมันย่อมไม่ธรรมดา
เช่นนั้นคงไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามาลอบทำร้ายเสด็จพ่อถึงในวัง โดยไม่เป็นที่สังเกต ทั้งที่วังหลวงเข้มงวดกวดขันเพียงนี้
แต่กลับรอดหูรอดตาหน่วยรักษาความปลอดภัยของเราเข้ามาได้” คำกล่าวของยุพราชไม่ผิดจากความจริง
มหาโหราครุ่นคิดหนักอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนเอ่ยออกมาในที่สุด
“หนทางพอมี แต่เจ้าคงลำบากไม่น้อย” พักตร์คมคายเคร่งขรึมสายพระเนตรทอดสบพระอาจารย์
กล่าววาจายืนกรานโดยไม่หวั่นไหว
“ไม่ว่ายังไงข้ายินดีแบกรับความลำบาก เพียงต้องการให้เสด็จพ่อพ้นวิกฤตครั้งนี้..ขอรับท่านอาจารย์”
เมื่อศิษย์แสดงจุดยืนชัด ผู้เฒ่าชราผมขาวโพลนมวยเก็บอย่างเป็นระเบียบ ได้แต่ทอดถอนใจ
แววตาอ่อนโยนจ้องมองพักตร์คมคายด้วยความเอ็นดูปนเห็นใจ แต่ก็จนหนทาง..
“เอาเถอะ..เมื่อเจ้ายืนกรานข้าจักบอกวิธี พลังวายุธาตุสามารถขับพิษร้ายช่วยพ่อเจ้าได้
หลังทำการขับพิษเจ้าจักหมดแรงต้องพักฟื้นราวสามวัน เพราะการใช้วายุธาตุในการขับพิษไม่เหมือนใช้ห้ำหั่นศัตรู
การเดินลมปราณในกระแสเลือด ต้องควบคุมสมาธิไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด มิเช่นนั้นชีพจรพ่อเจ้าจะขาดสะบั้นสิ้นพระชนม์ทันที
ส่วนเจ้าจะถูกธาตุลมย้อนกลับ ช้ำในบาดเจ็บสาหัส เข้าใจถึงผลลัพธ์แล้วใช่ไหม ข้าจึงไม่ใคร่แนะวิธีนี้
ตั้งใจรอสักระยะหากไม่เห็นหนทางอื่น ค่อยบอกต่อเจ้าทีหลัง รอเก็บไว้เป็นทางเลือกสุดท้าย หากเจ้าอ่อนแอไปเสียคน
ไตรคานคงเปราะบางยิ่งนัก”
“ข้าเข้าใจความหวังดีของท่าน แต่เรารอไม่ได้ขืนปล่อยให้ยืดเยื้อ รังแต่ทำให้ร่างกายเสด็จพ่ออ่อนแอทรุดลงไปเรื่อยๆ
หากวิธีนี้เป็นหนทางเดียวที่จะรักษาได้ คงต้องรบกวนท่านคอยคุ้มกันความปลอดภัยให้ข้าใน
ระหว่างที่ข้ากำลังรักษาท่านพ่อขอรับ ถึงแม้ในวังมีองครักษ์ฝีมือดีอยู่มาก หากศัตรูยังแฝงกายอยู่ภายใน
เกรงว่ามันจะฉวยโอกาสนี้ลอบทำร้ายข้า” การแสดงออกด้านสติปัญญาของลูกศิษย์
ได้รับสายตาชื่นชมไม่ปิดบังของมหาโหราเฒ่า สิ่งที่องค์วายุภักษ์กล่าวมาไม่ผิดจากที่คาดไว้
“เจ้าเข้าใจถูกแล้ววายุภักษ์ เป้าหมายแท้จริงคนร้ายคือเจ้าไม่ใช่พ่อของเจ้า พวกมันย่อมรู้วิธีรักษา
คงคำนวณไว้แล้วว่าเจ้าต้องไม่นิ่งดูดาย เมื่อรู้วิธีรักษาย่อมไม่รีรอ พวกมันคอยจังหวะลอบสังหารเจ้าแน่
ข้าคงต้องรับปากอย่างไม่มีทางเลี่ยง ให้ทนเห็นเจ้าตกอยู่ในอันตรายคงไม่ได้เช่นกัน”
รอยยิ้มหล่อผุดบนพักตร์คมหลังฟังวาจาอาจารย์ พระองค์รู้แก่ใจมหาโหราย่อมไม่ทนอยู่นิ่งเฉย
รอดูพระองค์ถูกปองร้ายอย่างแน่นอน
“เช่นนั้นคืนพรุ่งนี้ค่อยดำเนินการ วันนี้ข้ามารบกวนท่านนานแล้ว ไว้พบกันขอรับท่านอาจารย์”
องค์ชายถือโอกาสกล่าวลา เพื่อจะไม่เป็นการรบกวนเวลาพักผ่อนของอาจารย์ผู้เฒ่า
ขณะเดียวกันพระองค์ตั้งใจอาศัยโอกาสนี้ แวะไปยังตำหนักองค์หญิงศศิธร พ้นวันนี้คงไม่มีเวลาแล้วเช่นกัน
ทุกก้าวย่างหนักแน่นมั่นคง บ่ากว้างแบกรับภาระอันหนักหน่วงเอาไว้ไม่เคยปริบ่น
สายตาผู้เฒ่าชรามองตามแผ่นหลังกว้างด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนเปรยขึ้นมาเบาๆ
‘ทนอีกไม่นานหรอก..วายุภักษ์’
วันนี้..โดนหวยกินเรียบ เลยมาอัพนิยายแก้เซ็ง 5555!!
ล้อเล่น..แวบเข้ามาเห็นกระทู้ไปสี่หน้า กำลังใจกับยอดวิวติดตามมาให้พรี่บพรับ
คนเขียนเลยใจแข็งไม่ไว้ เอาสต๊อกมาอัพให้ก่อนวันนัดอีกแล้วค๊าาาา!!
ขืนนิสัยเสียแบบนี้บ่อยๆ มีหวังได้ดองนิยายนานแน่เรา..
เอาเป็นว่า วันพฤหัสจะอัพตอนต่อไปให้นะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจ
และดีใจกับคนที่ได้รับหนังสือ 'สนามรัก..นักบอล' ขอให้มีความสุขกับตอนพิเศษ
ขอบคุณทุกคนอีกครั้งค่ะ