เรื่องนี้เขียนจบมานานแล้ว คิดไว้หลายครั้งแล้วว่าจะเขียนตอนพิเศษมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านสักตอนสองตอน แต่ก็ไม่สบโอกาสสักที (คือองค์ไม่ลงนั่นเองค่ะ ฮา) หลังจากรวมเล่มเรื่องนี้แล้วก็ทิ้งร้างมานาน วันนี้ในที่สุดก็เขียนตอนพิเศษหวานๆ ของทีกับโมเด็มจบแล้วนะคะ จึงเอามาลงให้อ่านค่า หวังว่าเพื่อนๆ จะชอบกันนะคะกับตอนสั้นๆ นี้
+++
คืนนั้น
มีเรื่องยุ่งที่บริษัทตั้งแต่วันศุกร์ ลากยาวมาถึงวันเสาร์ แทนที่จะได้อยู่บ้านนอนกอดคนรักให้สบายใจ กลับต้องมาหน้าดำคร่ำเคร่งกับปัญหาที่ตนไม่ได้ก่อ
จะนัดกันไปทานข้าวหรือดูหนังหรือทำกิจกรรมแบบคู่รักปฏิบัติกันในวันหยุดก็ไม่ได้ ด้วยเนื้องานไม่อาจกำหนดได้ว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด เขาจึงต้องปล่อยให้คนรักเหงาอยู่ที่บ้านคนเดียว
ทัชนทีหัวเสีย เขายอมรับ กระนั้นก็พยายามไม่ระเบิดหรือลงกับลูกน้องในทีม เขาพยายามใจเย็น และร่วมประชุมกับหลายแผนกก่อนจะแยกย้ายกันไปจัดการปัญหาตามหน้าที่ของตนเอง กว่าจะเรียบร้อยก็ปาเข้าไปกว่าสองทุ่มแล้ว ข้าวยังไม่ตกถึงท้อง ไม่ได้โทรศัพท์บอกโมเด็ม และทิ้งลูกน้องไม่ได้
เพราะสงสารคนใต้บังคับบัญชา ที่ต้องมาเหนื่อยด้วยกัน ทัชนทีจึงพาลูกน้องในทีมไปกินเนื้อย่าง เป็นเชิงขอบอกขอบใจ แม้ทุกคนจะได้ค่าล่วงเวลาอยู่แล้วก็ตามที ทว่าการเป็นหัวหน้าก็มีความจำเป็นต้องใจกว้าง
กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบห้าทุ่มเข้าไปแล้ว ก่อนนั้นเขาเพียรติดต่อคนรักหลายครั้ง ทว่าฝ่ายนั้นไม่รับสาย ทัชนทีเกิดร้อนใจขึ้นมา ต้องรีบบึ่งรถเท่าที่กฎจราจรจะอนุญาต
แม้จะยังเปิดไฟ ทว่าบ้านก็เงียบ เขาเปิดประตูเข้าไปเห็นโทรทัศน์ในห้องรับแขกยังเปิดอยู่ เพียงแต่ปิดเสียงไว้ ทัชนทีมองไปที่โซฟาแล้วก็เกิดหัวใจกระตุกวูบ โมเด็มนอนหลับตาอยู่บนโซฟานั้นเอง
ในอกเขาอ่อนยวบ ทั้งรู้สึกผิด ทั้งโล่งใจปนกัน นี่คงรอเขากลับมาจนหลับไปละสิ
ทัชนทีทรุดนั่งกับพื้นหน้าโซฟา จ้องมองใบหน้าหลับพริ้มนั้นครู่หนึ่ง พอเคลื่อนหน้าไปใกล้ก็ได้กลิ่นหอมๆ ประจำตัวของอีกฝ่าย ฝืนไม่ได้ต้องลอบฝังจมูกลงไปบนแก้มนุ่มๆ นั้น
“หลับลึกจริง” เขาหัวเราะเบาๆ
คนถูกประทุษร้ายแก้มยามหลับค่อยงัวเงียตื่นขึ้นมา
“ที...”
“รอทีจนหลับเลยเหรอ”
“ทีกลับมาเมื่อไหร่”
“เดี๋ยวนี้เอง เข้ามาเห็นหลับอยู่ ก็นึกๆ อยู่ว่าไม่เห็นเปิดประตูออกไปรับกันเลย” เขาใส่เสียงฉะอ้อน ทำหน้ากระเง้ากระงอดพอสมควร โมเด็มเห็นดังนั้นจึงปล่อยเสียงหัวเราะออกมา
“ทีกินอะไรมายัง”
“เรียบร้อยแล้ว พาน้องๆ ไปเลี้ยงข้าวเย็น สงสารพวกมันทำงานกันอย่างกะทาส โมล่ะ”
“กินสลัดไปเมื่อเย็น ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”
“เพราะไม่ได้กินกับทีใช่ไหม”
“เรื่อง” คนตัวผอมหาวหวอดๆ ลุกขึ้นยืน “งั้นทีไปอาบน้ำเลย เราขึ้นไปนอนก่อน”
“เฮ้ย ไม่ได้สิ รอทีก่อน”
“ง่วงนี่”
“งั้นจูบแก้ง่วง”
“ไม่ต้องเลย” โมเด็มดันหน้าเขาออก “กลิ่นเนื้อย่างเต็มเลย”
ทัชนทีทำหน้าหมาหงอย ทว่าอีกฝ่ายราวกับเป็นหินผา จะอ่อนไหวก็หาไม่
“งั้นทีอาบน้ำก่อนนะครับ ถ้าโมหลับก่อนเดี๋ยวลักหลับ”
“ทะลึ่ง!”
น้ำอุ่นทำให้ร่างกายผ่อนคลายดีทีเดียวทัชนทีเป่าผมจนแห้ง แล้วค่อยก้าวไปทางเตียงนอน โมเด็มหลับปุ๋ยไม่สนกับคำขู่ของเขาสักนิด
เขาอยู่ในกางเกงบอกเซอร์ตัวเดียว แต่ก็คิดละว่าแม้แต่ตัวนี้ก็ไม่จำเป็น เพราะสิ่งที่เขาคิดไว้เมื่อครู่จะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ เตียงยวบเพราะน้ำหนักของเขา โมเด็มครางฮือราวกับขัดใจ ก่อนจะพลิกตัวไปอีกทาง ทัชนทีนอนลงกับเตียง เท้าแขนมองท้ายทอยของคนรัก เห็นลำคอขาวเนียนแล้วเกิดความตื่นในตัว หมาป่าร้ายกระหยิ่มอย่างย่ามใจ ราวกับเห็นกระต่ายป่าเนื้อโอชะอยู่ตรงหน้า
เขาค่อยโน้มหน้าเข้าไปใกล้ ใช้ปลายจมูกเกลี่ยผิวเนียนๆ เล่น ริมฝีปากกระจับสวยของเขาค่อยแตะต้องผิวเนื้อนุ่มๆ หอมๆ ของโมเด็ม ราวเกรงว่ามันจะบอบช้ำเพียงปลายสัมผัส
ค่อยๆ จุมพิต ค่อยๆ ลิ้มรส
ไม่นานอีกฝ่ายก็ทนไม่ไหว ส่งเสียงอืออาออกมา พร้อมกับพลิกตัวกลับมาหา
เขาคาดว่าจะได้เห็นสายตาเอาเรื่อง ทว่าสิ่งที่เห็นคือแววตาฉ่ำปรือและริมฝีปากเม้มแน่นสะกดกลั้นอารมณ์
โดยไม่รอช้า ทัชนทีปัดผ้าห่มคนรักทิ้ง โถมตัวขึ้นคร่อมไว้ ใช้มือปัดปอยผมระหน้าผากออกให้พ้น ประสานตาส่งผ่านความต้องการ เขาเห็นไฟอารมณ์ลุกจ้าในแววตาของโมเด็ม มันบอกเล่าสิ่งเดียวกันกับเสียงร้องของหัวใจเขา
เขาช้อนเอาศีรษะอีกฝ่ายให้ขึ้นมาใกล้ เลื่อนใบหน้าตนเองลงไปจุมพิตเพียงสะกิดบางเบาที่มุมปาก ค่อยๆ และเล็มกลีบปากนุ่มสวยนั้น หยอกเอินให้อีกฝ่ายถวิลหารสสัมผัส แล้วจึงขบเม้ม ดูดดึง แล้วค่อยประกบแนบริมฝีปาก มอบจูบโหยหาซ่านอารมณ์ มืออีกข้างค่อยแกะกระดุมเสื้อนอนอีกฝ่ายออก โมเด็มจับท้ายทอยของเขา ดันให้มอบจุมพิตลึกล้ำร้อนแรงยิ่งขึ้น
ผิวเนื้อร้อนผ่าวภายใต้ฝ่ามือของเขาให้ความรู้สึกดีกว่าสิ่งใด ผิวเนียนภายใต้ความสากเล็กๆ ของมือเขา
บดเบียดร่างกายให้แนบชิด รับรู้ถึงแรงอารมณ์ของกันและกัน สะโพกของโมเด็มขยับเพื่อส่ายไปมาให้เสียดสีกับความต้องการของเขา ซึ่งกำลังลุกตื่นไม่แพ้กัน ทัชนทีครางเสียงกร้าวเกือบคำราม
“นึกว่าหลับไปแล้ว” เขาหยุดจูบแล้วเอ่ยสัพยอก
“ใครล่ะทำให้ตื่น”
ทัชนทีไม่ตอบ กลับปอกเปลือกโมเด็มจนร่างขาวโพลนนั้นปรากฏตรงหน้า ผิวเนื้อที่สัมผัสมานับครั้งไม่ถ้วน ร่างกายอันเคยสนิทแนบราวกับเป็นคนคนเดียว และความร้อนผ่าวของผิวกายที่กระตุ้นเตือนให้ร่างกายระลึกถึงรสสัมผัสร่วมเสพ
ทัชนทีจับรวบแขนของคนรักด้วยมือเดียว ยกไปไว้เหนือศีรษะของเจ้าตัว มือที่ว่างลูบไล้ท่อนขาลื่นมือ สายตามองแผ่นอกขาวๆ ยั่วยวนนั้นอย่างกระหาย อารมณ์พิศวาสครอบงำสมองของเขาเสียจนขาวโพลนไปหมด ขณะนี้ต่อให้ถูกจองจำด้วยโซ่ตรวน กระชากให้เขาผละออกไป ก็อย่าหวังว่าเขาจะยอม ร้ายดีอย่างไรก็จะสู้แค่ตาย
เขาดูดเม้มที่ซอกคอของโมเด็ม ลิ้นกระหวัดลิ้มรสผิวกายร้อนผ่าว จงใจใช้ปลายคางซึ่งมีหนวดขึ้นเป็นตอแข็งๆ นั้นครูดผิวลำคอของอีกฝ่าย ความแข็งของไรหนวดขึ้นใหม่ ปลายลิ้นซึ่งลากลงไปตามลาดไหล่ และมือซึ่งกำลังจัดการกับช่องทางด้านหลัง สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุให้โมเด็มถึงแก่ส่งเสียงเว้าวอนให้เขาเลิกทรมานตนเสียที
อย่างไรก็ตาม ทัชนทีได้ติดเครื่องแล้ว ไฉนจะกระโดดไปถึงฝั่งอย่างรวดเร็วกันล่ะ นั่นเขาเรียกนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ อย่างเขานี่อึดเรียกพ่อ จะต้องมีแวะพักข้างทาง ชมวิวทิวทัศน์กันบ้างซี
เขาลากลิ้นจากไหล่มนลงมาสู่แอ่งตรงกระดูกไหปลาร้า แล้วลากผ่านลงไปหาแผ่นอกกระเพื่อมเพราะหอบหายใจแรง ผิวของโมเด็มไม่ว่าได้สัมผัสเมื่อไรก็กระชากใจเมื่อนั้น นอกจากจะนุ่มเนียนจนสัมผัสเท่าไรไม่พอ ยังยั่วเย้าให้สติกระเจิงอีก
ยอดอกตรงหน้าท้าทายสายตาเสียจนทัชนทีต้องอ้าปากเพื่อลิ้มลองรสชาติ เขาครอบไว้ด้วยริมฝีปากของตนเองแล้วแตะด้วยปลายลิ้นในโพรงปาก ดูดหมับด้วยความแรงจนฝ่ายนั้นร้องผวา ขบเบาๆ ด้วยฟันเป็นเชิงหยอก พอโดนเช่นนี้เข้าไป อีกฝ่ายถึงกับหลุดเสียงครางเครือออกมา
เขาเผลอเพียงนิด ทว่านั่นเป็นโอกาสเพียงพอแล้ว โมเด็มเห็นสบโอกาสจึงสลัดแขนจนหลุดจากการเกาะกุมของเขา ฝ่ายนั้นทุ่มกำลังผลักเขาให้พลิกลงไปอยู่ล่าง แล้วมอบจูบเต็มไปด้วยแรงโหมกระพือของอารมณ์ ทัชนทีตอบรับโดยดี
โมเด็มจูบเขาราวกับคนหลงทางในทะเลทรายพานพบแหล่งน้ำ ทั้งตะกละตะกราม ทั้งเร่งเร้า ทัชนทีเผลอปล่อยเสียงคำรามออกมาเมื่อคนรักลิ้มรสผิวกายเขาไปทั่ว แผ่นอกเอย มัดกล้ามเอย หน้าท้องแข็งเกร็งเป็นลอนเอย แม้แต่ส่วนกลางลำตัวที่บัดนี้ตั้งเด่พร้อมรบก็ไม่รอดพ้น
ความร้อนและเปียกแฉะของโพรงปากคนรักทำให้ทัชนทีหลุดครางเสียงกร้าวอีกรอบ ก่อนเผลอกระดกเอวขึ้นรับกับบทเพลงชิวหาและโอษฐกามของฝ่ายนั้น
‘รัก’ กันมาก็หลายครั้ง ไหนเลยจะไม่รู้ว่าคนรักของตัวเองชอบอย่างไร ตรงจุดไหนจะทำให้อีกฝ่ายสุขสมที่สุด โมเด็มครอบครองท่อนกายของคนรักไว้ในปากอย่างช่ำชอง ลิ้มลองรสชาติอันเคยคุ้นนั้นอย่างกระสัน ท่อนลำอันใหญ่โตจนต้องกอบกุมไว้ทั้งสองมือ เขากำไว้แน่น กระตุกดึงให้ทั้งท่อนลำตึงเปรี๊ยะ ตั้งเด่อย่างเสากระโดง รูดรั้งขึ้นลงเป็นจังหวะแรงๆ บางครั้งรวดเร็ว บางครั้งก็เนิบช้า ความซ่านเต็มเหนี่ยวจนทัชนทีต้องสูดปากเสียงดัง
โมเด็มปรนเปรอจนทัชนทีทนไม่ไหว ต้องจับศีรษะดันออก แล้วพลิกมาอยู่ด้านบนอีกครั้ง เขาจับขาสองขาของโมเด็มแยกออกเพื่อใช้ลิ้นตระเตรียมช่องทางให้พร้อมสำหรับศึกที่กำลังงวดเข้ามาทุกที
คนรักของเขาครางฮือ มือหนึ่งจิกผมของเขา มือหนึ่งกำผ้าปูที่นอนเสียแน่น ช่องทางด้านหลังถูกปรนเปรอเสียชื้นแฉะ บัดนี้ก็ถึงคราวส่วนอ่อนไหวที่ถูกครอบครองด้วยโพรงปากของทัชนที ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้เขาจะมีความสุขจนคับอก ดังนั้นจึงไม่เสียหลายหากจะทำให้คนรักของเขาได้รับความสุขล้นอกบ้าง
โมเด็มเกร็งร่าง แอ่นช่วงกลางลำตัวขึ้นมาราวกับเป็นสะพานโค้ง ทัชนทีเก่งทั้ง ‘เพลงดาบเพลงทวน’ ซ้ำยังช่ำชองเพลงชิวหา คนรักตัวผอมของเขาแทบจะหายใจขาดห้วงแดดิ้นสิ้นชีพลงไปตรงนั้น ของเหลวสีใสหยาดลงตรงมุมปากของทัชนที ดวงตาเขาเป็นประกายระยิบ รูปปากหยักโค้งเป็นรอยยิ้มเมื่อยกร่างขึ้นเตรียมประจัญบาน
ทัชนทีจับท่อนขาของคนรักขึ้นพาดบ่า มองเห็นช่องทางหฤหรรษ์อย่างชัดเจน เขากอบกุมเอาแก่นกายของตนเอง แล้วจ่อปลายเข้ากับช่องทางอันถูกเตรียมพร้อมไว้แล้วนั้น
ส่วนปลายค่อยๆ ชำแรกเข้าไปในช่องทางเปียกชื้น ความรู้สึกส่งผ่านทางประสาทสัมผัสแล่นทั่วทั้งแก่นกาย ช่องทางนั้นราวกับจะดูดดึงให้เขากระแทกร่างเข้าไปให้ลึกสุดหยั่ง
...และนั่นเป็นสิ่งที่เขาทำ
ฝ่ามือชื้นเหงื่อจับขาคนรักไว้มั่น และด้วยการขยับเอวเพียงครั้งเดียวด้วยเรี่ยวแรงแห่งความหนุ่มแน่น แก่นกายของเขาก็ทะลวงเข้าไปจนเกือบสุดด้าม โมเด็มผวาเฮือก ร้องออกมาคำหนึ่งซึ่งฟังไม่เป็นภาษา ท่อนแขนรีบคว้าจับไหล่แข็งแรงซึ่งกำลังเกร็งด้วยกลั้นไว้ไม่กระแทกแรงๆ อีกครั้ง ทัชนทีพักไว้ในท่านั้นครู่หนึ่ง พรูลมหายใจราวกับเรียกกำลัง พวกเขามองสบประสานสายตากัน โมเด็มเผยอริมฝีปากเล็กน้อย ดวงตาฉ่ำชื้นด้วยหยาดน้ำตาอันเกิดจากความรู้สึกที่มิใช่ความเจ็บปวด แล้วในวินาทีหนึ่งที่ความต้องการพุ่งสูงตรงกัน คนรักร่างผอมก็ขยับสะโพกเล็กน้อยราวกับเป็นการกระตุ้น ทัชนทีไม่รอช้า พอเขาคำรามด้วยเสียงดังหนึ่งพญาราชสีห์...ก็กระแทกแก่นกายเข้าไปจนหมดทั้งความยาว
ท่อนแขนขาวคว้าเอาศีรษะของทัชนทีแล้วดึงให้ลงไปประกบริมฝีปากเข้าด้วยกัน มันเชื่อมกันด้วยลมหายใจร้อนผ่าว ขณะท่อนล่างนั้นต่อกันติดด้วยอารมณ์อันพลุ่งพล่าน ริมฝีปากจูบอย่างเมามัน ส่วนด้านล่างนั้นเขาขยับเป็นจังหวะจะโคนสม่ำเสมอซึ่งทำให้โมเด็มส่งเสียงอู้อี้แม้ขณะถูกจูบ เสียงเนื้อประสานเนื้อดังเป็นจังหวะเดียวกับการขยับกาย
“ข้างใน...” ทัชนทีหายใจขาดห้วง “ข้างในคุณร้อนจัง”
“พะ...พูดมาก”
เอ่ยบริภาษเช่นนั้นแล้วโมเด็มก็ขยับท่อนล่างตนเองเพื่อให้สอดประสานกับการขยับกายของชายคนรัก นี่เปรียบได้กับบทเพลงหนึ่งซึ่งทั้งสองช่วยกันบรรเลง มันเป็นบทเพลงที่ถูกสร้างขึ้นด้วยอารมณ์พื้นฐานของมนุษย์ กระนั้นก็ยังประกอบไปด้วยความอ่อนไหว ความร้อนแรง ความปลุกเร้าแห่งอารมณ์กลุ้มรุมผสมกันเข้า เกิดเป็นท่วงทำนองอันพิเศษของสองคน
แล้วทันใดนั้นเอง ทัชนทีก็ถอนท่อนลำออก เขากอดร่างของคนรักเพื่อดึงให้ขึ้นมานั่งอยู่บนตัก จากนั้นจับแก่นกายที่เพิ่งเป็นอิสระนั้นให้เข้าไปอีกครั้ง โมเด็มไม่ประท้วงใดๆ และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ร่างสองร่างประสานแนบแน่นตรงกึ่งกลางร่างกาย ทัชนทีกอดคนรักแน่น ขยับร่างกายตนเองในส่วนที่ต่อกันนั้นแรงๆ หนักๆ เป็นจังหวะช้าๆ เนิบๆ หนักหน่วง มือหนึ่งจับแผ่นหลังเปียกชื้นเหงื่อ มือหนึ่งประคองศีรษะของคนรักให้เอียงมุมองศาเพื่อเขาจะได้ประทับจูบกราดเกรี้ยวลงไปบนลำคอขาวเนียนที่เห็นยั่วตา
ในห้องอันระอุด้วยอารมณ์ร้อนแรง มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศ และเสียงประท้วงของเตียงนอนซึ่งรับน้ำหนักการกระแทกกระทั้นของสองร่าง
พลันบัดนั้นเอง ทัชนทีก็โถมตัวลงไปกับเตียงนอน แนบร่างทาบทับราวกับจะให้ร่างคนรักบี้แบนกับเตียงไปเสียให้ได้
เขาเอ่ยเสียงพร่าอารมณ์ “คุณตอดรัดผมแน่นชะมัด”
“ที...เรา...จะไม่ไหวแล้ว”
“ครับ...งั้นไปพร้อมกัน”
จบคำนั้น ทัชนทีผู้อ่อนโยนโดยนิสัย ทว่าในยามโหมศึกรักกลับกราดเกรี้ยวรุนแรงประหนึ่งแม่ทัพนำศึกเข้าโรมรันกับศัตรู ก็ขยับบั้นเอวรวดเร็วอย่างยิ่ง ทั้งรวดเร็ว ทั้งรุนแรง โมเด็มจำต้องส่งเสียงออกมาอย่างทนไม่ไหว
การต่อตีกับศึกรักครั้งนี้จบลงด้วยการที่ทัชนทีกระแทกจนสุดแก่นกายแรงๆ สองสามครั้ง แล้วทั้งสองก็ลุถึงซึ่งจุดสูงสุดแห่งอารมณ์ดำฤษณา ต่างปลดปล่อยออกมาพร้อมๆ กัน ทัชนทีส่งเสียงราวกับสัตว์คำรามยาวนาน ขณะกระตุกกาย แล้วจึงทิ้งตัวลงไปนอนแนบอยู่กับร่างอ่อนปวกเปียกของคนรัก
โมเด็มหายใจหนักหน่วง หลับตาด้วยสุขไปทั้งร่าง มือสั่นระริกนั้นสางเส้นผมเปียกชื้นของทัชนที ลูบไล้ด้วยรักใคร่เต็มหัวใจ
“รุนแรงชะมัด” แม้จะเอ่ยเช่นนั้น โมเด็มก็ไม่อาจห้ามเสียงหัวเราะตนเองได้
“วันนี้เหนื่อย เครียดมาสองวันแล้ว” ทัชนทีเอ่ยเสียงอู้อี้กับซอกคอของคนรัก
“ขนาดเหนื่อยยังมีอารมณ์อีกนะ”
“ก็โมน่ากิน”
เอ่ยคำอ้อนได้น่าตี ทัชนทีหัวเราะหึ ทั้งจูบทั้งหอมคนรักราวกับจะเริ่มศึกรักนั้นอีกหน
“คืนนี้ไม่ไหวแล้ว” อีกคนประท้วง
“ครับ” เขายอมรับ “ผมก็ไม่ไหวเหมือนกัน ขืนทำอีกรอบมีหวังสลบ”
“งั้นก็ไปล้างตัวกันก่อน ค่อยมานอน”
“ครับ”
คำตอบรับนั้นช่างธรรมดาเหลือแสน ทว่ามันกลับอัดแน่นไว้ด้วยอารมณ์แห่งความรักเต็มหัวใจ ถูกแล้ว...อารมณ์นั้นส่งผ่านทางน้ำเสียง ส่งผ่านทางสายตา ส่งผ่านในการค่อยๆ จรดปลายจมูกลงบนผิวแก้มเนียนของคนรักแล้วสูดดมอย่างทะนุถนอม คำตอบรับธรรมดาๆ นี้เองแสดงให้เห็นว่าเขายอมทุกอย่าง ทัชนทีผู้นี้จะทำตามคำของคนรัก จะทำให้คนรักมีความสุข ถึงแม้ว่า...เอ้อ...ในบางครั้งเขาก็จะฉวยโอกาสตักตวงจากคนรักมามากหน่อยก็ตาม
แต่ก็ใช่ว่าโมเด็มจะไม่ยอมนี่นา รักไม่ใช่เรื่องของคนคนเดียว ถ้าสองหัวใจไม่สอดประสาน ไฉนเลยจะเป็นรักราบรื่นได้
เขาดีใจที่มีโมเด็ม และยิ่งสุขใจที่อีกฝ่ายยอมใช้ชีวิตอยู่กับเขา คอยร่วมผ่านทุกข์สุขไปด้วยกัน ร้อนหนาวแดดฝนประดามี แม้ผ่านเข้ามาพวกเขาก็เชื่อมั่นในความเข้าใจว่าจะผ่านไปกันได้
ก่อนจะอุ้มคนรักเข้าไปล้างเนื้อล้างตัว ทัชนทีเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ สัมผัสริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างเบาที่สุด ใช้ปลายจมูกตนแตะกับปลายจมูกอีกฝ่าย หยอกเย้า เอาใจ
โมครับ ผมรักคุณที่สุด จบ
ขอบคุณสำหรับการติดตามกันมาตลอดนะคะ รักทุกคนค่ะ ^___^