Show Me Now!! ตอนพิเศษ 2 ไม่มีตรงกลาง
ณ โรงเรียนมัธยมปลายในช่วงเทอมที่สอง ทางโรงเรียนมักมีกิจกรรมนันทนาการให้เด็กนักเรียนได้ร่วมทำไม่ได้ขาด หนึ่งในนั้นก็คืองานกีฬากระชับความสัมพันธ์ภายในโรงเรียน หรือเรียกง่ายๆว่ากีฬาสี เด็กบางคนก็ตื่นเต้นที่จะได้ทำอะไรใหม่ๆร่วมกับเพื่อนๆ แต่บางคนก็ถือว่านี่คือความทรมานสุดๆแล้วในชีวิตนักเรียน ก็ว่ากันไป แต่ไม่ว่าใครจะคิดเช่นไร ทางโรงเรียนเองก็ยังจัดงานยิ่งใหญ่ทุกปีอยู่เช่นเดิม
ทางเดินหน้าห้องของอาคารเรียนระดับมัธยมปลาย ร่างเพียวของฟ้าใสเดินกึ่งวิ่งรีบร้อนจะไปให้ถึงห้องเรียนตนเองโดยไว เนื่องจากสถานการณ์ความรักของเพื่อนตัวเล็กกำลังถูกสั่นคลอนจากมือดี ถ้าไม่รีบจัดการตัดไฟเสียแต่ต้นลม มันอาจลุกลามใหญ่โตได้ เมื่อมาถึงหน้าห้องเรียนของตนเองได้ก็ตะโกนเรียกแต่ไกล เหมือนไม่ทันใจเพราะอยากเล่าเหลือเกินแล้วตอนนี้
“มิน!!!!”เสียงเรียกดังมาตั้งแต่หน้าห้อง ทั้งที่ตัวคนเรียกยังไม่โผล่ ทำให้มินที่กำลังคุยเรื่องการบ้านของเมื่อวานกับเพื่อนหันไปมองต้นเสียงงงๆ
“มิน! มินต้องจัดการไอ้หมาบ้านั่นนะ มันกล้ามากที่ทำกับมินแบบนี้ มันบ้าไปแล้ว!!”
ฟ้าใสถลาเข้ามาหาเพื่อนตัวเล็ก แล้วบอกอะไรไม่รู้จับใจความไม่ได้ เพราะคุณเธอใส่อารมณ์เสียเต็มที่ แถมรูปประโยคก็ไม่ได้มีการเกริ่นนำแต่อย่างใด
“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนนะฟ้าใส นี่มันเรื่องอะไรกันเหรอ?”
“ก็…”
กำลังจะเล่า แต่พอเห็นสายตาเพื่อนคนอื่นที่มองมาอย่างอยากรู้เช่นกัน จึงชะงักค้างกลางอากาศ ปากที่เตรียมจะเล่าหุบฉับ ก่อนลากแขนเพื่อนตัวเล็กออกไปนอกห้องด้วยกัน ทิ้งไว้เพียงสายตาสงสัยของเพื่อนในห้องที่มองตาม
“อะไรนะ ขออีกที”หลังจากฟังฟ้าใสพูดจบ มินก็ชูนิ้วชี้ขอให้พูดอีกครั้ง เหมือนเมื่อครู่จะได้ยินไม่ถนัด ฟ้าใสค้อนเพื่อนเบาๆที่ทำเป็นได้ยินไม่ชัด แต่ถึงจะขัดใจก็เต็มใจจะช่วยย้ำ
“นายภคินกำลังนอกใจมิน!”
“ง่ะ…!”
มินน้อยยังงกับเหตุการณ์ เท่าที่ฟ้าใสเล่ามาคือ ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าคุณคูลไปจีบรุ่นน้อง ม.4 ชื่อเบลล่า เห็นว่าหน่วยข่าวกรองที่ให้ข้อมูลมาเชื่อถือได้ เพราะน้องเบลล่าก็ยอมรับกับเพื่อนของเธอว่าคูลจีบเธอจริง ทั้งยังมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายปาปารัซซี่อีกด้วย
‘เอ่อ นี่คุณคูลดังขนาดนั้นเลยหรือนี่!!?’ มินน้อยผู้ไม่เคยจะรู้เรื่องรู้ราวกับเขา
“นี่ๆมินดูสิ ภาพมันฟ้องชัดๆเลยนะ แบบนี้ยอมไม่ได้รู้ไหม”
ฟ้าใสยื่นโทรศัพท์มือถือให้เพื่อนตัวเล็กดู
“เขาถ่ายรูปสวยดีนะ”
“มิน!!!”
ฟ้าใสร้องเสียงหลง ให้ดูภาพนายภคินกับยัยเบลล่าออเซาะกัน ไม่ได้ให้ดูฝีมือการถ่ายภาพ โอ๊ย~คนสวยอยากจะกรี๊ด!!!
มินมองท่าทางฮึดฮัดของเพื่อนแล้วยิ้มให้
“รู้ ว่าฟ้าใสเป็นห่วง แต่เรื่องนี้มันฟังความข้างเดียวไม่ได้หรอก ไม่ใช่ไม่เชื่อฟ้าใสนะ แต่เราแค่ไม่อยากระแวงไปก่อนเท่านั้นเอง มันดูเหมือนไม่เชื่อใจคนของเรามากไป ฟ้าใสเข้าใจใช่ไหม?”
พอได้ยินเพื่อนว่าแบบนั้นฟ้าใสถึงได้ลดความเดือดดาลลง ก็จริงอย่างตัวเล็กว่า เธอคงใจเร็วไป เห็นว่ามันไม่เป็นผลดีกับเพื่อนเลยด่วนตัดสินใจไปตามคำบอกเล่า นี่ถ้ามินหูเบากว่านี้คงได้ทะเลาะกับนายภคินแน่
“ขอโทษนะมิน”
มินยิ้มบางบอกไม่เป็นไร ความเป็นจริงแล้วมันก็อดหวั่นใจไม่ได้หรอก ใช่ว่าไม่กังวลแค่ไม่อยากด่วนตัดสินใจไปก่อนจะได้ฟังจากปากของอีกคนเท่านั้น
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
งานกีฬาสีที่ใกล้เข้ามาทำให้แต่ละกลุ่มสีเร่งมือเตรียมการสีของตนเองให้พร้อมรบ และปีนี้คูลก็ยังไม่ได้อยู่สีเดียวกันกับมินอีกแล้วจะขอเปลี่ยนกับใครเขาก็ไม่ยอมกัน ยิ่งพวกแก๊งเพื่อนซี้ยิ่งแล้วใหญ่ไม่ยอมเปลี่ยนให้แล้วยังจะแย่งชิงตัว ‘น้องจืด’ ไปอยู่ทีมตัวเองด้วยเสียอย่างนั้น
“น้องจืด มาอยู่ทีมเดียวกับพี่แซ๊คดีกว่านะครับ สวัสดิการดี ของกินเพียบ!!”
หนุ่มแซ๊ค หนึ่งในกลุ่มเพื่อนซี้เด็กตัวโตเอาของกินมาล่อตัวเล็กให้ไปอยู่สีเดียวกับตัวเอง จะสกัดดาวรุ่งนายภคินเราก็ต้องมีตัวประกันอยู่ในสีเราด้วยถึงจะถูก
“กล้ามากนะแซ๊ค กล้าเอาของกินมาล่อสีกู เดี๋ยวมึงได้เจอหลังแหวน”
โก้ ประธานสีฟ้า สีที่มินน้อยอยู่เดินเข้ามาชูไม้ชูมือใส่เพื่อน กอดคอไอ้ตัวเล็กไว้ ตอนนี้เหล่าเดอะแก๊งของคูลมารวมตัวกันที่โรงยิมเพื่อใช้สถานที่ในการซ้อม ก็ข้ามสีมาหยอกล้อกันตามประสา คูลที่อบอุ่นร่างกายอยู่ใกล้ๆก็ไม่ได้ว่าอะไรที่เพื่อนจะหยอกล้อเจ้าตัวเล็ก เพราะพวกนี้ก็ล้อมินเป็นประจำอยู่แล้วตั้งแต่ที่เขายังแกล้งมินอยู่ และพวกเพื่อนซี้ก็ติดเรียก ‘น้องจืด’ มาตั้งแต่นั้น เห็นบอกว่าน่ารักดี ซะงั้น
ตัวน้องมินน้อยก็ไม่ได้ถือสาหาความอะไร ก็แค่เรียกกันขำๆ ใครเรียกน้องจืดก็ยิ้มให้เฉยๆ เพราะคนที่เรียกเขาแบบนี้ก็มีแต่เพื่อนของคูลทั้งนั้น
ที่นั่งข้างสนามซ้อมในโรงยิมยังคงเป็นที่นั่งประจำของมินในช่วงนี้ ที่ๆคนในสนามสามารถมองเห็นได้ถนัด ตัวเล็กนั่งทำปอมปอมเชียร์ของสีตัวเองไปพลางๆขณะนั่งรอคนที่ซ้อมบาสเกตบอล ก้มหน้าก้มตาทำไม่ได้สนใจว่าใครจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า จนเสียงใสเอ่ยทักขึ้นมา
“พี่มินคะ ขอเบลล่านั่งด้วยคนได้ไหมคะ?”
ตัวเล็กหยุดมือที่ทำงานอยู่ เงยหน้าขึ้นมองคนพูด เด็กผู้หญิงผิวขาว หน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตา ชื่อเบลล่าด้วย จะใช่คนนี้หรือเปล่านะ?
“เชิญครับ”
มินขยับพื้นที่ให้อีกคนนั่ง โดยที่ตัวเองขยับไปชิดกระเป๋าของคูลที่วางอยู่ข้างๆ หลังจากนั้นก็ทำงานของตนเองต่อ ปล่อยน้องเบลล่าเอาไว้อย่างนั้นเพราะมินไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า
น้องเบลล่ารู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยที่ไม่ได้รับความสนใจจากหนุ่มตัวเล็ก แต่ก็ปรับสีหน้าตัวเองให้ดีขึ้น ก่อนชวนคนที่ง่วนอยู่กับอะไรไม่รู้เป็นเส้นๆสีฟ้าพวกนั้นน่ะคุย
“เอ่อ พี่มินทำอะไรอยู่หรือคะ?”
“ทำปอมปอมเชียร์น่ะ” ยังไม่ได้ละมือจากงานที่ทำแต่ก็ตอบคำถามน้องไปด้วย
“ทำเองเลยหรือคะ เบลล่าว่าน่าจะซื้อสำเร็จเลยไม่ดีกว่าหรือคะ?”
น้องเบลล่ายังสอบถามต่อ ถามมามินก็ตอบไป จนมาถึงเรื่องที่เขาให้คำตอบไม่ได้นี่ล่ะ กับคำถามที่ว่าสเป็คหญิงของคูลเป็นแบบไหน นั่นสิ คุณคูลมีสเป็คหญิงแบบไหนกันนะ จะเหมือนอย่างน้องเบลล่าไหม? ชอบคนสวยหรือว่าน่ารัก? หรืออาจจะชอบคนที่คุยเก่งหรือเปล่า? หรือ…
ความคิดของมินเริ่มวกวนวุ่นวาย จนเมื่อฟ้าใสโผล่มานั่นล่ะถึงได้หยุดความคิดพิลึกนี้ได้ เบลล่าเองเมื่อเห็นว่ามีอีกคนมาจึงเอ่ยขอตัว เธอแค่มาสอบถามข้อมูลจากเพื่อนสนิทที่เธอคิดเองของพี่คูลเท่านั้น ก็เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆท่าทางก็น่าจะสนิทกันอยู่ไม่น้อย
มินพยักหน้ายิ้มรับ ส่วนฟ้าใสหรี่ตามองส่งเด็กสาวที่ก้าวเดินจากไป
“เขามาทำไมน่ะ?”
ฟ้าใสหันมาถามเพื่อนตัวเล็กที่หยิบงานมาทำต่อ
“หือ?”
“ก็เด็กคนเมื่อกี้น่ะ เขามาหาเรื่องอะไรมินหรือเปล่า?”
“เปล่า น้องเขาแค่มาคุยด้วยเฉยๆ”
“คุย?” ฟ้าใสทำเสียงไม่เชื่อ
“อือ ก็คุยกันเฉยๆ” มินตอบรับให้เพื่อนรู้ว่าไม่มีอะไรจริงๆ
“รู้จักกันหรือไง ถึงได้มานั่งคุยกันน่ะ” อดว่าไม่ได้
มินยิ้มให้เพื่อนเฉย ไม่ต่อความอีก ฟ้าใสเลยได้แต่เซ็งที่ตัวเล็กไม่มีอารมณ์ร่วมกับเธอเล้ย
ทางด้านคูล เมื่อหมดเวลาของทีมสีแดงที่ได้ใช้สนาม สีต่อไปก็ลงมาต่อ คูลที่เพิ่งซ้อมเสร็จเดินแกมวิ่งเข้ามาหาคนตัวเล็กที่นั่งทำพู่เชียร์อย่างตั้งใจ จุดสนใจอยู่ที่คนๆเดียว เลยไม่ได้มองว่าใครอยู่ตรงนั้นอีกบ้าง
เด็กตัวโตเดินมานั่งแหมะลงข้างๆคนตัวเล็ก ขยับเบียดเล็กน้อยเมื่อยังไม่ได้รับความสนใจ มินยังไม่ละมือจากงานของตนเอง แต่มือเรียวก็หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กกับขวดน้ำส่งให้อีกคนไปด้วย คูลรับผ้ามาเช็ดเหงื่อที่ชุ่มไปทั้งตัว มองคนตัวเล็กทำงานเงียบๆ เห็นแล้วอยากแกล้ง ว่าแล้วก็ขยับเข้าใกล้อีกนิด
“ฮื้อ~ คุณคูล เหม็นเหงื่อ” ตัวเล็กว่าทั้งยังดันอีกคนออกห่าง
“หืม? จริงอ่ะ?”
เมื่อเห็นตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงัก คูลเลยจัดการพิสูจน์กลิ่น กดจมูกสูดกลิ่นแก้มหอมของอีกคนฟอดใหญ่
“อืม ไม่เห็นเหม็นเลย หอมออก”
“คุณคูล!!”
ตัวเล็กจับแก้มตัวเองหน้าตาตื่น มองซ้ายมองขวาเลิ่กลั่ก แก้มแดงแปร๊ดด้วยความเขิน มีใครเห็นไหมนี่
ส่วนคนทำก็ไม่มีทีท่าว่าจะเขินอายสักนิด ใครเขาจะเห็นเล่า แต่ถึงเห็นเขาก็คงนึกว่าไอ้จืดโดนแกล้งอีกแล้วก็เท่านั้นล่ะ
ผลัวะ!!หนังสือเล่มหนาถูกฟาดลงบนไหล่หนาไม่ยั้งแรง
“โอ๊ย!! อะไรวะ!!?”
คนถูกตีโวยวายหันไปมองที่มาตาขวาง แต่เห็นว่าเป็นฟ้าใสที่ยืนกอดอกอยู่เลยเปลี่ยนจากโกรธเป็นเซ็งแทน
“ทำอะไรเกรงใจกันบ้างนะนายภคิน เดี๋ยวใครเขาจะมองมินไม่ดีที่ปล่อยให้นายลวนลามอยู่แบบนี้”
พูดจบก็สะบัดบ็อบเดินจากไป คูลเลยหันมาหามิน บอกเสียงอ่อย
“ขอโทษนะ มินรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า?”
ตัวเล็กส่ายหน้าแล้วยิ้มให้
“ไม่หรอก แต่มันในที่สาธารณะน่ะ ผมอายเขา”
ประโยคหลังกระซิบบอกเบาๆ คูลหัวเราะ ก่อนจะชวนกันเก็บของเตรียมกลับบ้าน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วันงานกีฬามาถึง ในช่วงเช้าก็มีพิธีการเปิดงานตามสมควร แต่ละสีก็เตรียมการมาอย่างดี ขบวนสีของแต่ละสีก็อลังการไม่แพ้กัน แต่บางคน เช่น นายแซ๊คเพื่อนซี้คูล ก็แหวกด้วยธีมลดโลกร้อน ใช้วัสดุที่หาได้จากในบ้านมาจัดตกแต่ง เลยได้รับเสียงแซวจากเพื่อนว่าลดโลกร้อนหรืออนาถา แต่หนุ่มแซ๊คก็ไม่แคร์ เพราะมั่นใจมากในจุดนี้ว่าสีตัวเองเด่นสุด
การแข่งขันในแต่ละหมวดกีฬาเป็นไปอย่างคึกคัก นักกีฬาก็ทุ่มเต็มที่คนเชียร์ก็เชียร์สุดพลัง กว่าจะผ่านไปในแต่ละวันก็แทบหมดแรงข้าวต้มกันแทบทุกคน แต่ก็ยังมีรอยยิ้มแตะแต้มบนใบหน้า มินที่ได้อยู่ในฝ่ายบริการเครื่องดื่มและอาหาร ก็ทำงานของตนเองไปอย่างขะมักเขม้น ทุกปีเขามักได้รับเสื้อแขนยาวกับหมวกปีกกว้างโดยไม่มีที่มาเสมอ แม้จะสงสัยแต่ก็ไม่ได้ซักเอาความจากเพื่อนที่เอาของมาให้ เพียงแต่ฝากเพื่อนไปขอบคุณเจ้าของเขาเท่านั้น
แต่ปีนี้มินไม่ต้องสงสัยอีกต่อไปแล้วเพราะเพิ่งได้รู้ว่าเจ้าของเสื้อกับหมวก ที่บางทีก็แถมร่มมาด้วยนั้นก็คือ นายคูล ภคินนั่นล่ะ
พอถามว่าทำไมไม่เอามาให้เอง ก็ได้คำตอบว่ากลัวตัวเล็กจะเขวี้ยงทิ้ง มินฟังแล้วก็ขำ ก็จริงนะใครจะกล้าใช้ของคนที่ชอบแกล้งตัวเอง
งานกีฬาก็ดำเนินไปด้วยความสนุกสนานตามจุดประสงค์ของงานเป็นอย่างดี แต่ที่ไม่ดีก็คงเป็นหัวใจดวงน้อยของน้องมินที่มีความกังวลแทรกซึมเข้ามาเรื่อยๆ เรื่องที่ค้างในใจก็ยังไม่ได้สอบถามกับคนตัวโตให้เป็นเรื่องเป็นราวเพราะมัวแต่ยุ่งกับกิจกรรมกันทั้งคู่ หากจะคุยกันก็อยากมีเวลาทำความเข้าใจ ไม่อยากให้ทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ภาพที่มินได้เห็นทุกวันนั้นมันก็สั่นคลอนความเชื่อที่มี
ทุกครั้งข้างกายคูลต้องมีรุ่นน้องคนนั้นอยู่ด้วยเสมอ ก็รู้อยู่ว่าเขาอยู่ทีมเดียวกัน แต่มันใกล้ชิดมากจนเกินไปนี่ ไหนจะเสียงแซวจากคนในกลุ่มนั้นอีก มินยิ่งรู้สึกไม่ดี แม้คูลจะปฏิเสธต่อคำแซวของเพื่อน แม้สายตาคมนั้นจะมองมาที่คนตัวเล็กอยู่ตลอด แต่ความไม่สบายใจนี้ก็ไม่ได้ลดลง บางทีมินก็รู้สึกว่าตนเองงี่เง่า ไร้เหตุผล ที่เป็นแบบนี้
และแล้วการแข่งขันวันสุดท้ายก็จบลงโดยที่สีของคูลได้ที่หนึ่งเช่นทุกปีที่ผ่านมา และคนแรกที่เด็กตัวโตอยากให้ร่วมยินดีก็ยังคงเป็นมินน้อยเท่านั้น ร่างสูงรีบรุดจะไปหาเจ้าตัวเล็กที่อยู่อีกทีมทันที แต่ก่อนที่จะได้ไปดังใจคิด เด็กสาวอีกคนก็มาเรียกเขาไว้
“พี่คูลคะ เดี๋ยวค่ะ!!”
คูลขมวดคิ้วนิดๆเมื่อถูกขัดจังหวะ แต่ในฐานะรุ่นพี่ที่ดีก็ไม่ควรทำสีหน้าอย่างนั้นใส่น้อง เลยต้องปรับอารมณ์เล็กน้อยก่อนหันไปขานรับ
“ครับ”
“ขอเวลาแป๊บนึงได้ไหมคะ?”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เด็กตัวโตเดินหงุดหงิดออกมาจากอาคารเรียนเพราะหาตัวเล็กไม่เจอ เพราะเขามัวแต่ทำตัวเป็นรุ่นพี่ที่ดีนั่นล่ะ มินถึงไม่รอเขาเลยเนี่ย ไปไหนแล้วก็ไม่รู้
เมื่อครู่น้องเบลล่ามาขอคุยกับเขา ก็นึกว่าธุระสำคัญอะไร ไม่นึกว่าน้องจะจริงจังกับคำแซวของพวกเพื่อนตัวดีในทีมจนมาสารภาพรักกับคูลแบบนี้ แต่คูลเองก็บอกปฏิเสธน้องไปแล้วว่ามีคนที่คบอยู่แล้วคงตอบแทนความรู้สึกน้องไม่ได้ น้องก็ท่าทางยอมรับแต่โดยดีถึงจะดูซึมๆไปบ้างแต่คูลก็ไม่ได้มีเวลามาใส่ใจมากนัก เพราะคนที่ควรใส่ใจหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
จนเดินออกมาที่จอดรถความหงุดหงิดที่ถึงพลันหายไป เมื่อคนที่ยืนอยู่ข้างมอเตอร์ไซค์คันเก่งของเขาคือ มิน
“ไปไหนมา คูลหาแทบแย่ นึกว่าโกรธอะไรคูลเสียอีก โทรศัพท์ก็ไม่รับ”
คนตัวโตร่ายยาวเมื่อก้าวมาถึงตัว
“จะว่าโกรธก็โกรธอยู่นะ”
มินว่าเรียบๆสีหน้ายังยิ้มอยู่ คูลขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ตัวเล็กไม่ได้ว่าอะไรต่อนอกจากชวนกลับบ้านเพราะเสร็จงานแล้ว พรุ่งนี้ก็คงเรียนกันปรกติ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“อะไรนะ!! คูลน่ะหรือจะไปจีบน้องม.4 ยัยฟ้าใสมั่วแล้ว!!”นายภคินร้องเสียงหลง ขณะที่นั่งให้ตัวเล็กเช็ดผมที่เพิ่งสระให้บนเตียง วันนี้ก็ยังเป็นอีกวันที่สามารถกล่อมมินให้มาค้างที่บ้านได้ โดยที่คุณแม่ใจดีของมินอนุญาต ส่วนคุณพ่อก็ยังคงทำหน้าเข้มใส่เขาไม่เปลี่ยนแปลง ดีหน่อยก็ตรงที่ท่านให้ความเมตตาเด็กยักษ์ตาดำๆเข้านอกออกในบ้านของท่านได้นี่ล่ะ
“ก็ฟ้าใสได้ยินมาแบบนั้น”
ตัวเล็กบอก มือก็ยังเช็ดผมให้อีกคนไปด้วย คุณคูลชอบนอนทั้งที่ผมเปียกๆ เดี๋ยวหมอนก็ได้เน่ากันพอดี
“เชื่อคนง่าย”
“ไม่ได้เชื่อคนง่ายนะ!!”
มินน้อยว่าหน้างอ ไม่ชงไม่เช็ดมันแล้วผมนี่ โยนผ้าโปะบนหัวของอีกคนไว้อย่างนั้น คูลพลิกตัวกลับมาคว้าคนที่กำลังจะก้าวลงจากเตียง ตัวเล็กดิ้นขลุกขลัก แต่พอโดนคนตัวโตทับไว้ทั้งตัวก็ไปไหนไม่รอด ยอมนอนนิ่งๆแต่ไม่ยอมมองหน้าคนที่ทาบทับตนเองไว้
“ไม่ได้ว่ามินนะ”
“ก็เหมือนกันล่ะ”
ตัวเล็กยังหน้างอไม่หาย คูลเลยกดจูบริมฝีปากยื่นๆนั่นซะ หมั่นเขี้ยว!
“ฮื้อ~ คุณคูล!! ทำแบบนี้เรื่อยเลย”
“ก็อยากน่ารักทำไมล่ะ”
คูลว่า โยนความผิดให้คนน่ารัก
“โกรธอยู่นะ” มินย้ำบอกเผื่อคนตัวโตจะไม่รู้ว่าโกรธจริงๆนะ
“โกรธคูลเรื่องอะไรล่ะ หืม? คูลยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะตัวเล็ก”
ก้มไปหอมแก้มใสเล่น ชอบคลอเคลียคนนี้จริงๆ
“อื้อ… อย่าสิ ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ… คุณคูลอ่ะ!!!”
เมื่อไม่ได้อย่างใจก็เริ่มใช้เสียงดังเข้าข่มละ
“ก็พูดไปสิครับ คูลไปทำอะไรให้มินโกรธหรือ?”
เด็กตัวโตยอมหยุดตามที่อีกคนต้องการ รอฟังเหตุผลของการถูกโกรธในครั้งนี้ ว่าความผิดของตนเองนั้นคืออะไร
“จริงๆก็ไม่ได้โกรธ แค่…ไม่มั่นใจ”
“เรื่อง?” คูลถามเปิดทางให้
“ก็… ผมงี่เง่าอ่ะ คิดอะไรไม่รู้สารพัดเลย บางทีก็เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น คิดวนไปวนมาว่าตัวเองมีดีตรงไหน คิดว่าถ้าวันหนึ่งคุณคูลจะไปจะเอาอะไรไปสู้คนอื่นได้”ตัวเล็กว่าเสียงเครือ คูลท้าวแขนคร่อมมินไว้ มือใหญ่ก็ลูบผมคนใต้ร่างเบาๆ
“มินมีดีทุกอย่างนั่นล่ะ ทุกอย่างที่เป็นมินดีที่สุดสำหรับคูลเสมอ อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใครเลย”“แต่ว่า…”
“หือ?”
“น้องเขาน่ารัก”
“อืม”
คูลตอบรับในลำคอ มองคนพูดยิ้มๆ
“สวยด้วย”
“อือฮึ”
“แล้ว…”
“แล้ว?”
ตากลมโตช้อนมองคนที่คร่อมตนเองไว้ เม้มปากเหมือนไม่แน่ใจว่าควรพูด แต่สุดท้ายก็พูดมันออกมา
“น้องเขาก็…เป็นผู้หญิง…”พูดเสียงเบายิ่งกว่าเดิม ก่อนหลุบสายตาลงต่ำ ไม่กล้ามองหน้าอีกคน
คูลมองท่าทางของเจ้าตัวเล็กแล้วยิ้มบาง มือใหญ่เกลี่ยข้างแก้มเบาๆ
“จะบอกอีกทีว่าฉันรักเธอ…”มินเงยหน้าขึ้นมองทันทีที่ได้ยินคนตัวโตร้องเพลงขึ้นมา สีหน้าตื่นๆปนงงๆผสมก๊งเล็กน้อย
“จะบอกให้ฟังว่าฉันค้นเจอ ความหมายของการมีชีวิตอยู่ ก็รู้จากเธอไม่ใช่ใคร”คูลขยับตัวลงนอนเคียงข้าง จับมือคนตัวเล็กไว้ หัวแม่มือเกลี่ยที่ข้อนิ้วนางข้างซ้ายไปมา ทั้งยังร้องเพลงท่อนต่อไปคลอเบาๆ
“จะบอกอีกทีถ้าไม่เชื่อกัน จะบอกอีกทีว่าความสำคัญเธอนั้นเป็นที่หนึ่งเหนือผู้ใด และไม่มีใครนอกจากเธอ”สบตาบอกความนัยว่ารู้สึกดังเช่นในเนื้อเพลงจริงๆ มินมองตานักร้องจำเป็นอมยิ้มเล็กๆกับการกระทำนั้น
“อย่ากลัวกับคนที่เขามานินทา อย่ากลัวว่าในแววตาฉันมีใคร เชื่อในรักเรา เชื่อในหัวใจ ที่ฉันให้เธอได้ไหม”
“………………..”
“ใครจะพยายามแทรกกลางระหว่างเรา รู้ไว้นะว่าเขาไม่มีวันเข้ามาได้ จะไม่มีตรงกลางที่เหลือว่างเผื่อใคร ถ้าใจเรายังคู่กัน ใครจะพยายามยุยงให้สั่นคลอน รู้ไว้นะทุกครั้งฉันนอนหลับตาฝัน เห็นแค่ภาพเรารักกันยาวนาน จนถึงวันที่ฉัน…”จรดริมฝีปากลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของมือเรียวที่ตนเองจับกุม เหลือบสายตาขึ้นมองสบกับคนที่นอนฟังเงียบๆนั้น ก่อนเนื้อเพลงท่อนสุดท้ายจะถูกเอื้อนเอ่ยตามมา
“…แต่งงานกับเธอ”มินเม้มปากกลั้นยิ้ม คนตัวโตก้มลงแนบริมฝีปากบนหน้าผากเนียนแผ่วเบาแต่เนิ่นนาน ตัวเล็กหลับตาลงซึมซับทุกความรู้สึกที่อีกคนส่งผ่านมา คูลค่อยถอนจูบนั้น มองหน้าคนที่ค่อยลืมตาขึ้นมาช้าๆ
“ไม่ว่าจะต้องบอกอีกกี่ครั้ง คูลก็ยังรักมินแค่คนเดียว ต่อให้มีอีกสักกี่คนสวย กี่คนน่ารัก ก็ไม่มีใครทำให้คูลหวั่นไหวได้ทั้งนั้น”คำยืนยันนั้นทำให้คนฟังน้ำตาคลอ มันอาจจะไม่ได้เป็นคำพูดที่วิเศษมากมาย แต่เมื่อมันออกมาจากปากของคูลแล้ว มันก็ยืนยันได้ถึงความรู้สึกว่ามาจากใจของคูลจริงๆ
“รักแค่มินเท่านั้น”
นิ้วเรียวปาดหยดน้ำตาที่ไหลรินจากแก้มใส โน้มใบหน้าลงไปใกล้ แตะริมฝีปากของตนเองกับอีกคนแผ่วเบากระซิบคำชิดเรียวปากนั้นอีกครั้ง
“นะครับ”
กดจูบลึกล้ำมากขึ้นซึมซับความหวานจากเรียวปากอิ่มหยอกล้อเคล้าคลอความหวานล้ำนั้น ไม่ว่าจะจูบกับคนนี้กี่ครั้งก็ไม่นึกเบื่อ มีแต่ความหอมหวานอิ่มเอมทุกครั้งที่ได้ลิ้มลอง ทำให้หลงเพริดและมัวเมาได้ง่ายๆ
เนิ่นนานกว่าที่คูลจะยอมปล่อยให้ตัวเล็กเป็นอิสระ ริมฝีปากอิ่มที่เผยอน้อยๆกอบโกยอากาศเข้าปอดหนักๆมันช่างดูยั่วยวนอย่างไร้การเสริมแต่ง หรือจะเป็นเพราะรักที่ไม่ว่ามินจะทำอะไรก็ทำให้คูลมองว่าดีไปเสียทุกอย่าง แต่จะเพราะอะไรก็ช่าง ยังไงในสายตาเด็กตัวโตแล้ว มินก็ดีที่สุดทั้งนั้นล่ะ
“มินรักคูลไหม?”คูลเอ่ยถามคนที่นอนมองเขาตาแป๋ว ตัวเล็กอมยิ้มเขินๆ รั้งคนตัวโตลงมาใกล้ ป้องปากกระซิบบอกใกล้ๆหูราวกลัวว่าใครจะได้ยินด้วย
‘รัก’บอกแล้วเขินหน้าแดง จนคนถูกบอกรักต้องให้รางวัลด้วยการฟัดแก้มแดงๆนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว ตัวเล็กหัวเราะคิกคักที่ถูกหอมแก้มซ้ายขวาแกล้งๆ
คูลอยากขอบคุณทุกสิ่งไม่ว่าอะไรก็ตามที่นำพาเขามาเจอกับมิน ให้เราได้รักกัน มีกันและกันอยู่อย่างวันนี้ ต่อให้ในอนาคตข้างหน้าจะต้องเจอกับอะไรที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ ทั้งเขาและมินก็พร้อมที่จะฟันฝ่ามันไปด้วยกัน ตลอดไป
จบตอนพิเศษ 2** เพลง : ไม่มีตรงกลาง ศิลปิน : จิรากร
เพลงนี้ถูกแต่งมาเพื่อน้องมินนนน แอบอ้างเต็มที่ 55• คูลลลล ทำไมนับวันหนูยิ่งหวานเนี่ยลูก (ได้ข่าวว่าแกเขียนเอง )
• ชีวิตขาดความหวาน เติมน้ำตาลกันสักหน่อย เอิ้กๆ
• ขอบคุณทุกคนที่แวะมานะคะ กดบวกหนึ่งให้ทุกคนโดยทั่วกัน