เฮียเมฆไม่พอใจ ผมรู้ครับ แต่ช่วยไม่ได้เฮียเลือกที่จะทำร้ายจิตใจผมก่อน ผมไม่ใช่คนที่ชอบประชดอะไรขนาดนั้น ปกติแล้วมักเลือกที่จะหนีเหมือนก่อนหน้านี้เสียมากกว่า การที่ผมจะทำอะไรแบบนี้ก็แปลว่าผมไม่อยากจะอดทนเหมือนกัน จริงๆ แล้ว เฮียเมฆไม่ชอบให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ผมครับ อ้อ ไม่ใช่ห้ามทุกคนนะ เฮียเมฆดูออกครับว่าใครเข้ามาหาผมในรูปแบบไหน ถ้ามาอย่างเพื่อนแบบไอ้ธรเนี่ย สบายครับ รอดไป แต่เข้ามาแบบคนในร้านเมื่อสักครู่นี้นี่ เฮียไม่ชอบเลยมากๆ ครับ
เขาเรียกว่าอะไรนะ หวงก้างมั้ง ก็ไม่รู้สิครับ ผมก็เป็นนะ มันก็ต้องมีบ้าง ยังไงดีล่ะ ถ้าเป็นผู้หญิง เฮียเมฆไม่ค่อยสนใจหรอกผมจะไปเปิดห้องต่อจากนี้ยังไม่ว่าเลยขอเพียงป้องกันเป็นพอ แต่ถ้าเป็นผู้ชายล่ะห้ามครับ อ้าว ยังไงนะครับ แล้วก่อนหน้านี้ที่ผมมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนหนึ่งในผับใช่มั้ย จุ๊ๆ อย่าบอกเฮียเมฆนะครับ ไม่รู้ก็เท่ากับไม่มี
เวลานี้ค่อนข้างดึกแล้ว ถนนโล่ง รถทำความเร็วได้ดี ไม่นานเราก็มาถึงบ้านเฮียเมฆครับ ผมรีบลงจากรถก้าวเท้าอย่างรวดเร็ว เพราะจะได้รีบเข้าห้องนอนเสียที คืนนี้ผมอาจจะคิดว่าผมชนะแต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ครับ เฮียเมฆไม่ต้องทำอะไร แค่นั่งคุยกับพี่พีช นัดพี่พีชมา ก็ถือว่าเฮียชนะผมไปตั้งนานแล้วล่ะ หัวใจของผมยังเต้นอยู่และเจ็บปวดเหมือนเดิม
แล้วคุณคิดว่าผมจะเข้าห้องนอนทันมั้ย โอ้ย ร้อยทั้งร้อย ทันสิครับ ผมรีบเดินกึ่งวิ่งขนาดนั้น แต่ผมดันลืมอะไรไปบางอย่างน่ะสิครับ เฮียเมฆมีกุญแจสำรองห้องผม โธ่ จบกัน ถึงว่าเฮียไม่ได้รีบตามผมมาเลย เสียงไขประตูห้องดังขึ้นแล้วไม่นานเฮียเมฆก็ก้าวเข้ามา
“ทำแบบนี้ทำไม” เฮียเมฆเปิดประเด็นก่อนเลยครับ
“ผมต่างหากที่ต้องถามว่าพี่ทำแบบนี้ทำไม” ผมพยายามไม่ให้เสียงตัวเองสั่น แต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นใจเข้าข้างผมเอาเสียเลย
“คีก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบ”
“พี่เมฆก็รู้ว่าผมไม่ชอบ” ผมย้อนเฮียเมฆกลับไปด้วยคำถามเดียวกัน
“คุณพีชแค่มากินข้าวกับเราเท่านั้นเอง”
“คนนั้นก็แค่ชวนผมไปดื่มเท่านั้นเอง”
“อย่าพูดจายอกย้อนใส่พี่นะ คีรินทร์” เสียงเฮียเมฆต่ำลงจนน่ากลัว ผมไม่เห็นเฮียเมฆโหมดนี้นานเท่าไหร่แล้วนะ ก็น่าจะนานพอ ตั้งแต่ที่เฮียจับได้ว่าผมเข้าโรงแรมไปกับผู้ชายแล้วเฮียเมฆตามไปเจอ ยอมรับว่าไม่ชินกับอารมณ์แบบนี้ของเฮียเมฆ แต่มาถึงขั้นนี้แล้วผมคงอดทนอยู่เฉยๆ ไม่ได้
“ผมเปล่า!!”
“ทำทั้งที่รู้ว่าพี่ไม่ชอบ”
“ผมก็ไม่ชอบแบบนี้เหมือนกัน”
“พี่ทำอะไร คี หา!! พี่ทำอะไร” เชิญครับ เสียงกดดันผมเข้าไปอีก ทำไมเหมือนผมเป็นฝ่ายผิดอยู่คนเดียวเลยวะ
“ทำไมพี่ไม่บอกผมว่าชวนคุณพีชมาด้วย” เสียงผมสั่นจนเห็นได้ชัด ให้ตายเถอะ ไม่อยากจะร้องไห้เวลานี้เลยจริงๆ
“พี่ไม่ได้คิดอะไร คุณพีชเค้าอยากนัดพวกเราออกไปดื่มอะไรกัน พี่ก็ตอบรับไปก็เท่านั้น แต่ถ้าคีไม่ชอบงั้นพี่ต้องขอโทษคีจริงๆ”
“พี่เมฆรู้มั้ยว่าผมไม่ชอบพี่พีช”
“คิดว่ารู้”
“ทั้งที่รู้ พี่ก็ยังจะทำแบบนี้กับผมงั้นเหรอ” เสียงผมดังขึ้นเพราะชักเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่
“พี่ไม่คิดว่าคีจะไม่ชอบคุณพีชขนาดนั้น”
“พี่เมฆไม่คิดว่าใจร้ายกับผมเกินไปหน่อยเหรอ”
“คี อย่าร้องไห้” เอ๊ะ นี่ผมร้องไห้เหรอ ไม่รู้ตัวเลยแฮะ ผมปาดน้ำตาที่เต็มหน้าทิ้ง เอาไว้ก่อน ตอนนี้ผมกำลังได้เปรียบต้องรีบพูดออกมาให้หมด
“พี่รู้สึกยังไง ตอนที่ผมเดินไปหาผู้ชายคนนั้น หึ ผมบอกได้เลยว่า ผมเองก็รู้สึกไม่ต่างกันหรอกเวลาที่เห็นพี่อยู่กับพี่พีช”
“พี่กับคุณพีชไม่มีอะไรกัน”
“เอาไปหลอกเด็กเถอะ ผมยังเป็นคนอยู่น่ะพี่เมฆ ผมไม่ใช่ควาย!” ควายเสียงดังฟังชัดเชียวครับ พูดเองยังรู้สึกตกใจเองเลย
“พี่กับคุณพีช เรารู้จักกันในฐานะคนที่ติดต่อเรื่องงานกัน เท่านั้น”
“ผมไม่ได้โง่นะ ถึงจะดูไม่ออก ท่าทางของพี่พีชไม่ได้คิดกับพี่แค่นั้น แต่ที่ผมไม่รู้น่ะคือใจของพี่ต่างหาก”
“ถ้าคีไม่เชื่อ ไม่ว่าพี่จะพูดอะไรไปมันก็คงไม่มีประโยชน์สินะ” เดี๋ยวก่อน ประโยคพวกนี้มันเหมือนประโยคบังคับที่แบบว่าถ้าเธอไม่เชื่อฉันล่ะก็ ฉันจะไม่พูดแล้วนะ เธอจะคิดอะไรต่อก็ช่างเธอเลย มันเหมือนประโยคบังคับให้ยอมเชื่อน่ะครับ ผมไม่ชอบเลยจริงๆ
“เพราะสิ่งที่ผมคิดมันคงเป็นเรื่องจริงสินะ”
“พี่บอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่”
“ขอโทษนะครับ พี่เมฆ แต่ผมเชื่อพี่ไม่ลงจริงๆ”
“ถ้าคีไม่เชื่อพี่ก็ช่าง แต่พี่ขอสั่งห้ามคีห้ามไปยุ่งข้องเกี่ยวกับผู้ชายคนไหนเหมือนวันนี้อีก”
“ผมจะทำอะไร มันก็เรื่องของผม” ผมก็ไม่ยอมเถียงเฮียเมฆไม่ลดละเลยทีเดียว คนมันโกรธ คนมันโมโห แล้วยังมาห้ามอะไรแบบนี้อีก เฮียเมฆนึกว่าตัวเองเป็นใครกัน
“ถ้าคีไม่เชื่อพี่ ก็อย่าหาว่าพี่ไม่เตือน” เอาจริงๆ นะครับ ผมคิดว่าเฮียเมฆน่าจะแค่ขู่ให้ผมกลัวมากกว่า เฮียเมฆไม่น่าจะทำอะไรเกินความคาดหมายหรอก
“ก็เรื่องของพี่เมฆสิ”
“ส่วนเรื่องของคุณพีช...”
“ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว”
“คี ฟัง!” น้ำเสียงของเฮียเมฆ ผมว่าน่าจะใกล้ถึงขีดสุดแล้วล่ะ ผมต้องรีบหยุดการสนทนานี้โดยเร็ว ไม่งั้นเรื่องจะยาวและบานปลาย
“อย่าบังคับผมนะพี่เมฆ ผมรู้ว่าพี่จะทำอะไรได้มากแค่ไหน แต่ผมคิดว่าพี่เมฆน่าจะรู้จักผมดีว่าผมทำอะไรได้บ้าง”
“ไปนอนห้องพี่”
“ไม่”
“พี่ว่าคีเองก็คงจะรู้จักพี่เหมือนกัน ว่าพี่ทำอะไรได้บ้าง” น้ำเสียงแบบนี้ดูเหมือนไม่ใช่แค่การขู่ธรรมดาครับ เฮียเมฆน่าจะเอาจริง ต่อให้ผมแหกปากลั่นบ้าน ลุงกรณ์กับป้าจันตื่นมาห้าม ผมคิดว่าก็ไม่น่าจะรอดจากอารมณ์ของเฮีย ผมอาจจะตายไปจากโลกนี้จริงๆ ทุกคนอย่าลืมทำบุญไปให้ผมด้วยนะ เพราะฉะนั้นรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี คนเราต้องรู้เวลาบุกและเวลาถอย ตอนนี้ผมต้องถอยออกมาก่อนครับ ถอยชนิดที่ว่าเข้าเกียร์เกือบไม่ทัน
“ครับ” ผมเดินตามเฮียเมฆต้อยๆ เข้าไปห้องเฮีย มุ่งหน้าไปตู้เสื้อผ้าเช่นเคยแล้วเข้าไปอาบน้ำ
ผมนอนไม่หลับ น้ำตาที่ไหลออกมาหยุดไหลไปตอนไหนไม่รู้ ผมไม่ใช่คนที่เอะอะก็ปี่แตกร้องไห้ง่ายอะไรแบบนั้น แต่ต่อหน้าเฮียเมฆทีไร ร้องไห้จริงจังตลอด ว่าไปก็อายเหมือนกันนะ รู้สึกเหมือนเป็นผู้ชายขี้แยยังไงไม่รู้ ตอนท้าตีต่อยกับคนอื่น เจ็บแค่ไหนก็ไม่มีน้ำตาสักหยด
“นอนได้แล้ว” คนข้างๆ ยังไม่หลับครับ ทั้งที่เลยเวลานอนของเจ้าตัวไปนานพอสมควรแล้ว วันนี้เราทะเลาะกันนับว่าค่อนข้างแรงเอาการอยู่ ปกติผมจะเลือกหนีและไม่ต่อคำพูดอะไรกับเฮีย แต่ครั้งนี้คงเหลืออดบวกอัดอั้นก็เลยย้อนเฮียเมฆกลับไปมากมายพอดู
“.....” ผมไม่ตอบเฮีย ลืมตาโพลงในความมืดอยู่แบบนั้น
ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ ผมนึกย้อนกลับไปคืนที่เราสองคนอยู่ที่น่านและผมเมา คืนนั้นผมคิดว่าเราทั้งคู่น่าจะเข้าใจกันแล้วโดยไม่ต้องรื้นฟื้นเรื่องราวเก่าๆ มาให้เจ็บใจ แต่มันไม่ใช่เลย ผมคงคิดไปเองฝ่ายเดียว
ห้องน้ำที่พักนั้นคับแคบเกินกว่าจะให้ผู้ชายตัวโตสองคนเข้าไปอาบน้ำพร้อมกัน แต่ผมกับเฮียเมฆก็ยังทำ ผมที่เวลาเมาจะขี้อ้อนเป็นพิเศษ เก็บความรู้สึกของตัวเองไม่ค่อยได้หรอกครับ คิดยังไง ต้องการยังไงก็บอกไปแบบนั้น ภาระเลยไปตกอยู่กับเฮียเมฆที่ครองสติได้ดีกว่าผม แต่เพราะเฮียก็คงต้านแรงตื๊อของผมไม่ไหว เราทั้งคู่เลยยืนตัวเปล่าภายใต้ฝักบัวในเวลานี้
ผมเป็นฝ่ายเริ่มคว้าคอของเฮียลงมาจูบ ลืมไปหมดว่าเคยหันหน้าหนีตอนที่เฮียพยายามจะจูบเพราะเฮียเคยจูบกับพี่พีชมาก่อน เค้าว่ากันว่าคนเมาทำอะไรก็ได้ ไม่ผิด มันจริงมั้ย ตอนแรกเฮียเมฆก็ดูจะตกใจเล็กน้อยที่ผมเริ่มแต่แค่แปปเดียวเฮียก็เป็นคนจูบผมกลับบ้าง มือหนาลูบไล้ร่างกายของผม จนมาหยุดที่ก้นของผม เฮียบีบแรงเสียจนผมต้องประท้วง
ริมฝีปากของเฮียลากไล้ผ่านมาจนถึงลำคอ เฮียขบเม้มตรงช่วงหน้าอกของผม จะว่าไปก็เกือบลืมเหมือนกันนะ รอยจูบของเฮียเมฆเนี่ย รู้สึกเหมือนนานจนไม่ทันคิดว่า เฮียเมฆชอบทำรอยอยู่เสมอ ดีนะว่าเฮียเลือกจุดที่อยู่ใต้ร่มผ้า ไม่งั้นนะ ถ้าไอ้ธรเห็น มันล้อผมไม่หยุดแน่ๆ อากาศค่อนข้างหนาวเย็น แต่ผมกลับรู้สึกร้อนเสียมากกว่า ผมอยากจะก้าวข้ามไปถึงขั้นตอนสุดท้ายเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ทำไม่ได้ แค่ยืนตรงๆ ยังยากสำหรับผมก็เลยต้องยึดเกาะไหล่ของเฮียเมฆเอาไว้เป็นหลัก
เฮียเมฆปิดน้ำไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนหลังสัมผัสกับที่นอนนั่นแหละครับ ตอนนั้นสติผมก็ยังไม่ค่อยจะกลับมาสักเท่าไหร่ ความต้องการภายในมันมากเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้ ผมแทบจะดิ้นพล่านด้วยความต้องการที่แทบจะทนไม่ไหวแล้ว ได้ยินแต่เสียงแผ่วเบาของเฮียพูดว่า ใจเย็นๆ รอก่อน ผมโคตรไม่เข้าใจเลย ใจเย็นอะไร รอก่อนอะไร งงไปหมดแล้ว
ผมส่งเสียงในคอด้วยความขัดใจ เฮียเมฆเลยจัดการสนองความต้องการให้ผม มือหนาๆ ของเฮียกำลังกำรอบกับตรงนั้นส่วนสำคัญของผม มันทำให้ผมแทบจะขาดใจ เหมือนร่างกายกำลังลอยสูงขึ้นไปบนอากาศทีละนิด ทีละนิด แต่สักพักเฮียเมฆก็หยุดมือ ทำเอาผมแทบจะตกจากฟากฟ้าลงมาซะเดี๋ยวนั้น
“อย่าหยุดสิครับ”
“พี่กลัวว่าจะ...” นั่นแหละครับ ปัญหามันจะอยู่กับคนที่มีสติกว่า คนที่ไม่มีสติหรือสติเลือนรางน่ะจะพูดอะไรก็ได้
“ช่างมัน ทำให้คีหน่อยนะ” ผมเองก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไปเหมือนกัน แต่ผมทนไม่ไหวแล้ว
เฮียเมฆเลยตัดสินใจก้มลงไปใช้ปากให้ผมแทน จะว่าไงดีล่ะ กับผู้ชายแล้วน่ะ ผมไม่เคยใช้ปากให้ใครและไม่เคยให้ใครใช้ปากกับของของผม แต่ผมกับเฮียเมฆเป็นข้อยกเว้นล่ะมั้งครับ ผมนี่แทบจะเต็มใจถวายให้เฮีย แต่ก็ด้วยปัญหาของผมเองที่ทำได้อย่างมากก็แค่จูบกันตอนที่ผมเมาเท่านั้นเอง
“อือ อืม” ผมครางอยู่ในคอ มือก็แทบจะขยุ้มผมเฮียเมฆออกมาทั้งหมดด้วยความรู้สึกภายในร่างกาย
“ห้ามเสียงดัง” รู้สึกเหมือนเสียงเฮียเมฆปนเสียงหัวเราะนะ
“ทำไมล่ะ” ผมไม่เข้าใจคำพูดของเฮียเลย
“ดึกแล้ว มันเงียบ” คิดว่าผมเข้าใจคำพูดของเฮียมั้ย บอกเลยว่าไม่ครับ
“คีไม่เข้าใจ” สมองผมตอนนี้คิดอะไรไม่ออกเลยครับ ขาวโพลนไปหมด
“พี่ไม่อยากให้คนอื่นได้ยินเสียงคี”
“อ้อ” เท่านั้นก็ถึงบางอ้อครับ ดึกแล้ว ถ้าเสียงดังก็คงได้ยินกันหมด เช้ามาคงหน้าตาตื่นด้วยความอายแน่ๆ
บทรักของเฮียดำเนินไปจนถึงช่วงเวลาที่ผมปลดปล่อยออกมา ตอนนั้นผมคิดว่าเฮียจะทำต่อให้ถึงที่สุด แต่ผิดคาดครับ เฮียเมฆเลือกที่จะไม่ทำต่อ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แล้วก็ไม่ได้ถามด้วย ผมผลักเฮียให้ลงไปนอนแทน แล้วก็ทำเหมือนกับที่เฮียทำกับผมไปก่อนหน้านี้บ้าง ผมว่าเฮียก็ต้องอึดอัดอยู่บ้างล่ะ เพราะท้ายที่สุดแล้ว น้ำของเฮียนี่ออกมาซะเยอะเชียวล่ะ หึหึ ผมไม่ได้ทะลึ่งหรอกใช่มั้ยครับ
หลังจากสบายตัวกันไปทั้งคู่ ผมกับเฮียก็หลับไปด้วยกันทั้งแบบนั้น เราสองคนนอนกอดกันจนถึงเช้า ผมรู้สึกเหมือนโลกของผมเบิกบานขึ้นอีกครั้ง คนเรามักจะผ่อนคลายได้ด้วยเซ็กส์ โดยเฉพาะเซ็กส์กับคนที่เรารัก คำพูดนี้ดูเหมือนจะจริงนะ เพียงแต่คนที่พูดเขาไม่ได้บอกว่า แต่ถ้าคนรักของคุณไม่ได้มีคุณคนเดียวมันยังจะเบิกบานผ่อนคลายอยู่มั้ย
โลกแห่งความจริงมักโหดร้ายเสมอ ผมยังนอนไม่หลับ คิดวกไปวกมาอยู่คนเดียว คำถามเดิมๆ ผุดขึ้นมาเหมือนเดิม ถ้าเฮียเมฆเลือกพี่พีชล่ะ ผมจะทำยังไงต่อไป ผมจะทนได้เหรอ ผมจะต้องทนเห็นคนที่รักกับคนที่ไม่ชอบอยู่ด้วยกันแบบนั้น โอ้ย นายคีรินทร์อยากจะเอาหัวโขกกำแพง
“อย่าคิดมากเลยคนดี เชื่อพี่เถอะ” เหมือนคนข้างๆ จะอ่านใจผมได้ เฮียเมฆดึงผมเข้าไปกอด พร้อมบอกเสียงแผ่วเบา
นี่มันคือคำที่ใช้ไว้สำหรับปลอบใจคนอย่างผมหรือเปล่า
-------------------------------------------------------------------------
อย่าเพิ่งเบื่อความเยอะของคีเลยนะคะ คีรินทร์นี่ เขาเชื่อใจคนยากค่ะ เด็กมีปัญหาก็เงี้ย
ขอบคุณทุกการอ่านและคอมเมนท์นะคะ ^^