ตอนที่8
ผมตื่นแต่เช้า และลุกขึ้นมาด้วยสภาพที่ยังไม่ตื่นดีนักเสียงคุยโทรศัพท์ของทินมันช่างรบกวนการนอนของผมเสียจริง มองดูนาฬิกานี่มันเพิ่งจะหกโมงเช้าเอง ใครกันนะที่โทรมาหาทินแต่เช้า ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันเพราะไม่ได้สนใจ ลุกเดินหาวปากกว้างเเล้วเดินเข้าห้องน้ำไป พอออกมา ทินก็นั่งดูโทรศัพท์อยู่บนที่นอน ผมเลยไปนั่งข้างๆ
"เป็นไรอ่ะ ดูทำหน้า"ทินที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแต่เช้า ทำให้ผมสงสัยว่าจะเกิดปัญหาอะไรไหม
"หืม เปล่าหรอกแค่ที่บ้านโทรมาบอกย่าจะมาเยี่ยมน่ะ"อืม ย่ามาก็น่าจะดีใจนี่แล้วทำไมต้องทำหน้าบึ้งด้วยล่ะผมเลยเงียบไม่ถามต่อเพราะไม่อยากก้าวก่ายเรื่องครอบครัวของทิน
"ไปแต่งตัวสิบอยเดี๋ยวทินพาไปวัด"ทินเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้ม
"อื้ม"
ผมกับทินเราออกจากบ้านตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าวันนี้เป็นวันพระใหญ่เลยกะว่าจะไปทำบุญที่วัดกัน พอถึงวัดคนก็เยอะน่าดู จัดของที่จะใส่ทำบุญใส่ถาดเพื่อรอถวาย ผมกับทินนั่งเล่นรอพระลงจากกุฏิ เพราะพระที่นี่จะลงมาประมาณเกือบๆแปดโมง เราสองคนนั่งฟังเทศ พอซึ้งถึงรสพระธรรมก็พากันกลับ รู้สึกสบายใจดีจัง
"ปะกลับกัน"ทินชวนกลับบ้าน
ทินพาผมมาที่ไหนก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่บ้านผม ไอ้เราก็นึกว่าทินจะพาผมกลับบ้าน ผมมองทินอย่างสงสัย ทินคงเห็นเลยหันมายิ้ม
"ไปบ้านทินกันก่อนนะ"
"อ่ะ จะพาไปจริงๆหรอ ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลย"ทินหัวเราะ แล้วจะหัวเราะทำไมเนี่ย
"เอาน่า บอยไม่อยากไปบ้านทินหรอ"ผมส่ายหน้า
"ไม่ใช่ แค่ก็ไม่เคยไปนิ่เราก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่ทินเป็นคนยังไง"ผมก้มหน้าทำเสียงอ่อย ทินหัวเราะอีกละ
"เอาน่า พ่อแม่ทินใจดีจะตาย"เออ ให้มันจริง ตัวเองรู้สึกใจตุ้มๆต่อมๆไงไม่รู้ ถ้าผมกับมันเป็นเเค่เพื่อนธรรมดาผมคงไม่กัง
วลขนาดนี้หรอก แต่นี่ผมเป็นแฟนทินนะ แล้วทินพูดอะไรกับครอบครัว เรื่องของผมไว้ว่ายังไงก็ไม่รู้ ทำตัวไม่ถูกเลย
ผมมองทางตามถนนไปเรื่อยๆ เพราะบ้านทินคงจะไกลกับบ้านผมมาก เรานั่งรถประมาณ2 ชม. ก็ถึงหน้าบ้านของทินมั้ง ประตูรั้วที่สูงนี่ช่างอลังการงานสร้างจริงๆ ไม่ต้องมีคนมาเปิดให้แค่กดรีโมทมันก็เปิดเองละ แล้วถ้าเกิดรีโมทเสียเเล้วจะเข้าบ้านยังไงอ่ะ แหะๆ จะว่าผมเชยก็ได้นะ ไม่ยักรู้ว่าแฟนผมมันจะรวยขนาดนี้ จะว่าตัวเองโชคดี ดีไหมเนี่ย
ทินขับรถไปจอดตรงที่ดูเหมือนโรงรถ ดูจากรถที่จอดอยู่เเล้ว บ้านนี้คงมีญาติพี่น้องหลายคน เพราะรถที่จอดอยู่นี่จอดอยู่หลายคัน
"มาถึงกันเร็วดีจริง"ทินมองดูนาฬิกาที่มันบ่งบอกว่าตอนนี้ใกล้จะเที่ยงเเล้ว แถมตอนนี้ผมหิวจนท้องกิ่ว
"ปะบอย"ทินชวนผมลงรถแต่ผมไม่อยากลงอ่ะ
"ต้องทำไงบ้างอ่ะ"ผมถามทินเพื่อที่จะได้ทำตัวถูก
"ทำตัวสบายๆ ก็พอแล้วไม่ต้องเกร็งหรอกบอย ฮึฮึ"ยังจะมีหน้ามาหัวเราะในลำคออีก นี่ผมซีเรียสนะ
ผมลงจากรถเเล้วเดินตามทินเพื่อเข้าบ้าน ได้ยินเสียคนกำลังคุยกันอยู่หลายคน พอเข้าไปในตัวบ้าน ที่เป็นเหมือนโซนรับเเขก
มีผู้ดูท่าจะมีอายุหลายคนกำลังพูดหยอกล้อกัน..............วันรวมญาติหรือไงล่ะเนี่ย (- -")
"อ้าวทินกลับมาเเล้ว"ใครคนหนึ่งร้องอุทานเมื่อทินกับผมเดินเกือบจะถึงจุดที่พวกเขาคุยกัน ทินยกมือไหว้ทุกๆคน
"บอยนี่ พ่อเเม่เรา แล้วก็ญาติๆเราหลายคนอ่ะเดี๋ยวค่อยเเนะนำอีกที"ผมยกมือไหว้ พ่อกับแม่ทินก่อน แล้วหันไปไหว้ญาติของทิน
ทุกคนยิ้มให้ สีหน้าดูเป็นมิตรดี...........มั้ง........
"ทิน นี่หรอบอยหน่ะ" แม่ทินร้องเเล้วปรี่เข้ามาหาผมจนผมเกือบผวา
"ตาถึงนะเรา"แม่ทินทำหน้าตาตื่นเต้น
"ระดับทิน แม่ก็"ทินดึงผมไปไว้ข้างหลัง ทุกๆคนกำลังมองเราอยู่
"กลับมาก็ดี กินข้าวเที่ยงหรือยัง พวกพ่อกำลังให้ยายแม้น จัดโต๊ะอยู่พอดี"
"อื้ม ดีเหมือนกันพ่อไปทำบุญกับทินมาตั้งแต่เช้ายังไม่มีไรตกถึงท้องเลย"ทินทำท่าลูบท้อง
"งั้นรอเดี๋ยวนะ ไปไหว้ย่าก่อนสิลูก อยู่ที่ศาลาริมสระหน่ะ"แม่ยิ้มแล้วดันทินกับผมให้ออกจากบริเวณ ที่ญาติๆของทินเริ่มทำท่า
กระซิบคุยกัน
ทินพาผมเดินเลาะริมสวนไปเรื่อยๆ จนไปโผล่ถึงศาลาที่ว่า ผมมองเห็นคนแก่ สงสัยจะเป็นย่าของทิน กำลังนั่งคุยกับใครซักคน
พอเดินไปถึง ทินก็เรียกย่า
"ย่า"ย่าทินสะดุ้ง แล้วหันมามอง กับอีกคนที่นั่งคุยด้วยอยู่เเล้วเป็นผู้หญิงที่อายุพอๆกับพวกผม หน้าตาสะสวยหันมามองผมกับทิน
"สวัสดีครับย่า บอยนี่ย่าเรา"ผมยกมือไหว้ ย่าทินยิ้มให้
"เจริญๆ นะพ่อ"
"ต๊ายนี่ทินหรอ จำแทบไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้น ทำเสียงอุทาน แต่เสียงนี่เเหลมน่าดู
"ปรางหรอ"ทินทำหน้าตกใจ
"ช่ายปรางเองไม่เจอกันนานหล่อเหมือนเดิมเลยนะ"ผู้หญิงคนนั้นทำท่าเอานิ้วจิ้มที่อก แล้วทำตาเหมือนเจ้าชู้ เอ่อผมไม่ได้คิดไปเองนะเธอทำสายตาอย่างนั้นจริงๆ
"ปรางก็เหมือนกัน สวยกว่าเดิมเยอะเลย"ทินชม ผมได้เเค่มองคนนั้นทีคนนี้ที
"หึ ชมปรางสวย แต่ถึงปรางจะสวย ทินก็ไม่เคยที่จะมองปรางบ้างเลย"เธอสะบัดหน้าเชิดใส่
"อะไรก็มองอยู่ไม่มองเเล้วจะเห็นหรอ"ทินหัวเราะ คนชื่อปรางทำปากเบ้ แล้วทุบทินไปหนึ่งที ทินหัวเราะเหมือนกำลังสนุก จนลืมผม รู้สึกหึงนะแต่ไม่อยากแสดงออกมาก ผมได้แค่มองพวกเค้าสองคนหยอกล้อกันไปมา
"พ่อหนุ่มช่วยย่าหน่อยสิลูก"คุณย่าทำท่าจะลุก
"ผมช่วยพยุงครับ"ผมพยุงย่าของทิน ท่านคงไม่ค่อยมีเเรงอายุคงจะมากน่าดู
"จะไปไหนหรอครับ"ผมถามแก เพื่อจะได้ช่วยพยุงเดิน เหลือบไปมองสองคนนั้นที่คุยเหมือนไม่เคยเจอกันเป็นปีๆจนไม่ทันสัง
เกตุผมกับย่าว่ากำลังจะออกไปจากตรงนี้เเล้ว
"ย่าจะไป ที่สวนมะลิหน่ะ ตรงโน้น"โหย่าครับสายตาดีมากเลยมองไกลๆก็เห็น ผมพาท่านเดิน จนมาถึงจุดหมายค่อยๆพยุงให้ท่าน
นั่งลง แล้วก็ก็นั่งข้างล่างนั่งยองๆ ได้กลิ่นมะลิที่หอมอบอวล ถ้าเป็นตอนเช้ากลิ่นคงจะหอมกว่านี้เเน่ๆ แต่เเดดก็ไม่ร้อนมากซัก
เท่าไร
"เป็นเพื่อนตาทินหรอ"ท่านเริ่มบทสนทนาถามผม
"ครับ"ผมพูดอย่างเเผ่วเบา
"อืม ชื่ออะไรล่ะ"
"ชื่อ บอยครับ"ย่าเหล่มองผม แล้วหันสายตาไปสนใจดอกไม้ต่อ
"อืม ใช่บอยที่เป็นแฟนทินหรือเปล่าล่ะ"ผมกลืนน้ำลายดังเอือก นี่รู้ได้ไงว่าผมเป็นแฟนทิน ย่าหัวเราะกับอาการของผม
"คงจะใช่สินะ ไม่ต้องสงสัยหรอก ตระกูลนี้ก็เป็นกันแบบนี้แหละ เค้าไม่ค่อยจะปิดบังเรื่องของลูกหลานหรอก"ผมพยักหน้า
เหมือนจะเข้าใจ แต่มันหมายความว่าไงไม่รู้
"อ่อ....."ผมไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่อ้ำอึ้ง
"พ่อหนุ่มไม่อยากมีชีวิตที่ปกติ เหมือนคนทั่วๆไปงั้นหรอ"อ่อ ผมยิ่งพูดไม่ออกรู้ชะตากรรมของตัวเองขึ้นมาทันที
"ฉันก็ไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องของเด็กๆหรอกนะ แต่เธอแน่ใจกันเเล้วหรอว่าชีวิตของพวกเธอจะมีความสุขหน่ะ"
"แล้วเธอไม่สงสารพ่อแม่เธอบ้างหรอที่มีลูกชายแต่กลับไม่มีทายาทให้สืบสกุล"ผมได้เเต่อ้าปาค้างในสิ่งที่ท่านพูดรู้สึกอึ้งๆ
งานเข้าเเล้วไง ย่าคงไม่ปลื้มผมซักเท่าไร เพราะขนาดพูดยังไม่มองหน้าผมเลย ผมที่กำลังอ้ำๆอึ้งๆจะตอบ คำถาม ทินก็เดินเข้ามาก่อนผมเลยหุบปากเงียบซะ
"มาอยู่กันที่นี่เองคุณย่า"ทินเข้ามาหาย่าแล้วนั่งกอด ย่าทินลูบหัว เเล้วยิ้มเเบบอ่อนโยน
"คุณย่าคะได้เวลาทานข้าวเเล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวปรางช่วยพยุงนะคะ"เธอค่อยๆพยุงย่าโดยมีทินช่วยอีกข้าง ทินกวักมือเรียกผมให้ตาม
เพราะผมที่กำลังอึ้งกับเมื่อกี้ไม่หาย เลยไม่ได้เดินตามพอทินเรียกเลยได้สติเดินตามอย่างเงียบๆ
เหมือนเป็นส่วนเกินยังไงไม่รู้ ผมนั่งข้างๆทิน ที่กำลังคุยจ้อกับปรางถึงแม้ว่าจะหันมาคุยกับผมบ้างก็เถอะ แต่ผมก็รู้สึกเหมือนตัวคนเดียวอยู่เลย
"หนูเรียนคณะอะไรหรอบอย"แม่ของทินชวนผมคุย
"อา....ผมเรียน คอมพิวเตอร์อาร์ตครับ" แม่ทำหน้าทึ่งๆ
"หนูอยากทำหนังการ์ตูณ หรือหนังกราฟฟิคหรือลูก แม่ชอบมากเลย"แม่ทำท่าทึ่ง แต่ผมทำท่าตัวลีบกว่าเดิมไม่อยากจะคุยเลย
ว่าเกรดผมคงจะไม่ค่อยดีเท่าไรคงจะไปทำหนังเก่งๆ แบบนั้นไม่ได้คงได้แต่เรียนเอาวุฒิแถมยังโดนพี่ชายตัวเองบ่นอีก
"ครับผมก็ชอบ"ผมพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เฮ้อเกร็งมากเลย ทินบอกให้ผมทำตัวตามสบาย แต่ดูสถานการณ์นี่ไม่น่าให้สบายใจเลย ผมได้แต่มองคนนั้นคนนี้คุยกันข้าวเที่ยงรู้สึกฝืดๆคอชอบกล ถึงแม้ว่าแม่ทินจะชวนคุย ทินมันจะหันมาคุยกับผมบ้าง แต่ตอนนี้ผมรู้สึกอยากกลับบ้านมากๆเลย ผมฝืนทานอาหารมื้อเที่ยงจนหมดทีเเรกก็หิวหรอกแต่ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลยหายหิวไปในพริบตาผมแยกตัวมาจากวงสนาทนาของครอบครัวทิน มานั่งกอดเข่า มองดูดอกไม้บริเวณหน้าบ้าน
"เธอสินะ แฟนทินน่ะ"ผมถึงกับสะดุ้งเฮือก กำลังเหม่อ จู่ๆก็มีคนพูดเลยตกใจหน่อยนึง ผมมองปรางที่ทำท่ากอดอกมองผมด้วยสายตาจิกกัด
"เอ่อ...."ผมไม่รู้จะพูดว่าไง เลยได้เเต่ทำท่าจะพูด
"ฉันน่ะ สงสารทินนะ ที่เค้าไม่สามารถมีคู่ชีวิตที่ปกติ เหมือนคนทั่วๆไป"คำพูดแบบนี้มันคุ้นๆหูแฮะ
"หน้าตาเธอก็ดีนะ ไม่น่าจะมาคบผู้ชายด้วยกัน สาวๆคงจะติดเธอน่าดู"เอ่อ ที่พูดมานี่มันไม่จริงเลย สาวๆวิ่งหนีหมด
"ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถ้าไม่มีเธอเข้ามาในชีวิตของทิน ทินก็คงได้แต่งงานกับฉัน อ้อ เธอคงจะรู้นะว่าฉันกับทินสนิทกัน
มากแค่ไหน ทินถึงได้คุยกับฉันจนลืมเธอ ฉันอยากให้เธอเลิกกับทินซะ ถ้าเธอรักทินจริงปล่อยให้ทินไปมีอนาคตที่ดีกว่านี้ดีกว่า"อืมถึงแม้ว่าเธอจะพูดเร็วมากแต่ผมก็จับใจความได้ ผมรู้ว่าเธอหมายถึอะไร ผมเม้มปากแน่นด้วยความไม่พอใจ ปรางเเสยะยิ้มเหยียดผม แต่ผมไม่สามารถที่จะพูดตอบโต้อะไรต่อไปได้
"อ่าวมาอยู่ที่นี่กันเอง สนิทกันเเล้วหรอเห็นออกมากันนาน"ทินมองผมกับทินที่ยืนมองกัน
"ทิน ปรางอยากไปเที่ยวอ่ะ ลงมาที่นี่ทั้งทีทินพาปรางเที่ยวหน่อยสิ"เธอทำเสียงออดอ้อน
"อ่าคงไม่ได้หรอกปราง"ทินปฏิเสธทันควัญ
"ทำไมล่ะ"เธอยังทำน้ำเสียงไม่เลิก
"ออ พอดีต้องไปส่งบอยน่ะแล้ว พอดีทินต้องไปช่วยงานเพื่อนเลยต้องค้าง"
"อ้าวแล้วทินจะไม่อยู่กับคุณย่าก่อนหรอ"เธอทำน้ำเสียงเสียดาย
"อืม ไว้วันหลังทินจะไปเยี่ยมท่านเอง"เธอยิ้มให้ทิน
"ไม่ต้องหรอก เพราะคุณย่าจะมาค้างหลายเดือน ปรางก็ต้องอยู่ดูเเล ทินว่างเมื่อไรก็พาปรางไปเเล้วกัน"เธอมองทินด้วยสายตา
ที่หยาดเยิ้ม ทินทำหน้าเจื่อนลงเมื่อเธอบอกว่าอยู่หลายเดือน
"อ่าวหรอ งั้นว่างจะพาไปแล้วกัน"
"จริงนะ สัญญา"เธอทำท่าชูนิ้วก้อย ทินหัวเราะ
"ยัยบ้าโตขนาดนี้ไม่ทำเเล้วแบบนี้หน่ะ"ทิ้นตีไหล่เบาๆ เธอหัวเราะแบบพอใจ
ไม่ไหวเเเล้วนะ ผมคงทนอยู่ตรงนี้ไม่ไหว รีบเดินออกมาทันที อยากกลับบ้านเเล้ว ไม่อยากอยู่ที่นี่ผมเข้าหาผู้ใหญ่เเล้วบอกลาท่านดูตกใจเหมือนกันที่จู่ๆผมก็กลับ ผมเลยต้องอ้างว่ากลับไปช่วยงานที่บ้าน ผมเดินออกจากบ้านหลังนี้ทันที ทินวิ่งมาเเล้วรั้งผมไว้
"จะกลับแล้วหรอ ทำไมรีบกลับ"ทินทำหน้าตกใจ
"รู้สึกเหนื่อยๆหน่ะ"ผมกลั้นน้ำเสียงไว้เพราะอยากจะร้องไห้ยังไงไม่รู้
"งั้นทินไปส่ง"ทินลากผมขึ้นรถเเล้วพาผมกลับบ้าน ผมกับทินเรานั่งกันไปเงียบๆ แต่คนที่เงียบน่าจะเป็นผมมากกว่าเพราะทินถามผมตลอดทางว่าเป็นอะไรทำไมซึมๆ ผมยิ้มให้แล้วบอกว่าปวดหัว
ทินเลยเลิกถามแล้วไปสนใจกันถนน ทินเป็นคนอัธยาศัยดี กับทุกคน มันยิ่งชวนให้เข้าใจผิดได้ง่าย คำพูดที่พวกเค้าพูดกับผมมันยังวนเวียนอยู่ในสมอง ผมเริ่มปวดหัว ทินจับมือผม
"มีเรื่องอะไรก็บอกทินนะอย่าเก็บไว้คนเดียว ทินเป็นห่วง"ผมยิ้มแห้งๆให้กับทิน รัก ไว้ใจ หวงแหน ทิน บอยจะสู้ต่อไปได้ไหมนะบอยเจอปัญหาแค่นี้บอยกลับทำอะไรไม่ถูกเเล้ว ถ้าวันข้างหน้ามันหนักหนากว่านี้ล่ะบอยจะทำไง อนาคตที่พวกผมเลือกมันจะเป็นยังไงนะ แต่ที่รู้ๆ ทินยังคงยิ้มอ่อนโยนให้ผม มองผมด้วยเเววตาที่หวงแหน มอบความห่วงใยให้กับผม มันทำให้ผมรู้ว่าทินรักผมมากแค่ไหนใครก็คงจะมาเเยกไปง่ายๆไม่ได้หรอก บางที่คนนั้นเพียงแค่ต้องการยุเราให้แยกกัน ผมไม่อยากเอาคำพูดพวกนั้นเข้ามาให้รกสมองอีกแล้ว ขอแค่ได้อยู่กับคนที่รัก ผมก็พอใจใครจะว่าไงผมไม่แคร์ผมแคร์ความรู้สึกของทินก็พอ.........
......................................
:z10:พายุลูกเห็บกำลังจะเข้า ขอตัวไปหาที่กำบังก่อนละ