• •* หาคู่*• •วันสุดท้าย
การที่ประธานบริษัทพ่วงผู้นำตระกูลเฟวรีเย่หายตัวไปอย่างกะทันหันทำให้เกิดข่าวขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงแค่วันเดียวทั้งหนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ตหรือโทรทัศน์ต่างก็เต็มไปด้วยข่าวนี้จนคนรักอย่างผมทนไม่ไหว...
“เชส...นายควรกลับไปที่ฝรั่งเศสนะ”ผมพูดพร้อมกับเดินไปหาคนรักที่นั่งไขว่ข้างยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์เครื่องใหญ่ภายในห้องนอนสีขาวสะอาดตา
วันนี้ทั้งพ่อและแม่ต่างมีภารกิจภายในบ้านเลยมีเพียงผมและเชสเท่านั้น...ถึงการไปนั่งที่ห้องรับแขกของบ้านจะสะดวกและกว้างกว่าแต่เชสกลับบอกว่าอยากอยู่ในห้องผมแบบนี้
บ้านที่อยู่นี่มีสองชั้นโดยที่ชั้นสองมีห้องคือของพ่อแม่และของผมซึ่งภายในห้องนี้ก็ไม่มีอะไรมากนอกจากโทรทัศน์และโซฟาสีครีมหนึ่งชุดแล้วก็มีแค่เตียงนอนกับตู้เสื้อผ้าที่อยู่ใกล้ๆกันเท่านั้น
“พึ่งมาถึงก็จะไล่กันแล้วเหรอ?”คนถูกถามเงยหน้าขึ้นมาพรางทำหน้าเศร้าแต่มุมปากกลับยกยิ้มขึ้น
“...สองปีที่ผ่านมานี่แสดงออกเยอะขึ้นนะ”การที่จะเห็นอีกฝ่ายแกล้งทำหน้าเศร้ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เรียกว่าไม่เคยเห็นเลยดีกว่า
“ไม่หรอก...พึ่งมาแสดงออกตอนอยู่กับนายนี่แหละ”
“อย่าบอกนะว่าตลอดมาเอาแต่ทำหน้านิ่งไม่สนใจใครนั่นน่ะ?”ผมถามกลับก่อนจะนั่งลงข้างๆ
“ก็นะ...ไม่จำเป็นต้องแสดงอะไรออกมามากนี่”
“คนอื่นได้มองนายเป็นพวกเย็นชากันพอดี”บ่นเสร็จผมก็ยกแก้วชาเขียวขึ้นมาดื่มบ้าง
“พวกเขามองฉันเป็นแบบนั้นมาตั้งนานแล้ว...มีแค่ตอนอยู่กับนายเท่านั้นที่ฉันจะเป็นตัวของตัวเองได้”คำพูดนั้นทำให้ผมยิ้มออกก่อนจะทิ้งหัวลงบนตักของเชสโดยที่ในมือยังคงถือแก้วชาเขียวไว้
“ดีใจจัง”
“นอนนี่ขออนุญาตรึยัง?”คำถามต่อมาดังขึ้นพร้อมกับดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่ก้มลงมา เส้นผมสีน้ำตาลที่ซอยสั้นยาวขึ้นกว่าตอนอยู่มหาวิทยาลัยเล็กน้อยพลิ้วไหวเล็กน้อยจากแรงของพัดลมที่เปิดอยู่ข้างๆ
“ฉันมีสิทธิ์นี่...ไม่ใช่เหรอ?”ผมพลิกตัวก่อนจะถามกลับไป
“หึ...ใครบอกกัน”
“อะไรเชส...คงไม่ได้ลืมที่บอกว่าตักนายเป็นของฉันแล้วหรอกนะ”ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายตาขวางทันที
“ไม่ลืมหรอก...ไม่ใช่แค่ตัก...แต่ทุกอย่างของฉันเป็นของนายคนเดียว”พูดจบริมฝีปากของคนด้านบนก็ประทับลงมาอย่างเชื่องช้า
ไม่มีการรุกล้ำ ไม่มีความรุนแรง มีเพียงสัมผัสอันอ่อนโยนที่แผ่ซ่านจนหัวเต้นไม่เป็นส่ำด้วยความรู้สึกดี
“...จูบกันนี่ขออนุญาตแล้วเหรอ?”ขอถามกลับบ้างละกัน
“ไม่จำเป็นต้องขออนุญาต...เพราะคนที่ชื่ออานโน่เป็นของฉัน”
“...มัดมือชกนี่”ใครตกลงกัน
“ไม่มัดมือชกหรอกเดี๋ยวเจ็บ...ขอมัดมือแล้วจูบแทนได้ไหม?”
“ไม่มีทาง”ผมตอบเสียงเข้มก่อนที่เราทั้งคู่จะหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน
บรรยากาศระหว่างเราที่ไม่ได้เจอกันมาถึงสองปีไม่มีแม้แต่ความอึดอัดหรือความเงียบ...ทุกอย่างมันเป็นธรรมชาติเหมือนอย่างทุกๆครั้งที่เราอยู่ด้วยกันต่อให้จะผ่านไปนานสักแค่ไหนพวกเราก็ยังเหมือนเดิม
“นี่เชส”
“หื้ม?”
“ไม่กลับฝรั่งเศสจริงๆเหรอ?”
“อยากให้กลับ?”
“เปล่า...แต่ข่าวบอกว่านายหนีมานี่...ตอนมาไม่ได้บอกใครไว้เลยรึไง?”ผมเงยหน้าขึ้นไปถามตรงๆ
“ไม่มีเวลาจะบอกหรอกแค่จองตั๋วก็แทบจะไม่ทันแล้ว”
“งั้นทางนั้นก็เป็นห่วงน่ะสิ”
“คงใช่”ท่าทางของเชสดูไม่ค่อยใส่ใจกับคนที่ห่วงสักเท่าไหร่
“กลับไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนสิ...ไหนบอกว่าอีกสองวันไง...ฉันรอได้นะ”ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนเชสยังไม่ได้ทำทุกอย่างให้เสร็จสมบูรณ์ตามที่สัญญากับครอบไว้
“นายอาจรอได้...แต่ฉันไม่อยากรออีกแล้ว”
“...เชส”
“ในเมื่อฉันมาอยู่นี่แล้วก็ไม่คิดจะกลับไปหรอก”
“แต่สัญญาที่ให้กับพ่อแม่มันยังไม่สมบูรณ์นี่?”
“...ฉันไม่สน...ตลอดสองปีที่ผ่านมาฉันทนมามากพอแล้วจะให้กลับไปยังสถานที่ที่มีแต่การใส่หน้ากากเข้าหากันแบบนั้นไม่เอาด้วยหรอกนะ”น้ำเสียงที่ดังออกมาแสดงถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
ภายนอกเชสอาจจะเหมาะที่จะเป็นทั้งประธานบริษัทและผู้นำตระกูลแต่ภายในนั้นเขาดูจะไม่ชอบสิ่งเหล่านั้นเลยสักนิด...
ก็น่าเห็นใจแต่ผมไม่ยอมให้เขาทำผิดสัญญาที่ให้ไว้แบบนี้แน่
ในเมื่อเชสไม่อยากกลับ
ผมจะบังคับเอง
“เชส...ไปกันเถอะ”กระเป๋าเสื้อผ้าสำรองสำหรับการทำภารกิจที่พาดอยู่ด้านข้างถูกหยิบขึ้นพร้อมกับยัดใส่มือของเชส
“ห๊ะ?...ไปไหน?...เฮ้ย...”ไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดจบ...ผมก็ทั้งลากและดึงเชสจนในที่สุดพวกเราก็ออกมายืนอยู่บริเวณหน้าบ้านที่เป็นสนามหญ้าขนาดใหญ่ค่อนข้างห่างไกลจากบ้านหลังอื่นอยู่พอสมควร
“พร้อมนะเชส?”ผมหันไปถามคนที่ทำหน้างงอยู่ด้านหลัง
“พร้อมอะไร?...จะทำอะไรน่านโน่?”
“ในเมื่อนายไม่ยอมจัดการทุกอย่างให้สมบูรณ์ฉันก็จะเป็นคนพานายไปจัดการด้วยตัวเองไง”พูดจบร่างของมนุษย์ก็กลับสู่ร่างของไดโนเสาร์เกร็ดเงินที่มีลำตัวยาวกว่า9เมตรซึ่งใหญ่กว่าเมื่อสองปีก่อนอยู่พอสมควร
“...อานโน่?...ตัวใหญ่ขึ้นนะ...ไม่สิ...นี่อย่าบอกนะว่า...”
งี๊ดด!
อย่างที่คิดแหละ
“...ไม่...ฉันไม่กลับไปแน่อานโน่”
งี๊ดด
ผมครางพร้อมกับขยับใบหน้าไปคลอเคลียให้อีกฝ่ายเปลี่ยนใจแต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผลเพราะเชสส่ายหน้าไปมาเป็นการบอกว่าไม่แน่นอน
“...ถึงจะอ้อนฉันก็ไม่ใจอ่อนหรอกนะ...คิดจะให้ฉันไปอยู่ในที่แบบนั้นคนเดียวอีกเหรอ?”คนตรงหน้าถามกลับพรางยกมือขึ้นลูบบริเวณลำคอผม
งื๊ดดด
ไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย
เมื่ออยู่ในร่างนี้ทำให้การสื่อสารนั้นค่อนข้างลำบากเลยต้องให้ท่าทางในการแสดงออกร่วมด้วย...ร่างสีเงินเดินวนรอบเชสก่อนจะคาบแขนของอีกฝ่ายแล้วขยับเบาๆเป็นการบอกว่าผมจะไปกับเขา
“...เอาจริงเหรอ?”ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อแล้วล่ะ
งี๊ดด
จริงสิ
เสียงตอบรับดังขึ้นก่อนที่ดวงตาสีแดงก่ำจะประสานเข้ากับดวงตาสีน้ำเงินของคนตรงหน้าอย่างจริงจัง...
ไม่ใช่แค่เชสที่ไม่อยากแยกกัน...ผมเองก็ไม่อยากแยกกับเขาแล้วเหมือนกัน
“พ่อแม่ฉันไม่ชอบนายนะ”
งี๊ดดด
รู้แล้วน่า
“หึ...ไดโนเสาร์ตัวนี้ดื้อจัง”สิ้นประโยคเชสก็วางมือลงบนหลังสีเงินนั่นทำให้ผมหมอบตัวลงต่ำเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายจะขึ้นมาบนหลังแล้ว
ปีกสีเงินสยายกว้างทั้งสองข้างก่อนจะวิ่งไปบนพื้นหญ้าสีเขียวขจี...ไม่กี่วินาทีต่อมาผมก็ทะยายสู่ท้องฟ้าสีครามที่เต็มไปด้วยเมฆหลายสิบก้อน
ก่อนที่จะมุ่งไปยังประเทศฝรั่งเศสผมได้พาคนบนหลังวนดูรอบเกาะคร่าวๆโดยลดความเร็วให้ช้ากว่าปกติเพื่อเชสจะได้มองดูวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติที่หายไม่ได้ในปัจจุบันนี้...ความสวยของธรรมชาติทำให้ผมรู้สึกได้ว่าเชสผ่อนคลายขึ้นกว่าเดิมมาก...
“ขอบคุณอานโน่...ไปกันเถอะ...ไปจัดการทุกอย่างให้สมบูรณ์กัน”
งี๊ดดด
ผมตอบรับทั้งเสียงและสัมผัสที่ลูบคอเบาๆนั่นก่อนจะบินตรงไปยังประเทศฝรั่งเศสที่ใช้เวลาในการเดินทางหลายชั่วโมงกว่าจะถึง...ถ้าเดินทางโดยใช้เครื่องบินอาจกินเวลานานกว่านี้มากแต่เพราะผมสามารถบินตรงผ่านทั้งภูเขาแคบๆหรือบริเวณบริเวณที่ถูกห้ามบินได้จึงใช้เวลาน้อยกว่ามาก...
แถมความเร็วของผมตอนบินก็เร่งได้มากกว่าเครื่องบินอยู่เยอะพอสมควร
งี๊ดด
เมื่อมาถึงยังประเทศฝรั่งเศสผมก็หันไปถามคนด้านหลังว่าให้ไปทางไหน...จากที่มาอยู่ได้หนึ่งปีก็มีหลายสถานที่ที่รู้จักแต่ไม่รู้ว่าเชสจะให้พาไปที่ไหน
“ตรงไปอานโน่...ตรงผ่านทะเลสาบไปอีก...”คำบอกทางที่ได้ยินทำให้ร่างเกร็ดเงินบินตรงไปอย่างไม่ลังเลจนผ่านทะเลสาบสีฟ้าใสก่อนจะเข้าเขตตัวเมืองที่เต็มไปด้วยบ้านและตึกมากมาย
“เห็นบ้านที่ถูกล้อมด้วยสนามหญ้าสีเขียวด้านล่างนั่นไหม?”ดวงตาสีแดงก่ำกวาดสายตามองไปยังด้านล่างทันทีที่ได้ยินเสียงของเชส
ตึกขนาดใหญ่หลายตึกถูกสร้างขึ้นติดๆกันไม่สามารถมองได้อย่างถนัดนักเลยต้องบินขึ้นไปสูงกว่าเดิมนิดหน่อย...บ้านที่ถูกล้อมด้วยสนามหญ้าสีเขียวด้านล่างแค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นบ้านของมหาเศรษฐีสักคนแน่ๆ
งี๊ดด
ผมครางตอบพรางมองลงสนามสีเขียวด้านล่างอย่างอึ้งๆ มองด้วยความสูงขนาดนี้ยังใหญ่มากถ้าลงไปมองใกล้ๆคงจะพอๆกับห้างสรรพสินค้า...ไม่สิ...อาจใหญ่กว่าก็เป็นได้
“ลงไปเลย...นั่นบ้านฉัน”
งี๊ดด
จริงเหรอ?
ก็พอเดาได้อยู่ว่ารวยแต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้
เท้าสีเงินทั้งสี่ข้างของผมค่อยๆลงสัมผัสกับพื้นหญ้าสีเขียวด้านล่างพร้อมๆกับกลุ่มคนชุดดำที่วิ่งกรูกันเข้ามาล้อมรอบในชั่วพริบตา...
กรรร!
ถึงจะไม่อยากทำร้ายใครแต่เล่นมายืนล้อมแถมถืออาวุธแบบนี้มันไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่
“ถ้าใครกล้าแตะเขา...ฉันไม่ไว้ชีวิตแน่!”คนบนหลังตะโกนบอกเหล่าคนชุดดำที่อยู่รอบๆก่อนจะลงจากหลังผมมายืนอยู่ด้านหน้า
งี๊ดด
จำนวนแค่นี้ทำอะไรไดโนเสาร์กลายพันธุ์ไม่ได้หรอกนะ
ผมพยายามบอกอีกฝ่ายแต่ดูเหมือนดวงตาสีน้ำเงินเข้มนั่นมองไปยังกลุ่มคนทั้ง6ที่เดินเข้ามาใกล้โดยที่สองที่เป็นผู้ใหญ่สุดนั้นผมคุ้นหน้าพวกเขามากเลยล่ะ...
จะไม่ให้คุ้นคงแปลกก็นั่นพ่อกับแม่ของเชสนี่นา
แปลว่าอีกสี่คนคงจะเป็นน้องๆของเชสสินะ
เหล่าวัยรุ่นที่อายุไล่เลี่ยกันทั้งสี่คนมองมายังร่างขนาดใหญ่สีเงินอย่างอึ้งๆ...น้องสาวทั้งสองคนของเชสยังอ้าปากค้างหมดความเป็นกุลสตีเลย
“แกผิดสัญญากลาเช่ เฟวรีเย่!”เสียงทุ้มของผู้นำตระกูลคนก่อนดังขึ้นพร้อมกับดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่หรี่ลงอย่างโกรธเกรี้ยว
“ผิดสัญญา?...ตรงไหนที่ผมผิดสัญญากัน?”เดินเดินเข้าไปถามผู้เป็นพ่อนิ่งๆ
“ยังกล้าถามอีกเหรอ...แกบอกเองนะว่าจะทำกำไรให้บริษัทถึงเป้าที่กำหนดก่อนจะลงจากตำแหน่งน่ะ...แล้วนี่อะไรยังไม่ทำสัญญาให้เสร็จสิ้นก็ไปหาเด็กนั่นซะแล้ว”
“ผมบอกว่าจะทำกำไรให้บริษัทจนถึงที่กำหนดไว้แต่ไม่เคยบอกนะว่าจะไม่ติดต่อหรือไปหาเขานะ...ยังไงตอนนี้คนที่เป็นประธานก็คือผมดังนั้นผมมีสิทธิ์ที่จะไปไหนก็ได้ตราบเท่าที่ยังสามารถบริหารบริษัทนี้ได้”เชสตอบกลับไปโดยไม่เสียเวลาคิดคำตอบแม้แต่วินาที
“...เล่นแบบนี้เลยสินะ”ผู้เป็นพ่อถึงกับทำหน้าเครียดเมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกบอก
“ผมแค่อยากอยู่กับเขาเท่านั้น...การบริหารบริษัทมันไม่เหมาะกับผมหรอกพ่อ...แม้ผมจะทำให้บริษัทเติบโตและมีกำไรมหาศาลแต่ทั้งหมดที่ทำก็เพื่อจะไปกลับไปหาอานโน่เร็วๆไม่ใช่ต้องการให้บริษัทมีชื่อเสียง...ถ้าพ่ออยากให้บริษัทเติบโตไปอย่างมั่นคงก็เลือกผู้สืบทอดคนอื่นเถอะ”
“เชส!”พ่อถึงกับเรียกชื่อลูกชายเสียงห้วน
“ผมไม่เหมาะจะเป็นประธานหรอก”ดวงตาสีน้ำเงินเข้มสองดวงจ้องกันราวกับสื่อสารกันทางสายตาอยู่สักพักก่อนที่คนอายุอายุมากกว่าจะถอนหายใจแรงๆ
“...ก็ได้...ฉันจะเลือกผู้สืบทอดคนอื่น...”
“จริงนะพ่อ?”
“คุณคะ...พูดอะไรน่ะ?”เชสดีใจได้ไม่นานเสียงของแม่ก็ดังขึ้นก่อนจะเขย่าแขนสามีแรงๆ
“สองปีที่ผ่านมาเธอเคยเห็นลูกมีความสุขบ้างรึเปล่า?”
“...”คำถามธรรมดาๆจากสามีทำให้ภรรยาที่ฟังถึงกับพูดไม่ออก
“ไม่สิ...ต้องถามว่าตั้งแต่เกิดเราเคยเห็นลูกมีความสุขเหมือนเด็กคนอื่นบ้างไหม?...ฉันคิดมาตลอดว่าการให้เชสขึ้นเป็นทั้งประธานบริษัทและผู้นำตระกูลจะทำให้เขามีความสุขแต่ดูเหมือนมันจะไม่ใช่สินะ”
“พ่อ...”เชสถึงกับพูดไม่ออกที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น
“แกได้เลือกทางที่อยากจะเดินต่อไปด้วยตัวเองแล้ว...หวังว่าจะไม่มีคำว่าเสียใจนะ”
“ครับ”
“แต่ว่าลูกเราจะเป็นอันตรายนะถ้าไปทำงานอะไรนั่นน่ะ?...ต้องออกไปสู้อะไรก็ไม่รู้แถมยังต้องเจอกับสัตว์ดุร้ายพวกนั้นอีก...เชสลูกเปลี่ยนใจเถอะนะแม่ไม่อยากให้ลูกไปทำอะไรเสี่ยงแบบนั้น”เมื่อพูดกับสามีตัวเองไม่ได้ผลเลยเปลี่ยนมาพูดกับเชสแทน
“ผมตัดสินใจเรื่องนี้มานานมากแล้วครับแม่...นานจนผมรู้ว่าถึงจะให้เวลาคิดอีกเท่าไหร่คำตอบมันก็ยังเหมือนเดิม”
“เชส...”
“แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ...ผมไม่เป็นไรหรอกเพราะมีทั้งคนรักและคู่หูที่เชื่อใจได้อยู่ข้างๆ”พูดจับเชสก็หันมาส่งยิ้มให้ผมบางๆ
งี๊ดด
เห็นแบบนั้นผมเลยเดินเข้าไปคลอเคลียอีกฝ่ายอย่างออดอ้อน
“แต่ว่า...”
“ฉันให้แกทำตามใจได้...เพียงแต่...”
“แต่อะไรครับ?”เชสถามพร้อมกับดวงตาสีน้ำเงินที่หรี่ลง
“แต่ฉันขอดูหน่อยว่าเขามีความสามารถพอให้ฉันฝากแกไว้ได้รึเปล่า”คำพูดนั้นไม่ได้บอกกับเชสแต่เป็นผม...ดวงตาสีเดียวกับเชสจ้องมายังดวงตาสีแดงก่ำของผมอย่างไม่เกรงกลัว
คนคนนี้เป็นพ่อที่ดีมาก
ถ้าเขาอยากเห็นความสามารถที่ผมมีก็ได้เลย
ผมจะทำให้เห็นเองว่าเขาสามารถฝากเชสไว้ได้
ผมในร่างไดโนเสาร์เกร็ดเงินกลับร่างมนุษย์อย่างรวดเร็วจนเชสแทบจะหยิบเสื้อผ้าออกมาให้ไม่ทัน...เมื่อผมจัดการสวมเสื้อผ้าเสร็จก็หันไปมองชายในชุดสูทซึ่งก็คือพ่อของเชสก่อนจะส่งยิ้มไปให้...
“จะให้ผมทำอะไรครับ?”
“เห็นพวกบอดี้การ์ดที่อยู่รอบๆนี่สินะ”อีกฝ่ายถามเสียงเข้ม
“ครับ”
“ถ้าชนะพวกเขาได้ฉันจะยอมรับเธอ”บททดสอบนั่นทำให้ผมคลี่ยิ้มออกมาบางๆ
“แน่ใจนะครับ...ผมให้เรียกมาเพิ่มได้นะ”จากที่มองไปถึงจะมีจำนวนที่มากแต่ดูแล้วฝีมือก็ไม่น่าจะสูงเท่าไหร่
“อย่าดูถูกดีกว่า...พวกเขาถูกคัดเลือกมากจากสโมสรชื่อดังจากทั่วประเทศ”
“พ่อ...”
“เงียบไปเชส”คนถูกเรียกหันไปมองลูกชายด้วยแววตาจริงจัง
“แต่ว่า...”
“ฉันบอกว่าเงียบไง”
“...”สุดท้ายเชสก็ได้แต่เงียบพลางเหล่มามองผมที่หันไปสบตาอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน
ผมรู้ถึงสิ่งที่เชสจะบอกกับพ่อเพราะนั่นก็เป็นสิ่งที่ผมพยายามจะสื่อให้อีกฝ่ายรู้เช่นกัน
จริงอยู่ที่คนเหล่านี้อาจถูกคัดเลือกมากจากทั่วประเทศแต่สำหรับผมต่อให้คัดมาทั้งโลกก็คงไม่ต่างกันหรอก...
ไม่มีทางที่พวกเขาจะชนะ
“เริ่มเลยครับ”ผมไม่รอช้ารีบเดินไปกลางวงโดยมีเหล่าบอดีการ์ดตีวงล้อมแคบลงเรื่อยๆ
“หวังว่าจะไม่ดีแค่ปากนะ”นั่นคือคำสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่กลุ่มมนุษย์กว่า60คนจะวิ่งเข้ามาหาผมอย่างพร้อมเพรียง
แม้การถูกรุมเข้ามากว่า60คนแบบนี้จะพึ่งเคยเจอครั้งแรกแต่ถ้าเทียบกับการเจอฝูงไดโนเสาร์รุมบอกได้เลยว่าไม่หนักหนา...ดวงตาสีแดงอ่อนมองไปรอบพร้อมกับเปิดฉากโจมตีโดยวิ่งเข้าหาคนที่อยู่ใกล้ที่สุด เพียงหมัดเดียวคนที่ว่าก็ทรุดลงไปกองกับพื้นแทบจะทันที
ผุบ
ด้วยสัญชาตญาณของนักล่าชั้นยอดทำให้รู้ว่ามีคนด้านหลังกำลังโจมตีมาเลยหันไปจัดการเตะสวนพร้อมกับใช้มือศอกไปยังคนอีกฝั่งที่กำลังง้างมือจะชกมา ทุกการเคลื่อนไวแทบไม่ต้องสั่งผ่านสมองแค่สัมผัสได้ถึงจิตสังหารร่างกายมันก็ขยับไปเอง...
ปัง
ปัง
ปัง
เสียงปืนจากรอบทิศทางดังขึ้นในระยะใกล้พร้อมกับร่างของผมที่มีปฏิกิริยาต่อเสียงนั้นอย่างรวดเร็วทำให้กระสุนที่พุ่งเข้ามาหาถูกหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย...
แต่การถูกคนนับสิบรุมเข้ามาทำให้เคลื่อนไหวได้ลำบากผมเลยตัดสินใจเตะคนตรงหน้าจนล้มแล้วใช้หลังของคนที่ว่าเป็นฐานกระโดดขึ้นไปด้านบนพร้อมๆกับจัดการคนที่อยู่รอบๆต่อ...ไหล่ของเหล่าบอดี้การ์ดถูกใช้เป็นฐานเพื่อเคลื่อนไหวและโจมตีกลับไปพร้อมกัน
ใช้เวลาไปไม่ถึงกี่นาทีเหล่าบอดี้การ์ดกว่า60คนก็ทรุดอยู่ที่พื้นทั้งหมด
ผู้ชนะหันไปหาคนรักด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปหาคนที่ให้การทดสอบนี้มา...
“แบบนี้ก็ฝากเชสให้ผมดูแลได้แล้วนะครับ”
“...ไม่คิดว่าจะเก่งขนาดนี้นะ”อีกฝ่ายตอบกลับเสียงเบา เหมือนเขากำลังอึ้งกับสิ่งที่เห็นอยู่
“คือ...”
“พ่อครับ...ผมอยากพูดอะไรหน่อยได้ไหม?”เชสเดินเข้ามาพร้อมกับพูดแทรกขึ้น
“ว่ามา”
“ที่พ่อเห็นน่ะอานโน่ยังไม่ได้เอาจริงเลยนะ”
“...”คิ้วทั้งสองข้างของคนฟังขมวดเข้าหากันทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
“พ่อดูถูกสายเลือดของไดโนเสาร์ในตัวเขามากไป...ไดโนเสาร์เพียงตัวเดียวสามารถสู้กับมนุษย์ได้มากกว่า100คน นั่นหมายถึงไดโนเสาร์ปกติที่มีเพียงสัญชาตญาณในการล่า...พ่อคงเดาได้ใช่ไหมว่าผมจะบอกอะไร”
“จะบอกว่าถึงเอามาอีกสัก100คนเอาคนรักของแกไม่อยู่สินะ”อดีตผู้นำตระกูลตอบพลางมองมายังผมที่ได้แต่ยืนนิ่ง
“ตามนั้นแหละครับ...เขาไม่ใช่คนที่จะแพ้ให้กับมนุษย์และต่อให้เป็นไดโนเสาร์ก็คงไม่แพ้ด้วย...ใช่ไหม?”ประโยคสุดท้ายเชสหันมามองหน้าผม
“แน่นอน...จะไม่แพ้ต่อให้เจอกับอะไรก็ตาม...ฉันจะปกป้องนายเอง”ผมจะไม่ยอมให้เชสได้รับอันตรายแน่
“ฉันสิจะปกป้องนาย”เชสบอกก่อนจะยกมือขึ้นขยี้เส้นผมสีเงินแซมน้ำเงินที่ยาวขึ้นกว่าเดิมพอสมควร
“ฉันขอฝากเชสด้วยละกัน”เสียงของผู้เป็นพ่อดังขึ้น ดวงตาสีน้ำเงินที่จ้องมานั้นกำลังฝากฝังลูกชายที่ตัวเองรักไว้กับคนที่เป็นทั้งคนรักและคู่หูอย่างผม
“ครับ”
“คุณคงไม่คัดค้านอะไรนะ?”พูดกับผมจบก็หันไปถามหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง
“...คุณพูดซะขนาดนั้นจะให้ค้านอะไรได้ล่ะ...ฉันยังไม่ไว้ใจเธอทั้งหมดแต่ลูกชายฉันไม่เคยตัดสินใจอะไรผิด...ดังนั้นการที่เขาเลือกเธอมันคงเป็นสิ่งที่ถูก”
“ผมจะดูแลเขาเองครับ”หญิงสาวตรงหน้าพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะเดินไปกอดลูกชายตัวเอง
“แม่อยากให้ลูกมีชีวิตที่สุขสบายแท้ๆ”
“ตอนนี้ผมมีความสุขมากกว่าการที่มีทรัพย์สมบัติมากมายซะอีก...อย่าได้ห่วงเลยครับ”
“เอาล่ะ...ไหนๆก็มานี่ทั้งทีให้น้องๆแกมาแนะนำตัวหน่อยละกัน...ซาเช่”เสียงทุ้มหันไปเรียกลูกชายคนหนึ่ง
น้องๆของเชสทั้งสี่คนเดิมมาอยู่ตรงหน้าผมก่อนที่คนแรกจะเริ่มแนะนำตัว...
“สวัสดีครับ...ซาเช่ เฟวรีเย่...เรียกผมว่าเซย์ก็ได้ครับ...พี่เป็นไดโนเสาร์จริงๆเหรอ?”ดวงตาสีฟ้าอ่อนมองมาทางนี้ราวกับกำลังสงสัยผมอยู่
“เซย์เป็นน้องคนโตของฉัน...เป็นคนที่มีความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์และมักจะหมกตัวอยู่ในห้องทดลองเวลาที่มีอะไรน่าสนใจ”เชสพูดเพิ่มเติม เส้นผมสีน้ำตาลของเซย์อ่อนกว่าเชสอยู่เล็กน้อยรวมถึงรูปร่างที่ดูจะอ่อนแอกว่าด้วย
“พี่อาคริว เบนซ์ ฟงเซ่...ยินที่ได้รู้จัก...”
“เบนซ์ ฟงเซ่?!”ทั้งตระกูลถึงกับตะโกนขึ้นพร้อมกันเมื่อได้ยิน
“เอ่อ...”
“ที่เธอเป็นอะไรกับฟรานซิส เบนซ์ ฟงเซ่กัน?”พ่อของเชสถาม
“...เขาเป็นปู่ของผม”
“ปู่เหรอ?...แปลว่าไทรแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่ก็...”
“เขาเป็นแม่ของผม”
“แม่?!”ดูเหมือนชายตรงหน้าจะไม่ค่อยเข้าใจการเรียกของผมเท่าไหร่
“อย่าถามต่อเลยพ่อ...ครอบครัวของอานโน่ค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อย”เชสตัดบทเพราะรู้ว่าถ้าให้อธิบายคนจะยาวไปสักสิบหน้ากระดาษแน่ แม้ความจริงจะสรุปสั้นๆได้ก็ตาม
“...ก็ได้”
“งั้นหนูขอแนะนำตัวบ้างนะ...สวัสดีค่ะพี่อานโน่หนูชื่อชาเฟีย เฟวรีเย่...ส่วนนี้น้องสาวที่เกิดหลังหนูสองนาที...”หญิงสาวทั้งสองคนที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกับแป๊บแนะนำตัวด้วยรอยยิ้ม เด็กสาวคนแรกมีผมสีน้ำตาลเข้มกับดวงตาสีฟ้าเข้ม...ดูแล้วเป็นเด็กที่ร่าเริง
“...หนูโซเฟีย เฟวรีเย่ค่ะ..”เด็กสาวที่มีใบหน้าเดียวกับแนะนะตัวด้วยเสียงสั่นๆ ทั้งสีผมและสีตาของทั้งคู่เหมือนกันหมดมีแค่นิสัยที่ดูจะแตกต่างกันอยู่พอสมควร
“ทั้งคู่เป็นนักดนตรีที่มีอนาคตไกลอย่างชาเฟียก็เป็นนักเปียโนที่ได้รับการยอมรับตั้งตั่งเด็กส่วนโซเฟียเป็นนักไวโอลินที่มีความสามารถระดับแนวหน้าของประเทศ”เชสแนะนำเพิ่ม
“ยินที่ได้รู้จักนะ”ผมทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ผมคนสุดท้ายสินะ...สวัสดีครับผมเป็นน้องคนสุดท้องชื่อกิเช่ เฟวรีเย่เรียกว่ากิชก็ได้ครับ”น้องชายคนสุดท้องทำเอาผมนึกถึงเชสตอนเป็นเด็กออกเลยไม่ว่าจะเป็นเค้าโครงหน้าหรือสีผม ขนาดสีตายังเหมือนเชสแป๊ะ
“ไม่ต้องแนะนำเพิ่มนายก็คงพอจะเดาได้นะ”เชสหันมาบอก
“อืม...คงเหมือนกับนายล่ะสิ”
“ก็นะ...แต่ห้ามหลงรักล่ะ?”อีกฝ่ายรีบพูดดัก
“นี่เห็นฉันเป็นคนยังไงเนี่ย!”ผมพูดเสียงเข้ม
“ก็แค่เผื่อไว้”
“ชิ...สวัสดีนะ”ผมไม่ตอบอะไรเชสแต่หันมาทักชายน้องชายคนสุดท้องแทน
“พี่อานโน่คะ”เสียงหวานของชาเฟียดังขึ้นพร้อมกับเขย่าแขนผมเบาๆ
“อะไรเหรอ?”
“กลับร่างไดโนเสาร์ให้ดูหน่อยได้ไหมคะ?”
“เอ่อ...”ถูกขอกันโต้งๆแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเลยแฮะ
“อย่ากวนพี่เขาสิชาเฟีย”ผู้เป็นแม่ดุลูกสาวของตัวเองเล็กน้อย
“แต่ว่าหนูอยากเห็นนี่นา”เด็กสาวตรงหน้ายังคงส่งสายตาอ้อนๆมาให้
“...พี่ไม่ได้เอาชุดมาเผื่อ...”
“ยืมของพี่เซย์ก็ได้...นะนะคะ”
“ถ้าไม่อยากก็ไม่ต้องตามใจอานโน่”เชสกระซิบบอก
“ฉันแค่กลัวไม่มีชุดใส่”ผมตอบกลับไป การกลับร่างไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่อะไรแถมยังเป็นครอบครัวของเชสอีกด้วย
“ฉันมีเสื้ออยู่ที่นี่เยอะ...ใส่ของฉันก็ได้”
“โอเค...งั้นพี่จะกลับร่างให้ดูละกัน”พอผมพูดจบเด็กสาวทั้งสองคนก็ตาลุกวาวด้วยความดีใจ ส่วนเด็กชายอีกสองคนก็มีท่าทีสนใจไม่ต่างกัน
ร่างมนุษย์กลับไปอยู่ในร่างไดโนเสาร์สีเงินครั้ง...เสียงของน้องทั้งสี่คนของเชสดังขึ้นอย่างไปขาดสายระหว่างที่มาลูบตามตัวผม มีหลายครั้งที่แกล้งขู่จนเด็กสาววิ่งหนีแต่ไม่นานพวกเธอก็วิ่งกลับมาหาผมใหม่
สำหรับกิชที่เด็กที่สุดผมให้ขึ้นมาขี่บนหลังก่อนจะเดินไปรอบๆจนอีกสามคนที่เหลือขอบ้างแม้จะอายุไม่ใช่น้อยๆกันแล้วก็ตาม...เรียกว่าตลอดวันผมต้องเดินไปมาจนเริ่มปวดขาแต่มันก็คุ้มกับการที่ได้เห็นเชสอยู่กับครอบครัวในสภาพที่ผ่อนคลายแบบนี้
ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี...พ่อของเชสเลือกกิชเป็นผู้สืบทอดบริษัทแต่ต้องรออีกหลายปีเพราะกิชพึ่งอยู่ชั้นมัธยมปลายเท่านั้น สำหรับผู้นำตระกูลเชสก็ยังคงเป็นต่อเพราะไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไรแถมการเป็นผู้นำตระกูลทำให้หลายๆอย่างง่ายขึ้นด้วย
หลังจากที่พักค้างคืนที่คฤหาสน์ขนาดใหญ่สองวันพวกเราก็กลับมายังเกาะอีกครั้งเพื่อเตรียมตัวรับภารกิจอย่างจริงจัง...
ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ต้องห่วงอีกแล้ว
ไม่มีอะไรที่จะแยกพวกเราออกจากกันได้อีก...
ต่อให้มีผมก็มั่นใจว่าพวกเราจะกลับมาเจอกันอีกแน่นอน
“พร้อมนะเชส”
“อืม...ไปกันอานโน่”
ผมหันไปยิ้มให้กับคนข้างกายก่อนจะกลับร่างไดโนเสาร์เกร็ดเงิน ปีกสีเงินสยายกว้างพุ่งทยานไปบนท้องฟ้าเพื่อทำภารกิจที่ได้รับร่วมกันคู่หู่และคนรักของตัวเองด้วยกำลังใจเต็มเปี่ยม
ต่อจากนี้ไม่ว่าจะเวลาไหน...
พวกเราก็จะอยู่ด้วยกัน
เป็นทั้งคู่หูและคนรัก
...............................................จบบริบูรณ์..........................................
สวัสดีค่ะ
ในที่สุดเรื่องนี้ก็ดำเนินมาจนถึงตอนจบแล้ว
ถือเป็นเรื่องที่แต่งนานจริงๆ คู่ยูทาร์เซโครยังไม่ยาวเท่านี้เลย
ในภาคนี้เน้นถึงเรื่องราวในรั้วมหาวิทยาลัยเลยไม่ได้มีฉากผจญภัยเหมือนอย่างคู่แรก
เชสกับอานโน่เน้นความน่ารักในช่วงชีวิตวัยรุ่นเป็นหลัก
มีคนถามว่าจะมีรวมเล่มไหม...
ขอตอบเลยค่ะว่ามี แต่อาจต้องรออีกระยะหนึ่งเพราะเราต้องแต่งตอนพิเศษเพิ่มเข้าไปอีก
อีกคำถามหนึ่งที่ว่าต้องรอภาคต่อปีหน้าเลยเหรอ...
คำตอบคือ ใช่ค่ะ ก่อนเราจะแต่งจำเป็นต้องว่าพล๊อตโดยรวมซะก่อนตอนนี้เราเริ่มปี3แล้วเลยค่อนข้างยุ่ง อีกทั้งเรื่องแนวไดโนเสาร์นี้แต่งค่อนข้างยากเพราะจำเป็นต้องมีข้อมูลสายพันธ์ไดโนเสาร์ค่อนข้างละเอียด ดังนั้นเลยจำเป็นต้องใช้เวลาในการหาว่าแต่ละตอนจะมีสายพันธ์ไหนปรากฎขึ้นมา อีกทั้งคู่ต่อไปเป็นคู่ที่แยกออกมาจากสองคู่นี้แต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเซโครนิดหน่อย(เป็นตัวละครใหม่ที่ไม่เคยมีบทออกนะคะ)
เดี๋ยวจะอัพส่งท้ายให้อีกวันสองวันนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอดตั้งแต่เริ่มเรื่องจนจบนะคะ...นักอ่านถือเป็นกำลังใจสำคัญในการแต่งนิยายของเรา ยิ่งเป็นมือใหม่เลยค่อนข้างกังวลว่าจะแต่งได้ดีไหม
การแต่งก็ยังมีข้อผิดพลาดอยู่มาก ต่อจากนี้จะปรับไปเรื่อยๆค่ะ
บ๊ายบาย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪