บทที่ ๘ “น้องนกคะ” สาวิตรีขยับตัวเข้าไปใกล้เด็กหนุ่ม “ทำไมลุงป๊อป ... เอ๊ย พี่ป๊อบเค้าดูจะอารมณ์เสียยิ่งกว่าตอนเช้าอีก”
“ผมก็งงอะพี่” ชนกขมวดคิ้ว “กินเสร็จแล้วไปเดินเล่นกัน ก็ยังดีๆ อยู่เลย จู่ๆ ลุงแกก็ฮึดฮัดเดินกลับร้าน โมโหอะไรผมหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“น้องนกก็เลยอารมณ์ไม่ดีไปด้วยอีกคน” สาวิตรีพยักหน้าหงึกหงักเหมือนทำความเข้าใจกับอะไรบางอย่างได้
“หา ... ผมน่ะเหรออารมณ์ไม่ดี ตอนไหนง่ะ” ชนกยกนิ้วชี้ขึ้นชี้หน้าตัวเอง
“ค่ะ” สาวิตรีตอบเสียงหนักแน่น “ลูกค้าประจำบางคนยังทักเลยนะคะ ว่าทำไมวันนี้เจ้าแมวกาฟิลด์ถึงได้กลายเป็นปลาทู”
“ปลาทู?” ชนกทวนคำอย่างไม่เข้าใจ
“ก็หน้างอ คอหักไง ฮ่าๆๆ” เป็นคำตอบของบุณฑริก ที่เดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยอีกคนหนึ่ง
“โหย ไม่ขนาดนั้นซะหน่อยง่ะ” ชนกเบ้หน้า
“ตานกเอ๊ย” บุณฑริกยกมือขึ้นจับจมูกเด็กหนุ่มบิดไปมาด้วยความมันเขี้ยว “พูดจายังกับเด็ก โตเป็นหนุ่มแล้วนะเราน่ะ”
“โอ๊ยๆๆ” ชนกร้องโวยวาย ใบหน้าส่ายไปทางขวาที ทางซ้ายที ตามแรงมือของบุณฑริก “ไม่ใช่ซะโหน่ย”
“ไม่ใช่อะไร หือ” บุณฑริกหยุดมือ แต่ยังจับจมูกของชนกไว้
“ก็ผมน่ะ เพิ่ง ...” ชนกพูดยังไม่ทันจบ ก็มีเสียงดังแทรกขึ้นมา
“เล่นกันอยู่ได้ ลูกค้าเข้าร้านแล้ว ยกน้ำกับเมนูออกไปให้ลูกค้าเร็ว”
เสียงดุๆ ของปรมินทร์ ที่ชะโงกหน้าเข้ามาในครัว ทำให้การสนทนายุติลงทันที
สองทุ่มกว่าแล้ว แต่ม่านฝนภายนอกร้านยังคงหนาเม็ดอยู่ ปรมินทร์มองดูชนกที่นั่งอยู่ที่โต๊ะริมกระจกใกล้เคาเตอร์ ตั้งใจไว้ว่าจะไม่สนใจ แต่ท่าทางกะวนกะวายของเด็กหนุ่ม ทำให้เขาอดพูดไม่ได้
“บ้านมันไม่หนีไปไหนหรอกน่า กลัวคนที่บ้านจะห่วงก็โทรฯไปบอกซะสิ”
“ป๊ะกับม๊ะไม่อยู่อะ ไปต่างประเทศ” ชนกหันมาตอบหน้ามุ่ย
“อ้าว แล้วจะกะวนกะวายไปทำไม”
“ก็เดี๋ยวสามทุ่ม ไม่ป๊ะก็ม๊ะจะโทรฯเข้าบ้านอะ ผมกลัวกลับไม่ทัน อดคุยด้วยแหงเลย” ชนกทำหน้าเศร้า
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเดินเข้าไปในครัว ชนกจึงหันมองดูม่านฝนอย่างหงุดหงิด
“ไปนก เดี๋ยวไปส่งขึ้นรถแทกซี่”
ชนกหันไปตามเสียงก็เห็นปรมินทร์เดินออกไปรออยู่หน้าร้าน ในมือถือร่มที่กางอยู่ เด็กหนุ่มยิ้มอย่างดีใจ รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปโอบเอวชายหนุ่ม
“เฮ้ย ... ทำอะไร” ปรมินทร์ร้องอย่างตกใจ
“ร่มมันเล็กง่ะ ชิดๆ กันจะได้ไม่เปียกไง” ชนกหันมาตอบ พร้อมกับยิ้มกว้าง
ปรมินทร์ถอนหายใจเบาๆก่อนจะก้าวเดินออกไป โดยมีชนกเดินกอดเอวชายหนุ่มไว้หลวมๆ เดินไปสักพัก ปรมินทร็ก็ยกมือขึ้นโอบไหล่เด็กหนุ่มเดินไปด้วยกันอย่างช้าๆ จนถึงถนนใหญ่
“ถึงบ้านแล้วโทรบอกด้วยนะ” ปรมินทร์บอกเด็กหนุ่มเมื่อรถแทกซี่จอดเทียบทางเท้า
“ลุงเป็นห่วงผมเหรอ” ชนกย้อนถาม
“ก็ ... ห่วง” ชายหนุ่มอึกอัก
“ขอบคุณครับ พี่ป๊อป” ชนกพูดเบาๆ พร้อมกับยิ้มน้อยๆ
พูดจบชนกก็เปิดประตูรถแทกซี่ก้าวเข้าไปในรถแล้วปิดประตู ปรมินทร์มองดูจนรถแทกซี่แล่นออกไปได้ระยะหนึ่ง ก็หันตัวเดินกลับ รู้สึกแปลกใจว่าทำไมเขาไม่ดีใจเลยเมื่อถูกชนกเรียกว่า ... พี่ป๊อป ... ทั้งที่เขาอยากให้ใช้คำนี้เรียกเขามาตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกับเด็กหนุ่ม
กริ๊ง ๆ ... กริ๊ง ๆ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทันทีที่ชนกเก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน ชนกรีบวิ่งเข้าไปรับโทรศัพท์ในห้องรับแขก ไม่สนใจกับรองเท้าที่เพิ่งถอดออกโดยที่ยังไม่ได้เก็บเข้าไปในตู้เก็บรองเท้าเหมือนเช่นที่ต้องทำทุกวัน
“สวัสดีครับ” ชนกกรอกเสียงเข้าไปในหูโทรศัพท์ แล้วพูดเสียงดังด้วยความดีใจ “ป๊ะเหรอ คิดถึงจังเลย คิดถึงม๊ะด้วยอะ”
ชนกคุยโทรศัพท์กับพ่อด้วยเสียงสดใสอยู่พักใหญ่ ไม่สนใจกับเสียงประตูบ้านที่ถูกเปิด คนที่เข้ามาปิดประตูถอดรองเท้าออก แล้วก็ต้องส่ายหน้าด้วยความระอา เมื่อมองเห็นรองเท้าที่ชนกถอดทิ้งไว้ แต่เมื่อได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วจากการคุยโทรศัพท์ของเด็กหนุ่ม ก็ต้องยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ก้มตัวลงเก็บรองเท้าของตัวเองและของชนกเก็บเข้าตู้ไป ก่อนจะก้าวเดินเข้ามาในห้องรับแขก
ชนกรับรู้การมาถึงของชายหนุ่มตั้งแต่มีเสียงรถเข้ามาในบริเวณบ้าน เมื่อชายหนุ่มผู้มีใบหน้าค่อนข้างกลม พาเรือนร่างสูงใหญ่เดินตรงเข้ามาหาก็ยิ้มให้ ชายหนุ่มแกล้งดึงหูโทรศัพท์ออกจากมือชนก แต่เด็กหนุ่มจับหูโทรศัพท์ไว้แน่น ไม่ยอมให้หลุดจากมือ
“ให้พี่คุยมั่งเร็ว พี่ก็คิดถึงเหมือนกันนะ” ชายหนุ่มแกล้งทำหน้าดุใส่
“ป๊ะ ... ตาลุงจาคุยด้วยอะ ป๊ะไม่คุยด้วยใช่ม๊ะ” พูดแล้วก็แลบลิ้นใส่ชายหนุ่ม แต่พอได้ยินคำตอบจากปลายสายก็ทำคอย่นขมวดคิ้ว “งั้นนกไปอาบน้ำนอนเลยนะ ป๊ะกับม๊ะกลับมาเร็วๆอะ นกคิดถึง รักนะ ... จุ๊บ ๆ” พูดจบก็ยื่นหูโทรศัทพ์ให้ชายหนุ่มแล้ววิ่งปร๋อไปที่ประตูหน้าบ้าน
“ครับป๊ะ นินทร์สบายมากเลยครับ ไอ้แสบก็แสบเหมือนเดิมแหละป๊ะ ...” ชนินทร์คุยโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ แล้วก็เลิกคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อชนกเดินมายืนอยู่ข้างหน้า
“เดี๋ยวนะป๊ะ พูดกับไอ้แสบเดี๋ยว มีอะไรไอ้แสบ” ชนินทร์ถามน้องชาย
“พี่นินทร์เก็บรอบเท้าให้นกเหรอ” เด็กหนุ่มถามเสียงค่อย
ชนินทร์พยักหน้าเป็นคำตอบ
“ขอบคุณครับ” ชนกพูดเบาๆก่อนจะหมุนตัววิ่งขึ้นบันไดไป ทิ้งให้ชนินทร์คุยโทรศัพท์อยู่ในห้องรับแขกต่อไป
“เฮ้ย จะสี่ทุ่มแล้ว ได้เวลากลับบ้าน” บุณฑริกตบไหล่เพื่อนที่นั่งอยู่ตรงเคาเตอร์ หมุนโทรศัพท์มือถือในมือไปมา
“อื้อ” ปรมินทร์รับคำด้วยใบหน้าเซ็งๆ เอื้อมมือปิดสวิตช์ไฟบริเวณเคาเตอร์ให้เรียบร้อย ก่อนจะออกจากร้าน
ติ๊ด ... ติ๊ด ... ติ๊ด
เสียงสัญญาณจากโทรศัพท์มือถือ แสดงว่ามีข้อความถูกส่งเข้ามา ปรมินทร์รีบกดดูด้วยความรวดเร็ว เหมือนกำลังรออยู่ แล้วก็ต้องยิ้มออกมาเมื่ออ่านข้อความนั้นจนจบ
... ถึงบ้านด้วยความเรียบร้อย แล้วก็เสียตังสไปเกือบร้อย T-T แต่เพิ่งนึกได้ว่าต้องโทรบอกคนที่เป็นห่วง *0* เพราะมัวแต่คุยโทรศัพท์กับป๊ะ ^0^ ตอนนี้กำลังจะนอนแย้ว พรุ่งนี้เจอกันนะลุง
…