บทที่ ๔
“น้องนกไม่ทานอีกเหรอคะ” สาวิตรีเอ่ยปากถาม เมื่อเห็นชนกตักวาฟเฟิลเข้าปากเพียงคำเดียว แล้วไม่แตะต้องอีกเลย
ชนกสั่นหน้าน้อยๆแทนคำตอบ พร้อมกับยิ้มแหยๆ ขณะละเลียดโกโก้เย็นอย่างเอร็ดอร่อย
“ทำไม วาฟเฟิลร้านชั้นมันไม่อร่อยเหรอไงถึงกินไม่ได้ นั่นสินะ ... ขนาดเครื่องดื่มยังต้องเอาโกโก้จากบ้านมาชงเอง” ปรมินทร์บ่นเสียงไม่เบานัก
“ก็ที่ร้านไม่มีโกโก้นี่นา ขนาดไมโล โอวันติน ยังไม่มีเลย ผมก็ต้องเอามาเองสิ” ชนกเถียง
“พี่ก็สงสัยเหมือนกันนะ ว่าวาฟเฟิลที่พี่ทำมันไม่อร่อยเหรอ น้องนกถึงไม่ยอมกิน” บุณฑริกถามเสียงนุ่ม พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปาก
“ก็ดีอะพี่ แต่ผมไม่ชอบ เนื้อมันแน่นไปหน่อย แล้วพอราดไซรัปทิ้งไว้แล้วมันนิ่มๆพิกล” ชนกตอบเสียงเบา มองดูบุณฑริกด้วยความเกรงใจ
“แล้ววาฟเฟิลราดไซรัปที่ไหนมันจะกรอบวะ ไม่ถูกใจก็ไปทำกินเองแล้วกัน” ปรมินทร์ว่าเสียงแข็ง
แต่พอชนกได้ยินกลับยิ้มแก้มแทบปริ วางแก้วโกโก้ที่ถือไว้ลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นวิ่งเข้าครัวไปทันที
“ทำไม ... จะเก็บของกลับบ้านเหรอไง ลองสิ ค่าจ้างสี่วันนี้ไม่จ่ายนะเว๊ย” ปรมินทร์ตะโกนไล่หลังเด็กหนุ่ม
“พี่ป๊อปนี่ดุจัง” สาวิตรีขมวดคิ้ว
“ก็ดูมันทำสิ ว่านิดว่าหน่อย ทำวิ่งหนี” ปรมินทร์ฮึดฮัด
“นกมันไม่ได้วิ่งหนีหรอก มันไปทำวาฟเฟิลมากกว่ามั้ง” บุณฑริกพูดพลางยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ
“ทำวาฟเฟิล” ปรมินทร์ขมวดคิ้ว “ใครบอกให้มันไปทำ”
“แกน่ะแหละบอก / พี่ป๊อบน่ะแหละบอก” บุณฑริกประสานเสียงกับสาวิตรี แล้วหันหน้ายิ้มให้กัน ก่อนจะหันกลับไปที่ปรมินทร์
“เมื่อกี้แกบอกน้องมันเองนะ ว่าถ้าอยากกินแบบไหน ให้ไปทำเอง น้องมันก็เข้าครัวไปทำ” บุณฑริกอธิบาย
“เฮอะ ... จะทำได้เหรอ” ปรมินทร์สบประมาท เหลือบสายตามองเข้าไปในครัว ก็เห็นเด็กหนุ่มหยิบโน่นหยิบนี่ผสมกันในอ่างอลูมิเนียมอย่างขมักเขม้น
หนุ่มสาวทั้งสามนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ โดยที่ปรินทร์ไม่รู้ตัวเลยว่าคนที่เหลืออีกสองคนลอบสังเกตอาการที่เหลือบสายตามองไปยังครัวอยู่บ่อยครั้ง แล้วแอบส่งสายตายิ้มให้กันอย่างมีเลศนัยบางอย่าง จนกระทั่ง ...
“มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบบบ” ชนกส่งเสียงนำมาก่อนตัว พอมาถึงโต๊ะก็ยกของในถาดวางลงบนโต๊ะก่อนจะนั่งลงยิ้มกริ่ม “วาฟเฟิลสูตรบ้านผมเอง”
“โอ้โห นี่ฝีมือน้องนกเหรอ น่าทานจัง” สาวิตรีเบิกตาโต มองดูวาฟเฟิลรูปสามเหลี่ยมแผ่นบางกว่าที่บุณฑริกทำเล็กน้อย เหยือกใบเล็ก ๒ ใบที่ถูกวางไว้เคียงกัน ใบหนึ่งเป็นไซรัป อีกใบเป็นของเหลวสีน้ำตาลแก่
“โก้โก้น่ะครับพี่” ชนกรีบตอบเมื่อเห็นบุณฑริกทำท่าจะถาม พลางยกจานใบเล็กวางลงตรงหน้าทุกคน พร้อมส้อมและมีดชุดใหม่
“พี่สงสัยนะ” บุณฑริกเอียงคอแล้วหยีตามองวาฟเฟิลสีทองเหลืออร่ามในจาน “แบบนี้มันต้องมีวิธีกินที่ถูกต้องด้วยรึเปล่า”
“ก็มีนิดหน่อยอะพี่ ก่อนอื่นก็ตักวาฟเฟิลใส่จานของตัวเองก่อน ชอบไซรัปก็ราดไซรัป ชอบโกโก้ก็ราดโกโก้ แต่จะให้ดีนะ ต้องทาเนยสดก่อนแต่ในครัวมันไม่มีอะ ผมเลยไม่ได้ทา แว๊กกกกกกกกกกกกก ..... ลุงงงงงงง”
ชนกโวยวาย แล้วแย่งเหยือกไซรัปจากมือปรมินทร์ที่กำลังราดวาฟเฟิลที่ตักมาใส่จานเล็กตรงหน้า
“อะไรวะ ไหนบอกว่าชอบอะไรก็ให้ราดไอ้นั่น ฉันชอบไซรัปก็ราดไซรัป มันผิดตรงไหนวะ” ปรมินทร์โวยวายทำท่าจะแย่งเหยือกไซรัปคืนจากมือชนก
“คนแก่อะไรใจร้อนน่าดู” ชนกว่าพลางเอี้ยวตัวหลบ ไม่ยอมให้ปรมินทร์แย่งเหยือกไซรัปไปได้ “ฟังให้จบก่อนไม่ได้ไงอะ ... หรือว่า” แล้วจู่ ๆ ชนกก็อมยิ้ม กรอกตาไปมา
“หรือว่าอะไร” ปรมินทร์หยุดแย่งเหยือกไซรัป จ้องหน้าชนกเขม็ง
“วาฟเฟิลที่ผมทำมันน่ากินจนทนไม่ไหว ช่ายป่ะ” พูดแล้วก็ยื่นหน้าเข้าใกล้ชายหนุ่มแล้วทำตาโต จากนั้นก็วางเหยือกไซรัปลงบนโต๊ะ เปลี่ยนจานเล็กของตัวเองกับจากเล็กของปรมินทร์ที่มีวาฟเฟิลชุ่มไซรัปไปแล้วส่วนหนี่ง “อันนี้ไม่อร่อยและ เปลี่ยนอันใหม่แล้วฟังผมพูดให้จบก่อนนะ” พูดพลางตักวาฟเฟิลชิ้นใหม่วางลงบนจาน หยิงมีดกับส้อมบรรจงตัดวาฟเฟิลให้เป็นชิ้นพอดีคำ “ลุงต้องตัดแบบนี้ก่อนนะ”
... กร่อบ ...
เสียงวาฟเฟิลที่ถูกมีดตัดแสดงถึงความกรอบของผิวด้านนอก บุณฑริกลองตัดตามดูบ้างแล้วใช้ส้อมจิ้มขึ้นมาดู มองเห็นเนื้อด้านในที่ดูฟูนุ่ม ไม่แน่นเหมือนวาฟเฟิลที่ตัวเองทำ
“ที่นี้ราดไซรัปลงไปแล้วรีบกินก่อนที่มันจะหายกรอบ” พูดแล้วชนกก็ราดไซรัปลงไปเล็กน้อย ใล้ส้อมจิ้มยื่นไปที่ปากปรมินทร์ “อ้ามมมม”
“ฉันกินเองได้” ปรมินทร์แย่งส้อมจากมือของชนก แล้วส่งวาฟเฟิลเข้าปาก เคี้ยวเบา ๆ รู้สึกได้ถึงความกรอบของผิวนอก ความฟูนุ่มของเนื้อใน และความหวานของไซรัป ผสมผสานกันเป็นรสชาดที่แตกต่างจากวาฟเฟิลที่เคยกินเป็นประจำ ชายหนุ่มจึงตัดวาฟเฟิลอีกชิ้น ราดไซรัปแล้วส่งเข้าปากอีกครั้ง ... อีกครั้ง ... อีกครั้ง
“อร่อยมากกกกกกกกกกกก” สาวิตรีหลับตาพริ้ม
“อร่อยมากจริงๆ แต่ถ้าให้พี่ทำแบบนี้ขาย กลัวลูกค้าจะไม่สั่งน่ะสิ” บุณฑริกพูดพลางยิ้มอย่างพึงพอใจกับรสชาดของวาฟเฟิลในปาก
“ทำไมวะ มันอร่อยแบบนี้ กลัวจะขายดีกว่าฝีมือแกเหรอไง” ปรมินทร์ขมวดคิ้ว
“โธ่ลุงนี่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ” ชนกส่ายหน้าเบาๆ “ต้นทุนไงลุง ต้นทุน”
“เครื่องปรุงมันมากกว่าที่ข้าใช้น่ะ มันทำให้ต้นทุนสูงขึ้นไปด้วย” บุณฑริกรีบอธิบาย “ทำให้ราคาขายสูงขึ้นไปอีก”
“แปลว่าแกก็ทำวาฟเฟิลแบบนี้ได้เหมือนกัน” ปรมินทร์ถามอีก
“ก็ทำได้ ... แกจะเปลี่ยนให้มาทำวาฟเฟิลแบบนี้เหรอ” บุณฑริกพูดด้วยสีหน้าเป็นงานเป็นการ
“เท่าไหร่” ปรมินทร์ถามต่อ
“ประมาณ ๒๐ เปอร์เซนต์ของราคาเดิม” บุณฑริกคิดอย่างรวดเร็ว
“จะดีเหรอคะพี่ หนูว่าลูกค้าบางคนอาจจะชอบวาฟเฟิลแบบเก่าก็ได้นะคะ” สาวิตรีออกความเห็นบ้าง
“งั้นแทนที่จะเปลี่ยน เราก็เพิ่มเข้าไปในเมนูซะก็สิ้นเรื่อง” ชนกพูดแล้วก็ต้องทำหน้าเลิกลั่ก เพราะทุกคนหันมามองหน้าเขาเป็นจุดเดียวกัน
“แล้วยังไงต่อ ลูกค้าจะรู้ได้ยังไงว่าวาฟเฟิล ๒ แบบมันต่างกันตรงไหน” บุณฑริกยิ้มกริ่ม จ้องหน้าชนกนิ่ง เขาอยากจะรู้เหมือนกันว่าเด็กหนุ่มจะมีความคิดเหมือนเขาไหม
“ง่ายจะตาย” ชนกยิ้มกว้าง “ทำให้ชิมก่อนไงพี่ ผมเห็นพวกร้านขนม ร้านกาแฟ เวลามีเมนูใหม่ เขาจะทำแจกให้ลูกค้าลองชิมก่อนสักช่วงนึง ก่อนจะขายจริง ถ้าลูกค้าส่วนใหญ่ชอบ ถึงจะเพิ่มลงในเมนู”
“แล้วถ้าลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ชอบล่ะ” ปรมินทร์ถามเสียงเข้ม
“ก้อ ม่าย ต้องทำขาย” ชนกยื่นหน้าไปใกล้ปรมินทร์ ตอบด้วยเสียงกวนๆ แล้วยิ้มกว้าง
แต่ปฏิกิริยาของชายหนุ่มแทนที่ต่อปากต่อคำด้วยเหมือนเช่นเคย กลับมีทีท่านิ่งคิดอยู่ครู่ใหญ่
“งั้นเอาตามนี้เลย เริ่มพรุ่งนี้ไหวรึเปล่า” ปรมินทร์หันไปถามบุณฑริก
“สบายมาก” บุณฑริกยิ้มที่มุมปาก
“พี่คะ โกโก้ที่ใช้ราดวาฟเฟิลนี่ก็น่าสนใจนะคะ” สาวิตรีเสนอความเห็นอีกครั้ง
“แต่ผมว่าทำเป็นเคลือบชอคโกแลตก็ดีนะ ราดแยมก็น่าอร่อย แล้วก็”
“หยุดเลยไอ้จอมป่วน ขืนสาธยายอีกร้านฉันต้องเปลี่ยนเมนูหมดแน่”
ถึงน้ำเสียงจะดุ แต่ใบหน้าของปรมินทร์กลับยิ้มแย้ม ชนกเป็นแล้วก็อดแกล้งอีกไม่ได้ วาฟเฟิลสารพัดแบบก็ถูกสาธยายออกมาอีก บางทีก็ได้รับการสนับสนุนจากบุณฑริกและสาวิตรี แต่บางครั้งก็ถูกขัดโดยปรมินทร์ที่เริ่มสนุกสนานกับการได้ต่อล้อต่อเถียงกับเด็กหนุ่ม ผิดจากวันแรกแทบจะสิ้นเชิง