ตอนที่ 23 : แสดงความเป็นเจ้าของ (จอมทัพ&ซอล)
-จอมทัพ-
อาทิตย์ที่ผ่านมาผมกับคีรียุ่งเรื่องเรียนมากจนไม่มีเวลามานั่งฟังวงของซอลเล่น เพิ่งได้หายใจหายคอกันก็วันนี้ หลังจากงานที่ส่งไม่ถูกตีกลับมาให้แก้อีก
“แค่อาทิตย์เดียวทำไมกูรู้สึกเหมือนไม่ได้มานั่งฟังนานมากวะ” ผมบ่นกับคีรี
“มึงจะบ่นทำไมวะ กูเห็นมึงเจอซอลที่มหาลัยเกือบทุกวัน”
“ก็แค่กินข้าวกลางวันในโรงอาหารหรือเปล่าวะ แล้วก็ไม่ใช่ทุกวัน กูไม่ได้กินสองวัน”
“ทำเป็นเด็กติดแม่ไปได้มึง ไม่เจอสองวันร้องไห้”
“ไอ้เหี้ย” ผมหยิบน้ำแข็งก้อนเล็กปาใส่คีรี
“ไงคะหนุ่มๆ โต๊ะนี้พอจะขอสาวสวยนั่งด้วยสักสองคนได้ไหม” ผมหันหลังไปมองเจ้าของเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงรีบลุกขึ้นยืน
“ปริม เชิญเลยครับ” ผมยิ้มกว้าง ผายมือไปยังเก้าอี้ว่าง “ปรางสบายดีไหม” ผมทักทายน้องสาวของปริม
“สบายดีค่ะ”
“นี่เพื่อนพี่ชื่อคีรี”
“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก” ปรางยกมือขึ้นไหว้ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เช่นกันครับ ดื่มอะไรกันดี” คีรียกมือขึ้นเรียกพนักงาน จัดการสั่งเครื่องดื่มให้กับสองสาว
“อาทิตย์ก่อนปริมก็มาแต่ไม่เจอทั้งคู่ เห็นผ้าใบบอกว่ายุ่งเรื่องเรียน”
“หัวหมุนมากเพิ่งจะโล่งวันนี้”
“ก็เลยรีบมาเฝ้าแฟน” ปริมแซ็วผมด้วยสายตารู้ทัน ผมหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ไมได้พูดอะไร
“จอมทัพไม่ต้องเกรงใจปริมนะ คุยถึงได้ตามสบาย” ดูเหมือนปริมจะรู้ว่าผมเป็นห่วงความรู้สึกปริมอยู่ไม่น้อย
“ปริมถูกชะตากับจอมทัพแต่ยังไม่รักเสียหน่อย โปรไฟล์เข้าตา หน้าตาใช้ได้ นิสัยดี แต่แบบนี้มีจีบปริมหลายคน” คีรีหัวเราะออกมาผมเองก็พลอยหัวเราะไปด้วย พร้อมกับความรู้สึกโล่งใจ
“อย่ามัวแต่ห่วงความรู้สึกปริมเลยค่ะ ห่วงแฟนตัวเองดีกว่า”
“ปริมหมายถึงอะไรครับ”
“เห็นฝรั่งหล่อๆ ที่นั่งอยู่โต๊ะโน้นไหมคะ” ผมมองตามสายตาของปริม “คราวก่อนปริมมาก็เห็น นั่งตั้งแต่วงขึ้นเล่นยันเล่นเสร็จ”
“ลูกค้าที่ติดใจเสียงซอลมีเยอะครับ มาเพื่อฟังดนตรีโดยเฉพาะ” ผมไม่ซีเรียส มีคนชอบยังไงก็ดีกว่า ไม่ได้หึงหน้ามืดไม่มีเหตุผล
“อืมม” ปริมพยักหน้า “แต่ม่อนบอกปริมว่ามาทุกวันเลยนะคะ คงชอบฟังเพลงมากจริงๆ” ผมนั่งหลังตรงโดยอัตโนมัติ จากที่นั่งฟังเพลงสบายๆ อยู่
“ไม่รู้ตัวเหรอคะว่ามีแฟนน่ารักมาก ใครๆ ก็เอ็นดู ปริมยังเอ็นดู ว่างๆ จะขโมยใส่กระเป๋ากลับบ้าน”
“ปริม” ผมเรียกเสียงอ่อนใจ อยากจะขำแต่สิ่งที่ได้ยินก่อนหน้านั้นทำให้ขำไม่ออก “ซอลไม่ใช่ตุ๊กตาจะได้แอบหยิบกลับบ้านได้”
“ใครว่าใช่คะ ปริมว่าเหมือนลูกแมวน้อยมากกว่า น่าขโมยจะตายไป” ผมหัวเราะเบาๆ แต่สายตาจับจ้องชาวต่างชาติที่นั่งอยู่ เมื่อสังเกตถึงเห็นว่าชายหนุ่มตาสีฟ้าไม่ละสายตาไปจากซอลเลย
“คุณปริม” ซอลยิ้มกว้างเดินเข้ามาหาเมื่อเห็นว่าใครนั่งอยู่กับผมด้วย
“แฟนนั่งอยู่นี่ครับซอล ไม่ได้มาเป็นอาทิตย์ทำไมทักคนอื่น” ซอลตาโตมองหน้าผม ก่อนจะส่งค้อนเล็กๆ มาให้ คงอายปริมกับปราง
“แต่วันนี้เราก็เพิ่งเจอกันตอนกลางวันนะครับ”
“นั่งเถอะอย่าไปสนใจพวกชอบเรียกร้องความสนใจเลย” ปริมดึงมือซอลให้นั่งลงแทนที่คีรี เพราะอีกฝ่ายเดินไปหาผ้าใบ
“สวัสดีครับปราง” ซอลทักปรางที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
“มาทันฟังซอลร้องเพลงนิดเดียวเองเสียดาย”
“วันหลังมาใหม่สิครับ อยากฟังเพลงอะไรเดี๋ยวผมร้องให้ฟัง” ผมกระแอมกระไอออกมา
“เป็นอะไรคะคุณจอมทัพสุดหล่อ หรือความหึงมันติดคอ” ปริมหันมาแซ็วผม
“ซอล”
“ครับ?”
“มีคนมาจีบเหรอไม่เห็นเล่าให้พี่ฟังบ้าง”
“คุณปริม~” ปริมยกมือขึ้นปิดปากทำตาแบ๊วใส่ซอลก่อนหัวเราะออกมา
“ไม่มีอะไรหรอกครับเขาแค่มานั่งฟังเพลง ผมเลยไม่เล่าให้ฟัง คุณปริมเล่าทำไมก็ไม่รู้”
“ไม่ได้สิ ของแบบนี้มันไว้ใจไม่ได้”
“ปริมทำถูกแล้ว นี่ถ้าพี่ไม่เจอปริมจะรู้ไหม”
“รู้ ปริมสั่งม่อนไว้แล้วว่าถ้าจอมทัพมาให้เล่าด้วย”
“คุณปริม~”
“ไปทักทายคนอื่นดีกว่า ปรางไปกับพี่ไหม”
“ไปค่ะ” ปรางลุกขึ้นยืนตามพี่สาว ปริมหลิ่วตาให้ซอล ในขณะที่เด็กน้อยของผมทำหน้าอ่อนใจ
“ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ” ซอลรีบบอกผมเมื่อเหลือกันอยู่สองคน
“มาเฝ้าทุกวันใช่ไหม”
“มาได้หกวันแล้วครับ แต่ไมได้มาเฝ้าผมนะครับ”
“เคยคุยกันหรือยัง”
“ก็มีทักกันคำสองคำ ก็เขาเป็นลูกค้า” ซอลยิ้มแหย “แต่ทักแค่ตอนผมเดินผ่านนะครับ ตอนพี่จอมทัพกับพี่คีรีไม่มา ผมไม่ได้ออกมานั่งหน้าร้านเลย”
“ดีแล้ว” อย่างน้อยผมก็ยังอุ่นใจ ว่าไอ้หมอนั่นไม่มีช่องให้จีบแฟนผมได้
“เป็นอะไรซอล” ผมหรี่ตาเมื่อเห็นหน้าของซอลที่ซีดอยู่แล้วแหยเข้าไปอีก
“คือ..คือ..” ซอลยังไม่ทันพูดเสียงทักก็ดังขึ้น
“สวัสดีครับ” ภาษาไทยสำเนียงต่างชาติ ผมหันไปเจอร่างสูงของชายหนุ่มตาสีฟ้ายืนอยู่ สายตาที่มองซอลเต็มไปด้วยความสนใจเป็นพิเศษ
“สวัสดีครับ” ผมเป็นคนทักทายเสียเอง
“ผมชื่อฟิลิป ยินดีที่ได้รู้จัก” มือที่ยื่นออกมาตรงหน้าทำให้ผมต้องยื่นมือไปจับด้วย แต่หลังจากที่ผมปล่อยมือ มือนั้นก็ยื่นข้ามโต๊ะไปหาซอล
ซอลมองหน้าผมแล้วรีบยกมือขึ้นไหว้ ชายหนุ่มตาสีฟ้าหัวเราะก่อนเอามือลง
“ผมสนใจคุณ ขอนั่งด้วยคนได้ไหม หรือถ้ารบกวนเพื่อนคุณคุณไปนั่งที่โต๊ะกับผมได้ไหม”
“ผมเลื่อนเก้าอี้ไปใกล้ซอล วาดมือลงบนไหล่ ยิ้มให้ชายหนุ่มที่มองมา
“เชิญนั่งครับ ผมกับแฟนยินดีที่ได้รู้จัก” ผมผายมือไปยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ ยกรอยยิ้มขึ้นที่ริมฝีปากแต่ดวงตาที่ประสานกันลุ่มลึก
ชายหนุ่มต่างชาติสบตากับผมนิ่งก่อนยิ้มออกมาน้อยๆ “โอ้ คุณเป็นคนที่โชคดีมาก”
“ขอบคุณ” ผมค้อมศีรษะรับ
“ผมเอานี่มาให้ หวังว่าคุณจะรับไว้” ดอกไม้ช่องามถูกส่งมาให้ ผมเพิ่งเห็นเพราะอีกฝ่ายถือไว้ด้านหลัง ซอลมองหน้าผมนิดหนึงก่อนเอื้อมมือไปรับ
“ขอบคุณครับ”
“สำหรับคุณ” จากที่อารมณ์ดีขึ้นแล้วผมชักกรุ่น ดีที่ชายหนุ่มตาสีฟ้ายอมถอยกลับไปที่โต๊ะ ซอลรีบวางดอกไม้ลงมันมามองผมด้วยสายตางอนง้อ
“ผมไม่รู้เรื่องนะครับ”
“....”
“พี่จอมทัพ” ซอลดึงชายเสื้อผมเมื่อเห็นผมนิ่งไป
“พี่ไม่ได้โกรธซอล แต่โมโหที่ซอลน่ารัก”
“อ้าว” ซอลทำหน้าเหวอ เหมือนไม่รู้จะทำยังไงดี มันน่ารักจนผมอดยิ้มไม่ได้ ยกมือขึ้นจับหัวเล็กๆ เขย่า
“ต่อไปทำตัวให้น่ารักน้อยกว่านี้ได้ไหม”
“ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยครับ”
“เรานี่ดึงดูดจริงๆ พี่เห็นจะปล่อยไม่ได้แล้ว”
“ผมไม่เลิกร้องเพลงนะครับ ไม่เลิกเด็ดขาดจนกว่าจะเรียนจบ” เรื่องอื่นซอลอาจยอม แต่ถ้าเป็นเรื่องเงินทองซอลไม่เคยยอมพึ่งพาผม จะให้รับอะไรแต่ละอย่างต้องทั้งขู่ทั้งบังคับทั้งหลอกล่อกว่าจะยอมก็เล่นเอาเหนื่อย
“ถ้าไม่เลิกร้องเพลงก็ต้องทำอะไรให้พี่สักอย่าง”
“อะไรครับ ถ้าทำให้พี่จอมทัพสบายใจขึ้นบอกมาเลย”
“แขวนป้ายไว้ว่ามีเจ้าของแล้ว”
ผมไม่ใช่หมานะครับ” ซอลตาโตเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด
“งั้นก็ต้องหาอะไรที่เป็นคนสินะ ได้ ไปกันเถอะ” ผมลุกขึ้นยืน จับมือซอลดึงให้ลุกขึ้นตาม
“เดี๋ยวครับ! พี่จอมทัพจะไปไหน ผมยังไม่ได้เก็บของ”
“ช่างมันเดี๋ยวค่อยกลับมา” ผมเรียกพนักงานที่เดินผ่าน ฝากให้ไปบอกคีรีว่าผมไปทำธุระเดี๋ยวจะจะกลับมา ผมดึงมือซอลให้เดินตามออกไปที่ลิฟท์
“เราจะไปไหนกันครับ”
“ชั้นล่าง” ผมตอบแค่นั้น
ผมพาซอลลงไปยังชั้นล่างสุดของโรงแรมที่เปิดให้ร้านค้าชั้นนำเช่า “พี่จอมทัพ!” ซอลมีสีหน้าตกใจเมื่อเห็นว่าผมคิดจะเดินเข้าร้านไหน โชคดีที่ร้านในโรงแรมปิดสี่ทุ่มตรง ผมจึงลงมาได้ฉิวเฉียด
“ซอล อย่าดื้อกับพี่ครับ” ผมหยุดเดินสบตากับซอล ซอลมีสีหน้าลังเลเล็กน้อยสุดท้ายก็พยักหน้า ยอมเดินตามผมแต่โดยดี
“สวัสดีค่ะ” พยักงานทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แม้ว่าอีกไม่ถึงสิบนาทีก็ได้เวลาปิดร้านแล้ว
“ผมอยากได้แหวนทองคำขาวแบบเรียบสำหรับผู้ชายครับ” ผมบอกความต้องการ พนักงานพาเดินไปที่เคาน์เตอร์หยิบแหวนแบบที่ผมต้องการขึ้นมาให้ชม
ผมดึงซอลเข้ามาใกล้ พยักหน้าให้เด็กน้อยของผมเลือก
“เดี๋ยวพี่ตี” พนักงานแอบยิ้มขำ เมื่อผมดุซอลเพราะเอาแต่เปิดดูใบราคาเล็กๆ ที่ห้อยอยู่
“ดูแต่แบบครับห้ามดูราคา เพราะถ้าซอลยังดูราคาอยู่ พี่จะสั่งวงที่แพงที่สุด” ผมขู่เพราะรู้ว่าซอลไม่ยอมแน่
“ไม่เอาครับ! ผมเลือกแล้ว” ซอลรีบบอกผม สายตาที่มองแหวนเป็นประกาย ใบหน้ามีรอยยิ้มเขินอาย ผมเผลอมองแต่หน้าซอลโดยไม่ใส่ใจแหวนที่วางอยู่
“วงนี้ดีไหมครับ เรียบร้อยดี” ซอลหันมาปรึกษา
“ไหน” ผมดูแหวนที่ซอลส่งให้ “สวยดี แต่เอาวงที่ซอลถูกใจที่สุดนะ เพราะต้องใส่ตลอดเวลาห้ามถอด”
“โหดจัง ต้องตลอดเวลาเลยเหรอครับ” ซอลบ่นเบาๆ ก่อนยิ้มเขินเมื่อเห็นรอยยิ้มของพนักงาน
“เอาวงนี้ครับ” หลังจากที่ลังเลอยู่สักพัก ซอลก็เลือกขึ้นมาวงหนึ่งส่งให้พนักงาน
“ขอแบบนี้สองวงครับ อีกวงเป็นขนาดนิ้วผม” ผมส่งมือให้พนักงานวัด ซอลตาโตแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ผมให้เครดิตการ์ดกับพนักงาน ใช้ช่วงเวลาที่พนักงานเดินไปจัดการออกบิลให้ หยิบแหวนขึ้นมาสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายให้ซอล
“ที่นี่ก็มีเจ้าของแล้วนะ ตาพี่บ้าง” ผมส่งมือข้างซ้ายให้ซอล มือของซอลสั่นน้อยๆ ใบหน้าแดงเรื่อ ใช้เวลาครู่ใหญ่ถึงจะสวมแหวนให้ผมสำเร็จ
ผมกุมมือซอลเอาไว้ เราส่งยิ้มให้กัน ผมรู้ว่าซอลมีความสุขมากจากสีหน้าและแววตา ส่วนผมคงไม่ต้องพูดถึง ถ้าแขวนป้ายที่คอซอลได้จริงๆ ผมคงทำไปแล้ว
“ขอบคุณมากค่ะ” พนักงานยกมือไหว้ เมื่อส่งถุงใส่กล่องแหวนให้ผมเรียบร้อย ผมพาซอลเดินออกจากร้านกลับขึ้นไปที่บาร์ คีรีกับปริมกลับมานั่งที่โต๊ะแล้ว มีปรางกับผ้าใบและม่อนนั่งอยู่ด้วย
“ไปไหนมาวะ” คีรีทักเมื่อผมลงนั่ง “ธุระเรื่องสำคัญ”
“ธุระอะไรวะ ซอลโคตรมีพิรุธ” ม่อนถามเพราะเด็กน้อยของผมดันทำหน้าแดง ไม่กล้าสบตาคนอื่น
“ม่อนไม่เห็นต้องถามเลย เห็นๆ กันอยู่”
“เห็นอะไรปริม”
“เห็นความรักไง ใครก็ได้สั่งเหล้าแรงๆ มาให้หน่อย เดี๋ยวความอิจฉามันจะขึ้นตา” คุณปริมแกล้งพัดมือไปมาใกล้ใบหน้า
“มึงรู้ไหมว่าปริมพูดถึงอะไร” ม่อนหันไปถามผ้าใบ อีกฝ่ายรีบสายหน้า ดูเหมือนยังไม่ทันทั้งคู่
“ซอลไปไหนมา” ที่สุดผ้าใบก็สะกิดถามเพื่อนตรงๆ
“ไป..” ซอลหลบตาเพื่อน แต่ดวงตาสดใสเป็นประกาย “ไปซื้อปลอกคอแบบใหม่มา” ผมเกือบสำลักเหล้าที่ยกขึ้นดื่ม ซอลหันมายิ้มขำ เห็นไหมวางใจไม่ได้เลย เด็กน้อยของผมชักจะร้ายขึ้นทุกวัน
“ฮ่าๆ” ปริมหัวเราะเสียงดังก่อนรีบเบรก เมื่อนึกได้ว่าจะทำให้เสียภาพลักษณ์ ผ้าใบยังมีสีหน้างุนงงพอๆ กับม่อน จนผมจับมือซอลยื่นให้ดู เสียงแซ็วจึงดังขึ้นเซ็งแซ่ ไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร
ผมขับกระป๋องสีเพื่อไปส่งซอลที่หอ จอดรถของตัวเองไว้ที่โรงแรม ผมจะพากระป๋องสีกลับบ้านด้วยคืนนี้แล้วค่อยมารับซอลในตอนเช้า
เสียงเพลงในรถดังเบาๆ มือข้างหนึ่งผมจับพวงมาลัย อีกข้างกุมมือซอลไว้บนตัก ผมอาศัยจังหวะที่รถติดตบมือลงบนคอนโซลรถ
“กระป๋องสีพี่มีข่าวดีมาบอก ซอลถูกจองแล้วนะ อีกไม่เกินสองปีพอซอลเรียนจบ กระป๋องสีจะได้ไปอยู่บ้านใหม่ มีหลังคากันแดดกันฝน ไม่ต้องตากแดดตากลมอีกแล้ว” ผมพูดไปเรื่อยๆ รับรู้ถึงอาการกระตุกของมือที่กุมอยู่ ซอลตกใจจนปากเผยออกน้อยๆ เสียดายที่ถนนพลุกพล่าน ไม่อย่างนั้นผมจะช่วยปิดให้
“ซอลตกใจอะไร” ผมแกล้งถาม
“เมื่อกี้..ที่พี่จอมทัพพูดเมื่อกี้”
“อ๋อ ไม่มีอะไรนี่ พี่แค่ขอซอลแต่งงานเท่านั้นเอง”
!!!
ผมยกมือซอลขึ้นแตะริมฝีปาก หัวเราะขำเมื่อซอลเอาแต่นั่งนิ่ง
“ซอล”
“ครับ” ซอลตอบรับเสียงเบา
“พูดว่าตกลงสิ”
“.....”
“เร็วครับ”
“ตกลงครับ” ซอลยิ้มอาย เขินจนแดงไปถึงคอ ผมได้แต่บอกตัวเองว่าทนอีกนิด ถึงหอแล้วจะจูบให้หนำใจ โทษฐานที่ทำตัวน่ารักเกินไป
ผมมองตรงไปข้างหน้า รอยยิ้มจุดขึ้นที่ริมฝีปาก เคาะนิ้วกับพวงมาลัยเบาๆ กระป๋องสีเป็นพยานให้ด้วยนะว่าซอลตกลงแล้ว
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
.
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin