บทที่ 21 ใจร้าย
หลังได้ข้อสรุปเรื่องความรักระหว่างตัวเองกับพี่เมฆ เด็กหนุ่มรีบกลับมาหาพี่เอิร์ทที่ห้อง โดยกำชับพี่เมฆว่าไม่ต้องมาส่ง มันถึงเวลาแล้วที่จุนเจือต้องบอกความจริงกับพี่เอิร์ท ว่าตอนนี้ เขารู้สึกดีกับใคร
เสียงเคาะประตูเนิ่นนานพอดู กว่าเอิร์ทจะเดินมาเปิดประตู แวบแรกที่เห็น จุนเจือเบิกตาโพลงตกใจอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อสายตาที่สบกัน จุนเจือเห็นพี่เอิร์ทตาแดงก่ำ
จุนเจือนึกว่าพี่เอิร์ทไม่สบาย จึงยื่นมือไปแตะลำคอ จับแขนสำรวจทุกสัดส่วน แต่เอิร์ทกลับสะบัดออก
"พี่เอิร์ท ไข้ขึ้นอีกหรือเปล่าครับ หรือที่เมื่อกี้ฝนตก พี่ตากฝนมาใช่ไหม?"
"จุน"
"ครับ?" จุนเจือขานรับยามที่พี่เอิร์ทถามด้วยใบหน้าขึงขัง เขาสัมผัสได้จากสายตา ท่าทีของอีกฝ่ายว่าต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ
"พี่เมฆไม่ใช่แค่เพื่อนพี่ชายเหมือนที่เคยแนะนำใช่ไหม? เขาเป็นมากกว่านั้นใช่ไหม?"
กึก
จุนเจือหน้าซีด ลอบกลืนน้ำลาย นึกเอะใจกับอาการที่พี่เอิร์ทแสดงออกมาว่าไม่เหมือนเดิม ที่แท้มันเรื่องนี้นี่เอง
"พี่เอิร์ทครับ คือ ผม..."
"เราหลอกพี่เหรอ จุน?"
"ผมขอโทษครับ ฟังผมอธิบายก่อนนะครับ คือ พี่เมฆ....เขา..."
"พี่ไม่ฟังแล้ว ขอคำเดียว... เรากับพี่เมฆเป็นแฟนกันใช่ไหม?"
จุนเจือไม่ชอบเลย การที่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้า คายไม่ออก ปากบอกจะพูดความจริงทั้งหมด แต่พอมาอยู่ตรงนี้ คำที่อยากบอกกลับถูกกลืนไปหมด ความหวาดกลัวทำให้เด็กหนุ่มก้มหน้ามองมือตัวเอง จู่ ๆ ก็นึกปอดแหกขึ้นมา
"คือ...ผมเพิ่งตก.ลง.." จุนเจือละล่ำลักจนน้ำตาคลอหน่วย
"เฮอะ! เราแม่งโคตรใจร้ายกับพี่เลยว่ะ"
กึก
'ใจร้าย' คำ ๆ เดียวกับที่จุนเจือชอบต่อว่าพี่เมฆอยู่เสมอ บัดนี้ มันกลับย้อนมาหาตัวจุนเจือเอง
จุนเจือกัดปาก ขณะน้ำตาเปื้อนแก้ม เขาไม่คิดว่า ตัวเองจะเลวขนาดทำให้ใครอีกคนเจ็บช้ำน้ำใจจนร้องไห้
พี่เอิร์ท ...คนที่พยายามทำให้เขามีความสุข คนที่คอยสร้างเสียงหัวเราะ คนที่ไม่มีพิษ ไม่มีภัย
พี่เอิร์ทยังเป็นคนดี ในสายตาจุนเจือเสมอ...
...แต่ความจริงก็คือความจริง พี่เอิร์ทเป็นคนดีที่จุนเจือไม่ได้ต้องการ...
"ฮึก....พี่เอิร์ทจะออกไปไหนครับ มันดึกแล้วนะครับ ฮือ..." จุนเจือถามเสียงสั่นเครือ ตอนที่เห็นพี่เอิร์ทคว้าของสำคัญ สวมรองเท้าแตะ ดิ่งไปที่หน้าประตู
"พี่จะไปไหนมันไม่สำคัญอะไรกับเราอีกแล้ว"
"แต่ผมเป็นห่วงพี่จริง ๆ นะครับพี่เอิร์ท"
"เลิกพูดแบบนี้สักทีจุน แค่การที่พี่ต้องมารู้ความจริงจากการเห็นจุนจูบกับพี่เมฆ มันก็เกินพอแล้วว่ะ"
"พี่เอิร์ท" จุนเจือปรี่ไปจับต้นแขนพี่เอิร์ท แต่อีกฝ่าย กดสายตาลงมองที่มือเล็กอย่างเย็นชา ก่อนจะเงยหน้ามองด้วยสีหน้าเข้มขรึม
"ปล่อย! พี่อยากอยู่คนเดียว"
ปัง!!
เสียงปิดประตูดังลั่น เหมือนทิ้งร่องรอยแห่งอารมณ์คุกรุ่นของพี่เอิร์ทไว้ให้เด็กหนุ่มรู้สึกผิดและกดดัน จุนเจือยกมือปิดหน้า ปิดตา ก่อนจะคว้ามือถือ เพื่อโทรหาพี่เมฆ
"พี่เมฆครับ พี่เอิร์ทรู้เรื่องเราก่อนที่ผมจะบอกอีกครับ พี่เมฆ ทำไงดีเรื่องมันแย่กว่าที่คิดครับ"
.
.
.
.
"พี่เมฆ เพราะผมแน่เลยครับ ทำไงดี ฮืออ"
"ใจเย็นครับ ไม่ใช่เพราะจุนหรอก มันเป็นอุบัติเหตุ มันเกิดขึ้นได้ทุกที่"
เมฆินทร์มองจุนเจือที่ยืนพูดเสียงสั่นเครือ ซ้ำยังร้องไห้ไปด้วย หลังจากที่จุนเจือมาบอกว่า เอิร์ทจับได้และล่วงรู้ความจริงว่าเมฆและจุนเจือมีความสัมพันธ์ที่มากกว่าคนรู้จักกัน เมฆก็ไปรับจุนเจือกลับมาที่ห้อง จับเข่าคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่เวลาผ่านไปได้ไม่ถึงชั่วโมงดี ก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาหาจุนเจือ โดยปลายสายบอกว่า โทรมาจากโรงพยาบาล นั่นจึงทำให้ทั้งสองรีบลนลานออกไปยังที่หมาย เมื่อรู้สาเหตุของการโทรมา คือ เอิร์ทรถล้ม
เมื่อทั้งสองถึงโรงพยาบาล เวลาค่ำมืดนี้ ควรจะเงียบฉี่ แต่กลับตรงกันข้าม เพราะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่าคนไทย พูดส่งเสียงดังอื้ออึง บ้างก็เมาเรื้อนจนเกิดอุบัติเหตุ บ้างก็ป่วย บ้างก็มาเฝ้าเพื่อน จนทำให้โรงพยาบาลส่วนที่นั่งรอเต็มไปด้วยผู้คนจนรู้สึกลายตา
'เอิร์ทปลอดภัย' นับว่าเป็นข่าวดี ตอนที่ทั้งสองได้ยินมาจากปากนางพยาบาล หลังจากตรวจสภาพทั้งภายในและภายนอก
ร่างกายมีแค่แผลถลอก ส่วนสมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือน โดยต้องนอนพักที่โรงพยาบาลราวสองถึงสามคืน ในขณะที่เมฆและจุนเจือรอพบหน้าคนเจ็บ พยาบาลนำคนแปลกหน้ามาที่อ้างตนว่าเป็นพลเมืองดีนำเอิร์ทมาส่งโรงพยาบาลนั้น เมฆจึงสอบถามว่าเห็นเหตุการณ์ไหม? รถล้มได้อย่างไร พลเมืองดีเล่าว่า ล้มเพราะถนนลื่น เนื่องจากฝนเพิ่งหยุดตก แต่โชคยังดีที่หัวไม่ฟาดพื้นมีแค่ลำตัวและรถไถลไปกับพื้นถนน รวมถึง มีโอกาสช่วยได้ทันท่วงที ผลลัพธ์จึงไม่สาหัสสากรรจ์มาก
แม้ว่าคำตอบที่ได้รับนั้นน่าพอใจ แต่จุนเจือก็ยังไม่หยุดเศร้าจนเมฆต้องเอื้อมมือไปกุมไว้ เมื่อได้เวลาที่พยาบาลพาไปพบคนเจ็บ ทั้งคู่เดินตามไปจนถึงห้องรวม สภาพห้องกับเตียงค่อนข้างเก่า เห็นญาติผู้ป่วยที่มาเฝ้าบางคนก็นอนพื้นกันอย่างน่าหดหู่
ก้าวขายาว ๆ มาจนถึงเตียงริมสุด เมฆและจุนเจือเห็นคนเจ็บนอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าบ่งบอกถึงความทรมาน กดสายตามองแผลสดใหม่ จากรอยถลอกของแขนข้างซ้าย หัวเข่า และขาซ้ายเป็นแถบทางยาวน่ากลัว
"พี่เอิร์ทครับ"
เอิร์ทมองหน้าคนทักสลับกับมองหน้าพี่เมฆด้วยแววตาเจ็บปวด
"เอิร์ท ไหวหรือเปล่า?" เมฆินทร์ถามลูกน้องตนเอง
"ไหว...ครับ" เอิร์ทตอบเจ้านายเสียงแข็ง เขากำหมัดแน่น ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
สิ้นคำตอบ เมฆและจุนเจือมองหน้ากัน ก่อนที่เมฆินทร์จะบีบไหล่เด็กหนุ่ม
"พี่เอิร์ทครับ พี่เจ็บมากไหม พี่ไปล้มตรง...."
"มีอะไรกันอีกไหมครับ? ถ้าไม่มี ผมขอตัวพักก่อนนะครับ"
จุนเจือพยายามสบตามองพี่เอิร์ทแต่อีกฝ่ายเอาแต่ไม่มองหน้ากัน พอจุนเจือเดินไปใกล้จะแตะตัว อีกฝ่ายกระถดตัวหนี และหลุดร้องเสียงโอดครวญ
"สัดเอ่ย เจ็บว่ะเหี้ย แม่ง!!"
เอิร์ททำหน้าหงุดหงิด คิดก่นด่าตัวเองในใจ เจ็บตัวยังไม่พอ ยังต้องมาเจ็บหัวใจ ทนเห็นคนที่เขารักไปอยู่กับคนที่เขานับถือสุดใจ
ถึงแม้เอิร์ทจะหลับตาหนี แต่เหมือนจะหนีไม่พ้น ลืมตามาก็เห็นความจริงที่ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกัน แต่พอหลับตา ภาพที่จุนเจือกับพี่เมฆจูบกันก็ยิ่งชัดมากขึ้นทุกที ทุกที...
เห็นท่าทีที่เอิร์ทแสดงออกชัดแจ้งขนาดนั้น เมฆินทร์พอจะรู้เค้าลางถึงเรื่องนี้ว่าจบไม่สวย เมฆจึงปล่อยให้จุนอยู่กับเอิร์ท ก่อนจะโทรหาน้องชายในเวลาดึกดื่น
"ฮัลโหล ดิน ทำอะไรอยู่"
[ไม่ได้ทำอะไรครับ พี่เมฆโทรหาผมมีอะไรหรอพี่]
"มีเรื่องจะให้ช่วย"
[ว่ามาซิครับ ถ้าทำได้ ผมก็จะช่วย]
"พรุ่งนี้ มาที่เกาะที"
"ห้ะ พี่เมฆไปทำอะไรล่ะนั่น? อย่าบอกนะว่า ไปง้อน้องคนนั้น?"
"อย่าเพิ่งถามมาก มาได้ไหม พอดีพรุ่งนี้ฉันต้องรีบกลับกรุงเทพฯ ด่วน" เมฆินทร์บอกน้องชาย เขาเพิ่งมีสายเขามาเรื่องที่มีงานจะต้องเข้าไปคุยกับลูกค้าวันมะรืนเช้า เขาจึงต้องกลับกรุงเทพฯกระทันหัน โดยที่จุนเจือก็ยังไม่รู้
[ไปได้ดิ แต่มีค่าเสียเวลา พี่จ่ายไหวอยู่แล้วล่ะ]
"นี่ไม่ตลก ฉันต้องการให้นายช่วย"
[แต่พรุ่งนี้ ผมมีงาน ถ้าโดดพ่อคงด่าผม]
"โอเค ก็ได้ จะเอาเท่าไหร่?"
[ไม่มาก พี่จ่ายไหว ว่าแต่ พี่ให้ผมไปทำอะไรครับ?]
"มาเฝ้าเอิร์ท คนที่นายเคยเจอตอนฉันป่วยที่โรงพยาบาลและช่วยเป็นธุระแทนหน่อย"
[ทำไมผมต้องไปเฝ้าอะ?]
"เขารถล้ม และฉันน่าจะเป็นต้นเหตุ"
[ต้นเหตุ? เกิดอะไรขึ้นครับพี่เมฆ?]
"เดี๋ยวเล่าให้ฟังทีหลัง ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาล ฉันจะรับผิดชอบเองทั้งหมด อย่าให้เอิร์ทจ่าย ฉันต้องวางสายแล้ว แค่นี้ก่อน"
"โอเค พี่ส่งรายละเอียดมาอีกทีนะ โรงพยาบาลอะไร? อยู่ที่ไหน ถือว่าผมสงสารพี่นะ เงินก็ไม่เอาแล้วกัน"
.
.
.
.
ปฐพีเดินทางมาถึงตั้งแต่สี่โมงเศษ แต่กว่าจะนำกระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บยังห้องพักของพี่ชายที่โรงแรม กว่าจะทำนู้นนี่นั้นเสร็จ ก็ล่อไปห้าโมงกว่า และเวลานี้ ปฐพีกำลังเดินทางไปยังโรงพยาบาลกับจุนเจือ เด็กหนุ่มที่ทำหน้าเซื่องซึมมาตลอดทาง
"ทำไมเขาถึงรถล้มครับ เมาหรือว่าอะไร?"
จุนเจือก้มหน้า แม้จะรู้แล้วว่า สาเหตุรถล้มคืออะไร? แต่จุนเจือยังคงคิดเอง เออเองว่ามันคือความผิดของเขา
"ถนนลื่นครับ แต่ผมคิดว่า ต้นเหตุส่วนหนึ่งคงมาจากผมเองด้วย เพราะเมื่อคืน ผมกับพี่เขามีปากเสียงกัน พี่เอิร์ทเลยออกไปข้างนอก จากนั้น ก็เกิดเรื่อง ..ถ้า...ผม.ไม่ทะเลาะ เรื่องนี้ก็คงไม่เกิด..."
ดินนึกสงสัยปนประหลาดใจ ตอนที่พี่เมฆวานให้มาเป็นธุระให้ ก็บอกแบบนี้เหมือนกันว่า เขาน่าจะเป็นต้นเหตุ
'นี่มันเรื่องอะไรกันวะ?'
ปฐพีครุ่นคิดพลันเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ยังมีสีหน้ายุ่งยากใจ จึงไม่อยากกดดันให้เด็กหนุ่มรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้
ใช้เวลาสักพักก็มาถึงห้องพักรวม ดินเห็นภาพตรงหน้าและรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก ร่างสูงเดินไปพร้อมกับเด็กหนุ่มด้วยแววตาสงสารทันทีที่เห็นคนนอนนิ่วหน้า ทรมาน
ปฐพีมองสภาพคนเจ็บและปริมาณบาดแผลแล้วคงเจ็บน่าดู เพียงเอิร์ทเหลือบเห็นปฐพี เขามีทีท่าอย่างกับเห็นผี ใบหน้าเหวอตอนแรก แปรเปลี่ยนเป็นขรึมขลัง ขมวดคิ้วเข้าหากัน ยามน้องชายพี่เมฆส่งยิ้มพร้อมยื่นถุงในมือ ที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าข้างในมีผลไม้และนมกล่อง
"เอาของมาเยี่ยมครับ" ปฐพียื่นให้ตรงหน้า แต่เอิร์ทไม่ยอมรับไปถือ
"คุณมาทำไม?"
"คุณนี่ไม่มีมนุษยสัมพันธ์เอาซะเลยนะครับ คุณพูดแบบนี้ กับคนที่มาเยี่ยมคุณได้ยังไง? คุณคิดว่าผมอยากมาเหรอ? พี่เมฆมีงานด่วนเลยให้ผมมาช่วยดูแลและเคลียร์ค่าใช้จ่าย"
เอิร์ทมองหน้าคนที่ว่าเขาฉอด ๆ พลันเหลือบมองจุนเจือที่ยืนอยู่ข้างกันด้วยสีหน้าหงอยอย่างรู้สึกผิด
"ถ้างั้นก็กลับไป ผมไม่ได้ร้องขอให้มา ผมสบายดี ยังไม่ตายครับ"
"พี่เอิร์ทครับ อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ทุกคนเป็นห่วงพี่กันจริง ๆ นะครับ และดูแผลพี่สิ....."
"เราไม่ต้องพูดอะไรแล้ว จุน ถ้าอยากให้พี่หายไว ๆ เรานั่นแหละกลับไป อย่ามาให้พี่เห็นอีก"
กึก
จุนเจือชะงักพลางเม้มปากแน่น เขายืนตัวลีบ ก้มหน้าซึม จนปฐพีหรี่ตามองอากัปกิริยาของทั้งสองคน แล้วปะติดปะต่อเรื่องราวจากการทึกทักเอาเอง เขาพรูลมหายใจออกมาเบา ๆ ยืนกอดอก มองความเงียบที่แผ่ปกคลุมทั่วบริเวณจนน่าอึดอัด
'เป็นไปได้ว่า ไอ้หมอนี่ อาจผิดหวังจากจุนเจือ'
"เอาล่ะ ๆ ดูคุณจะอยากพักผ่อน งั้นก็พักเถอะ ผมจะวางของไว้ที่โต๊ะนะ"
"......"
"มือถือคุณอยู่ไหน? ขอหน่อย"
"จะเอาไปทำไมครับ?" เอิร์ทถามกลับทันที
"ผมกับจุนเจือจะออกไปข้างนอก เผื่อคุณมีอะไรด่วน จะได้โทรหาผม"
"ไม่ต้อง ขอบคุณครับ"
"เอิร์ทครับ มือถือคุณอยู่ไหนครับ?" ดินถามเสียงเข้มจัด
และไม่รู้ทำไม จู่ ๆ เอิร์ทก็นึกกลัวและชะงักตอนที่เห็นสายตาอีกฝ่ายมองมาราวกับมีอีกตัวตนคล้ายอสุรกายซ่อนอยู่ ขณะนั้น เอิร์ทกดสายตาไปยังมือถือที่วางอยู่บนเตียงข้างกาย
ปฐพีมองตามสายตาคู่นั้น ก็คว้ามือถือของอีกฝ่ายมากรอกเบอร์ของตัวเองเสร็จสรรพ
"อยากกินอะไรไหม? ผมกับจุนจะไปหาอะไรกินข้างนอก จะได้แวะซื้อมาให้"
"ไม่....ครับ" เอิร์ทตอบเสร็จก็หันไปมองจุนเจือที่พอเขาต่อว่ากลับไปเด็กหนุ่มก็เงียบไม่พูดไม่จาอีกเลย
สิ้นคำนั้น ปฐพีแตะแขนจุนเจือให้ออกไปข้างนอก จนกระทั่ง ทั้งสองพ้นลานสายตา เอิร์ทถอนหายใจออกมาเสียงดัง
ยามนี้ เอิร์ทมีความรู้สึกหลากหลายประดังประเดเข้ามา ทั้ง โกรธ เกลียด โมโห ผิดหวัง เจ็บ เสียใจ ปะปนกันมั่วไปหมด
เขาทำตัวไม่ถูกจริง ๆ ว่า ต้องจัดการอารมณ์ไหนก่อนดี รู้แต่เพียงว่า ตอนนี้ มันมีแต่เสียงตะโกนด่าอยู่ในใจว่า ทำไมมึงถึงเป็นไอ้โง่มาได้นานขนาดนี้ เอิร์ทอยู่ตรงกลางระหว่างเรื่องราวสองคนนี้มาโดยตลอด แต่ไม่เคยนึกเฉลียวใจ หรือบางที เอิร์ทอาจมองโลกในแง่ดีเกินไป...
ถ้า...วันนั้น เอิร์ทไม่ลืมกระเป๋าตังค์แล้วเดินกลับมา ถ้าพนักงานไม่บอกว่า จุนเจืออยู่ไหน เอิร์ทจะไม่มีโอกาสได้มาเห็นคนที่เขาเฝ้ารอคอยหวังเป็นแฟนมาตลอดจูบกับเจ้านายของตนเอง
จูบเดียว ที่เฉลยทุกอย่าง
จูบของสองคนนั้น ที่ทำให้เอิร์ทตาสว่าง
เอิร์ทกำหมัดแน่น รู้สึกปวดหัวตุ๊บ ๆ จนต้องพักสายตา พยายามหาทางเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้นึกถึงจุนเจือ แต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน
.
.
.
.
หลังจากที่ดินบอกว่าจะออกไปหาอะไรกินกับจุนเจือนั้น ครั้นพอกลับมาอีกหน เป็นดินที่กลับมาคนเดียว เพราะดินเห็นว่า การที่จุนเจือมาอยู่ด้วย จะยิ่งทำให้สถานการณ์ดูเลวร้ายลงกว่าเก่า
ดินยิ้มมุมปาก ตอนลากเก้าอี้มานั่งชิดริมเตียง เพราะเห็นอีกฝ่ายนอนหลับสนิท อยากปลุกก็เกรงใจ กลัวจะลุกมาเถียงให้ปวดหู ปวดหัว ดินก็เลยทำได้แค่นั่งมองรอเวลาอีกฝ่ายตื่นเอง
เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ ที่เอิร์ทเผลอหลับไป ครั้นตื่นมาก็พบน้องพี่เมฆนั่งมองอยู่ เขากวาดตามองทั่วบริเวณ ก่อนจะชะงักเมื่อมีเสียงคนนั้นขัดขึ้น
"ไม่ต้องมองหาหรอก จุนกลับบ้านไปแล้วครับ"
"ผมไม่ได้มองหาเขาสักหน่อย"
ดินมองคนปากแข็ง แล้วยิ้มมุมปาก
การที่เห็นคนตรงหน้ามีอาการแบบนี้ มันก็ทำให้เขานึกย้อนไปตอนที่เขาอกหักจากปรางเหมือนกัน มันไม่ต่างกันเท่าไหร่ อาจจะดีหน่อยที่เขาไม่ได้เกิดอุบัติเหตุจนมานอนโรงพยาบาลแบบนี้...
"คุณมาอีกทำไม?"
"มาดูอาการหรือเผื่อคุณต้องการอะไร?"
"ขอบคุณครับ แต่ผมไม่ได้ต้องการอะไร?"
ตอนที่เอิร์ทตอบแบบนั้นทำให้ทั้งสองเผลอประสานสายตา จนจดจ้องมองกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่คนที่หลบสายตาก่อนอย่างเอิร์ททำได้แค่สบถในใจ เขาหงุดหงิดที่เป็นฝ่ายแพ้พ่าย และรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเพราะโกรธ
"ผมก็เคยผิดหวัง" ดินโพล่งขึ้นมาทำให้คนที่ก้มหน้าหนี เงยขึ้นไปมองอย่างนึกประหลาดใจว่าพูดขึ้นมาทำไม
"ผมไม่ได้ถาม"
"ผมอยากเล่าให้คุณฟังไม่ได้เหรอ?"
เอิร์ทมองหน้าอีกฝ่ายที่พยายามหาเรื่องชวนคุย พยายามจะเป็นเพื่อนด้วยการทลายกำแพงของเอิร์ท แต่ในเวลานี้ เอิร์ทไม่ได้ต้องการ
"มันเจ็บเนอะ คุณว่าไหม?"
การที่น้องชายพี่เมฆพูดมาแบบนั้น ยิ่งจี้ใจดำกับความรู้สึกสดใหม่ที่มันเพิ่งเกิดขึ้นกับเอิร์ท
เอิร์ทยังไม่พร้อมฟังอะไรทั้งนั้น เขาอยู่ในสภาพที่จิตใจเปราะบาง การไม่รับรู้อะไรที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจมันดีที่สุด
"คุณจะไปไหนก็ไปเถอะครับ ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ"
"เฮ้อ ผมไม่เคยต้องทำความรู้จักใครแล้วเหนื่อยเท่าคุณเลย ทำไมการจะเป็นเพื่อนกับคุณมันยากขนาดนี้ เปิดใจหน่อยสิคุณ"
"มันเรื่องของผมครับ"
คราวนี้ ดินไม่พูดอะไรอีก เขาทำแค่จ้องมองเข้าไปยังนัยน์ตาเอิร์ท และเป็นเอิร์ทที่หลบตาหนีก่อนทุกครั้ง
"สัดแม่ง! มองอะไรนักหนาวะ?" เอิร์ทบ่นพึมพำ
"โอเค ผมไปก็ได้ครับ ไว้จะมาใหม่พรุ่งนี้นะ เอิร์ท"
เอิร์ทมองคนที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พลางลอบถอนหายใจ ในขณะที่เห็นอีกฝ่ายหมุนตัว แต่ทันใดนั้น...
"หายไว ๆ นะครับ เอิร์ท"
เอิร์ทชะงักกับคำพูดนั้น หันไปมองคนที่เอ่ยด้วยรอยยิ้มแสนจริงใจ ก่อนจะเดินลับตาไป ทิ้งให้คนที่นอนเจ็บ กำมือที่วางไว้บนอกแน่น
ทำไมคำว่า
'หายไว ๆ' ในที่นี้ เอิร์ทสัมผัสได้ว่าเขาไม่ได้หมายถึงร่างกายภายนอก
"สัดเอิร์ท อดทนไว้ดีวะ"
เอิร์ทหลับตาลงนอนอีกครั้งด้วยริมฝีปากสั่นระริก และไม่นานน้ำตาก็ร่วงหล่นลงบนแก้มของคนเจ็บ
.
.
.
.
"พี่ได้ข่าวเรื่องที่เราจะลาออก" เมฆินทร์ถามเอิร์ท
ผ่านมาแล้วเก้าวัน ที่เมฆินทร์ปล่อยให้เอิร์ทใช้ลาป่วยแล้วนอนพักที่บ้าน เพื่อดูแลแผลของตนเอง แต่เมฆค่อนข้างตกใจที่พอกลับมาได้ไม่กี่วัน เอิร์ทก็เขียนใบลาออกให้กับแม็ค ทางนั้นถึงรีบมาบอกให้เมฆรู้
"ครับ"
"มีปัญหาเรื่องอะไร คุยกันก่อนไหม? ถ้าเป็นเรื่องของเงินเดือน พี่ตั้งใจจะปรับเงินเดือนขึ้นให้อยู่แล้วนะ"
เจนภพมองหน้าเจ้านายด้วยความรู้สึกไม่เหมือนเดิม หรือจะเรียกอีกอย่างก็ได้ว่า เขากำลังอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่ามองหน้าไม่ติด
พี่เมฆอาจไม่ผิดที่ได้หัวใจจุนเจือไป แต่สภาพหัวใจที่บอบช้ำแบบนี้ การทำงานร่วมกันย่อมไม่ส่งผลดีต่อตัวเอิร์ทแน่ ๆ
"ผมอยากออกไปพักก่อนครับ ถ้าทำงานช่วงนี้ ผมคงไม่มีอารมณ์อยู่ดี"
เมฆินทร์มองหน้าเอิร์ท เขายอมรับว่าเสียดายคนมีคุณภาพอย่างเอิร์ทมาก
"คิดดีแล้วใช่ไหม? เอิร์ท ถ้าพี่จะให้เอิร์ทพักก่อนแล้วค่อยกลับมาทำงาน สนใจไหม?"
"ไม่ครับ ผมไม่อยากให้ใครมองผมไม่ดี ผมขอลาออกแหละครับ ถ้าพี่เมฆอยากให้ผมสบายใจจริง พี่แค่เซ็นต์ลาออกให้ผมเถอะครับ"
เมฆินทร์เงียบมองกระดาษที่มีรายละเอียดของคนตรงหน้า ระบุวันเวลาที่ต้องการพ้นสภาพการเป็นพนักงานของที่นี่แล้วใจหาย
"มันมีทางเลือกอื่นไหม.? ที่เอิร์ทจะยอมทำงานกับพี่ต่อ" เมฆินทร์ถาม
"ไม่มีครับ ไม่ว่าจะตอนนี้ ตอนไหน พี่เมฆยังเป็นเจ้านายที่ผมเคารพรักเสมอ แต่ให้ผมไปเถอะครับ พี่อย่ารั้งผมไว้เลย ถ้าพี่เมฆจะเห็นแก่ความรู้สึกผม"
เมฆินทร์มองเอิร์ทด้วยดวงตาเศร้า เขายิ่งรู้สึกเหมือนเป็นคนเลวเข้าไปใหญ่เมื่อได้ยินเอิร์ทพูดมาแบบนี้
"พี่ขอตัดสินใจก่อนนะ ถือว่ารับรู้แล้วกัน ไว้พี่จะเรียกเอิร์ทมาคุยอีกที"
"ได้ครับ ขอบคุณครับ"
เมื่อเอิร์ทเดินออกไปแล้ว เมฆินทร์ยกสองมือมาประสานกันวางบนโต๊ะครุ่นคิดหาทางออกของเรื่องนี้ ก่อนจะคว้ามือถือ กดหาเบอร์อันคุ้นเคย
"ดิน ยุ่งไหม?"
[มีอะไร พี่เมฆ]
"ช่วยฉันอีกเรื่อง ช่วยเปิดตำแหน่งใหม่ หรือทำยังไงก็ได้ให้เอิร์ทสามารถไปทำงานกับนายได้ เขาเป็นคนเก่ง ฉันไม่อยากเสียเขาไปให้บริษัทอื่น"
[เขาลาออกจากบริษัทพี่เหรอ?]
"ใช่"
[อืมมมมมมโอเค ผมจะเอาไปคิดก่อนนะ ว่าพอมีทางช่วยไหม]
"ได้ ขอบใจมาก" เมฆินทร์ได้ยินเสียงน้องชายดูจริงจังก็พอโล่งใจคิดว่า ปฐพีคงจะพอช่วยเหลือเรื่องนี้ได้บ้างไม่มากก็น้อย
[เฮ้อ! นี่ผมไม่ได้อยากช่วยเลยนะ เอาจริง ๆ แต่เห็นว่าเป็นพี่เมฆนะ เดี๋ยวยังไงจะลองหาทาง ทำให้เขามาอยู่ที่นี่]
"ขอบใจนะ ดิน"
เมฆินทร์เห็นน้องบ่นกระปอดกระแปด ก็ถอนหายใจ แต่สุดท้ายก็ยังมิวายขอบคุณน้องชายที่สุดท้ายก็ยอมช่วย
วางสายได้สักพัก เมฆินทร์ทิ้งตัวเอนหลังพิงพนักเก้าอี้คล้ายคนหมดแรง เขาถอนหายใจ ในขณะที่สมองยังวนคิดถึงเรื่องราวเหล่านี้ไม่จบ
มันถึงเวลาแล้วล่ะ ที่เมฆินทร์ต้องยอมรับความจริงว่า
เมื่อได้สิ่งหนึ่ง ย่อมสูญเสียอีกสิ่งหนึ่ง....
เมฆินทร์ถอนหายใจยาวอีกครั้ง ขณะนั้น เครื่องมือสื่อสารที่กำอยู่ในมือแผดเสียงดัง จนต้องหันไปมองข้อความที่เด้งมาจากแชทแอพพลิเคชั่นแล้วผุดรอยยิ้มขึ้นมุมปาก
Read
14.23
พี่เมฆครับ ผมว่างเลยลองทำอาหารดู ไม่รู้ จะอร่อยไหม แต่ผมอยากให้พี่เมฆมาชิมฝีมือผมดู ผมรอพี่เมฆอยู่ที่ห้องนะครับ ;-)...................................................................