ตอนที่ 5 หวังดี....ประสงค์ร้ายรึเปล่าครับ!
“ปัง ปัง ปัง! เปิดประตูสิวะ!”
“..........”
“กรูบอกให้มึงเปิดไม่ได้ยินรึไงวะ หรืออยากให้กรูพังประตูเข้าไปฮะ!”
“ไม่ครับ มีอะไรค่อยคุยครับ ผมจะนอน”
“ค่อยคุย! เหอะ! มึงคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงบอกให้กรูรอ มึงทำร้ายกรูแล้วคิดจะหนีหน้ารึไงไอ้ชั่ว!”
“........”
ปัง ปัง ปัง! เสียงทุบและถีบประตูสะเทือนจนผมหวั่นใจว่าประตูจะพังแล้วพี่ทิวาเข้ามาได้ครับ ผมจึงรีบลากโต๊ะเขียนหนังสือที่มันหนักเหมือนถ่วงเหล็กและเก้าอี้ไปดันประตูเอาไว้ครับ ถ้าผมมีแรงมากกว่านี้ผมจะลากเตียงไปช่วยดันประตูไว้อีกแรงด้วยครับ แต่ติดตรงที่มันหนักเกินไป แต่แค่นี้ก็ทำให้ผมอุ่นใจไปเปราะหนึ่งแล้วครับว่าพี่ทิวาคงไม่สามารถเข้ามาได้แน่ๆ
แต่เสียงทุบและถีบประตูยังคงดังต่อเนื่องมันทำให้ผรู้สึกหวาดเสียว และระทึกใจด้วยความหวาดกลัว ผมเพิ่งรู้สึกครับว่าเหงื่อของผมออกแทบท่วมตัวแถมมือยังสั่นและสายตาก็กลอกไปมาอย่างผวา ไม่เคยรู้สึกกลัวเหมือนตัวเองไปฆ่าคนตายที่ไหนมาก่อนเลยครับ ผมกุมอกซ้ายของตัวเองพยายามไม่ตื่นกลัวให้มากกว่านี้ เพราะถ้ามากกว่านี้ผมแกรงว่าตัวเองจะเป็นลมลัมพับอีกรอบแน่นอน และคงไม่มีใครเข้ามาช่วยได้ด้วยครับ ดูจากระบบป้องกันภัยที่ผมดันประตูไว้ก็ต้องเหงื่อตกตามๆ กันเลยครับ
ผมมองตู้เสื้อผ้าตาปริบๆ ก่อนจะเปิดมันออก ที่นี้น่าจะปล่อยภัยพอให้ผมได้หลบภัยไปสักพักล่ะครับ ผมรู้ตอนนี้นี่เองว่านห้องมีตู้เสื้อผ้าที่ใหญ่โตเกินความจำเป็นไว้ทำไม ในที่สุดผมก็ค้นพบประโยชน์ที่แท้จริงของมันแล้วครับ ผมเข้าไปข้างในทั้งๆ ที่เหงื่อโชกไปหมด ผมค่อยๆ แหวกเสื้อผ้าเข้าไปนั่งขดตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้าด้านในสุด ถึงมันมือและผมไม่ชอบแต่ถ้าทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจผมก็จะทำครับ ค่ำคืนนี้เมื่อไหร่จะผ่านพ้นไปสักที ผมไม่อยากรอแม้แต่วินาทีเดียวที่จะอยู่บ้านหลังนี้เลยครับ มันเหมือนนรกชัดๆ ไม่โดนข่มขู่ก็โดนพี่ทิวารังแก พี่เค้าเห็นผมเป็นตัวอะไรกันแน่ ผมไม่เข้าใจจริงๆ ครับ
อ่ะ......นี่ผมร้องไห้อีกแล้วเหรอเนี่ยน่าอายชะมัด T_T
ผมไม่รู้ว่าเสียงทุบประตูและเสียงขู่จากพี่ทิวาหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เพาะตอนนี้ผมตื่นมาทั้งๆ ที่ยังขดตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้าไม่เห็นเดือนไม่เห็นตะวันเลยครับ พอจะขยับตัวออกมารู้ทันทีเลยครับว่าขาผมโดนตะคริวกินไปทั้งสองขาแล้วคงต้องอยู่แบบนี้สักพักแล้วล่ะครับเผื่อว่าจะดีขึ้น
ไม่อยากคิดเลยครับว่าวันนี้จะต้องเจออะไรอีกบ้าง ยิ่งอยู่ที่นี่ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักโทษ ปั่นทอนจิตใจและความรู้สึกกันทุกวันจนมันบอบช้ำ มันดูเหมือผมว่าผมจะคิดเกินไปแต่ผมคิดว่ามันจริงครับ ลองมาเป็นผมมั้ยครับแล้วจะรู้สึกจริงๆ
ก็อก ก็อก !
“คุณค่ะตื่นรึยังคะ”
“ครับ!”ผมขานรับเสียงแม่บ้าน ผมจำได้ครับเมื่อวานก็มาเรียกผมแล้ววันนี้จะมาส่งสารค่ำขู่อะไรจากพี่ทิวาอีกล่ะครับ
“คุณทัศเทพให้มาเรียนว่าท่านกลับมาแล้วค่ะ และอยากให้มาทานมื้อเช้าพร้อมกันค่ะ”
คุณลุงกลับมาแล้วงั้เหรอ! สองสามวันมานี้ผมไม่เคยรู้สึกดีใจอะไรเท่านี้มาก่อนเลยครับ เหมือนได้รางวัลเที่ยวรอบโลกฟรีๆ
“ได้ครับเดี๋ยวผมจะตามลงไปเดี๋ยวนี้ครับ!”ผมบอกและไม่รอช้ารีบเคลียร์โต๊ะและเก้าอี้ที่ขวางทางเข้าให้กลับมาอยู่ประจำที่ประจำทาง ตอนทำไม่คิดครับแต่พอมาตอนนี้โต๊ะที่ว่าหนักพอยกไหวแต่ตอนนี้กลับลากแทบไม่ไหว
“มาแล้วเหรอนั่งลงสิเดย์ ลุงกำลังรออยู่เลย”ผมมาถึงโต๊ะอาหารก็เห็นคุณลุงนั่งอยู่ที่โต๊ะพ้อมกับพี่ทิวาแล้วครับ สายตาแว๊บแรกที่ผมเห็นพี่ทิวามองผมคือสายเมินเฉย เหมือนเมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยครับ ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีเพราะอย่างน้อยตอนนี้พี่ทิวาก็ไม่กระโจนเข้าหาผมอย่างที่จะเป็นครับ หรือเพราะมีคุณลุงพี่ทิวาถึงไม่กล้า
“ขอโทษนะครับที่มาช้าพอดีผมตื่นสาย”จริงๆ แล้วผมเสียเวลาอยู่กับโต๊ะและเก้าอี้ครับ น่าเวทนาจริงๆ
“รู้สึกมึงจะกินอิ่มนอนหลับดีนะ ฮึ”ผมขอถอนคำพูดครับเพราะวาจาพี่เค้ายังดูหยาบคายและจาบจ้วงเหมือนเดิม แถมยังประชดผมอีกผมรู้ครับ
“ครับพี่”ผมยิ้มตอบครับ แต่ดูเหมือนวูบนึงผมจะเห็นสายตาดุดันจากพี่ทิวาแต่ตอนนี้มันหายไปแล้วครับพี่เค้าเมินหน้าไปทางอื่นแทน ผมแค่ยิ้มไม่ได้เหรอครับ
“แกพูดกับน้องก็ให้มันฟังได้หน่อยทิวา”
“ผมก็พูดปกติสำหรับคนที่สนิทจริงๆ พ่อไม่พอใจก็ห้ามผมพูดกับมันเหมือนที่ห้ามผมยุ่งเรื่องส่วนตัวของพ่อสิครับ”แต่กับพ่อพี่ทิวาดูเหมือนจะพูดเพราะแต่ในประโยคไพเราะก็ยังดูประชดอีกนะแหละครับแถมยังดูเหมือนจะสะเทือนไปถึงคุณลุงด้วย แม้แต่พ่อก็ยังไม่เว้นหรอครับนี่
“แฮ่มๆ แกนี่มัน....เอ่อ...กินเถอะ”คุณลุงหันมามองผมครู่นึง ผมรู้ครับว่าท่านไม่อยากให้ผมรู้สึกอึดอัดเลยเปลี่ยนเรื่องพูด ระหว่างพี่ทิวากับพ่อของพี่เค้าผมว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ ครับ ไม่อย่างนั้นสายตาที่พ่อกับลูกมองหน้ากันคงไม่ใช่มีแต่ความกดดันแบบนี้ ผมรู้ครับเพราะเวลาผมพ่อและแม่เราพูดคุยกันสายตาพวกเราไม่ได้พยายามซ่อนเร้นความคิดหรือกดดันอีกฝ่าย
“คุณลุงกลับมาเมื่อไหร่ครับ”ผมพูดพลางหยิบถ้วยน้ำตาลก้อนให้คุณลุงเติมใส่ในกาแฟของท่าน แต่พี่ทิวาดูผมด้วยสายตาจับผิด
“เพิ่งเสร็จงานตอนเช้าเลยรีบกลับมา กลัวเดย์จะเหงา”
“เหรอครับ ผมดีใจนะครับ”
“ลุงรู้สึกอิจฉาพ่อกับแม่เดย์จริงๆ ที่มีลูกชายน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้”
“ไม่หรอกครับ”ผมยิ้มแก้มตุ่ยโดยมีขนมปังอยู่เต็มปาก
“ไม่ขอมันมาเลี้ยงเป็นลูกชายแทนผมเลยล่ะครับ”
“แกพูดเพ้อเจ้ออะไรของแก”
“พ่อไม่ต้องทำเหมือนเห็นหัวผมหรอกนะครับ อยากทำอะไรก็เชิญอย่างที่พ่อเคยทำ”
“แฮกๆ !”ขนมปังติดคอครับ ><;
“นี่น้ำเดย์ ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”คุณลุงท่านยื่นแก้วน้ำให้ผมที่จับคอตัวเองหน้าแดง ส่วนพี่ทิวามองผมแบบเหยียดๆ แต่ไม่พูดอะไร พีทิวาเงียบน่ากลัวกว่าพูดออกมาอีกครับ เพราะผมไม่รู้ใจพี่เค้าครับว่าคิดอะไร
“ไม่แล้วครับขอบคุณครับ”
อาหารมื้อเช้าในที่สุดก็ผ่านพ้นไปครับ ตอนนี้คุณลุงก็อิ่มแล้ว พี่ทิวาก็อิ่มแล้วแต่ผมอิ่มนิดหน่อยครับเพราะถึงท้องหิวแต่กินได้ไม่มากครับบรรยากาศอย่างมี่รู้ๆ
ตอนนี้ผมกำลังจะขึ้นกลับไปบนห้องครับ
“พ่อครับวันนี้ผมจะพาเดย์ออกไปเปิดหูเปิดตาคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ย”ผมได้ยินเสียงพี่ทิวาพูดชื่อผมแว่วๆ ครับเยทำให้ผมต้องหยุดชะงักการเดินที่เพิ่งห่างออกมาจากโต๊ะกินข้าวไม่เท่าไหร่แล้วหันไปมองพี่ทิวาครับ ตอนนี้พี่เค้าลุกขึ้นแล้วเดินมาหาผมครับ ผมถอยหนีไปสองกาวแต่พี่ทิวาก็มาถึงตัวผมก็กอดคอผมไว้อย่างกับเราสนิทสนมกันถึงขนาดนั้น
“ถามน้องเค้าดูรึยังว่าจะไปกับแกรึเปล่า ฉันไม่ขัดถ้าเดย์เค้าอยากไป”
“คือผมไม่....”
“ไม่ปฏิเสธหรอกใช่มั้ย มึงก็บ่นๆ กับกรูอยู่ว่าบ้านเงียบน่าเบื่อ”พี่ทิวาหันมายิ้มหวานกับผมครับ ผมยอมรับว่าพี่เค้ายิมแล้วหล่อน่ามองและหยุดสายตา แต่ผมไม่ชอบครับ! ยิ้มแบบนี้ผมเดือดร้อนเหมือนมีลางร้าย ถ้าผมไปกับพี่เค้าผมเสร็จแน่ครับ
“ถ้าเดย์อยากไปก็ไปเถอะลุงไม่ห้ามหรอก”
“คุณลุงครับคือผม....”
“มึงไม่ต้องเกรงใจหรอก พ่อกรูบอกให้ไปได้ก็ไป......มึงอย่าดื้อด้าน!”ประโยคหลังพี่เค้ากระซิบข้างกกหูผมครับ นั่นไงครับพี่เค้าแปลกๆ
“พี่ครับ!”
“กรูบอกให้มึงไป มึงต้องรับความหวังดีของกรูสิ ต้องขัดให้มันทุกเรื่องเลยใช่มั้ย”เสียงพูดของพี่ทิวาเบาเสียจนผมรู้สึกขนลุกครับคุณลุงคงจะไม่ได้ยินเพราะพี่เค้าตั้งใจแบบนั้น
“เอาเถอะไปเที่ยวบ้างอยู่กับบ้านคงน่าเบื่อ”ผมรู้ครับว่าคุณลุงหวังดี แต่หวังดีผิดสถานการณ์นะครับ T^T
“ผมคิดว่าผมอยู่บ้าน....”
“มึงพูดให้ดีๆ ก่อนคิดนะ กรูขอเตือน”
“พี่!”พี่ทิวาไม่พูดเปล่าเลือนมือที่โอบไหล่เลื่อนไปโอบสะโพกผมครับแล้วรัดแน่นจนตัวเราติดกันต่อหน้าต่อตาคุณลุง ผมดิ้นครับพยายามพลักพี่เค้าให้ออกห่างอย่างรังเกียจแต่พี่ทิวาไม่หยุดแค่นั้นพี่เค้าใช้มือที่โอบสะโพกผมเลื่อนต่ำไปอีก เพื่อไปบีบก้นผมครับผมอยากจะบ้าตาย! ผมตกใจสะดุ้งและมองหน้าพี่เค้าที่ก้มลงมองผมยิ้มๆ เหมือนไม่ได้ทำอะไรลับหลังคุณลุง
“มึงจะไปไม่ไป แต่กรูคิดแทนมึงแล้วว่ามึงต้องไปหรือจะให้กรูแสดงอะไรให้พ่อกรูเห็นมากกว่านี้ ไม่ต้องห่วงหรอกนะปกติกรูก็ไม่แคร์ใครหน้าไหนอยู่แล้ว”
“พี่กำลังบังคับผมนะครับ”
“เออ! มึงเพิ่งตรัสรู้รึไง”
“ว่าไงเดย์จะไปกับพี่เค้ารึเปล่า”คุณลุงถามขึ้นขณะที่ผมกับพี่ทิวากำลังคุยกันเบาๆ โดยคุณลุงไม่ได้ยินในสิ่งที่เราพูดกัน ผมปั้นหน้าไม่ถูกครับ อายก็อายด้วยนี่ขนาดต่อหน้าคุณลุงแท้ๆ ลับหลังผมไม่เละหรือครับ
“ตอบพ่อให้กรูชื่นใจหน่อยสิ”
“ผม...ผมจะไปครับ”น้ำตาตกในสุดๆ ครับ ผมโดนขืนใจเห็นๆ
“งั้นผมพามันไปเตรียมตัวก่อนนะครับ”
“อะไรนะครับ!”พูดเสร็จพี่ทิวาไม่รอให้ผมใช้เวลาสักน้อยนิดได้ตกใจ พี่เค้าก็ลากแขนผมเดินตามหลังพี่เค้าไปติดๆ คุณลุงนั่งยิ้มครับคงเห็นว่าเรารักกันดีไม่มีปัญหา แต่หารู้ไม่ครับผมกำลังจะตกนรกทั้งเป็นอยู่รอมร่อแล้ว พอลับหลังคุณลุงผมไม่รู้ว่าพี่เค้าจะทำอะไรผมอีก ผมกลัวครับเพราะเมื่อวานทำไว้เรื่องไว้นิดนึง
“พี่ครับปล่อยแขนผมนะครับ พี่จะพาผมไปไหน!”
“ก็พามึงไปเตรียมตัว มึงไม่ได้ยินที่กรูพูดเมื่อกี้รึไง”
อ๊ากกกกกกก! ผมรู้สึกเหมือนโลกกำลังถึงกาลอวสานเลยครับ T[]T
“ถึงห้องมึงแล้วดิ้นเป็นเหมือนห่าลงเลยนะมึง”
“หะหา...”พี่ทิวาพาผมมาหยุดอยู่หน้าห้องของผมครับแล้วเปิดประตูค้างไว้ ก่อนจะปล่อยแขนผมให้เป็นอิสระ ผมมองหน้าพิทิวางงๆ สลับไปมาระหว่างหน้าพี่ทิวากับประตูห้องผมอยู่สามสี่รอบ พี่เค้ายืนกอดอกมองผมด้วยสีหน้านิ่งๆ ครับ แต่ใจผมหวั่นๆ หวิวๆ ครับไม่รู้ว่าพี่เค้ากำลังคิดอะไร แต่ดูเหมือนพี่เค้าจะไม่อยากเข้าห้องของผมและใช้สายตามองผมและส่งสัญญาณให้ผมเดินเข้าไป ผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูห้องผมเอง แต่ไม่กล้าเข้าไปครับ ถ้าผมเข้าไปแล้วพี่เค้าตามประกบมาไม่เท่ากับว่า...นั่นแหละครับ ไม่รู้ว่าผมกลายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้ผมหวาดระแวงไปหมดละครับอะไรที่ขึ้นชื่อว่าทิวา!
ผั๊วะ! ผลัก!
“โอ๊ย! พี่ทำอะไรผมเจ็บนะครับ!”ความเร็วและความแรงๆ พอๆ กับม้าหนุ่มตัวเต็มวัยใช้ขาหลังดีดเลยครับ! พี่ทิวาถีบผมครับ จู่ๆ ก็ถีบไม่บอก ไม่ให้สัญญาณอะไรทั้งนั้นแถมยังหัวเราะ หึหึๆ ในลำคอคนเดียวอีกด้วย สีหน้าไม่น่าไว้ใจเผยโฉมอีกแล้วครับ
“โอ๊ะ! พอดีเห็นว่ามึงช้ากรูเลยสงเคราะห์ให้เดินเข้าห้องไปไวๆ”พี่ทิวาทำท่าเหมือนหวังดี(ประสงค์ร้าย)พูดก่อนจะก้าวเข้ามาหาผมและทรุดตัวย่อลงพูดกับผมในขณะที่ผมนั่งหน้าซีดทั้งกลัวทั้งเจ็บก้น ผมเงยหน้ามองพี่ทิวาที่อยู่สูงกว่าผมเล็กน้อยในท่านั่งก่อนจะเชิดหน้าหนี
“..........”
“กรูให้เวลามึงเตรียมตัวหนึ่งชั่วโมง อย่าคิดหนีเพราะมึงหนีกรูไม่พ้น!”
“..........”
“แล้วเวลากรูพูดมึงต้องมองหน้ากรูด้วย”พี่ทิวาใช้มือเดียวบีบคางผมให้หันมาประจัญหน้ากับพี่เค้าก่อนร้อยยิ้มชั่วร้ายจะผุดขึ้น ผมหันมาผมก็ไม่ทำอะไรครับ แค่ทำเป็นไม่เห็นพี่เค้าอยู่ในสายตา
“อวดดี..........”
“อุ๊บ! O-O”
อะ...อะอวดดีแล้วทำไมต้องจูบผมด้วยล่ะ
“ฮื้อ....พี่...”
“..........”
“ฮือ......ฮึก....อย่าครั....”ไม่ไหวแล้วครับมันนานเกินไปจนถึงขีดอันตราย ร่างใหญ่เบียดเข้าหาผมที่พยายามต้าน เสียงประตูถูกปิดด้วยปลายเท้าพี่ทิวาอย่างชำนาญสองมือของผมที่ข้างหนึ่งยันตัวเอาไว้และอีกข้างก็พยายามผลักอกกว้างที่กรุ่นกลิ่นหอมอย่างชายเจ้าเสน่ห์ ยิ่งใกล้ผมยิ่งหวั่นครับ ใจสั่นระส่ำไปหมด มือไม้ที่แม้นมีพละกำลังก็อ่อนยวบลงในพริบตา สมองสั่งการให้ต่อต้านสุดฤทธิ์แต่ร่างกายกลับตอบรับแรงเบียดของอีกร่างที่โถมเข้ามาเหมือนรู้จังหวะ
“ฮื้อ...ฮึก....”เสียงในลำคอคอผมไม่สามารถเล็ดลอดออกมาเป็นคำพูดได้ รสจูบที่เร่าร้อนกำลังบดขยี่ริมฝีปากผมที่เม้มสนิทอย่างที่ใจสั่ง แต่เพียงไม่นานลิ้นอุ่นกรุ่นรสชาหวานๆ ก็กลับสามารถล่วงล้ำผ่านเข้ามาได้ก่อนจะเข้าตวัดพัวพันลิ้นผมถึงกับทำให้ผมแทบคลั่ง ร่างกายที่วูบวาบก็ร้อนรุ่มจนน่ากลุ่มใจ อะไรที่นิ่งสงบก็กำลังแข็งขืนตามอารมณ์ไหวหวิวที่กำลังท่วมท้นรอการปลดปล่อย มือไม้ของพี่ทิวาก็พยายามลูบไล้ให้ผมสยิว มืออุ่นใหญ่ลอดผ่านชายเสื้อที่อยู่บนผิวเนื้อให้เสียวซ่าน ฝ่ามือใหญ่ไล้ลูบผิวของผมเสมือนผ้าแพรเนื้องาม ก่อนที่ร่างกายของผมจะกระตุกแอ่นรับมืออุ่นที่เคล้าคลึงเค้นอกราบตรงยอดอกสีชมพูภายใต้อาภรณ์ด้วยกายสั่นกลัว
น้ำตาอุ่นๆ ของผมเอ่อคลอดวงตาจนภาพพร่ามัว พี่ทิวาถอนจูบอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะจูบต่ำลงไปเรื่อยๆ ผ่านซอกคอขาวยวงและอกราบที่ถูกมือดีถลกเสื้อขึ้นสูงเผยให้เห็นยอดอกสีชมพูที่ชูชันก่อนจะจูบต่ำลงไปอีกจน..จน........
ไม่ไหวครับ! ผมกลัวและมีความรู้สึกว่าผมต้องตายแน่ๆ แต่ทำไมผมถึงไม่สู้ครับ ผมไม่เข้าใจตัวเองที่ปล่อยให้พี่ทิวาล่วงเกินอยู่ได้ในเมื่อเราแทบจะไมได้เป็นอะไรกัน แต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกดีแบบนี้ล่ะครับเหมือนต้องการให้มากกว่านี้ มากกว่าที่ทำอยู่! แต่แบบนี้ ผมก็เหมือนพวกโรคจิตแน่ๆ เลย ><;;;
“ซืด.....อ้า....ยะอย่าครับพี่!!!!!!!!”เสียงครางกระเส่าของผมดังขึ้นจนน่าอาย ผมไม่คิดวามันจะหลุดออกมาจากปากของผมได้อย่าน่าขายขี้หน้าแบบนี้ แต่คนที่กระทำกลับลอยหน้าลอยตาไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่บนตัวผมเนี่ย ผมจะทำไงดีครับ!!!!
.
.
.
.
.
.
มาส่งถึงร้อนๆ สำหรับตอนที่ 5 ฮับ
กำลังพยายามฝึกปรือฉากอะไรบางอย่าง(น่าจะรู้กันนะฮับ
)ให้มันไม่หลุดขำและไหล่ลื่น
พยายามอย่างยิ่งเพราะยังขาดประสบการณ์ฮับ
มีอะไรสามารถช่วยชี้แนะและบอกได้นะฮับ
ขอบคุณท่านyayee2ที่ดูคำผิดให้นะฮับ
และทุกรีที่เป็นกำลังใจให้ ซาบซึ้งอีกแล้วฮับ
แล้วมาพบกันตอนที่ 6 สำหรับขาโหดอิพี่ทิวากับน้องเดย์ อีกนะฮับ