15
เสียงรุ่นพี่ปี 2 ปี 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ประกาศใส่โทรโข่งเรียกระดมพลเด็กปี 1 ทำกิจกรรมตั้งแต่ไก่โห่ เฟรนปลุกบิวแล้ว แต่ไม่ยอมตื่น ก็เลยออกไปล้างหน้าล้างตาคนเดียวแล้วเข้าไปสมทบกับเพื่อนๆ ช่วยกันดูแลน้องๆ ให้เข้าแถว เตรียมตัวออกเดินทางไปยังสถานที่ผจญภัยแห่งแรก
น้องๆ เดินเรียงทีละสองแถวไปเรื่อยๆ โดยมีรุ่นพี่ปี 3 คอยนำทาง ส่วนปี 2 รั้งท้าย และบิวก็ตื่นมาช่วงนั้นพอดี ร่างสูงบิดขี้เกียจไปมา ลุกออกจากเต็นท์แล้วไปล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนจะรีบวิ่งไปหาเฟรน ที่รออยู่ไม่ไกล
“ไปไหนกันแต่เช้าวะ” บิวมองขบวนเด็กปี 1 ที่เริ่มทยอยกันไปตามทาง มีเสียงรุ่นพี่ดังผ่านโทรโข่งคอยควบคุมดูแล
“ไปผจญภัยไง ตามมาเร็วๆ เลย” เฟรนเดินนำไป แต่ส่งมือมาข้างหลัง บิวมองมือเล็กๆ ที่ยื่นมาให้แล้วยิ้มกว้าง รีบคว้ามือเฟรนไปจับไว้แล้วเดินไปด้วยกัน
ที่แรกเป็นธรรมชาติยามเช้าบนหน้าผาสูงชัน มองดูพระอาทิตย์ดวงโตที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้า แสงสีทองเรืองรองสาดกระจายไปทั่วผืนดินและแมกไม้ เสียงนกร้องขับขานไพเราะเสนาะหู
แต่บิวไม่ได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติเท่าไหร่นัก เพราะมัวแต่มองคนข้างๆ ที่ยืนยิ้มสวยมองพระอาทิตย์ขึ้นด้วยท่าทางอิ่มเอมใจ แววตาของเฟรนทอประกายต้องแสงอาทิตย์ระยิบระยับราวอัญมณี และช่างดึงดูดให้อยากก้มลงไปมองใกล้ๆ ขนาดเช้านี้ไม่มีใครได้อาบน้ำ แต่กลิ่นตัวของเฟรนก็ยังหอมกรุ่นรัญจวนใจจนบิวอยากจะสูดให้เต็มปอดสักหลายๆ ฟอด
“นี่! ใกล้มากไปละ” เฟรนรู้สึกตัวเมื่อคนข้างๆ ยื่นหน้าลงมาแถวๆ ข้างแก้ม ทำท่าเหมือนจะหอมแก้ม พอหันไปก็เห็นหน้าหื่นๆ น่าสยองพิกล เลยเอามือแปะบนหน้าของบิวแล้วดันออก
“นิดเดียวน่า ขอหอมที” บิวพูดเสียงอู้อี้เพราะโดนมือของคนตัวเล็กปิดหน้าไว้ มือเล็กๆ ไม่ได้นุ่มนิ่มมากเท่ามือผู้หญิงที่บิวเคยจับ แต่ก็หอมและเย็นสบาย หอมแก้มไม่ได้เลยดมมือแทนแล้วกัน
“เฮ้ย!” เฟรนร้องเสียงหลงรีบชักมือกลับ จู่ๆ มาดมมือแถมเอาปากจูบอีก นี่ถ้าไม่ได้ล้างมือมาคงสนุกล่ะ
“หอมไปทั้งตัวเลย ขนาดแค่มือก็ห๊อมหอมมมม” บิวยื่นหน้าทำปากจู๋ จะเอามือไปดัน ก็กลัวโดนจูบมืออีก เฟรนเลยก้มหน้าหลบพลางเอามือดันอกร่างสูงไว้แทน
“อายคนอื่นมั่งดิวะ...น้องมองกันใหญ่แล้ว”
“ใครๆ ก็รู้ว่าเราเป็นแฟนกัน อายอะไรวะ”
“หน้าด้าน!” โดนด่าซะงั้น บิวยักคิ้วไม่ใส่ใจ
“หนาว กอดหน่อย” อ้อนไปอีก
“ไม่เอา พอแล้ว...บิว!”
จุ๊บ
โดนขโมยหอมแก้มจนได้ ได้ยินเหมือนเสียงไฟลุกพรึ่บบนใบหน้า ผลักไอ้คนหน้าด้านที่หัวเราะชอบใจให้ถอยไปไกลๆ แล้วรีบหมุนตัวเดินกลับไปหาเพื่อนๆ ทันที ส่วนบิวก็วิ่งตามไปติดๆ อย่างอารมณ์ดี
“โอ๊ยยยย มันน่าจะหนาวนะบนนี้ ทำไมกูร้อน” นนท์กระพือคอเสื้อยืดตัวเองพั่บๆ ทั้งที่ไม่มีเหงื่อสักหยด
“นั่นสิวะ วันนี้แม่งร้อนกว่าเมื่อวานอีกมั้ง” สนก็สมทบอย่างรู้กัน สองคนเหล่มองไปทางเพื่อนกับแฟน เห็นแล้วเหม็นฟามรักขึ้นมาตะงิดๆ
เฟรนถลึงตาดุใส่เพื่อนๆ พาให้พวกมันหัวเราะกันตัวงอ ก่อนจะหันไปทุบไหล่ไอ้ตัวต้นเหตุแห่งความอายดังปั่ก แล้วก็เดินฉับๆ หนีไปช่วยพวกผู้หญิงที่มีแค่หยิบมือทำอาหาร
หลังกินอาหารเช้าง่ายๆ ไปแล้ว ก็เดินถ่ายรูปชมวิวกันตามอัธยาศัย ก่อนจะออกเดินทางต่อ ไปยังฐานที่ 2 ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่
“หูยยยย เย็นเจี๊ยบขนาดนี้ กูไม่ลงแน่นอน” บิวลองแหย่เท้าลงไปในน้ำแล้วรีบหดขาหนีทันที เพราะน้ำเย็นแทบจะเป็นน้ำแข็ง
“ก็ไม่ได้ให้ลงไปมั้ยล่ะ แค่มาชมวิว มึงดูสิ สวยออก” เฟรนชี้ให้ชมวิว บิวมองตาม น้ำตกมันก็สวยหรอก บรรยากาศดี อากาศสดชื่นมาก มีใบไม้แดงอย่างกับอยู่ต่างประเทศ แต่พอดีบิวเป็นผู้ชายที่ไร้ความโรแมนติกในหัวใจ เลยไม่ค่อยดื่มด่ำกับธรรมชาติเท่าที่ควร
“ชอบอะไรแบบนี้เหรอวะ” บิวกอดอกพลางถาม รู้สึกว่าแถวน้ำตกยิ่งโครตหนาว ขนาดคนขี้ร้อนอย่างบิว ยังไม่ไหวกับความหนาวระดับนี้
“อือ ก็สวยดีอ่ะ ชมธรรมชาติ ดูดิ มีนกด้วย ปลาในน้ำงี้ อากาศก็ดี” คนตัวเล็กชี้ไปทางนั้นทางนี้รอบตัว ท่าทางจะชอบจริง บิวไม่อินตามเคย แต่ก็ชอบที่จะมองดูดวงตาสดใสเปล่งประกายและใบหน้าเปี่ยมความสุขของอีกคน
แม้ไม่ชอบธรรมชาติ แต่ถ้าได้เห็นรอยยิ้มของเฟรน จะให้บุกป่าฝ่าดง ขึ้นเขาอีกร้อยลูกก็ยอม
“แล้วชอบทะเลมั้ย” สองคนพากันนั่งลงใต้ร่มไม้ หย่อนขาแกว่งในธารน้ำเย็นเจี๊ยบ
“ก็ชอบนะ แต่มันเหนียวตัวไปหน่อย” เฟรนว่าพลางจุ่มมือในน้ำวักเล่นเป็นพักๆ
“บ้านไอ้โอมันทำรีสอร์ทที่ภูเก็ต ไว้พาไปเอามั้ย” บิวพูดไปก็มองหน้าคนข้างๆ ไม่วางตา มองมาตลอดทาง และคิดว่าคงจะมองต่อไปเรื่อยๆ ทั้งชีวิต
“ภูเก็ตเหรอ? ยังไม่เคยไปเลยอ่ะ น่าสน” เฟรนหันไปสบตาเข้าพอดี
แววตาของบิวที่มองมาอ่อนโยนเสียจนรู้สึกเขิน
เมื่อคืนนี้ โดนจูบอีกแล้ว แม้จะแค่ปากแตะกันนิดเดียว ก่อนที่บิวจะทิ้งตัวลงนอนหลับคร่อกในทันทีก็ตาม
บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่า บิวเหมือนปิศาจขโมยจูบ เผลอไม่ได้เลย เป็นต้องจูบสักที่ ไม่ปากก็แก้ม อย่างเมื่อเช้านี้ก็ที่มือ
“หยุดเลย!” เกือบไปแล้ว ดีที่ไม่ทันเคลิ้มกับสีหน้าเว้าวอนนั่น เลยยกมือขึ้นปิดปากตัวเองไว้ทัน ไม่อย่างนั้นก็คงโดนขโมยจูบอีกตามเคย
“อะไรว้า แค่จุ๊บปากนิดเดียว” บิวทำหน้าเสียดายสุดชีวิต
“ไม่ได้อยู่กันสองคนนะเว้ย...มึงนี่...” แก้มใสขึ้นสีชมพูอ่อน เฟรนไม่กล้าสบตากับบิวแล้ว เพราะกลัวจะเคลิ้มตาม
“งั้นอยู่สองคนจะจูบกี่ทีก็ได้สิ?” บิวถามอย่างลุ้นๆ และคำตอบของเฟรนก็ทำเอาตาวาว ยิ้มกว้างอย่างดีใจ ก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้ๆ
“เรื่องของมึงสิ”
“แล้วนอกจากจูบอ่ะ” ขอเอาไหล่เบียดนิดหน่อยพลางยื่นหน้าไปฟังใกล้ๆ อย่างลุ้นระทึก
เฟรนขมวดคิ้ว ยิ้มหวานแล้วดีดหน้าผากบิวเสียงดังเป๊าะ “พ่องสิ”
“อูยยย”
******
ตกกลางคืนก็นอนดูดาว ไม่สิ ไม่ได้นอน แค่นั่งต่างหากล่ะ
“โรแมนติกสุดๆ” สนเดินผ่านสองหน่อที่นั่งชมดาวบนฟ้ากันกระหนุงกระหนิงแล้วนึกหมั่นไส้เบาๆ
“เชี่ยสน! พูดมาก” เฟรนหันไปปาหินใส่ขาเพื่อน สนกระโดดหลบเหยงๆ
“อย่าลืมว่าไม่ได้มาสองคนนะเว้ย ทำไรก็อายเจ้าป่าเจ้าเขานิดนึงนะเพื่อน ฮ่าๆๆ”
“แม่งงง” แก้มใสพองลมด้วยความไม่พอใจและเขินอายไปพร้อมกัน บิวหัวเราะร่า “นี่ก็ขำอยู่ได้”
“เอ้า โดนอีกกู” บิวยิ้มแหยๆ พลางส่ายหน้าไปมา
“คนจะดูดาวเงียบๆ สักหน่อย” มีบ่นๆ บิวเลยนั่งเงียบกริบ ปล่อยให้คนตัวเล็กดื่มด่ำกับดาวบนฟ้าต่อ ส่วนตัวเขาก็นั่งเอนหลังเอามือท้าวพื้นไว้
“รู้ป่ะ กลุ่มดาวฤดูหนาวที่จะเห็นช่วงหัวค่ำ มันจะมาโผล่ตอนเที่ยงคืนของช่วงนี้นะ” จู่ๆ บิวก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับชูมือขึ้นบนฟ้า
“มั่วป่ะเนี่ย” เฟรนทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ
“ไม่มั่วเว้ย ตอนเด็กๆ กูชอบอ่านหนังสือดาราศาสตร์ อยากเป็นนักดาราศาสตร์ด้วยนะ”
“จริงอ่ะ? แล้วไมมาเรียนอักษร”
“เอาความจริงหรือดูดี”
“เอาที่ดูดีก่อน”
บิวยิ้มนิดๆ “ชอบภาษาญี่ปุ่นมาตั้งแต่ม.3 เพราะเล่นเกม ดูอนิเม ฟังเพลงญี่ปุ่น เลยอยากจะอ่านออก แปลได้ พูดได้บ้าง”
“อืม แล้วความจริง?”
“คณะนี้สาวสวยเยอะ”
เฟรนเบะปากทันที “กูว่าละ”
“แต่จริงๆ กูเรียนสายวิทย์มานะ รู้งี้เลือกวิศวะดีกว่า”
“ทำไม? ไม่ได้ชอบไม่ใช่ไง?”
“ก็จะได้อยู่กับมึงไง” บิวยิ้มกว้าง ส่วนคนข้างๆ อายม้วนไปเรียบร้อย “คนสวยทั้งคณะอักษร ยังสู้มึงแค่คนเดียวไม่ได้เลย”
“...” พูดไม่ออกไปเลย เจอแบบนี้เข้าไป และยิ่งเห็นแก้มแดงๆ ของเฟรน บิวก็ยิ่งชอบใจ แกล้งเอานิ้วจิ้มๆ ที่แก้มแดงนั่นอย่างอารมณ์ดี
“อ่ะเขินดิ เขิน น่ารักว่ะ แม่งงง”
******
และแล้วก็ถึงวันเดินทางกลับ ต้องเดินลงเขาระยะทางเท่าเดิม แต่รอบนี้บิวดูจะฮึดสู้ขึ้นเยอะ เดินจูงมือกันกับเฟรน ไม่แคร์พวกคนโสดขี้อิจกันเลยทีเดียว
“ตกลงคืนดีกันแล้ว?” สนเปิดประเด็นเมื่อขึ้นไปบนรถบัส บิวกำลังยกกระเป๋าสัมภาระของทั้งตัวเองและเฟรนขึ้นไปเก็บบนช่องเหนือที่นั่ง ส่วนเฟรนนั่งริมหน้าต่างรอ
“ไม่ได้ทะเลาะกันสักหน่อย” เฟรนตอบพลางหันหน้าหนีมองไปนอกหน้าต่าง
“อ้าว? ก็เห็นก่อนหน้านี้...” พอนนท์จะเอ่ยถึงเรื่องนั้น สนก็รีบสะกิดให้หยุด สองคนเลยกลับไปนั่งที่นั่งข้างหน้าพวกบิว ไม่ถามอะไรต่อ
บิวนั่งลง มองคนตัวเล็กที่เหมือนจะเขินเพื่อนอย่างเอ็นดู “ไม่ได้ทะเลาะ ก็แสดงว่าไม่ได้โกรธกูแล้วช่ะ?”
“ไม่ได้โกรธอะไรนี่”
“งั้นก็...ยอมเป็นแฟนกูเหมือนเดิมแล้วช่ะ?”
“ถึงหอแล้วจะบอก”
แต่ถึงไม่ตอบตอนนี้ บิวก็พอจะรู้คำตอบแล้วล่ะ เพราะลางสังหรณ์ของเขาไม่เคยพลาด!
******
กลับมาถึงหอพัก บิวเดินตามเฟรนต้อยๆ เหมือนลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ด ไปที่ห้องของเฟรน เพื่อรอเอาคำตอบที่เฟรนบอกไว้ตอนอยู่บนรถบัส
“หยุด! อยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ต้องตามมาแล้ว” ก่อนจะถึงหน้าห้องของเฟรน จู่ๆ คนตัวเล็กก็หันมาชี้นิ้วสั่งให้บิวที่เดินตามหลังมาในระยะ 1 เมตรหยุดนิ่ง
บิวทำหน้างง แต่ก็ยอมหยุดตามที่สั่ง ตอนนี้ไม่ว่าเฟรนจะชี้นิ้วสั่งอะไรก็จะทำตามทั้งหมด เพื่อ “พิสูจน์” ความจริงใจที่มี
“กูจะให้คำตอบแล้ว” เฟรนเสมองไปทางอื่นเพราะหน้ามันร้อนๆ ก่อนจะไขกุญแจเปิดประตูห้อง บิวยังยืนรอห่างออกไป 1 เมตร ไม่ขยับไปไหน และความซื่อตรงนั้นก็ทำให้เฟรนอดอมยิ้มขำๆ ไม่ได้
จะว่าไป เชื่องแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกัน
เฟรนคิดแบบนั้นตอนที่มองหน้าใสๆ ของบิว ก่อนจะกระแอมไอเล็กน้อย “แฮ่มๆ จะตอบแล้วนะครับ”
ดูเป็นทางการจังวะ บิวนึกขำในใจ
“ที่มึงพยายามมาเดือนกว่าๆ กับการไปค่ายครั้งนี้ ก็พอจะเห็นแล้วล่ะว่ามึงจริงจัง”
“ตอบเลย ไม่ต้องอารัมภบทแล้วมึง” บิวแทรกขึ้นจนเฟรนชักสีหน้าใส่ เลยต้องรีบหุบปาก
“แต่มึงมันกะล่อนเกินไป กูยังไม่ค่อยไว้ใจหรอกนะ”
“อ้าว...” หน้าเหวอเลยทีเดียว
“เพราะงั้น...” ยังมีการเว้นระยะให้บิวลุ้นตัวโก่ง แต่ก็ยังเชื่อฟังเฟรน ไม่ขยับออกจากที่เดิม แม้แต่เซนเดียว ก่อนจะได้ฟังคำตัดสินของศาลที่เคารพรัก “จะลองคบกันดูก็ได้ แบบจริงจัง ไม่ใช่หลอกๆ”
“จริงนะ!?” บิวดีใจจนเกือบขยับจากที่เดิม แต่เฟรนยกมือขึ้นห้าม ก็เลยยืนนิ่งตัวตรงทันที
“เออ แล้วก็จะพูดแค่ครั้งเดียว ถ้าไม่ตั้งใจฟังก็เรื่องมึงนะ” เฟรนเงียบไปอึดใจ บิวเองก็เงียบกริบ ตั้งใจฟังสุดชีวิต ว่าเฟรนจะพูดอะไรต่อ ลุ้นอยู่นาน เพราะเฟรนมัวแต่ก้มๆ เงยๆ เหมือนทำใจกับอะไรสักอย่าง ก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆ แล้วพ่นออกมาช้าๆ
เฟรนก้าวขาเข้าไปในห้องของตัวเอง โผล่ออกมาแค่หน้า และเอ่ยคำตอบที่บิวรอคอย ก่อนจะรีบผลุบหายไปในห้องแล้วล็อคประตู
ส่วนบิวยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยรอยยิ้มที่กว้างกว่าเดิม