บทที่ 16 Rewrite
“ไว้เดี๋ยวถ้าเสนอเรื่องผ่านยังไงดิฉันจะติดต่อคุณเป็นธรรมไปนะคะ”
“ตอนนี้งานที่มีเราให้เจ้าอื่นไปดูแล้วครับ ต้องขอโทษด้วย”
“ยังไงจะติดต่อกลับไปค่ะ”
เป็นธรรมคลายเนคไทออกหลังจากที่เดินกลับมาที่รถที่นี่ก็เหมือนที่อื่นที่เขาไปติดต่อมาทุกที่บอกว่าจะติดต่อกลับมาแต่ในที่สุดก็ไม่มีใครติอต่อกลับมาสักที
“เฮ้อ”
เป็นธรรมหยิบสมุดนัดออกมาดูวันนี้เขาไม่มีนัดที่ไหนแล้วเขาตัดสินใจไปเดินตลาดซื้อของกินก่อนที่จะกลับบ้านไม่แวะกลับเข้าไปที่โรงงานอีก
ตลาดแถวบ้านของเป็นธรรมเป็นตลาดเปิดท้ายที่จะมีคนมาขายของหลากหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นของกินหรือเสื้อผ้าแต่วันนี้ที่เขาสนใจมากที่สุดในตลาดแห่งนี้ก็คือร้านที่มีเหมือนน้องนักศึกษาเป็นคนมานั่งขายของ
“ดูได้เลยค่ะ เสื้อกับกระเป๋าลายพวกนี้พวกหนูเป็นคนออกแบบเองเลยค่ะ”
“ออกแบบเองแล้วสกรีนเองด้วยหรือเปล่าครับ?”
“เปล่าค่ะ พวกหนูไปจ้างตามร้านสกรีนค่ะ”
“เหรอครับ?”
ไม่น่าเชื่อว่าแค่การมาเดินตลาดจะกลายเป็นว่าเป็นธรรมได้เปิดโลกรู้เกี่ยวกับตลาดใหม่ๆ ที่เขาไม่เคยมองมันมาก่อนเขาเพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้ว่ามีเด็กหลายคนที่ทำพวกเสื้อผ้ากระเป๋าเป็นแบรนด์ของตัวเองมีทั้งคนที่ทำขายขึ้นห้างขายตามไอจีตามเฟสหรือตามตลาดเปิดท้ายแบบพวกน้องกลุ่มนี้
เป็นธรรมยืนคุยดับน้องกลุ่มนี้จนรู้ว่าปัญหาหลังในการสั่งทำเสื้อผ้าก็คือจำนวนเพราะถ้าสั่งจำนวนน้อยราคาก็จะสูงขึ้นแต่ถ้าจะให้สั่งทำทีละเยอะๆ ก็เหมือนกับเอาเงินหมุนมาทิ้งกับสไตล์เดียวซึ่งพวกน้องก็ไม่อยากทำเขาเลยถือโอกาสให้นามบัตรของตัวเองเอาไว้ให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของพวกน้อง
“เอาแต่นั่งหน้าคอมอยู่ตั้งนานแล้วมีอะไรรึเปล่าลูก?”
ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านเขาก็เอาแต่นั่งอยู่หน้าคอมไล่เปิดดูไอจีตามเฟสตามที่พวกน้องๆ บอกวิธีหาแล้วถ้าเกิดเห็นใครน่าจะพอเป็นลูกค้าได้เขาก็จะส่งข้อความขอติดต่อเข้าไปทันทีพอแม่ถามเขาก็เลยอธิบายให้แม่ฟัง
“มันจะดีเหรอลูก? มันจะได้ทีละน้อยๆ ละสิ งานมันจะเยอะแต่ไม่คุ้มรึเปล่า?”
“ก็ยังไม่รู้เลยครับแม่ แต่ผมว่าจะลองดูสักตั้ง”
“มีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกนะ”
“ขอบคุณครับ”
“เอ่อคุนเดี๋ยวอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าจะมีงานเลี้ยงเป็นงานแต่งของลูกสาวเพื่อนของแม่คนที่เขาเป็นเจ้าของห้าง คุนเตรียมตัวไปกับแม่ด้วยนะ”
“แม่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบออกงาน ผมเอาเวลาไปหาลูกค้าดีกว่า”
“ก็นี่ไงแม่ให้ไปก็ให้ไปหาคอนเน็คชั่นนี่แหละแม่ก็แก่แล้วจะให้ไปไล่แจกนามบัตรแม่ก็ว่าจะไม่เหมาะถ้าเป็นคุนแม่ว่าจะเหมาะกว่า”
“ครับ”
แม้ว่าจะไม่ชอบออกงานแค่ไหนแต่พอได้ยินถึงเหตุผลของแม่เขาก็ปฎิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นเรื่องจำเป็นสมัยนี้การมีคนรู้จักมันช่วยให้งานไปต่อได้ง่ายขึ้นกว่าการที่ต้องเดินเข้าไปติดต่องานโดยไม่มีใครรู้จักเราเลยเขาจึงตกลงใจที่จะไปร่วมงาน
“ได้ครับ วันนี้สะดวกครับเข้ามาเจอกันที่โรงงานได้เลยครับ ครับๆ ขอบคุณครับ”
เมื่อคืนช่วงที่เป็นธรรมหลับไปแล้วปรากฏว่ามีเจ้าของแบรนด์เสื้อวัยรุ่นชื่อดังคนนึงส่งข้อมูลตอบกลับมาว่าสนใจ พอเห็นข้อความในตอนเช้าเขาจึงรีบติดต่อกลับไปและพอได้คุยกันถึงเงื่อนไขก็ดูว่าทางเขาแม้จะได้กำไรไม่มากในการร่วมงานครั้งนี้แต่ก็ไม่ได้เสียเปรียบเขาถือว่ามันเป็นหนึ่งในโอกาสที่ควรจะคว้าเอาไว้
“อะไรลูก?”
“อ่อ มีคนติดต่อมาว่าจะต้องลงร่วมงานกับเราแต่เขาอยากมีดูโรงงานก่อนครับ”
“ดีจัง งั้นแม่ขออวยพรให้ลูกโชคดีนะ”
“ขอบคุณครับ”
คำอวยพรของแม่น่าจะครอบคลุมแค่เรื่องงานแต่อาจไม่ได้ครอบคลุมถึงเรื่องอื่นเพราะทันทีที่เขาขับรถออกจากประตูบ้านเขาก็เจอเข้ากับมอเตอร์ไซค์ที่มาจอดรอตรงประตูหน้าบ้านเขาพยายามบีบแตรให้มอเตอร์ไซค์เคลื่อนตัวแต่กลับกลายเป็นว่าคนที่ซ้อนท้ายเดินลงมาที่รถของเขาเคาะกระจกรถและส่งสัญญาณให้ลดกระจกลง
“ผมมาเก็บดอกเบี้ยเงินกู้ เมื่อวานก็ไม่ได้กลับไปวันนี้ไม่ได้อีกไม่ได้แล้วนะคุณ”
“ผมจะรู้ได้ไงว่าคุณเป็นคนมาจากที่นั้นจริง? ผมไม่เคยเห็นพวกคุณมาก่อน”
“งั้นก็ให้คนที่เป็นผู้หญิงที่ชื่อธิดาเขามาพูดกับพวกผมก็ได้ เขารู้จัก”
“ผมไม่ได้พกเงินสดติดตัวเยอะขนาดนั้นและพวกคุณมาแต่เช้าผมคงไม่มีให้ แบบนี้ได้ไหมไว้พรุ่งนี้คุณค่อยมาใหม่”
“นี่มันเป็นการจ่ายรายวันนะคุณเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่าถ้าคุณไม่รู้เรื่องพวกนี้พวกผมก็ยินดีจะบอกให้นะเห็นว่าพูดจาดี”
“ผมเข้าใจครับแต่ยังไม่มีจริงๆ เอาอย่างนี้พรุ่งนี้ผมสัญญาเลยว่าคุณจะได้ดอกเบี้ยครบของสามวันที่ผ่านมาอย่างแน่นอน”
“ผมมาเวลาเช้าตามเดิมนะ”
“ครับ”
โชคดีที่คนนัดเขาค่อนข้างจะพอใจและสนใจในข้อเสนอเราจึงทำสัญญากันและเขาจะได้เริ่มผลิตงานให้ในคอลเลคชั่นต่อไป
“วันนี้ต้องขอบคุณมากจริงๆ นะครับที่มาและให้โอกาสให้พี่ได้ร่วมงานด้วย”
“โอ๊ยพี่เรื่องเล็กโรงงานพี่ก็ออกจะมาตรฐานได้แบบนี้ก็ดีงานหนูจะได้ไม่ต้องมานั่งลุ้นว่าจะเสร็จทันไหมอีกอย่างพอรู้ว่าพี่เองก็ชอบศิลปะเหมือนกันหนูยิ่งสบายใจเข้าไปใหญ่มันเหมือนได้พูดภาษาเดียวกัน”
อีกเหตุผลที่เป็นธรรมยอมทำงานนี้โดยที่ไม่คิดกำไรเยอะไม่ใช่แค่เพราะว่าเขาต้องการงานแต่เพราะเขายินดีกับน้องที่ได้ทำในสิ่งที่น้องรักเพราะเขาเองก็เคยมีความสุขกับการทำงานกับสิ่งที่เขารักมาก่อนเขาจึงเข้าใจ
“รบกวนเอาบัญชีเข้ามาให้ผมดูด้วยครับ”
“ได้ค่ะ”
หลังจากที่น้องกลับไปเป็นธรรมก็เรียกเอกสารของเมื่อวานเข้ามาดูทันทีตั้งแต่คุณสุวรรณีออกไปเขาก็ไม่ได้จ้างใครมาแทนเขาเลยต้องตรวจทุกอย่างเองในแต่ละวัน
“มันมีเช็คที่เรายังเก็บไม่ได้อยู่อีกตั้งสามใบ ไม่ทราบว่าได้ลองติดตามไปหรือยัง?”
“ทางเราติดต่อไปแล้วค่ะ บางเจ้าก็ขอผ่อนผันว่าขอจ่ายเป็นสิ้นเดือนนี้แทน ส่วนบางเจ้าก็ขอไปจ่ายเดือนถัดไปค่ะ”
“แล้วทำไมคุณไม่แจ้งผม?”
“ก็เห็นคุณเป็นธรรมไม่ได้ถามถึงอีกอย่างคุณเป็นธรรมก็ไม่ค่อยได้เข้าบริษัทดิฉันก็เลยคิดว่าทางเราสามารถที่จะผ่อนผันได้ค่ะ”
“ครั้งหน้ามีอะไร ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเพียงแค่เล็กน้อยคุณก็ต้องแจ้งผมโดยตรงนะครับ”
“ขอโทษด้วยค่ะ”
“อย่าเป็นแบบนี้อีกแล้วก็พยายามติดต่อกลับอีกทีอย่าให้เขาเลื่อนออกไปไม่มีกำหนดอย่างน้อยก็ให้เขาผ่อนจ่ายมา”
“ค่ะ”
“โห งานพี่ตรงเวลาและเนี้ยบมาก หนูอย่างชอบ”
“ถ้าชอบก็อย่าลืมทำกับพี่ต่อละ แล้วจะให้ดีฝากบอกต่อเพื่อนๆ เราด้วย”
“แค่พี่สัญญาว่าพี่จะยอมลัดงานหนูให้ถ้าเกิดลูกค้าเยอะ หนูก็บอกต่อเพื่อนเอง”
“ได้เลยสำหรับเราไม่มีปัญหา”
แล้วน้องก็ทำตามที่พูดจริงๆ เพราะหลังจากที่สินค้าล็อตนั้นของน้องวางจำหน่ายเป็นธรรมก็มีลูกค้าจากกลุ่มนี้มากขึ้นแต่ก็อย่างที่แม่เขาเคยพูดไว้เพราะกลุ่มคนเหล่านี้มีร้านประจำของเขาอยู่แล้วเมื่อเราไปเอาลูกค้าของเขามาเราเลยต้องยอมลดกำไรลงเพื่อให้พวกเขามาทำกับเราเงินที่ได้มามันเลยไม่เต็มเหม็ดเต็มหน่วยไม่เหมือนกับถ้าลูกค้าที่เป็นของเราตั้งแต่แรก
เจ้าใหญ่ๆ ก็เริ่มกลับมาทำกับเราบ้างฉะนั้นเรื่องเงินหมุนเวียนมันไม่ใช่ปัญหาของเขาอีกต่อไปตอนนี้เขาเลยพยายามคิดที่จะใช้หนี้จะขายพวกเครื่องจักรเพื่อเอามากลบหนี้ก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้เพราะตอนนี้มันหลายเป็นเครื่อมือทำมาหากินจากตอนแรกที่คิดว่ามีมากเกินไปกลับกลายมันกำลังมีจำนวนที่พอดีกับความต้องการที่จะใช้เขาเลยตัดสินใจที่จะขายรถแทน
“แล้วเราจะใช้อะไรละลูก?”
“ก็พวกรถสาธารณะไม่ก็แท็กซี่ครับ”
“ไหนช่วงนี้คุนบอกว่าเรามีงานเข้ามาเยอะไง?”
“ก็เยอะครับแต่ผมไม่อยากมานั่งจ่ายดอกเบี้ยไปเรื่อยๆแบบนี้แล้วผมไม่อยากให้มันเพิ่มขึ้นไปเยอะกว่านี้”
เมื่อเป็นธรรมรวบรวมเงินครบได้หนึ่งล้านบาทเขาก็โทรติดต่อไปที่เจ้าหนี้ให้มาเคลียร์แต่แล้วกลายเป็นว่าเงินที่เตรียมมามันไม่พอกับการใช้หนี้เมื่อช่วงแรกที่แม่ยืมมาแม่ไม่ได้มีการจ่ายดอกเบี้ยและทางนั้นก็โชว์หลักฐานมาให้ดูว่าเงินที่ครอบครัวเขาติดอยู่ในตอนนี้คือจำนวน 1,500,000 บาทเขาจะทำยังไงดีเพราะตอนนี้เขาไม่เหลืออะไรที่จะขายเอามาใช้หนี้ได้อีกแล้วและถ้าเราไม่จ่ายเก็บหนี้เอาไว้อีกมันกลับถูกบวกเพิ่มมาเรื่อยๆ เหมือนตอนนี้
“แต่ผมมีอยู่เพียงเท่านี้”
“นั้นมันปัญหาของคุณไม่ใช่ของผม ถ้ามีที่เหลือครบเมื่อไหร่ก็ติดต่อผมมาแล้วกัน”
“งั้นผมขอส่วนนี้คืนมาก่อน”
“อะไรกันคุณ เอามาแล้วจะเอาคืนคุณเล่นขายของหรือไง?”
ในที่สุดสองคนนั้นก็ได้เช็คล้านไปส่วนเขายังนั่งเคว้งอยู่ที่เดิมโดยไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อและในตอนนั้นเองที่โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
“ฮัลโหลพอล”
“หายไปนานเลย เป็นยังไงบ้าง?”
“เรา เรา”
“คุน?”
“เรามีปัญหา”
“เดี๋ยวไปหาอยู่ที่ไหน?”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราไปหาพอลเอง พอลอยู่ไหน?”
“ที่บริษัท”
เป็นครั้งแรกที่เขายอมเล่าเรื่องเป็นหนี้นอกระบบให้กับใครได้รู้และก็เป็นไปดังคิดทันทีที่พอลรู้เรื่องพอลก็เสนอให้เอาเงินของเขาไปใช้หนี้ก่อนเพราะแบบนี้ไงเขาถึงไม่อยากบอกใครเพราะไม่อยากให้ใครเดือดร้อน
“ขอบใจนะแต่เราอยากหาทางออกอื่นก่อน”
“เช่นทางไหน?”
“เราไม่รู้ว่ามันพอจะมีทางออกไหมแต่ยังไม่อยากเดือนร้อนคนอื่นนะ”
ไม่ใช่ว่าเขาหยิ่งที่มาถึงทางตันแล้วยังไม่รับความช่วยเหลือแต่มันเป็นกฏเหล็กของเขาว่าจะไม่ยืมเงินหรือให้เพื่อนยืมเพราะเขาเห็นมาหลายครั้งที่เพื่อนสนิทจะต้องมาผิดใจกันก็เพราะเรื่องของเงิน
“เรื่องพวกหนี้นอกระบบเราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องมาก เอางี้เดี๋ยวเราเอาไปปรึกษากับทนายของที่บ้านให้”
“ขอบคุณมากนะพอล”
“มีอะไรก็ให้มาหางานเรื่องเงินถ้ามันเหนือบ่ากว่าแรงจริงๆ ยังไงก็ยังมีเรากับแจงนะ”
“ขอบใจมากนะ”
เป็นธรรมออกจากบริษัทของพอลในช่วงบ่ายจากเรื่องที่เจอมาทั้งหมดมันทำให้เขาไม่เหลือแรงที่จะไปสู้ต่อที่โรงงานและไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมาหยุดอยู่ที่หน้าโรงเรียนสอนศิลปะที่เคยเป็นของเขาแทน
“เหลือเชื่อ”
เป็นธรรมยืนลูบป้ายชื่อโรงเรียนอยู่ทางด้านล่างของตึกด้วยใจที่เต้นแรงเพราะป้ายและทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสีของป้ายตัวอักษรยังสิ่งที่เขาออกแบบเอาไว้เขากดลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้นสามของตึกด้วยใจที่เต้นแรงและเขาก็ไม่กล้าแม้จะกระพริบตาเพราะกลัวเหลือเกินว่าสิ่งที่เห็นจะหายไปทุกอย่างบนชั้นนี้ยังเหมือนเดิมจำนวนห้องที่มีของที่ใช้ตกแต่งทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมเพียงแค่คนที่อยู่ที่หน้าประชาสัมพันธ์เท่านั้นที่เปลี่ยนไป
“สวัสดีค่ะ สนใจลงเรียนเหรอคะ?”
“เอ่อ เปล่าครับ”
“งั้น มีอะไรให้ช่วยไหมคะ? อ้อ หรือว่ามาสมัครเป็นครูสอนใช่ไหมคะ?”
“ครับ”
โดยที่ไม่ทันได้คิดเขาก็ตอบโกหกเธอออกไปทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่มีทางได้เข้ามาสอนที่นี่อย่างแน่นอนเพราะไม่ได้จบมาทางด้านนี้แถมไม่มีพอร์ตงานที่สามารถเอามาโชว์ได้ที่โกหกออกไปก็คงแค่อยากอยู่ในโรงเรียนให้นานอีกหน่อยอย่างน้อยถ้ากรอกใบสมัครเมันก็คงทำให้ผมอยู่ที่นี่ได้นานขึ้นอีกนิดได้สูดบรรยากาศที่เขารักและเขาจะได้มีแรงกลับไปต่อสู้อีกครั้ง
ในขณะที่เขากำลังกรอกใบสมัครเป็นธรรมถือโอกาสชวนประชาสัมพันธ์คุยเกี่ยวกับโรงเรียนนี้และพอเขาได้รู้เรื่องราวจากปากของเธอมันทำให้เขาอยากจะรู้จักกับเจ้าของที่นี่มากขึ้น
“แล้วนี่เปิดรับคุณครูสอนนานยังคะ?”
“อ้าวก็คุณมาสมัคร?”
“ผมเพิ่งเห็นใยสมัครไม่นานครับเลยลองถามดูอยากรู้ว่าคู่แข่งจะเยอะไหมนะครับ”
“ตำแหน่งครูศิลปะพื้นฐานว่างมาสักพักแล้วค่ะ”
“แล้วยังเหลือมาถึงผมไม่มีคนมาสมัครเลยเหรอครับ?”
เธอเงียบไปไม่ตอบคำถามเขาเองก็อยากรู้มากไปจนลืมไปว่าเรื่องที่ผมเขาคุยมันเริ่มที่จะเป็นเรื่องข้อมูลภายในของโรงเรียนมากเกินไปเธออาจจะไม่สะดวกใจที่จะตอบ
“ขอโทษครับ ผมละลาบละล้วงไปหน่อยก็แค่อยากรู้คู่แข่งเท่านั้นเลยถามมากไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ก็มีคนมาถามสมัครอยู่บ้างแต่ไม่เข้าตาเจ้านายเลยค่ะ”
“โหอย่างผมจะผ่านไหมครับเนี่ย? แล้วนี่เจ้านายคุณอยู่หรือเปล่าครับมาพูดถึงแบบนี้ผมกลัวว่าจะไม่ผ่านใบสมัครงานตั้งแต่ขั้นแรก”
“คุณนี่ดูเป็นคนขี้กังวลนะคะแต่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะไม่อยู่ค่ะอีกอย่างไม่รู้สิค่ะแต่ตั้งแต่ทำงานมาพวกเราก็ไม่เคยเจอเจ้านายดุเลยนะคะ”
“แสดงว่าใจดี?”
“ก็ถ้าได้งานคุณก็จะรู้เองค่ะ”
เป็นธรรมนั่งอยู่ที่โรงเรียนต่ออีกสักพักก่อนที่จะเดินออกมาจากตึกจากที่เหนื่อยๆ มาเจอเรื่องที่ไม่คาดฝันแบบนี้เขารู้สึกว่าเขาเองพร้อมที่จะสู้กับเรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าแล้วละ
หลังจากที่เขากลับมาบ้านพอลโทรมาบอกว่าทนายของที่บ้านกำลังรวบรวมข้อมูลแล้วจะเอาอธิบายให้ฟังส่วนตัวเขาเองก็ควรเตรียมข้อมูลให้พร้อมและทุกอย่างก็น่าจะมีทางออกได้ด้วยดี
นับตั้งแต่วันที่ไปกรอกใบสมัครเอาไว้ที่โรงเรียนสอนศิลปะเป็นธรรมก็เอาแต่ยุ่งเรื่องทำงานและเรื่องหนี้นอกระบบจึงไม่ได้นึกถึงมันอีกเลยจนในวันนี้วันที่เขาได้รับโทรศัพท์จากโรงเรียน
“ฮัลโหลสวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะดิฉันโทรจากโรงเรียนศิลปะธรรมค่ะ”
“ครับสวัสดีครับผมเป็นธรรมครับ”
“ตอนนี้ทางโรงเรียนอยากดูพอร์ตงานของคุณเพื่อที่จะประกอบกับการพิจารณาค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจะสะดวกเอาเข้ามาให้ได้วัน
ไหนคะ?”
“เอ่อ ผมไม่เคยได้เก็บพอร์ตเอาไว้เลยครับ”
“อ้าว?”
“แต่เดี๋ยวผมจะทำพอร์ตเอาเข้าไปให้ภายในอาทิตย์หน้าครับไม่ทราบว่าจะทันไหมครับ?”
“ลองเข้ามาส่งดูก็ได้ค่ะ”
ดังนั้นกิจกรรมหลังเลิกงานคือการทำงานศิลปะเขาตั้งใจทำเป็นพิเศษด้วยหวังว่าความชอบและความตั้งใจของเขาจะสามารถทำให้เขาได้มีโอกาสจับงานที่เขารักอีกสักครั้ง
“นี่ครับ”
“ขอบคุณค่ะหวังว่าเราคงจะได้ทำงานร่วมกันนะคะ”
ในที่สุดเป็นธรรมก็ทำสำเร็จเขาสามารถเอาพอร์ทเข้าไปส่งให้โรงเรียนได้ทันก่อนวันที่กำหนดเขารอผลอยู่สองสามวันแล้วความพยายามของเขาก็ไม่สูญเปล่าเมื่อทางโรงเรียนโทรมาบอกข่าวดีว่าเขาผ่านการพิจารณาและได้งานนี้
“ไม่ทราบว่าคุณเป็นธรรมจะเริ่มสอนได้อาทิตย์ไหนคะ?”
“ผมขอเวลาเตรียมสักอาทิตย์นึงแล้วอาทิตย์ต่อไปผมก็เริ่มงานได้เลยครับ”
เป็นธรรมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เริ่มงานเป็นคนสอนศิลปะแม้จะเป็นแค่ผู้ช่วยก็เถอะแต่อย่างน้อยเขาก็ได้ทำในสิ่งที่เขาชอบอีกครั้ง ชีวิตของเขาวนเวียนกับการทำงานจนลืมคิดถึงเรื่องอื่นๆ ไปเสียหมดจนเขาลืมไปแล้วว่าเขายังมีอะไรบางอย่างที่ยังไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย
“ขอบใจมากนะแจงที่มาส่งเรากับแม่”
“ไม่เป็นไรแค่นี้เองอีกอย่างงานนี้เราก็ต้องไปอยู่แล้วดีซะอีกถือว่ามีคนไปเป็นเพื่อน”
วันงานเปิดห้างใหม่ของเพื่อนโชคดีที่แจงก็ได้เชิญให้ไปงานร่วมด้วยไม่อย่างนั้นเขาคงได้แค่เพียงยืนยิ้มและวางตัวไม่ถูกอยู่ในงานตอนงานเลิกแจงอาสาขอเป็นคนมาส่งแน่นอนว่าเขาปฎิเสธเพราะบ้านเขากับบ้านแจงมันคนละทางกันแต่พอแจงอ้างถึงแม่ของเขาว่าจะให้เดินทางยังไงและแถมยังดึกแล้วอีกต่างหากเขาเลยยอมให้แจงเป็นคนมาส่ง
“แน่ใจนะว่าขับรถกลับไว้ เราเตรียมห้องให้ได้นะ”
“โอ๊ย เรื่องเล็ก งั้นแจงลานะคะคุณป้า ไปนะคุน”
“ถึงแล้วโทรมาบอกด้วย”
“จร้า”
เป็นธรรมยืนส่งแจงจนรถออกตัวไปไกลบ้านเขาถึงได้หันไขประตูแต่แล้วเสียงมอเตอร์ไซค์พุ่งตรงมาทางหน้าบ้านก็ทำให้เขาหยุดชะงัก
“ขี้โกงเหรอไงมึงยืมแล้วไม่คืน”
“ผมบอกไปแล้วว่าผมมีเท่านั้นถ้าคุณต้องการเพิ่มผมก็ไม่มีให้คุณ”
“ไม่สนยังไงก็ต้องเอามาตามที่สัญญาเอาไว้”
สองคนนั้นเดินตรงมาที่เขากับแม่ยืนอยู่เขาดันให้แม่เข้าไปในรั้วบ้านก่อนที่เขากำลังจะเข้าตามไปแต่โชคร้ายที่เขาก้าวช้าทำให้โดนกระชากมาจากด้านหลังเขาใช่เสี้ยวนาทีนั้นกระชากประตูปิดเพื่อไม่ให้ใครสามารถเข้าไปในตัวบ้านได้
“แม่ล็อคบ้าน โทรหาตำรวจ”
“ตำรวจเลยรึมึงแบบนี้ก็คงต้องสั่งสอนให้เข้าใจ”
ฝั่งนั้นง้างมือขึ้นสูงเขาเองก็พยายามดิ้นให้หลุดจากคนที่จับตัวของเขาอยู่ในช่วงนั้นเองที่มีแสงไฟสูงจากหน้ารถส่องมาที่พวกเขาคนที่กำลังง้างมืออยู่นั้นตลดมือลงทำเป็นกอดคอเขาเหมือนพวกเรากำลังยืนคุยกันแต่เจ้าของรถคันนั้นก็ไม่ยอมไปไหนยังเดินตรงมาที่พวกเรายืนอยู่
“ทำอะไรกันนะ?”
TBC