(ต่อ)
บรรยากาศตอนสายซึ่งแสงแดดส่องลงมาหลังจากที่ฝนหยุดตกในช่วงเช้า ขณะผมกำลังเร่งฝีเท้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังคณะนิเทศศาสตร์ เพราะก่อนหน้านี้ดันไปตบปากรับคำกับไอ้หนึ่งว่าจะมาถ่ายโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์งานกิจกรรมของมหาวิทยาลัย หวังว่าจะไม่เจอเด็กนั่นหรอกนะยิ่งได้ยินเมื่อเช้าว่ามันจะมาช่วยงานรุ่นพี่มัน ภาวนาว่าคงไม่ใช่งานเดียวกันไม่งั้นผมเองก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงถ้าต้องทำงานด้วยกัน เฮ้ย ภาวนาว่าอย่าเพิ่งเจอกันเลยเพราะผมไม่อยากให้หัวใจตัวเองต้องทำงานหนักกว่านี้เลย ให้ตายเถอะ
“ เฮ้ยปาย”
“ ไงมึง”
“ นึกว่ามึงไม่มาซะแล้ว”
ไอ้หนึ่งแซวขำๆ ผมเลยได้แต่ยิ้มตอบก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆสตูดิโอซึ่งเต็มไปด้วยทีมงานมากมาย ผมแอบพิจารณาบริเวณที่ช่างกล้องกำลังยืนคุยกันก็ไม่เห็นคนที่คาดไว้เลยแอบถอนหายใจโล่งอก
“ มองอะไร”
“ เปล่านี่”
“ เออๆงั้นเอาชุดไปเปลี่ยนจะได้รีบถ่ายรีบเสร็จ”
“ เออ”
ผมคว้าเอายีนส์เดฟสีดำสนิทกับเสื้อยืดลายสแกนงานกิจกรรมสีชมพูที่ไอ้หนึ่งมันยื่นให้ไปเปลี่ยนในห้องลองเสื้อใกล้ๆ แต่พอกลับมาอีกครั้งดันเห็นไอ้บ้านั่นมาอยู่ในสตูฯตอนไหนก็ไม่รู้ ผมถอนหายใจแล้วพยายามทำเหมือนไม่เห็นมันแต่ก็ช่างบังเอิญขณะที่มันกำลังเช็ตกล้องอยู่หน้าฉาก พอดีมันเงยหน้าขึ้นมาแล้วปรายตามองมาทางนี้วินาทีที่เราสบตากันไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรงขนาดนี้ ยิ่งตอนที่มันกระตุกยิ้มมุมปากพร้อมกับยักคิ้วให้แบบนั้น
ผมรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนผ่าวยิ่งนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ด้วยแล้ว
“ ปาย”
“ หืม”
“ ยืนมองอะไรวะ”
ไอ้หนึ่งสะกิดไหล่ผมเบาๆ จนต้องรีบส่ายหัวปฏิเสธ
“ ถ้าไม่มีอะไรแล้วมึงไปยืนในฉากเลย”
มันชี้นิ้วไปที่ฉากหลังสีขาวมีอุปกรณ์กีฬาจัดอยู่ตามมุมต่างๆ เป็นอุปกรณ์ประกอบฉากจังหวะที่ผมยืนหมุนซ้ายหมุนขวาหามุมให้ตัวเองก็รู้สึกถึงฝ่ามือของใครบางคนสะกิดหัวไหล่เบาๆ
“ หมอ”
เด็กยิมยืนยิ้มแป้นอยู่ตรงหน้า “ ไม่เห็นบอกผมเลยว่าหมอก็ต้องมาถ่ายแบบงานนี้ด้วย”
“ มึงยังไม่บอกเลยนี่ว่ามาที่นี่”
ผมสวนกลับไปอย่างไม่จริงจังนักขณะที่มันเองก็แค่ยักไหล่ขำๆ
“ งั้นเราก็เจ๊ากัน” มันพูดยิ้มๆ “ และต่อไปนี้ถ้าผมมีอะไรผมจะพูดจะบอกกับหมอทุกอย่าง”
“ ไม่จำเป็น”
“ จำเป็นครับ”
ผมเลิกคิ้วมองมัน “ จำเป็นอะไร”
“ จำเป็นต้องน่ารักขนาดนี้มั้ยครับหมอ” มันก้มลงมากระซิบข้างหู เสียงทุ้มที่ดังออกมาอย่างแผ่วเบาทำเอาหน้าผมร้อนวูบวาบไปหมด
ถึงจะโมโหมันมากแค่ไหนผมก็ได้แต่กำหมัดนิ่งมองมันขยิบตาให้ด้วยท่าทางกวนๆ และหลังจากนั้นไม่นานไอ้หนึ่งก็เข้ามากำกับการโพสท่าของผม โดยมีไอ้เด็กข้างห้องเป็นคนกดชัตเตอร์การถ่ายแบบครั้งนี้เพื่อจะเอาไปใช้โปรโมทงานกีฬากระชับสัมพันธ์ระหว่างคณะต่างๆ ได้ยินจากไอ้หนึ่งว่ามันไปขอความร่วมมือให้คิวท์บอยของแต่ละคณะมาถ่ายแบบเพื่อโปรโมทกิจกรรมด้วย
“ ถอดเสื้อได้ป่ะปาย”
“ อืม”
หลังจากพยักหน้ารับแล้วบรรดาช่างแต่งตัวก็มารุมทึ้งผมแทบจะทันที รู้ตัวอีกทีก็อยู่ในสภาพเปลือยท่อนบนเรียบร้อยแล้วยังดีว่ายีนส์เดฟสีดำยังแนบสนิทอยู่กับท่อนขา พอกลุ่มคนเหล่านั้นแต่งตัวให้ผมจนพอใจแล้วก็พากันไปยืนทำหน้ากระลิ้มกระเหรี่ยอยู่ด้านข้างพาให้นายกสโมสรคณะนิเทศฯอย่างไอ้หนึ่งกลั้วหัวเราะอย่างขบขัน
ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆเมื่อเห็นสายตาของสาวแท้สาวเทียมโฟกัสอยู่ที่หน้าอกเปลือยเปล่าของผม จึงได้แต่ทำเนียนคว้าเอาอุปกรณ์ประกอบฉากอย่างพวกลูกบอลมาถือเอาไว้แก้เก้อ ผมคงจะไม่รู้สึกหน้าร้อนไปมากกว่านี้ถ้าไม่บังเอิญเหลือบตามองไปยังเพื่อนข้างห้องซึ่งพ่วงตำแหน่งช่างถ่ายภาพด้วย ไอ้ยิมกระตุกยิ้มมุมปากดูเครียดๆซ้ำแววตาที่มันมองผมยังชวนเสียวสันหลังแปลกๆ
กว่าจะถ่ายเสร็จก็กินเวลาไปนานเล่าเอาผมยืนเปลือยหน้าอกล่อตาคนมองตั้งนานสองนาน พอได้ยินไอ้หนึ่งบอกว่าเสร็จงานแล้วผมเลยรีบคว้าเอาเสื้อมุ่งไปยังห้องน้ำทันที จริงๆผมไม่ได้รู้สึกเขินอายอะไรหรอกเพราะการเปลือยท่อนบนสำหรับผู้ชายเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่สายตาที่มองทะลุผ่านเลนส์ของตากล้องข้างห้องนี่สิทำเอาผมรู้สึกร้อนๆหวานๆยังไงไม่รู้ พอเสร็จผมเลยรีบชิ่งไปห้องน้ำทันที
[ยิม]
“ ขอตัวแป๊บนึงนะพี่”
“ ไปไหนวะ”
พี่หนึ่งหันมาถามผมสีหน้ากรุ้มกริ่มเหมือนรู้ว่าผมจะไปไหน
“ ไปจับหมอครับ”
“ ไอ้ห่ามึงกูตรงไป” รุ่นพี่ผมหัวเราะ “ ไปเถอะ กูจะไม่บอกใครหรอกว่ามึงไปจับหมอในห้องน้ำกับไอ้ปาย”
พี่หนึ่งยักคิ้วทำหน้ารู้ทัน
“ พี่รู้”
“ก็พอจะเดาได้” พี่แกยักไหล่ “จับไอ้หมอปายนี่จับยากหน่อยนะ”
“ ครับผมรู้”
“ แต่ไม่ยากเกินความสามารถมึงหรอก”
ผมหัวเราะร่วนก่อนจะเดินตามเป้าหมายไปในห้องน้ำ เปิดเข้าไปทันได้เห็นหมอปายกำลังสวมเสื้อพอดีผมเลยพิงสะโพกกับอ่างล้างมือมองเพลินๆ หมอเลิ้กคิ้วมองผมก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำตรงไปยังล็อกเกอร์เก็บของด้านหลังสตูดิโอถ่ายภาพหลังคณะ
“ มีอะไร”
หมอหันมาทำหน้ายักษ์ใส่ผม
“ หมอนี่หุ่นดีนะครับ” ผมตอบยิ้ม “ ผมเพิ่งรู้ว่า...”
“ หยุด”
หมอชี้นิ้วใส่ผม
“ ผมหวงนะครับ หมอเล่นโชว์หุ่นแบบนี้ผมก็แย่สิ”
“ อะไรของมึง”
ผมไม่ตอบแต่เดินเข้าไปใกล้หมอมากขึ้น จนอีกฝ่ายก้าวถอยหลังขณะที่ผมกำลังย่ามใจหมอก็หยุดนิ่งก่อนจะยืนพิงผนังมองผมนิ่ง “ มึงจะทำอะไร”
ผมยื่นมือข้างหนึ่งไปดันกำแพงที่หมอยืนพิง ทำให้เราสองคนต้องอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ใบหน้าของเราอยู่ในระดับเดียวกันในขณะที่ผมเหมือนจะคร่อมตัวอีกฝ่าย แต่หมอก็ไม่ได้แสดงท่าทางหวาดหวั่นแค่กอดอกเลิกคิ้วเป็นเชิงท้าทาย
“ หมอ”
ผมพึมพำข้างหูอีกฝ่าย “ เมื่อไหร่จะใจอ่อนกับผมสักทีครับ ผมจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดเวลาหวงหมอแบบนี้”
ผมเกลี่ยปลายนิ้วไปตามใบหน้าอีกฝ่าย หมอแค่กระตุกยิ้มมุมปาก
“ ถ้ากูไม่ใจอ่อนล่ะ”
“ เจ็บเลย” ผมทำเสียงคล้ายกำลังงอนอีกฝ่าย “ ผมเจ็บแบบนี้หมอไม่สนใจเป็นหมอเจ้าของไข้ผมหน่อยเหรอครับ”
หมอหรี่ตามองตามมือของผมที่กุมหัวใจตัวเองแล้วมองนิ่งๆ
“ ก็ดูไม่เป็นอะไรมากนี่ ดูแลตัวเองได้อยู่มั้ง”
“ หมออ่ะ”
ผมถอนหายใจเมื่อหมอทำไม่รู้ไม่ชี้ดูไม่เข้าใจความนัยของประโยคนี้ ผมเลยโน้มใบหน้าไปใกล้จนปลายจมูกเราชนกัน
“ คำขอให้หมอเป็นเจ้าของไข้ หมายถึงผมขอหมอเป็นแฟนอยู่นะครับ”
“ อ้าวเหรอ” หมอกลั้วหัวเราะ “ นี่กูเข้าใจผิดมาตั้งนานเหรอเนี่ย”
ผมหรี่ตามองคนที่ทำเนียนไม่เข้าใจอะไรเลย ทั้งๆที่ผมเคยพูดประโยคนี้กับหมอแล้วครั้งหนึ่ง และเป็นหมอเองที่ดูจะเข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดีวันนั้น
“ หมอ”
คราวนี้ผมโน้มใบหน้าจนหน้าผากเราชิดกัน “ ทำไมหมอถึงเจ้าเล่ห์แบบนี้ครับ”
“มึงพูดอะไรกูไม่รู้เรื่อง”
“ หมอใจร้าย”
ผมยิ้มอ่อนตอนที่หมอดีดหน้าผากผมเบาๆ ตอนนี้เราเหมือนเล่นเกมจ้องตากันอยู่ เชื่อมั้ยว่ายิ่งจ้องยิ่งทำให้ยากจะละสายตา
“ ยิม”
เป็นครั้งแรกที่หมอเรียกชื่อผมได้อ่อนโยนขนาดนี้ และยิ่งมองเข้าไปในแววตาคู่นี้ผมก็แอบเข้าข้างตัวเองว่าเราคงจะรู้สึกไม่ต่างกัน
...รู้สึกว่าหัวใจของเราเต้นไปพร้อมๆกัน...
“ ครับ”
“ ถ้ากูอยากให้มึงพูดว่าตอนนี้มึงรู้สึกอะไรอยู่ มึงพอจะบอกได้มั้ย”
ผมยิ้มกว้างเลื่อนไปกุมข้อมือหมอเอาไว้
“ ตอนนี้ในหัวผมมีคำพูดเป็นล้าน มีหลายอย่างที่อยากจะบอกออกไป แต่เอาเข้าจริงๆกลับนึกแทบไม่ออก” ผมหัวเราะอย่างขำๆก่อนจะสบตากับหมอตรงๆ “ ผมรู้แค่ว่าผมกำลังขอโอกาส ขอดูแลหมอ เป็นแฟนผมนะหมอปาย”
“ แล้วไงต่อ”
หมอกอดอกยิ้ม
ผมส่ายหัว “ ผมอยากมีแฟนเรียนหมอครับ”
.
.
หมอหัวเราะ ก่อนจะผลักให้ผมถอยห่างแล้วหันหลังเดินไปทำเอาผมใจแทบร่วง แต่ขณะที่ผมกำลังจะก้าวตามคนข้างหน้าหยุดชะงักแล้วพูดเสียงแผ่วเบาว่า
“ อืม กูก็อยากมีแฟนเรียนนิเทศฯเหมือนกัน”เอาแหล่วววววว เมื่อพี่หมออยากมีแฟนเรียนนิเทศฯ
ฮืออออ หมอนน้องขาดแล้วค่ะทูลหัว ถถถถถ
#หนึ่งความคิดเห็นคือหนึ่งกำลังใจนะคะ
#เจอกันตอนหน้าเราขอเตือนว่าเตรียมหมอนไว้จิกด้วย ฮ่าๆๆๆๆๆ