ตอนที่ 9 ความจริงที่อยากบอก
หลังจากที่ผมวางสายจากน้อง ผมก็รีบเก็บเอกสารทั้งหมดที่ยังไม่เสร็จ แล้วหอบมาที่รถ แล้วตัดสินใจบึ่งรถไปมหา’ลัยทันที ก่อนจะถึงที่หมาย ผมเหลือบไปเห็นร้ายขายยา ผมจอดแวะ
‘ขออุปกรณ์ทำแผลบาดเจ็บมา1ชุดครับ’
เภสัชประจำร้านก็จัดการให้ผมจนเสร็จสรรพ แล้วผมก็มาจอดรถรอน้องที่หน้าคณะ
‘น้องพอครับ พี่ถึงแล้วครับ รอด้านหน้านะครับ’
‘ครับๆ เดี๋ยวผมออกไปนะครับ เก็บของกับเพื่อนใกล้เสร็จแล้ว’
หลังจากรอน้องอยู่บนรถสักพักน้องก็เดินมาท่าทางชีลๆเหมือนไม่มีมีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่หน้าตาก็ยับเยินขนาดนั้น
‘มาแล้วครับ’ แหน่ะ ยังมีอารมณ์มายิ้มอีก
‘ไหน เอาหน้ามาดูสิ’ ผมเอื้อมมือไปจับคางน้องให้หันมาเบาๆ
‘เป็นไงครับ สวยไหม’
‘สวยอะไรละครับ เจ็บมากไหม’
‘ไม่เจ็บครับ’ ยังจะมาทำหน้าแป้นแล้น
‘พี่ซื้อยาทำแผลมาให้ครับ ’ ผมเอื้อมมือไปหยิบถุงยาด้านหลังมาให้น้องถือ
‘อ่า ขอบคุณครับ จริงๆแล้ว’
‘พอๆ ไม่ต้องพูดมากเลยเรา รู้น่าว่าเจ็บ หรือจะไปโรงพยาบาลครับ’
‘ไม่ๆ ไม่ไปโรงบาลครับ’
‘งั้นก็เปิดกระจกด้านบน แล้วหยิบยามาทาได้แล้วครับ’
‘พี่ไม่ทำให้หรอครับ’ น้องหันหน้ามาถามผม
‘พี่มือหนัก กลัวน้องเจ็บ’
‘น่ารักวะคนเรา’ น้องเอื้อมมือมาบิดแก้มผม
‘เด็กดื้อเอ้ย ทำอะไรไม่ระมัดระวังตัว หน้าเยินแบบนี้จะรับงานได้ไหมเนี่ย’
‘รับได้ตามปกติครับ แค่ล้างหน้าออกก็หายแล้ว’ ว้อทท ครับน้อง
‘ยังไงนะ ?’
‘แค่ล้างหน้าก็ออกแล้วครับ’ ok ผมพอจะรู้อะไรแล้ว เห้อ เจ้าเด็กบ้า
‘พี่คุณ…’
‘อย่าเพิ่งครับ ให้พี่ปรับอารมย์ตัวเองสักพัก’
‘ครับ’ เสียงนี่หงอยเลย เด็กดื้อเอ้ย
ที่ขอเวลาปรับอารมณ์ก็เพราะว่ากังวล กลัวจะเป็นอะไรไป เมื่อกี้เกือบพาไปโรงบาลต่อด้วยโงพักแล้วนะ ว่าจะไปแจ้งความด้วยซ้ำ ถ้าน้องไม่บอกว่า แค่ล้างหน้าก็ออกแล้ว
‘น้องพอครับ พี่ขอความจริงครับ’ หลังจากอารมณ์ทุกอย่างกลับมาผมก็เริ่มเปิดปากก่อน กลัวเด้กเครียด
‘ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว คือ แต่งหน้าถ่ายงานกลุ่มครับ นี่ๆ รูปที่ถ่ายงาน ส่งอาจารย์ไปแล้ว’
น้องยื่นรูปในมือถือมาให้ผมดู อืม ทำไมมันดูเศร้าๆ แล้วน้ำตาหยดนั้นอีก
‘คนแต่งนี่เก่งเนาะ หลอกพี่ได้ หึ’
‘จีจี้ เพื่อนในกลุ่มผมเอง เขาเก่งมาก ตอนแรกจะให้ถอดเสื้อด้วย แต่…’
‘แต่อะไรครับ’
‘มันมีรอยที่พี่ทำไว้เต็มตัวผมเลย ผมอายวะ’
‘พี่ขอโทษครับ’ ผมหันหน้ามายิ้มให้น้อง หึ
‘หน้าพี่ไม่ได้บ่งบอกว่ารู้สึกผิดเลยอะ’
‘ฮ่าๆ หายกันนะ เรื่องที่ทำพี่ตกใจวันนี้’
‘ต่อไปพี่ห้ามทำรอยอีกนะ ขอร้องนะครับ’
‘ครับสัญญา ถ้าไม่เชื่อ คืนนี้พี่จะพิสูจน์ให้ดูเลย’
ตอนนี้ผมมาถึงคอนโดแล้วครับ ผมจัดการวางของทั้งหมดแล้วรีบพาน้องเข้าห้องน้ำ ผมจับน้องไปนั่งบนขอบซิ้งค์ล้างหน้าแล้วหยิบทิชชู่กับคลีนซิ่งที่น้องลงไปซื้อมาจากร้านขายยาข้างคอนโด
‘พี่ต้องเช็ดกี่รอบครับ’
‘ให้ผมทำเองก็ได้นะครับ’
‘ไม่เป็นไรครับ ให้แฟนคนนี้ทำให้นะครับ’
ผมจัดการเช็ดหน้าน้องจนสะอาดหมดจด ไร้รอยเครื่องสำอางบนใบหน้า
‘ขอบคุณนะครับ’ จู่ๆเด็กดื้อก็โน้บลงมาจุ๊บปากผม
‘แค่นี้เองหรอครับ’ โคร่ก.ก
‘พี่คุณ…ผมหิว’ โอเค ต้องพาเด็กไปหาอะไรกินเสียแล้วสิ
ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในร้านติ่มซำเจ้าดัง ซึ่งคนตรงข้ามบอกว่าอยากกินเป็นมื้อเย็น พอผมพามาที่ร้าน เจ้าตัวก็เลือกเมนูต่ำซำมาหลากหลายรายการ ทั้งขนมจีบ กุ้ง ปู
‘ถ้ากินไม่หมด ต้องไปล้างจานหลังร้านนะครับ’
‘พี่จะให้ผมไปล้างจานคนเดียวจริงๆหรอครับ’
‘ถ้าอยากให้พี่จ่ายให้ ต้องป้อนครับ’
‘อะ มา อ้าปากครับ อ้าปาก’ น้องคีบขนมจีบปูมาที่ปากผม ผมอ้าปากรับทันที
‘เป็นไง ผมคนจริงครับ คำไหนคำนั้นนะครับ’
‘แค่นี้พี่เลี้ยงได้ครับ ทั้งชีวิตยังได้เลย’ จู่ๆน้องกับคีบขนมจีบปูอีกชิ้นมายัดปากผม
ผมนั่งอ่านเอกสารที่ค้างคามาจากออฟฟิต เพราะมีเรื่องตกใจให้หอบงานออกมาทำต่อที่ห้อง ผมต้องรีบเคลียร์งานจากลูกค้าในไทย เพื่อจะใช้เวลากับลูกค้าต่างประเทศรายใหม่ล่าสุดจากฮ่องกง
‘พี่คุณครับ วันนี้ทำงานถึงดึกใช่ไหมครับ’ น้องถามขณะเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ
‘ครับ คงดึกเลย ถ้าน้องง่วง ก็เข้านอนก่อนเลยก็ได้ครับ’
‘วันนี้ผมจะนั่งทำงานกับพี่ครับ มีรายงานนิดหน่อย ผมขอยืมโน้ตบุ๊คพี่ได้ไหมครับ ของผมอยู่ที่คอนโดอะ’
‘ได้ครับ วันนี้พี่ไม่ได้ใช้พอดี มีแต่เอกสาร’
‘ขอบคุณครับ’
น้องกางโน็ตบุ๊คออกมาวางข้างๆที่ผมนั่งอยู่ แล้วหยิบหนังสือขึ้นมาวางประกอบกันด้านข้าง น้องในมุมนี้ผมไม่เคยเห็น ตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์งาน บางครั้งก็ต้องคุยกับเพื่อนถึงงานที่ทำอยู่ บ้างก็โวยวายกัน ผมก็ได้แต่ขำเงียบๆอยู่ข้างๆ ถ้าให้ผมเดา แก๊งนี้คงวุ่นวายน่าดู เพราะเสียงแต่ละคนเจี๊ยวจ๊าวเชียวแหละ
‘น้องพอครับ’ ผมเรียกน้องเพราะทนเห็นเส้นผมมันเริ่มบังตาน้อง สงสารว่าจะรำคาญ จึงหยิบหนังยางที่วางอยู่แถวๆนั้นมามัดเป็นจุกน้ำพุให้
‘อ่า ขอบคุณครับ’ แหน่ะ หน้าแดงซะด้วย
‘หน้าแดงเลยนะครับ’ ผมจุ๊บเหม่งน้องเข้า
จากนั้นเราก็นั่งทำงานของใครของมันข้างๆกันจนเกือบจะเที่ยงคืน ผมหันไปมองน้องที่นั่งอยู่ข้างๆ ตาเริ่มปรือแล้ว แต่มือยังพิมพ์ต่อได้อยู่ อืม ฝืนเกินไปหรือเปล่าครับเด็กน้อย
‘น้องพอครับ ง่วงแล้วก็ไปนอนครับ’ ผมสะกิตบอกน้องไป
‘พี่ยังไม่ง่วง ผมก็ยังไม่ง่วงครับ’
‘ไม่เห็นเกี่ยวอะไรเลยครับ น้องง่วงก็ต้องไปนอนครับ’
‘ไปนอนครับ อย่าดื้อครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปเรียนอีก’
‘พี่อย่าดุ…’ เสียงผมดุไปหรอ งงเลย
‘พี่ขอโทษครับ ปะๆ ไปนอน เดี๋ยวพี่นอนด้วยเลย’
‘แต่งานพี่ยังไม่เสร็จนะครับ’
‘งานก็ส่วนงาน พี่แค่อยากเร่งให้มีเวลาว่างเท่านั้นแหละ’
‘พี่….’ เจ้าตัวเริ่มงอแง
‘พี่เป็นเจ้าของบริษัท จะทำตอนไหนก็ได้ครับ เผื่อน้องลืมอะไรไป’
ผมจัดการเซฟงานแล้วปิดโน็ตบุ๊คเสียให้เรียบร้อยแล้วพาน้องไปนอน จัดการปิดไฟให้เรียบร้อยเหลือแต่โคมไฟไว้
‘พี่คุณ ผมขอโทษนะครับ ที่งอแงเป็นเด็กเลย’
‘เป็นเด็กก็ต้องงอแงนั่นแหละ ถูกแล้ว’ ผมจับปากน้องให้มันยู่เข้ามา แล้วจูบลงไป
‘อื้อ พี่…’
‘แค่นี้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะดึกกว่านี้ หึ’
หลังจากที่น้องหลับไปแล้ว ผมก็ค่อยๆหยิบเอกสารออกมา แล้วจัดการมันตรงโซฟาด้านนอกหน้าทีวี นั่งทำไปทำมาก็เกือบตี2กว่า ผมคิดว่าถ้าทำห้องทำงานแยกออกมาจากห้องนอนคงจะดี ห้องผมมีห้องนอน2ห้อง 1ห้องใหญ่ 1ห้องเล็ก ตอนนี้ที่ใช้งานจริงๆก็มีแต่ห้องใหญ่ ส่วนห้องเล็กปล่อยไว้ว่างเปล่า หลังจากกลับจากฮ่องกงค่อยให้ช่างมาย้ายของดีกว่า
ผมตื่น6โมงเช้า ซึ่งต้องตื่นไปทำงานเป็นปกติ ในอ้อมกอดผมตอนนี้มีเด็กคนนึงที่หัวฟูได้ที่ กำลังนอนหลับอยู่ หึ เด็กอะไร เข้านอนก่อน ตื่นทีหลัง น่าจับตีเสียจริงๆ
‘อื้ออ พี่..’
‘อรุณสวัสดิ์ครับ’
‘เช่นกันครับ’
‘พี่ไปอาบน้ำก่อนนะครับ’
หลังจากนั้นผมก็ขับรถมาส่งน้องที่มหา’ลัยอีก1วัน เพราะงานที่ค้างเสร็จตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ
‘พี่คุณครับ ผมนั่งมาสักพักแล้วว่า’ ผมไม่พูดอะไร รอให้น้องพูดต่อ
‘วันพรุ่งนี้ พี่ชวนที่บ้านมาร่วมงานด้วยก็ได้นะครับ’
‘หึหึ อยากเจอพ่อกับแม่พี่หรอครับ’
‘………..’ น้องไม่ตอบอะไร สงสัยคิดคำตอบไม่ทัน
‘หึ พี่จะลองชวนนะครับ ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่รวมถึงน้องเมย์จะว่างหรือเปล่า’
‘ผมก็ว่า…จะชวนแม่มาเหมือนกันครับ’ หืม
‘ดีเลยครับ พี่จะได้ขอพาน้องไปเที่ยวได้สะดวก’
‘ถ้าแม่ถามว่าเป็นใคร ทำไมถึงมาชวน แฟนก็ไม่ใช่’
‘น้องพอครับ ฟังพี่นะครับ น้องเป็นแฟนพี่ตั้งแต่เป็นเมียพี่แล้วครับ’ พูดจบน้องก็หน้าแดง หูแดงไปหมด
ตั้งแต่เช้าที่ผมลงจากรถพี่เข้ามาเรียน ผมนั่งยิ้มเหมือนคนบ้าเลยครับ ไม่คิดว่าพี่จะพูดว่าแฟนออกมา แถมยังพูดคำว่า… ยึ่ย แค่คิดก็ขนลุกแล้วอะ
‘อีพอ เมิงเป็นไรเนี่ย ยิ้มทั้งวัน อิห่า กุกลัว’ จีจี้สกิตไหล่ผมและกระซิบถามระหว่างเรียน
‘เมิง กูมีแฟนแล้วนะ’
‘ห๊ะ ยังไงวะ อีกรอบสิ’
‘มีแฟนแล้ว พี่เขาบอกกูว่ากูเป็นแฟนเขา’
'ทำไมวะ’
‘เอ้า ก็เมื่อวานเมิงบอกว่าคนอย่างเขาจะไม่มีทางบอกว่าเราเป็นแฟนเขา นอกจากเราเองที่จะขอเอง’
‘อ่า ยังไงต่อ’
‘เมื่อเช้ากูเลยถามว่า เป็นอะไรกัน’
‘เขาบอกว่าเป็นแฟนกัน เชี้ยเอ้ย นึกถึงทีไร เขินชิบหายเลย’
‘เออ ชิบหายด้วยเหมือนกัน หล่อๆกินกันเองหมด ไม่เหลือตกมาถึงกูเลยจ้า’
‘ฮ่าๆ เมิงอย่าเพิ่งบอกใครนะ กูเขินอยู่วะ’
ผมนั่งยิ้มระหว่างเรียนจนถึงช่วงเย็นๆ ผมบอกพี่ว่าจะเข้าคอนโดตัวเองก่อน ไปเอาของใช้นิดหน่อย เพราะที่ห้องพี่ไม่มีใช้ รวมถึงหอบคอมพ์ของตัวเองมาด้วย แล้วค่อยกลับมาที่ห้องพี่ ผมมาถึงก่อนพี่เล็กน้อย รอเขาจอดรถ แล้วค่อยเดินขึ้นมาพร้อมกัน
‘พรุ่งนี้พร้อมหรือยังครับ’
‘เจ๊ตั้มบอกว่าพร้อมแล้วครับ แล้วเรื่องอาหารของพี่หล่ะครับ เรียบร้อยดีไหม’
‘ทุกอย่างเรียบร้อยครับ เขาจะไปพร้อมๆเราเลย’
‘ตื่นเต้นจังพี่ จะได้เจอเด็กๆ ผมอยากให้เขามีความสุข ผมอยากสร้างฝันให้น้องๆ อยากเป็นแรงบรรดาลใจให้เขาได้ลองทำตามฝันเขา’
‘เขาเลือกเกิดไม่ได้ แต่เขาสามารถเลือกที่จะเดินต่อได้เมื่อเขาเติบโตขึ้น’
‘ถ้าพรุ่งนี้มันผ่านไปด้วยดี ในอนาคตถ้าผมยังอยู่ในวงการนี้อยู่ ก็อยากสร้างฐานแฟนคลับแล้วชวนมาทำบุญกันบ่อยๆ พี่ว่าดีไหม’
‘โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนี่หว่า เด็กคนนั้นที่งอแงก่อนนอนหายไปไหนแล้วครับ’
‘ก็ยังอยู่นี่แหละครับ ไม่ไปไหนหรอก ฮ่าๆ’
ผมตื่นเช้ามาอาบน้ำแต่งตัว พร้อมกับพี่คุณเขาครับ แล้วก็บึ่งรถมาที่บ้านเด็กกำพร้า ซึ่งผมนัดแม่ให้มาเจอที่นี่พร้อมกับเจ๊ตั้มและเพื่อนๆของเขา ส่วนพี่คุณก็นัดพ่อแม่และพี่เมย์น้องสาวเขามาที่นี่ด้วยเช่นกัน
‘น้องพอ เป็นไงบ้างลูก เรียนหนักไหมคะ ขอแม่กอดหน่อยสิ เจ้าแสบ’ แม่เดินลงมาจากรถแล้วเข้ามากอดผมเข้า
‘แม่ครับ ไม่แสบแล้วครับ ช่วงนี้เป็นเด็กดีแล้ว ฮ่าๆ’
‘แล้วนี่มากับใครกันคะ หล่อเชียวพ่อหนุ่ม’ แม่หันไปมองอีกคนที่เดินมายืนข้างผม
‘นี่ พี่คุณครับแม่ คนที่ประมูลภาพผมไปหนึ่งแสนครับ’ ผมแนะนำพี่คุณให้แม่รู้
‘อุ้ย หล่อแล้วยังใจดีนะคะลุก มีแฟนหรือยังคะ ถ้าว่างอยู่ก้เอาลูกแม่ไปเลี้ยงได้นะคะ แต่ก็จะดื้อหน่อยๆ’
‘ฮ่าๆ ขอบคุณนะครับคุณแม่’ พี่คุณก้มไหว้แม่ที่ไม่รู้เลยว่า คนที่ไหว้แม่อยู่ตอนนี้เค้าเป็นแฟนผม
ใช้เวลาพูดกันอยู่ไม่นาน ครอบครัวพี่คุณก็เดินลงจากรถมา พ่อแม่พี่คุณหล่อสวยในวัยขนาดเลยหรอเนี่ย ส่วนพี่เมย์ก็ยังสวยเหมือนเดิมจากที่เคยเจอกันตอนงานมีตติ้ง เธอถือกล้องมาด้วยครับ คงจะเก็บวันนี้นี่แหละมั้ง
‘น้องพอออออออ งื้อ ไม่เจอกันนาน ยังหล่อเหมือนเดิมเลย’ พี่เมย์กึ่งวิ่งกึ่งเดินมาทางผม
‘สวัสดีครับพี่เมย์ ดีใจที่ได้เจอกันวันนี้นะครับ’
‘ยัยเมย์ เก็บอาการหน่อยลูก อายคนเขาบ้าง’ แม่พี่คุณเอ็ดพี่เมย์เบาๆ
‘เอ่อ สวัสดีครับ คุณลุงคุณป้า’ ผมยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ทันทีที่ท่านเดินมาถึง
‘เรียกพ่อกับแม่เถอะน้องพอ ’ ท่านใจดีจังครับ แต่ก็แอบตื่นเต้นเหมือนกัน
‘คุณพ่อคุณแม่ครับ นี่แม่ผมครับ’ ผมแนะนำแม่ผมให้รู้จักพ่อแม่ของพี่คุณ
หลังจากนั้นผู้ใหญ่ทั้งหลายก็พูดคุยกันในหลายๆเรื่อง จนไม่รู้ว่าไปแอบสนิทกันมาก่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้ แม่ผมชอบสะสมเครื่องเพชรเครื่องพลอย ดันมาเจอกันคนขายเพชรขายพลอย งานนี้ต้องมีใครสักคนล้มละลายแน่นอนละครับ
‘คุณพี่คะ ร้านคุณพี่อยู่ตรงไหนคะ น้องอยากไปอุดหนุน’ แม่ผมถามแม่พี่คุณ
‘เดี๋ยวเราแลกเบอร์กันแล้วนัดกันไปดีกว่า คุณพี่มีหลายอย่างที่แนะนำเหมือนกัน’
ก็อย่างที่เห็นแหละครับ สนิทกันจนถึงแลกเบอร์โทรกันแล้วครับ อีกหน่อยคงเป็นสมาคมแม่บ้านกันแล้วสินะครับ
‘น้องพอคะ มาคะ เรามาถ่ายรูปกันเถอะ’
พี่เมย์เรียกให้ผมมาถ่ายรูปรวมกับน้องๆ ที่มานั่งเล่นกับเรารอมื้ออาหารที่เราเตรียมมาอยู่ มีเด็กหลายคนที่น่ารัก พูดเพราะ แต่ก็มีบางคนที่ค่อนข้างดื้อ ผมก็ไม่ซีเรียสอะไร เพราะผมเองก็ดื้อเหมือนกัน มาลองวัดกันสักตั้งว่าใครจะดื้อกว่ากัน ฮ่าๆ
พี่เมย์จัดการถ่ายรูปไปหลายมุม จนผมเก็กไม่ถูกแล้ว ส่วนพี่คุณก็ไปนั่งหลบอยู่มุมกับน้องผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนนึง ที่กำลังนั่งตักพี่คุณอยู่ ผมชี้มือให้พี่เมย์ดูภาพตรงหน้า เธอจึงจัดการถ่ายรูปนั้นไป
‘อบอุ่นจังเลย พี่ชายใครเนี่ย’ พี่เมย์ส่งรูปในกล้องให้ผมดู
‘อบอุ่นจริงด้วยครับ’ อืม ในอนาคตพี่คุณอยากจะมีลุกไหมนะ ถ้าเราคบกันต่อไป…ผมไม่สามารถมีให้เขาได้ด้วยสิ
‘น้องพอคะ น้องพอ’
‘ครับๆ ว่าไงนะครับ’ ผมเหม่อไปหรอนี่
‘พี่จะบอกว่า อาหารพร้อมแล้ว เรียกเด็กไปต่อแถวดีกว่าคะ’
ผมลุกขึ้นแล้วเรียกเด็กๆที่นั่งรออยู่ตรงนั้นให้มาต่อแถวที่ลานด้านหน้าบ้านที่เรานั่งอยู่ ผมทำหน้าที่ตักข้าวให้ ส่วนพี่เมย์และแม่ช่วยกันตักกับให้เด็กๆ เด็กๆที่นี่ถูกสอนมาอย่างดี เมื่อได้รับของจากผู้ใหญ่ต้องไหว้ทุกครั้งที่จะทำได้ เรื่องนี้ต้องยกเครดิตให้แม่ครูที่นี่นะครับ ที่สั่งสอนเด็กให้น่ารักแบบนี้
ที่นี่มีเด็กโตอยู่สองสามคน เป็นพี่คอยดูแลน้องๆ ที่กำลังเติบโตขึ้นมา น้องเล่าให้ฟังว่า เมื่อทุกคนที่นี่โตขึ้นก็ต่างกราบลาแม่ครุออกไปตามฝันกันเอง นานๆจะกลับมาเยี่ยมบ้าง บางคนก็ได้ดีไป แต่บางคนโชคร้ายหน่อยก็…นั่นแหละครับ
‘ทานให้อร่อยนะคะเด็กๆ ทานเสร็จก็มารับเค้กได้เลยคนละชิ้น’
วันนี้เจ๊ตั้มและเพื่อนๆเขาพากันเอาเค้กมากันหลายปอนด์ มาตัดแบ่งตามจำนวนเด็กๆที่นี่ ใส่จานไว้พร้อมเสิรฟให้เด้กๆ หวังว่าเด็กๆจะมีความสุขนะครับ
ถึงเวลามอบเงินที่ประมูลมาได้ จากที่ได้รวม111,000บาท แม่ผมกับแม่พี่คุณก็บริจาคอีกคนละครึ่ง จนครบ2แสนบาท เงินจำนวนนี้มอบให้แม่ครู ได้นำเอาไปใช้ทำประโยชน์ในบ้านนี้ต่อไป
พวกเราทุกคนรวมถึงเด็กๆในบ้านพร้อมด้วยแม่ครู ออกมายืนอยู่หน้าบ้านแล้วแล้วถ่ายรูปรวมกัน ทุกคนในภาพต่างยิ้มมีความสุขกันทุกคน
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังคุยกัน ผมเดินแยกออกมาเพื่อถ่ายภาพเบื้องหลังที่ผมอยากจะลงในไอจีสตอรี่ ผมกดอัพเดตแล้วยืนเช็คมือถือสักหน่อย ก็มีมือใครสะคนเอื้อมมาเช็ดเหงื่อให้ผม ผมเงยหน้าก็พบว่าเป็นพี่คุณ
‘เหงื่อออกแล้วครับ’
‘ขอบคุณครับ แล้วพี่ละ เหนื่อยไหมครับ’
‘ไม่เหนื่อยครับ เด็กที่นี่น่ารักนะพี่ว่า’
‘พี่อยากเลี้ยงเด็กไหมครับ’
‘ทำไมถามแบบนั้นละครับ’
‘ผมเห็นพี่มีความสุขที่ได้อยู่ใกล้เด็กๆ เผื่อว่าในอนาคต…’
‘น้องพอครับ ฟังพี่ก่อน อย่าเพิ่งกังวลไปว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้พี่มีเรา เรามีพี่ ส่วนวันต่อไปถ้าอยากมีลูก ก็มีอีกหลายวิธีที่จะ
ทำให้เราได้เลี้ยงเด็กนะครับ เข้าใจพี่ไหมครับ’
‘อ่าครับ เข้าใจก็ได้ครับ’ ผมยิ้มให้เขาไป ระหว่างนั้นพี่คุณก็เอามือมายีหัวผม
‘ถ้าเข้าใจแล้ว ก็ไปกันเถอะครับ’ พี่คุณเอื้อมมือมายีผมแล้วพาเดินมาจนถึงที่ทุกคนรวมกลุ่มกันพี่คุณค่อยๆปล่อยมือผมลง
‘น้องพอ วันนี้กลับกับแม่นะคะ ไปทานข้าวกับคุณพ่อแล้วก็พี่เพียงด้วยตอนเย็นด้วย’
หลังจากที่แม่ชวนผมกลับบ้านไปกินข้าวกับคุณพ่อ พวกเราต่างพากันล่ำลา ก็อย่างว่าแหละครับ งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา วันนี้คุณแม่ขับส่วนผมนั่งข้างๆครับ
‘น้องพอคะ มีอะไรอยากบอกคุณแม่ไหมคะ’ เสียงคุณแม่นิ่งมาก
‘ครับ บอกอะไรครับ’ อยู่ดีๆขนก็ลุกขึ้นอย่างแปลกๆ
‘ก่อนจากกัน แม่เห็นพี่คุณเดินเข้าไปจับมือน้องพอ…’
‘เอ่อ แม่ครับ คือ….เรา’
‘เราเป็นแฟนกัน? ใช่ไหมคะ’ คุณแม่ค่อยๆพูดขึ้น
‘อ่า ครับ ตามนั้นเลยครับ’ ผมนั่งก้มหน้าขณะที่มือก็กุมกันอย่างกลัวๆ
‘น้องพอ เงยหน้าก่อนครับ’ คุณแม่จับคางผมให้เงยหน้าขึ้นขณะรถหยุดไฟแดง
‘ครับผม’
‘คุณแม่ไม่ได้หัวโบราณขนาดนั้นนะคนดี แม่เลี้ยงได้แต่ตัวลูกเท่านั้นแหละ ส่วนใจของลูกจะไปรักรักใคร ถ้าเขาคนนั้นดีกับลุก แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แม่ยินดีเสมอ’
‘ครับ คุณแม่ …ไม่โกรธผมใช่ไหมครับ’
‘หนูเป็นลูกแม่ แม่ไม่คิดจะโกรธหนูหรอก จำเอาไว้นะลูก’ ผมเริ่มน้ำตาไหลออกมา เพราะไม่คิดว่าแม่จะเข้าใจเรื่องนี้
‘ขอบคุณครับคุณแม่’
‘ยังไงก็พาพี่เขามาทานข้าวที่บ้านด้วยนะคะ ส่วนคุณพ่อเรา กับพี่เพียง เดี๋ยวแม่ช่วยคุยให้ น่าจะไม่ยากหรอก รายนั้นตามใจเราจะตายไป แต่อาจจะมีหวงบ้างแหละ ฮ่าๆ’
‘ขอบคุณอีกครั้งนะครับ งื้อ น้ำตาไหลไม่หยุดเลยอ่า’
ทางฝั่งผมก็ประมาณนี้แหละครับ ผมนี่โชคดีชะมัดที่แม่เข้าใจ ผมเคยคิดนะว่าถ้าคุณแม่รู้ คุณแม่จะว่าอย่างไงกับเรื่องนี้ เพราะเห็นคุณแม่เฮฮาขนาดนี้ ท่านก็มีมุมที่ซีเรียสเหมือนกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ก็ต้องกราบขอบคุณคุณแม่อีกครั้งที่เข้าใจผมอีกครั้งนะครับ
.......................................................
วันนี้พาน้องมาเจอทุกคนแล้วครับ หวังว่าจะมีความสุขกันนะครับ
เจอกันใหม่ ตอนต่อไป...วันไหนก็ไม่รู้