Chapter 6: เด็กดีไม่เล่นลิ้น
“คุณวี เสาร์อาทิตย์นี้เราไปเที่ยวกันมั้ยครับ”
นั่นเป็นคำพูดแรกที่วีรภัทรได้ยินหลังจากที่อีกฝ่ายขึ้นรถมา วันนี้เป็นวันศุกร์ แต่เทสต์โทรมาบอกเขาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนว่าสามารถใช้เวลากับเขาได้ทั้งวันหยุดสุดสัปดาห์ ถึงแม้จะงานยุ่ง แต่ร่างสูงก็ตอบตกลงให้เด็กหนุ่มมาค้างทันที
แค่ได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้นเพียงเล็กน้อย ก็เหมือนกับได้น้ำทิพย์หล่อเลี้ยงหัวใจ
ขนาดคิดในใจวีรภัทรยังรู้สึกว่ามันเลี่ยน ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่าพวกเขาเพิ่งคบกันได้ไม่นานเท่าไหร่
แค่จะครบสองเดือนในหนึ่งวันสองชั่วโมงยี่สิบเจ็ดนาทีสามสิบห้าวินาทีเท่านั้นเอง
“เที่ยว?” วีรภัทรทวนคำอย่างงุนงง
“ครับ ไปใกล้ๆ ไปเช้าเย็นกลับ หรือค้างซักคืน คุณวีคิดว่าไงครับ?”
ทีมอยากไปให้ไกลๆ อยากไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเขา ที่ที่เขาจะสามารถจับมือเดินคู่กับอีกฝ่ายได้โดยไม่ต้องเหลียวมองด้านหลังตลอดเวลา เขารู้ว่าตัวเองเป็นคนขอให้ชายหนุ่มปิดบังเรื่องของพวกเขา แต่ความอึดอัดนี้เริ่มจะทำให้ทีมประสาทเสีย
“อืม…เธอเอาพาสปอร์ตมามั้ย?”
“ฮะ?” ทีมมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็ถามออกมาแบบนั้น จริงอยู่ที่คนปกติไม่มีใครพกพาสปอร์ตติดตัวหากไม่ได้อยู่ที่ต่างประเทศ แต่ร่างโปร่งชอบพกเอกสารทุกอย่างเดินไปเดินมาในกระเป๋าเป้คู่ใจเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินอยู่แล้ว
“เอามาครับ”
“ดีเลย” วีรภัทรยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นเราไปเที่ยวกัน”
สนามบินนานาชาติชางฮี สาธารณรัฐสิงคโปร์
“เอ่อ....”
ทีมยังคงไม่มั่นใจว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจริง
ทันทีที่เขาบอกว่ามีพาสปอร์ต ร่่างสูงก็ขับรถขึ้นวงแหวนมายังสนามบินนานาชาติ เปิดกระโปรงรถเอากระเป๋าเดินทางออกมา แล้วจูงมือร่างโปร่งเดินไปยังโรงงจอดเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวขนาดเล็กหลังหนึ่งที่อยู่ภายในสนามบินนั้น
รู้ตัวอีกทีร่างโปร่งก็เดินเข้าด่านตรวจคนเข้าเมือง มาโผล่ที่พื้นที่ขายสินค้าปลอดภาษีข้างคนรักเสียแล้ว
“คุณวี นี่มันอะไรกันครับ”
“ก็เธอบอกว่าอยากมาเที่ยว ฉันเลยพามาเที่ยวไง” วีรภัทรขยิบตา ดึงกระเป๋าเป้ที่ทีมสะพายไว้ที่ไหล่ข้างหนึ่งมาสะพายแทนแล้วลากกระเป๋าเดินทางนำร่างโปร่งโดยไม่ฟังเสียงทักท้วงของคนที่ถูกลักพาตัวมาอย่างเต็มใจ(?)
“คุณวี ผมถือเองได้ครับ”
“จะได้ดูของสะดวกๆไง” ชายหนุ่มว่า “อยากได้อะไรมั้ย?”
“พามากระทันหันแบบนี้ผมจะมีเงินได้ยังไงล่ะครับ” ทีมตอบอย่างเพลียหัวใจ
“อีหนู อยู่กับป๋ามาพูดเรื่องเงินๆทองๆ” วีรภัทรดักเสียงหยอกล้อ “ถ้าคืนนี้หนูบริการเต็มที่ป๋าจ่ายไม่อั้น”
“เชิญมีความสุขกับเมียน้อยทั้งห้าไปเถอะครับ” ทีมเอ่ยอย่างงอนๆ เรียกเสียงหัวเราะให้กับคนชอบแหย่ได้เป็นอย่างดี
ฟอด!
“คุณวี!”ร่างโปร่งร้องอย่างตกใจ กุมแก้มที่ถูกขโมยหอมไปฟอดใหญ่ หันซ้ายขวาอย่างหวาดระแวง
“ไม่ต้องห่วง อยู่ที่นี่ไม่มีใครรู้จักเราหรอกน่า”
วีรภัทรโอบเอวบางเข้ามาใกล้ เดินนำคนรักไปยังทางออกที่มีรถตู้ของบริษัทจอดรออยู่ ทีมไม่รู้จะสงสารรึแสดงควมายินดีกับตัวเองที่มีแฟนโคตรป๋าแบบนี้
แล้วเรื่องที่จะคุย จะเริ่มยังไงดีนะ
“อือ…คุณวี..พะ..พอก่อ..น..ฮะ...”
อย่าว่าแต่หาเวลาคุยเลย แค่จะชื่นชมความงามของห้องสวีทของโรงแรมในเครือธาราของวีรภัทรที่ขยายสาขามาถึงสิงคโปร์ยังไม่มีเวลา เมื่อร่างสูงโยนข้าวของทุกอย่างไว้ข้างประตูแล้วผลักเขาชิดผนังทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง ทีมเรียนรู้นานแล้วว่าการขัดขืนร่างสูงมีแต่จะนำหายนะมาสู่ตัวเขามากขึ้น ดังนั้นการโอนอ่อนตามจนกว่าร่างสูงจะพอใจย่อมดีที่สุด
แต่ถึงจะหื่นแค่ไหน ก็ยังผิดวิสัยของร่างสูงอยู่ดี
“คุณวี...เป็นอะไรรึเปล่าครับ” ร่างโปร่งถามเสียงหอบ วีรภัทรเช็ดริมฝีปากสีชมพูที่เคลือบไปด้วยของเหลวสีใสจากการรุกเร้าเมื่อครู่ ดวงตาคมจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ทำให้ใบหน้าเรียวร้อนฉ่า
“แค่คิดว่าจะได้อยู่กับเธอทั้งสามวัน ไม่ต้องปกปิดเรื่องของเราจากคนรอบข้าง มันก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่...”
คุณวี...
“ผมก็เหมือนกันครับ” มือเรียวประคองใบหน้าของคนรัก ทีมกระทับจุมพิตอ่อนโยนลงบนปลายจมูกโ่ด่งเป็นสันอย่างรักใคร่ เขาไม่เคยคิดว่าทั้งชีวิตจะสามารถรู้สึกรักใครในเวลาสั้นๆได้มากขนาดนี้ “ขอบคุณนะครับ ที่ทำเพื่อผม”
“สำหรับเธอ อะไรฉันก็ให้ได้ทั้งนั้น”
สิ้นคำหวาน บทเพลงรักเร่าร้อนก็เริ่มขึ้นในห้องสวีทสุดหรู เสียงครางหวานหูดังก้อง วีรภัทรไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าว่าวันนี้อีกฝ่ายเร่าร้อนกว่าที่เป็น ร่างโปร่งผลักคนรักลงไปนอนราบกับเตียง ร่อนสะโพกแน่นด้วยจังหวะที่ทำให้วีรภัทรหลังไม่ติดเตียง แค่คิดว่าตัวเองเป็นคนสอนเรื่องน่าอายพวกนี้ให้กับผ้าขาวบริสุทธิ์ผืนนี้ ชายหนุ่มก็รู้สึกอยากจะกลืนกินคนที่อยู่บนร่างของเขาเข้าไปทั้งตัว
“อ๊ะ…คุณวี...คุณวี...”
ชายหนุ่มดึงมือเรียวมาจุมพิตอย่างอ่อนโยน ผิดกับจังหวะที่เร่งเร้าเสียจนคนบนตักบิดเร่าด้วยแรงอารมณ์ วีรภัทรกระแทกย้ำ ส่งร่างโปร่งขึ้นสวรรค์โดยมีตัวเองตามไปติดๆ ร่างเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อฟุบลงบนแผ่นอกฟิตแน่น ทีมหอบหายใจตักตวงอากาศเข้าปอดราวกับปลาขาดอากาศ
“โชคดีจริงๆที่พาเธอไปตรวจเลือดวันนั้น” ชายหนุ่มปัดเส้นผมชื้นเหงื่อออกจากใบหน้าของคนรัก “ถ้าต้องใช้เครื่องป้องกัน
ที่พกมาคงไม่พอสามวันแน่ๆ”
“คุณวี! เรื่องแบบนี้มันใช่เรื่องน่าภูมิใจมั้ยครับ?” ทีมทุบอกอีกฝ่ายเบาๆอย่างอ่อนเพลีย
“นอนซะคนดี พรุ่งนี้ฉันมีประชุมเช้าแถวถนนออร์ชาร์ด จะพาเธอไปปล่อยไว้ที่ห้างแถวนั้น หลังประชุมเสร็จเราไปเที่ยวกัน โอเคมั้ย?” วีรภัทรประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมของเด็กน้อยบนร่างของเขา
“ประชุม? ตกลงคุณวีมาทำงานเหรอครับ?” ร่างโปร่งถามอย่างแปลกใจ ทีแรกเขานึกว่าวีรภัทรว่างเสียอีกถึงได้บอกออีกฝ่ายว่าอยากไปเที่ยว “แล้วอย่างนี้ถ้าผมไม่ได้บอกว่าอยากเที่ยว คุณวีจะทำยังไงครับ?”
“ก็วีดีโอคอลเอา” ชายหนุ่มไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ขาดแค่ประชุมเดียวบริษัทไม่เจ๊งหรอก”
แต่เลขาเขาอาจจะหัวใจวายตายได้
“ทีหลังอย่าทำนะครับ ถ้ามีงานก็บอกผมได้ ถ้าคุณวีอยากเจอผมจริงๆ ต่อให้ต้องไปนั่งรอหน้าห้องประชุมจนคุณประชุมเสร็จเพื่อเจอคุณแค่สิบนาที ผมก็ไม่มีปัญหา” ทีมว่าด้วยน้ำเสียงกังวลใจ “ผมไม่อยากให้คุณวีต้องมีปัญหาเพราะผม”
“ครับผม” ชายหนุ่มตะเบ๊ะด้วยสีหน้าแข็งขัน ทีมหัวเราะเสียงอ่อน หลับตาลงบนแผ่นอกของคนรัก เสียงหัวใจที่เต้นอย่างสม่ำเสมอของอีกฝ่ายเป็นเสียงดนตรีกล่อมเขาให้หลับไป
ยามเช้าของสิงคโปร์ไม่ต่างจากในกรุงเทพมากนัก ตึกสูงเรียงรายเป็นระเบียบ รถยนต์มีให้เห็นแม้จะน้อยกว่าที่เขาเคยเห็นในเมืองพอสมควร อาจจะเป็นเพราะพระอาทิตย์ยังเพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้า ทำให้คนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
ทีมเคยมาสิงคโปร์กับพี่ชายตอนเด็กๆ พ่อกับแม่พาพวกเขามาสวนสนุกและเที่ยวพักผ่อนเหมือนครอบครัวธรรมดาทั่วไป ทีมไม่เคยคิดเลยว่าขเาจะกลับมาที่นี่อีกครั้งในเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวของนักธุรกิจหมื่นล้านในฐานะคนรัก
ว่าแล้วก็น่าจะถึงเวลาปลุกคนขี้เซามาเตรียมตัวไปทำงานแล้วสินะ
“คุณวี ตื่นได้แล้วครับ”
ทีมนั่งลงบนเตียงคิงไซส์หนานุ่มที่ร่างสูงกับเขาใช้อย่างคุ้มค่าในคืนที่ผ่านมา เขย่าตัวปลุกวีรภัทรที่ยังคงเปลือยเปล่า แต่ไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะตื่น
“คุณวีครับ” ร่างโปร่งเขย่าแรงขึ้น สองเดือนที่ผ่านมาทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายขี้เซาเพียงใด แต่ไม่คิดเลยว่าขนาดมีประชุมยังปลุกไม่ตื่นแบบนี้
“งืม…จูบก่อน” คนที่เขาคิดว่าหลับอยู่อ้อน ไม่ยอมลืมตาแต่กลับคว้าเอวของทีมเข้าไปกอดได้อย่างแม่นยำราวกับจับวาง
“ไม่ต้องมาฟอร์มเลยครับ ลุก” ทีมดุ พยายามแกะวงแขนหนาออกจากเอว
“นะครับ...” เสียงทุ้มออดอ้อน ร่างโปร่งถอนหายใจ ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูชายหนุ่มที่ยังคงแกล้งหลับ
“ถ้ารีบไปอาบน้ำ...ผมจะทำอย่างที่คุณวีชอบให้ ดีมั้ยครับ”
เพียงแค่นั้น ร่างสูงก็พุ่งลงจากเตียงหายเข้าห้องน้ำไปโดยไม่ต่อรองอะไรอีกเลย
“เป็นอะไรครับคนดี อาหารไม่ถูกปากเหรอ?”
พวกเขานั่งอยู่ในห้องอาหารของโรงแรมที่เปิดบริการอาหารเช้า ทีมส่งสายตาค้อนคนรักวงใหญ่ นวดกรามของตัวเองที่รู้สึกเหมือนขากรรไกรล่างจะหลุดออกจากขากรรไกรบนได้ทุกเมื่อ เขาสัญญาว่าจะทำอย่างที่คนรักชอบให้ก็จริง แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าอีกฝ่ายจะตักตวงอย่างไม่รู้จักพอแบบนี้
“น่า อย่างอนป๋าน้า อ่ะ ไส้กรอกมั้ย”
วีรภัทรยักคิ้วข้างหนึ่งกวนประสาทคนรัก จิ้มไส้กรอกชีสร้อนๆไปจ่อที่ริมฝีปากของชายหนุ่มที่ถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ ทั้งที่ใบหน้าขึ้นสีเลือดฝาดน่ามอง
“ไม่เอาครับ ไม่ชอบ”
“นั่นสิเนอะ บุฟเฟ่ต์ที่นี่มีแต่อันเล็ก ไม่ไหวๆ” วีรภัทรแสร้งทำสีหน้าไม่พอใจ “เดี๋ยวกลับห้องไปป๋าจะจัดชุดใหญ่ให้ ดีมั้ยจ๊ะ”
“กินไปเลยครับ!” ทีมดึงส้อมออกมาจากมือร่างสูงแล้วยัดไส้กรอกเข้าปากอีกฝ่ายให้หยุดพูดจาลามกในที่สาธารณะเสียที ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทย แต่ก็ยังมั่นใจไม่ได้ว่าจะไม่มีคนฟังภาษาไทยรู้เรื่องอยู่
“ร่าเริงกันจังนะ”
นั่นปะไร พูดยังไม่ทันขาดคำ
ว่าแต่...เมื่อกี้ใครพูดอ่ะ?
ทีมหันไปทางต้นเสียง ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสีเทาดูเป็นการเป็นงานเช่นเดียวกับวีรภัทรยืนมองพวกเขา นัยน์ตาสีควันบุหรี่มีแววขบขัน ใบหน้าหล่อเหลามีเค้าโครงของชาวต่างชาติพอสมควร ข้างกายมีร่างเล็กของเด็กหนุ่มที่หากบอกว่าเป็นเด็กมัธยมต้นเขาก็เชื่อหลบอยู่ด้านหลัง หากไม่ใช่เพราะใบหน้าสวยหวานเหมือนเด็กญี่ปุ่นเขาคงคิดไปแล้วว่าทั้งสองเป็นพ่อลูกกัน
เหมือนที่ใครหลายคนอาจจะคิดเวลาเห็นเขากับคุณวีอยู่ด้วยกัน
“มาด้วยเหรอเชษฐ์”
วีรภัทรทัก ยังคงไม่ขยับไปจากข้างกายของคนรัก เจ้าของชื่อเลิกคิ้ว
“กูมากกว่ามั้งความต้องเป็นคนถาม ไหนบอกว่าจะอยู่กับเมียให้เอาเอกสารมาแทน”
หือ?
“ไอ้เชษฐ์ ไม่พูดตรงๆซักวันมึงจะตายมั้ย” วีรภัทรอยากจะตบกระโหลกเพื่อนรักที่อายุมากกว่าเขาสองปี ธีรเชษฐ์ทำหน้าไม่เข้าใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้เมื่อหันมาเจอทีมอีกรอบ
“นี่เมียมึงเหรอ กูนึกว่าลูก” ร่างสูงมีสีหน้าตกใจอย่างเสแสร้งที่สุดในประวัติศาสตร์การแสดง
“พูดอะไรเกรงใจผู้เยาว์ข้างๆมึงด้วยครับไอ้เพื่อนเวร” วีรภัทรกลอกตามองบน เด็กที่ยืนอยู่ข้างธีรเชษฐ์ดีไม่ดีจะอายุน้อยว่าลูกชายคนเล็กของมันที่อายุเท่ากับเวย์ด้วยซ้ำ
“สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มยกมือไหว้วีรภัทรด้วยท่าทีนอบน้อม ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนรับกับเส้นผมสีเดียวกันตัดสั้นเรียบร้อย ยิ่งทำให้คนที่พบเห็นรู้สึกเอ็นดู
“ไหว้พระเถอะลูก เอ๊ย! สวัสดี” วีรภัทรกลับลำแทบไม่ทัน ดูอย่างไรเคสนี้ก็เสี่ยงคุกเสี่ยงตารางจนน่าหวั่นใจ
“มีน นี่วีรภัทร เพื่อนฉัน ส่วนคนนี้...” เชษฐ์ลากเสียง เลิกคิ้วเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายยังไม่เคยแนะนำชื่อคนรัก
“เอ่อ...พี่ชื่อเทสต์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
ทีมแนะนำตัว น้องมีนมีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีเป็นมิตรของอีกฝ่าย แต่ถูกดวงตาคมสีควันบุหรี่จ้องจนหลบกลับไปด้านหลังชายหนุ่มอีกครั้ง
“ผมไปตักอาหารให้นะครับคุณเชษฐ์” เด็กหนุ่มขออนุญาตเสียงแผ่ว เชษฐ์พยักหน้า นั่งลงข้างเพื่อนสนิทโดยไม่รอให้เจ้าของโต๊ะเชิญ แม้วีรภัทรจะอยากไล่อีกฝ่ายไป แต่ก็รู้ว่าธีรเชษฐ์นั้นหน้าหนาเพียงใด
“นั่นเด็กใหม่เหรอวะ? อายุถึงรึยัง? ” วีรภัทรอดถามไม่ได้
“อีกไม่กี่วันก็สิบแปดแล้ว...แต่เพิ่งรู้ตอนจ่ายเงินทดลองสินค้าเรียบร้อยไปแล้วไง” ชายหนุ่มลูกครึ่งไหวไหล่ ทีมตาโต ก้มหน้าลงทานอาหารเพื่อไม่ให้ทั่งสองรู้สึกว่าเขากำลังฟังอยู่
“แล้วมึงก็เก็บไว้?” วีรภัทรถามเสียงไม่อยากเชื่อ เพื่อนของเขาเสเพลแค่ไหนทำไมเขาจะไม่รู้ แต่ครั้งนี้มันเข้าข่ายทำผิดกฎหมายทุกกระทงเลยไม่ใช่รึไง
“เออ จะให้กูปล่อยเด็กตัวแค่นั้นไปให้โดนรุมทึ้งรึไงวะ” ธีรเชษฐ์ตอกกลับอย่างหงุดหงิด เมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้นวีรภัทรก็ยิ้มออก ไอ้เพื่อนชั่วของเขาก็มีมุมดีๆเหมือนกันแฮะ
“ขออนุญาตครับ” มีนวางถาดลงบนโต๊ะ จัดวางอาหารเช้าลงตรงหน้าธีรเชษฐ์อย่างคล่องแคล่ว แล้วเดินเอาถาดไปเก็บ
“มานี่” ชายหนุ่มรั้งเอวบอบบางลงมานั่งตัก มีนร้องออกมาเบาๆอย่างตกใจแต่ตั้งสติทันตะครุบปากของตัวเองไว้ก่อนจะเรียกความสนใจจากแขกคนอื่นของโรงแรม
“คุณ..คุณเชษฐ์...”
“ทำไมถึงไม่มีส่วนของเธอ?” ร่างสูงถามเสียงเรียบ ไม่สนใจเจ้าของโต๊ะสองคนที่ขยับเข้าหากันโดยอัตโนมัติ ไม่อยากโดนลูกหลงจากเหตุการณ์ตรงหน้า
“คือ…ผะ..ผมไม่หิว..” เด็กหนุ่มตะกุกตะกัก
“ตัวเท่าลูกหมา อย่าซ่าให้มันมากจะได้มั้ย”
ธีรเชษฐ์หยิบขนมปังปิ้งทาเนยหอมๆขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากอิ่ม เมื่อเห็นเด็กน้อยบนตักยังมีท่าทีลังเลก็ยิ่งทำให้เขาอารมณ์เสียขึ้นไปอีก “มีนา อย่าดื้อ ฉันสั่งให้กิน”
เจ้าของชื่อสะดุ้งกับเสียงเข้ม อ้าปากงับขนมปังอย่างว่าง่าย เคี้ยวอาหารในปากอย่างเชื่องช้า แต่รีบเร่งสปีดขึ้นมาเมื่อเห็นดวงตาของอีกฝ่ายหรี่ลงอย่างไม่พอใจ
“คุณวี...ผมว่าเราย้ายโต๊ะกันมั้ยครับ” ทีมกระซิบถามคนรัก รู้สึกว่าการสื่อสารทางสายตาของทั้งสองคนตรงหน้าเริ่มอยู่ในขอบเขตที่คนนอกไม่ควรเป็นพยานรู้เห็น
“นั่นสิ” วีรภัทรหน้าเจื่อน เตรียมตัวพาร่างโปร่งเผ่นแน่บออกไปจากตรงนั้น แต่ธีรเชษฐ์หันกลับมาเสียก่อน
“เทสต์ ตอนประชุมฝากเด็กคนนี้ไว้กับเราหน่อยได้มั้ย”
“ครับ?” ทีมชี้มาที่ตัวเองอย่างงุนงง แต่อีกฝ่ายกลับเข้าใจผิดว่าเป็นการตอบตกลงไปเสียอย่างนั้น
“ขอบใจมากนะ มีนเพิ่งมาต่างประเทศครั้งแรก กลัวจะโดนอุ้มไปขาย” ธีรเชษฐ์ก้มลงมองคนบนตักที่หลุบตาหนี ก้มหน้าลงต่ำ มีนจึงไม่ได้เห็นแววตาเป็นห่วงของร่างสูง “เดี๋ยวที่ฉันลงทุนไว้จะไม่ได้ถอนทุนคืน”
สายตาเมื่อกี้...
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา” ทีมยิ้มให้ธีรเชษฐ์
เป็นคู่ที่น่าสนใจเหมือนกันแฮะ
________(ครึ่งแรก)______
คุณเชษฐ์ผู้โผล่มาทุกเรื่อง555555