วิชารัก101 [love101] ตอนที่สิบสามแจ๊บไม่ได้ตัดผมมาเกือบสี่เดือน ตอนนี้ผมยาวประบ่า เวลาไปเรียนก็รวบไว้ให้ดูเรียบร้อย ที่ไม่ได้ตัดเพราะตกลงกับแม่ๆและพ่อไว้ ว่า ปิดเทอมจะไปถ่ายรูปโปรโมทร้านให้
แม่โจ้ ไปเห็นในนิตยสารเล่มหนึ่ง นายแบบผมยาวถ่ายรูปเท่มาก ทำผมตั้งหลายแบบ เลยเกิดไอเดียจะทำผมให้ชายหนุ่มผมยาวในจังหวัดบ้าง
"ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งอาหารตา เพลินๆกันไป" แม่โจ้บอก
ผมเส้นเล็กสีดำสนิทที่ล้อมกรอบหน้าทำให้ดูแจ๊บดูมีเสน่ห์มากขึ้น
เวลาไปเดินเที่ยวเล่นข้างนอก หรือตอนทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัย เลยโดนแอบถ่ายบ่อยขึ้น
บางทีแจ๊บจับได้ ก็แกล้งทำหน้าลิงใส่กล้องบ้าง ทำหน้าเอ๋อๆ น้ำลายยืดบ้าง
ปรากฏว่า สาวๆที่แอบถ่ายกลับชอบใจ
ใต้แคปชั่นภาพ มักมีคำว่า
น่าร้ากกกกก
คิ้วท์มากกกก
หรืออะไรในความหมายนั้น
ใหม่ๆแจ๊บถูกจับคู่กับคนนู้นคนนี้ เพราะพี่เก้ายังแวะมาหาอยู่บ้าง บางทีเต้ก็แวะมาทะเลาะด้วย หรือขนาดเพื่อนเต้ คนที่ชื่อนิว ยังติดร่างแหไปด้วย
เก้าแจ๊บ ก็มี แจ๊บเต้ ก็มา นิวแจ๊บ บ้าง ประปราย
แจ๊บก็มองว่า มันขำดี เหมือนพี่ๆที่แอบถ่าย จะใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างทรงคุณค่า
ตัวจริงอย่างพี่หนึ่งก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เวลาแจ๊บยื่นจอให้อ่านก็ทำหน้ามึนๆ พยักหน้าทีหนึ่ง แล้วหันไปสนใจอย่างอื่น
ไม่สนใจนะ แต่ระยะหลังที่เดินด้วยกันนี่ โอบเอวตลอด
กระแสของแจ๊บในรูปแอบถ่าย ก็เลยกลายเป็น
แอบเห็นน้องแจ๊บกับพี่คนนั้นอีกแล้ว
ตัวจริงแน่เลย
ที่ผ่านมาสับขาหลอกแจ๊บอ่านแล้วก็ขำทุกที
แจ๊บไม่ได้ดังมาก มีแค่คนกลุ่มเล็กๆ ที่รู้สึกว่า เจ้าเด็กคนนี้ มีอะไรสะดุดตา แจ๊บดังมากกว่านี้ไม่ได้หรอก ก็ออกแนวเด็กเอ๋อๆ ที่ไม่รู้ว่าตัวเองน่าสนใจ เรื่องหน้าตาดีน่ะ ยอมรับก็ได้ (นี่ไม่ได้หลงตัวเองนะเนี่ย) มีคนชมว่าน่ารัก แจ๊บก็ดีใจ แต่ไม่ได้ทำให้แจ๊บรู้สึกว่าตัวเองอยู่คนละฐานะหรือสูงกว่าคนอื่นๆ
อยู่มาวันหนึ่ง ก็มีคนติดต่อมา
"น้องสนใจถ่ายแบบไหมครับ"
แจ๊บอ่านตอนง่วงๆ แล้วยังไม่ได้ตอบ ทิ้งไว้จนเช้าก็ลืมไปเลย
บ่ายๆ ขณะที่กำลังนอนเกลือกกลิ้งอยู่ข้างๆพี่หนึ่ง อ้อนให้พี่หนึ่งเกาหลังให้ ก็มีโทรศัพท์เข้ามา
"สวัสดีครับ พี่โทรมาจากโมเดลลิ่งเอเจนซี่นะครับ เห็นรูปน้องในไอจี แล้วเข้ากับคอนเซ็ปท์ของสินค้าพอดี เลยอยากชวนน้องมาถ่ายแบบ"
"อาหารสุนัขเหรอฮะ" แจ๊บหัวเราะ
"เป็นเครื่องสำอางตัวใหม่จากอเมริกาน่ะครับ สนใจไหม"
ถูกจุดอะไรอย่างนี้ ถ้าชวนแจ๊บไปถ่ายแบบสินค้าอื่น แจ๊บคงปฏิเสธไปแล้ว แต่นี่ของชอบของแจ๊บเลย
"แบรนด์อะไรครับ"
พอพี่เค้าบอกชื่อเท่านั้น แจ๊บก็เด้งดึ๋งขึ้นมาจากตักของพี่หนึ่ง
"แบรนด์นี้จะเข้าไทยแล้วเหรอครับ โหย ตื่นเต้นอ่ะ แจ๊บชอบ mood and tone ในสีของเค้ามานานแล้ว" แจ๊บพูดกับปลายสาย อย่างกับสนิทกันแล้ว
หนึ่งขมวดคิ้ว
มันเคยมีระยะห่างกับคนแปลกหน้าบ้างหรือเปล่า
"เข้าแล้วครับ แล้วเราก็อยากได้น้องมาถ่ายแบบให้จริงๆ" พี่ที่เป็นตัวแทนจากโมเดลลิ่งเอเจนซี่ ย้ำคำเดิม
"ง่า แจ๊บไม่คิดว่า จะทำได้หรอกครับ" แจ๊บหน้ามุ่ยลง และเสียงเบาลงนิดหน่อย
"ลองดูดีไหมครับ ทางเรามีคนคอยช่วยสอนตลอดเวลาที่ถ่าย นิตยสารนี้ก็เป็นนิตยสารวัยรุ่น สไตล์การถ่าย ก็เน้นความเป็นธรรมชาติตามวัย"
"อ่า ไม่ดีกว่าครับ" แจ๊บยังคงปฏิเสธ
"ค่าตอบแทนสูงพอควรเลยนะครับ"
"เท่าไหร่ครับ" พอเป็นเรื่องเงินๆทองๆ แล้วแจ๊บลืมตัวอ่ะ
พอพี่เขาบอกตัวเลข แจ๊บก็ตาโตเป็นลูกปิงปอง
พี่หนึ่งเห็นท่าทางแบบนั้นแล้ว ก็เลยให้เปิดสปีกเกอร์ เผื่อจะได้ห้ามทัน ก่อนที่ลูกหมาจะกระโจนเข้าเขมือบกระดูกชิ้นโต
"ทางแบรนด์จะมอบเครื่องสำอางเซ็ตใหญ่ให้กับนายแบบด้วยนะครับ"
หางของแจ๊บกระดิก ดิ๊กๆ เลยแหละ โชคดีที่เป็นการคุยกันทางโทรศัพท์ ไม่อย่างนั้น พี่แมวมองคนนั้น คงเห็นภาพแจ๊บผงกหัวขึ้นลงไม่หยุด
แจ๊บอยากทำแล้ว แจ๊บจะเอาเครื่องสำอาง
หนึ่งยันหัวแจ๊บให้ห่างจากโทรศัพท์ แล้วแย่งมาคุยเอง
"สวัสดีครับ ผมชื่อหนึ่ง ทำหน้าที่คล้ายๆผู้ปกครองของแจ๊บครับ ผมขอทราบรายละเอียด และเงื่อนไขทั้งหมด ก่อนตัดสินใจได้ไหมครับ"
แจ๊บได้แต่เกาะแขนพี่หนึ่งไว้
มองพี่หนึ่ง ที่พูด
"ครับ ครับ" แล้วก็ถามอะไรๆเสียละเอียดยิบ
และปิดท้ายด้วย
"ขอผมปรึกษาพ่อแม่เขาก่อนแล้วจะติดต่อกลับไปนะครับ"
แจ๊บนี่ หางลู่ หูตก เลย พี่หนึ่งไม่ให้ไปถ่ายแน่ๆ หมดกัน เครื่องสำอางในฝันของแจ๊บ
แล้วหนึ่งก็นัดประชุมผู้ปกครอง
แม่จ๋า : ถ่ายแบบไม่ใช่งานง่ายๆหรอกนะ จะไปทำเค้าเสียหายหรือเปล่า
แม่โจ้ : มันจะถ่ายรูปขึ้นเหรอวะ ขาวๆจืดๆอย่างนั้น
แม่ป๊อบ : นายแบบเครื่องสำอาง นี่เค้าจะแต่งหน้าแบบสาวๆเลยไหมอ่ะ แล้วไอ้แจ๊บมันจะโดนเพื่อนล้ออีกไหม
พ่อสุขาติ : แจ๊บมันคงไม่หวั่นไหวเรื่องมีคนล้อหรอกมั้ง ผ่านมาจนถึงอายุเท่านี้แล้ว อีกอย่าง กูเคยเห็นเหมือนกันว่า มีนายแบบที่มาถ่ายโฆษณาสินค้าของผู้หญิงอยู่ ภาพคงไม่ได้ออกมาแนวที่เกินงามเกินพอดีหรอก หนึ่งล่ะคิดว่ายังไง
ตอนนี้พ่อและแม่ๆยอมรับว่าหนึ่งเป็นคนในครอบครัวแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้ พ่อและแม่ๆมีแนวโน้มจะยอมให้แจ๊บไปถ่ายแบบได้ แต่ถ้าหากพี่หนึ่งไม่เห็นด้วย พ่อและแม่ๆก็จะฟัง
ในที่สุด ที่ประชุมผู้ปกครองก็มีมติเป็นเอกฉันท์ อนุมัติให้ นายแจ๊บสามารถถ่ายแบบได้
ล้า ลา
แจ๊บกระโดดไปมา ราวกับว่า ครัวที่คอนโดกว้างเป็นทุ่งหญ้าลาเวนเดอร์ เพราะดีใจที่จะได้ของ ก็คอลเลกชั่นนี้ มันหายากมากๆ
ตอนนี้เครื่องสำอางบังตาเสียแล้ว ไม่ได้ทันคิดว่า จะเป็นงานง่ายหรือยาก
วันนี้เป็นวันนัดถ่ายแบบ
แม่และพ่อๆ ก็ตามมาให้กำลังใจ กันครบ
ทางทีมงานจัดพื้นที่ให้รออยู่นอกสตูดิโอ
ตอนแรกแจ๊บก็ไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไหร่ ยังแอบนินทา แม่ๆและพ่อให้หนึ่งฟังอยู่เลยว่า
"แม่ๆ กับพ่อ ไม่ได้ห่วงแจ๊บหรอก แค่อยากมาส่องคนหล่อๆแถวๆสตูดิโอ"
และแจ๊บก็โดนเขกหัวโป๊ก ในข้อหาที่รู้ทัน
สตูดิโอ มีของทุกอย่างแบบมืออาชีพ กล้องพร้อมเลนส์ตัวเบ้อเร่อ ตัวรีเฟล็กต์แสง และสายอะไรบ้างไม่รู้ระโยงระยาง
พอเห็นบรรยากาศของมืออาชีพ เหมือนแจ๊บจะเพิ่งนึกได้ว่า ควรตื่นเต้น
จู่ๆก็ประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ดีที่ทีมงานอนุญาตให้พี่หนึ่งเข้าไปด้วย แต่ก็เพียงนั่งดูอยู่ห่างๆ
ก่อนเริ่มถ่าย ก็มีพี่สไตลิสต์ ชื่อลิโพ กับตากล้องเข้ามาคุยกับแจ๊บ
“สวัสดีค่ะ น้องแจ๊บ พี่ยินดี ที่ได้ร่วมงานกับคุณน้องนะคะ พี่ชื่อ ลิโพ นะคะ เป็นคนดูแลคอนเซ็ปท์การถ่ายครั้งนี้ค่ะ”
พี่ลิโพเป็นสาวสอง ที่มีลุคคล้ายเทเลอร์ สวิฟต์ เป็นอย่างมาก
“ส่วนนี่ตากล้องของเราค่ะ พี่แอชเชอร์”
กลิ่นเสน่ห์แรงราวกับพัดลมเบอร์สาม ตากล้องอะไรหล่ออย่างกับนายแบบ
ตากล้องผิวเข้ม ตาโศก ก้มหัวทักทาย
แจ๊บก็ยิ้มตอบแบบเคลิ้มๆ พี่หนึ่งที่นั่งห่างออกไป เลยตบฝ่าเท้าลงกับพื้นเสียงดังตุบๆ
ก็หล่ออ่ะ แจ๊บส่งสายตา แก้ตัวไปกับพี่หนึ่ง
มองนิดเดียวเอง“ที่จริงชื่อ อัชวะ แม่ที่เป็นอเมริกันเรียก แอชเชอร์ น่ะ” โหยเสียงก็ทุ้มนุ่ม เพิ่มความหล่อไปอีกสองขีด
ก่อนที่แจ๊บจะเพ้อหนักกว่านี้ พี่ลิโพก็เข้าเรื่องจริงจัง
“คุณแอชเชอร์ เคยสังกัดเอเจนซี่ที่เมืองนอกค่ะ แล้วก็ไปเรียนถ่ายภาพ นี่เป็นงานแรกของเค้าเหมือนกัน ทางแบรนด์ ต้องการความเด่น และใหม่ ถึงได้เลือกตากล้องที่สดใหม่กับนายแบบสดซิง”
เอ่อ ที่จริงก็ไม่ซิงแล้วล่ะฮะ
แจ๊บได้แต่แย้งเบาๆในใจ ส่งไปแค่รอยยิ้มแหยๆ
“นั่นแฟน?” คุณตากล้องยิงคำถามดังปัง พร้อมหันมองพี่หนึ่ง
คุณพี่หนึ่งก็จ้องตานิ่ง ไอปีศาจคุกรุ่น
“ก็คล้ายอย่างนั้นอ่ะฮะ” แจ๊บตอบแบบที่พี่หนึ่งหรี่ตาลงนิดหนึ่ง
“ซ้อมตอบแบบดาราเหรอคะคุณน้อง”
“ฮ่าฮ่า ถ้าดารา ต้องตอบว่า เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันน่ะครับ แจ๊บขอไม่ตอบมากกว่านี้นะครับ ขอเว้นให้เป็นเรื่องส่วนตัว” แจ๊บทำท่าทางแบบดาราที่มีไมโครโฟนรุมล้อมได้เหมือนมาก จน พี่ลิโพหลุดขำ ปรบมือชอบใจ
“ต๊ายยยย อารมณ์ขัน ดีเว่อร์”
“ตกลง ไม่ใช่แฟน” พี่แอชเชอร์ไม่ยักยอมเว้นให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวแบบที่แจ๊บขอแฮะ
“ก้อออออ ไม่ใช่แล้วฮะ”
หนึ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น
“เอ๊ะ ยังไงคะคุณน้อง เคยเป็นแฟนกันแล้วเลิกกันแล้วเหรอคะ แหมๆๆ งั้นพี่ขอรับแฟนเก่าคุณน้องไปรักษาใจได้ไหมคะ”
“ก็ไม่ใช่แฟนแล้วฮะ ก็แค่เหลือจดทะเบียนสมรส ที่ยังไม่ได้ทำ นอกนั้นก็ครบขั้นตอนทุกอย่างแล้วฮะ” แจ๊บเฉลย หน้าตาทะเล้น เกือบโดนงอน ไม่รู้ตัว
“อ้าวคุณน้องคะ เป็นหลัว นี่เอง ต๊าย ตาร้อนผ่าวแล้วนะเนี่ย”
“ให้ไปรอข้างนอก” เสียงตากล้องสั่ง
แจ๊บหุบยิ้มทันใด “ทำไมล่ะฮะ”
“จะทำให้นายแบบเสียสมาธิ” พี่แอชเชอร์ที่จิตใจไม่หล่อเท่าหน้าตา ตอบด้วยหน้านิ่ง
แจ๊บชักโมโหแล้วนะ จะไม่ยอมให้พี่หนึ่งถูกไล่ออกไปแบบนี้
“พี่ตากล้องจะรู้สึกยังไงฮะ ถ้าถูกดูดกำลังใจทิ้งไปจนหมด”
“งานหลายอย่างมีแรงกายอย่างเดียวไม่พอนะฮะ ถ้าขาดแรงใจ ถึงจะมีเรี่ยวแรงแบบเฮอร์คิวลิส แต่แค่หินก้อนเล็กๆ ก็ไม่คงยกไม่ไหว”
แอชเชอร์เข้าใจที่แจ๊บพูด ถึงแม้มันจะฟังดูยืดยาว ราวกับเพ้อเจ้อ
“ยังไงนะคะคุณน้อง” พี่ลิโพต่างหากที่ยังตามไม่ค่อยจะทัน
“ก็นั่นเป็นปั๊มน้ำมันของแจ๊บไงฮะ หรือถ้าแจ๊บเป็นหมีพูห์ พี่หนึ่งก็เป็นน้ำผึ้ง ถ้าเป็นป๊อบอาย พี่หนึ่งก็เป็นผักโขม” แจ๊บหันไปสบตาหนึ่ง คนที่ได้ยินทุกอย่างแต่เลือกจะนั่งเงียบๆเหมือนของประดับฉากชิ้นหนึ่ง
จริงๆแล้วก็ไม่ใช่ของประดับฉากหรอก ก็แจ๊บยกให้เป็นทั้งเชื้อเพลิง น้ำผึ้ง แล้วก็ผักโขม
แอชเชอร์ที่หันมองหนึ่งอีกครั้ง “งั้นก็อยู่” จากนั้นก็ลากเก้าอี้มานั่งตรงข้ามแจ๊บ
“ทำให้ดีด้วย”
นี่ตากล้องหรืออะไร ขู่เก่งจังเลย
พี่ลิโพ พาเข้าเรื่องอีกครั้ง
“เราแบ่งงานวันนี้ออกเป็นสองเซ็ตนะคะ คอนเซ็ปต์คือ cats and dogs ”
พอเข้าโหมดจริงจัง แจ๊บเริ่มตื่นเต้นจนจะปวดอึแล้ว
“dogs จะเป็นการแต่งหน้าแบบใสๆ ให้โพสแบบสบายๆ ร่าเริง ส่วน cats จะแต่งหน้า แบบแมวป่า เซ็กซี่นิดๆนะคะ”
“ปกติชอบแต่งหน้านี่” แอชเชอร์พูดขึ้น
แจ๊บหันไปมองแบบรู้ได้ไง?
“พวกเราศึกษาไลฟสไตล์น้องมาประมาณนึงค่ะ วันนี้เลยเตรียมเครื่องสำอางไว้ให้ ถ่ายเซ็ตแรก จะให้น้องแจ๊บนั่งแต่งหน้าตัวเองไปเรื่อยๆก่อนนะคะ ปะ เปลี่ยนชุดได้เลยค่ะ อีแป๊ะ! เดี๋ยวเซ็ตผมนายแบบ เอา wet look นะยะ แบบ เพิ่งอาบน้ำเสร็จ อะไรงี้”
พี่ลิโพ พูดรวดเดียวเลย แจ๊บยังงงๆอยู่ แต่ก็ลุกเดินไปทำตามที่สั่ง
ชุดที่เปลี่ยนคือ เสื้อยืดขาวกับกางเกงยีนส์ขาสั้นเต่อ คล้ายกับที่แจ๊บใส่อยู่บ้านเลย ผิดกันตรงที่ เสื้อยืดของแจ๊บทั้งย้วยทั้งเปื่อย ผมก็ถูกเซ็ตให้ดูเปียกลู่ และถูกมัดไว้ลวกๆ
ในฉากมีกระจกบานใหญ่กับเครื่องสำอางจำนวนมาก
“ไปค่ะ เข้าไปยืนตรงกลาง” พี่ลิโพเร่ง
แจ๊บเกิดป๊อดขึ้นมา “แป๊บนะฮะ” แล้ววิ่งไปหาพี่หนึ่ง ที่ยังคงนั่งนิ่ง
แจ๊บไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองพี่หนึ่ง แบบขอกำลังใจ หนึ่งเลยคว้ามือของแจ๊บมานวดๆ
“กูอยู่ตรงนี้ และห้ามทาลิปแดง”
แจ๊บยิ้ม แล้วเดินกลับไปหาพี่ลิโพ
พอเข้าไปนั่งหน้ากระจก “แต่งหน้าไปเรื่อยๆ” พี่แอชเชอร์สั่งแล้วเข้าประจำกล้อง
แจ๊บไม่เคยแต่งหน้าตัวเองมาก่อน อย่างมากก็ลองลิปสติก แต่ก็คงไม่ยากอะไร
แจ๊บเริ่มหยิบนู่นนี่ขึ้นมาใช้ ท่าทางคล่องแคล่ว
“ช้ากว่านี้”
“หยุดท่านั้นอีกที”
“มองกล้อง”
แล้วแจ๊บก็เริ่มใช้สีดำวาดลงบนจมูกของตัวเอง
แอชเชอร์เงยหน้าจากกล้องขึ้นมอง
พี่ลิโพทำท่าจะเข้าไปห้าม แต่แอชเชอร์ยกมือปรามไว้
จากนั้นแอชเชอร์ก็กดชัตเตอร์เก็บภาพแจ๊บที่เริ่มมีจมูกดำๆ ไปเรื่อยๆ
เสร็จแล้วก็วาดส่วนอื่นบนใบหน้า
เหมือนเลย
แจ๊บแต่งหน้าตัวเองออกมาเป็นหมาน้อย จมูกหมา ตาด่าง ตรงคอนเซ็ปต์ที่สุด
ทีมงานในสตูดิโอหัวเราะเบาๆ
แอชเชอร์เก็บภาพต่ออีกพักใหญ่ คราวนี้สั่งให้แจ๊บทำนู่นนี่เยอะไปหมด
“หมา เอียงคอหน่อย ทำเหมือนกำลังได้ยินเสียงแปลกๆ” ชื่อ เช่อ ไม่เรียกแล้วนะคุณตากล้อง
“ไหน ขอมือ”
แจ๊บก็ทำท่าให้มือพร้อมแลบลิ้นแฮ่กๆ
“หึหึ ดี” แอชเชอร์หัวเราะ และชมด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
ซึ่งหนึ่งเริ่มไม่ชอบใจ แต่ยังพยายามเฉยไว้
เซ็ตที่สอง
แจ๊บอยู่ในเสื้อยืดสีดำเนื้อบาง และยีนส์แนบตัวสีขาวขาดวิ่น ผมยาวถูกเปียไว้รอบหัวประดับลูกปัดบนเปีย คล้ายชนเผ่าอินเดียแดง
รอบนี้มีพี่มาแต่งหน้าให้ วาดขอบตาดำเข้ม ลากหางออกไปเหมือน cat eyes
“เซ็ตนี้ อยากให้สื่อถึงความปรารถนา” แอชเชอร์สั่งและสบตานิ่ง
แจ๊บไม่เก็ตเลย มันปรารถนาไม่ออก
การถ่ายแบบเซ็ตที่สองของแจ๊บเลยเก้กังกว่าเซ็ตแรกมาก
“มองกล้อง”
“เงยหน้าอีกนิด”
“หรี่ตา”
ซึ่งแจ๊บพยายามทำตามทั้งหมด
แต่…
“ไม่ได้เรื่อง!” แอชเชอร์เริ่มหงุดหงิด
“คุณแอชเชอร์ ใจร่มๆนะคะ เดี๋ยวของลิโพเทรนน้องแป๊บ” พี่ลิโพ รีบเข้ามาแก้ไข
“น้องแจ๊บคะ คิดถึงตอนที่ต้องยั่วหลัวรูปหล่อของน้องสิคะ นึกย้อนไปว่า ทำยังไง หลัวถึงจะกลัดมันและซั่มเราให้ถึงใจ”
แจ๊บย่นหน้า นึกไม่ออกแฮะ ก็ปกติพี่หนึ่งก็จะตกมันได้ด้วยตัวเอง แจ๊บไม่ทันได้ยั่วอะไรสักกระบวนท่าเลย
“จะลองดูฮะ”
การถ่ายจึงเริ่มอีกครั้ง
แต่ก็ยังไม่ได้ภาพถูกใจ
แอชเชอร์ถอนหายใจยาว
เดินเข้าใกล้แจ๊บ ที่ตอนนี้เริ่มท้อแล้วเหมือนกัน
สงสัยจะอดได้เครื่องสำอางเซ็ตนี้เสียแล้วล่ะแจ๊บเอ๋ย
“เคยอยากหรือเปล่า” แอชเชอร์ก้มหน้าลงใกล้ จนต่างได้กลิ่นน้ำหอมของอีกฝ่าย
แจ๊บทำหน้าตื่นเล็กน้อย แล้วแก้มก็ร้อนวูบวาบ
ให้ทะเล้นยังไง แต่ก็ไม่ได้แก่แดดจนพูดเรื่องพวกนี้ได้หน้าตาเฉยหรอก
ไม่รู้จะตอบยังไง แจ๊บก็เบือนหน้า มองมาที่หนึ่ง
แอชเชอร์หันมองตาม หนึ่งยังคงนั่งนิ่ง แต่ประกายตาไม่นิ่ง
ใกล้เกินไปแอชเชอร์มองตอบ แล้วยักไหล่ “ทำให้แมวซนกลายเป็นแมวฮีทให้หน่อยสิ ถ้าคุณทำไม่ได้ ผมขอลอง”
หนึ่งลุกยืนเต็มความสูง
อย่าบังอาจ แตะของของหนึ่งพอพี่หนึ่งก้าวเข้าใกล้ในระยะที่เห็นสายตากันชัดๆ แจ๊บเริ่มรู้ตัวว่า จะเกิดอะไรขึ้น
แต่ไม่ทันเสียแล้ว
หนึ่งคว้าเอาไว้ แจ๊บกลายเป็นลูกแมวในกำมือ ปลายคางถูกบีบเบาๆ บังคับให้เชิดขึ้น
ลูกตากลมๆของแจ๊บ กลิ้งไปมา ระยะห่างระหว่างใบหน้าลดลงเรื่อยๆ
วินาทีที่ปากของหนึ่งประกบลง แจ๊บเบิกตาโต
ตระหนก
คนมองกันอยู่ทั้งสตูดิโอเลย
หนึ่งดึงความสนใจ ด้วยการดูดปลายลิ้นของแจ๊บแรงขึ้น
รู้สึกเหมือนถูกไฟช็อต
เกินจะต้านทานไหว
วินาทีนี้ ต่อให้ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนนับพัน
แต่แจ๊บขอลิ้มรสจูบนี้เสียก่อน
แล้วค่อยอายทีหลังก็แล้วกัน
เมื่อหนึ่งผละออก แจ๊บถอนหายใจด้วยความอาวรณ์
“ลูกแมวครับ” พี่หนึ่งกระซิบแบบริมฝีปากแนบลงไปกับใบหู ขบกระดูกอ่อนเบาๆ แล้ว
พูดว่า “กล้องนั่นคือพี่”
หนึ่ง “เปิดสวิตซ์” สำเร็จ แล้วเดินออกจากเซ็ต นั่งลงที่เดิมเหมือนไม่เคยมีการจูบใดๆเกิดขึ้น
การถ่ายเริ่มขึ้นอีกครั้ง
แจ๊บในสายตาของหนึ่งเปลี่ยนไป
หนึ่งไม่เคยคิดว่า แจ๊บที่อยู่หน้าเลนส์กล้องจะมีเสน่ห์มากขนาดนี้
กินสิ อยากให้กิน
มองสิ อย่าละสายตาบางท่วงท่าของแจ๊บ อ่านได้แบบนี้
หนึ่งกลั้นหายใจ
เนื้อกายไม่โป๊ แต่อารมณ์กลับเปลือยเปล่า
สายตาของแจ๊บ สะกดคนให้มัวเมา
นี่ไม่ใช่ลูกแมวเล็กๆอีกต่อไปการถ่ายแบบเสร็จสิ้นไปแล้วราวสี่สิบนาที แต่แจ๊บยังหน้าแดง และเดินหลบสายตาใครๆ
ถึงเวลา กล่าวลา
หนึ่งพาแจ๊บไปไหว้พี่ๆทีมงาน ทุกคนรับไหว้ หลายคนเอ็นดู หลายคนล้อเลียน
บางคนบ่นเสียดาย ที่คุณแอชเชอร์ ขอไว้ไม่ให้พกมือถือหรือกล้องอื่นเข้าสตูดิโอ ไม่อย่างนั้นคงได้ภาพตอนจูบไปหลายสิบภาพ
“มีโอกาส มาร่วมงานกันใหม่นะคะลูกสาววว appeal เหลือเกิน ขุ่นแม่ชอบม้ากกกก” พี่ลิโพที่ผันตัวเป็นคุณแม่ กอดแจ๊บแน่นๆหนึ่งที
คนสุดท้ายที่แจ๊บไหว้ คือ แอชเชอร์ ที่ตอบกลับมาเพียงแค่การยิ้มมุมปาก
“เดี๋ยว” แอชเชอร์เรียกแจ๊บและหนึ่งเอาไว้ “เห็นว่า เหลือแต่งานแต่งงานที่ยังไม่ได้ทำ งั้นอันนี้ถือเป็นภาพพรีเวดดิ้ง จากผมก็แล้วกัน”
แอชเชอร์ ยื่นภาพขนาดโปสการ์ดให้หนึ่งใบ เป็นรูปตอนจูบที่มีแสงเงาสวยงาม พร้อมแฮนดี้ไดรฟ
“ไฟล์มีในนี้เท่านั้น ผมลบจากเครื่องหมดแล้ว”
“ขอบคุณ” หนึ่งค้อมหัวให้ช้าๆ
“ถ้าตอนไหนเป็นลูกหมาก็พามาให้ผมเล่นบ้าง” แอชเชอร์รู้ว่า ต่อไปนี้ คงยากที่จะมีใครได้เห็นโหมดนางแมว แบบนั้นอีก หนึ่งคงหวงยิ่งกว่าหวง
แน่ล่ะ โหมดนั้น ควรซ่อนให้มิดชิดเลยล่ะหนึ่งคิดขณะเดินออกจากสตูดิโอ
หนึ่งคงลืมนึกไปว่าหลังนิตยสารวางแผง
หนึ่งก็ซ่อนแจ๊บในแบบนั้น ไม่ได้อีกต่อไป
เหนื่อยหน่อยนะพี่หนึ่ง
--จบตอน--
ขออภัยที่หายไปนาน คิดเสียว่าเรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นแบบจบในตอนก็แล้วกันนะคะ
มีฉากพิเศษ แบบ one shot (ใช่หรือเปล่านะ) ที่ไม่รู้จะเอาไปแทรกไว้ตรงไหน จะลบทิ้งก็เสียดาย มาต่อไว้ข้างล่างนี้ค่ะ
พิเศษจู่ๆ แจ๊บก็สนใจเรื่องทำศัลยกรรมขึ้นมา
เข้าขั้นหมกมุ่น
เพราะ ตอนไปถ่ายแบบ ทั้งพี่ช่างแต่งหน้าและสไตลิสต์พูดเหมือนกันว่า
ถ้าตาไม่ตี่ จะดูหน้าตาดีขึ้นอีกนะเนี่ย
หนึ่งเห็นเปิดดูข้อมูลทั้งวัน
"พี่หนึ่งว่า คางแบบนี้สวยไหม แล้วตาทรงนี้กับทรงนี้ แบบไหนสวย"
หนึ่งไม่เคยตอบสักครั้ง
แจ๊บก็เซ้าซี้ จนในที่สุด หนึ่งก็หมดความอดทน
"ทำไมแจ๊บคนที่ไม่เคยสนใจกรอบ ถึงพยายามจะยัดตัวเองเข้าไปในกรอบสี่เหลี่ยมนั่นล่ะ"
แจ๊บชะงักมือที่กำลังเลื่อนดู ราคาทำตาสองชั้น
นิ่งไปนาน หนึ่งจึงขยับเข้าใกล้ กอดไว้หลวมๆ
"จู่ๆ ก็เกิดไม่มั่นใจในความอิสระที่เป็นอยู่น่ะฮะ" มันมีนาทีที่ไหวเอน
"แบบไหนก็สวย"
"หมายความว่า แจ๊บจะไปทำตาสองชั้น พี่หนึ่งก็ไม่ห้ามใช่ไหมฮะ"
"แต่ในที่สุดก็จะไม่สวย"
"อ้าว ยังไงกันแน่" แจ๊บงง
"มึงหน้าตาดีตลอดไปไม่ได้หรอก"
แจ๊บนิ่ง พี่หนึ่งพูดอะไร แจ๊บคิดวนซ้ำไปมา ในที่สุดก็เข้าใจ
แต่ก็ยังอยากถามคำถามโง่ๆ
"ถึงวันนั้นพี่หนึ่งจะยังรักแจ๊บไหม"
"รักสิ" คำตอบง่ายๆ ที่ทำให้แจ๊บกลับมาเชื่อมั่นในการเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง
"รักถึงอายุหกสิบเลยนะ"
"กูให้ถึงอายุแปดสิบเลยแจ๊บ"
"เกี่ยวก้อยสัญญากันก่อน"
"ไม่"
"อ๊าววววว" แจ๊บชักไม่มั่นใจและไม่ชอบใจ
"จูบดีกว่า"
การทำพันธะสัญญาจึงเริ่มขึ้น
-----
ขอขอบคุณเช่นเคย
@tonswind