Unrequited Love ผม....ผู้ไม่เคยสมหวังในความรัก [บทพิเศษ : 29/2/2020] หน้า 3
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Unrequited Love ผม....ผู้ไม่เคยสมหวังในความรัก [บทพิเศษ : 29/2/2020] หน้า 3  (อ่าน 24473 ครั้ง)

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 10 ช่วงเวลาสั้นๆ



   ถนนคนเดินกลางของมหา’ลัยแม่งเป็นอะไรที่โคตรดีเลย

   อิ่มตาอิ่มใจไปหมด

   ผมกับเหล่าสหายเดินหน้าสลอนกันอยู่ที่ถนนคนเดินกลางซึ่งภายใน 1 เทอมจะจัดขึ้นแค่ครั้งเดียว แต่กินเวลาไป 3 วันเลยนะครับ มันก็เป็นตลาดใหญ่แหละ แล้วก็มีซุ้มให้เล่นเยอะเลย อีกอย่างคือแต่ละคณะสามารถออกร้านได้ รู้สึกว่าร้านของคณะวิศวะฯ น่าจะเป็นร้านยำลูกชิ้น เชื่อได้เลยว่ามันต้องขายดีมากๆ เพราะที่ซุ้มนั้นมีไอ้ขุนอยู่ คือต่อให้มันจะมีแฟนแล้วแต่ยังไงมันก็ยังเป็นตัวเรียกลูกค้าชั้นยอด ความจริงไม่ใช่แค่มันหรอก แต่ทั้งแก๊งค์นั้นน่ะ

   ใครๆ ก็คงอยากเห็นพวกพี่ว้ากหน้าเหี้ยมมานั่งขายยำลูกชิ้นป้ะวะ

   ส่วนมากคณะจะส่งพวกปี 3 ให้มาออกร้าน ของปีผมขายน้ำปั่น แม่งโคตรชุลมุนเลยแบบหัวจะปวดมาก เป็นการออกร้านที่ขายหน้าตามากกว่ารสชาติอาหารสุดๆ ช่างเถอะ อย่าไปนึกถึงอดีตอันขมขื่นเลยดีกว่า สิ่งที่ควรสนใจในตอนนี้คือบรรดารุ่นน้องน่ารักตะมุตะมิจากหลายคณะที่เดินกันให้เต็มไปหมดนี่ดีกว่า เห็นแล้วเป็นปลื้มรู้สึกกระชุ่มกระชวยมากเลยครับ ถนนคนเดินกลางนี่มันสร้างมาเพื่อชรันจริงๆ

   ชื่นอกชื่นใจ

   “มึงเลิกทำหน้าเหมือนอยากกินทุกคนที่เดินผ่านไปได้ไหมวะไอ้เวร” ไอ้แช่มดึงแก้มผม “เดี๋ยวผัวเขาก็เตะให้หรอก”

   “เกินเหอะ กูก็ทำหน้าปกติของกูป้ะวะ” ผมจับมือมันออกก่อนจะถูหน้าตัวเอง มือเปื้อนขนมแล้วมาดึงหน้ากูอีกไอ้ชั่ว

   “เออ แล้วตอนกลางคืนพวกมึงจะมาป้ะ เขามีดนตรีอะ” ทะเลเอ่ยถาม

   “มาดิ ไอ้หมีขึ้นร้องเพลงด้วย เหมือนว่าคณะจะส่งมันมาเป็นตัวแทนอะ กูต้องอยู่ทำหน้าเหี้ยมกันพวกที่จะมายุ่งกับแฟนกู” ไอ้ขันบ่นอย่างหงุดหงิด แหมๆ ๆ ๆ เจตนาชัดเจนชิบหายว่าจะมาเฝ้าแฟน

   หมั่นไส้ว่ะ

   “แล้วพวกมึงอะ จะมาป้ะ”

   “ก็อาจจะว่ะ เดี๋ยวว่ากันอีกที กูต้องถามแฟนก่อน”

   “เออ” ทะเลรับคำจันทร์ฉายก่อนจะคล้องคอผม “มึงล่ะครับเพื่อนเฌอ จะมารึเปล่า”

   “อืม ก็คงมาแหละ กูไม่มีไรทำ เหงา”

   “ช่วงนี้จะเหงาเหรอวะ พูดผิดให้พูดใหม่ได้นะ” เพื่อนรักทั้งกลุ่มหรี่ตาเพื่อจ้องจับผิดผม เอาเข้าไปนะพวกมึงนะ ได้ทีก็เอาใหญ่

   “เออสิวะ กูไปซื้อน้ำก่อน” ผมจับแขนทะเลออกก่อนจะเดินปลีกตัวไปซื้อน้ำ รำคาญพวกมันจริงๆ อาทิตย์ที่ผ่านมานี้จ้องแต่จะจับผิดกัน

   ไอ้เวร

   ผมเข้าใจความหมายของคำที่มันพูดนะที่ว่าช่วงนี้จะเหงาเหรอ โอเค ยอมรับเลยครับว่าช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่เลิกกับน้องเดียร์ผมไม่เหงาเลย มี 2-3 วันแรกที่แซดบ้างแต่มันก็ไม่ได้หนักมากจนใจทนไม่ไหว แล้วก็คงเพราะผมได้ทำอะไรหลายๆ อย่างในช่วงนั้นด้วยแหละมั้งไม่ว่าจะงานหรืออย่างอื่น มันก็ยุ่งอยู่นะเรื่องทำโปรเจกต์จบเสนออาจารย์น่ะ คือตอนแรกที่ผมทำส่งไปให้ทางคณะมันก็โอเคแล้วแต่เหมือนทางสถานประกอบการเขาอยากให้ปรับแก้นิดหน่อยเพื่อให้เข้ากับองค์กรเขา

   เดี๋ยวโปรเจกต์ตัวแก้นี้จะส่งอาทิตย์หน้า

   ผมทำเสร็จแล้วและขอให้มันผ่านไปได้ด้วยดีเถอะ

   ไม่อยากแก้ซ้ำซ้อนซ้ำซากให้ปวดใจ

   อีกอย่างที่เป็นปัจจัยของความคลายเหงาก็คือเด็กคนนึงที่หน้าเหมือนแบด แบดไง เวลา 5 โมงเย็นแบบนี้เขาน่าจะซ้อมคฑาอยู่ สงสารพวกคฑากรนะ เริ่มซ้อมกันตั้งแต่ตอนนี้เลยอะ กีฬาสีมันตั้งเทอมหน้า แต่อย่างว่า....มันมีอย่างอื่นต้องทำด้วยไง ถ้าไปโหมซ้อมช่วงใกล้งานเลยก็จะหนักไป ซ้อมไปเรื่อยๆ แบบสม่ำเสมอก็อาจจะดีกว่า พูดแล้วก็อยากเห็นวันจริงเหมือนกันนะ ผมอยากรู้ว่านังน้อนจะเท่มากแค่ไหน

   มันต้องดีแบบที่ผมคิดเอาไว้แน่ๆ เลย

   ตั้งแต่เลิกกับน้องเดียร์ เราสองคนมีโอกาสได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นครับ ส่วนมากไปกินข้าวกันตอนที่เลิกเรียนแล้ว อืม....ก็แค่นั้นแหละ ไม่มีมากกว่านี้ คงเพราะผมติดทำงานก็เลยอยู่ด้วยกันได้แป๊บๆ อะ ซึ่งมันก็ไม่แปลกอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ ไม่ใช่แค่ผมที่มีหน้าที่ตัวเองต้องทำ แต่สิบสามก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ส่วนมากเวลาของเขาจะหมดไปกับการอ่านหนังสือแล้วก็ทำงานต่างๆ พอมีเวลาว่างตรงกันก็มีคุยบ้างนิดหน่อย

   บางทีก็หาคำพูดมาทำให้ผมใจสั่น

   หึ....อย่าให้ถึงทีของพี่บ้างนะนังน้อน

   “เอาชาเขียวปั่นครับ” ผมบอกกับน้องคนขายอย่างเป็นมิตร ร้านนี้เป็นของคณะทันตะฯ ครับ ขายน้ำปั่นและขายความน่ารักไปในตัว

   แต่ละคนในซุ้มคือดีมาก

   ดีมากๆ เลยค้าบ

   “อุ๊ย ขอโทษค่ะ” ร่างบางที่ชนแขนผมเอ่ยพร้อมกับยิ้มบางๆ “เกลไม่ระวังเอง”

   “ไม่เป็นครับ” ผมเอ่ยตอบน้องคณะการบินฯ คนสวย

   “เอ่อ....จริงรึเปล่าคะที่พี่เฌอเลิกกับแฟนแล้ว”

   รู้เรื่องนี้ด้วยแฮะแถมรู้จักชื่อผมด้วย

   “ใช่ครับ” ผมพยักหน้ารับตามความจริง “พี่เลิกกับแฟนอาทิตย์กว่าละ”

   “งั้นพี่เฌอก็โสดสิคะ”

   “ครับ....โสด”

   “ชาเขียวปั่นได้แล้วค่ะพี่เฌอ 45 บาทค่ะ”

   “โอเคครับ” ผมหยิบเงินส่งไปให้น้องคนที่ขายน้ำก่อนจะรับแก้วชาเขียวมา มองในกระดาษทิชชู่ที่ห่อรอบแก้วก็เห็นว่ามีเศษกระดาษติดมาด้วย พอเป็นแบบนั้นผมจึงเหลือบไปมองน้องทันตะฯ คนนั้น

   ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้แบบนี้นี่ชัดเลย

   “ถ้าพี่โสด....งั้นหนูขอไลน์ได้ไหมคะ” มือบางส่งโทรศัพท์มาให้พร้อมกับมองด้วยสายตาออดอ้อน เอาไงดีวะเนี่ย ถ้าเป็นเมื่อก่อน มีผู้หญิงที่สวยและน่ารักขนาดนี้มาขอไลน์ผมคงจะให้โดยที่ไม่ต้องคิดเลยล่ะ

   ส่วนตอนนี้น่ะเหรอ....หึ

   นังเด็กหน้าเหมือนแบด แบด กำลังลอยหน้าลอยตาเต็มหัวไปหมดเนี่ยะ

   ให้ไปแต่ใช้วิธีนั้นก็ได้นี่นา.....

   “ได้สิครับ” ผมหยิบโทรศัพท์มากดไอดีไลน์ให้น้องเขา “เรียบร้อยแล้วครับ”

   “ขอบคุณนะคะ”

   “งั้นพี่ขอตัวก่อนนะครับ” ผมบอกก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นแล้วหยิบกระดาษที่สอดอยู่ในทิชชู่ออกมาดู ก็พบว่ามันมีเบอร์โทรศัพท์และไอดีไลน์เขียนเอาไว้ เจ้าของระบุชื่อว่าน้องมิว

   ฮอตจังเลยเนอะพี่เฌอเนี่ย

   ผมเก็บกระดาษแผ่นนั้นใส่กระเป๋าเสื้อช็อปเหมือนกับใบอื่นๆ ที่ได้มาในวันนี้ น้องมิวไม่ใช่คนแรกนะครับที่ทำแบบนี้ น้องเกลก็เหมือนกัน วันนี้ผมได้เบอร์กับไลน์ผู้หญิงสวยๆ มาเต็มเลย อารมณ์เหมือนรู้ว่าผมโสด เพิ่งอกหักก็พร้อมพากันมาดามใจ เกินไปมากๆ ก็นะ บอกแล้วว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่คิดอะไรเยอะ แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้วไง ต้องยอมรับก่อนว่าจากสิ่งที่น้องเดียร์ทำเอาไว้ มันทำให้ผมมีสติกับเรื่องนี้มากขึ้น

   ไม่หลงระเริงไปกับรอยยิ้มหวานๆ พวกนั้น

   คือเราไม่รู้ได้เลยอะว่าคนที่เข้ามานั้นเขารู้สึกกับเราจริงๆ ชอบเราหรือแค่เพราะต้องการผลประโยชน์อะไรบางอย่างจากเรารึเปล่า ยิ่งตอนนี้หลายคนรู้ว่าผมสนิทกับสิบสาม อาจจะมีคนที่อยากสนิทกับผมเพื่อไปสนิทกับนังน้อนอีกทีก็ได้ ใช้เฌอคนนี้เป็นทางผ่าน ปกติผมจะไม่ใช่พวกคิดอะไรในแง่ลบขนาดนี้นะแต่พอเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับตัวเองไปแล้วครั้งนึงมันก็ต้องคิดบ้างแล้วป้ะ คิดแล้วมันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่นะ เหมือนคิดเพื่อให้ตัวเองระวังเอาไว้มากกว่า

   บทเรียนแย่ๆ แบบนั้นแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว

   ผมเดินกลับมาหากลุ่มเพื่อนที่ยืนรออยู่ก่อนจะพากันเดินต่อแล้วซื้อของโน่นนี่จนมาถึงร้านที่ขายของน่ารักมุ้งมิ้ง สายตาผมไปสะดุดกับของใช้ต่างๆ ของแบรนด์ซาริโอ้ซึ่งใครบางคนชอบมาก ดูนี่สิ กล่องใส่ของลายลิตเติ้ลทวินสตาร์ แค่นึกว่าสิบสามยืนอยู่ตรงนี้ด้วยกัน ตาเขาต้องเป็นประกายมากแน่ๆ ผมดูของไปเรื่อยจนมาหยุดอยู่ที่ผ้าคาดผมลายนกแพนกวินจอมเกเรแบด แบด มารุ ซึ่งทำไมมันตลกจังวะ

   ตลกแบบนี้ก็ต้องซื้อสิครับ เหยื่อการตลาดอย่างเราต้องพ่ายแพ้อยู่แล้ว

   หลังจากที่ได้ของที่ต้องการแล้วผมก็หันไปหาเพื่อนๆ “เออมึง เดี๋ยวกูไปก่อนนะ เจอกันตอนค่ำ”

   “ตอนค่ำจะเจอมึงแน่เหรอ” ชริตเป็ดเลิกคิ้วมองอย่างกวนส้นตีน “ถ้าเจอนี่จะเจอมึงคนเดียวไหมน้า”

   “ถ้าไม่เจอไอ้เฌอคนเดียวนี่จะเจอใครด้วยน้า”

   “จะเจอใครน้า”

   “คนนั้นชื่ออะไรน้า”

   “มึงจะน้าอีกนานไหมไอ้หน้าสัส กูไปละ เสียเวลา” ผมเบ้ปากใส่พวกมันก่อนจะเดินออกมาทันที กวนประสาทชิบหาย ถ้าไม่ทำชรันคนนี้หงุดหงิดสงสัยจะนอนกันไม่หลับ

   หัวจะปวดจริงๆ

   ผมเดินออกจากถนนคนเดินก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ตึกคณะแพทย์ฯ ตรงลานคุณหมอ เห็นร่างสูงกำลังยืนฟังรุ่นพี่ที่มาซ้อมให้อย่างตั้งใจ สีหน้าเหมือนเดิมเพิ่มคือผมยาวปรกหน้ามาก วันนี้ดูงานดีจัดๆ เพราะไม่ใส่แว่นและสวมแมส แต่ก็นั่นแหละ ผมทิ่มตาไปหมด เดินแล้วมองเห็นทางบ้างไหมวะ นี่บอกให้ไปตัดผมแล้วนะแต่ก็ยังไม่ยอมไปตัดสักที ต้องให้เดินสะดุดหน้าทิ่มสักทีแหละถึงจะยอม

   หึ้ยยย....ย....ดื้อจังวะ

   ผมดูดชาเขียวปั่นในมือพลางมองสิบสามอยู่ตรงนี้เงียบๆ การมาตึกคณะแพทย์ฯ ของผมในหลายครั้งที่ผ่านมานั้นคือไม่เจอน้องเดียร์เลยครับซึ่งมันเป็นเรื่องดีแล้วแหละ ถ้าเจอหน้ากันผมก็คงเฉยๆ ไม่สนใจ เพราะตอนนี้มีคนที่น่าสนใจมากกว่าแล้วล่ะ นังน้อนมันเก่งเหมือนกันนะที่เข้ามาทำให้ใจผมชะงักได้เวลามีคนมายุ่มย่ามน่ะ ผมมักจะนึกถึงเขาก่อนตลอดเลย คือตอนนี้ไม่รู้หรอกว่าระหว่างเราจะเป็นยังไงหรือจะไปในทิศทางไหนแต่ยอมรับว่าเริ่มสับสน

   สับสนไปหมด

   การมีเขาอยู่มันดีจนไม่รู้ว่าคนอื่นที่เข้ามาจะมีใครดีได้เท่าเขารึเปล่า ใครจะทำได้มากกว่าที่เขาทำได้ในตอนนี้ไหม แต่ก็ต้องเข้าใจว่าเออ....สิบสามเป็นผู้ชายไง ตลอดชีวิตของผมมีแค่ผู้หญิงที่เข้ามา บางทีมันทำตัวไม่ค่อยถูกอะ ผมเคยเห็นเพื่อนๆ หรือคนรอบข้างที่มีความสัมพันธ์นี้มาเยอะก็จริง แต่พอมาเจอกับตัวเองมันก็ต้องมีประหม่าบ้าง บางทีคนเราก็ต้องใช้เวลาปรับอะไรหลายๆ อย่างป้ะวะ เดี๋ยวถ้ามันรู้สึกว่าใช่....ถึงตอนนั้นก็จะรู้เองแหละ

   แต่ตอนนี้ก็มีความสุขดีนะ

   เห้อะ....พูดเหมือนพวกมีความรักไปได้

   ผมเดินเข้ามาหานังน้อนที่นั่งพักอยู่ “ผมทิ่มตาไปหมดแล้วคุณ”

   “ทำไมมาอยู่ที่นี่ครับ” เจ้าตัวกำลังพยายามพับแขนเสื้อตัวเองอยู่ พอเห็นแบบนั้นผมเลยพับให้เขา “ขอบคุณครับ”

   “อื้ม....ผมก็มาแอบดูคุณไง”

   “คงไม่แอบแล้วใช่ไหมครับ เพราะพี่ยืนอยู่ตรงหน้าผมเลย”

   “ใช่ เมื่อกี๊แอบดูแล้วคิดว่าถ้าคุณล้มเพราะผมทิ่มตาอาจจะเห็นได้ไม่ชัด เลยอยากมาดูใกล้ๆ ”

   “พี่ก็พูดเกินไป ผมไม่ล้มหรอก” เจ้าตัวเสยผมที่ปรกหน้าออกส่วนผมก็ส่งถุงของบางอย่างให้เขา “อะไรครับ”

   “ของคุณ ผมซื้อมาให้”

   มือเรียวหยิบผ้าคาดผมลายแบด แบดออกมาก่อนจะมองอยู่อย่างนั้น “....พี่เฌอ”

   “มันเหมาะกับคุณมากเลยนะ ผมถึงซื้อมาให้ไง มา....เดี๋ยวผมใส่ให้” ว่าแล้วผมก็แกะถุงผ้าคาดผมออกก่อนจะสวมเข้าที่หัวของสิบสามแล้วใช้มันคาดผมที่ปรกหน้าเขาอยู่

   ลุคนี้คือดีจังวะ

   ผมมองดวงตาคมของคนตรงหน้าที่มองมานิ่งๆ อื้ม ก็หล่อนั่นแหละ ใบหน้าใสที่ไม่มีผมปรกนี่โคตรดีเลย ผมอยากเห็นหน้าเขาชัดๆ แบบนี้มานานละ ปกติผมด้านหน้านังน้อนจะบังอยู่ตลอด ไม่สวมแมสก็ใส่แว่น เนี่ยะ บรรดาแฟนคลับต้องขอบคุณพี่เฌอนะครับ เพราะถ้าไม่มีพี่อยู่แล้วน้องๆ จะไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้เด็ดขาด ผมจับผมเขาให้เข้าที่เข้าทางรวมถึงหน้าของแบด แบดที่เป็นผ้าคาดผมด้วย มองแบบนี้เหมือนสิบสามมีสี่ตาเลยแฮะ

   บอกแล้วว่าเขาน่ะหน้าเหมือนแบด แบดจริงๆ

   “พอใจรึยังครับ” คนที่นั่งอยู่เอ่ยถาม

   “พอใจมาก....ขนาดใช้ผ้าคาดผมลายการ์ตูนแต่คุณยังดูหล่อเลย”

   “ก็ผมหล่อ”

   “หนิ....ผมชมคุณได้ แต่คุณอย่ามาชมตัวเองให้ได้ยินได้ไหม หมั่นไส้จริงๆ ” ผมทำหน้าตึงใส่คนตรงหน้าก่อนจะนั่งลงข้างๆ เขา “เหนื่อยป้ะคุณ”

   “ไม่เท่าไหร่หรอกครับ ผมทนได้ เหนื่อยกว่านี้ก็ทำมาแล้ว”

   “ดีแล้ว แต่ถ้าไม่ไหวก็ต้องพักนะ อย่าฝืนตัวเอง”

   เขาเหลือบมองผม “เป็นห่วงเหรอครับ”

   “ก็จึ๋งนึง....”


   “หึ....พี่นี่” เจ้าตัวหลุดยิ้มออกมาแวบนึงก่อนจะทำหน้านิ่งตามเดิม กลัวคนอื่นเห็นแหละดูออก ตรงนี้ไม่ได้มีแค่ผมไง เขาเลยเลือกที่จะไม่แสดงอะไรออกมามากนัก รอยยิ้มเมื่อกี๊ก็คงเรียกว่าหลุดได้เหมือนกัน

   “ซ้อมเสร็จกี่โมงเหรอคุณ”

   “ 6 โมงครับ มีอะไรรึเปล่า”

   “ก็ถนนคนเดินวันสุดท้าย วันนี้จะมีดนตรีด้วยก็เลยอยากชวนไปด้วยกัน”

   “ได้สิครับ แล้วพี่จะรอผมเลยรึเปล่า”

   “อื้ม ผมว่าง ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว อีกแค่พักเดียวเองด้วย”

   “งั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวผมซ้อมต่อแล้วเราค่อยไปถนนคนเดินกัน”

   “ได้....” หลังจากที่ผมรับคำ สิบสามก็หยิบคฑาแล้วไปซ้อมต่อ

   ผมหยิบโทรศัพท์ก่อนจะกดเข้าเฟซบุ๊ก โพสต์แรกที่แสดงอยู่หน้าไทม์ไลน์คือภาพของผมที่กำลังจัดผมให้สิบสามอยู่ รูปนี้เพิ่งโพสต์ไม่กี่นาทีที่แล้วเอง แอดมินมันเป็นใครวะ แต่ที่แน่ๆ คืออยู่แถวนี้แหละ ดีไม่ดีซ่อนอยู่ในพุ่มคริสติน่าแน่ๆ มันน่านักนะ คือผมไม่มีปัญหากับการถูกถ่ายรูปไปลงนักหรอก คือช่วงแรกอาจจะมีตอนปี 1 อะ แต่พอผ่านๆ ไปก็ช่างแม่ง ถ้ามันไม่ได้สร้างความเดือนร้อนผมก็ไม่ได้ว่าอะไร

   แต่อันนี้มันก็แบบ....หน้าดูเงอะงะชิบหาย

   แล้วสิบสามมุมข้างนี้อย่างหล่อเลยไอ้เวร

   ถ่ายทั้งคู่ก็ควรให้มันหล่อทั้งคู่ไหมวะ แล้วยอดไลค์กับคอมเม้นต์คือมาไวมาก ประเด็นของ #สามเฌอ มันเป็นที่พูดถึงมาตั้งแต่ตอนที่ผมถ่ายรูปเขาลงสตอรี่ไอจีอะ ก่อนจะซาไปตอนที่ผมตั้งตัสคบกับน้องเดียร์ แล้วมันก็มาเริ่มพูดถึงอีกครั้งหลังจากที่ผมโสดและอยู่กับสิบสามบ่อยๆ ตอนนี้เหมือนกับใครหลายๆ คนสงสัยว่าระหว่างเราเนี่ยะยังไงกันแน่ สนิทกันในระดับของรุ่นพี่รุ่นน้องหรืออะไรที่มันมากกว่านั้น

   สำหรับผม สิบสามก็คือรุ่นน้อง

   รุ่นน้องที่พิเศษกว่าคนอื่น....หลายจึ๋ง

   “จิ๊....นังน้อง”

   ตึกตัก

   แอบหันมายิ้มให้ทำไมวะ

   ไอ้บ้า

   

***



   “คนเยอะกว่าเมื่อตอนผมมาเดินอีกอะคุณ”

   “พี่จะชนเขาแล้วครับพี่เฌอ” สิบสามบอกก่อนจะรั้งแขนผมหลบคน “ระวังด้วยสิ”

   “บ่นเก่งว่ะ เดินนำไปเลย” ผมดันให้เขาเดินด้านหน้าก่อนที่ตัวเองจะเดินตามหลัง “ไปร้านปลาหมึกย่าง”

   ร่างสูงเดินนำผมไปยังร้านปลาหมึกย่าง ตอนนี้เราอยู่ที่ถนนคนเดินกลางครับ เดินมาชั่วโมงกว่าละ นี่กำลังมาหาอะไรกินก่อนที่จะเดินไปเวทีเล็กด้านหลัง เอาจริงๆ ตอนนี้ก็เริ่มเล่นดนตรีกันแล้วล่ะ พวกเพื่อนๆ ผมก็น่าจะอยู่หน้าเวทีกันแล้ว ไอ้เวรแช่มนี่โทรตามยิกๆ ไม่รู้มันจะรีบอะไรนักหนา ผมหมั่นไส้เลยตัดสายแม่งซะ เชื่อดิว่าตอนนี้มันต้องสาปแช่งผมอยู่ในใจแน่ๆ

   ช่างแม่ง

   ไม่สนใจหรอก

   “คุณกินไหม” ผมเอ่ยถามเขาพลางจ่อปลาหมึกที่ปากบาง

   สิบสามกินปลาหมึกที่ผมป้อน “เผ็ด”

   “อะน้ำ” ผมส่งน้ำให้เขาพลางลากมาที่ร้านขายขนมเบื้อง “เอา 1 ชุดครับ”

   “อร๊ายยยยพี่เฌอคนหล่อแห่งวิศวะฯ กับน้องสิบสามคนคูลแห่งคณะแพทย์ฯ ” น้องสาวสองที่เฝ้าบูธยิ้มหวานให้พวกเรา “ขนมเบื้องใช่ไหมคะ เดี๋ยวหนูแถมให้พิเศษเลยด้วยความเสน่หา”

   “ขอบคุณนะครับ” ผมยิ้มหวานให้ ขำว่ะ เรียกนังน้อนว่าน้องสิบสามคนคูล คูลตรงไหนวะ เรียกว่าคนหน้าตากวนประสาทยังจะเหมาะกว่า

   ดูทำหน้าสิ

   “ขอถ่ายรูปทั้งคู่หน่อยได้ไหมคะ คือชอบมากเลยน่ะค่ะ อยากให้รักกันนานๆ ”

   “เอ่อเดี๋ยว....คือ” ผมมองสิบสามแบบเลิ่กลั่ก คุณก็ไม่คิดจะแก้ตัวอะไรเลยเหรอวะ

   “หึ....” ร่างสูงหลุดยิ้มออกมาอย่างชอบใจและนั่นทำให้เหล่าเด็กๆ ในร้านขนมเบื้องส่งเสียงวี้ดว้ายกันดังกว่าเดิมเพราะเห็นสิบสามยิ้ม

   ไอ้ต้าวนังน้อนเวรเอ๊ย

   เหมือนแกล้งกันเลยเนี่ยะ

   “มาค่ะๆ มองกล้องนะคะพี่เฌอ น้องสิบสาม เซย์ชีสค่า”

   แชะ

   แชะ

   แชะ

   ถ่ายเป็นร้อยรูปแล้วมั้ง

   “เรียบร้อยค่า ขอบคุณนะคะ อันนี้ขนมเบื้องค่ะ”

   “เท่าไหร่ครับ”

   “ 25 บาทค่ะ”

   “นี่ครับ ขอบคุณนะที่แถมให้ ป่ะคุณ....” ผมลากร่างสูงออกมาจากตรงนั้นด้วยความรู้สึกหลายอย่าง เขินกับอายนำมาก่อนเลยแม่งเอ๊ย คนมองอย่างเยอะ

   อีนังน้อนนี่ก็ยิ้มไม่เป็นเวล่ำเวลาน่าทุบ

   สิบสามหยิบขนมเบื้องไปกิน สีหน้านิ่งแต่ดูอารมณ์ดี งงอะดิว่าผมรู้ได้ไง สายตานั่นไงที่บอกทุกอย่าง นี่ถ้าอยู่กันแค่สองคนคงยิ้มจนลักยิ้มขึ้นแน่ล่ะ ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเด็กในร้านขนมเบื้องเมื่อกี๊ถึงได้ฮือฮากันนัก ปกติแล้วนังน้อนต้องมีอะไรบังหน้าไง แต่วันนี้คือเพียวๆ เลยหน้าใสกิ๊ก แถมบนหัวก็มีผ้าคาดผมลายแบด แบด อีกอย่างที่สำคัญคือยิ้มให้เห็นทั้งๆ ที่มันไม่เคยเป็นแบบนั้น แล้วยิ้มให้กับอะไรรู้ไหม

   ขอถ่ายรูปทั้งคู่หน่อยได้ไหมคะ คือชอบมากเลยน่ะค่ะ.....อยากให้รักกันนานๆ

   ไม่แก้ต่างแถมยิ้มอีกต่างหาก

   คนเข้าใจผิดกันไปทั้งบางแล้วมั้ง

   ผมยัดขนมเบื้องเข้าปากก่อนจะพาเขาเดินมาจนถึงเวทีเล็กแล้วไปยังโต๊ะที่พวกเพื่อนๆ นั่งอยู่ แน่นอนว่าการมาของเราทำให้ไอ้พวกตัวแสบส่งเสียงและสายตากวนส้นตีนมาให้ทันที สิบสามยกมือไหว้พวกมันพอเป็นพิธี คือไม่ควรไหว้หรอกไอ้เวรพวกนี้อะ ไม่มีใครน่านับถือว่าสักคน ผมให้สิบสามนั่งที่เก้าอี้ข้างๆ ก่อนจะหยิบโน่นนี่กินไปเรื่อย เอาจริงๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นังน้อนได้มาร่วมโต๊ะกับเพื่อนๆ ผมหรอกนะ ก่อนหน้านี้มีมากินข้าวด้วยกันที่ตึกคณะผมนั่นแหละ ตอนนั้นก็ตั้งใจจะกินกันแค่สองคน

   สักพักไอ้พวกนี้ก็โผล่มาจากไหนไม่รู้

   นั่งล้อมนังน้อนเอาไว้พร้อมกับเผาวีรกรรมของผมให้ฟังไปด้วย

   “ไอ้หมีขึ้นละ ไปพวกมึง” ไอ้ขันบอกก่อนจะลุกเดินไปด้านหน้าเวที คือต้องให้ได้ยืนชิดขั้นสุด ไม่ขึ้นไปบนเวทีเลยวะ

   “มึงไปป้ะเฌอ”

   ผมส่ายหน้า “ไม่เอา กูไม่อยากเบียดกับคนอื่น พวกมึงไปเหอะ เดี๋ยวกูเฝ้าของให้”

   “เฝ้าของหรือเฝ้าเด็กอะครับ” เสียงแซวจากทะเลเพื่อนรัก อยากถอดรองเท้าปาใส่หน้าจริงๆ พูดมากนัก

   “ไปๆ กันได้ละ รำคาญจริงๆ ” ผมยัดขนมเบื้องเข้าปากพลางมองไอ้หมีที่เดินขึ้นเวทีไปพร้อมกับเพื่อนกลุ่มมัน คนนึงคือไอ้เป้ส่วนอีกคนไม่รู้ว่าเป็นใคร ช่างแม่ง ชรันไม่จำเป็นต้องรู้จักคนทั้งโลกแบบที่ไอ้หมีรู้จักสักหน่อย

   “หมีร้องเพลงเพราะมากเลยนะครับ”

   “อื้ม แต่ก็เพราะมันร้องเพลงเพราะแบบนี้เนี่ยแหละ ไอ้ขันถึงได้เป็นบ้าแบบนั้นไง” ผมหันมองคนข้างๆ “คุณร้องเพลงได้ป้ะ”

   “ร้องได้ครับ....เพราะด้วย”

   “งั้น....”

   “แต่ผมตั้งใจจะร้องให้แฟนตัวเองฟังนะครับ” สิบสามเอียงหัวมาใกล้ผม “พี่เฌออยากฟังไหมล่ะ”

   ตึกตัก

   แม่งๆ ๆ ๆ ๆ

   ผมผลักหัวเขาออกอย่างหมั่นไส้ “คุณนี่....”

   “ก็ผมตั้งใจเอาไว้แบบนั้นจริงๆ นี่ครับ” ร่างสูงหยิบเศษกระดาษที่อยู่บนขาผม “มันออกมาจากเสื้อช็อปพี่”

   “อ๋อ” พอเห็นแบบนั้นผมก็ล้วงเอาเศษกระดาษที่ได้มาวันนี้ยัดใส่มือสิบสาม “นี่เป็นเบอร์กับไอดีไลน์ที่ผมได้มาวันนี้”

   “เยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ”

   “ใช่ เห้ยเดี๋ยวดิ” ผมมองมือเรียวที่ขยำกระดาษพวกนั้นก่อนจะทิ้งลงถุงขยะทั้งหมด อะไรของเขาวะนั้นน่ะ

   “คู่แข่งผมทั้งนั้น” เขาเอ่ยเหมือนหงุดหงิด “เชื่อเถอะครับว่าเจ้าของเบอร์พวกนั้น ไม่มีใครสู้ผมได้หรอก”

   ผมเลิกคิ้วมองเขา “มั่นใจขนาดนั้นเลย”

   “ก็จึ๋งนึงครับ”

   “คุณนี่มันจริงๆ เลยนะนังน้อน”

   จะน่ารักไปถึงไหนวะ

   ผมนั่งอมยิ้มมองเขาอยู่อย่างนั้น ความจริงผมก็ตั้งใจที่จะทิ้งกระดาษพวกนั้นอยู่แล้วแหละ แต่ไม่คิดว่าสิบสามจะทำแบบนั้นให้แทนไง ส่วนน้องๆ ที่ขอไลน์ผมไปในวันนี้ มันเป็นไลน์ของโทรศัพท์เครื่องเก่าที่พังไปแล้ว ยังไงผมก็คงไม่ได้คุยกับพวกเธอแบบแน่นอน บอกแล้วไงว่าใจจะชะงักตลอดตอนมีคนที่มายุ่มย่าม สาเหตุมันก็เพราะคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กันนี่ไง ไม่รู้ดิ เหมือนตอนนี้ผมโอเคที่จะให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้มั้ง

   ระหว่างเราให้มีแค่ผมกับเขาก็พอแล้ว

   อย่างที่ผมเคยบอกว่าถ้าวันนึงเจอผู้ชายที่ทำให้ตัวเองหัวใจเต้นแรงได้ ผมก็อาจจะชอบผู้ชายคนนั้นก็ได้ ชอบในฐานะที่ไม่ได้ใช้คำว่าทั่วไป และตอนนี้ผมอาจจะเจอคนๆ นั้นแล้ว ผมไม่เคยใจเต้นแรงให้ผู้ชายคนไหนมาก่อน ความรู้สึกพิเศษที่เกิดขึ้นมันก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับใคร เขาเป็นคนแรก ผมรู้ว่าช่วงเวลาที่เรารู้จักกันมันไม่ได้นานมากขนาดนั้น แต่สำหรับผมแล้วช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผ่านมาทั้งหมดนั้นน่ะ....โคตรมีความหมายต่อความรู้สึกเลย

   มันพิเศษมากจริงๆ

   บางทีผมคิดว่าการที่ชีวิตเรามีคนเดินเข้ามาพร้อมกันตั้งมากมายแต่สุดท้ายเราก็เลือกที่จะมีคนๆ เดียวโดยที่เราตัดทุกคนทิ้งออกไปเลย นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบมากแล้วนะ ให้เวลาจัดการอะไรอีกหน่อย จนถึงตอนนั้นเดี๋ยวคำตอบมันก็จะชัดเจนมากกว่านี้แหละ

   รอผมหน่อยนะนังน้อน

   

   “ฉันมองเห็นใครคนหนึ่งที่ใจฉันปรารถนา เขาดูคล้ายคนที่ใจรอคอยและตามหา  ผ่านมาเนิ่นนานเท่าไรชีวิต ทางที่เลือกเดินฉันไม่เคยคิด ว่าจะมีใครลิขิต ให้ชีวิตได้มาเจอเธอ

   หรือว่ารักไม่ใช่สิ่งที่เราต้องตามหา รักที่แท้แค่เพียงหยุดรอคอยและไขว่คว้า  ผ่านมาเนิ่นนานเท่าไรชีวิต ผ่านมามากมายฉันไม่เคยคิด ว่าจะมีใครลิขิต ให้ชีวิตได้มาพบเธอ”


   

   สิบสามมองผมพร้อมกับส่งมือมาให้

   หึ....ถ้าผมจับมือเขาไว้ เรื่องระหว่างเราจะเป็นยังไงกันนะ

   “จับมือแล้วจะยังไงต่อ”

   “จับแล้วก็จะไม่ปล่อยครับ”

   สมเป็นนังน้อนจริงๆ

   ผมเลื่อนมือไปจับมือสิบสามเอาไว้ รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าเขาซึ่งมันคงไม่ต่างจากผม ก็ไม่รู้จริงๆ ว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไง แต่ที่รู้คือตอนนี้มันดีมากเลย ถ้าเป็นแบบนี้ไปได้ทุกวัน....ก็คงดี

   

   “คือเธอใช่ไหม ที่ฉันจะฝากหัวใจ ตามหามานานเท่าไร สุดท้ายเธอคนที่ใช่ อยู่ใกล้ใกล้ตัว

   เป็นเธอได้ไหม ให้ฉันได้หยุดหัวใจ เอาไว้ที่เธอ เดินทางมาแสนไกล สุดท้ายคนที่ใช่.....อยู่ตรงนี้เอง”

   

   ( เพลง เอ็มเอสเอ็น (MSN) - Helmetheads )


   

   

   

   

   



   TBC.

   สวัสดีค่ะชาลมาส่งสามเฌอแล้วนะคะ ใจไม่ไหวมากกับการเขียนบท 10 คือมันน่ารักจนไม่อยากคิดว่าตัวเองเป็นคนเขียน หุบยิ้มไม่ได้เลยอะ ชาลหวังว่าบี๋จะหุบยิ้มไม่ได้เหมือนกันนะคะ ก็หลายคนอ่านแล้วอาจจะรู้สึกว่าเรื่องระหว่างเเขาเนี่ยะมันใช้เวลาไม่นานแต่นั่นแหละค่ะ พี่เฌอได้ตอบแล้วว่ามันเป็นยังไง ในมุมมองของชาลคิดเรื่องบางอย่างไม่จำเป็นต้องใช้เวลานะ ใช้ความรู้สึกและความมั่นใจพอ เพราะบางทีรอเวลาไปมันอาจจะสายไปก็ได้ค่ะ

   ช่วงนี้ชาลมีปัญหาส่วนตัวและต้นฉบับนิยายต้องจัดการนะคะ ก็อย่างที่บอกก่อนหน้าคือจะไม่ทำให้รอนานจนเกินไปนะ แต่ก็ต้องขอให้รอกันอย่างใจเย็นนะคะ

   สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th น้า

   ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค้าบบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2020 21:59:40 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 11 ดอกกุหลาบ



   เบื่อควิซว่ะ

   เบื่อพอๆ กับที่เบื่อหน้าไอ้แช่มเลย

   ผมนั่งเท้าคางมองเพื่อนรักที่อยู่ในสภาพเหมือนไม่มีสติ แต่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะว่ามันอยู่ในช่วงบำบัดอาการ PTSD เดี๋ยวต้องมารอลุ้นกันอีกทีว่าการกลับไปบ้านเกิดที่จังหวัดนครศรีฯ จะส่งผลต่ออาการมันยังไงบ้าง จะหายหรือว่าจะเป็นหนักกว่าเดิม ผมเป็นห่วงนะ ไม่ใช่แค่ผมหรอก เรียกได้ว่าทั้งกลุ่มนั่นแหละที่เป็นห่วง ในแก๊งค์ปลาทองเนี่ยะ ผมสนิทกับไอ้แช่มที่สุดแล้ว แต่ถึงจะสนิทที่สุด มันก็ไม่เล่าอะไรให้ฟังเลยนะ

   ต้องให้ตามสืบเอาเอง

   “จ้องหน้ากูขนาดนี้” คนที่ถูกจ้องหรี่ตามองผม “แอบชอบกูมานานแล้วสิ แต่เสียใจด้วยนะครับ ผมมีแฟนแล้ว”

   “สะเหล่อ ให้ไอ้หอมโชคร้ายไปคนเดียวเถอะ”

   “พูดจาน่าถีบยอดหน้าจริงๆ เป็นแฟนกูอะโชคดีจะตายห่า” ชริตเป็ดบอกพร้อมทำหน้าบึ้งใส่

   “แหมๆ ๆ ๆ กูอยากจะพามึงย้อนเวลากลับไปดูซะจริงว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในช่วงที่ผ่านมา ทำไม หรือจะเถียงอะ”

   “เถียงไม่ออกเลยว่ะ” เจ้าตัวถอนหายใจพลางทำหน้าสลด “เอาน่ะ แต่หลังจากนี้กูจะพยายามทำให้น้องหอมรู้สึกโชคดีที่ได้เป็นแฟนกู”

   “เออ เป็นแบบนั้นก็ดี”

   “ดราม่าไรกันวะ” ทะเลถือจานข้าวเดินเข้ามานั่งลงข้างผม “งอแงอะไรอีกไอ้แช่ม”

   “เปล่า เมื่อกี๊คำพูดไอ้เฌอมันจี้จุดอะ กูรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ”

   “มึงเริ่มก่อนเองนะ วันหลังไม่อยากปวดใจก็อย่าห้าวใส่พี่ครับน้อง” ผมจิ้มผักคะน้าในจานทะเลมากิน “หยุดยาวตกลงไปไหนวะ”

   “บ้านลันตาที่กระบี่ว่ะ กูประหม่าเหมือนกัน ไปบ้านแฟนครั้งแรกเลย มึงว่ากูจะรอดไหม”

   “ตายแน่นอนแหละมึงอะ เคยทำลูกเขาเสียใจถึงขนาดนั้น”

   “มันก็นานแล้วป้ะมึง ตั้งกี่ปีแล้ว” ทะเลเอ่ยอย่างหวั่นใจ “ตอนนั้นกูก็บัดซบจริงอะ แต่พอเป็นแฟนกันแล้วกูก็ดูแลมันอย่างดีป้ะวะ อย่างน้อยก็เพื่อชดเชยในเวลาที่กูทำตัวแย่ๆ ใส่”

   “ดูแลอย่างดี หึ....วันก่อนกูยังเห็นด่ามันเรื่องเสื้อช็อปอยู่เลย” ไอ้ขันที่เพิ่งเดินเข้ามาแขวะคนพูดไปทีนึง “กูว่านะ มึงไปบ้านลันตารอบนี้ ชะตาขาดแน่”

   “ปากดีจริงไอ้หน้าส้นตีน”

   ปลาทองกัดกันใหญ่เลยครับ....อะไรของพวกมันวะ

   ผมส่ายหัวเบาๆ อย่างหน่ายใจ แก๊งค์ปลาทองที่คบกันมาตอนนี้ก็เกือบ 4 ปีแล้ว สำหรับพวกผมมันเป็นมิตรภาพแบบสับสนมึนงงอะ แต่ละคนคือไม่น่าจะมาเป็นเพื่อนกันได้ด้วยซ้ำในตอนแรก ขอให้เรียกเรื่องของพวกเราว่าเวรกรรมละกัน เชื่อป้ะว่าพวกผมเคยทะเลาะกันหนักมากตอนปี 1 ถึงขั้นจะลงไม้ลงมือกันด้วยนะ ส่วนเรื่องที่เป็นสาเหตุครั้งนั้นก็คือเรื่องสูบบุหรี่ครับ ผมกับไอ้ขันคือเกือบตบตีกันมาละ

   มันน่าหมั่นไส้มากเมื่อก่อนอะ

   จำได้ว่าช่วงนั้นมันกวนส้นตีนอะไรสักอย่าง ผมหงุดหงิดก็เลยไปพ่นควันบุหรี่ใส่หน้ามัน คือไอ้ขันไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ มันก็ของขึ้นที่ผมทำแบบนั้น ก็นั่นแหละ มีปากเสียงกันจึ๋งนึงก่อนจะง้างหมัดหวังจะซัดหน้ามันแต่ทะเลกับจันทร์ฉายลากผมออกมาได้ก่อน ส่วนไอ้แช่มก็ไปปรามไอ้ขัน ย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องวันนั้นแม่งโคตรขำเลย เรื่องมันเล็กมากแต่เลือดร้อนไง สงสัยอยากแดกตีนแหละคิดว่านะ แต่นั่นแหละ พอมีสตินึกคิดได้ก็คุยกันดีดีแล้วก็ขอโทษกัน

   แล้วก็ร่วมแก๊งค์ปลาทองมาจนถึงวันนี้

   เดี๋ยวพอจบเทอมนี้ทุกคนก็ต้องแยกย้ายไปฝึกงานตัวโปรเจกต์จบ มีของไอ้แช่มที่อยู่ไกลสุดคือไปฝึกที่จังหวัดระยอง ส่วนผมกับพวกที่เหลือฝึกกันอยู่ในแถบปริมณฑลนี่เอง ไอ้ขันได้ฝึกกรุงเทพฯ ไอ้เวร คือน่าหมั่นไส้ตรงที่มันชอบขิงว่ามันจะได้อยู่ใกล้ไอ้หมีตลอดช่วงเวลาฝึกงาน แล้วลองตัดภาพไปที่ชริตเป็ดผู้น่าสงสารดิ ของผมยังดีนะว่าอยู่แค่ปทุมฯ นี่เอง เอาน่ะ แค่ไม่กี่เดือนเองป้ะวะ

   ผ่านไปได้ก็จบแล้ว

   “เฌอ” จันทร์ฉายเรียกผมพร้อมกับส่งชาเขียวปั่นที่ฝากซื้อมาให้ “หยุดยาวนี้มึงไปไหน”

   “ตอนแรกมีแพลนว่าจะไปเสม็ดกับน้องเดียร์ แต่ก็นะ ตอนนี้น้องเดียร์จากกูไปแล้ว แพลนล่มแบบนี้กูอาจจะอยู่ห้องเฉยๆ ”

   “หยุดตั้งหลายวัน อยู่ห้องเฉยๆ มึงเบื่อตายพอดี”

   “ก็กูไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรหรือไปไหนดีนี่หว่า คืออยู่ห้องยังไงมันก็เหงาใช่ไหม ไปเที่ยวที่อื่นมันก็เหงาเหมือนกันเพราะมีกูคนเดียวเนี่ยะ หรือจะให้กูไปไหว้พ่อแม่ลันตากับมึงดีไหมล่ะ”

   “แบบนั้นก็ดีนะ เผื่อพ่อลันตาจะยิงกู กูได้วิ่งมาหลบหลังมึง”

   “ความคิดชั่วๆ ” ผมหยิกแขนมันอย่างหมั่นไส้ “มึงไปเผชิญชะตากรรมคนเดียวเลย กูไม่ไปไหนทั้งนั้นอะ”

   “กูจะไปฟาร์มที่บ้านไอ้หมี ถ้ามึงไม่รู้จะไปไหน ไปด้วยกันไหมล่ะ” เพื่อนขันเอ่ยถาม

   ผมส่ายหน้ารัวๆ “กูไม่อยากเห็นความรักอันหวานชื่นของมึงกับไอ้หมีหรอก รำคาญ”

   “งั้นมึงก็นอนเฉาตายอยู่ที่หอนั่นแหละ แล้วไม่ต้องไลน์มางอแงกับพวกกูนะว่าเหงา”

   “เออน่ะ ไว้ค่อยไปกันสักที่เยอะๆ ดิวะ ไปทั้งกลุ่มอะไรแบบนี้อะ นี่พวกมึงไปกันเป็นคู่ ถ้ากูไปด้วยมันก็เหมือนแบบ....อืม คนเหงาจริงๆ อะมึง”

   “งั้นก็เอางี้ดิ มึงอยากไปเสม็ด มึงก็ไป” ไอ้แช่มบอกก่อนแย่งชาเขียวปั่นผมไปกิน “แล้วมึงก็ชวนน้องหมอไปเที่ยวเป็นเพื่อน”

   “เห้ย....แต่ไปเสม็ดอะ ระวังจะเสร็จเด็กมันนะ”

   หึ....เด็กดิต้องเสร็จกู

   เดี๋ยวก่อนนะ ไม่ใช่แบบนั้นดิวะเฌอ

   “เอ่อ....คือกูไม่รู้ว่าสิบสามจะไปไหนรึเปล่าว่ะ เออเอาเป็นว่ายังไม่รู้ว่าอะไรยังไงละกัน เดี๋ยวกูมานะ ไปสูบบุหรี่ก่อน”

   “กูไปด้วย” จันทร์ฉายบอกก่อนจะเดินตามผมมาที่ด้านหลังตึก

   ผมจัดแจงหยิบน้อนบุหรี่ออกมาจากตลับก่อนจะจุดสูบ ชวนสิบสามไปเที่ยวเสม็ดงั้นเหรอ อืม....ไม่แน่ใจเลยอะว่านังน้อนจะทำอะไรหรือไปไหนรึเปล่าช่วงหยุดยาว อีกอย่างคือไม่รู้ว่าถ้าชวนไปเที่ยวแล้วจะยอมไปด้วยกันไหม เสม็ดมันไกลไง มันไม่เหมือนไปเดินตลาดที่คิดจะไปก็ไป จากวันที่มีถนนคนเดินก็ผ่านมาไม่กี่วัน แต่เชื่อไหมว่ามันเป็นไม่กี่วันที่ใจโคตรยวบยาบเลย ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะการอัปเดตรูปภาพต่างๆ ลงโซเชี่ยลของนังน้อนครับ

   มีแต่รูปผมพร้อมกับแคปชั่นที่คิดดีไม่ได้เลย

   ส่วนมากเป็นรูปแอบถ่ายที่ผมไม่รู้ตัวซะมาก มีตอนที่หลับอยู่บนเตียงเขาด้วย จบแล้วชีวิตอะ ผมคิดว่าการที่สิบสามทำแบบนั้นอาจจะเป็นเพราะไม่อยากให้ใครมายุ่งกับผมล่ะมั้ง มันไม่ใช่การแสดงความเป็นเจ้าของชัดเจนแต่เหมือนตั้งใจจะบอกว่าคนนี้กูจีบอยู่ ใครยุ่งกูจะยิงให้ด้วย มันเป็นฟีลประมาณนั้นครับ ส่วนในเพจคิ้วท์บอยมหา’ลัยก็อวยเขาจัดๆ เลยเพราะปกติเด็กนี่เคยทำอะไรแบบนี้ที่ไหน

   สิ่งที่เขาแสดงออกไปทั้งหมดนั้นมันทำให้คนอื่นได้รู้ว่าผมพิเศษมากแค่ไหน

   ขนาดนี้แล้วก็ต้องเขินป้ะวะ

   ผมเห็นรูปที่เราถ่ายด้วยกันที่หน้าร้านขนมเบื้องในเพจคิ้วท์บอยซึ่งภาพที่ถูกนำไปลงนั้น นังน้อนเขายิ้มด้วยนะ โคตรหล่อเลยอะ หล่อจนผมที่ยืนอยู่ข้างกันดูดรอปไปเลย แม่ง....คิดแล้วหมั่นไส้ว่ะ เดี๋ยวค่อยเอาความหมั่นไส้นี้ไปล้างแค้นทีหลัง รู้ไหมครับว่ารูปนั้นทำให้ผมรู้อะไรดีดีเยอะเลยนะจากคอมเม้นต์ของคนที่ชอบและติดตามสิบสาม พวกนั้นบอกว่าตั้งแต่ที่ตามนังน้อนมาเนี่ยะ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย

   ไม่เคยยิ้มให้เห็นได้บ่อยขนาดนี้และผมจะเป็นปัจจัยของรอยยิ้มพวกนั้นเสมอ

   ถ้าไม่มีผมอยู่เขาก็จะไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาเลย แต่ถ้ามีผมอยู่ด้วย เขาจะกลายเป็นเหมือนอีกคน เป็นใครที่คนอื่นไม่รู้จัก ทุกอย่างมันแสดงออกมาจากท่าทางและสายตาที่ชัดเจนมาก พอได้รู้แบบนั้นผมก็รู้สึกดีเหมือนกันนะ

   รู้สึกอยู่ยากขึ้นมาจึ๋งนึงด้วย

   “เฌอ”

   “หืม....”

   “กับสิบสามน่ะ ยังไงวะ”

   “กู....จะพูดยังไงดีวะ มึงเข้าใจฟีลว่านี่เป็นครั้งแรกที่กูรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายป้ะ คือความรู้สึกต่างๆ มันก็ค่อนข้างชัดเจนนะแต่แบบ....”

   “เออกูเข้าใจ ใจเย็นๆ ก่อน” มือเรียวลูบไหล่ผมเบาๆ “เอาทีล่ะอย่างละกัน การที่มีเขาอยู่มันดีไหม”

   “ดีดิ ดีจนกูไม่รู้เลยว่าจะมีใครที่เข้ามาแล้วทำได้ดีเท่าที่เขาทำได้รึเปล่า ตอนแรกที่รู้จักกันใหม่ๆ เขาช่วยกูไว้หลายอย่าง ดูแลกูตอนเมา ไปโน่นไปนี่เป็นเพื่อนเวลาที่พวกมึงไม่ว่าง คือตอนนั้นมันก็อยู่ในความสัมพันธ์แบบที่กูมองเขาเป็นรุ่นน้อง แต่พอมีเรื่องเกิดขึ้นแล้วเขาบอกว่าตัวเองรู้สึกกับกูยังไง อะไรๆ มันก็เปลี่ยนไปอะมึง ตอนนี้กูก็คิดว่าเขาเป็นคนพิเศษ”

   “รู้ป้ะว่าสำหรับสายตาคนอื่น ตอนนี้มึงสองคนไม่ต่างจากคนเป็นแฟนกันเลย”

   “เออ ก็รู้แหละ แต่สถานะแฟนอะมึง มันก็หมายความถึงอะไรที่มันมากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ใช่ไหมล่ะ” ผมพ่นควันบุหรี่พลางผ่อนลมหายใจ “ถ้าให้กูพูดตรงๆ ก็....ก็ชอบแหละ แต่ว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้มันดีมากๆ เลยอะ กูไม่รู้ว่าถ้าความสัมพันธ์มันไปมากกว่านี้แล้วทุกอย่างจะเหมือนเดิมไหม กับสิบสามมันต่างจากทุกคนที่กูเจอมา กูหวั่นใจไปหมด”

   “แบบนี้มันก็เท่ากับว่ามึงก็รู้สึกแบบเดียวกับที่น้องรู้สึกกับมึง ถูกไหม”

   ผมพยักหน้ารับ “ก็คงงั้น”

   “แต่มึงยังไม่แน่ใจว่ามันจะดีแบบนี้ไหมหลังจากที่คบกัน ว่างั้นเถอะ”

   “ก็เอออะดิ แรกๆ อะไรมันก็ดี เขินสุดก็ตอนจีบกันนี่แหละ”

   เพื่อนรักเอียงหัวมาใกล้ผม “ถ้าคนๆ นั้นใช่สำหรับมึงจริงๆ มึงจะรู้ว่าตอนที่เขินที่สุดมันไม่ใช่แค่ช่วงที่จีบกัน....เชื่อกู”

   “เหรอวะ”

   “เออสิ ตอนนี้มึงลองมองแค่ตัวน้องมันนะ ตัดเรื่องเพศออกไป คนๆ นั้นคือคนที่ทำให้มึงรู้สึกดี มีความสุข และก็มีอิทธิพลต่อชีวิตมึง แค่เท่านี้ มึงจะลังเลอะไรอีกวะ”

   “.....”

   “มึงเองนะที่เคยบอกกูเอาไว้ว่าเวลาไม่เคยรอใคร อยากทำอะไรก็ทำ จะได้ไม่ต้องมานึกเสียใจในวันที่มันสายเกินไป และถ้ามึงยังสับสนอยู่ ก็....” จันทร์ฉายเลื่อนมากระซิบข้างหูผม “ลองจูบดู”

   “.....”

   “เสียงจากหัวใจมึงนั่นแหละ....คือคำตอบ”


***



   “รอนานไหมครับ”

   “ไม่อะ วันนี้ผมไม่ได้เอารถมา คุณเอารถมารึเปล่า”

   “ครับ เดี๋ยวไปรถผม”

   “โอเค” ผมรับคำก่อนจะตามร่างสูงไปยังลานจอดรถหลังตึกคณะแพทย์ฯ

   ตอนนี้เกือบ 1 ทุ่มแล้วครับ สิบสามเพิ่งซ้อมคฑาเสร็จ เรามีนัดไปกินเย็นตาโฟเจ้าอร่อยด้วยกัน พูดแล้วก็หิวว่ะ เดี๋ยวเฌอจะกินสักสามชาม ผมขึ้นมานั่งบนรถก่อนจะคาดเบลท์พลางมองนังน้อนที่ดึงผ้าคาดหัวลายแบด แบดออก มือเรียวเสยผมให้แสกกลางไปทีนึงประหนึ่งทรงเด็กช่าง ยังดื้อไม่ยอมไปตัดผมไง หรือเขาจะไม่ไว้ผมปรกหน้าแล้ววะ รอผมยาวแล้วแสกกลางไปเลยแบบนี้เปล่า

   โหย....ลองนึกภาพลุคนั้น

   ตายดิ ใจเหลวเป็นน้ำไปเลย

   ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแอบถ่ายรูปว่าที่คุณหมอ พลางสังเกตต้นคอที่เป็นรอยปื้นแดง “คุณไปโดนอะไรมาอะ”

   “ผื่นขึ้นน่ะครับ เดี๋ยวก็หาย”

   “ที่มือก็มีด้วยเหรอ” ผมคว้ามือซ้ายของเขามาดู “ขึ้นมาถึงข้อมือเลยนะ”

   “อยากจับมือผมก็บอกสิครับ”

   “เกินเถอะ” ผมเอามือเขาวางไว้ที่เดิม “ผมดูรอยผื่นต่างหาก”

   “ผมก็นึกว่าอยากจับ”

   “เปล่าสักหน่อย ขับรถไปเลย” ผมเบ้ปากใส่เขาก่อนจะหันไปมองทางด้านนอกแทน

   นึกถึงเรื่องที่พูดกับจันทร์ฉายเมื่อบ่ายเหมือนกันนะ ที่บอกว่าถ้าลังเลก็ให้ลองจูบเขาดู ถามจริงๆ เถอะ จะไปจูบได้ยังไงวะ แม่งพูดเรื่องที่ทำได้ยากอีกละ เออมันเอาคำพูดที่ผมเคยบอกตอนที่มันมีปัญหาเรื่องความรักกลับมาสอนผมด้วย ไอ้เวร จำได้แม่นเชียว ขนาดผมที่เป็นคนพูดเอาไว้ยังมีลืมๆ ไปบ้างเลย แต่มันก็จริงตามนั้นเลยนะ บางทีการที่เรารอไปเรื่อยๆ มันอาจจะสายไปก็ได้ อยากทำอะไรก็ทำไปเลยดีกว่า

   แต่ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ

   มันไม่ง่ายเลยนะสำหรับเรื่องนี้....กับคนนี้

   ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงร้านเย็นตาโฟลุงปี๊ด ผมเดินนำสิบสามเข้าไปในร้านก่อนจะจัดแจงสั่งเย็นตาโฟ คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่นะ ดีแล้วแหละ เพราะแถวนี้มีคนที่ไม่ค่อยชอบความวุ่นวายอยู่ ผมมองร่างสูงที่นั่งเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อย พอเห็นแบบนั้นผมจึงกดเข้าไปในไลน์ก่อนจะพิมพ์ข้อความบางอย่างส่งไปหาเขา เสียงแจ้งเตือนไลน์ของอีกฝ่ายดังขึ้น มือเรียวกดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ตัวเองก่อนจะมองผมอยู่อย่างนั้น

   “พี่นี่จริงๆ เลยนะครับ เอาโทรศัพท์ผมไปเลยไหมล่ะ”

   “ไม่เอา....เพราะตอนนี้คุณไม่ได้มองโทรศัพท์แล้ว”

   “ชอบเอาชนะ”

   “แล้วคุณจะไม่ยอมรึไงล่ะ”

   “ยอมครับ” เจ้าตัวเท้าคางมองผม “ยอมทุกอย่างแหละ”

   “พูดแบบนี้ผมก็ได้ใจอะดิ”

   “ก็ได้ไปแล้วนี่ครับ” เจ้าตัวส่งชามเย็นตาโฟมาทางผม “หน้าแดงอยู่นะครับพี่เฌอ”

   เออสิก็เขินหนิ

   “เรื่องของหน้าผมน่ะ” ผมตักพริกใส่เย็นตาโฟก่อนจะยัดลูกชิ้นเข้าปาก โอ๊ยยยย ร้อนนนน เนี่ยะ เขินทีไรก็เสียอาการตลอด ไม่ไหวป้ะเฌอ เป็นแบบนี้เด็กก็จับทางได้หมดอะดิ

   ผมนั่งกินเย็นตาโฟไปเรื่อยๆ พลางแย่งลูกชิ้นกุ้งในชามนังน้อนมากิน เขาไม่ได้ว่าอะไรนะที่โดนผมแย่งกินโน่นนี่ สิบสามเป็นคนกินเยอะเหมือนกันนะเท่าที่เห็น อย่างวันที่ไปถนนคนเดิน ของกินที่ซื้อมาเยอะแยะนั่นเขาก็กินจนหมด แล้วก็เป็นคนที่กินนมเยอะมาก กินนมพร้อมคารามูโจ้อย่างงี้ คือรสชาติไม่ได้ป้ะวะ นมจืดกับขนมรสเผ็ดเค็ม ท้องไส้ไม่มีปัญหาบ้างเหรอถามจริง เออแล้วเมื่อวันก่อนผมเห็นเขากินส้มหมดเป็นกิโลฯ เลยอะ

   กระเพาะอาหารทำด้วยอะไรเนี่ยะ

   หลังจากที่ชามแรกหมดผมก็สั่งเพิ่มทันทีพร้อมกับสั่งให้นังน้อนด้วย เขายังไม่อิ่มหรอกเพราะโดนผมแย่งกินไง เดี๋ยวถ้ากินเย็นตาโฟเสร็จก็ต้องให้เขาไปส่งที่หอด้วยนะเนี่ย พรุ่งนี้มีเรียนตอนบ่ายเป็นวันสุดท้ายของวีคนี้ด้วยก่อนหยุดยาว ผมจะเอายังไงกับช่วงหยุดยาวนี้ดีวะ ใจนึงก็อยากไปเที่ยวแหละแต่อีกใจก็ไม่อยากไปคนเดียว ครั้นจะชวนคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไปด้วยก็ไม่รู้ว่าเขาจะไปด้วยไหม

   แต่ถ้าไม่ลองชวนก็ไม่รู้ป้ะวะ

   “พี่ขา....ช่วยซื้อดอกไม้หนูหน่อยนะคะ” เสียงใสเอ่ยขึ้น ผมมองเด็กน้อยที่ถือตะกร้าซึ่งด้านในมีดอกกุหลาบอยู่

   “ดอกละเท่าไหร่คะ”

   “ดอกละ 20 บาทค่ะ”

   “งั้นพี่เอาดอกนึงนะ” ผมส่งเงินให้เธอพร้อมกับหยิบดอกกุหลาบออกมา 1 ดอก ดูสดและสวยมากเลยแถมดอกใหญ่อีกต่างหาก ปกติผมไม่ได้ชอบดอกไม้อะไรขนาดนั้นหรอกนะ แต่ไหนๆ น้องเขาก็เอามาขายแล้ว อุดหนุนสักหน่อยก็ไม่เป็นไร

   “พี่เหมาทั้งหมดเลยละกันครับ นี่ค่าดอกไม้นะ ไม่ต้องทอน” สิบสามส่งเงินให้น้องเขาก่อนจะหยิบดอกกุหลาบออกมาจากตะกร้าทั้งหมด

   “ขอบคุณนะคะ” เธอยิ้มหวานให้พวกเราก่อนจะเดินไปทันที

   มือเรียวส่งดอกกุหลาบทั้งหมดมาให้ผม “ผมให้พี่ครับ”

   “คุณนี่นะ” ผมรับดอกไม้มา “ขอบคุณละกัน”

   “ครับ....”

   “สวยเนอะคุณ นี่ขายดอกละ 20 บาทถือว่าถูกอยู่นะเพราะดอกใหญ่มากเลย หอมด้วย....คุณลองดม” ผมยื่นดอกกุหลาบไปทางเขาดอกนึงแต่นังน้อนหันหนีไปทางอื่นก่อนจะจามอย่างหนัก

   “ผม....ฮัดเช้ย” สิบสามหยิบทิชชู่ขึ้นไปปิดจมูก “รีบกินเถอะครับ ได้กลับกัน”

   “อื้ม....”

   เราใช้เวลาจัดการเย็นตาโฟไม่นานเท่าไหร่นัก ผมจัดการจ่ายเงินก่อนจะถือน้อนดอกกุหลาบเดินมาขึ้นรถ ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างกันแสดงอาการแปลกๆ ออกมา ความจริงมันเป็นแบบนี้ตั้งแต่ตอนที่ซื้อดอกไม้แล้ว เขาดูไม่ปกติเลย ผมไม่รู้ว่าสิบสามเป็นอะไร เจ้าตัวดูหายใจฟึดฟัดและไอไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว ใบหน้าขาวเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ ตรงสันกรามก็มีผื่นแดงขึ้น ตอนแรกมันยังไม่มีด้วยซ้ำ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ยะ

   ขอบตาแดงไปหมดแล้ว

   “คุณเป็นอะไรอะสิบสาม”

   “ผม....แค่กกกก....” เจ้าตัวหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าขึ้นมาปิดปากตัวเอง “ผม....แพ้เกสรดอกไม้ครับ....ฮัดเช้ย”

   เชี่ยละ

   “งั้นคุณจอดรถก่อน ให้ผมทิ้งดอกกุหลาบนี่”

   “ฟื้ด....ไม่เป็นไรครับ ผมตั้งใจซื้อให้....แค่ก....”

   “คุณไหวไหมเนี่ยะ แล้วต้องทำยังไงอะ หาหมอไหม คุณดูเป็นหนักมากเลยนะ”

   “ไม่ครับ....ไม่เท่าไหร่....ฮัดเช้ยยยย”

   ไม่เท่าไหร่อะไรกันเล่า

   ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าสิบสามแพ้เกสรดอกไม้ แล้วเขาก็จริงๆ เลยนะ ตัวเองแพ้แล้วยังจะซื้อมันให้ผมอีก ถ้าผมรู้ว่าเขาแพ้ ผมคงปฏิเสธน้องคนนั้นไปตั้งแต่แรกแล้ว เนี่ยะ พอจะทิ้งก็ไม่ให้ทิ้ง คือสภาพเขาตอนนี้มันน่าสงสารมากเลยอะ ขนาดอยู่ในรถ มองเห็นไม่ค่อยชัด ผมยังเห็นได้เลยว่าผื่นมันขึ้นเยอะมาก ไหนจะอาการจามอย่างรุนแรงนั่นอีก ถึงว่าตอนที่ผมยื่นดอกกุหลาบไปให้เขาดม เจ้าตัวถึงหันหน้าหนี

   เพราะมีอาการแพ้นี่เอง

   ใช้เวลาไม่นานสิบสามก็ขับรถมาจนถึงคอนโดฯ ตัวเอง ผมปล่อยดอกกุหลาบไว้บนรถอย่างนั้นก่อนจะประคองเขาออกมาจากรถ ร่างสูงจามไม่หยุด พออยู่ในที่สว่างจึงทำให้ผมได้เห็นผื่นแดงที่ขึ้นลามเต็มไปหมด ทั้งหน้าทั้งแขน ขอบตาแดง น้ำตาคลอเบ้าดูทรมาน เห็นแบบนี้แล้วใจฟีบไปหมดเลยอะ เขาจะไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ นี่มันไม่น่าเป็นอาการแพ้ทั่วไปที่ควรจะเป็นเลยนะ

   มันเกินไปแล้ว

   ผมพาเขามาจนถึงห้อง ร่างสูงถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแค่กางเกงบ๊อกเซอร์ “ฟื้ดดด....พี่เฌอครับ ผมมีเรื่องต้องรบกวน....ฮัดเช้ย....พี่ต้องถอดเสื้อผ้าของตัวเองด้วยนะ ถอดตรงนี้ แล้วใส่ถุงแยกไว้ วางไว้ที่ตู้หน้าห้อง เดี๋ยวมีคนเอาไปซักให้....ฟื้ดดด....”

   “ได้ๆ แล้วยังไงต่อ”

   “ผมจะ....แค่ก...ไปอาบน้ำ ยาแก้แพ้ผมอยู่หลังตู้เย็น ช่วยเตรียมให้หน่อยแล้วอย่าลืมล้างมือนะครับ....ฮัดเช้ย....ผมอาบน้ำก่อน” เขาบอกก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนผมก็ถอดเสื้อผ้าตัวเองออกแล้วแยกใส่ถุงเพื่อจะเอาไปส่งซัก

   เกิดมาไม่เคยเจอคนที่มีอาการแพ้รุนแรงแบบนั้นเลย ผื่นที่ขึ้นบนตัวเขามันเยอะมาก เยอะมากจนผมทำอะไรแทบไม่ถูกเลยอะ นี่ขนาดดอกกุหลาบไม่กี่ดอกนะ ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าเขาอยู่ตามสวนดอกไม้นี่จะเป็นยังไง ผมโคตรเป็นห่วงเขาเลย ใจเสียไปหมด กลัวนังน้อนจะเป็นอะไรไป แต่เขาก็น่าตีเหมือนกันนะที่เป็นอะไรแล้วไม่ยอมบอก เรื่องนี้ต้องคุยกันจริงๆ จังๆ ปล่อยไม่ได้ ถ้ามีอะไรที่ผมไม่รู้แล้ววันนึงมันเกิดเรื่องคล้ายแบบนี้ขึ้นมาผมต้องบ้าตายแน่ๆ

   มีอิทธิพลต่อผมขนาดนี้เลยล่ะเด็กคนนั้นน่ะ

   หลังจากที่เอาถุงเสื้อไปวางไว้หน้าห้องเสร็จ ผมก็เดินไปล้างมือพร้อมกับเตรียมยาแก้แพ้ให้สิบสาม เพราะแบบนี้เองสินะเขาถึงใส่แมสบ่อยๆ รวมถึงแว่นนั่นด้วย ที่เป็นแว่นเลนส์เปล่าก็เพราะมีไว้แค่ช่วยกันเกสรดอกไม้เข้าตา เวลากลับถึงหอแล้วต้องอาบน้ำทันทีก็คงเพราะแบบนี้เหมือนกัน ไหนจะเครื่องกรองอากาศนี่อีก ความรักสะอาดนั้นเพราะตัวเองจำเป็นต้องทำนี่เอง

   ผมน่าจะรู้ไวกว่านี้

   ใช้เวลาสักพักสิบสามก็เดินออกมาจากห้องน้ำ “พี่เฌอไปอาบน้ำเถอะครับ....แค่ก”

   “โอเค ยาอยู่บนโต๊ะนะ”

   “ขอบคุณครับ” หลังจากที่เขารับคำ ผมก็เดินเข้ามาอาบน้ำบ้าง

   ผมว่าผื่นแดงที่เห็นตอนแรกก่อนไปกินเย็นตาโฟมันก็น่าจะเพราะเขามีอาการแพ้นี่แหละ ผมก็ไม่เอะใจเลยว่ามันขึ้นได้ยังไงพอเขาบอกว่าเดี๋ยวมันก็หาย มีหลายอย่างเลยสินะที่ผมยังไม่รู้เกี่ยวกับตัวสิบสามน่ะ

   แย่จริงๆ เลย

   หลังจากที่อาบน้ำเสร็จผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ มีชุดแขวนเอาไว้ให้ที่หน้าตู้เสื้อผ้า ร่างสูงนอนอยู่บนเตียงแบบหมดสภาพ ย่ำแย่ขนาดนั้นยังจะมาเตรียมชุดให้อีก ผมรีบแต่งตัวก่อนจะมานั่งเช็ดหัวบนเตียงข้างคนที่นอนอยู่ เขายังไม่หลับ ดวงตาคมมองผมอยู่อย่างนั้น ดื้อเอ๊ย....ดูหน้าเขาตอนนี้สิ แดงไปหมดทั้งตาทั้งจมูก หมดหล่อก็ตอนแพ้เกสรดอกไม้นี่แหละ

   เขาจะรู้ตัวไหมว่าทำผมเป็นห่วงมากขนาดไหน

   “ทำไมไม่บอกผมล่ะว่าคุณแพ้เกสรดอกไม้”

   “ผม....ขอโทษนะครับพี่เฌอ”

   ผมเขี่ยผมที่ปรกหน้าเขาออก “คุณรู้ไหมว่าตอนที่ผมเห็นคุณมีอาการแพ้พวกนั้น ผมใจเสียขนาดไหน มีอะไรอีกไหมที่ผมไม่รู้”

   “ผมเป็นโรคภูมิแพ้เกสรดอกไม้ มีอาการค่อนข้างรุนแรง ปกติผมจะกินยารักษาอาการทุกวัน แต่เมื่อเช้ายาหมดครับผมเลยไม่ได้กิน พี่ชายผมเป็นคนซื้อยามาให้ เขาเพิ่งเอาเข้ามาให้ตอนบ่าย ผมไม่คิดว่าตัวเองจะมีอาการแพ้แบบนี้”

   “วันหลังไม่เอาแล้วนะแบบนี้อะ” ผมลูบหัวเขาเบาๆ “ถ้าเกิดมีอาการแพ้รุนแรงแล้วคุณเป็นอะไรไป ผมจะทำยังไงล่ะ”

   “ผมจะไม่ให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้วครับ จะระวังให้มากกว่านี้ พี่เฌอจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”

   “จำไว้ด้วยล่ะ เออคุณ....ช่วงหยุดยาวไปไหนรึเปล่า ว่างไหม”

   “ว่างครับ ทำไมเหรอ”

   “ไปเที่ยวเสม็ดกันป้ะ ผมอยากไปมานานละ ก็เลยลองมาชวนคุณดู”

   “เอาสิครับ” เขาดึงผ้าห่มขึ้นไปปิดยันจมูก “ที่ไหนมีพี่....ผมไปได้ทั้งนั้นแหละ”

   ตึกตัก

   ทำเป็นพูดไป

   “ถ้าผมไปทุ่งดอกไม้คือคุณตายเลยนะ”

   “ก็อย่าไปทุ่งดอกไม้สิครับ” ร่างสูงขยับเข้ามาซุกผม “ขอซุกหน่อยนะครับ น้องสิบสามไม่สบายอะ” เขาพูดเสียงอ่อนเหมือนกำลังอ้อนผมอยู่ อืม....ไม่สบายเลยกลายเป็นเด็กสามขวบ

   เรียกตัวเองว่าน้องสิบสามอีกต่างหาก

   มันน่านักนะ

   “ไม่สบายก็นอนได้แล้วนะ”

   “ครับ....ฝันดีนะครับ”

   “ฝันดีนังน้อน”

   ผมลูบหัวเขาอยู่อย่างนั้นพลางมองคนที่หลับไป ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย นี่ถือว่าดีนะที่ไม่เป็นอะไรมากน่ะ หลังจากนี้ผมคงต้องระวังให้มากเรื่องที่เขาแพ้เกสรดอกไม้ แล้วอีกอย่างก็อาจจะต้องทำอะไรสักอย่างแบบที่เพื่อนฉายพูด เดี๋ยวต้องบอกเพื่อนด้วยสินะว่าหยุดยาวที่จะถึงนี้ผมมีแพลนจะไปเที่ยวเสม็ดแบบแน่นอน ไม่รู้ว่าทริปนี้จะเป็นยังไงแต่มันอาจจะสร้างความทรงจำดีดีให้กับชีวิตผมก็ได้

   แค่ได้ไปกับสิบสามก็คงเป็นความทรงจำที่ดีแล้วแหละ

   “หายไวไวนะครับคนเก่ง”

   หายแล้วเดี๋ยวไปเที่ยวด้วยกันนะ....

   

   

   

   

   TBC.

   สวัสดีค่ะชาลมาส่งสามเฌอแล้วน้า สำหรับบทนี้ก็จะมีผลต่อช่วงบทปลายๆ ที่ชาลคิดว่ามันจะเป็นซีนที่ฟึดฟัดนะ ต้องรอติดตาม ก่อนจะไปถึงซีนฟึดฟัดมันต้องผ่านเกาะเสม็ดก่อน แค่คิดว่าต้องเขียนก็รู้สึกหึกเฮิมมากๆ แล้ว รออ่านน้า

   ขอบคุณคอมเม้้นต์กำลังใจต่างๆ นะคะ มันเป็นสิ่งที่ทำให้้ฮึ้ดแล้วเขียนลงได้วันต่อวันแบบนี้นะ ก็ขอบคุณจริงๆ ค้าบ

   สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th นะคะ

   ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค้าบผม


ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 12 เกียร์วิศวะฯ




   เกาะเสม็ดและอาการเมาเรือจนเวียนหัวจังเลยโว้ย

   โวะ จะอ้วก

   ผมนอนแผ่อยู่กลางห้องพักหลังจากที่อ่อนเพลียกับการเดินทางมาจากกรุงเทพฯ นานละไงที่ไม่ได้ขับรถออกต่างจังหวัดไกลๆ แล้วไหนจะนั่งเรือข้ามมาเกาะอีก กว่าจะเข้าที่พักต่างๆ คืออ่อนเพลียมาก แต่ตอนได้เห็นน้ำทะเลใสใสมันก็ช่วยฮีลใจขึ้นมาจึ๋งนึงอะนะ ชอบที่ได้เห็นแต่ไม่ได้อยากเล่นนะครับ ผมไม่เล่นน้ำทะเลยกเว้นแต่จะมีเพื่อนๆ ลากลงไป คือถ้าให้เล่นน้ำขอเล่นในสระว่ายน้ำจะดีกว่า

   เฌอไม่อยากสู้กับความเค็ม

   ผมกับสิบสามมาพักที่วิมานเสม็ด รีสอร์ท ตรงหาดวงเดือน โดยห้องของพวกเราจะคล้ายบังกะโลเล็กเป็นทรงไทยประยุกต์ สำหรับพัก 2 คน เขาเรียกว่าห้องวิมาน บังกะโล ซีวิว ซึ่งชานระเบียงติดทะเลเลย อยากนั่งมองทะเลโง่ๆ ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ก่อนเข้าที่พักผมไปเช่ามอเตอร์ไซค์มาด้วย เดี๋ยวค่อยขับออกไปตะลอนเที่ยวแล้วก็หาอะไรกิน คือตอนนี้นอกจากนอนหายใจ ผมไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น

   ผิดกับใครอีกคนมาก

   สิบสามเอาของออกมาจากกระเป๋าก่อนจะจัดโน่นนี่ไปตามประสา เขาไม่เหนื่อยกับการเดินทางเท่าผมหรอกเพราะว่านั่งรถมาอย่างเดียวเลยไง ถามนังน้อนว่ามาเสม็ดแล้วอยากไปเที่ยวตรงไหนบ้าง เขาบอกว่าอยากไปดูพระอาทิตย์ตกกับไปหาอะไรกิน ส่วนไอ้กิจกรรมทางน้ำต่างๆ คือไม่มีในหัวเลย เกาะเสม็ดมีธรรมชาติใต้ท้องทะเลที่สวยมากและเป็นแหล่งดำน้ำขึ้นชื่อ แต่ว่าที่คุณหมอบอกว่าเขาเห็นปลาทะเลในสารคดีบ่อยแล้ว

   คือมันไม่เหมือนกันป้ะวะ

   การดำน้ำดูปะการังก็ปัดตกไปได้เลย ผมก็ดูนะตามรีวิวว่ามันมีอะไรให้ทำบ้าง ถามสิบสามว่างั้นไปตกหมึกไหม มันมีกิจกรรมตกหมึกด้วย เขาก็บอกว่าถ้าอยากกินก็ซื้อเอาก็ได้ จะลำบากไปนั่งตกทำไม เหตุผลโดยรวมคือขี้เกียจนั่นแหละ สรุปแล้วกิจกรรมตกหมึกก็ถูกปล่อยเบลอไป สุดท้ายผมก็ถามเขาว่าจะเล่นน้ำทะเลไหม นังน้อนก็บอกว่าแค่ได้เห็นก็สบายใจแล้วไม่จำเป็นต้องเล่น

   เราจะมาเสม็ดกันทำไมวะ

   อยู่ห้องแล้วเปิดรูปทะเลดูก็ได้แหละ

   “สิบสาม”

   “ครับ”

   “เรามาเสม็ดกันทำไมอะ ถ้าเราจะไม่ทำไรเลย แบบว่าดำน้ำดูปะการัง ตกหมึกหรือทำอย่างอื่นที่คนอื่นทำกัน”

   “แล้วพี่เฌออยากทำกิจกรรมพวกนั้นไหมครับ”

   ผมส่ายหัวเบาๆ “ก็ไม่....แต่คือมันจะดูเปื่อยๆ ป้ะถ้าเราไม่ทำอะไรเลยอะ”

   “สำหรับผม การมาเที่ยวที่นี่คงเพื่อเสพบรรยากาศมากกว่าครับ แค่ได้เห็นทะเลสวยๆ กินของอร่อย หรือเห็นคนอื่นทำโน่นทำนี่ก็รู้สึกว่ามันพอแล้ว” ร่างสูงเดินมานั่งบนเตียงข้างผม “แค่เราได้ใช้เวลาร่วมกัน แค่นั้นก็พอแล้วครับ”

   “คุณคิดงั้นเหรอ”

   เขาพยักหน้ารับ “กับพี่เฌออะ ไปแค่หน้าปากซอยยังสนุกเลย”

   “พูดจาเป็นเว่อร์อีกแล้ว” ผมเอาหมอนที่อยู่ใกล้ๆ ตีเขา “งั้นให้ทริปนี้เป็นทริปสุดท้าย เที่ยวครั้งต่อไป หน้าปากซอยก็พอ”

   “ผมยังไงก็ได้ครับ”

   “ไปหาอะไรกินป้ะคุณ ไปขับรถเล่นด้วย หาที่สวยๆ ถ่ายรูปคุณดีกว่า” ผมลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะหยิบเสื้อฮาวายสีชมพูลายเขียวส่งไปให้เขา “ไปเปลี่ยนเสื้อเลย”

   “ต้องเปลี่ยนเสื้อด้วยเหรอครับ” เจ้าตัวก้มมองเสื้อลายคิตตี้ของตัวเอง คือมันน่ารักสดใสแหละ แต่ทะเลก็ต้องเสื้อฮาวายดิ  อีกอย่างมันจะได้รู้สึกว่าเรามาด้วยกันหน่อย

   “ผมใส่เสื้อฮาวายอะ คุณจะใส่เสื้อคิตตี้เหรอ”

   “เปลี่ยนก็ได้ครับ” เขารับเสื้อจากมือผมก่อนจะถอดเปลี่ยนตรงนั้นเลย ไม่มีหรอกเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำอะไรพวกนี้อะ

   เอาจริงๆ ชินละครับกับการเห็นสิบสามแก้ผ้า เขาก็ไม่เขินนะเวลาถอดเสื้อผ้าต่อหน้าผมน่ะ อาจเพราะว่าก่อนหน้านี้ถอดบ่อยแล้ว ขนาดเวลานอนยังใส่แค่บ๊อกเซอร์เลย นอนกับผมก็ใส่แค่นั้นแหละ นังน้อนให้เหตุผลว่าการนอนแก้ผ้านั้นสบายตัวกว่าและไม่อึดอัด ช่างเถอะ ตราบใดที่ยังไม่แก้จนตัวล่อนจ้อนไม่มีอะไรเลยมันก็ได้อยู่แหละ ผมมองร่างสูงที่สวมเสื้อฮาวายเข้าคู่กับกางเกงยีนส์สีซีดด้วยความพอใจ

   ดูดีครับเอาไปเลย 100 คะแนนเต็ม

   ผมหยิบกระเป๋ามาคาดอกก่อนจะลากนังน้อนออกมาจากบังกะโล “พร้อมจะไปหลงทางด้วยกันไหม”

   “พี่ทำผมหวั่นใจ”

   “ล้อเล่นน่ะ สมัยนี้มีเทคโนโลยีที่เรียกว่า GPS นะ ขึ้นมาเลยนังน้อน เดี๋ยวพี่เฌอจะพาแว้นซ์เอง” ผมขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์

   “เราจะไปไหนก่อนดีครับ”

   “ไปวัดไหม ไปไหว้พระก่อน แล้วค่อยไปหาดทรายแก้วกัน เขาบอกว่าสวยมากเลยนะ”

   “แล้วแต่พี่เฌอเลยครับ”

   “โอเค เกาะเอวพี่ดีดีนะนังน้อน” ผมบอกเขาก่อนจะขับรถออกมาตามทาง

   ดีว่าวันนี้แดดไม่ค่อยแรงเท่าไหร่ หายากนะวันที่อากาศจะเป็นใจขนาดนี้ วัดที่จะไปคือวัดเกาะเสม็ดครับ ซึ่งอยู่ไกลจากตรงนี้พอสมควร แต่โซนฝั่งนั้นคือหาดทรายแก้วไง เป็นหาดที่ขึ้นชื่อมากของเกาะเสม็ด ตามรีวิวบอกว่าทะเลสวยครับ เดี๋ยวผมจะไปหาอะไรกินที่นั่นด้วย แล้วก็ค่อยพาสิบสามไปที่อ่าวพร้าวเพื่อดูพระอาทิตย์ตก เหมือนจะโรแมนติกเนอะ นี่มาเกาะเสม็ดเพื่อการนี้โดยเฉพาะเลยนะ

   เหมือนกรุงเทพฯ ไม่มีพระอาทิตย์ตกอะ

   ผมขับรถมาเรื่อยๆ แบบไม่รีบร้อน มองข้างทางเสพบรรยากาศอย่างใจเย็น ผมกะว่าขากลับเข้าที่พัก อาจจะซื้อเบียร์ไปกินด้วย ทะเลกับของมึนเมาเป็นของคู่กันอยู่แล้วไง แต่สิบสามคงกินนมแหละ ผมมองนังน้อนผ่านกระจกข้าง ตานี่หรี่ขั้นสุด ขนาดใส่แว่นกันลมแล้วนะ เห็นแล้วตลกว่ะ อยากเอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปแต่เดี๋ยวจะกลิ้งตกข้างทางทั้งคู่ซะก่อน เอาไว้ถ่ายตอนเผลอๆ ดีกว่า

   ลงรัวสัก 50 รูปยาวๆ

   ใช้เวลาสักพักเราก็มาถึงวัดเกาะเสม็ด ผมลากร่างสูงไปไหว้พระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่ พร้อมกับขอพรให้ผ่านช่วงฝึกงานไปได้ด้วยดี ไม่มีเรื่องไหนน่ากังวลใจไปเท่านี้อีกแล้ว คือผมคิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วยเราได้จึ๋งนึงครับ อย่างน้อยเราจะสบายใจ รู้แหละ รู้อยู่แก่ใจว่าคนที่จะช่วยให้ทุกอย่างมันดีขึ้นได้คือตัวเราและความพยายามของเรา แต่การขอพรจากพระ ผมถือว่ามันคือการเอาฤกษ์เอาชัย

   ขอให้อะไรก็ได้ดั่งใจด้วยเถอะค้าบ

   “ขอพรอะไรอะ”

   “อยากรู้เหรอครับ”

   ไม่อยากรู้จะถามเหรอวะ

   “ใช่สิ....บอกผมได้ป้ะ”

   “ผมขอให้คนที่อยู่ข้างๆ ผมในวันต่อๆ ไป คือคนเดียวกับที่อยู่ข้างผมในวันนี้”

   ฉ่า

   เด็กนี่มัน....

   ผมหลุดขำทันที “แค่พูดว่าขอให้มีผมอยู่ข้างๆ เนี่ยะ เข้าใจง่ายกว่าอีก คุณจะพูดให้ดูยุ่งยากทำไม”

   “ผมชอบความยุ่งยากนี่ครับ เสร็จแล้วไปหาข้าวกินกัน ผมหิว”

   “อื้ม ไปสิ” ผมเดินนำนังน้อนกลับมาที่รถก่อนจะขับออกไปแล้วมุ่งหน้าสู่หาดทรายแก้ว

   ผมพาสิบสามมากินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งติดกับชายทะเล นังน้อนจัดแจงสั่งกับข้าวต่างๆ พร้อมกับกุ้งเผา 5 กิโลฯ เกินเบอร์มากไอ้นี่ กินอะไรขนาดนั้นอะ ดีไม่ดีไม่พอด้วยนะนั่นน่ะ อย่างเขาต้องกินสัก 10 กิโลฯ แหละถึงจะพอ ผมไม่ได้สั่งอะไรเพิ่มจากที่เขาสั่งเลยนะเพราะคิดว่ามันเยอะเกินแล้ว

   อาจจะเยอะเกินไปด้วยซ้ำ

   ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา ก่อนจะมาเสม็ดผมก็บอกเพื่อนๆ นะ พวกมันฮือฮาแล้วทำหน้ากวนประสาทไม่หยุด ประหนึ่งว่ามาเสม็ดก็คือเสร็จเด็กมันแน่ๆ เห้อะ....ดูหน้าเด็กที่มาด้วยซะก่อน ใครจะเสร็จใครกันแน่ คิดจะกินพี่น่ะเร็วไป 10 ปีครับน้อง

   จิ๊....คิดอะไรเนี่ยะเฌอ

   ผมมองนังน้อนที่กำลังถ่ายรูปทะเล พอเห็นแบบนั้นผมจึงยกโทรศัพท์ถ่ายรูปเขาอีกที มุมหันข้างคือโคตรจาหล่อ ใครเห็นก็ใจฟีบทั้งนั้นแหละ ผมจัดแจงเอารูปลงสตอรี่ไอจีตัวเอง ตอนนี้ในสตอรี่ผมมักจะมีแต่รูปเขาในอิริยาบถต่างๆ ส่วนมากเป็นรูปตอนเผลอ คนอะไรเผลอแล้วยังหล่อ หล่อทุกมุม ผมอยากรู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ตัวเองจะเลิกชมเขาสักที ห้ามปากห้ามใจเนี่ยะ ยากนักรึไงเฌอ

   “พี่เฌอครับ ผมไลฟ์นะ”

   ผมมองร่างสูงที่เดินมานั่งลงข้างๆ “ไลฟ์อ๋อ ทำไมอะ”

   “อยากทำเฉยๆ ครับ ไม่มีอะไร” เขากดเข้าไอจีตัวเองก่อนจะทำการไลฟ์ ส่วนผมก็มองเจ้าตัวอยู่อย่างนั้น มันแปลกๆ นะ ไม่มีหรอกจะมาอยากทำเฉยๆ อะ มีอะไรแอบแฝงแน่ๆ

   “คุณดูเป็นคนไม่ทำอะไรแบบนี้ป้ะ”

   “ก็ใช่ครับ แต่วันนี้อยากทำ”

   จอโทรศัพท์ของสิบสามแสดงรายชื่อผู้ที่เข้ามาดูไลฟ์และข้อความทักทายก็เด้งขึ้นมาไม่หยุด ส่วนเจ้าของแอคเคาท์ก็หยิบกุ้งมาแกะโดยที่ไม่ตอบโต้อะไรกับคนที่ทักเข้ามาเลยสักนิด เป็นการไลฟ์ที่ไร้เยื่อใยมาก ไม่เป็นไรนะทุกคน ถ้าสิบสามไม่ตอบเดี๋ยวพี่เฌอจะตอบเองนะ

   “สวัสดีครับ.....อยู่ไหนกัน ตอนนี้อยู่เสม็ดครับ กำลังกินข้าว” ผมตักปลาหมึกผัดผงกะหรี่มากิน “สิบสามอยู่ไหน....นี่ไงครับ นั่งแกะกุ้งอยู่เนี่ยะ” ผมหันโทรศัพท์ให้เห็นคนที่นั่งแกะกุ้งอยู่

   นังน้อนมองจอโทรศัพท์พลางดันแว่นให้ขึ้นไปคาดผมตัวเอง “มากันสองคนครับ”

   “มีคนถามว่าเราใส่เสื้อคู่เหรอ ฮ่าๆ ๆ ๆ เหมือนเสื้อคู่อ๋อ” ผมมองเสื้อของตัวเองกับสิบสามสลับกัน “ไม่เหมือนขนาดนั้นป่ะ แค่เสื้อฮาวายเหมือนกัน”

   “พี่เฌอบังคับให้ผมใส่”

   “มาทะเลก็ต้องเสื้อฮาวายป้ะคุณ เสื้อคิดตี้ไว้ใส่ที่ห้องโน่น” พอผมพูดออกไปแบบนั้น คอมเม้นต์หวีดก็ขึ้นมารัวๆ

   เลิ่กลั่กละ

   “มีคนถามว่าพี่เป็นอะไรกับผมด้วย” ใบหน้าหล่อมองผมนิ่งๆ “เราเป็นไรกันครับ”

   “คุณว่าเราเป็นไรกันอะ”

   สิบสามหลุดยิ้มออกมา “พูดได้เหรอครับ”

   “สิบสามมมม” ผมตีไหล่เขารัวๆ คุณกำลังทำให้คนอื่นคิดไปไกลนะโว้ย

   “อย่าตีผมสิ” เจ้าตัวยื่นหน้าเข้าไปใกล้จอโทรศัพท์ “ถามว่าเป็นอะไรกันยังตอบไม่ได้ครับ แต่ถ้าถามว่าผมอยากเป็นอะไรล่ะก็....”

   “ไม่ต้องเลย กินกุ้งคุณไปเลยหนิ” ผมเอากุ้งป้อนใส่ปากเขาพลางอ่านคอมเม้นต์ที่ฮือฮากันมากกว่าเดิม พอเลยนะเจ้าพวกนี้ อวยกันเก่งจริงๆ

   เฌอทำตัวไม่ถูกแล้วนะ

   ผมพอรู้ละว่าทำไมอยู่ดีดีสิบสามถึงได้ไลฟ์ลงไอจี เหตุผลของการกระทำนี้คือตั้งใจจะให้คนอื่นรู้ว่ามาเสม็ดกับผม เหมือนขิงนั่นแหละ ร้ายจังวะ เพราะเขารู้ไงว่ามีคนอวยอยากให้เราคบกันจริงๆ คิดจะใช้อะไรแบบนี้ต้อนให้ผมจนมุมอะดิ รู้ทันหรอก คำพูดของเขาที่เหมือนคำพูดธรรมดาๆ นั่นมันแฝงไปด้วยอะไรหลายอย่างมาก ไหนจะยิ้มออกไลฟ์ให้ได้เห็นอีก เชื่อดิว่ามันต้องมีส่วนนึงในไลฟ์นี้ถูกตัดไปลงเพจคิ้วท์บอยของมหา’ลัยแน่ๆ

   เตรียมตัวโดนเพื่อนฝูงแท็กไปแซวได้เลยชรัน

   ไม่รอดดดด

   ผ่านไปได้สักพักสิบสามก็กดปิดไลฟ์ สีหน้าดูอารมณ์ดีผิดปกติ อืม....ไม่ให้อารมณ์ดีก็รู้ไปสิเล่นขิงข่าตะไคร้ผมเต็มไลฟ์ขนาดนั้น ชอบใจเขาล่ะ ผมไม่ได้อะไรหรอกนะที่เขาทำแบบนี้ ความรู้สึกในใจตอนนี้มีอย่างเดียวคือเขินว่ะ คนอื่นคิดกันไปไกลแล้วแน่ๆ แหละ มาเสม็ดด้วยกัน สิบสามไลฟ์โดยมีผมนั่งอยู่ด้วย ง้องแง้งกันสองคน เขานั่งแกะกุ้งให้ และอื่นๆ อีกมากมาย ไหนจะสายตาและรอยยิ้มที่เขาแสดงออกให้คนอื่นเห็นอีก

   โคตรชัดเจนว่าคิดยังไง

   ยอมแล้วครับนังน้อน

   หลังจากที่กินข้าวเสร็จเราก็พากันขับรถไปต่อที่อ่าวพร้าว ซึ่งเป็นจุดดูพระอาทิตย์ตกที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในเกาะเสม็ดเลยก็ว่าได้ ผมกับนังน้อนย่ำต๊อกไปบนชายหาด รองเท้าช้างดาวเอาเก็บไว้ที่รถครับ ตอนนี้เท้าเปล่าเลย ผมมองนาฬิกาที่ข้อมือก็เห็นว่าเกือบ 6 โมงแล้ว ท้องฟ้าที่จรดกับขอบทะเลนั่นเหมือนถูกฉาบด้วยสีส้ม สวยมากเลย ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นจะถ่ายรูปพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินแต่มีใครบางคนเดินมายิ้มให้กล้องก่อน

   จริงๆ เลย

   “อะไรเนี่ยะ”

   “ถ่ายรูปกันครับ” พอเจ้าตัวบอกแบบนั้นผมก็ขยับเข้าไปใกล้เขาพลางเอียงหัวเข้าไปชิดแล้วยิ้มหวานให้กล้อง

   แชะ

   ยกให้เป็นรูปคู่แห่งปีไปเลย

   ผมกดเข้าสตอรี่ไอจีก่อนจะกดอัดวิดิโอแล้วถ่ายไปทางสิบสาม “....คุณ” ผมยื่นมือไปทางเขา ร่างสูงก็ยื่นมือมาจับพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หยุด

   เขินอะไรวะไอ้บ้า

   ผมอัปคลิปนั้นลงไอจีก่อนจะจูงมือเด็กยักษ์ให้เดินเลียบชายหาดมาด้วยกัน ผมเข้าใจคำว่าเสพบรรยากาศที่สิบสามพูดแล้วครับ การที่เราได้เห็นทะเลสวยๆ ภาพพระอาทิตย์ตกหรือได้กินอาหารอร่อยๆ ก็รู้สึกว่ามันพอแล้วจริงๆ

   “พี่เฌอครับ เราอยู่ที่นี่สักพักได้รึเปล่า” ร่างสูงนั่งลงที่ม้านั่งก่อนจะดึงให้ผมนั่งลงข้างกัน

   “อื้ม....ผมถามอะไรหน่อยสิคุณ”

   “อะไรเหรอครับ”

   “ตอนที่คุณแพ้เกสรดอกไม้อะ คุณบอกว่าพี่คุณเอายามาให้ คุณมีพี่ด้วยงั้นเหรอ”

   “ใช่ครับ ผมมีพี่ชาย 3 คน ชื่อพี่สอง พี่เจ็ด พี่เก้า คือพ่อกับแม่ตกลงกันเอาไว้น่ะครับว่าจะตั้งชื่อเล่นลูกๆ ให้ตรงกับวันที่เกิด ผมเกิดวันที่ 13 ก็เลยชื่อสิบสามครับ”

   “ผมก็เกิดวันที่ 13 เดือนมีนา”

   “ผมเกิดธันวา แล้วพี่เฌอล่ะครับ มีพี่น้องรึเปล่า”

   ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ก็มีแหละ มี 2 คน เป็นน้องชายต่างแม่น่ะ ความสัมพันธ์ของผมกับครอบครัวไม่ค่อยดีอะ แม่ผมไม่ใช่ผู้หญิงที่อากงอาม่ายอมรับ และก็ไม่ได้แต่งงานกับป๊าด้วย ถ้าจะให้เข้าใจทั่วไปก็....”

   “ผมเข้าใจครับ พี่ไม่ต้องพูดออกมาหรอก”

   “อื้ม ก็นั่นแหละ แม่ผมเสียไปหลายปีแล้วล่ะ ผมไปกินข้าวกับป๊าเดือนละครั้ง และทุกครั้งที่ไปก็มักจะมีปัญหากับเมียป๊าตลอด แล้วผมก็จะเฟลมากๆ จำวันที่ผมไปนั่งตากฝนแล้วคุณมานั่งเป็นเพื่อนได้ไหมล่ะ....วันนั้นแหละ”

   “ผมดีใจนะที่พี่เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง”

   “ผมไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลยแม้กระทั่งเพื่อน” ผมมองมือเรียวที่กุมมือตัวเองอยู่ “แต่ผมกลับอยากเล่าให้คุณฟัง คงเพราะผมสบายใจมั้ง”

   “ผมพร้อมรับฟังพี่ทุกเรื่องแหละครับ ไม่ว่าพี่เฌอจะมีปัญหาอะไร ถ้าผมช่วยได้ ผมก็อยากทำ”

   “ขอบคุณนะ” ผมเขี่ยผมที่ปรกหน้าเขาออก “คุณช่วยผมได้เยอะเลยในช่วงที่ผ่านมา”

   ร่างสูงยิ้มบางๆ ให้ผมพลางกระชับมือให้แน่นขึ้นไปอีก ชอบอะ....ผมชอบเขาจริงๆ นั่นแหละ สบายใจที่มีเขาอยู่ด้วยตรงนี้ ที่จัทร์ฉายบอกว่าให้ลองจูบดูแล้วจะได้ยินเสียงคำตอบจากหัวใจตัวเอง เชื่อไหมว่าขนาดยังไม่ได้จูบ เสียงของหัวใจนี่ก็บอกคำตอบชัดเจนแล้ว ตอนเขาไม่สบายผมก็เป็นห่วงแทบบ้า เป็นห่วงแบบที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน ผมปฏิเสธทุกคนที่เข้ามาเพราะเขา สีหน้าเจ็บปวดที่ผมเคยเห็นในวันที่เขามาบอกว่าตัวเองรู้สึกยังไงคือสิ่งที่ผมไม่อยากเห็นอีกแล้ว

   ไม่อยากทำให้สิบสามเสียใจ

   อยากให้เขามีความสุข

   ผมชอบเวลานังน้อนยิ้ม รู้สึกดีใจนะที่ตัวเองเป็นคนที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้นมากกว่าคนอื่น ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เขายิ้ม ผมชอบที่เขาเป็นคนชัดเจนและซื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเองมากๆ คิดอะไร ทำอะไรก็แสดงออกมาตรงๆ ความเทคแคร์ดูแลนี้มันโคตรดี สิ่งที่เขาพยายามทำให้ผมตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันจนวันนี้ ผมไม่ควรลังเลด้วยซ้ำว่าจะทำให้ความสัมพันธ์นี้มันเป็นยังไงต่อ ความรู้สึกที่สัมผัสได้ในตอนนี้มันตอบแล้วล่ะ ผมคือคนที่ไม่ชอบอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเลข 13

   แต่สำหรับเขา....คงเป็นข้อยกเว้นนั่นแหละ

   มันเป็นจริงไหมนะเรื่องที่จันทร์ฉายบอกว่าถ้าเป็นคนที่ใช่จริงๆ ช่วงที่เขินที่สุดจะไม่ใช่ช่วงที่จีบกัน อยากรู้เหมือนกันนะเพราะเรื่องแบบนั้นไม่เคยเกิดขึ้นระหว่างผมกับแฟนคนไหนเลย มันคงมีความหมายว่าเธอเหล่านั้นไม่ใช่สำหรับผมล่ะมั้ง

   แล้วคนที่นั่งข้างๆ นี่ล่ะ

   เขาจะใช่รึเปล่า

   “คุณรู้ไหมสิบสามว่าเกียร์มันมีความหมายว่ายังไง”

   “ไม่รู้สิครับ ผมรู้แค่ว่าเด็กวิศวะฯ ต้องเหนื่อยมากเพื่อให้ได้มันมา”

   “เกียร์เป็นสัญลักษณ์ของหัวใจ” ผมคลายมือเขาออกก่อนจะยกข้อมือซึ่งมีสร้อยติดกับเกียร์คล้องอยู่ “ให้ไปแล้วก็คือให้ ไม่มีการเอากลับคืน เพราะงั้นการที่เราจะให้เกียร์กับใครสักคนก็ต้องมั่นใจแล้วว่าเขาคนนั้นจะเป็นเจ้าของหัวใจเราไปตลอดทั้งชีวิต”

   “.....”

   “ผมมีแฟนมาเยอะมาก แต่ไม่มีใครที่ผมคิดจะให้เกียร์เลยสักคน ทั้งๆ ที่ผมก็คิดว่าตัวเองจริงจังกับคนที่คบด้วย อืม...สุดท้ายแล้วเกียร์นี้ยังอยู่ที่ข้อมือผม” ผมถอดสร้อยข้อมือที่มีเกียร์ติดอยู่ออกมา “แต่ตอนนี้ผมเข้าใจความรู้สึกของการที่เราจะยกเกียร์ให้ใครสักแล้วล่ะ”

   “....พี่เฌอ”

   “ผมให้คุณนะ....สิบสาม”

   “....ให้ผม”

   “อื้ม....” ผมสวมสร้อยข้อมือให้เขาพลางลูบเกียร์ที่ติดอยู่ “มันสำคัญเพราะงั้น....รักษาเอาไว้ให้ดีนะ”

   “ผมจะรักษาให้ดีที่สุดครับ” ร่างสูงขยับเข้ามากอดผมไว้แน่น “ขอบคุณนะครับพี่เฌอ”

   ความรู้สึกนั้นมันพิเศษแบบนี้นี่เอง

   ผมยกเกียร์ให้สิบสามไปแล้ว นั่นแปลว่าผมมั่นใจในตัวเขามากจริงๆ คือไม่รู้หรอกว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นยังไง แต่สิ่งที่ตัดสินใจไปแล้วผมก็จะถือว่าเลือกแล้วและมันดีที่สุด อะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ผมจะยอมรับมันทุกอย่าง นังน้อนแม่ง....เก่งจริงๆ แหละ คิดดูสิ ไม่เคยมีใครทำให้ผมถอดเกียร์ออกจากข้อมือได้ ใครจะไปคิดว่าการที่เราเมาเหมือนหมาวันนั้น จะทำให้เราได้เจอคนที่เป็นเจ้าของหัวใจวะ

   วันนั้นคงเป็นวันที่ 13 ที่เฌอโชคดีที่สุดในชีวิตก็ได้

   “เราไปกันเถอะสิบสาม....ผมอยากดูโชว์ควงกระบองไฟอะ”

   “ไปสิครับ”



***



   เขินว่ะ

   เขินจังวะ

   ต้องทำตัวยังไงเนี่ยะ

   ผมนั่งเช็ดหัวตัวเองอยู่บนเตียง กลับมาที่บังกะโลแล้วครับหลังจากผ่านการผจญภัยมาหลายชั่วโมง ตอนนี้เกือบ 4 ทุ่มแล้ว ก่อนหน้านี้เราไปดูโชว์ควงกระบองไฟด้วยกันมา สวยมากเลยอะน่าตื่นตาตื่นใจ นักท่องเที่ยวก็เยอะ ผมซดเบียร์ไปสามกระป๋องแบบอิ่มเอม ส่วนนังน้อนก็กินนมแบบที่คิดเอาไว้ ตอนนี้สิบสามอาบน้ำอยู่ ทำไมรู้สึกเหมือนมองหน้าเขาไม่ติดเลยวะ เขินอะไรนักหนาไม่รู้อะ

   เพราะตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมป้ะ

   ยกเกียร์ให้เขาไปแล้วจะยังไงต่อ เออ ทำไมผมไม่ขอน้องคบวะ ตอนนั้นบรรยากาศแม่งโคตรได้เลยอะ ฟีลพระอาทิตย์กำลังตก ลมโชยเย็นๆ ให้เกียร์เสร็จ แล้วไม่ขอเป็นแฟนวะ เนี่ยะ ทำไมมึงไม่พูดล่ะเฌอ โห่....จบแล้ว จังหวะดีดีมันไม่ได้มีบ่อยๆ ป้ะ ช่างแม่ง ไม่พูดไม่บอกแต่ก็น่าจะรู้กันอยู่แล้วไหม ขนาดนี้ก็รู้ตัวเถอะว่าสถานะมันไม่ใช่แค่พี่น้องหรือคนพิเศษทั่วๆ ไปแล้ว อืม....แต่การระบุสถานะให้ชัดเจนก็น่าจะสำคัญเหมือนกันนะ

   เอาไงดีวะเนี่ย

   ร่างสูงเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่สวมกางเกงลายช้างสีแดงตัวเดียว ผมซื้อให้เขาเองอะ เหมาะจริงๆ ด้วย พรุ่งนี้ใส่กับเสื้อยืดแล้วไปเที่ยวดีกว่า รองเท้าช้างดาวคนละคู่เหมือนเดิม ฟีลคู่รักแต่งตัวเหมือนกัน

   คู่รักอะไรวะเฌ้อออออออออออ

   “พี่จะดันแก้มตัวเองเข้าหากันทำไม” สิบสามเดินมานั่งลงตรงหน้าผม “เช็ดหัวให้แห้งเร็ว”

   “เช็ดหัวตัวเองเถอะคุณน่ะ” ผมทำหน้ามุ่ยใส่เขา “ไม่ใส่เสื้อเนี่ยะ ไม่หนาวเหรอ”

   “ไม่ครับ ชินแล้วกับอากาศเย็น”

   “จะขิงหุ่นก็บอกเถอะ”

   “พี่เฌอก็หุ่นดีนะครับ ถึงจะบวมเบียร์ไปนิดนึงก็เถอะ”

   “สิบสาม” ผมตีขาเขา “ถึงจะบวมเบียร์แต่ซิกแพ็กผมยังชัดละกัน”

   “หยอกเล่นจึ๋งเดียวเอง”

   “ไม่ต้องเลย” ผมนั่งเช็ดหัวพลางมองคนตรงหน้าที่เช็ดหัวเหมือนกัน “เออคุณ ร้องเพลงให้ผมฟังหน่อย ที่คุณเคยบอกอะ”

   “ตอนนี้เลยเหรอครับ”

   “อื้ม เร็ว....ผมรอฟัง”

   ผมขยับเข้าไปใกล้เขาเพื่อจะตั้งใจฟัง คาดหวังเลยนะเพราะเจ้าตัวบอกเอาไว้ไงว่าร้องเพลงได้แถมยังเพราะด้วย อีกอย่างสถานะของเราในตอนนี้ เขาคงร้องเพลงให้ผมฟังได้แล้วแหละ ผมมองนังน้อนที่มีผ้าขนหนูคลุมหัวอยู่ เจ้าตัวก็มองผมไม่ละสายตา

   .

   “มองที่ฉัน และเธอโปรดลืมเมื่อวานเถอะ.....ที่ทุ่มเทลงไป ให้คนที่ไม่มีทางจะรับเอาไว้

   ก็เพราะว่าเขา ไม่เคยให้ค่ากับมันหรอก.....สูญเสียไปเท่าไรและเธอคงรู้สึก ว่าเธอไม่เหลือใคร”


   .

   ตึกตัก

   ใจไม่ไหวป้ะเจออย่างงี้อะ

   .

   “รู้ฉันรู้ เมื่อวานมันคอยทำร้ายใจ แต่แค่วันนี้ กอดฉันเอาไว้ ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว”

   .

   “....สิบสาม”

   .

   “......แล้วฉันจะรักให้ดีกว่าใคร ทำให้มันเหมือนเป็นวันสุดท้าย

   I wanna be the best for you….That's what I ever wanted babe

   เธอในโลกนี้มีค่ากว่าใคร เธอสำหรับฉันช่างมีความหมาย

   ฝันร้ายเมื่อวันก่อน ไม่ต้องกังวลหรอก.....”


   .

   (BEST FOR YOU – PARIS)[/i]

   .

   ตึกตัก

   หัวใจเต้นแรงมากเลยอะ แรงจนรู้สึกได้เลย สิบสามร้องเพลงเพราะจริงๆ แบบที่เขาพูด ความหมายของเพลงที่เขาร้องออกมามันทำผมเสียอาการ ยิ่งตอนนี้ที่เขาอยู่ตรงหน้าผมยิ่งรู้สึกประหม่าและมีบางอย่างที่ผมคิดกำลังจะทำ

   ความรู้สึกมันสั่งแบบนั้น

   ผมดึงผ้าขนหนูที่คลุมหัวอีกฝ่ายอยู่เข้ามาใกล้ก่อนจะเลื่อนหน้าเข้าไปจูบเขา ความอุ่นที่สัมผัสได้นั้นยิ่งทำให้หัวใจเต้นแรง จูบแรกระหว่างเรา ไม่มีการล่วงล้ำแต่ความรู้สึกมันช่างมากมายจริงๆ เพียงไม่นานผมก็ละจูบออกมา

   เชี่ย....ดีว่ะ

   “.....พี่.....พี่เฌอ” นังน้อนดึงผ้าขนหนูมาปิดหน้าตัวเอง ฮ่าๆ ๆ ๆ น่ารัก

   “เป็นอะไรอะคุณ”

   “ก็พี่อะ”

   “ผมทำไมล่ะ”

   “พี่....พี่จูบผมอะ โอ๊ยยยย....เขินไม่ไหว” สิบสามงอแงเสียงอ่อนอยู่ใต้ผ้าขนหนูคนเดียว อยากเห็นหน้าอะ อยากรู้ว่าคนเสียอาการมันหน้าตาเป็นยังไง

   “ขอดูหน้าหน่อย”

   “อื้อออ..อ...ไม่เอา”

   “สิบสามครับ....พี่เฌอขอดูหน้าหน่อย” ผมเอ่ยเสียงอ่อนเพื่อให้เขายอม “นะครับ....นะ”

   “ขี้โกง” มือเรียวยอมเอาผ้าขนหนูออกจากหน้า ใบหน้าขาวตอนนี้ขึ้นสีแดงระเรื่อ ลามไปยันหู โอ๊ยยยย ใจไม่ไหวหนักเลยเห็นแบบนี้

   “จูบแรกของผมเลยนะครับ”

   “อยากมีจูบที่ 2 ไหมล่ะ” ผมรั้งคอเขาเข้ามาใกล้ “แต่จูบนี้....ไม่ใช่แค่แตะปากแล้วนะ” ผมประกบปากลงไปทาบทับริมฝีปากบางอีกครั้ง

   ผมขยับขึ้นไปนั่งคร่อมบนตักสิบสามก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปหยอกล้อกับลิ้นเขา เงอะงะ น่ารักว่ะ ผมกอบโกยความหวานจากร่างสูงจนพอใจก่อนจะถอนจูบออกมาแล้วจุ๊บปากบางนั่นไปอีกหลายที สีหน้าของคนที่โดนขโมยจูบตอนนี้โคตรน่ามองเลย

   เขาเป็นของผมจริงๆ เหรอเนี่ย

   “ใจไม่ไหวจะเต้นแรงแล้วครับพี่เฌอ” เจ้าตัวซุกหน้ากับอกผม “....รับผิดชอบมาเลย”

   “จะให้รับผิดชอบยังไงหืม....”

   เขาเงยหน้ามองผมแล้วคลี่ยิ้มออกมา “.....เป็นแฟนผมเลยครับ”

   ตึกตัก

   วันหัวใจเต้นแรงแห่งชาติป้ะวะ

   “คุณกลัวอาถรรพ์วันที่ 13 ไหม”

   “ 13 ไหนจะสู้ผมได้เหรอครับ”

   นั่นสินะ....13 ไหนจะสู้สิบสามนี้ได้

   “งั้น....ผมเป็นแฟนคุณแล้วนะ” ผมกอดเขาเอาไว้ “หลังจากนี้ผ่านทุกช่วงเวลาไปด้วยกันนะสิบสาม”

   “ครับพี่เฌอ....ผมจะผ่านทุกช่วงเวลาไปพร้อมกับพี่ครับ”


   .

   .

   .

   .

   .

   TBC.

   สวัสดีค่ะชาลมาส่งสามเฌอแล้วนะ สำหรับบทนี้ก็สู่ขิตไปตามๆ กันนะคะ เขินไม่ไหวอะ ใจไม่ไหวมาก ว่าบท 10 ดาเมจนี้ไปคือแพ้เลยจริงๆ อยากตีพี่เฌอด้วย แกล้งน้อง คือพี่ประสบการณ์ทางนี้มากกว่าสิบสามนะคะ ของน้องคือครั้งแรกย่อมเงอะงะเป็นธรรมดา ค่อยๆ เรียนรู้ไปนะค้าบน้อนค้าบ ก็ข้อมูลเสม็ดชาลใช้อ้างอิงจากรีวิวท่องเที่ยวนะคะ ถ้ามีส่วนไหนผิดพลาดประการใดต้องขออภัยและสามารถแจ้งได้้นะคะ ชาลจะนำไปรีไรท์เพื่อให้มันสมบูรณ์ที่สุดค่ะ

   ชาลอาจจะหายไปสัก 3-4 วันเพื่อจัดการต้นฉบับนิยายอย่างจริงจังนะคะ ต้องรีไรท์เพราะงั้นต้องใช้สมาธิจดจ่อกับเรื่องนั้นเยอะนะคะ ขอให้รอกันอย่างใจเย็นนะคะ วันนี้เปิดนิยายเรื่องนี้มาครบ 20 วันแล้ว ลงไป 12 บทถือว่าเยอะมากเลยนะ เขียนเป็นร้อยหน้า A4 แล้วค่ะ ครึ่งเรื่องแล้้ว ก็รอติดตามกันต่อไป

   สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th น้า

   ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค้าบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2020 01:06:04 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ nightmare007

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ๊ยยย​ ใจบางไปหมดแล้วค่ะ​ ละมุนเวอร์ :o8:

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
 :mew5:น่ารักมากเลยค่าาา

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 13 ลูกสะใภ้




   “ผมอยากได้สีชมพู”

   “สีเขียวดิ เอออันนี้ก็ดีนะ” ผมเอาเสื้อทาบที่ตัวเขา “สีแดงก็สวย”

   “สีชมพู”

   “งั้นเอาหมดนี่เลยครับพี่”

   จบ....หมดปัญหา

   ผมหยิบเงินจ่ายให้แม่ค้าก่อนจะรับถุงเสื้อทั้งหมดมา ยืนเถียงกันมาสามชาติได้กับเรื่องสีเสื้อ ผลสรุปคือซื้อมันทุกสีเลยครับ แค่นี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว ทุกครั้งที่ผมรู้สึกลังเลว่าเออเราจะเอาเสื้อสีไหนดีวะ สีนี้ก็สวย สีนั้นก็สวย สุดท้ายแล้วชรันก็จะซื้อมาทั้งสองสีเลย เนี่ยะ เหมาตั้งแต่แรกก็จบแล้ว

   มีเงินก็ซื้อได้หมดแหละ

   จะซื้อร้านให้ด้วย

   ตอนนี้เราอยู่กันที่ตลาดนวลทิพย์ซึ่งอยู่ฝั่งระยอง ผมกับสิบสามกำลังจะกลับกรุงเทพฯ แต่ว่ามาแวะซื้อของฝากต่างๆ ก่อน คือเมื่อวานนังน้อนเขาโทรไปหาที่บ้านแล้วก็บอกไปเรียบร้อยว่ามีแฟนแล้ว อยากเจอไหมเดี๋ยวพาไปหา คือไม่ถามสักคำเลยว่าผมพร้อมรึยัง มัดมือชกมาก เพิ่งคบกันได้แค่ 3 วันก็พาไปให้พ่อกับแม่รู้จักแล้ว สุดยอดไปเลยล่ะ ตอนแรกผมตกใจเหมือนกันนะกลัวบ้านเขาจะไม่โอเคไงเรื่องที่ลูกชายมีแฟนเป็นผู้ชาย

   แต่ตกใจได้ไม่กี่นาทีเท่านั้นแหละ

   สิบสามบอกว่าบ้านเขาไม่มีปัญหาเรื่องนี้เลย แล้วพ่อกับแม่เขาก็พอรู้ว่าลูกชายคนเล็กเนี่ยะ ไม่ชอบผู้หญิงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร นังน้อนให้สาเหตุที่ไม่ชอบผู้หญิงเพราะว่าผู้หญิงส่วนมากจะชอบดอกไม้ แล้วเขาแพ้เกสรดอกไม้ไง ก็เลยไม่ชอบผู้หญิง

   เหตุผลคือยากหยั่งถึงมากเลยว่ะ

   “คุณมีอะไรที่จะซื้อบ้างไหม”

   “ปลาริวกิว ปลาหมึกสามรส หอยหวานดองครับ พี่ๆ ผมกินแค่นี้แหละ”

   “เออคุณ มีพี่ชาย 3 คนเนี่ยะ ดีไหม”

   เจ้าตัวพยักหน้ารับ “ดีมากครับ ธรรมเนียมบ้านผมคือคนเป็นพี่จะต้องดูแลน้อง พี่สองจะเป็นคนที่อดทนเก่งที่สุด เขาจะเป็นผู้ใหญ่มากๆ ส่วนพี่เจ็ดจะชอบแกล้งผม พี่เก้าก็จะชอบตามเป็นห่วงผมอีกที”

   “คุณนี่น้องน้อยจริงๆ เลยนะเนี่ย”

   “ตอนแรกที่ผมจะออกมาอยู่หอน่ะ พี่ๆ ไม่เห็นด้วยเลยครับ เป็นห่วง ไม่อยากให้ออกมาอยู่คนเดียว แต่ตอนนั้นผมคิดว่าถ้ายังต้องให้คนอื่นคอยดูแลตัวเอง ผมก็จะไม่โตสักที” สิบสามส่งน้ำส้มในมือมาให้ “ผมอยากจะรับผิดชอบชีวิตของตัวเอง เพราะวันนึงในอนาคตผมก็จะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบชีวิตของคนอื่น”

   “คุณนี่เท่จัง”

   “ถ้าโตกว่านี้ จะเท่ยิ่งกว่านี้อีกครับ เพราะงั้นจนกว่าผมจะโต พี่อย่าเพิ่งไปไหนนะ”

   ใครเขาจะไปไหนจากคุณได้วะ

   “ผมจะอยู่กับคุณจนแก่เลยดีไหม”

   “ดีครับ” ร่างสูงเดินนำไปที่ร้านขายของฝากก่อนจะหยิบของใส่ตะกร้าเยอะแยะเต็มไปหมด เหมือนตั้งใจซื้อไปถมที่นั่นแหละ พวกของกินเนี่ยะ ถ้าซื้อยกร้านได้ สิบสามคงซื้อยกร้านแล้วแหละ

   ที่ถืออยู่ในมือก็จะสิบกิโลฯ แล้วมั้ง

   ผมมองถุงของฝากที่นังน้องถืออยู่ ดูก็รู้แล้วว่าหนักมาก ทำไมเขาดูชิลล์กับการแบกของหนักขนาดนั้นวะ ผมเห็นแล้วยังเมื่อยแขนแทน แต่เขาไม่บ่นหรืออะไรเลย พอเห็นแบบนี้แล้วไม่แปลกใจเลยว่ากล้ามเนื้อแขนกับเส้นเลือดที่เห็นได้ชัดๆ นั่นมาจากไหน นึกถึงคำพูดที่เจ้าตัวเคยบอกว่าแบกผมได้สบายๆ นั่นอีก เฌอไม่ใช่ผู้ชายตัวเล็กนะ น้ำหนักก็ไม่ใช่น้อยๆ คือผมเป็นบุคคลที่เขาไม่น่าอุ้มได้ด้วยซ้ำ

   เห็นดูผอมๆ แต่แข็งแรงกว่าที่คิดอีก

   แรงเยอะมากอีกต่างหาก

   คือเมื่อเช้าตื่นมาแล้วถูกกอดอยู่ไง ผมจะลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำแต่แกะสิบสามออกไปไม่ได้เลยอะ ได้ออกมาจากอ้อมแขนนั่นก็คือตอนที่เขาตื่นแล้ว ผมก็หมั่นไส้ไง ท้านังน้อนงัดข้อเพื่อวัดแรงกัน ผลสรุปคือผมแพ้ราบคาบเลยครับ จากที่คิดมาตลอดว่าตัวเองเป็นคนแรงเยอะ แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าสิ่งที่คิดไม่ใช่สิ่งที่เป็น มีคนแรงเยอะกว่าและคนๆ นั้นก็คือแฟนเด็กของผมเอง

   คำว่าแฟนเด็กนี่พูดกี่ครั้งก็เขิน

   ผมยังไม่ได้บอกใครเลยเรื่องเราคบกัน ยังไม่ได้บอกเพื่อนๆ ไม่ได้ตั้งสถานะให้ใครรับรู้แต่คิดว่าเดี๋ยวต้องตั้งแหละครับ เพื่อความสบายใจของสิบสาม เอาจริงๆ ผมก็ยังนึกหวั่นใจถึงอาถรรพ์วันที่ 13 ของตัวเองเหมือนกันนะ ถึงเขาจะบอกว่า 13 ไหนจะสู้เขาได้ก็เถอะ คิดดูดิว่าผมเจอเรื่องบัดซบแบบนี้มาตั้งแต่เด็กยันโต มันไม่แปลกที่จะกังวลใจ แต่ก็เอาเถอะ เราจะไปรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ยังไง แทนที่จะไปหวั่นใจ สู้เก็บทุกช่วงเวลาที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ดีกว่า

   ช่วงเวลาที่นังน้อนซื้อของเยอะไปหมดเลยโว้ย

   “ครบแล้วครับ กลับได้”

   “หมดไปกี่แสนเนี่ยะ”

   “น่าจะสามแสน”

   “แฟนผมนี่รวยจริงๆ เลยน้า” ผมแบ่งถุงจากเขามาช่วยถือ “งี้ก็เลี้ยงผมได้อะดิ”

   “สบายครับ” เจ้าตัวยักคิ้วให้ทีนึงเพื่อยืนยันในสิ่งที่พูด โคตรน่าหมั่นไส้เลย ได้เลยนังน้อน พี่จะทำให้หนูรู้จักคำว่าหมดเนื้อหมดตัวเอง

   ก็พูดไปงั้นแหละครับ ผมกับสิบสามอะ ช่วยกันจ่ายซะมากกว่าในหลายๆ อย่าง เวลาไปกินข้าวก็ของใครของมันนะ ถ้าฝ่ายใดเลี้ยง ครั้งหน้าอีกฝ่ายก็เลี้ยง ผมพอรู้อยู่แหละว่าบ้านนังน้อนรวย แต่มันก็เป็นเรื่องของบ้านเขา เงินเขาผมก็จะไม่ยุ่ง เหมือนเงินผมที่สิบสามก็คงไม่ยุ่งเหมือนกัน ส่วนของต่างๆ ที่ซื้อให้ก็เพราะความเสน่หาล้วนๆ ผมซื้อเสื้อผ้าให้เขาค่อนข้างเยอะนะเพราะคิดว่าเวลามันอยู่บนตัวสิบสามจะต้องดูดีมากแน่ๆ

   แฟนผมจะใส่แต่เสื้อลายการ์ตูนซานริโอ้ไม่ได้ป้ะ

   มันต้องเปลี่ยนลุคบ้าง

   ผมเดินนำร่างสูงมาที่รถก่อนจะจัดแจงยัดของที่ซื้อมาทั้งหมดใส่ไว้ด้านหลัง ดีนะที่เอารถผมมาเนี่ยะ เพราะถ้าเป็นรถของสิบสามคือไม่มีทางยัดของเยอะขนาดนี้ได้หมดแน่ๆ ตอนนี้รถนังน้อนอยู่คาร์แคร์ครับ เอาไปทำความสะอาดแบบขั้นสุดเพราะต้องไม่ให้เหลือเกสรดอกไม้อยู่ ดอกกุหลาบเจ้ากรรมวันนั้นผมเอาไปไว้ที่หอตัวเองแล้วก็ตากแห้ง เดี๋ยวค่อยเอาใส่โหลเก็บเอาไว้รำลึกว่าสิบสามเคยเกือบตายเพราะมัน

   ไม่ใช่ๆ....เก็บไว้เพราะนังน้อนตั้งใจซื้อให้

   ขากลับนี้ตกลงกันไว้ว่าสิบสามเป็นคนขับรถครับ ผมจะนั่งสบายๆ บ้าง เออ ไปเที่ยวทุกครั้งก็ต้องสรุปใช่ไหมว่าอะไรเป็นยังไง สำหรับการมาเสม็ดครั้งนี้ก็มาเพื่อพักผ่อนจริงๆ ไม่ค่อยได้ทำไรเลยนอกจากขับรถเครื่อง อาหารอร่อยมาก วิวสวย ทะเลสวย หาดทรายขาวมาก ถ่ายรูปมาเป็นล้าน ซื้อของหมดเป็นแสน ที่สำคัญสุดคือได้แฟนกลับมาด้วยคนนึง

   หล่อมากด้วยไม่อยากจะขิง

   “สิบสาม”

   “ครับ”

   “ผมเป็นแฟนคนแรกของคุณใช่ไหม”

   “ใช่ครับ”

   “แล้วคุณรู้ไหมว่าคนเป็นแฟนกันเขาทำอะไรบ้าง”

   “คนเป็นแฟนกันต้องแกะขนุนทอดแล้วก็เอามาป้อนให้อีกฝ่ายที่กำลังขับรถครับ”

   ผมหลุดขำทันทีที่สิบสามพูดแบบนั้น “หิวว่างั้นเถอะ”

   “อยากกินขนุนทอดจังเลยครับ”

   “มีค่าป้อนด้วยนะ” ผมเอื้อมไปหยิบขนุนทอดที่เบาะหลังมาแกะก่อนจะป้อนให้นังน้อนกิน “ค่าป้อนเป็นสามหอม”

   “หาเรื่องลวนลามผมแหละดูออก”

   “ไม่ให้ลวนลามแฟนตัวเอง คุณจะให้ผมไปลวนลามใครล่ะ” ผมยัดขนุนทอดใส่ปากตัวเองพลางมองผมที่ปรกหน้าสิบสาม “คุณจะไม่ตัดผมจริงๆ เหรอ”

   “ว่าจะไว้ยาวแล้วแสกกลางครับ จะไม่ไว้หน้าม้าแล้ว”

   หูยยยยลุคนั้น....ต้องดีมากแน่ๆ เลยว่ะ

   “ถ้าคุณไว้ผมทรงนั้นจริงๆ คุณก็จะต้องหล่อมากขึ้น แล้วพอคุณหล่อมากขึ้นก็จะมีคนมาชอบคุณเยอะขึ้น แล้วพอมีคนมาชอบคุณเยอะขึ้น ผมก็ต้องหึงคุณจนหน้ามืดเลยอะดิ”

   “.....เหนื่อยหน่อยนะครับ”

   จิ๊....หมั่นไส้ว่ะ

   ผมเอาขนุนทอดยัดใส่ปากสิบสาม ความจริงอยากเอาปาใส่หน้าเขาด้วยซ้ำ ทำไมเก่งเรื่องพูดจาให้ผมหมั่นไส้วะ เดี๋ยวคาดโทษไว้ก่อนค่อยจัดการทีเดียว ผมกับสิบสามหลังจากที่คบกันก็ไม่ต่างจากตอนแรกเท่าไหร่ คำพูดคำจายังเหมือนเดิม แต่การปฏิบัติต่ออีกฝ่ายมากขึ้นนะ ส่วนมากเป็นผมที่จะสกินชิพเขาอย่างเช่น หอมแก้ม คือช่วยไม่ได้ คุณอยากหน้าใสเองทำไมอะ นี่ไม่จูบปากด้วยก็ดีแล้ว

   นึกถึงตอนเด็กเสียอาการแล้วอย่างขำ

   เรื่องพวกนี้ผมผ่านมาเยอะกว่าเขาไง เรื่องจูบหรืออะไรทำนองเนี้ยะสำหรับสิบสามคือไม่มีเลย ผมยังจำหน้าแดงๆ ที่เห็นนั้นได้เลย น่ารักน่าประทับใจมาก เห็นแล้วหลง อยากเห็นบ่อยๆ หวั่นใจเหมือนกันนะ ตอนนี้แหย่เขาไว้เยอะไง ถ้าวันดีคืนดีเขานึกจะเอาคืนขึ้นมาผมก็น่าจะไปไม่เป็นเหมือนกัน เอาจริงๆ พอเป็นผู้ชายเหมือนกันมันก็สบายใจขึ้นมาจึ๋งนึงในเรื่องที่อาจจะทำให้อีกฝ่ายเสียหายไง

   ตอนคบกับผู้หญิงผมจะระวังมาก

   แต่พอคบกับผู้ชายอะ....เห้อะ

   มันเขี้ยวจังวะ

   “พี่เฌอครับ”

   “หืม.....”

   “ทำไมถึงเรียนวิศวะฯ ล่ะครับ”

   “ก็ชอบแหละ ตอนยื่นคะแนนอะ ผมติดวิศวะฯ สภาปัตย์ฯ แล้วก็วิทย์ฯ แต่สุดท้ายก็เลือกวิศวะฯ เพราะคิดว่าตอนใส่เสื้อช็อปแม่งต้องเท่มากแน่ๆ เลย”

   สิบสามเหลือบมองผม “เหตุผลสมเป็นพี่จริงๆ ”

   “ผมคิดแบบนั้นจริงๆ นะ แล้วคุณล่ะ ทำไมถึงเรียนหมอ”

   “เพราะว่าผมไม่ค่อยแข็งแรงครับ ผมเป็นโรคภูมิแพ้เกสรดอกไม้ ต้องไปหาหมออยู่บ่อยๆ ผมก็รู้สึกว่าคุณหมอเนี่ยะเก่ง ผมอยากเก่งแบบนั้นบ้าง อยากช่วยรักษาคนอื่นเหมือนกับที่หมอรักษาผม เลยตัดสินใจเรียนหมอครับ เพราะตั้งใจตั้งแต่เด็กก็เลยมุ่งมาทางนี้ตั้งแต่แรก”

   “เป้าหมายของคุณนี่ชัดเจนมากเลย” ผมเลื่อนมือไปขยุ้มหัวเขาเบาๆ ทีนึง “ผมรอวันที่คุณรับเสื้อกาวน์นะ ว่าที่คุณหมอ”

   “ผมจะต้องเป็นหมอที่เก่งให้ได้เลยครับ”

   เขาทำได้ตามที่พูดแน่ๆ แหละ

   ผมปรับเบาะให้เอนลงอีกพลางมองคนที่ขับรถอยู่อย่างนั้น ผมเรียนอยู่ปี 4 แล้ว กำลังจะจบ แต่เขาเพิ่งเริ่มต้นเอง อยู่ปี 2 มันยังไม่ถึงครึ่งนึงเลย จนกว่าเขาจะได้เป็นคุณหมอก็อีกตั้งหลายปี ตลอดระยะเวลาระหว่างนั้นผมอยากอยู่ข้างๆ เขานะ คอยดูเขาเติบโตไปทีละขั้นจนถึงวันที่เขาจะประสบความสำเร็จ

   นี่เป็นแฟนหรือพ่อเขาวะเนี่ย

   “ผมงีบหน่อยนะคุณ” ผมเลื่อนมือไปจับชายเสื้อนังน้อนเอาไว้ “ถ้าจะเปลี่ยนค่อยปลุกผมนะ”

   “ครับ พี่เฌอนอนเถอะ”

   “อื้ม.....”



***



   ---------- 50% ----------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-02-2020 18:29:24 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบทที่ 13 ----------


“พี่เฌอครับ”

   “อื้มมมมม......”

   มีคนรบกวนการนอนของเฌอ

   “ถึงบ้านผมแล้วนะ”

   “หืม.....” ผมลืมตามองรอบๆ ก็พบว่ารถจอดอยู่ในบ้านหลังนึงซึ่งใหญ่จังวะ “ถึงแล้วอ๋อ”

   ผมหลับยาวขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

   “ใช่แล้วครับ เกือบ 6 โมงแล้วนะ พ่อกับแม่รอกินข้าวอยู่” ร่างสูงบอกก่อนจะเดินลงจากรถ ส่วนผมก็นั่งตั้งสติอยู่แป๊บนึงก่อนจะเดินตามสิบสามลงมาแล้วไปถือของด้านหลังรถ

   บ้านใหญ่พอๆ กับบ้านป๊าผมเลย ต่างกันตรงที่ไม่มีลูกน้องมายืนหน้าบ้านเท่านั้นแหละ ผมถือถุงของฝากทั้งหมดตามสิบสามเข้าไปในบ้าน นังน้อนเดินนำเข้าไปในห้องครัวซึ่งใหญ่จัดๆ เขาวางของทุกอย่างไว้บนเคาน์เตอร์กลางครัวก่อนจะเดินนำผมไปที่ห้องอาหาร ด้านในมีผู้ชายคนนึงสีหน้าดูใจดีนั่งอยู่หัวโต๊ะนั่นคงเป็นพ่อของเขาสินะ ส่วนผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านข้างก็น่าจะเป็นแม่ นังน้อนนี่ได้แม่เขามาเต็มๆ เลย

   ส่วนผู้ชายอีกสามคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งก็คงเป็นพี่ชายเขา

   หูยยยย....บ้านนี้มันอะไรวะเนี่ย

   “สวัสดีครับ.....ขอโทษที่มาช้า” สิบสามยกมือไหว้ทุกคน “ทุกคนครับ นี่พี่เฌอที่ผมเคยเล่าให้ฟัง ตอนนี้เราคบกันแล้วนะครับ”

   “สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้พร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตรที่สุด สายตาพี่ๆ เขาที่จ้องมานี่ทำเอาประหม่าไปหมด อารมณ์แบบว่าไอ้เวรนี่อะนะเป็นแฟนน้องกู เห้อะ....สภาพไม่ได้ดูเป็นผู้เป็นคน

   “ยินดีต้อนรับนะจ๊ะเฌอ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง” แม่ของนังน้อนยิ้มหวานให้ ค่อยรู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย

   “คนนี้เองน่ะเหรอที่ทำให้คุณกลับมาเรียนทำอาหารกับคุณแม่ได้” เสียงเข้มจากพี่คนที่ใส่แว่นเอ่ยขึ้นมา “ตอนพี่ได้ยิน พี่ไม่อยากเชื่อ”

   “พี่อย่าแซวน้องสิครับ” คนที่นั่งอยู่ข้างกันเอ็ดเบาๆ “ต้องแนะนำตัวก่อนใช่ไหม ผมเก้านะครับเป็นพี่คนที่สามของบ้าน ส่วนพี่คนที่ใส่แว่นคือชื่อเจ็ดเป็นพี่คนรอง ส่วนคนที่นั่งอยู่ข้างคุณพ่อคือพี่สอง เป็นพี่คนโต”

   “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

   พร้อมเพรียงกันสุดๆ ไปเลยครับ

   “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”

   “ไม่ต้องเกร็งนะสบายๆ แล้วพวกคุณเนี่ยะ เลิกเก๊กกันสักที เป็นอะไรกันหืม....แค่น้องพาแฟนมาบ้าน” ประมุขที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเอ่ยขึ้นพลางมองลูกชายทั้งสาม

   “ผมบอกเลยว่าถ้าพี่ๆ คิดจะแกล้งพี่เฌอล่ะก็ ตุ๊กตาที่ห้องพวกพี่จะหายไปครับ” พอน้องเล็กของบ้านเอ่ยแบบนั้น บรรดาพี่ชายเขาก็ทำหน้าเลิ่กลั่กทันที

   “คุณจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ”

   “ก็อย่าแกล้งพี่เฌอสิครับ” นังน้อนยิ้มจนตาปิดให้เหล่าพี่ชายเขา “ทานข้าวกันเถอะครับ”

   ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าใครร้ายที่สุดในบ้าน

   เท่าที่สังเกตเนี่ยะ น้องคนเล็กจะถูกตามใจถึงขั้นสุดเลย บรรดาพี่ๆ เขาต้องยอมอ่อนให้ แต่ดูจากสายตาของพี่ชายทั้ง 3 คนก็คือรักน้องนะ สิบสามน่าจะยังเป็นเด็กตัวเล็กตัวน้อยน่าทะนุถนอม อยากได้อะไรไม่ว่าดาวเดือนก็จะหามาให้ ผมติดใจคำพูดที่ว่าจะเอาตุ๊กตาไปซ่อน เนี่ยะ อยากรู้อะว่าตุ๊กตาอะไรบ้าง อาการเลิ่กลั่กที่แสดงออกมาเมื่อกี๊มันน่าจะเป็นของสำคัญ ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมค่อยไปถามสิบสามเอา

   “ตอนนี้เรียนอะไรอยู่เหรอเฌอ”

   “ผมเรียนวิศวะฯ โยธาครับ ปี 4 แล้ว”

   “ใกล้จบแล้วล่ะสิ คิดไว้รึยังว่าจะทำงานอะไร”

   “อืม....ป๊าผมเขากำลังสร้างโรงงานในเครือบริษัทเพิ่ม เขาอยากให้ผมไปดูแลที่นั่นแต่ตอนนี้กำลังตัดสินใจน่ะครับ คือต้องบอกตามตรงว่าความสัมพันธ์ของผมกับที่บ้านไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

   “ไม่เป็นไรนะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็ปรึกษาพวกเราได้ตลอด ผู้ใหญ่ก็จะให้คำปรึกษาแบบผู้ใหญ่ได้น่ะนะ”

   “ขอบคุณนะครับ”

   “อันนี้อร่อยครับพี่เฌอ” มือเรียวตักผัดผักมาให้ผมก่อนมองบรรดาพี่ๆ “ผมซื้อของมาฝากพวกพี่เยอะเลยครับ อยู่ในครัว”

   “สนุกไหมล่ะคุณ ไปเที่ยวเสม็ด”

   “ก็สนุกดีครับ....ได้แฟนมาคนนึง”

   “.....สิบสาม” ผมแอบตีขาเขาเบาๆ พลางทำตาโตใส่

   “ขี้อวด”

   “พี่เจ็ดไม่มีแฟนนี่ครับ ไม่เข้าใจความรู้สึกนั้นก็ไม่แปลก”

   ปากคอเราะร้ายว่ะ

   “คุณแม่” พี่เจ็ดเรียกเหมือนจะฟ้อง

   “สมน้ำหน้า อยากหาแฟนไม่ได้เอง ช่วยไม่ได้”

   ไม่มีปลอบแถมซ้ำเติมอีกต่างหาก

   การนั่งกินข้าวร่วมกับครอบครัวแฟนครั้งแรกเป็นอะไรที่ตลกดีเหมือนกันนะ เป็นฟีลครอบครัวที่ผมไม่เคยสัมผัสเลย ครั้งล่าสุดที่กินข้าวบ้านก็สาดน้ำใส่หน้าไอ้ภัทรไปไง แถมยังกินข้าวได้ไม่ถึงครึ่งจานด้วยซ้ำ ช่างเถอะ อย่าไปคิดถึงเรื่องที่ทำให้ตัวเองรู้สึกหงุดหงิดเลย ตั้งแต่ผมมีแฟนมา ไม่เคยมีใครที่พาผมเข้าบ้านเลย สิบสามคือคนแรก ดีใจนะครับที่ครอบครัวเขาต้อนรับผมอย่างอบอุ่นแบบนี้

   ผมควรบอกป๊าด้วยไหมนะเรื่องสิบสาม

   ความจริงต่อให้ไม่บอก ป๊าก็จะรู้ของเขาเองครับ เหมือนมีสายคอยรายงานให้อยู่ตลอด ผมไม่รู้ว่าเขาจะคิดยังไง แต่ไหนแต่ไรป๊ามักจะตามใจผมเสมอ อยากทำอะไรก็ให้ทำ อยากได้อะไรก็ได้ ทั้งหมดนั่นคงเพราะรู้สึกผิดต่อผมกับแม่นั่นแหละ กับป๊าน่ะไม่น่ากังวลใจหรอก แต่กับคุณเกสรเมียป๊านี่สิ คือถ้าเธอไม่มายุ่มย่ามกับชีวิตผมก็น่าจะดีอะนะ หรือถ้าเธอมาวอแวจริงๆ ผมก็คงจะ.....ไม่ยอมง่ายๆ หรอก

   ความรักครั้งนี้คือสิ่งที่ผมจะไม่ยอมเสียไปอีกแล้ว

   ใช้เวลาพักใหญ่กับการร่วมโต๊ะอาหารและพูดคุยเรื่องต่างๆ พ่อกับแม่ของสิบสามชวนให้ผมนอนค้างที่บ้านพร้อมกับให้เหตุผลว่านานๆ ทีที่นังน้อนจะกลับบ้าน อยากให้นอนสักคืน ตื่นมาตอนเช้าจะได้กินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา ผมก็ไม่ขัดครับ ยอมทำตามที่พวกเขาขอ ตอนนี้เกือบ 3 ทุ่มแล้วและผมกำลังยืนตะลึงอยู่ในห้องนอนของแฟนตัวเอง ห้องที่คอนโดฯ เขาที่มีลิตเติ้ลทวินสตาร์เยอะๆ คือเทียบไม่ได้กับห้องนอนที่บ้านเขาเลยจริงๆ

   ทุกตารางนิ้วคือกีกี้กับลาล่า

   ผมมองรอบๆ ห้องนังน้อนที่อยู่ในโทนพาสเทลสี่สี หวานมากเว่อร์ ห้องผู้หญิงมากๆ เลยอะ พ่อแม่เขาก็ตามใจทำห้องนอนแบบนี้ให้ลูกชายเนอะ ตอนที่นั่งกินของหวาน แม่ของสิบสามบ่นให้ฟังว่าลูกชายบ้านนี้ติดการ์ตูนมาก แล้วถ้าชอบตัวการ์ตูนตัวไหนก็จะมีของที่เกี่ยวกับการ์ตูนนั้นเต็มไปหมด อย่างพี่สองเนี่ยะ เขาชอบเคโรโระ พี่เจ็ดชอบอุลตร้าแมน พี่เก้าชอบสนูปปี้ ส่วนคนที่ดูต่างจากทุกคนก็คือสิบสามที่ชอบลิตเติ้ลทวินสตาร์

   อ่อนหวานกว่าทุกคนในบ้านเลย

   “ห้องคุณโคตรต่างจากห้องผมเลย”

   “ผมชอบ”

   “อื้ม....เชื่ออยู่แหละว่าชอบ”

   “งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ” เจ้าตัวบอกก่อนจะหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนผมก็เดินมาดูที่ตู้หนังสือของเขา คือมีแต่หนังสือเรียนซะส่วนใหญ่เลยครับ พวกหนังสือเก็งข้อสอบก็เยอะ

   เรียนหนักน่าดูเลยสิ

   ถัดจากตู้หนังสือจะเป็นชั้นที่มีอัลบั้มภาพวางอยู่ ผมถือวิสาสะหยิบออกมาดูโดยไม่ได้อนุญาตเจ้าของห้อง เอาน่ะ ถ้าเขาโกรธเดี๋ยวค่อยง้อเอาทีหลัง ผมเปิดดูรูปในอัลบั้ม ภาพที่เห็นคือเด็กน้อยตัวขาวจั๊วะที่ทำหน้านิ่งมองกล้องเหมือนหาเรื่อง แววตาแบบนี้เป็นมาตั้งแต่เด็กเลยนะเนี่ย รูปที่เขายิ้มมีน้อยมากจริงๆ อารมณ์เหมือนเป็นเสือยิ้มยากอะ แต่รูปไหนที่ยิ้มก็คือน่ารักมากเลยนะ แก้มย้วยๆ นี่โคตรน่ากัด

   ไม่แปลกใจว่าทำไมพี่ๆ เขาถึงได้รักได้หลงขนาดนั้น

   ผมหยิบอีกอัลบั้มมาดูก็พบว่าเป็นสมัยที่เขาอยู่มัธยมฯ สมัยก่อนดัดฟันด้วยครับ ใส่เชนสีชมพูแถมหัวเกรียนอีกต่างหาก ขนาดไว้ทรงสกินเฮดยังหล่อเลย แล้วเนี่ยะ รูปหมู่คือตัวใหญ่กว่าทุกคนในห้อง มีรูปตอนที่เขาตีกลองช่วงกีฬาสีด้วยแฮะ โหย ขนาดเผลอแล้วยังดูดี สิบสามคงเป็นผู้ชายที่ตกเป็นเป้าสายตาของคนส่วนใหญ่มาตั้งแต่เด็กแล้วแน่ๆ เลย เขามีเสน่ห์ดึงดูดคนอื่นได้ดีนะ ขนาดเจ้าตัวเป็นคนไม่ชอบสุงสิงหรือพูดอะไรกับใครก็เถอะ

   เออรูปนี้หน้าเหมือนแบด แบดเลย

   “ทำอะไรน่ะครับ” เสียงเรียบเอ่ยขึ้นด้านหลัง “แอบดูรูปผมเหรอ”

   “อื้ม ดูแล้วก็คิดว่าทำไมแฟนตัวเองหล่อจังเลยวะ”

   “พี่เฌอก็หล่อนะครับ”

   “ผมรู้เรื่องนั้นดี”

   “พี่นี่ไม่ค่อยเลยนะ” มือเรียวส่งผ้าขนหนูมาให้ผม “เดี๋ยวผมเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้นะครับ”

   “ขอบใจนะนังน้อน เดี๋ยวผมอาบน้ำแป๊บ” ว่าแล้วผมก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ

   ของใช้ต่างๆ เหมือนที่คอนโดฯ ของเขาเลยครับ แค่ห้องน้ำนี้ใหญ่กว่าเฉยๆ เท่านั้นเอง ผมใช้เวลาสักพักในการอาบน้ำก่อนจะเดินออกมาด้านนอก ชุดนอนถูกแขวนเตรียมไว้ให้ที่หน้าตู้ ส่วนนังน้อนก็นั่งโบกครีมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ผมหยิบเสื้อผ้ามาสวมก่อนจะเดินเข้าไปวอแวคนที่ไม่ชอบใส่เสื้อนอน หัวเปียกแบบนี้เดี๋ยวพี่เฌอเช็ดให้เองนะค้าบ

   “เป็นไงครับ กินข้าวกับครอบครัวผม”

   “สนุกดีนะ บ้านคุณอบอุ่นดีอะ”

   “ตอนนี้ที่นี่ก็เหมือนบ้านพี่นะครับ”

   “จริงดิ งั้นผมเอาตุ๊กตาในห้องคุณไปขายก่อนเลย” พอผมบอกแบบนั้นร่างสูงก็หรี่ตามองผมทันที “ทำไมอะ คุณบอกเองหนิว่านี่ก็เหมือนบ้านผม”

   “เหมือน แต่อย่าเอาของไปขายสิครับ”

   “เดี๋ยวผมจะเอาคุณไปขาย” ผมบอกก่อนจะเดินเข้าผ้าขนหนูไปตาก สิบสามเดินตามมาด้านหลังแล้วใช้จังหวะนั้นช้อนตัวผมขึ้นมา ไม่ได้นะนังน้อน คุณจะอุ้มผมเป็นเจ้าหญิงแบบนี้ไม่ได้ ผมตัวใหญ่เป็นน้องควายเลยนะ

   “ปล่อยผมลงเลย คุณไม่หนักรึไงเนี่ยะ”

   “ก็ไม่เท่าไหร่นี่ครับ” เจ้าตัวพาผมมาที่เตียงก่อนจะขยับตัวขึ้นคร่อมไว้ด้านบน ใบหน้าคมอยู่ห่างจากผมแค่จึ๋งเดียวและนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้หัวใจผมเต้นแรงเอามากๆ

   แพ้ว่ะ

   “ยิ้มอะไรหืม....” ผมจิ้มแก้มเขา

   “พี่โอเคใช่ไหมครับที่จะเป็นลูกสะใภ้แม่ผมน่ะ”

   หึ....ลูกสะใภ้

   “ทำไม....ผมเป็นลูกเขยไม่ได้อ๋อ”

   เจ้าเด็กแสบอมยิ้ม “ผมจะเป็นลูกเขยให้ป๊าพี่เอง”

   “ถ้าอยากให้ผมเป็นลูกสะใภ้แม่คุณ....” ผมลูบที่ริมฝีปากบางเบาๆ “คุณต้องจูบให้เก่งกว่านี้อีกจึ๋งนึงนะ”

   “งั้นลองเลยไหมครับ” ร่างสูงก้มลงมาจุ๊บปากผมทีนึงโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก่อนจะประกบปากมาทาบทับ สัมผัสได้ถึงแรงขบเบาๆ ที่ปากล่างและเพราะการทำแบบนั้นผมจึงเปิดปากออก

   ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาไล่ต้อนลิ้นผมอย่างซุกซน อื้มมม...ม....ม....เดี๋ยวๆ นี่มันไม่ใช่แล้ว ความรู้สึกจนมุมนี่ต้องไม่ใช่ฝ่ายผมที่รับรู้ดิ นี่ใช่คนเดียวกับที่เสม็ดจริงๆ เหรอ ผมเผลอจิกมือลงกับไหล่เขาเพราะเริ่มหายใจไม่ทัน ร่างสูงยังคงสูบพลังชีวิตจากผมไปเรื่อยๆ มันเป็นจูบที่นานมากในความรู้สึกและผมเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว

   จะขาดใจตาย

   “อื้มม...ม.....สิบสาม....แฮ่ก....” ผมดันเขาออกก่อนจะโกยอากาศเข้าปอด คนที่อยู่ด้านบนยกยิ้มให้อย่างเหนือกว่า

   “สีหน้าของคนที่เสียอาการมันเป็นแบบนี้เอง”

   นังน้อนนนนน!!!!

   นังทรัวดีย์....เธอจะเอาแบบนี้ใช่ไหม

   “นี่คุณ....อื้อออออ....” ผมโดนจูบหนักๆ อีกทีนึง “สิบสาม”

   “แก้มแดงไปหมดเลยนะครับ” จมูกโด่งกดลงที่แก้มผมก่อนจะลากลงไปที่ซอกคอ “หอมจัง”

   เอาใหญ่แล้ว

   “ร้ายกาจมากเลยนะคุณเนี่ยะ” ผมสัมผัสได้ถึงแรงกดจูบแรงๆ ที่ซอกคอ “อื้อออ...อ....คุณ”

   “มันเขี้ยวจังครับ” ร่างสูงพลิกให้ผมมานอนก่ายอยู่บนตัวเขาแทน นิ้วเรียวเขี่ยผมที่ปรกหน้าออกให้ก่อนที่เขาจะผงกหัวขึ้นมาจุ๊บหน้าผากผม “ผมดีใจนะที่ได้มีพี่เฌออยู่ในความจริง”

   ตึกตัก

   “พูดอะไรของคุณน่ะนังน้อน”

   มือเรียวลูบหลังผมเบาๆ “ก็ตอนที่รู้ตัวว่าชอบพี่เฌอ เรื่องของพี่มันอยู่ได้แค่ในหัว ผมไม่เคยคิดว่าเรื่องทั้งหมดจะเกิดขึ้นในความจริง แต่พอมาถึงตอนนี้ที่ได้มีพี่อยู่ตรงหน้า ผมก็ดีใจที่ได้จับต้องพี่เฌอคนนี้ได้ กอดเอาไว้ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าพี่จะหายไปไหน”

   “ผมไม่หายไปไหนหรอก....จะอยู่กับคุณตรงนี้แหละ อย่าเบื่อละกัน”

   “พี่ก็ด้วย....อย่าเบื่อผมนะครับ”

   ใครจะเบื่อคุณลงวะ

   ผมมองเขาอยู่อย่างนั้นพลางเกลี่ยแก้มใสไปด้วย พอเข้าใจความรู้สึกที่ว่าเขินกว่าตอนจีบกันเป็นยังไงแล้วล่ะ เมื่อกี๊ตกใจเหมือนกันนะที่โดนจูบแบบสูบวิญญาณขนาดนั้นน่ะ ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้สิบสามที่เงอะงะในวันนั้นกลายเป็นแบบนี้ได้ เรื่องแบบนี้เป็นไปได้ด้วยเหรอวะ จะบอกว่าเป็นเพราะสัญชาตญาณก็เกินไปหน่อยไหม ตอนที่คบกันเขายังเขินตัวแดงไปหมดเพราะโดนผมจูบแต่มาตอนนี้กลับเป็นผมที่.....

   หึ้ย...ย....ยอมไม่ได้นะเฌอเรื่องนี้อะ

   “คุณ....ทำไมถึงจูบได้แบบนั้น”

   “ก็เพราะอยากให้พี่เป็นลูกสะใภ้แม่ไงครับ” สิบสามอมยิ้มมองผม “ของแบบนี้ต้องเรียนรู้ไม่ใช่เหรอ”

   “ก็ใช่แต่แบบมันแค่ 3 วันเองสิบสาม”

   “เดี๋ยวผมจะเก่งกว่านี้อีก”

   ยังจะมากกว่านี้อีกเหรอ

   “คุณจะเอาชนะผมให้ได้เลยใช่ไหม”

   “ผมยอมพี่เฌอได้ทุกเรื่อง” เจ้าตัวผงกหัวขึ้นมาใกล้ “แต่ยกเว้นเรื่องนี้ หรือถ้าพี่อยากให้ผมยอม ก็กดผมเอาไว้ให้ได้สิครับ”

   ใครจะไปสู้แรงคุณได้วะ

   ผมซบลงกับอกเขาเหมือนคล้ายๆ ว่าจะยอมแพ้ “คุณแม่ง....”

   “เอาน่ะครับ เขาว่าโดนเด็กกินแล้วจะเป็นอมตะนะ พี่ไม่เคยได้ยินเหรอ”

   “เขามีแต่กินเด็กแล้วจะเป็นอมตะ” ผมงับไหล่เขาไปทีนึงก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์แล้วกดเข้าไปที่เฟซบุ๊ก “ตั้งสถานะคบกันไหมคุณ”

   “ดีครับ คนอื่นจะได้รู้ว่าพี่มีแฟนแล้ว”

   “คนอื่นจะตกใจมากเลยด้วยที่ได้รู้ว่าแฟนผมเป็นใคร”

   

   Cher Charun กำลังคบกับ Thitos

   

   ผมมองการขึ้นสถานะของเราก่อนจะกดปิดแจ้งเตือน เชื่อได้เลยว่ามันจะต้องถล่มทลาย ดีไม่ดีเพื่อนๆ จะโทรมาแซวด้วย ผมปิดเครื่องไปเลยดีไหมวะ จะได้ไม่ต้องมีใครมารบกวนเวลาพักผ่อนของผม พอคิดได้แบบนั้นผมก็กดปิดโทรศัพท์แล้วดูแจ้งเตือนต่างๆ จากหน้าจอโทรศัพท์ของสิบสามแทน คอมเม้นต์เยอะมาก มันต้องมีทั้งดีและไม่ดีแน่ๆ ซึ่งผมพอรู้เลยว่าคอมเม้นต์ไม่ดีจะมาจากใครบ้าง

   เห้อะ....ไม่แคร์หรอกนะครับขอบอกไว้เลย

   “มีคนกดโกรธด้วยนะครับ”

   “คุณสนใจด้วยเหรอ”

   “ไม่ครับ” สิบสามกอดผมเอาไว้ “ผมสนใจแค่คนนี้เท่านั้นแหละ”

   “ปากหวาน”

   “ชอบไหมครับ”

   “ถ้าไม่ชอบ....ผมไม่อยู่ตรงนี้หรอก” ผมขยับลงมานอนข้างๆ ก่อนจะกุมแก้มเขาเอาไว้ “อิจฉาตัวเองว่ะ”

   “อิจฉาทำไมครับ”

   “....ได้เป็นแฟนคุณไง”

   “เป็นแฟนผมไปเรื่อยๆ พี่จะยิ่งรู้สึกอิจฉาตัวเองครับพี่เฌอ”

   ขนาดนั้นเลยนะ

   “แล้วผมจะคอยดูนะ....สิบสาม”

   คนเราจะอิจฉาตัวเองได้ถึงขั้นไหนวะ.....อยากรู้จริงๆ

   

   

   

   

   

   TBC.

   สวัสดีค่ะชาลมาส่งสามเฌอแล้วด้วยความรู้สึกอิจฉาและปวดหลังมาก ทิ้งไว้ที่ บท 13 นะคะ ก็จะมาอีกทีวันที่ 1 กุมภาพันธ์นะ ขอพักหน่อย พักไปปิดต้นฉบับ ก็รอกันอย่างใจเย็นนะคะ

   มีคนสับสนเรื่องโพด้วยนะคะ ให้บทนี้ยืนยันว่าใครจะกินใครแบบแน่นอนนะ คือหลังจากนี้มันก็จะมีเหตุการณ์อื่นเกิดขึ้นด้วยทั้ง 2 ฝ่ายนะคะ ก็ต้องรอติดตามกันด้วยนะคับบ

   สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th น้า

   ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค้าบ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
รวดเดียวจบ  มันได้อะ ตามให้กำลังใจๆ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มีแววว่าจะโดนเด็กกิน555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
จิกหมอนแล้ววววว

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 14 ดื้อ



   “เฌอ”

   “หืม....”

   “คบกับเด็กมากี่วันละ”

   “อาทิตย์กว่าแล้วมั้ง ทำไมวะ”

   “ใกล้จะ 13 วันละดิ”

   “อืม”

   “รอบนี้รู้สึกเป็นไง”

   เป็นไงงั้นเหรอ.....เห้อะ ก็มาดิไอ้เวร

   ผมไม่ตอบคำถามของเพื่อนรักแต่แย่งโอริโอ้ในถ้วยมันมากินแทน ไอ้แช่มที่โดนแย่งโอริโอ้ทำหน้าเหมือนส้นตีนทันที แหมๆ ๆ แย่งนิดแย่งหน่อยทำเป็น เดี๋ยวปั๊ดตบตาหลุดเลยหนิ ผมตักไอติมชาเขียวเข้าปากพลางมองคนโน้นทีคนนี้ที ตอนนี้ 4 ทุ่มแล้ว ผมกับไอ้แช่มอยู่ที่ติมมืดครับ ไม่รู้ว่าชริตเป็ดเพื่อนรักนึกครึ้มอะไรอยากกินไอติมตอนนี้ แต่ก็ถือว่าดีเหมือนกัน ผมจะได้ถามเรื่องที่อยากรู้ช่วงที่มันกลับไปบ้านเกิดด้วย สีหน้าและท่าทางดูอารมณ์ดีนะ คิดได้เลยว่าอาการหลายๆ อย่างอาจจะดีขึ้น

   เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วแหละ

   “กลับบ้านเป็นไงบ้าง” ผมเอ่ยถามก่อนจะตักถั่วแดงในถ้วยตัวเองไปให้มัน “ดีตามที่ใจหวังป้ะ”

   “อื้ม กูไม่เป็นอะไรแล้วแหละ ทุกอย่างมันจบอย่างสมบูรณ์แล้วมึง เรื่องเลวร้ายในอดีตจะทำอะไรกูไม่ได้อีกแล้ว”

   “เป็นแบบนั้นก็ดีแล้ว พวกกูค่อยหายเป็นห่วงหน่อย”

   “กูคุยกับน้องหอมเรื่องอนาคตด้วยนะมึง กูบอกน้องไปว่าพอเรียนจบ กูจะทุบบ้านหลังเดิมทิ้ง แล้วก็สร้างใหม่”

   “ถ้ามึงเลือกแล้ว มันคงเป็นทางที่ดีที่สุด ก็เอาตามนั้นแล้วกัน ไอ้หอมว่ายังไงบ้างล่ะ”

   “ก็ตามใจกูนั่นแหละ แล้วกูก็บอกน้องหอมด้วยว่าถ้าน้องเรียนจบเมื่อไหร่ บ้านสร้างเสร็จแล้วหรืออะไร ถึงตอนนั้นค่อยแต่งงานกัน”

   “ใจมึงมันได้ว่ะ แต่งงานอ๋อ” ผมนึกภาพที่ไอ้แช่มใส่ชุดเจ้าบ่าว “งี้กูก็ต้องหาสูทไว้ใส่ในงานแต่งมึงแล้วแหละ ไม่ต้องห่วงนะเพื่อนแช่ม เดี๋ยวเพื่อนเฌอเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้เอง”

   “เออ มันก็อีกนานอยู่นะแต่กูก็มั่นใจแล้วแหละว่ายังไงเวลาที่เหลือ ก็อยากอยู่กับคนๆ นี้ กูรักน้องหอมว่ะ ทำน้องเสียใจมาเยอะ กูไม่อยากให้น้องเสียใจเพราะกูอีก”

   “คิดได้แบบนั้นก็ดีแล้ว เออมึง ไปๆ มาๆ คือกลุ่มเราแม่งมีแฟนเป็นผู้ชายทั้งหมดเลยว่ะ”

   “ทำไงได้วะ ก็รักไปแล้วอะ”

   นั่นดิ....รักไปแล้วจะให้ทำไง

   ตอนนี้ที่คบกับสิบสามอยู่ ผมก็นึกถึงอนาคตเหมือนกันนะแต่มันต่างจากที่เคยเป็น ผมน่ะจะต้องผ่านคำพูดที่มันเข้ามาในสักวันนึงว่าผมไม่เหมาะสมกับนังน้อน ในอนาคตแฟนผมจะเป็นหมอ เขาต้องมีสังคมซึ่งอาจจะต่างจากที่ผมมี เขาต้องเจอผู้คนอีกเยอะ ตัวผมเองก็ด้วย จนถึงตอนนั้นเราสองคนน่าจะต้องเจอเรื่องประสาทแดกเยอะอยู่แหละ เชื่อไหมว่าการที่ผมคิดว่าสิบสามจะต้องเป็นหมอ มันทำให้ผมอยากเป็นเฌอที่ดีมากกว่านี้อีกสักสิบเท่า

   ดีให้รู้สึกว่าผมนี่แหละที่เหมาะสมกับเขามากกว่าใคร

   เรื่องครอบครัวไม่มีอะไรต้องกังวล ป๊ารู้เรื่องที่ผมคบกับสิบสามแล้วครับ เขาโทรมาหาผมพร้อมกับถามว่ามีแฟนเป็นผู้ชายเหรอ เป็นยังไงบ้าง เขาดีไหม ถามคำถามทั่วไปต่างๆ นานาพร้อมกับอวยพรให้ความรักครั้งนี้ของผมดีกว่าที่เคยมีมา ผมก็ถามป๊าว่าไม่ว่าอะไรเหรอที่ผมมีแฟนเป็นผู้ชาย ป๊าบอกว่าถ้ามันมีคือความสุขของผมแล้วมันไม่ได้เดือดร้อนใคร เขาก็ไม่ขัด ส่วนเรื่องของคนอื่นในครอบครัว ก็ไม่ต้องสนใจ ใครจะพูดอะไรก็ปล่อยให้เขาพูดไป

   ถ้าผมรู้สึกรำคาญมากๆ ก็สามารถโทรไปฟ้องได้

   รอบนี้ให้คะแนนป๊าไปเลย 100 คะแนนเต็ม

   เป็นแบบที่ผมคิดจริงๆ ด้วยแหละที่ป๊าจะไม่มีปัญหาเรื่องที่ผมมีแฟนเป็นผู้ชาย เนี่ยะ คนในครอบครัวเราสองคนโอเคที่เราคบกันแต่ดูเหมือนคนนอกจะมีอยู่กลุ่มนึงที่ไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่ ซึ่งมันทำให้หลายวันมานี้ผมมีเบอร์แปลกๆ โทรมาหาแล้วก็ด่าอะไรสักอย่างแต่มันฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ผมคิดว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อีกสัก 3 ครั้งผมจะไปแจ้งความ รำคาญอะ คือเบอร์โทรศัพท์ต้องลงทะเบียนกับเลขบัตรประชาชนถูกไหม มันก็ต้องระบุอยู่แล้วว่าใครเป็นเจ้าของ

   ทำอะไรไม่คิดเลย

   “เฌอ”

   “หืม....”

   “กูถามอะไรหน่อยดิ” ไอ้แช่มขยับมานั่งฝั่งเดียวกับผม “มึงกับน้องหมออะ ถึงขั้นไหนแล้ววะ”

   “ขั้นไหนอะไรวะ ก็เป็นแฟนกันไง” ถามอะไรแปลกๆ สถานะก็ตั้งคบกันให้เห็น

   “กูรู้แล้วว่าเป็นแฟนกัน แต่ที่ถามเนี่ยะ กูหมายถึงแบบ....” มันเอ่ยพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่ม โอเครู้เรื่อง เข้าใจแล้วว่าขั้นไหนที่มันถามคืออะไร

   “อ๋อ....มึงนี่ก็ขี้เสือกนะ อยากรู้ทำไมวะ”

   “กูอยากใส่ใจอะ อีกอย่าง....เพื่อนกูมีแฟนเป็นผู้ชายทั้งที มึงก็ควรจะรู้ในสิ่งที่ต้องรู้เอาไว้ไหม” ไอ้แช่มเอียงหัวเข้ามาใกล้ “ในฐานะที่กูมีประสบการณ์มากกว่ามึง กูจะแนะนำให้เอง”

   “พี่แช่มพี่เฌอ”

   ผมหันตามเสียงก็เจอไอ้เด็กหัวทองที่สวมชุดนอนสีแดง “อ้าวไอ้หมี มากินติมอ๋อ”

   “อื้ม มีคนอยากกินไอติม” มือเรียวชี้ไปที่ไอ้เพื่อนตัวแสบที่เดินหัวฟูเข้ามา สภาพเหมือนเพิ่งตื่นแหละจริงๆ

   “พูดอะไรห้ะ ใครอยากกินกูให้พูดอีกที” ไอ้ขันโขกหัวแฟนเด็กก่อนจะเดินไปสั่งไอติม อ๋อ คือไอ้หมีน่าจะอยากกิน ส่วนเพื่อนรักผมก็น่าจะโดนปลุกให้พามากินไอติม

   มีผัวตามใจนี่ดีเหมือนกันเนอะ

   “เออมึงมาก็ดีไอ้หมี มึงจะได้ให้คำตอบพี่มึงได้ดีกว่ากู”

   “คำตอบอะไรอ๋อพี่”

   “เรื่องเซ็กซ์”

   ผมทำหน้าตึงใส่มัน “กูไม่อยากรู้เลย”

   “แต่มึงควรรู้เอาไว้ ผู้ชายด้วยกันมันต่างจากผู้ชายกับผู้หญิงนะ มึงคิดจะแห้งหรือปล่อยแฟนตัวเองแห้งไปทั้งชาติเหรอ”

   “จากความรู้สึกของหมีนะพี่เฌอ พี่ไม่รอดจากสิบสามแน่ๆ อะ ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะเชือดพี่ตอนไหน”

   มึงจะพูดให้กูหวั่นใจทำไมวะไอ้เวร

   ผมตักไอติมชาเขียวเข้าปากพลางทำหน้ามึนเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ไอ้หมีพูด โอเค ได้ยินเต็มสองรูหูแหละแล้วก็รู้ตัวเองดีเลยว่าจะไม่รอด วันที่กลับจากเสม็ดแล้วไปค้างที่บ้านสิบสามมันก็ชัดเจนแล้วป้ะวะ ตอนนั้นที่นังน้อนถามผมว่าโอเคใช่ไหมที่จะเป็นลูกสะใภ้แม่เขา พร้อมกับจัดการบลัฟผมด้วยจูบสูบวิญญาณนั่นอีก ไหนจะบอกว่าถ้าอยากกดเขาก็ต้องสู้แรงให้ได้ คือเรื่องแบบนั้นผมจะทำได้ไง เขาแรงเยอะยิ่งกว่าใครในโลก

   ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กจนกระทั่งได้เป็นแฟนสิบสามอะ

   “เออ กูรู้ว่ากูต้องโดนเชือดสักวันนึงแหละ แต่พวกมึงไม่ต้องใส่ใจกันขนาดนั้นก็ได้ป้ะ”

   “ไม่ได้พี่ ปุบปับทำเลยไม่ได้นะ มันเจ็บ” ไอ้หมีเลื่อนหัวเข้ามาใกล้ “พี่เฌอต้องมีถุงยางนะ เจลหล่อลื่น อันนี้สำคัญมาก แต่คือครั้งแรกยังไงมันก็เจ็บว่ะ ต้องขึ้นอยู่กับสิบสามแล้วแหละว่าเขาจะเก่งมากแค่ไหน”

   จะเอาอะไรมาเก่งวะ....ทำสักครั้งยังไม่เคยเลยมั้ง

   แต่จะวางใจไม่ได้เพราะผ่านไป 3 วันยังจูบเก่งขึ้นขนาดนั้น

   “กูคงยังไม่มีอะไรกับแฟนตอนนี้หรอกนะมึง ยังคบกันไม่ถึง 13 วัน และวันที่ 13 ก็ยังไม่ผ่านไปเลย”

   “งั้นถ้าผ่านอาถรรพ์ต่างๆ ไป มึงจะยอมมีผัวแต่โดยดีป้ะล่ะ”

   “จะมีผัวหรือไม่มีผัวก็ให้เป็นเรื่องของกูไหม สะเหล่อจริงๆ เลยพวกมึงเนี่ย” ผมมองไอ้ขันที่เดินมาพร้อมกับถ้วยไอติม “ไอ้ขัน ไอ้หมีบอกว่าอยากโดนมึงเยดุๆ อะ มันบอกว่าช่วงนี้มึงไม่ดุ มันไม่ชอบ ไม่เร้าใจ”

   “พี่เฌออออ” คนที่โดนพาดพิงมองผมตาโตทันที หมั่นไส้ เดี๋ยวไอ้แช่มก็จะโดนด้วยโทษฐานสะเหล่อ

   ไอ้ขันมองแฟนตัวเองนิ่งๆ “เหรอ”

   “หมีโดนแกล้งต่างหาก หมีไม่ได้พูดแบบนั้นเลยนะ”

   “หึ....” เพื่อนรักจอมโฉดตักไอติมเข้าปาก ดูจากสายตาก็รู้แล้วว่ากลับถึงหอเมื่อไหร่ ไอ้หมีตายแน่ๆ ดีละ ให้มันตายไป ตายคาเตียงไปทั้งคู่นั่นแหละ

   “เฌอ....อย่าลืมที่กูบอกนะ”

   เดี๋ยวมึงจะได้ตายอีกคนไอ้หน้าสัส

   เอาจริงๆ เรื่องแบบนี้ก็มีคิดไว้บ้างแต่ก็ไม่ใช่ตอนนี้ป้ะวะ คบกันยังไม่ถึง 2 อาทิตย์เลย อีกอย่างก็รู้แหละว่าตัวเองจะต้องเผชิญชะตากรรมยังไง แบบนั้นก็ขอเวลาทำใจก่อนได้ไหมล่ะ ผมว่าเรื่องนี้ถ้าถึงเวลาของมัน เดี๋ยวก็.....เออน่ะ เอาเป็นว่าไม่ใช่ตอนนี้ที่พร้อมจะมีผัว โอเคจบ ทุกปัญหาเคลียร์แล้ว ส่วนตอนนี้เรื่องที่น่าจะเป็นปัญหาที่สุดคือกระเป๋าสตางค์ไปไหนวะ

   อืม....ไม่ใช่กระเป๋าสตางค์แต่โทรศัพท์ก็ด้วย

   อยู่ในรถหรือเอาไปวางไว้ที่ไหนเนี่ยะ

   “เดี๋ยวกูไปที่รถแป๊บนะ ลืมกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ว่ะ”

   “สะเหล่ออีกละมึงเนี่ยะ”

   “เออน่ะ” ผมโขกหัวไอ้แช่มทีนึงก่อนจะเดินออกมาด้านหลังร้านที่เป็นลานจอดรถ ได้ยินเสียงโหวกเหวกมาจากข้างฟุตปาธด้วย พอเป็นนั้นผมจึงเดินไปดู

   ทะเลาะกันเหรอวะ

   ผมเห็นวัยรุ่นกำลังมีปากเสียงกัน พวกที่ใส่เสื้อยืดสีดำเนี่ยะมีกันหลายคน คู่กรณีอีกฝั่งคือหน่อเดียวโดดๆ เลย ถ้าสมมุติว่าตีกันจริงๆ ไอ้ฝั่งคนเดียวนี่ตายแน่ล่ะ ดูจากฝั่งเสื้อดำที่ถืออาวุธอย่างไม้หรือท่อนเหล็กไว้ในมือแล้วด้วย ผมควรจะโทรแจ้งตำรวจไหม อย่างน้อยก็ก่อนที่อะไรๆ มันจะบานปลายไปมากกว่านี้ พอคิดได้แบบนั้นผมก็ล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหวังจะหยิบโทรศัพท์

   เดี๋ยวนะ

   มันอยู่ที่รถหนิเฌอ

   ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมย่องไปที่รถแล้วค่อยแจ้งตำรวจก็ได้ ในจังหวะที่ผมกำลังจะถอยหลังกลับไป เสียงนึงก็ลอยเข้ามาในโสตประสาทและนั่นทำให้เท้าของผมชะงักทันที “.....ไอ้ภัทรงั้นเหรอ”

   พวกเสื้อดำนั่นเรียกอีกฝ่ายว่าไอ้ภัทร

   ผมหันไปทางฟุตปาธอีกครั้งก่อนจะเพ่งมองคนที่สวมชุดนักศึกษา หน้าตากวนส้นตีนอย่างนั้นก็ชัดเลยแหละ ไอ้ภัทรจริงๆ ด้วย ทำไมมันถึงไปมีเรื่องกับพวกนั้นได้วะ ผมขยับเข้าไปใกล้เพื่อได้ให้ยินเสียงชัดกว่าเดิม

   “นัดกันไว้วันนี้ไม่ใช่เหรอ ไหนเงินพวกกูอะ”

   “อาทิตย์หน้าได้ไหมพี่ นะ ขอเวลาอีกหน่อยเถอะ”

   “อาทิตย์ที่แล้วมึงก็พูดแบบนี้ มึงคิดว่าพวกกูใจดีขนาดนั้นเลยเหรอวะ มึงเบี้ยวหนี้เองนะ”

   เบี้ยวหนี้อะไรวะ.....อย่างไอ้ภัทธเนี่ยนะจะมีหนี้

   “งั้นครึ่งนึงก่อนได้ไหมพี่”

   “ครั้งก่อนมึงบอกว่าเงินเต็มหนิ ครั้งนี้จะมาครึ่งนึงอะไรวะ”

   “เออ เงินแค่สองแสนอะ ลูกเจ้าสัวอย่างมึงคงขนหน้าแข้งไม่ร่วงไหม”

   “หรือให้กูไปทวงที่พ่อมึงดี”

   “อย่านะพี่ อย่า....”

   “แล้วมึงจะทำยังไง เสียเวลาพวกกูมากเลยนะ” ไอ้หัวโจกเอ่ยอย่างหัวเสีย “พอๆ จัดการมันดิ๊ ว่าถ้าเบี้ยวหนี้แล้วเจอกับอะไร”

   สิ้นเสียงคำสั่งพวกเสื้อดำก็เข้ามารุมกระทืบไอ้ภัทรทันที พอเห็นแบบนั้นผมจึงออกไปห้าม “เห้ยหยุดดดด!!!! กูบอกให้หยุดไงวะ” ผมผลักพวกมันออกก่อนจะหลบหมัดที่พุ่งเข้ามาแล้วเตะสวนจนอีกฝ่ายล้มกลิ้งไป

   “มึงมาเสือกอะไรวะ”

   “กูเป็นพี่ไอ้เวรนี่เองอะ ทำไม” ผมหยิบชะแลงที่ร่วงอยู่ขึ้นมาก่อนจะยืนกั้นระหว่างพวกมันกับไอ้ภัทรไว้ “มีปัญหาอะไร”

   “ห้าวตีนดีว่ะ เป็นพี่ไอ้ภัทรเหรอ งั้นมึงก็ต้องมีเงินจ่ายหนี้ให้น้องชายถูกไหม”

   “....เท่าไหร่”

   “สองแสน”

   “เอาเลขบัญชีมา”

   “กูจะเอาเงินสด”

   “ได้ งั้นขับรถตามกูไปกดเงินที่ตู้ กดแม่งทั้งคืนอะ มึงจะเอางั้นไหมล่ะ” ผมเสยผมที่ปรกหน้าขึ้นอย่างหัวเสีย “บางทีการคิดจะเอาชนะมันทำได้เว้ย แต่ไม่ใช่เรื่องโง่ๆ แบบนี้”

   “ปากดีนักนะมึง” ไอ้เสื้อดำพุ่งจะเอาไม้หน้าสามมาฟาดแต่ผมเบี่ยงหลบตัวทันก่อนจะถีบเข้าที่ขาพับจนมันล้มลงไป พอเป็นแบบนั้นผมก็เตะเสยคางจนมันสลบเมือดไป

   ฝีมือได้แค่นี้คิดจะวัดกับเฌอ....กล้ามากนะมึงเนี่ยะ

   “นี่มึงกล้าทำลูกน้องกูเหรอ”

   “เออ กับมึงกูก็กล้า ตกลงจะเอายังไง จะเอาเงินหรือจะเข้าโรงพยาบาลแล้วให้เรื่องถึงโรงพัก กูไม่มีปัญหาเลยนะ ขอแค่บอก” ผมยกชะแลงขึ้นชี้หน้าพวกมัน “ขอให้พวกมึงคิดดีดีก็แล้วกัน ได้กระทืบน้องกูพอหอมปากหอมคอ ได้เงินสองแสนแล้วแบกลูกน้องมึงกลับไปหรือจะฟาดกันสักทีก่อนแล้วให้เรื่องจบลงที่โรงพัก ดีไม่ดีเงินมึงก็ไม่ได้ แล้วถ้าไอ้เงินนี่มันเป็นหนี้แบบผิดกฎหมาย ก็ติดคุกกันแม่งให้หมดเลย จะเอาแบบนั้นไหมล่ะ”

   ผมยืนมองฝั่งตรงข้ามอยู่อย่างนั้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมีเรื่องกับคนอื่น แต่ก็นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้ปะทะกับใคร ทุกทีผมจะเป็นคนใจเย็น ไม่เลือกการลงไม้ลงมือถ้าไม่จำเป็น ที่ห้าวตีนได้ขนาดนี้ก็เพราะเพื่อนแต่ละคนที่คบมาก็ห้าวตีนเหมือนกันนี่แหละ เรื่องแบบนี้ก็เลยต้องฝึกเอาไว้ให้มีชั้นเชิงบ้าง เมื่อตอนปี 1 ผมกับเหล่าแก๊งค์ปลาทองเคยลงเรียนคอร์สมวยไทยด้วยกันขำๆ เผื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินแบบนี้จะได้ช่วยเหลือตัวเองได้

   มันก็เป็นประโยชน์จริงๆ อะนะ

   “เอายังไงดีพี่ มันน่าจะเอาจริงนะ”

   “แต่พวกเราก็มากันหลายคนนะพี่ ทำไมต้องกลัวมันวะ”

   ผมเค้นหัวเราะพลางมองเหยียด “การที่มึงมากันหลายคน ไม่ได้หมายความว่ามึงจะรอดปลอดภัยกลับไปทุกคนนะ อย่ามั่นหน้าให้มากนัก”

   “ปากดีจริงๆ เลยนะมึงน่ะ” ไอ้พวกนั้นกำหมัดแน่น

   “ทำไมล่ะครับ ถ้าหยามไม่ได้ก็เข้ามาดิ.....ไอ้สัส”

   “มึง....”

   “พอๆ เดี๋ยวเรื่องจะใหญ่ไปกว่านี้ เอองั้นมึงโอนเข้าบัญชีมา”

   “ได้ งั้นตามกูไปที่รถ กูลืมโทรศัพท์ไว้ในนั้น มึงก็ไปกับกูด้วย” ผมลากไอ้ภัทรมาที่ลานจอดรถ ไอ้พวกเสื้อดำก็เดินตามมาด้านหลัง สะเหล่อชิบหาย เหมือนจะเท่ก็เท่ไม่สุดเพราะลืมโทรศัพท์นี่แหละไอ้บ้า

   “ไอ้เฌอระวัง”

   พลั่กกกกก

   “โอ๊ยยยย” แรงถีบเข้าที่กลางหลังทำให้ผมเสียหลักไปชนประตูรถตัวเอง เห็นเงาสะท้อนในกระจกก็เห็นว่ามีคนจะเอาไม้หน้าสามฟาดผมเข้าซ้ำ ผมจึงย่อตัวหลบทันที

   เพล้งงงง

   ไอ้สัสน้องรถกู!!!!

   ผมเตะตัดขาไอ้เวรนั่นทันทีก่อนจะเตะเข้าที่สีข้างซ้ำให้อีกที “เสื้อตัวนี้แฟนกูซื้อให้ มึงทำมันเลอะแบบนี้ คงรู้นะว่าเรื่องจะจบยังไง”

   พลั่ก พลั่ก พลั่ก พลั่ก พลั่ก พลั่ก

   ผมจัดการไอ้พวกเสื้อดำที่รุมกันเข้ามา ได้ดิครับ เงินมึงก็ไม่ต้องเอา เอาตีนกูไปแดกแทนหนิ เสียงโครมครามที่ลานจอดรถทำให้คนที่นั่งกินไอติมในร้านติมมืดพากันออกมาดู รวมถึงบรรดาเพื่อนๆ ของผมด้วย ลืมไปเลยล่ะว่ามากับเพื่อนเนี่ยะ แต่ไม่ต้องห่วง เรื่องแค่นี้ไม่ถึงมือเพื่อนแน่นอนเพราะแค่ผมคนเดียวก็เอาอยู่

   พลั่ก

   “อึก....” ไอ้หัวโจกทรุดลงกับพื้นก่อนจะกุมท้องตัวเองเอาไว้อย่างนั้น สมควรแล้วไอ้สันขวาน ทำเป็นพูดไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ สุดท้ายก็จ้องจะกระทืบผมอยู่ดี

   “เกิดอะไรขึ้นวะเฌอ” ไอ้แช่มถามอย่างตกใจพลางยกมือผมขึ้นไปดู “มือมึง”

   “เออไม่เป็นไรหรอก กูฝากเรื่องตรงนี้ที เดี๋ยวกูเคลียร์ให้ทีหลัง แล้วก็ขอยืมรถหน่อย รถกูกระจกแตกว่ะ”

   มันหยิบกุญแจรถส่งมาให้ “แล้วมึงจะไปไหน”

   “คุยกับน้องชายแต่ต้องไปคุยไกลหน่อย” ผมบอกก่อนจะลากไอ้ภัทรไปที่รถไอ้แช่ม จัดแจงยัดมันขึ้นรถก่อนจะขับออกมาจากร้านติมมืด

   มองหลังมือตัวเองที่เป็นรอยแตก ผมคงใช้แรงเยอะไปหน่อยล่ะมั้ง ตอนต่อยก็รู้สึกอย่างเดียวคือโกรธที่มันทำกระจกน้องรถผมแตก อีกอย่างที่โกรธหนักกว่าคือทำเสื้อที่นังน้อนซื้อให้เปื้อนนี่ดิ เป็นรอยตีนเลยมั้งข้างหลังอะ ถ้าสิบสามรู้ว่าผมมีเรื่อง เขาจะดุไหมนะ แต่เอาน่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะมีเรื่องซะหน่อย มันจำเป็นนี่หว่า ถึงผมจะไม่ชอบขี้หน้าไอ้ภัทร แต่ผมก็ปล่อยมันโดนกระทืบตายไม่ได้

   ยังไงมันก็เป็นน้อง

   “มึงมาช่วยกูทำไม”

   “คำแรกที่มึงควรพูดคือขอบคุณกู” ผมจอดรถที่หน้าร้านเฮียเจ๋ง “ไหนมึงพูดมาดิ๊ว่าทำไมไปติดหนี้มันสองแสน”

   “เรื่องของกู”

   “ไอ้ภัทร” ผมตบกะโหลกมันไปทีนึงอย่างแรง

   “มึงกล้าตบกูเหรอไอ้เฌอ”

   “กูจะถีบหน้ามึงให้ด้วย ทิฐิหรือศักดิ์ศรีโง่ๆ ไม่ได้ช่วยอะไรมึงได้หรอกนะ หรือกูควรให้ป๊ารู้เรื่องนี้ดี”

   “มึงอย่าบอกป๊านะ”

   “งั้นมึงก็บอกกูสิว่ามันหนี้อะไรตั้งสองแสน”

   “พนันบอล”

   “จิ๊....มึงนี่แม่ง” ผมมองมันอย่างเหลืออด ในหัวมีคำด่าเยอะแยะเต็มไปหมด แต่คิดว่าด่าไปก็เท่านั้น หน้าโง่อย่างมันต้องหาเรื่องมาเถียงให้ผมประสาทแดกอีก

   “มึงจะมายุ่งเรื่องของกูทำไมวะ”

   “ถ้ามึงเป็นคนอื่นที่กูไม่รู้จัก กูคงแค่ช่วยแล้วให้มันจบๆ แต่นี่มันไม่ใช่แค่นั้นไง ถึงมึงไม่เห็นว่ากูเป็นพี่แต่ยังไงกูก็เป็นพี่มึงอยู่ดีนั่นแหละ พี่ที่ไหนจะยอมให้น้องตัวเองโดนกระทืบตายอยู่ริมฟุตปาธวะ แล้วเนี่ยะ มึงติดหนี้พนันสองแสน เงินเก็บไปไหนหมด เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีเลยนะ”

   “กู....มันก็เรื่องของกูอีกอะ”

   “ถ้ามึงยังพูดว่าเป็นเรื่องของมึงอีก กูจะจับหัวมึงโขกกับคอนโซลรถให้สลบแล้วเอามึงกลับไปที่บ้านเลย” อย่าคิดว่าไม่กล้านะ อ่อนปวกเปียกแบบมัน ฟาดทีเดียวก็น็อกแล้วมั้ง

   “ปัญหาของกู เดี๋ยวกูจัดการเอง”

   “มึงก็เห็นว่ามึงจัดการเองไม่ได้ ไม่งั้นมึงไม่โดนกระทืบแบบนี้หรอก” ผมหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา “ตรุษจีนเมื่อไหร่”

   “มึงถามอะไรเนี่ยะ”

   “อีกประมาณ 3 เดือนสินะ” ผมโอนเงินไปให้ไอ้ภัทรพร้อมกับแจ้งเตือนความจำเอาไว้ว่า ‘อั่งเปาล่วงหน้าให้ไอ้เด็กเวร’ อื้ม....เป็นเงินอั่งเปาที่เยอะที่สุดในชีวิตเฌอเลยมั้งที่ให้ใครเนี่ยะ

   “มึงทำแบบนี้ทำไมวะ”

   “เฮียมึงรวยไง เนี่ยะ เอาไปใช้หนี้แล้วถ้ามีเรื่องอย่างอื่นก็มาบอกกู เรื่องนี้มึงบอกป๊ากับแม่มึงไม่ได้ใช่ไหมล่ะ” ผมผ่อนลมหายใจพลางมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ “มึงฟังกูนะภัทร มึงเป็นหลานรักของอากงอาม่า ทั้งป๊า ทั้งแม่มึง ทุกคนคาดหวังกับมึง มึงอย่าทำให้เขาผิดหวังแค่เพราะเรื่องแบบนี้ได้ไหมวะ การพนันอะเลิกเหอะ มีร้อยล้านก็หมดร้อยล้านนะ มึงเพิ่งอายุแค่นี้ มีเรื่องให้ต้องทำเยอะแยะ มึงจะเอาอนาคตตัวเองมาจบลงกับการพนันเหรอ มึงก็เห็นว่ามันจะไม่ได้หมดแค่เงิน แต่ชีวิตมึงก็จะไม่เหลือ”

   “.....”

   “คิดว่าทำเพื่อตัวเองแล้วก็เพื่อคนที่รักมึงก็ได้”

   “.....อืม กูจะเลิกเล่นการพนัน”

   “เออ วันนี้มึงอยู่กับเฮียเจ๋งก่อนละกัน เดี๋ยวกูบอกเฮียให้ แผลหายเมื่อไหร่ค่อยกลับบ้าน หรือไม่ไหวก็ไปหาหมอ เข้าใจใช่ไหม”

   “อืม....”

   “เออ ลงไปได้ละ ทำตัวดีดีด้วยล่ะไอ้เวร”

   “.....ขอบใจที่ช่วยกู”

   “อื้อ” พอผมรับคำ ไอ้ภัทรก็เดินลงจากรถก่อนจะเข้าไปในร้านเฮียเจ๋ง ส่วนเฌอนั้นก็มีที่ต้องไปเหมือนกันนั่นคือไปทำแผลครับ ส่วนคนที่จะทำแผลให้นั่นก็คือ....แฟนเด็กของเขานั่นเอง

   โดนดุแน่ๆ ล่ะ นึกภาพออกเลย


   
---------- 50% ----------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 14 ----------




   “เลิกทำหน้าตึงได้แล้วดิ แฟนคุณปลอดภัยดีนะ”

   “....หึ”

   อู๊ยยยย....หึทีเดียวขนลุกไปทั้งตัวเลยค้าบ

   ผมนั่งยิ้มแห้งๆ ให้เจ้าแฟนที่นั่งทำแผลให้อยู่ เหมือนจะโกรธแหละแต่ยังคงเบามืออยู่นะ หลายครั้งแล้วที่สิบสามทำแผลที่มือให้แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเจ็บจนทนไม่ได้เลย ตอนที่โผล่มาที่คอนโดฯ เขาคือสภาพสะบักสะบอมพอตัว เจ้าของห้องตกใจกับสภาพผมเหมือนกันแหละ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ตอนนี้อาบน้ำสระผมเรียบร้อย กลิ่นนี่หอมสะอาด ถ้าได้กอดก็จะชื่นใจมากๆ แต่สิทธิ์นั้นขอสงวนไว้ให้แฟนคนเดียวเท่านั้นนะ

   ดีไม่ดีแฟนก็ไม่กอดเพราะวันนี้ไปดื้อมา

   สิบสามทำแผลให้ผมจนเสร็จก่อนที่เขาจะเดินเอากล่องยาไปเก็บ ส่วนผมก็มองตามร่างสูงอยู่แบบนั้น พอเห็นเจ้าตัวนั่งลงที่เตียงผมก็เดินขึ้นไปนั่งข้างเขาพลางยิ้มแฉ่งให้ นังน้อนมองผมนิ่งๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา งื้ออออ....อย่าเป็นแบบนี้สิ ทำตัวไม่ถูกเลยเนี่ย

   “คุณ....”

   “เล่ามาครับ ผมรอฟัง”

   “คืองี้.....ก็ที่บอกว่าจะออกไปกินไอติมนั่นแหละ ผมลืมของบนรถก็เลยจะไปเอาแล้วดันเจอน้องชายต่างแม่อะ กำลังมีเรื่องอยู่ มันโดนกระทืบผมเลยเข้าไปห้าม ตอนแรกก็ไกล่เกลี่ยกันดีดีเหมือนเรื่องจะจบแค่ผมจ่ายหนี้ให้แทนน้อง แต่พวกมันถีบผมจากข้างหลังอะ ทำกระจกรถผมแตกด้วย ผมโกรธมากที่มันทำเสื้อที่คุณซื้อให้เลอะ ผมก็เลยกระทืบพวกแม่งหมดเลย”

   “มือถึงได้เป็นแผลขนาดนั้น”

   “อื้ม ผมไม่ได้เป็นพวกที่ชอบมีเรื่องนักหรอกแต่กับเรื่องนี้มันไม่ได้ไง นั่นน้องผมอะ ถึงจะไม่ถูกกันแต่มันก็เป็นน้อง”

   “หนี้ที่พี่ว่าคืออะไรครับ”

   “พนันบอล ให้มันไปสองแสน ผมตัวแห้งหมดแล้วเนี่ยะ”

   “จำนวนเงินไม่ใช่น้อยๆ เลยนะครับพี่เฌอ”

   “อื้ม ก็เยอะ แต่สำหรับผมมันก็ไม่ได้ทำให้ตัวลำบาก อีกอย่างเพื่อช่วยมัน เงินแค่สองแสน ค่อยหาเอาใหม่ก็ได้ นี่ไง เอาตุ๊กตาในห้องคุณไปขาย”

   ร่างสูงจ้องผมทันที “ไม่ได้นะครับ”

   “งั้นก็เอาคุณไปขาย” ผมเขี่ยผมที่ปรกหน้านังน้อนออก “หน้าตาแบบนี้ต้องราคาดีแน่ๆ เลย”

   “เดี๋ยวจะโดนนะครับ” สิบสามจับมือผมที่มีผ้าพันอยู่ “พี่ทำผมเป็นห่วงมากเลยนะ”

   “ผมขอโทษนะคุณ ผมจะระวังไม่ให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก”

   “คนดื้อก็ต้องโดนลงโทษไหมครับ” สิบสามบีบแก้มผมเข้าหากัน “ครั้งหน้าจะได้ไม่ดื้ออีก”

   “อยากหาเศษหาเลยกับผมก็บอกเถอะ” เอาคำว่าลงโทษมาอ้าง คิดว่าผมรู้ไม่ทันงั้นเหรอ

   “พี่เฌอ” ร่างสูงขยับไปอยู่ที่ปลายเท้าก่อนจะออกแรงดึงข้อเท้าผม จากท่านั่งพิงหัวเตียงในตอนแรกก็กลายเป็นว่าผมกำลังนอนหงายอยู่บนเตียงพร้อมกับมีเด็กยักษ์คร่อมอยู่ด้านบน

   โพซิชั่นที่ชรันหวั่นใจ

   “....ดื้อ”

   “ผมดื้อแล้วคุณจะตีผมอ๋อ” ผมเลิกคิ้วมองเขา “อืม....หรือคุณจะทำอย่างอื่น”

   “ผมควรตีพี่หรือควรทำอย่างอื่นดี”

   “ไม่รู้สิอื้อออ.อ.....” ผมโดนกดจูบลงมาทีนึง “นี่คุณ”

   “คิดถึงจังครับ ไม่ได้กอดตั้งหลายวัน” เจ้าตัวเอ่ยเสียงอ่อนอย่างอ้อนๆ ก่อนจะใช้ปลายจมูกคลอเคลียแก้มผมอยู่อย่างนั้น ลงโทษของเขาที่ว่าคือการทำให้ผมเขินจนประสาทเสียแน่ๆ เลย

   ตึกตัก

   สิบสามนี่มันน้า

   “หื้อออ...อ....จั๊กจี้ อื้อออ....นังน้อน” ผมดิ้นหนีทันทีเมื่อโดนคนที่ตัวใหญ่กว่าไล่จูบตามซอกคอ จูบเฉยๆ นี่ไม่ว่าหรอก ไล่ขบไล่กัดด้วยนี่สิ เข้าใจอยู่นะว่ามันเขี้ยว แต่แบบนี้มันเกินไปแล้ว

   ถ้าของขึ้นแล้วใครจะรับผิดชอบอะ

   “พี่นี่....” สิบสามละขึ้นมาก่อนจะหลุดยิ้มให้ผม “คึกคักง่ายเหมือนกันนะครับ”

   ฉ่า

   แม่งโว้ยยยยย

   “ปล่อยผมออกไปเลยนะ” ผมพยายามแกะมือเขาออกแต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นผล ร่างสูงกักผมเอาไว้ในอ้อมกอดพลางไล่ฟัดไปทั่วอย่างบ้าคลั่ง ฮืออออ....มีความสุขแต่ก็รู้สึกทรมานเหมือนกันอะ

   โอ๊ย....ยอมแล้วค้าบ

   เฌอยอมแล้ว

   “พี่เฌอลามกจังเลยนะครับ” เขาจุ๊บปากผมก่อนจะขยับมานอนข้างๆ แล้วกอดเอาไว้แน่น แน่นในระดับที่ดิ้นไปเถอะ ดิ้นจนหมดแรงก็ไม่มีทางออกจากอ้อมแขนนี้ได้

   “คุณต่างหากที่ลามกน่ะ ทำกับผมซะขนาดนี้”

   “ก็ลงโทษที่พี่ดื้อไงครับ” นังน้อนเอ่ยก่อนจะเลื่อนมาจุ๊บหัวผมเบาๆ “พี่ไม่ชอบที่ผมทำแบบนี้เหรอ”

   “ก็....ไม่ได้ไม่ชอบ แต่บางทีมันก็เขินไงคุณ คุณไม่เขินบ้างเหรอ”

   “เสียงหัวใจของผมที่พี่ได้ยิน พี่คงรู้นะครับว่าผมรู้สึกยังไง”

   ตึกตัก

   เต้นแรงพอๆ กันเลย

   “เออคุณ วันนี้ตอนที่ผมนั่งกินไอติมกับเพื่อนๆ อะ พวกมันถามด้วยนะ ว่าผมกับคุณถึงขั้นไหนแล้ว” ผมขยับขึ้นไปหนุนแขนสิบสามเอาไว้ มือก็เกลี่ยที่แก้มใส “ไอ้หมีมันบอกด้วยนะว่าผมไม่รอดจากคุณแน่ๆ ”

   “หมีก็พูดถูกนี่ครับ”

   “สิบสาม”

   “พี่ต้องโดนผมกินแหละ” สีหน้าที่ยิ้มจนลักยิ้มขึ้นนั่นคือน่าหมั่นไส้จริงๆ นะ

   “แล้วถ้าผมไม่ให้คุณกินล่ะ”

   “ก็รอครับ ต้องมีอยู่แล้ววันที่พี่จะเผลอตัวและเผลอใจ”

   “มั่นใจจริงๆ นะ”

   “เพราะมั่นใจถึงได้กล้าพูดไงครับ” สิบสามยกมือผมขึ้นมาจุ๊บเบาๆ “เรื่องนั้นมันก็แค่ปัจจัยเล็กๆ ที่จะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ในความสัมพันธ์ของเราสองคน สำหรับผมแล้วการได้ใช้เวลาอยู่กับพี่แบบนี้ก็มีความสุขแล้วครับ ผมไม่เคยรู้สึกเบื่อมีแต่จะต้องการมากขึ้น ให้นอนคลอเคลียกับพี่เฌอนะ....ผมทำได้ทั้งวันเลยล่ะ

   “อื้อออออ.....พูดอะไรเนี่ย” ผมซบอกเขาแก้เขิน สิบสามทำผมรู้สึกตัวเล็กลงอีกละ ทำไมมันเป็นอย่างนั้นวะ

   “พูดความจริงทั้งนั้นเลยครับ ผมรู้นะว่าเรื่องอาถรรพ์เลข 13 ทำให้พี่กังวลใจอยู่ แต่เชื่อเถอะครับว่ามันจะไม่มีอะไร ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องคิดมาก”

   “คุณรู้ด้วยเหรอ”

   “รู้สิครับ เพราะนี่ใกล้ที่เราจะคบกัน 13 วันแล้ว เดี๋ยวถ้าผ่านรอบ 13 วันก็รอดูวันที่ 13 ถ้าไม่มีอะไร พี่เฌอก็จะสบายใจ”

   “คุณนี่รู้ไปซะหมดจริงๆ เลยนะ”

   “ผมเป็นแฟนพี่ เรื่องแบบนี้ผมต้องรู้สิ” เขาลูบหัวผมเบาๆ “นอนได้แล้วครับ วันนี้พี่ดื้อไปเยอะแล้ว พักผ่อนแล้วค่อยดื้อใหม่วันพรุ่งนี้นะ”

   “เดี๋ยวเถอะนะ ผมจะหยิกคุณตอนที่คุณหลับไปแล้ว”

   “ถ้าพี่ทำผมตื่น พี่จะไม่ได้นอนอีกเลยคอยดู”

   “นังน้อน”

   ฝากไว้ก่อนเถอะ

   ผมกอดสิบสามเอาไว้ก่อนจะหลับตาลง ควรพักผ่อนจริงๆ วันนี้ผมเหนื่อยมามาก อีกอย่างพรุ่งนี้มีเรื่องต้องจัดการเยอะเลยครับ น่าจะต้องเลี้ยงข้าวไอ้แช่มที่มันช่วยจัดการเรื่องที่ผมก่อเอาไว้ ต้องเอาน้องรถเข้าอู่เปลี่ยนกระจก ดีนะที่พรุ่งนี้มีเรียนบ่าย ดีแล้ว เฌอจะได้มีเวลาเยอะหน่อย ส่วนตอนนี้ผมคงต้อง.....

   “ฝันหวานนะครับพี่เฌอ”

   อื้ม

   “ฝันหวานครับนังน้อน”

   

   

   

   

   

   TBC.

   สวัสดีค่ะชาลมาส่งสามเฌอตามที่นัดกันเอาไว้แล้วนะคะ คือมันแน่นอนอยู่แล้วที่ชาลจะแทรกเรื่องความสัมพันธ์ลงไปในเรื่องด้วย เพราะรู้สึกว่าความขัดแย้งที่มีกันมาควรได้บทสรุป แค่นี่ส่วนนึงนะคะมันยังไม่สมบูรณ์์ก็ต้องรอติดตาม

   สำหรับใครที่เพิ่งจะมาติดตามชาลจาากนิยายเรื่องนี้นะคะ สามารถย้อนกลับไปอ่านเรื่องอื่นที่เขียนจบไปแล้วได้นะระหว่างการรออัปเดตตอนใหม่ อย่างพี่แช่มที่โผล่มาบ่อยๆ นางอยู่ในเรื่อง Unclear จริงจังหรือแค่ขำๆ ส่วนขันหมีคือเรื่อง I'm not Playboy ผมไม่ได้เจ้าชู้ ค่ะ

   สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th น้า

   ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค้าบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2020 21:56:20 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แบบนี้ต้องเรียกเสี่ยเฌอ5555

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
หวานมาก. เขินเลย,,,

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 15 วันที่ 13





   “อื้ออออ.....”

   โป๊กกกก

   “โอ๊ยยยยย”

   อะไรแต่เช้าวะเนี่ย

   ผมลืมตามองรอบๆ ก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ที่พื้นข้างเตียง อื้ออ...อ....เจ็บหัวอะ โขกตู้แน่เลยเมื่อกี๊ ผมชันตัวขึ้นมานั่งก่อนจะส่ายหัวตั้งสติสองสามที มือก็ยกขึ้นลูบหัวตัวเองเบาๆ เงียบสนิทและไม่มีแสงแดดเล็ดลอดเข้ามา อุณภูมิเย็นจัดขนาดนี้แน่นอนว่านี่ห้องผมแน่ล่ะ ทบทวนเหตุการณ์เมื่อวานและเรื่องราวเมื่อคืนแป๊บนึงนะ หลายวันก่อนผมมีเรื่องกับเจ้าหนี้ไอ้ภัทร วันต่อมาไปเคลียร์ค่าเสียหาย เอารถไปซ่อม

   หลายวันที่ผ่านมารวมถึงการครบรอบ 13 วัน

   ผมเป็นแฟนกับสิบสามเกิน 13 วันแล้วครับ นี่เข้าอาทิตย์ที่ 3 แล้ว อย่าคิดว่าวันนั้นมันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ ขอบอกเลยว่าเหตุการณ์ในวันนั้นแม่งโคตรจะวายป่วง ผมไปเอารถที่ซ่อมกระจกเสร็จแล้ว ขับออกมาแค่หน้าปากซอยก็โดนน้องหมาวิ่งตัดหน้ารถ ผมก็เบี่ยงหลบแล้วไปชนเสาไฟฟ้า ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ หัวแตกเพราะหลบน้องหมา เย็บไปสามเข็ม แต่ก็ยังดีที่ไม่เป็นอะไรมาก เฌอปลอดภัยและน้องหมาก็ปลอดภัย

   แต่น้องรถพังยับเลยครับ

   เพิ่งเอาออกจากอู่ก็ต้องเอากลับเข้าอู่เหมือนเดิม นี่คิดว่าถ้าชนอีกทีผมจะซื้อใหม่แล้วนะ ซื้อจักรยานใช้แทน ไม่ต้องขับมันละรถยนต์น่ะ ช่วงนี้ชีวิตชรันเลยต้องพึ่งรถเครื่องไปก่อน วันไหนฝนตกก็จะลำบากหน่อย รู้สึกว่าวันครบรอบ 13 วันนั้น เรื่องที่แย่สุดก็คงรถชนมั้ง นอกนั้นคือซอฟต์ๆ มาก เรื่องสะดุดท่อ ตกบันไดเนี่ยะเบสิกไปเลย กว่าจะหมดวันเหมือนอายุขัยหายไปครึ่งนึง แต่เอาเถอะ ผ่านวันนั้นมาได้แล้ว ก็ยังรักกันกับแฟนดีอยู่ครับ

   ที่น่าหวั่นใจมันคือวันนี้ต่างหาก

   วันศุกร์ที่ 13

   หึ....ประเดิมด้วยการตกเตียงพร้อมกับหัวโขกไปทีนึงเจ็บๆ

   ครืดดดด....ครืดดดด

   ผมหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย “ฮัลโหลครับ”

   (พี่มีเรียนนะครับ คลาสเช้า 9 โมงครึ่ง)

   “ผมเพิ่งตื่นอะคุณ แต่เดี๋ยวจะไปอาบน้ำละ แล้วนี่คุณอยู่ไหน”

   (ห้องครับ ผมก็กำลังจะไปเรียน ให้ไปรับไหม)

   “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเจอกันที่มหา’ลัยนะ”

   (ได้ครับ....แล้วเจอกันครับ)

   “อื้ม....” ผมวางสายก่อนจะหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ มองรอยแผลบนหัวที่เพิ่งไปตัดไหมมาเมื่อวานก็รู้สึกเจ็บแปล๊บๆ นานแล้วนะที่ไม่มีแผลเย็บเนี่ยะ ครั้งล่าสุดตอนผ่าไส้ติ่งมั้ง

   ผมเป็นเด็กนิสัยไม่ดีไงสมัยก่อน เวลากินอะไรเสร็จก็จะนอนเลย แล้วอยู่ดีดีมันก็เกิดอาการแน่นหน้าอกเหมือนอาหารไม่ย่อย พะอืดพะอม ผมล้วงคอด้วยนะตอนนั้นหวังจะอ้วกมันออกมา แต่พอทำแบบนั้นเหมือนทุกอย่างมันตีขึ้นมาหมด ปวดท้อง นึกว่าเด็กชายชรันจะจบชีวิตลงตอนอายุ 14 แล้ว ผมเริ่มมีอาการตอน 5 ทุ่ม ไม่ได้นอนทั้งคืน แล้วตอนเช้าถึงได้ไปหมอ เขาบอกว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบแน่ๆ จากการตรวจดูอาการต่างๆ

   จากนั้นขอไม่เล่านะครับ

   เอาเป็นว่าเฌอไม่มีไส้ติ่งแล้ว

   หลังจากที่อาบน้ำเสร็จผมก็เดินออกมาแต่งตัว หยิบเสื้อยืดสีเขียวพาสเทลที่เจ้าแฟนซื้อให้มาสวม กางยีนส์สีซีดเข่าขาดพร้อมกับเสื้อช็อปตัวเก่งที่สวมมาจะ 3 ปีแล้ว ปกติผมไม่ค่อยซักเสื้อช็อปนะ เทอมนึงจะซักสักครั้ง แต่พอเป็นแฟนสิบสามอะ นังน้อนเอาเสื้อช็อปผมไปซักให้ทุกอาทิตย์เลย รีดเรียบกริบ น้องเสื้อคือสะอาดอย่างที่ไม่เคยเป็น ผมหยิบกระเป๋าคาดอกพลางเช็กดูว่าตัวเองลืมอะไรรึเปล่า

   กุญแจรถวะ

   อ๋อไม่มีรถใช้เพราะงั้นกุญแจไม่ต้อง

   ผมจัดแจงล็อกห้องก่อนจะเดินมารอรถสองแถวที่ป้ายรถเมล์ ใช้เวลาไม่นานสองแถวเจ้ากรรมก็มาถึง เหมือนเห็นภาพเหตุการณ์เดิมๆ ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 3 เดือนก่อนยังไงไม่รู้ วันที่ 13 ซึ่งผมอกหักจากน้องแอม วันนั้นที่หากุญแจรถไม่เจอ น้องโทรศัพท์หน้าจอแตก ลืมชีทไว้ร้านโจ๊ก จำวันเรียนผิด ทำเรื่องสะเหล่อเยอะมาก เมาเหมียนน้องหมา ล้มอยู่หน้าเซเว่นฯ แล้วก็เป็นวันแรกที่ได้เจอกับสิบสาม

   เวลาผ่านมา 3 เดือนแล้วเหรอเนี่ย

   อ๊อดดดด

   ผมกดออดก่อนจะเดินลงจากรถแล้วจ่ายเงินให้ลุงคนขับ ตอนนี้เกือบ 9 โมงแล้วครับ เอายังไงกับชีวิตก่อนดีวะเนี่ย อืม....กินโจ๊กดีกว่า เอาแบบเหตุการณ์วันนั้นเลย พอคิดได้แบบนั้นผมก็หยิบโทรศัพท์มาไลน์บอกสิบสามว่าให้เจอกันที่ร้านโจ๊ก นังน้อนน่าจะถึงมหา’ลัยแล้วแหละ วันนี้ผมเลิกบ่าย 2 ส่วนสิบสามเลิก 5 โมงแถมมีซ้อมคฑาต่อ อีก 2 อาทิตย์จะสอบไฟนอลแล้วแท้ๆ ผมอยากให้เขาหยุดซ้อมแล้วมีเวลาอ่านหนังสือได้แล้ว

   ไม่อยากให้เขาโหมตัวเองจนเกินไปเลยครับ

   “เอาโจ๊กหมูพิเศษใส่ไข่ครับ”

   “นั่งรอแป๊บนึงนะลูก”

   ผมเดินมานั่งที่โต๊ะพร้อมกับเล่นโทรศัพท์ฆ่าเวลา เหมือนวันนั้นจริงๆ นะ โต๊ะที่นั่งเมื่อ 3 เดือนก่อนก็โต๊ะนี้แหละ เนี่ยะ ที่ว่างข้างๆ เลยที่ลืมชีทเอาไว้ ตอนแรกผมนึกว่าจะไม่ได้คืนแล้วแต่เหมือนโชคยังเข้าข้างอยู่ มีคนฝากชีทมาคืนให้ ผมไม่รู้ว่าใครเก็บได้แต่รู้สึกขอบคุณเขาจริงๆ

   “นั่งด้วยได้ไหมครับ” เสียงเรียบเอ่ยขึ้นทำให้ผมละสายตาจากจอโทรศัพท์ ร่างสูงในชุดนักศึกษาผูกเนกไทเรียบร้อยยืนอยู่ ใต้แมสสีดำนั่นต้องซ่อนความหน้าตาดีเอาไว้แน่ๆ

   อวยแฟนตัวเองทำไมวะ

   “เชิญครับว่าที่คุณหมอ”

   “สั่งโจ๊กรึยังครับ” สิบสามนั่งลงฝั่งตรงข้ามก่อนจะรั้งแมสที่ปิดหน้าลงพร้อมกับเสยผมไปทีนึง หื้ออออ....กร๊าวใจพี่แต่เช้าเลยค้าบน้อนค้าบ

   “สั่งแล้ว” ผมนั่งเท้าคางมองเขา “คุณรู้ป้ะว่าวันนี้เมื่อ 3 เดือนก่อน ผมลืมชีทไว้ที่นี่ด้วยนะ ตรงโต๊ะนี้เลย”

   “ผมจำได้ครับ”

   “ผมเคยเล่าให้คุณฟังงั้นเหรอ”

   เจ้าตัวส่ายหน้าเบาๆ “พี่ไม่เคยเล่าให้ผมฟัง”

   “แล้วคุณรู้ได้ยังไง”

   “ตอนแรกผมคิดว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับพี่ แต่คิดอีกที บอกไปก็ไม่เสียหาย....วันนั้นคนที่เก็บชีทของพี่ได้ก็คือผมเอง”

   “ถามจริง”

   “ใช่ครับ ความจริงผมเจอพี่ตั้งแต่บนรถสองแถวแล้ว ที่พี่มีเรื่องกับผู้ชายคนนึงที่เขาทำจอโทรศัพท์พี่แตก ตอนนั้นผมยืนอยู่ข้างๆ พี่เลยนะ”

   จริงอ๋อวะ....

   ตอนนั้นผมกำลังบ่นว่าคนตัวสูงขึ้นรถสองแถวแล้วจะลำบาก แต่ตอนนั้นคิดว่าตัวเองไม่ได้ลำบากคนเดียวเพราะคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ลำบากเหมือนกัน เขาก้มหัวเยอะแล้วผมก็คิดว่าเขาสูงกว่า ผู้ชายคนนั้นคือสิบสามจริงดิ เห้ยๆ ๆ ๆ ๆ เกินไปมาก ทำไมผมไม่เห็นว่าเป็นเขาวะ ไม่ได้สนใจแน่เลย วันนั้นมันน่าหงุดหงิดใจ ฟีลแฟนทิ้งอะ จะให้สนใจอะไรวะ

   คิดไม่ถึงเลยนะเรื่องนี้น่ะ

   “แล้วที่บอกว่าเก็บชีทของผมได้อะ”

   “ก็ผมคือคนที่นั่งตรงข้ามพี่ไงครับ วันนั้นพี่สนใจแต่โจ๊กกับโทรศัพท์ ไม่ได้เงยหน้ามองผมสักนิด ก็ไม่แปลกหรอกครับที่จะไม่รู้”

   “ตอนนั้นเพิ่งอกหักไง” ผมยิ้มแฉ่งให้เขา “แต่ตอนนี้ผมสนใจคุณนะ” ว่าแล้วก็ทำตาวิ้งค์ใส่ไปสามครั้ง

   “วันนั้นพี่ตลกมากเลยนะครับ ผมไม่คิดว่าจะไปเจอพี่อีกทีตอนกลางคืนด้วย”

   “ผมเป็นเวรกรรมของคุณไง”

   “ดีครับ จองเวรผมไปทุกชาติเลยนะ” สิบสามตักโจ๊กเข้าปากพลางอมยิ้มให้เห็นแวบนึง ถึงจะอยู่กับผมแต่ถ้าเป็นข้างนอก รอยยิ้มมันก็จะไม่เกิน 5 วิจริงๆ สินะ

   “ทำไมยิ้มแค่แป๊บเดียวเองอะ”

   “ผมอยากให้พี่เฌอเห็น แต่ไม่ได้อยากให้คนอื่นเห็น”

   “กลัวคนหลงรักอ๋อ”

   “ใช่ครับ เดี๋ยวพี่จะหึงผมจนหน้ามืด”

   ผมเบ้ปากใส่เขา “หลงตัวเอง”

   “ไม่ได้ครึ่งที่หลงพี่เลยครับ”

   ตึกตัก

   หึ....เล่นกันแบบบนี้เลยนะ

   ผมยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเพื่อตั้งสติพลางตักโจ๊กกินเงียบๆ ทำไมพูดอะไรออกไปเขาก็หาคำมาสวนได้ตลอดเลยวะ ผมแพ้อะ ชอบนะแล้วก็เขินมากๆ บางทีเขินไป เหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อาการแบบนี้จะอยู่กับเรายัน 10 ปีเลยไหมครับ

   ตายนะแบบนั้นน่ะ

   เราใช้เวลากินโจ๊กด้วยกันสักพักก่อนจะจ่ายเงินแล้วเดินออกจากร้าน เพื่อนๆ ไลน์มาตามแล้วครับ เหลืออีก 5 นาทีแน่ะ พวกมึงนี่รีบจังวะ ไอ้ขันคือรีบที่สุด มันเป็นคนแบบนี้แหละ เจ้าระเบียบตรงต่อเวลา มันเป็นคุณสมบัติที่ดีและควรเป็นแบบอย่างนะ แต่ก็แค่เรื่องนี้แหละ เรื่องอื่นตัดทิ้งไปได้เลยเพราะมันโง่ ผมเดินนำสิบสามมาจนถึงทางเดินกลางระหว่างตึกวิศวะฯ กับตึกแพทย์ฯ

   “ตั้งใจเรียนนะคุณ เดี๋ยวถ้าเรียนเสร็จผมจะไลน์ไปหานะ”

   “พี่ก็ตั้งใจเรียนนะครับ” ร่างสูงหันมองซ้ายมองขวาก่อนจะรั้งแมสลงแล้วยื่นหน้าเข้ามาจุ๊บปากผม

   จุ๊บบบบ

   ฉ่า

   “สิบสาม” คุณทำอะไรเนี่ยะ

   เจ้าตัวขยับแมสขึ้นไปปิดปากตามเดิม “ขอให้เป็นวันที่ 13 ที่ดีสำหรับพี่เฌอนะครับ”

   “ผมก็หวังให้มันเป็นอย่างนั้น” ผมขยุ้มหัวเขาเบาๆ “ไปเรียนได้แล้ว”

   “แล้วเจอกันครับ” สิบสามบอกก่อนจะเดินไปทางตึกตัวเอง ส่วนผมก็ยกมือลูบปากตัวเองที่เพิ่งโดนจุ๊บเมื่อกี๊ ทำไมชอบทำให้ใจเต้นแรงอยู่เรื่อยเลยวะ

   วันนี้อาจจะเป็นวันที่ 13 ที่ดีก็ได้มั้ง

   ซ่าาาา

   มันจะดีไปได้ยังไงวะ

   “ขอโทษนะนักศึกษา ผมนึกว่าไม่มีใครอยู่ข้างล่างเลยจะเอาน้ำรดต้นไม้”

   ผมเสยผมที่เปียกขึ้นไปด้านบนก่อนจะเงยหน้ามองอาจารย์ “ไม่เป็นไรครับอาจารย์ ผมไม่เป็นไร” ว่าแล้วผมก็รีบเดินมาจากตรงนั้นทันที

   เสื้อช็อปชุ่มไปด้วยน้ำถูกถอดออกมาบิดพร้อมกับสะบัดสองสามที โอ๊ยยยย....มึงจะโชคร้ายอะไรขนาดนี้วะเนี่ย น้ำที่อาจารย์เทลงมาเมื่อกี๊มันเยอะมากเลยนะครับ ผมเปียกตั้งแต่หัวจรดปลายตีนอะ จะด่าก็ไม่ได้เพราะเขาเป็นอาจารย์ อีกอย่างเขาคงไม่ได้ตั้งใจหรอก เซ็งว่ะ นี่ยังไม่ถึงครึ่งวันเลยนะ มีอะไรที่เฌอคนนี้ต้องเจออีกไหมเนี่ยะ ถ้ามีล่ะก็ขออะไรที่มันไม่เลอะเทอะนะ เพราะแค่นี้ก็มากเกินพอ

   ตัวเปียกขนาดนี้ เรียนในห้องแอร์อีก

   ตายห่าแน่ๆ ล่ะดูทรงแล้ว

   ผมเดินเข้ามาในห้องเรียนก่อนจะยิ้มแฉ่งให้อาจารย์วิชัย “วันนี้ไม่สายนะครับ”

   “แต่เปียกนะ คุณไปทำอะไรมาเนี่ยะ”

   “มีอาจารย์เทน้ำลงมาจากตึกครับ เขาไม่เห็นผม”

   “ผมก็เคยเทน้ำลงหัวขุนศึกรุ่นน้องพวกคุณเหมือนกัน พวกอาจารย์แก่ๆ ก็แบบนี้แหละ มองไม่เห็น ไปนั่งเถอะ หรือคุณจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อก่อนไหม”

   “ได้เหรอครับ”

   “อื้ม....ให้เวลา 15 นาที ทันไหม”

   “ทันครับอาจารย์” ผมรีบเดินมาทางบรรดาเพื่อนๆ “เอากุญแจรถเครื่องมาสักคัน”

   จันทร์ฉายส่งกุญแจรถมาให้ผม “อยู่หลังตึก”

   “ขอบใจมาก เดี๋ยวกูมา” ผมบอกก่อนจะเดินออกมาจากห้องแล้วมุ่งไปที่หลังตึก นี่ดีนะที่อาจารย์วิชัยให้กลับไปเปลี่ยนเสื้อได้อะ แต่เวลาผมมีไม่มากเพราะงั้นต้องรีบหน่อย

   ผมบิดเวฟร้อยออกมาจากมหา’ลัยก่อนจะมุ่งหน้าไปยังหอตัวเอง เสื้อช็อปเดี๋ยวก็แห้งแหละ เอาไม้แขวนไปด้วยจะได้ตากที่ระเบียงหน้าตึก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมตากเสื้อช็อปครับ และผมก็ไม่ใช่คนเดียวที่เคยทำแบบนั้นด้วยเพราะงั้นเรื่องแบบนี้มันไม่แปลกเลย ใช้เวลาไม่นานสำหรับการเปลี่ยนเสื้อ เสื้อยืดสีเขียวพาสเทลถูกเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มแทน เสื้อผ้าผมส่วนใหญ่จะเป็นสีเขียวเพราะผมชอบ

   ส่วนเสื้อผ้าแฟนผมน่ะ....หึ

   สีชมพูโคตรจะเยอะ

   หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อเสร็จผมก็รีบขับรถกลับมาที่มหา’ลัย ในจังหวะที่กำลังเลี้ยวรถเข้าประตูด้านหน้าก็มีรถยนต์คันนึงปาดหน้าเบียดรถผมจนเสียหลัก

   โครมมมม

   ไอ้สัสเอ๊ย....ขับรถแบบนี้

   “อื้อออ....แม่งเจ็บ” ผมมองแขนตัวเองที่เป็นรอยถลอกเป็นทางยาวก่อนจะประคองรถมอเตอร์ไซค์จันทร์ฉายที่เกยอยู่บนฟุตปาธขึ้นมา โห กระจกข้างหลุดแถมสีถลอกอีก ถ้าเป็นรถผมมันจะไม่อะไรเลยแต่นี่รถเพื่อน

   “ขับรถไม่ดูเลยนะคะ” เสียงใสเอ่ยขึ้นด้านหลัง “พี่เฌอ”

   เอาจริงดิ

   “ดูกล้องวงจรปิดดีกว่าไหมครับ จะได้รู้ว่าใครขับรถไม่ดู” ผมหันกลับมาเผชิญกับน้องผึ้งและเพื่อนสนิทของเธอที่เพิ่งเดินลงมาจากรถ เพื่อนสนิทที่ครั้งนึงเคยเป็นแฟนเก่าของผม

   น้องเดียร์ไงครับ

   “อ่าว ทำไมพี่พูดจาแบบนี้อะคะ รถพี่น่ะเบียดรถผึ้งนะ”

   “ถึงบอกว่าให้ดูกล้องวงจรปิดไงครับ จะได้รู้ว่าใครเบียดใครกันแน่”

   “ทำผิดแล้วจะไม่ยอมรับเหรอ ทุเรศจริงๆ ” เธอมองเหยียดผม “สิบสามไม่น่าหลงผิดเลยอะเดียร์”

   “ก็คงอย่างนั้น” น้องเดียร์รับคำเพื่อนรักก่อนจะชี้รอยถลอกที่รถน้องผึ้ง “พี่จะรับผิดชอบยังไงคะพี่เฌอ”

   “ผมจะต้องรับผิดชอบอะไรล่ะครับ ผมไม่ได้ขับรถไปเบียดคุณเลย ขับชิดริมทางแถมก่อนเลี้ยวผมก็เปิดไฟแล้ว รถคุณน่ะปาดมาเบียดรถผม” ผมข่มอารมณ์อย่างใจเย็น “ดูกล้องวงจรปิดดีกว่า จะได้จบๆ ”

   “ไม่ดูค่ะ เพราะพวกเราไม่ผิด”

   “คุณไม่ผิด ผมก็ไม่ผิดเหมือนกัน งั้นก็แยกย้ายครับ ซ่อมใครซ่อมมัน เสียเวลา” ผมหันหลังกลับหวังจะเดินไปที่รถ แต่สัมผัสได้ถึงของเย็นที่ถูกสาดเข้ามาทางด้านหลัง

   ตลกมากอ๋อวะ

   “ทุเรศจริงๆ ทำผิดก็ไม่ยอมรับ คิดจะหนีไปง่ายๆ ” เสียงของน้องเดียร์เอ่ยขึ้น “สิบสามรู้ไหมว่าพี่เป็นคนแบบนี้น่ะ”

   ผมหันกลับมาหาเธอก่อนจะยกยิ้มให้ “แค่สิบสามไม่รัก ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ....ถามจริงๆ เลยนะ”

   เพี้ยะ

   “กล้ามากที่แย่งเขาไป”

   “เขาไม่ใช่ของคุณตั้งแต่แรก เอาอะไรมาพูดว่าผมแย่งเขาไป” มือบางยกขึ้นจะตบผมอีกแต่ผมคว้ามือเธอไว้ทัน “มันจะไม่มีครั้งที่ 2 หรอกนะเดียร์ ถ้าคุณไม่พอใจที่เบียดรถ ตบหน้าผม หรืออย่างอื่น ก็ไปเจอกันที่โรงพัก ให้ตำรวจจัดการ จะเอายังไง รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วมั้งว่าใครเป็นฝ่ายผิด”

   เธอสะบัดมือผมออก “มันไม่จบแค่นี้หรอกพี่เฌอ”

   “คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าระหว่างเราให้มันจบ ต่างคนต่างอยู่ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก แต่นี่อะไร คุณคิดว่าผมไม่รู้เหรอว่าใครที่โทรมาป่วนผมบ่อยๆ น่ะ ทำอะไรช่วยคิดหน่อยเถอะ ที่ทำอยู่นี่ไม่ฉลาดเลย”

   “พี่เฌอ!!!!”

   ผมเดินกลับมาที่รถก่อนจะมองอย่างเอาเรื่อง “สิบสามเป็นแฟนผม และมันจะเป็นเรื่องดีถ้าคุณไม่ยุ่งกับเขาอีก” ว่าแล้วผมก็ขับรถออกมาจากตรงนั้นทันที

   โมโหจังวะ โมโหแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ วันนี้แม่งโคตรแย่เลย เจ็บตัวไม่เท่าไหร่แต่เจ็บใจนี่ดิ แขนผมเป็นแผลอีกแล้ว เดี๋ยวนังน้อนก็ดุอีก ตอนแรกผมคิดว่ามันอาจจะเป็นอุบัติเหตุ แต่พอเห็นคู่กรณีแล้วก็คิดได้เลยว่านั่นมันจงใจ ถ้าสมมุติว่ารถผมเสียหลักล้มผิดท่าไป คอหักตายขึ้นมานี่จะเฮี้ยนมากเลย หน้าประตูมหา’ลัยก็ไม่ต้องมีใครได้เข้าทั้งนั้นถ้าผมเป็นผีน่ะ โคตรหงุดหงิด กลับหอไปเปลี่ยนเสื้อที่เปียกน้ำเพื่อมาเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เสื้อเปียกกาแฟแทน

   เปียกไม่เท่าไหร่แต่เหนียวเนี่ยะไอ้เวร

   ผมตัดสินใจถอดเสื้อตัวเองออกก่อนจะเปิดน้ำจากก๊อกหลังตึกเพื่อล้างเนื้อล้างตัวรวมถึงแผลถลอกที่แขนด้วย ครึ่งวันเช้ายังขนาดนี้เลย ไม่อยากนึกถึงตอนบ่าย ผมจะไม่ขยับไปไหนคอยดู จะนั่งอยู่นิ่งๆ ไปไหนก็จะไปกับเพื่อน ถ้ามีเรื่องบัดซบเกิดขึ้นจะได้ไม่รู้สึกเหงา หลังจากที่จัดการตัวเองเสร็จผมก็เดินขึ้นตึกไปในสภาพที่ไม่มีเสื้อใส่ แขนเป็นแผลมีเลือดซิบ สภาพย่ำแย่ในระดับที่อาจารย์วิชัยเห็นแล้วต้องช็อก

   “ไอ้เฌอ”

   “คุณทำอะไรมาเนี่ยะชรัน เสื้อไปไหน แล้วที่แขนนั่นมัน”

   “รถคว่ำครับ คู่กรณีเป็นเด็กตึกข้างๆ นี่แหละ มีปากเสียงกันก็เลยโดนสาดกาแฟใส่ เหนียวไปหมด เสื้อซักตากอยู่ข้างล่างครับ” ผมเดินมาหาเพื่อนๆ ก่อนจะหยิบทิชชู่มาซับเลือด “กูโคตรเหนื่อยเลยมึง”

   “พอรู้อยู่หรอก” ไอ้แช่มถอดเสื้อช็อปมาให้ผม “ใส่ช็อปติดกระดุมไปก่อนละกันมึง อย่างน้อยก็รอช็อปมึงแห้ง”

   “อื้ม ขอบใจนะมึง เออฉาย รถมึงอะ กูซ่อมให้นะ”

   “อืม ไม่ต้องคิดมากนะ มึงไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

   ไอ้ขันเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับกล่องยา “มา เดี๋ยวกูทำแผลให้”

   “คู่กรณีที่มึงว่านี่ใครวะ”

   “น้องเดียร์ไง แต่คนที่ขับรถเบียดกูอะเพื่อนเธอ”

   “เขาจงใจแกล้งมึง ถูกไหม”

   “ก็คงงั้นแหละ วันนี้โคตรวันซวยเลย”

   เหนื่อยอะ หมดแรงและอยากนอน

   ผมปล่อยให้ไอ้ขันทำแผลให้อยู่อย่างนั้นพลางนึกถึงคำพูดของน้องเดียร์ที่เธอบอกว่าเรื่องมันจะไม่จบ คือว่างเนอะ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นไหม อย่างอื่นที่มีประโยชน์มากกว่านี้ ไม่เข้าใจการกระทำพวกนั้นเลยอะ ต้องทำถึงขนาดนี้เลย ผมโกรธหรือเกลียดใคร ผมไม่เคยทำแบบนี้ใส่เลยนะ เกลียดใครก็ไม่ต้องยุ่งกับคนนั้นดิ เกลียดได้แต่เราทำร้ายเขาไม่ได้ไหมวะ เรามีสิทธิ์อะไรไปทำร้ายคนอื่นเหรอ

   ไม่มีใครมีสิทธิ์ทำร้ายใครทั้งนั้นแหละ

   เข้าใจความหมายที่ว่าคนเราเกิดมาต่างกัน โตมาต่างกันจริงๆ ช่างเถอะ หวังว่าให้นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วกัน สิบสามต้องรู้เรื่องนี้แน่นอนครับเพราะผมต้องเล่าถึงเหตุผลที่ทำให้ตัวเองได้แผล ยังไงก็ต้องบอกตรงๆ มันไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องโกหกแฟนตัวเองเพื่อปกป้องคนที่ทำให้ผมเจ็บ นังน้อนต้องโกรธมากแน่ๆ เขาพยายามดูแลผมแต่กลับมีคนอื่นมาทำแบบนี้

   “มึงพันผ้าเยอะเกินไปแล้วขัน เฌอไม่ใช่มัมมี่น่ะ”

   “กูจะเอาพันปากมึงด้วยไอ้แช่ม”

   เดี๋ยวกูจะเอาพันคอมึงทั้งคู่เลยไอ้เวร

   

***



   ---------- 50% -------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
------ ต่อจากบท 15 -------

(อยู่ไหนเหรอครับ)

   “สนามบาสฯ อะ แล้วทำไมโทรหาผมได้”

   (ผมบอกแล้วพี่จะเขินรึเปล่า)

   “งั้นไม่ต้องบอกเพราะผมน่าจะเขินแน่ๆ ”

   (เดี๋ยวถ้าเลิกเรียนผมจะไปหานะครับ วันนี้ไม่ซ้อมคฑา เขายกเลิก)

   “เอาแบบนั้นก็ได้ เดี๋ยวผมรอที่สนามบาสฯ นี่แหละ”

   (โอเคครับ แล้วเจอกันครับ)

   “ครับ เจอกัน”

   โป๊กกกก

   หัวกูไอ้เวร

   ผมหันไปทำหน้าเหมือนยักษ์ทันทีที่พวกมันทำลูกวอลเลย์ฯ มากระแทกหัวผม อยู่สนามบาสฯ จริงครับ แต่เพื่อนๆ น่ะเล่นวอลเลย์ฯ ถ้าเมื่อกี๊ที่โดนหัวเป็นลูกบาสฯ เฌอก็น่าจะตายห่าแล้วแหละ ความจริงผมก็อยากเล่นนะแต่แผลที่แขนนี่ดิ มันไม่ได้เจ็บอะไรเยอะแยะหรอกแต่อย่าเพิ่งห้าวจะดีกว่า อีกอย่างไอ้ขันเพื่อนรักก็พันแขนผมซะกลัวเชื้อโรคเข้า แต่เอาเถอะ ไหนๆ มันก็ตั้งใจทำแผลให้

   บางทีมึงก็ตั้งใจเกินอะ

   เมี้ยวววว

   เสียงน้องแมว

   ผมหันตามเสียงก็พบกับน้องแมวตัวน้อยที่นั่งอยู่ข้างสนาม พอเห็นแบบนั้นผมจึงยกโทรศัพท์ขึ้นกดอัดวิดิโอเพื่อจะลงสตอรี่ไอจีพร้อมกับติดโควตว่าต้าวน้อน น่ารักจัง ผมชอบแมวนะ เอาจริงๆ ผมชอบสัตว์เกือบทุกอย่างแหละ เห็นอะไรก็น้องไปหมด แล้วตอนนี้น้องกำลังจะโดนเหยียบแล้ว

   “ไอ้แช่ม!!!!”

   พลั่กกกก

   “โอ๊ยยยย”

   ขากู

   “ไอ้เฌอระวัง!!!!!”

   ปั๊กกกกก

   อื้อออออออออออออออออออออ

   วิ้งค์ไปทั้งหัว

   ผมนอนกุมหูตัวเองด้วยความมึนและรู้สึกเจ็บมาก ได้ยินเสียงแต่ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ เหตุการณ์เมื่อกี๊มันเกิดขึ้นไวมาก ผมจะเข้าไปคว้าลูกแมวที่ไอ้แช่มกำลังจะเหยียบแต่ขาติดร่องตะแกรงปิดท่อแล้วล้มก่อน ส่วนไอ้แช่มก็ชนผมจนเสียหลักล้มไปเหมือนกัน เสียงปั๊กที่ได้ยินเมื่อกี๊คือแรงอัดจากลูกวอลเลย์ฯ ที่ลอยมาพอดี ฮืออออ.....วันอะไรของแม่งวะเนี่ย

   เจ็บไปทั้งตัวแล้วโว้ย

   “เฌอ มึงได้ยินกูไหม” ทะเลตบแก้มผมเบาๆ เพื่อเรียกสติ “เฌอ”

   “กูได้ยิน....กู” ผมมองมือตัวเองที่เปื้อนเลือด “หูกู”

   “เออเลือดออก แรงบอลเมื่อกี๊แรงอยู่แหละ เดี๋ยวมึงถอดต่างหูออกก่อน ลุกไหวไหม”

   “ไม่ไหว ขากู....เจ็บ” ผมชันตัวขึ้นมานั่งด้วยความรู้สึกเจ็บข้อเท้ารุนแรง “ขากูติดร่องตะแกรงถึงได้ล้ม”

   “เออ เบาๆ มึง” จันทร์ฉายกับทะเลประคองผมให้ไปนั่งที่อัฒจันทร์เล็ก “วันนี้วันซวยมึงจริงๆ แหละ”

   “กูก็ว่างั้น เจ็บตัวได้แผลเพิ่มอีก โอ๊ย หูกู” คือถ้าไม่ใส่ก้านดามหูจะไม่เจ็บขั้นนี้หรอกครับ แล้วไหนจะต่างหูตรงส่วนไดรทอีก อักเสบแน่เลย ตอนเจาะกว่าจะหายก็ใช้เวลานาน นี่ดันเป็นแผลอีก

   ผมมองต่างหูหลายอันที่เปื้อนเลือดก่อนจะใช้กระดาษทิชชู่ห่อเอาไว้ ชริตเป็ดส่งขวดน้ำมาให้ผมล้างแผล อื้มมมม....แสบว่ะ ดีนะที่มันไม่กระแทกแรงจนมีผลกระทบต่อแก้วหูผม แต่เหมือนจะต้องเลิกใส่ต่างหูไปอีกนาน อย่างน้อยก็จนกว่าจะรักษาแผลให้หาย นึกไม่ออกเลยว่าถ้าสิบสามเห็นสภาพผมตอนนี้เขาจะทำหน้ายังไง

   “พี่เฌอ”

   เหมือนว่าจะได้เห็นเร็วกว่าที่คิด

   ผมหันไปมองร่างสูงที่เดินเข้ามาหา “นังน้อน ทำไมเลิกไว”

   “ทำไมเป็นแบบนี้ครับ” เจ้าตัวรั้งแมสที่ปิดปากออกก่อนจะจับคางผมแล้วหันดูแผลที่หู “ทำไมถึงเป็นแผล แล้วแขนนี่”

   “คือว่า.....” ผมมองบรรดาเพื่อนๆ ที่แอบย่องหนีไปอีกฝั่ง แหม....ไม่มีใครคอยหนุนกูสักคนไอ้พวกเวรนี่

   “ผมทำแผลให้นะครับ” ร่างสูงบอกก่อนจะเปิดกล่องยา สีหน้าเรียบเฉยแต่รู้ได้เลยว่าหงุดหงิด

   “เมื่อเช้าหลังจากที่แยกกับคุณ อาจารย์ที่ตึกคุณน่ะก็เทน้ำลงมาจนผมเปียกไปทั้งตัวก็เลยกลับไปเปลี่ยนเสื้อที่หอ แล้วผมก็รถล้มเพราะรถโดนเบียด เลยได้แผลที่แขนมา”

   “โดนเบียด”

   “อื้ม คู่กรณีของผมคือน้องเดียร์กับน้องผึ้ง ก็มีปากเสียงกัน ผมโดนสาดกาแฟใส่ด้วยนะ ผมโคตรหงุดหงิดแต่ก็ข่มใจเอาไว้อะ ไปๆ มาๆ คือเสื้อตัวที่ไปเปลี่ยนก็เลอะ จนต้องใส่แค่เสื้อช็อปแล้วติดกระดุมเอาเนี่ยะ”

   “เรื่องเกิดขึ้นตอนไหนครับ”

   “ก็ช่วงเช้า”

   “แล้วทำไมไม่บอกผม”

   “ก็คุณเรียนไง อีกอย่างผมไม่ได้เป็นอะไรมาก ถ้าคุณรู้ตั้งแต่เช้า คุณจะหงุดหงิดทั้งวัน”

   “แล้วผมรู้ตอนนี้ พี่ว่าผมจะหงุดหงิดขนาดไหนครับ”

   “สิบสาม” ผมคว้ามือเขามาจับเอาไว้ “วันนี้มีแต่เรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นกับผมนะ คุณจะดุผมเพิ่มอีกเหรอ”

   เขาผ่อนลมหายใจอย่างข่มอารมณ์ “แล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกครับ”

   “ก็เมื่อกี๊หลังจากที่คุยกับคุณเสร็จ มันมีลูกแมวนั่งอยู่ข้างสนาม ไอ้แช่มมองไม่เห็นจะเหยียบน้อง ผมก็เลยจะไปคว้าแต่ขาติดตะแกรงแล้วล้มอะดิ ตอนนั้นลูกวอลเลย์ฯ ก็ลอยเข้ามาที่กกหูพอดี กระแทกแรงก็เลยเลือดออก”

   “พี่นี่จริงๆ เลย ลงโทษยังไงดี”

   ผมรั้งเอวสอบเข้ามาใกล้ก่อนจะเอาคางวางไว้ที่หน้าท้องเขา “ไม่ลงโทษค้าบ วันนี้วันที่ 13 นะ เกิดเรื่องแบบนี้คือปกติมาก”

   “ตายได้เลยนะครับแต่ละเรื่องน่ะ ระวังหน่อยสิ” เจ้าตัวเกลี่ยแก้มผมเบาๆ “หรือทุกวันที่ 13 ผมจะต้องอยู่กับพี่ตลอดเวลาหืมมมม....คลาดสายตาทีไร มีเรื่องเจ็บตัวทุกที”

   “คุณไม่ได้อยากอยู่กับผมแค่วันที่ 13 หรอก”

   “รู้ก็ดีครับ” เขาย่อตัวลงก่อนจะจับข้อเท้าผม “เจ็บมากไหมครับ”

   “อื้ม ผมว่าขาน่าจะพลิกอะ ไม่อยากเดินเลย”

   “งั้นเดี๋ยวผมพาพี่ไปหาหมอ เช็กร่างกายหน่อย หูพี่ก็ควรเช็กเพราะกระแทกจนเป็นแผลขนาดนั้นอาจจะรุนแรง”

   “ได้ พี่เฌอจะไม่ดื้อและยอมให้น้องสิบสามพาไปหาหมอแต่โดยดี” ผมยิ้มแฉ่งให้เขาก่อนจะเก็บของใส่กระเป๋าคาดอก “เห้ยพวกมึงอะ กูไปก่อนนะ จะไปหาหมอ”

   “เออ เป็นไงก็บอกพวกกูด้วย”

   ผมพยักหน้ารับคำไอ้แช่มก่อนจะมองนังน้อนที่หันหลังให้ “ทำไรอะ”

   “ขึ้นมาสิครับ หรืออยากให้ผมอุ้มพี่แบบ....”

   “ผมจะขี่หลัง” ผมขยับขึ้นขี่หลังร่างสูงก่อนจะคล้องคอเขาเอาไว้หลวมๆ “หนักหน่อยนะครับ เผอิญว่าแฟนผมเลี้ยงดีมาก”

   “สบายครับ” เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะแบกผมเดินออกจากสนามบาสฯ ตรงนี้ไปถึงลานจอดรถก็ไกลอยู่นะ หลังเดาะแน่ล่ะเจ้าแฟน

   ผมเหลือบมองใบหน้าคมอยู่อย่างนั้น กลิ่นหอมๆ นี่ทำให้รู้สึกสบายใจจริงๆ วันนี้สำหรับผมแล้วเจอแต่เรื่องหนักๆ ได้แผลเลือดตกยางออก แต่ก็โชคดีที่ยังมีคนคอยตามซัพพอร์ต ตอนที่สิบสามรู้เรื่องที่รถผมโดนเบียด สายตาของเขาแสดงออกชัดเจนว่าโกรธ ถ้าแฟนผมเป็นพวกเลือดร้อนอีกนิด เขาคงไปเอาเรื่องเดียร์แล้ว ผมผิดเองด้วยในหลายๆ เรื่อง ประมาทไปทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองอาจจะเจออะไรบ้างในวันนี้

   ผมจะพยายามไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก

   ไม่อยากให้เขาเป็นห่วงไปมากกว่านี้อีกแล้ว

   “คุณ....”

   “ว่าไงครับ”

   “ผมขอโทษนะ อย่าโกรธได้ไหม....นะ” ผมบอกเขาเสียงอ่อน “ถ้าโกรธก็อย่าทิ้งผมไปไหนนะ”

   สิบสามหลุดขำออกมา “ผมจะทิ้งพี่ไปไหนได้”

   “ก็....ไม่รู้อะ วันที่ 13 หนิ อะไรก็เกิดขึ้นได้ คุณอาจจะคิดว่าผมแม่งเฮงซวยจัง หาแต่เรื่องให้เป็นห่วง ตามดูแลไม่ไหวแล้วไอ้เวร เลิกแม่ง โอ๊ยยยย....พูดแล้วใจป้อแป้ไปหมดเพราะงั้นคุณอย่าบอกผมแบบนั้นนะ”

   “....ผมรักพี่เฌอนะครับ”

   ตึกตัก

   “....บอกอะไรตอนนี้ล่ะคุณ”

   “ก็ยืนยันไงครับว่าจะไม่ไปไหน ไม่ทิ้ง ไม่เลิก ต่อให้พี่ดื้อ หรือทำให้ผมเป็นห่วงแค่ไหน ผมก็จะอยู่ตรงนี้” เจ้าตัวเหลือบมองผม “ที่ผมหงุดหงิดเป็นเพราะว่าตอนที่พี่เกิดเรื่อง ผมไม่ได้อยู่ตรงนั้น ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผมรู้ว่าเราอยู่ด้วยกันตลอดเวลาไม่ได้ เรื่องแบบนี้ก็ต้องมีบ้าง แต่ไม่ต้องกังวลครับ เวลาที่หงุดหงิด แค่ได้เห็นพี่ยิ้ม....ผมก็หายแล้ว

   เนี่ยะ.....เขาก็เป็นซะแบบนี้

   ฟอดดดด

   “ผมก็รักคุณเหมือนกันนะ”

   เขายิ้มจนลักยิ้มขึ้น “ทำอะไรโจ่งแจ้งจังครับ”

   “เห้อะ.....เมื่อเช้ามีคนจูบผมข้างตึก ไม่โจ่งแจ้งเลยนะ”

   “เขินเลยนะครับ โดนบอกรักบนฟุตปาธ”

   “คุณบอกผมก่อนด้วยนะเผื่อคุณลืม....” ผมเกยคางไว้ที่ไหล่เขา “ตอนแรกผมก็คิดว่าวันนี้บัดซบจัง แต่คิดไปคิดก็ไม่เท่าไหร่หรอกเพราะว่ามีคุณอยู่ ในวันที่เจอแต่เรื่องแย่ๆ ก็มีคุณนี่แหละเป็นเรื่องที่ดีที่สุดของผม

   “ผมจะไม่ใช่เรื่องที่ดีสุดแค่วันแย่ๆ เท่านั้นหรอกนะครับพี่เฌอ” สิบสามยิ้มหวานให้ผม “เพราะผมจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดของพี่....ทุกวัน”

   ตึกตัก

   คุณจะทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีไปถึงไหนวะ

   “ขอบคุณนะ....สิบสาม”

   อยู่กับผมไปทุกวันเลยนะ....

   

   

   

   

   

   TBC.

   สวัสดีค่ะชาลมาส่งสามเฌอแล้วนะ ก็มาดึกหน่อยเพราะเพิ่งเขียนเสร็จนะ สำหรับตอนนี้ก็ตลก สงสาร ปนเขินนะคะ เป็นการบอกรักกันครั้งแรกกที่โรแมนติกแค่จึ๋งเดียวจริงๆ เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อรอติดตามนะค้าบ

   สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th นะคะ

   ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ต้องจัดการยัยคู่หูนั่น นะนังน้อนนน

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ยังไม่เลิกตามรังควานอีกหรอ แพ้แล้วพาลว่ะ. สู้ๆนะพี่เฌอ,,,

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 16 ยุยง



   “ไปดูห้องเช่ามา เป็นไงบ้างมึง”

   “ก็ทำสัญญาเช่าไปแล้วอะ ตรงนั้นใกล้ที่ทำงาน สะดวกดี”

   “แล้วมึงจะย้ายออกจากห้องเดิมเมื่อไหร่”

   “สอบไฟนอลเสร็จก็อาจจะเริ่มย้ายของว่ะ เอาจริงๆ ของกูก็ไม่ค่อยเยอะหรอก”

   “เหรอ....” เพื่อนรักเอียงหัวมาใกล้ “แล้วเมื่อไหร่จะมีผัวอะ”

   “แค่กกกก....แค่กกกก......”

   สำลักเลยไอ้เวร

   เย็นตาโฟขึ้นไปเกือบถึงจมูก

   “มึงถามอะไรเนี่ยะ แดกข้าวไป....รึอยากแดกตีนกู”

   “หูยยยย โหดจังครับ” ไอ้แช่มทำหน้าทะเล้นใส่ เห็นแบบนี้แล้วอยากจะเอาลูกชิ้นในชามมาปาใส่หน้า

   ผมตักเส้นใหญ่เข้าปากพลางมองไปรอบๆ โรงอาหาร กำลังลุ้นอยู่ครับว่าจะมีเด็กโผล่มาแบบไม่บอกไม่กล่าวไหม หลายวันแล้วล่ะที่อยู่ดีดีเขาก็โผล่มา เหมือนรู้ว่าถ้ามาโรงอาหารเวลานี้จะเจอผม บางทีก็คิดนะว่าเพื่อนในกลุ่มเนี่ยะ มีใครเป็นสายรายงานให้สิบสามรึเปล่า มันดูเป็นไปได้ยากนะถ้านังน้อนมาจะมาหาผมโดยบังเอิญแบบเป๊ะๆ แทบทุกวัน พอคิดแบบนั้นแล้วก็นึกได้อยู่คนนึงที่น่าจะเข้าทางมากที่สุด

   ไอ้แช่มนี่ไง

   จากวันที่ 13 อันเป็นวินาศสันตะโรในชีวิตผมก็ผ่านมาหลายวันแล้วครับ ตอนนี้อาการบาดเจ็บต่างๆ ดีขึ้นเยอะแล้ว ไม่เจ็บขาส่วนแขนก็เหลือรอยนิดๆ หน่อยๆ จะว่าไปวันพรุ่งนี้ผมกับสิบสามจะคบกันมา 1 เดือนแล้วนะ มันเป็นเดือนแรกที่บันเทิงดีเหมือนกัน มีความสุขตั้งแต่วันแรกยันวันนี้ ผมยังไม่มีแพลนจะทำอะไรเลย อาจจะชวนเขาไปกินข้าว ดูหนัง หรือไปวัดทำบุญดีวะ ใกล้ไฟนอลแล้วด้วย ถือว่าเอาฤกษ์เอาชัยก่อนสอบ

   ความคิดนี้ดีเหมือนกันนะ

   เดี๋ยวพอสอบไฟนอลเสร็จผมก็ต้องเก็บของย้ายออกจากหอเดิมไปหอใหม่ที่ใกล้ที่ทำงานมากกว่า อยู่ห่างจากที่ทำงานไม่กี่ป้ายรถเมล์เองครับ ก่อนที่จะย้ายหอน่ะ ผมปรึกษาสิบสามด้วยนะว่าเอายังไงดี เขาก็บอกว่าเอาที่ผมสะดวกและไม่ทำให้ตัวเองเหนื่อย อยู่ใกล้จะได้ไม่ลำบากเรื่องการเดินทาง ไม่ต้องมาคอยหัวเสียจากรถติด วันหยุดหรือมีเวลาว่างก็ค่อยเจอกัน มันช่วงไม่กี่เดือนเอง คิดถึงก็โทรหา

   คงโทรหาทุกวันแหละ....วันละสามเวลาอะ

   ไอ้ขันเดินมานั่งลงข้างๆ “ก่อนไฟนอลจะติวป้ะวะ”

   “ก็ดีนะ นัดวันเลยก็ได้ กูจะได้บอกพี่เจ้าว่าไม่ว่าง มีติว”

   “สองวันก่อนสอบก็ได้มั้ง”

   “อืม งั้นก็ตามนั้น ติวที่ห้องใครดี”

   “ห้องกูก็ได้ เหมือนทุกทีอะ” ผมแย่งกุ้งในจานข้าวผัดเพื่อนขันมากิน “สอบไฟนอลเสร็จ เปิดตี้ก่อนแยกย้ายไปผจญโลกป้ะ”

   “ก็คงงั้นแหละว่ะ พวกเราน่าจะไม่เจอกันอีกนานเลย แต่ไม่ต้องคิดถึงกูหรอกนะ” ไอ้แช่มบอกก่อนจะยกมือปราม ส่วนบรรดาเพื่อนๆ ก็ได้แต่เบ้ปากใส่

   “ใครจะคิดถึงมึงไอ้เวร” ทะเลบอกก่อนจะแย่งลูกชิ้นปลาในชามผมไป “มึงน่ะอยู่ไกลที่สุด สติก็ไม่ค่อยจะดี ดูแลตัวเองด้วย เข้าใจรึเปล่า”

   “กูไม่ใช่เด็ก”

   “ยิ่งกว่าสามขวบอีกมึงน่ะ”

   “พวกมึงนี่มัน....”

   ผมนั่งกินเย็นตาโฟไปเรื่อยๆ พลางฟังเพื่อนๆ ทะเลาะตบตีกัน เดี๋ยวโมเม้นท์นี้จะหายไปสักระยะนึงเลยสินะ แต่ช่างเถอะ ยังไงพอฝึกงานเสร็จ มันก็จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกตอนช่วงทำเล่มจบแน่ๆ คือทุกคนต้องมาสุมหัวทำงานด้วยกันครับ คงไม่มีใครไปนั่งทำคนเดียวเหงาๆ แน่นอน อะผมละหนึ่งคน บ่อยมากนะที่ทำงานเดี่ยวแต่รวมหัวกันประหนึ่งงานกลุ่ม งี้แหละ หลายหัวดีกว่าหัวเดียวไงจริงไหม

   พอ....พักเรื่องงานไว้ก่อน

   ร่างกายต้องการปะทะน้ำแข็งไส

   พอคิดได้แบบนั้นผมก็เดินไปที่ร้านน้ำแข็งไสก่อนจะสั่งโน่นสั่งนี่ ตอนนี้บ่ายโมงกว่าแล้ว ผมมีเรียนอีกทีบ่าย 2 และก็เลิก 5 โมงเย็น ความจริงวันนี้ผมนัดกันสังสรรค์ที่นั่งชิวด้วยเนื่องในโอกาสไอ้ขันเลี้ยงครับ ไม่รู้ว่านึกครึ้มอะไร แต่ช่างเถอะ งานเหล้าฟรีเบียร์ฟรีผมไม่ปฏิเสธอยู่ละ จะว่าไปก็ห่างหายไปสักพักเหมือนกันนะ ตั้งแต่คบกับนังน้อนผมไม่ค่อยได้ไปดื่มเลย บุหรี่ก็สูบน้อยลงซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดี

   สักวันนึงผมอาจจะเลิก

   ก่อนจะเลิกก็ต้องลดจำนวนลงไปเรื่อยๆ ให้หยุดสูบไปเลยผมทำไม่ได้อะ สูบมาตั้งหลายปี แต่รู้สึกดีใจนะที่อย่างน้อยเฌอก็มีความคิดที่จะเลิกบุหรี่แล้ว ไม่รู้สิ เพราะผมจะมีแฟนเป็นหมอมั้ง ลองนึกว่าถ้าสุขภาพผมย่ำแย่แล้วเขาเป็นเจ้าของไข้สิ

   คุณหมอต้องดุมากแน่ๆ เลย

   ผมเดินกลับมาที่โต๊ะก็ต้องสะดุดตากับใครบางคนที่มานั่งแทนที่ผม “มาได้ยังไงเนี่ย”

   “เดินมาครับ”

   เห้อะ....กวนส้นตีนจริงๆ

   “ผมหมายถึงว่างเหรอ....ถึงได้มาหา” ผมดันไอ้แช่มให้ออกห่างจากสิบสาม “ขยับไป กูจะนั่งตรงนี้”

   “ใช่ซี้ แฟนมานี่ เพื่อนอย่างกูก็หมดความหมาย”

   “มึงก็เข้าใจถูกแล้ว” ผมเบ้ปากใส่มันก่อนจะนั่งข้างนังน้อน “วันนี้ไม่ใส่แมสเหรอคุณ”

   “แมสหมดน่ะครับ เดี๋ยวผมจะไปซื้อตอนเย็น”

   ผมพยักหน้ารับ “น้ำแข็งไสป้ะ ผมให้คุณกินมันเชื่อมเลย ปกติไม่ให้ใครกินเลยนะ” ว่าแล้วผมก็ตักมันเชื่อมจ่อที่ปากเขา

   “แล้วทำไมให้ผมกินล่ะ” เขาอ้าปากกินมันเชื่อมที่ผมป้อน

   “เพราะเสน่หาไงครับน้อง”

   “แหวะ”

   “หนิพวกมึงน่ะ....จะอ้วกก็ไปห้องน้ำนะ รำคาญ” ผมหันไปด่าพวกมันก่อนจะตักน้ำแข็งไสใส่ปากอย่างอารมณ์ดี ความหวานกับความเย็นนี่ทำให้มีความสุขจริงๆ

   ยิ่งมีความสุขเพราะมีแฟนมานั่งเฝ้านี่แหละ

   ผมนั่งมองนังน้อนที่กำลังไล่ดูชีทที่ถือมาด้วย มีปากกาไฮไลท์ขีดอะไรเยอะแยะเต็มไปหมด ชีทหมอกับชีทวิศวะฯ ก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่นักหรอก เหมือนภาษานอกโลกที่ไม่มีใครเข้าใจอะ ผมเคยได้ยินมาว่าลายมือหมอจะอ่านยากมาก แต่ดูเหมือนว่าคำนั้นจะใช้กับสิบสามไม่ได้ครับเพราะเขาลายมือสวย อ่านง่าย เป็นระเบียบและดูสบายตามาก โคตรต่างจากลายมือผมเลย อะไรไม่รู้ดูขะยึ่กขะยือไปหมด

   นี่มีดีแค่วาดภาพประกอบดูน่ารักเท่านั้นแหละ

   “คุณสอบไฟนอลกี่วันเหรอสิบสาม”

   “ 3 วันครับ พี่เฌอล่ะ”

   “เหมือนกัน วันนี้ผมไปตี้กับเพื่อนนะ คุณไปด้วยกันไหมล่ะ”

   “ไม่ล่ะครับ ผมรอไปรับพี่ดีกว่า อย่าดื่มเยอะนะ”

   “ถ้าดื่มเยอะแล้วจะทำไม”

   “เวลาเมาพี่ชอบล้ม” เจ้าตัวเท้าคางมองผม “ใครจะตามรับได้ทันล่ะครับ”

   “โอเค จะไม่ดื่มเยอะ เดี๋ยวกินแต่โค้กเลย โอเคไหม” ผมยิ้มแป้นให้เขาพลางเห็นเหล่าสหายซุบซิบอะไรกันไม่รู้เหมือนมีเลศนัย เดี๋ยวเถอะนะพวกมึง วางแผนชั่วอะไรกันอีก

   “งั้นคืนนี้ก็นอนที่ห้องผมใช่ไหมครับ”

   “นอนด้วยได้ป้ะล่ะ”

   “ถ้าอ้วกก็จะให้นอนพื้น”

   “สิบสาม”

   “ผมก็นอนพื้นกับพี่นั่นแหละ” เจ้าตัวหลุดยิ้มให้เห็นแวบนึงก่อนจะก้มลงสนใจชีทต่อ เขานี่มันจริงๆ เลย มันเขี้ยวว่ะ อยากงับแก้มขาวๆ นั่นชิบหาย

   ผมชะเง้อหน้าไปมองชีทของนังน้อนก่อนจะเอาปากกาวาดแบด แบดลงบนพื้นที่ว่างแล้วเขียนกำกับเลข 13 เอาไว้ข้างๆ มือเรียวที่ถือปากกาลายลิตเติ้ลทวินสตาร์เลื่อนมาเขียนใต้ล่างรูปการ์ตูนที่ผมวาดว่าแฟนพี่เฌอ เขียนแค่นั้นไม่พอ มีการวาดรูปต้นไม้เล็กๆ เอาไว้ด้วย โคตรน่ารักเลยไอ้บ้า พอเห็นแบบนั้นผมจึงหยิบโทรศัพท์มากดถ่ายรูปเพื่อลงสตอรี่ไอจีพร้อมกับติดโควตแท็กไปหาสิบสามด้วย

   การกระทำเล็กๆ ที่ทำให้เหมือนตกหลุมรักเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

   เด็กนี่มันร้ายจริงๆ

   “น้องหมอ” เสียงไอ้แช่มเรียกร่างสูง เหล่าสหายเสนอหน้าเข้ามาพลางยิ้มหวานให้ อะไรพวกมึงเนี่ยะ คิดจะทำอะไรกันอีก

   “ครับ”

   “คบกับไอ้เฌอมาจะเดือนแล้วอะดิ” พอไอ้ขันถามแบบนั้นสิบสามก็พยักหน้ารับ “ดีเลย พวกพี่มีของขวัญจะให้ด้วยนะ เนื่องในโอกาสที่ทนอยู่กับเพื่อนพี่มาได้เป็นเดือน”

   “ไอ้เวร พวกมึงจะทำอะไรแปลกๆ อีก”

   “เออน่ะ” ทะเลปรามผมก่อนจะล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบของบางอย่างแล้วยื่นมาด้านหน้าของสิบสามซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับเพื่อนๆ คนอื่นที่ส่งของมาให้

   โว้ยยยยไอ้พวกหน้าส้นตีน

   ผมลูบหน้าอย่างข่มอารมณ์เมื่อเห็นของที่พวกมันส่งมาให้แฟนตัวเอง ถุงยางหลายกล่องพร้อมกับเจลหล่อลื่นวางอยู่ด้านหน้าสิบสาม นังน้อนมองนิ่งๆ โดยไม่เอ่ยอะไรออกไป แม่ง....หัวจะปวดว่ะ เพื่อนเฌอแต่ละคนทำไมเป็นแบบนี้วะ ยุยงให้เด็กจับกูปู้ยี่ปู้ยำมาก นึกถึงถุงยางที่ซ้อแจมให้มาครั้งก่อนโน้นก็ยังไม่ได้ใช้เหมือนกัน นี่ต้องมามีเพิ่มเพราะไอ้พวกเวรนี่ซื้อมาให้อีกเหรอ เจลหล่อลื่นอีก

   โวะ....อยากมุดใต้โต๊ะหนีว่ะ

   “ผมคงไม่ได้ใช้หรอกครับ ถ้าพี่เฌอไม่ให้ผมทำน่ะ”

   “นังน้อน” พูดอะไรของคุณเนี่ยะ

   “ไอ้เฌอไอ้คนใจร้าย” ไอ้แช่มทำหน้ายักษ์ใส่ผม “ไม่รู้รึไงว่ามีแฟนเด็กแล้วมึงต้องตามใจน่ะ”

   “เออ จะคบเดือนแล้วจะเล่นตัวอะไรนักหนาห้ะ”

   “ใช่ มึงควรมีผัวได้แล้วนะ”

   “พวกมึงนี่.....ยิ้มอะไรของคุณน่ะ เดี๋ยวคุณจะโดนด้วยนะ” ผมตีมือสิบสามเบาๆ เมื่อเขาหลุดขำเพราะคำพูดบรรดาเพื่อนๆ ความอยากให้เพื่อนมีผัวคือเต็มเปี่ยมมาก กับเรื่องอื่นใส่ใจขนาดนี้ไหมถามจริง

   “เฌอเพื่อนรัก นี่คุยเปิดอกแบบลูกผู้ชายเลยนะ” จันทร์ฉายยกมือขึ้นแตะไหล่ผม “ในฐานะที่กูเป็นเพื่อนมึง กูก็อยากเห็นมึงมีผัวเป็นตัวเป็นตน ได้เป็นฝั่งเป็นฝาเหมือนคนอื่นสักที”

   “ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ”

   หัวเราะดังประหนึ่งอยากให้ได้ยินไปยันตึกนิเทศฯ

   ผมถอนหายใจอย่างปวดประสาท เจอเหตุการณ์แบบนี้แล้วต้องทำยังไงต่ออะ คือก็ยอมรับแหละว่ามีคิดบ้าง เผลอของขึ้นบ้าง รู้สึกคึกคักบ้างแต่ผมก็หยุดมันได้ตลอดป้ะวะ ตัวสิบสามเองก็ไม่ได้แสดงออกว่าต้องการขนาดนั้นซะหน่อย หรือเขาแสดงออกแล้วผมไม่รู้วะ ทุกทีมันก็แค่.....หึ้ยยยย ไม่รู้โว้ย อย่างเดียวที่รู้ในตอนนี้คือหน้าร้อนไปหมด แก้มน่าจะแดงไปยันหูแล้วมั้ง สีหน้าของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็น่าหมั่นไส้

   ชอบใจนักล่ะที่ได้เห็นผมเป็นแบบนี้

   ผมมองกล่องถุงยางตรงหน้าอย่างชั่งใจก่อนกระซิบข้างหูเขา “คุณ....อยากทำจริงๆ อ๋อ”

   “พี่คิดว่าไงล่ะครับ”


   เอาล่ะ....คำตอบที่ให้ผมตามหาคำตอบเองอีกที

   “สิบสาม”

   “เดี๋ยวผมไปเรียนก่อนนะ พี่เฌอก็ตั้งใจเรียนนะครับ” เจ้าตัวเก็บชีทใส่แฟ้มก่อนจะส่งกล่องถุงยางกลับไปทางเพื่อนๆ ผม “ผมขอบคุณนะครับที่ซื้อมาให้ แต่ขอโทษด้วยที่ผมรับเอาไว้ไม่ได้ ผมใช้ไม่ได้น่ะครับ”

   “ทำไมอะ มันใหญ่ไปอ๋อ”

   “ไม่ใช่ครับ.....มันเล็กไป”

   ตึกตัก

   ผมมองร่างสูงที่เดินไปด้วยหัวใจที่สั่นระรัว มือก็หยิบกล่องถุงยางขึ้นมาดูขนาดที่ระบุอยู่ด้านหลัง นี่ก็ไซส์ 52 แล้วนะ ยังใส่ไม่ได้อีกอ๋อ เอาจริงดิ โอ๊ย....ทำไมมันรู้สึกอ่อนแรงไปหมดแบบนี้วะ ผมหันไปมองเพื่อนๆ ที่ทำตาโตแล้วยิ้มกรุ่มกริ่มใส่ อื้มมมม พอใจพวกมึงแล้วยัง ได้หาเรื่องประเคนผมให้แฟนกิน ได้รู้อีกว่าแฟนผมใส่ถุงยางไซส์ 52 ไม่ได้เพราะมันเล็กไป ไหนจะได้ทำให้ชีวิตของเฌอเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้ายอีก

   เห้อะ....อยากกลายเป็นปุ๋ยชิบหาย

   “เอาน่ะ ไม่เท่าไหร่หรอกอย่าคิดมาก” เพื่อนแช่มแตะไหล่ผมเบาๆ “เจ็บนิดเดียวเหมือนมดกัด”

   “มดหน้ามึงอะ พวกมึงไม่มีใครโดนแฟนปู้ยี่ปู้ยำนี่หว่า”

   “ถ้ามึงไม่อยากโดนปู้ยี่ปู้ยำ มึงก็กดน้องมันให้ได้ดิ” ไอ้ขันเลิกคิ้วมองผม “แต่เหมือนจะยากว่ะ มึงไม่น่าทำได้”

   “เออสิ ใครจะไปทำได้”

   ผมมองกล่องถุงยางกับเจลหล่อลื่นที่อยู่ในมือ หัวก็นึกถึงคำพูดของสิบสามที่เขาบอกว่าผมคิดยังไง เพราะเขาไม่เคยพูดขอออกมาตรงๆ ผมก็เลยไม่ได้อะไรนัก คือตอนนี้มันผ่านวันวายป่วงต่างๆ มาแล้ว โอเค ผมสบายใจจริงๆ นั่นแหละ อย่างน้อยมันไม่มีอะไรกังวลไง แต่ละวันก็แค่ทำให้มันดีเท่านั้นเอง คิดเหมือนกันนะว่าถ้าสิบสามพูดขอผมเกี่ยวกับเรื่องนั้น คนที่ตามใจเขาตลอดอย่างผมจะปฏิเสธเหรอ

   ก็คงไม่ป้ะวะ

   นั่นแฟน....ผมรักมาก อีกอย่างก็ผู้ชายด้วยกันมันก็ไม่ค่อยน่ากังวลหรอก แต่ก็นั่นแหละ เพราะเป็นผู้ชายกับผู้ชาย ผมศึกษาเรื่องพวกนี้ด้วยนะเพราะคิดว่ายังไงวันนึงก็อาจจะต้องทำเรื่องแบบนั้น ไม่ใช่แค่ศึกษาแต่ก็....เออนั่นแหละ มันเจ็บแล้วก็รู้สึกแปลกๆ หรือเพราะทำเองมันเลยเป็นแบบนั้นวะ คือรู้ตัวดีว่าตัวเองเนี่ยะจะต้องมีผัวเด็ก ก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้สักพักแล้ว เอาจริงๆ ผมไม่มีปัญหาหรอกถ้าสิบสามจะทำอะ

   ปากพูดไปงั้นแหละแต่ขานี่สั่นพั่บๆ ๆ ๆ ๆ

   “เป็นไร....มึงกลัวอ๋อ”

   “มีอะไรต้องกลัววะ”

   “ให้มันจริงเถอะ” ทะเลขยี้หัวผมเบาๆ “ครั้งแรกก็คงเจ็บจริงๆ อะแต่คงไม่เท่ากับที่มึงรถคว่ำมั้ง”

   “มันเจ็บต่างกันป้ะวะ”

   “ก็ใช่....แต่มันเป็นความเจ็บที่สุขสมนะ จะว่าไปมึงก็น่าจะรู้ใจตัวเองอยู่ป้ะวะว่าลึกๆ แล้วตัวมึงเองก็อยากที่จะทำแบบนั้นรึเปล่า อย่าลืมนะว่าสองสามวันนี้ใครคอลกลุ่มมาตอนดึกๆ แล้วเวิ่นเว้อเหมือนคนของขาด”

   “กู....”

   “กูเห็นด้วยกับทะเลนะ ตัวมึงอะรู้ดีที่สุดแล้วว่าต้องการอะไร อยากทำก็อย่ากลัวดิวะ” จันทร์ฉายเอียงหัวเข้ามาใกล้ “ถึงน้องหมอจะใหญ่กว่า 52 แต่เดี๋ยวมึงก็ชิน”

   “เลิกตอกย้ำกูเรื่องขนาดสักที กูใจเสียเพราะแบบนี้แหละ”

   “แน่ะ แปลว่าคิดเรื่องนี้เอาไว้เหมือนกันอะดิ”

   ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ก็ใช่แหละ”

   “นี่ไง เดี๋ยวคืนนี้นะ พวกกูจะมอมเหล้ามึงแล้วส่งให้น้องหมอเชือด ดีไหมๆ ”

   “ไม่ต้อง สะเหล่อ” ผมเบ้ปากใส่พวกมันก่อนจะยกชามไปเก็บ “ไปเรียนกันได้แล้ว เก็บกล่องถุงยางไปด้วย”

   “ไม่เอาอ๋อ”

   “พวกมึงก็ได้ยินหนิว่าแฟนกูใส่ไม่ได้....ถ้าจะให้ใช้ก็ไปซื้อมาใหม่”

   “เห้ยยยยยยเอาว่ะ เฌอมันเอาว่ะ”

   เหนื่อยใจจริงๆ แหละมีเพื่อนแบบพวกมันเนี่ยะ

   ชีวิตเฌอแม่ง....

   

***


---------- 50% ----------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-02-2020 20:21:08 โดย chaleeisis »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
--------- ต่อจากบทที่ 16 ----------




   “ฉลองให้เพื่อนเฌอที่กำลังจะเสียตัวหน่อยค้าบ ชนแก้วววว”

   ผมล่ะอยากเอาแก้วชนหน้าพวกมันจริงๆ

   สะเดิดชิบหาย

   ผมยกเบียร์ขึ้นจิบพลางกินยำปลาหมึกไปด้วย หัวก็โยกไปตามเสียงดนตรีที่ได้ยิน ตอนนี้เกือบ 4 ทุ่มแล้วครับ บรรยากาศในร้านนั่งชิวก็คึกครื้นพอตัว มันก็ปกติอยู่แล้วของร้านนี้นะ นั่งชิวคนจะเยอะกว่าจันทร์เจ้า คงเพราะร้านใหญ่กว่าแล้วก็เจ้าของร้านหล่อมากก็ได้มั้ง หล่อจริงนะ ดีกรีเดือนมหา’ลัยคนดังตั้งแต่รุ่นก่อนที่ผมจะเข้ามาเรียนอีก เขาเป็นศิษย์เก่าคณะสถาปัตย์ฯ ครับ ก็เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับเฮียเจ๋ง

   ชื่อพี่ไก่ไข่

   จะไก่หรือไข่สักชื่อก็ไม่ได้น่ะนะต้องไก่ไข่ แต่เอาเถอะ ไม่มีใครชื่อแปลกเท่าแฟนผมแล้วล่ะ ตอนนี้ก็น่าจะกำลังทำงานอยู่ที่ห้องเพื่อน ตอนแรกที่ได้ยินก็ตกใจเหมือนกันนะว่าเขาจะทำไปงานกลุ่มที่ห้องเพื่อน นังน้อนเล่าให้ฟังว่าเป็นกลุ่มเพื่อนที่ทำงานด้วยกันประจำ เป็นคณะกรรมการนักศึกษา ก็ดีแล้วแหละ เขาควรมีเพื่อนบ้างถึงแม้จำเป็นเพื่อนทำงานก็เถอะ จะว่าไปเขาก็มีแหละเพื่อนที่สนิทกว่าคนอื่น

   ไอ้เป้กับไอ้หมีไง

   สนิทที่สุดแล้วมั้งเท่าที่สังเกต

   “พี่เฌออออ” ไอ้น้องตัวแสบนั่งลงข้างๆ ก่อนจะเอียงหัวมาใกล้ “ได้ข่าวว่าคืนนี้จะเสียตัวอ๋อ”

   “ชิดไป” ไอ้ขันดันหัวไอ้หมีออกก่อนจะเดินมานั่งกั้นกลาง ถ้ามึงจะหวงเมียขนาดนี้ก็เอาไปขังไว้ที่ห้องเถอะ

   “ตัวอย่างกับน้องควาย แทรกมาได้” ผมหยิกขามันทีนึง

   “พี่ขันนี่เกะกะจริงๆ หมีคุยกับพี่เฌออยู่เนี่ยะ”

   “คุยได้แต่ต้องชิดขนาดนั้นไหม”

   “ขี้หวงว่ะ”

   “วันไหนถ้ากูไม่หวงขึ้นมาแล้วมึงจะเสียใจ”

   เอาแล้วบ้านแตกแน่ล่ะ

   ผมยกเบียร์ขึ้นมาจิบพลางมองสถานการณ์ระหว่างไอ้ขันกับไอ้หมีที่เกิดขึ้น วุ่นวายจริงๆ พวกมึงเนี่ยะ แต่ก็เป็นแบบนี้มานานแล้วนะ ตอนก่อนคบกับไอ้หมีแม่งงี่เง่ามากกว่านี้อีก เอาแต่ใจ ไม่ฟังใคร พอๆ คิดถึงเรื่องมันแล้วหงุดหงิดว่ะ เรื่องความรักของบรรดาเพื่อนๆ ที่ผมเคยเห็นก็น่าหงุดหงิดทั้งนั้นอะ อาจจะยกเว้นเพื่อนฉายไว้คนนึง ผมว่ามันจัดการดีแล้วกับความรักของตัวเอง ส่วนพวกที่เหลือก็ต้องชอกช้ำกันไปข้าง

   เก่งแต่ทำให้อีกฝ่ายเสียใจก่อนไอ้เวร

   ผมคบกับใครค่อนข้างมั่นใจเลยนะว่าอีกฝ่ายจะไม่เสียใจเพราะตัวเอง มีแต่ฝ่ายผมนี่แหละที่เสียใจอยู่ตลอด ช่างแม่ง เรื่องทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นมันก็ผ่านไปแล้วและตอนนี้ผมก็มีความสุขดี ความรักอาจจะไม่ใช่สิ่งแรกที่โฟกัสอีกต่อไป หลังจากนี้ยกเวลาให้งานเป็นส่วนใหญ่ มันจะไม่ใช่เด็กที่อยากทำอะไรก็ทำอีกแล้วไง ความรับผิดชอบต้องเพิ่มขึ้น หน้าที่ต่างๆ ก็ต้องทำออกมาให้ดีที่สุด

   เท่ว่ะ....นี่แหละความคิดของคนที่โตแล้ว

   “เดี๋ยวกูมานะมึง สูบบุหรี่” ผมบอกก่อนจะเดินออกมาด้านหลังซึ่งเป็นลานจอดรถ มีใครบางคนที่ผมไม่คิดว่ามันโผล่มาอยู่แถวนี้กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่ม้านั่ง พอเห็นแบบนั้นผมจึงเดินไปนั่งลงฝั่งตรงข้าม

   “.....มึง”

   “ปากไปโดนไรมาอะ เจ้าหนี้ซ้อมอีกแล้วเหรอ” ผมจุดไฟที่ปลายบุหรี่พลางมองมุมปากไอ้ภัทรที่เป็นรอยช้ำ

   “กูไม่ได้เป็นหนี้ใครแล้ว”

   “แล้วไปโดนอะไรมา”

   “ทำไมต้องอยากรู้วะ”

   “กูชอบเสือกเรื่องชาวบ้าน มึงไม่รู้เหรอ”

   “กูโดนแม่ตบ”

   ผมเลิกคิ้วมองมันทันที “ถามจริง คุณเกสรเนี่ยนะจะตบมึง”

   “อืม กูอยากซิ่ว ไม่อยากเรียนบริหารฯ กูก็ไปบอกแม่ แต่แม่ก็ไม่เห็นด้วย เราทะเลาะกัน แม่บอกว่ากูต้องเป็นผู้สืบทอดทุกอย่างเพราะกูเป็นลูกคนโตของบ้าน คำนี้ที่กูได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ทั้งๆ ที่พี่คนโตของบ้านก็คือมึง” ไอ้ภัทรอัดควันเข้าปอดก่อนจะปล่อยมันออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน “กูไม่อยากให้คำพูดของแม่มาควบคุมกูอีกแล้ว กูอยากใช้ชีวิตตามที่ตัวเองต้องการ ทำไมกูต้องมาเป็นเครื่องมือของแม่แค่เพราะเขาเกลียดมึงกับแม่มึงวะ”

   “กูเข้าใจมึงนะ”

   “กูรู้สึกแย่นะที่เมื่อก่อนเราเคยเล่นด้วยกัน เคยเตะบอลด้วยกัน แต่อยู่ดีดีวันนึงกูก็เล่นกับมึงไม่ได้เพราะแม่สั่ง แล้วเขาก็พูดซ้ำๆ ว่าบ้านมึงเป็นยังไง กูสับสน กูเสียใจทั้งๆ ที่ตอนได้เตะบอลกับมึง มันโคตรสนุกเลย”

   “มึงชอบวิ่งมาชนกูไอ้เวร”

   “ก็มึงอะ อยู่ดีดีก็หยุดวิ่ง บอกก็ไม่บอก ละชนมึงทีไรกูก็ล้ม ตัวอย่างกับควายไอ้สัส”

   “ถ้ากูมีเขา กูจะขวิดหน้ามึงให้ด้วย” ผมเท้าคางมองมัน “แล้วได้คุยกับป๊ารึเปล่าเรื่องที่จะซิ่ว”

   “คุย”

   “เขาว่าไง”

   “เขาตามใจกู แต่นั่นแหละพอแม่รู้ เขาก็โวยวาย ด่าว่ากูต่างๆ นานา กูทะเลาะกับแม่ ป๊าก็ทะเลาะกับแม่ บ้านโคตรลุกเป็นไฟ กูโดนตบแล้วแม่ก็บอกว่าถ้ากูไม่ฟังคำสั่งเขา กูก็ไม่ต้องเรียกเขาว่าแม่ ทำไมวะ....แค่อยากเรียนในสิ่งที่ชอบ มันผิดขนาดนี้เลยอ๋อ”

   “มึงจะซิ่วมาเรียนอะไร”

   “ออกแบบนิเทศศิลป์”

   “ก็เอาดิ ซิ่วเลย ถ้าป๊าเห็นด้วยแล้วก็ไม่ต้องกังวลป้ะวะ ความสุขมึง แล้วถ้าแม่มึงจะไม่ให้มึงเรียกเขาว่าแม่ มึงก็เรียกเขาว่าคุณเกสรเหมือนที่กูเรียกเนี่ยะ จบๆ ”

   มันหลุดหัวเราะออกมา “กูนึกว่ามึงจะบอกให้กูใจเย็นๆ ไปคุยกับแม่ให้เขาเข้าใจ เพราะยังไงเขาก็แม่”

   “คุยเป็น 10 ปีก็ไม่เข้าใจหรอก เขาเป็นคนยังไงมึงน่าจะรู้ดีที่สุด ถ้าเป็นกู กูก็ต้องให้มึงเลือกในทางที่มึงมีความสุขมากที่สุดอยู่แล้ว ชีวิตมหา’ลัยมันแค่ครั้งเดียว จะเป็นประสบการณ์ที่ดีหรือเลวร้ายมันก็อยู่ตรงนี้แหละ ซิ่วตอนนี้ก็ยังดีกว่าที่มึงเรียนไปแล้วรู้สึกว่าชีวิตกูมาทำอะไรตรงนี้วะ”

   “กูอาจจะออกมาอยู่หอ เพราะถ้าอยู่บ้านน่าจะบ้านแตก”

   “ก็ดี อยู่หอก็ต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเอง เออ แล้วภัคอะ มึงรู้ไหมว่าน้องจะเรียนอะไร”

   “บริหารฯ แน่นอน มันอยากเรียน”

   “งั้นก็ให้ภัคสืบทอดกิจการก็ได้ป้ะวะ”

   “ลูกคนเล็กไง แม่ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้ว” มือเรียวหยิบโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ขึ้นมากดรับสาย “ฮัลโหลค่ะ....อื้อ พี่อยู่นั่งชิวค่ะ.....ได้ค่ะ....โอเคเดี๋ยวพี่ไปรับนะ”

   “แฟนอ๋อ”

   “อืม....กูไปก่อน ขอบใจมึงละกันที่นั่งฟังกูบ่น”

   “เออ มีปัญหาประสาททแดกก็มาปรึกษาได้ กูชอบเสือกเรื่องชาวบ้าน”

   “เออ ไปละ” ว่าแล้วมันก็เดินไปทันที ส่วนผมก็ทิ้งก้นบุหรี่ลงที่ทิ้งบุหรี่ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่เซเว่นฯ ใกล้ๆ ร้าน

   รู้สึกเหมือนความสัมพันธ์ของพี่น้องจะดีขึ้นจึ๋งนึงล่ะมั้ง อย่างน้อยก็คุยกันได้ ไม่เหมือนเมื่อก่อน ผมรู้ว่าไอ้ภัทรโดนแม่มันล้างสมองมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ก็ยังดีที่มันเองก็คิดได้เหมือนกันว่าอะไรมันเป็นยังไง ยอมดื้อเพื่อให้ได้ทำตามที่ในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ถึงจะไม่ชอบขี้หน้ากันมาตลอดแต่ยังไงก็พี่น้อง เดี๋ยวต้องคอยดูป๊าว่าจะจัดการกับคุณเกสรยังไงเรื่องไอ้ภัทร แต่ตอนนี้ผมมีเรื่องที่ต้องทำ

   ไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ก็นะ

   ผมยืนอยู่ใกล้ประตูเซเว่นฯ และมันดังตื้อดึ่งไม่หยุด คือของที่จะซื้อมันอยู่ข้างเคาน์เตอร์ติดประตูไง ก็รำคาญนิดนึงแต่ขอเวลาแป๊บเดียวเท่านั้นแหละ ผมหยิบอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ต้องใช้ขึ้นมาดูก่อนจะอ่านรายละเอียดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ดึงหน้าอยู่แหละ เดี๋ยวน้องพนักงานรู้ว่าเขินเพราะซื้อถุงยาง ใช่ครับ เฌอกำลังจะซื้อถุงยางอนามัย ต้องหาที่ไซส์ใหญ่กว่า 52 เพราะงั้นต้องดูดีดีหน่อย

   ใหญ่กว่า 52 ก็ 54 กับ 56 งั้นสินะ

   ปัญหาคือไม่รู้ว่าไซส์ไหนนี่ดิ ช่างแม่ง ซื้อมาทั้งสองไซส์เลย มันต้องใส่ได้สักอันแหละ ส่วนเจลหล่อลื่นไม่ต้องเพราะเพื่อนซื้อให้แล้ว ไม่คิดเลยว่าชรันจะมีวันที่ต้องมาซื้อถุงยางโดยที่ไม่ได้ซื้อไซส์ของตัวเอง ช่างเถอะ กลับตัวกลับใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วป้ะวะ ผมเป็นคนเลือกทางนี้เอง ผมเป็นคนที่อยากทำเอง ผมเองที่อยากจะ....เห้อะ

   พอ....ไม่พูดละ เหนื่อย

   หลังจากที่จ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยผมก็เดินกลับเข้าไปที่นั่งชิว ตอนที่เดินออกจากเซเว่นฯ สิบสามไลน์มาบอกว่างานเขาเสร็จแล้วและเจ้าตัวก็กำลังจะมาหาผมที่ร้าน ผมควรบอกเขาว่ายังไงดีวะเรื่องที่เราจะแบบ....หื้มมมม บอกตรงๆ เลยเหรอ ตรงแบบฮาร์ดคอหรือตรงแบบน่ารักๆ ดีล่ะ

   คุณ....เยกัน

   ก็ตรงไปป้ะวะ

   คุณ....มีอะไรกันเถอะ

   ดีกว่าข้างบนแค่จึ๋งเดียว

   “หายไปนานจังวะ” ไอ้แช่มทักก่อนจะส่งแก้วเบียร์มาให้ “ทำไรมาเนี่ยะ”

   “เจอไอ้ภัทรเลยนั่งคุยกันนิดหน่อย” ผมยกเบียร์ขึ้นซดจนหมดแก้วเพื่อย้อมใจ “มึงกูมีเรื่องจะถาม ถ้าสมมุติว่าเราจะขอมีอะไรกับแฟน เราจะพูดว่าอะไร”

   ไอ้แช่มส่งยิ้มกริ่มมาให้ “มึงจะเอาแน่ใช่ไหมวันนี้อะ”

   “มึงจะถามอะไรมากวะ บอกกูมาได้แล้ว”

   “ก็อยู่สองต่อสอง ในห้องเงียบๆ ก่อนอื่นมึงสบตาเขาก่อนเลย เผลอไปกับบรรยากาศ แล้วก็เดินไปสะกิด ฟีลเขินๆ อะ เดี๋ยวก็ได้ เชื่อกู”

   “ถามจริงๆ นะ”

   “เออ ได้จริงๆ เชื่อเพื่อนอะ อะไรก็ดีป้ะวะ”

   “เพื่อนอย่างมึง” ผมเสยผมที่ปรกหน้าขึ้นอย่างละเหี่ยใจก่อนจะยกเบียร์มากระดกอีกแก้ว สายตาก็ไปสะดุดกับร่างสูงที่เดินเข้ามา ความหล่อนั่นคงเตะตาใครหลายๆ คนแน่

   แต่เสียใจด้วยครับ....เขามีแฟนแล้ว

   “ผมมาแล้วครับ” สิบสามนั่งลงข้างผม “เมาไหม”

   “ไม่เมา”

   “เชื่อได้รึเปล่า”

   “อยากพิสูจน์ไหมล่ะ”

   “เห้ยเบาได้เบาเพื่อน นี่ร้านเหล้า” ไอ้แช่มยื่นแก้วเบียร์มาทางสิบสาม “เอาหน่อยไหมน้องหมอ”

   “ได้ครับ” มือเรียวรับแก้วเบียร์นั้นมาจิบทีนึง ก่อนจะกระดกลงคอไปจนหมด เจ้าตัวเลียริมฝีปากพลางมองผมด้วยสายตานิ่งๆ

   ดาเมจแรงจังวะแค่กินเบียร์

   “อยากเข้าห้องน้ำอะ ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ” ผมบอกก่อนรั้งแขนสิบสามให้เดินมาที่ห้องน้ำด้วยกัน ในจังหวะที่เดินสวนกับคนที่เพิ่งเดินออกมา ผมก็ดันเขาเข้าไปด้านในก่อนจะกดล็อกประตู

   สิบสามที่พิงพนังอยู่มองผมไม่ละสายตา ระหว่างเราไม่มีคำพูดอะไรเอ่ยออกไป รับรู้ได้แค่ลมหายใจแรงๆ กับกลิ่นแอลกอฮอล์เท่านั้น ผมยกมือขึ้นเกลี่ยแก้มขาวมาจนถึงริมฝีปากบางก่อนจะเลื่อนเข้าไปกดจูบเบาๆ ร่างสูงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่รู้ว่าเพราะเครื่องดื่มมึนเมาที่ได้รับไปเมื่อกี๊ด้วยรึเปล่าที่ทำให้รู้สึกว่าร้อนได้ถึงขนาดนี้ อารมณ์ที่คุกรุ่นแบบนี้ ต่อให้ใช้น้ำสิบถังก็ดับไม่ได้นะ

   ต้องการมากกว่านี้จริงๆ นั่นแหละ

   ผมถอนจูบออกมามองเขานิ่งๆ “จูบแรงจังอะ”

   “ไม่ชอบเหรอครับ” จมูกโด่งคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอผม “วันนี้เป็นอะไรหืม....คึกเหรอ”

   “ก็คงใช่” ผมหยิบกล่องถุงยางที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลังออกมาก่อนจะเลิกเสื้อของสิบสามขึ้นแล้วสอดมันลงที่ขอบกางเกงยีนส์เขา การกระทำนั้นทำให้คนตรงหน้าหลุดยิ้มออกมาพร้อมกับรั้งเอวผมเข้าไปชิด

   “รู้ไหมครับว่าทำแบบนี้แล้วจะเจอกับอะไร”

   “อยากรู้เหมือนกัน”

   มือเรียวหยิบกล่องถุงยางที่เหน็บอยู่ออกมาดู “ใช้อันนี้ครับ....ส่วนอันนี้ผมคืนให้” กล่องถุงยางไซส์ 54 ถูกส่งกลับที่มือผมซึ่งมันหมายความว่า....

   หึ....แย่แล้ว

   “....สิบสาม”

   “ไปกันเถอะครับ....พี่เฌอ”

   

   

   

   

   

   

   TBC.

   สวัสดีค่ะชาลมาส่งสามเฌอแล้วนะ ก็พูดยังไงดีอะ แพลนโคมไฟได้ไหม แพลนตุ๊กตากิกี้ลาล่าก็ได้เอาจริงๆ คือบท 17 เนี่ยะ ต้องหืดหาดแน่ๆ เเลยค่ะ เตรียมใจกันเอาไว้ให้ดีดีกับฉากแพลนโคมไฟไม่ก็ประตูห้องน้ำ

   ตรงที่พี่แช่มพูดกับพี่เฌอว่าให้นั่งสบตาอยู่สองต่อสอง มันคือวิธีที่ชาลไปถามพี่นัท (นทกร) มานะคะ ก็ขอเขาเอามาใส่ในนิยายแล้วเรียบร้อย ตอนคุยกันมันตลกจริงๆ อะ5555

   สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th

   ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค้าบ

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เตรียมหืดหาดแล้วนะคะ 555

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 17 จึ๋งนึง [ Nc ]




   “อื้อออ....อ....สิบสาม” ผมดันร่างสูงเอาไว้ “ใจเย็นๆ สิ”

   “นี่ใจเย็นแล้วนะครับ”

   เย็นที่หน้าคุณอะนังน้อน

   “ขอผมอาบน้ำก่อน”

   “.....โอเคครับ พี่อาบก่อนเลย”

   ผมพยักหน้ารับก่อนจะหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ ในหัวก็กำลังตัดสินใจว่าควรชวนเขามาอาบด้วยกันไหมเพราะไหนๆ สิบสามก็ต้องมาอาบน้ำเหมือนกัน พอคิดได้แบบนั้นผมก็หันไปมองร่างสูงที่ยืนมองอยู่นิ่งๆ

   “อาบด้วยกันไหมคุณ”

   “.....เอาสิครับ” เขาเดินตามผมเข้ามาในห้องน้ำก่อนจะยืนกอดอกพิงอยู่ที่เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ดวงตาคมจับจ้องมาทางผมอยู่อย่างนั้น

   นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถอดเสื้อผ้าต่อหน้าเขา แต่มันกลับเป็นครั้งแรกที่รู้สึกประหม่าไปหมด หัวใจเต้นแรงไม่หยุดเลย คงเป็นเพราะสถานการณ์มันต่างจากทุกทีล่ะมั้ง ผมถอดเสื้อตัวเองออกก่อนจะถอดกางเกงยีนส์ตาม เฌอตอนนี้เหลือเพียงบ็อกเซอร์ ส่วนสิบสามยังไม่คิดจะถอดเสื้อผ้าตัวเองเลยสักชิ้น ชอบใจแหละที่ได้ยืนมองผมแก้ผ้าน่ะ มันน่านักนะ แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อเขาไม่ยอมถอด เดี๋ยวผมจะเป็นคนจัดการเอง

   บางทีนังน้อนอาจจะตั้งใจให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

   “ทำไมไม่ถอดอะ” ผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา “หืม....”

   “อยากให้พี่เฌอถอด”

   “ได้สิ” ผมรั้งเสื้อยืดสีชมพูตัวโคร่งขึ้นพลางใช้หลังมือสัมผัสผิวเขาไปด้วย “แต่มีค่าถอดนะ”

   “เอาอะไรดีครับ”

   ผมดึงเสื้อออกมาจากตัวเขาก่อนจะเลื่อนเข้าไปใกล้ “.....เอาอะไรดีน้า”

   “หึ....” เขาหลุดยิ้มออกมาก่อนจะเลื่อนเข้ามาจูบ ผมยกมือขึ้นโอบรอบคอแกร่งพลางแลกจูบอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะอาบน้ำเสร็จ อาจจะครึ่งคืนเลยก็ได้ถ้ายังมัวหยอกเล่นกันอยู่แบบนี้

   “อื้มมม...ม....” ผมละจูบออกก่อนจะเลื่อนมาขบเบาๆ ที่ไหปลาร้าเขา “อาบน้ำก่อน” ว่าแล้วผมก็ปลดกางเกงยีนส์คนตรงหน้าแล้วรั้งมันลงไป อะไรบางอย่างที่อยู่ใต้บ็อกเซอร์ตัวบางเผยออกมาอย่างเห็นได้ชัด

   อึก....ใจคอไม่ดีเลยให้ตายสิ

   “ไม่ถอดบ็อกเซอร์ออกด้วยเหรอครับ”

   “มันจะฟาดหน้าผมป้ะ”

   สิบสามหลุดขำออกมา “พี่พูดอะไรเนี่ยะ”

   “ถามจริงๆ นะ” ผมเงยหน้ามองเขา “คุณคิดดู มันเกือบเท่านี่....ข้อมือผม”

   “ก็ไม่ขนาดนั้นนะครับ”

   “เห้อะ อย่ามาพูดจาปลอบใจหน่อยเลย” ผมหันหลังให้เขาก่อนจะถอดบ็อกเซอร์กับชั้นในออกแล้วเดินเข้าไปอยู่ใต้ฝักบัวพร้อมกับเปิดน้ำ “คุณถอดเองเลยบ็อกเซอร์น่ะ”

   ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากเขา ตอนนี้เฌอคือชีเปลือยขั้นสมบูรณ์ ผมไม่เคยแก้ผ้าให้ใครเห็นเลยนะ เขินมาก ไม่กล้าหันไปมองสิบสามด้วย คือแบบ....ความรู้สึกตอนกำลังจะเสียตัวมันเป็นแบบนี้เองเหรอวะ ตื่นเต้นแบบที่ไม่เคยเป็น หวั่นใจก็หวั่น คือผมไม่ค่อยมั่นใจเลยว่าครั้งแรกมันจะดีไหม ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างมีอารมณ์ แต่ไม่มีใครมีประสบการณ์ด้านนี้สักคน สัญชาตญาณมันจะช่วยเราได้แค่ไหนวะ

   เออเอาน่ะ.....คิดจะทำแล้วก็อย่าคิดเยอะ

   สัมผัสได้ถึงแรงลูบเบาๆ ที่ช่วงเอวก่อนที่เจ้าของมือมาไล่กดจูบไปตามซอกคอ ส่วนแข็งขืนที่ดันอยู่ด้านหลังทำให้แก้มผมยิ่งรู้สึกร้อนขึ้นไปอีก ผมชอบทุกการสัมผัสที่ได้รับมาจากสิบสาม มันหนักและเบาสลับกันไป ทุกครั้งที่เขาจูบ เขาจะกดแรงลงมาเยอะมากก่อนจะผ่อนให้เบาลง จากการกระทำเหล่านั้นมันทำให้ผมรู้ว่าตัวเขาเองหักห้ามใจมากแค่ไหน คนที่ภายนอกเห็นว่านิ่งๆ แต่ภายในเขา โคตรยากหยั่งถึงเลย

   อ่อนโยนทุกการกระทำแต่คงยกเว้นเรื่องบนเตียงล่ะมั้ง

   ผมบีบสบู่เหลวก่อนจะหันเข้าหาเขา “คุณคึกกว่าผมอีกนะนังน้อน”

   “ใช่ครับ ใจผมตอนนี้คืออุ้มพี่ไปที่เตียงเรียบร้อยแล้ว”

   “ใจร้อนจังอะ”

   “ไม่ได้ร้อนแค่ใจนะครับ” มือเรียวลูบไล้สบู่ไปทั่วตัวผม “ผม....ประหม่ามากเลยพี่เฌอ”

   “ผมก็ไม่ต่างจากคุณ”

   “ตอนนี้ผมอาจจะเงอะงะ ไม่ค่อยเท่เท่าไหร่ แต่ในอนาคตจะดีกว่านี้ครับ”

   ผมหลุดหัวเราะทันทีที่เขาพูดแบบนั้น “คุณนี่มันจริงๆ เลยน้า” จะทำให้ผมหลงรักไปถึงไหนเนี่ย

   “จริงๆ นะครับ”

   เราสองคนใช้เวลาอาบน้ำและนัวกันอีกสักพักก่อนที่ย้ายจากห้องน้ำมาที่เตียงนอน สิบสามจัดการย้ายน้อนตุ๊กตากีกี้กับลาล่าไปไว้บนพรมข้างเตียงแทน เตียงสีขาวกลางห้องที่กำลังจะกลายเป็นสมรภูมิรักในอีกไม่ช้า นังน้อนคงเขินแหละครับถ้าจะปู้ยี่ปู้ยำผมให้น้อนๆ ตุ๊กตาเห็น ผมมองเขาจัดแจงทำโน่นนี่นั่นจนเสร็จ ร่างสูงโถมตัวเข้ามาดันผมให้ราบไปกับเตียง ดวงตาคมที่มองอยู่ด้านบนนั่นแสดงออกมาชัดเจนว่าเขาจะเอาจริงแล้ว

   ตึกตัก

   ใจโคตรไม่ไหวเลยว่ะ

   ริมฝีปากบางก้มลงมาฉกฉวยความหวานจากผม ลิ้นร้อนไล่ต้อนเข้ามาอย่างหยอกเย้า เก่ง....เก่งขึ้นทุกครั้งที่ได้จูบกัน ตอนนี้กลับกลายเป็นเฌอที่กิ๊กก๊อกไปเลย แต่เอาเถอะ ผมจะยอมเขาสักเรื่องมันก็ไม่เป็นไรหรอก ในขณะที่เรากำลังแลกจูบกันอยู่นั้น สัมผัสได้ถึงแรงลูบเบาๆ ที่สีข้างลามไปจนถึงต้นขา ปลายนิ้วร้อนเลื่อนขึ้นมาลูบที่ยอดอกผม ปากก็ไล่ขบมาตามซอกคอก่อนจะทิ้งรอยรักเพื่อให้ผมได้โดนเพื่อนแซวเล่น

   จูบแรงแบบนั้นไม่เป็นรอยให้มันรู้ไป

   ร่างสูงไล่จูบต่ำลงไปจนถึงยอดอกก่อนจะใช้ปลายลิ้นเลียวนไปรอบๆ พลางขบเม้มคล้ายๆ กับมันเขี้ยว ผมจิกไหล่เขาเบาๆ พร้อมกับกัดปากตัวเองเพื่อกั้นเสียง รู้สึกแปลกๆ อะ มันแบบ....

   “อ๊ะ....” หลังอยู่ไม่ติดเตียงแล้ว สิบสามทำอะไรกับผมเนี่ย

   “ตรงนี้รู้สึกไวอยู่นะครับ”

   รู้สึกไวทุกตรงแหละตอนนี้

   “ผม....อื้อออ....” ผมคว้าหมอนที่อยู่ใกล้ๆ มาปิดหน้าพลางหายใจแรงอยู่อย่างนั้น ไม่ไหวอะ ทำไมมันรู้สึกแบบนั้นวะ ไม่เข้าใจเลย

   “อย่าเอาหมอนปิดหน้าสิครับ” เขาแย่งหมอนไปก่อนจะยกสะโพกผมขึ้นแล้วเอามันมารองไว้ด้านล่างแทน “ผมอยากเห็นหน้าพี่เฌอนะ” ปลายนิ้วลูบเบาๆ ที่ริมฝีปากผม

   ผมงับนิ้วเขาอย่างมันเขี้ยว “ชอบใจคุณล่ะสิ”

   “หึ....” มือเรียวเลื่อนมาจับส่วนอ่อนไหวของผมขยับขึ้นลงช้าๆ อื้มมมม.....ความรู้สึกมันต่างจากเวลาทำเองจริงๆ ด้วย คงเพราะมือเขาใหญ่กว่ามือผมล่ะมั้ง

   เห้อะ....เขาก็ใหญ่กว่าผมทุกอย่างแหละ

   “อะ....เบาหน่อย”

   “พี่ก็ทำให้ผมด้วยสิ” เจ้าตัวกระซิบหูผมพลางงับเบาๆ ซี๊ดดดด....นังน้อนเก่งเรื่องคลอเคลียจริงๆ นะ ผมตามไม่ทันเขาเลยอะ

   พ่ายแพ้โดยสมบูรณ์

   ผมเลื่อนมือไปจับส่วนแข็งขืนของคนบนร่างก่อนจะขยับมือช้าๆ ไม่อยากคิดตอนที่ตัวเองต้องโดนเจ้านี่รังแกเลยอะ เอาน่ะ เจ็บครั้งแรกเป็นเรื่องปกติ เฌอจะเชื่อคำเพื่อนๆ เดี๋ยวมันก็ดีเอง ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอก มันก็แค่....นั้นเอง

   แค่นั้นตรงไหนวะ

   “อ๊ะ....” ผมส่งเสียงอย่าลืมตัวเมื่อมือเรียวมาป้วนเปี้ยนที่ช่องทางด้านหลัง สิบสามพรมจูบไปทั่วใต้คางก่อนเอื้อมมือไปหยิบเจลหล่อลื่นกับกล่องถุงยางอนามัย เขาบีบเจลชโลมที่ปลายนิ้วก่อนจะใช้มันลูบไล้เบาๆ

   “เจ็บหน่อยนะครับ”

   “ขนาดไหน”

   “....จึ๋งนึง”

   ใครจะเชื่อ

   เขาสอดนิ้วเข้ามาด้านในช้าๆ สิบสามเลิกคิ้วมองผมอย่างสงสัย “พี่เฌอ....เคยทำตรงนี้เหรอครับ”

   “อื้ออออ....ก็มันต้อง” ผมซุกหน้าลงกับไหล่เขา “อย่าถามสิ....ผมเขินนะ”

   “โอ๋ๆ ไม่ถามแล้วครับ” เขาจูบขมับผมก่อนจะขยับนิ้วเข้าออกช้าๆ “ผมเพิ่มนิ้วนะครับ”

   “อ๊ะ.....เบาๆ ” ผมหายใจแรงยิ่งกว่าเดิมเมื่อนิ้วที่สองถูกสอดเข้ามาด้านใน มันต่างจากตอนที่ทำเองมากจริงๆ นี่แค่นิ้วเองนะ แค่นิ้วยังเป็นขนาดนี้เลย

   “เป็นยังไงบ้างครับ” เสียงอ่อนเอ่ยถามอยู่ไม่ห่าง ผมรับรู้ได้ถึงนิ้วที่สามตรงส่วนนั้น อื้ออออ.....ตอนที่มันขยับก็ยิ่ง....

   “อ๊า....ตรงนั้น”

   “ตรงนี้” สิบสามกดลงที่ส่วนนั้นเน้นๆ ซึ่งผมแอ่นสะโพกรับอย่างลืมตัว ปากก็ส่งเสียงอย่างห้ามเอาไว้ไม่ได้

   “อื้มมมม....ไม่เอาแล้ว จะเสร็จ” ผมจับข้อมือเขาเอาไว้ “ผมไม่อยากเสร็จก่อน”

   “พี่เฌอนี่....” เขาถอนนิ้วออกก่อนจะแกะถุงยางในกล่องมาสวมเข้าที่ส่วนแข็งขืนของตัวเอง มองจากมุมผมแม่งโคตรน่ากลัวเลย ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วเนี่ยะ

   เฌอจะโดนเชือดแล้วครับ

   สิบสามสอดแขนเข้ามาใต้ขาพับผมก่อนที่เขาจะโน้มตัวลงมาจูบ จูบหวานๆ สัมผัสเบาๆ ที่ทำให้เรารู้สึกตายใจ ปลายท่อนร้อนลูบวนอยู่ที่ปากทางก่อนจะสอดเข้ามาด้านในช้าๆ อย่างใจเย็น อื้อออ...อ....ผมจิกไหล่เพื่อระบายความเจ็บ ช่วงล่างรู้สึกเกร็งจนสิบสามก็ต้องลูบแถวสะโพกเพื่อให้ผมผ่อนคลาย เขารู้ว่าควรทำยังไงเพื่อให้ผมรู้สึกดีและผมชอบที่เขาทำแบบนั้น มันเจ็บจริงๆ แต่ผมไม่ได้รู้สึกแย่ ไม่ได้เจ็บเกินกว่าที่ผมจะทนได้

   เฌอทนมาได้ตั้งกี่เรื่อง....แค่โดนเด็กกินมันจะเท่าไหร่กันวะ

   “แน่น” สิบสามเอ่ยก่อนจะยกขาผมขึ้นเกี่ยวเอวเขา “แน่นจนผมเจ็บ”

   “ผมเจ็บกว่าคุณอีก”

   เจ้าตัวยกยิ้ม “เจ็บขนาดไหนหืม....”

   “ก็ไม่ใช่แค่จึ๋งนึงละกัน....อ๊ะ....สิบสาม” ผมจิกไหล่ขาวระบายความเจ็บเมื่อเขาเริ่มขยับเข้าออก ซี๊ดดด..ด...

   “หลังจากนี้จะไม่เจ็บแล้วครับ”

   “ไม่เจ็บจริงอะ”

   “จริงครับ” สิบสามกระซิบข้างหูแล้วกดจูบเบาๆ “เพราะจะจุกแทน”

   นังน้อนนนน

   คำพูดคำจานี้ใครสอนมาเนี่ย

   ร่างสูงขยับเข้าออกช้าๆ ก่อนจะเริ่มเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น สายตาที่เขามองมาทำผมโคตรมีอารมณ์เลย เข้าใจคำว่าเจ็บที่สุขสมแล้วครับว่ามันเป็นยังไง เซ็กซ์มันไม่ใช่แค่เจ็บแต่มันมีความสุข คงเป็นเพราะผมได้ทำมันกับคนที่ตัวเองรักล่ะมั้ง ผมผงกหัวขึ้นไปจูบสิบสาม ขาเกี่ยวเอวสอบไว้พลางรับความรุนแรงที่เขาส่งมาให้ ทุกการขยับมันเข้าตรงที่จุดนั้นซึ่งทำให้ผมรู้สึกวูบวาบไปหมด

   อื้ออออ....มันดีจริงๆ

   “อ๊ะ....สิบสาม” ผมข่วนหลังเขาเป็นทางยาวเพื่อระบายความเสียว อื้ออออ....อ....ตรงนั้น...อ๊ะ

   “อื้มมม....แน่นกว่าตอนแรกอีกนะครับ”

   “เสียว....อ๊ะ....แรงหน่อย” ผมขยับส่วนอ่อนไหวของตัวเองไปด้วย ห้องสิบสามนี่เก็บเสียงใช่ไหม ผมกั้นมันเอาไว้ไม่อยู่แล้วนะ รู้สึกดีเกินไปอะ

   “อา....”

   ผมสั่นไปตามแรงกระแทกที่ร่างสูงขยับ สิบสามดันมือผมไปไว้ที่เหนือหัวก่อนจะสอดนิ้วเข้ามาประสาน อ๊ะ....ดูเขาสิ ทั้งๆ ที่รุนแรงขนาดนี้ยังจะทำอะไรที่อ่อนหวานแบบนั้นอีก ใบหน้าคมที่เปื้อนเหงื่อกับอารมณ์คุกรุ่นมันได้ใจผมจริงๆ จะว่าไปตอนนี้ก็ได้ไปทั้งตัวแล้ว ผมเร่งขยับมือที่กุมส่วนนั้นเอาไว้ขึ้นอีกเมื่อใกล้ถึง คนบนร่างก็เร่งขยับและใส่แรงเข้ามาเหมือนกัน

   อึก....จุกที่บอกมันเป็นแบบนี้เองสินะ

   “อ๊ะ....อื้อออ....จะเสร็จ”

   “เหมือนกันครับ”

   “อ๊า....อื้อออ.อ.....สิบสาม”

   “ซี๊ดดดด....พี่เฌอ”

   “อื้อออ....อาาาาาาา”

   “อื้มมมม....”

   น้ำรักสีขุ่นเลอะอยู่เต็มฝ่ามือและหน้าท้อง ร่างสูงขยับสองสามครั้งก่อนจะถอนกายออกไปแล้วก้มลงมาจูบ อื้ออออ....ผมหายใจแทบไม่ทันเลยอะ โอเค ไหนรีวิวเซ็กซ์ครั้งแรกหน่อย ดีครับ ไม่ล่มกลางทาง รู้สึกดีมาก ถ้าถามถึงฟีลอื่นมี 2 อย่างคือ….เจ็บและจุก

   จุกจนแบบ....จุกอะ

   ร่างสูงเลื่อนมาจูบที่หน้าผากแล้วยิ้มหวานออกมา “เป็นไงครับ.....ผมทำได้ดีไหม”

   เหมือนเด็กตัวน้อยๆ ที่ต้องการคำชม

   “นี่ครั้งแรกของคุณจริงดิ”

   “ใช่ครับ”

   “เก่ง....หลังจากนี้จะยิ่งกว่านี้อีกเหรอ ผมจะตายไหมอะ”

   “ผมเป็นว่าที่คุณหมอนะครับ จะปล่อยให้แฟนตัวเองตายได้ยังไง” มือเรียวเขี่ยผมที่ปรกหน้าผมออก “พี่เป็นของผมแล้วนะครับพี่เฌอ”

   คุณก็เป็นของผมเหมือนกันนั่นแหละนังน้อน

   “ผมเป็นของคุณ” ผมจูบเกียร์ที่ข้อมือเขาเบาๆ “ตั้งแต่เกียร์ผมอยู่ที่คุณแล้ว”

   “เขินจังครับ”

   “เขินได้หน้านิ่งมากเลยนะคุณน่ะ.....เดี๋ยวจะโดน” ผมชี้นิ้วคาดโทษ พอเป็นแบบนั้นร่างสูงจึงพลิกให้ผมมาอยู่ด้านบนเขาแทนพร้อมกับผงกหัวขึ้นมาจูบทีนึง

   “ลงโทษผมเลยสิ” มือเรียวบีบเค้นหนักๆ ที่ช่วงสะโพก ดวงตาคมมองอย่างท้าทาย ร้ายกาจจริงๆ เลยนะเด็กคนนี้น่ะ ผมรู้ว่านี่คือกับดัก รู้ว่าถ้าหลงกลไปแล้วจะเป็นยังไงแต่ก็นะ

   รักเขาอะ....ยอมหลงทุกอย่างแหละ

   “คุณโดนแน่....สิบสาม”

   

***


   “อื้ออออ....”

   ปวดร้าวเหมือนโดนกระทืบ

   ผมพลิกตัวเพื่อหนีแสงแดดที่แยงตาเข้ามา รับรู้ได้ถึงแรงกอดและลมหายใจอุ่นที่รดซอกคอตัวเองอยู่ พอลืมตามองก็เห็นใครบางคนยังหลับอยู่ เมื่อคืนมันเป็นอะไรที่สุดๆ ไปเลยครับ โคตรจะปวดเอว และตอนนี้เสียงก็น่าจะแหบพอสมควร เฌอพยายามกั้นเสียงแล้วแต่ว่ามันก็มีหลุดบ้าง ผมจำได้ว่าตัวเองน่าจะสติหลุดไปช่วงประมาณเกือบตี 3 คือมันไม่ได้ทำต่อเนื่องปุบปับนะ ก็มีพักบ้างแต่ก็....ไม่เอาไม่พูดละ

   เขินนนน

   สำหรับผม....เซ็กซ์ครั้งแรกระหว่างเรามันโคตรดีเลยอะ มีความสุขชิบหาย ล้าไปทั้งตัวเลยด้วย อยากเห็นสภาพตัวเองเหมือนกันนะว่าจะย่อยยับขนาดไหน คือแฟนผมน่ะเป็นคนแรงเยอะในระดับนึง แล้วเขาก็รุนแรงมากเลยครับ แล้วตรงนั้นมันก็ 56 อะทุกคน เฌอไม่ตายคาเตียงก็ดีแล้วป้ะ ดีนะที่ผมเป็นพวกถึกอยู่แล้ว ทนมือทนตีนพอสมควรถึงยังมีชีวิตรอดอยู่ แต่ถ้าให้ลุกเดินตอนนี้คงไม่ไหว

   ขาอ่อนแน่ๆ

   “อื้มมมม....” เสียงจากคนข้างๆ ดังออกมาพร้อมกับมือเรียวที่ควานหาโทรศัพท์มากดดูเวลา “เกือบ 10 โมงแล้วเหรอเนี่ยะ....ตื่นแล้วเหรอครับ”

   “ตื่นแล้ว” โอ้โหเสียง....แหบเหมือนแตกหนุ่มสมัยอายุ 14 เดี๋ยววันนี้งดพูดนะ ใช้ภาษามือเอา

   “เสียงแหบจัง”

   “โดนรังแกก็แบบนี้แหละ”

   “ใครรังแกพี่เฌอน้า” เจ้าเด็กแสบคลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้ม ทำไมหืม....เมื่อคืนยังไม่สาแก่ใจรึไง

   “ผมเอ่ยชื่อได้เหรอ”

   “พี่จะลุกเลยไหม หรือจะนอนต่อ”

   “อยากเข้าห้องน้ำอะ อยากล้างหน้า”

   “ได้เลยครับ” สิบสามช้อนตัวผมขึ้นในแบบที่เขาชอบทำ เวลาปกติก็คงจะโวยวายนิดหน่อยแหละ แต่สภาพในตอนนี้คือเป็นเด็กดีเถอะเฌอ

   ร่างสูงปล่อยให้ผมนั่งบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าก่อนจะบีบยาสีฟันใส่แปรงแล้วส่งมาให้ เหมือนเมื่อคืนหลังจากที่เขาปู้ยี่ปู้ยำผมจนพอใจ สิบสามน่าจะเช็ดตัวให้ครับเพราะเนื้อตัวดูสะอาด คือยังไงก็ต้องอาบน้ำแหละแต่สักบ่ายละกัน ผมแปรงฟันพลางมองร่องรอยบนตัวนังน้อนที่ตัวเองทิ้งเอาไว้ บนบ่ามีแต่รอยเล็บ ส่วนหลังก็มีรอยข่วนเต็มไปหมด ที่ซอกคอเขามีรอยจูบติดอยู่นิดหน่อย

   ส่วนบนตัวผมนั้น....เห้อะ

   ไม่อยากจะพูด

   ผมจัดการล้างหน้าล้างตาก่อนจะเดินเปลี้ยๆ ออกจากห้องน้ำมานั่งที่เก้าอี้ ควรกินยาไหมวะ ปวดเหมือนเอวยอก ผมมองสิบสามที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ครัว เขากำลังตั้งหม้อแล้วหยิบของสดออกมาจากตู้เย็น ทำข้าวต้มกับทอดไข่เจียวแน่ๆ แหละ แต่ก็ดีนะ ผมไม่อยากออกไปไหนเลยวันนี้ คงไม่ค่อยสะดวก จะว่าไป....การที่ธรรมเนียมบ้านเขาให้ลูกชายเรียนทำข้าวต้มกับทอดไข่เจียวมันเพื่อแบบนี้ป้ะวะ

   ถ้าเป็นแบบนั้นนี่ร้ายน้า

   ผมหยิบโทรศัพท์มากดดูไลน์ที่เพื่อนฝูงส่งมาหา ถามแต่เรื่องบ้ากามไอ้พวกเวร เรื่องแบบนี้ใครจะไปตอบวะ รู้กันแค่สองคนก็พอแล้วไหม ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับสิบสามก็ถือว่าพัฒนาไปอีกขั้น ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีอะไรเกิดขึ้น แต่ที่รู้แน่ๆ คือยังไงผู้ชายคนนี้ก็จะต้องอยู่ข้างผมไปเรื่อยๆ เฌอจะไม่ปล่อยให้เด็กคนนั้นไปเป็นของคนอื่นเด็ดขาด

   ยังไงก็ไม่ยอม

   ใช้เวลาสักพักสิบสามก็ยกชามข้าวต้มกับไข่เจียวมาวางไว้ตรงหน้าผม “เสร็จแล้วครับ พี่ปวดมากไหม ถ้าปวดมากผมจะเตรียมยาให้”

   “ก็ไม่เท่าไหร่หรอกคุณ” ผมตักข้าวต้มเข้าปาก อื้มมมม....อร่อยจัง หลังจากใช้แรงเยอะๆ แล้วได้กินของอร่อยนี่เป็นอะไรที่โคตรดีเลย

   “ผมมีอะไรจะให้พี่เฌอด้วยนะครับ” เจ้าตัวเดินไปหยิบกล่องอะไรบางอย่างมาให้ผม “สุขสันต์วันครบรอบนะครับ ถึงจะเพิ่งเดือนแรก แต่ขอให้มันเป็นจุดเริ่มต้นของเราทั้งสองคนนะ”

   “ขอบคุณนะสิบสาม” ผมเปิดกล่องดูก็พบกับสร้อยข้อมือที่มีจี้เป็นหน้าแบด แบดติดอยู่ เหมือนเขาจริงๆ เลย

   “ชอบไหมครับ”

   “ตลก เหมือนหน้าคุณไม่มีผิด”

   “พี่จะได้รู้สึกว่ามีผมอยู่ด้วยตลอดเวลาไง”

   น่ารักชิบหายเลยค้าบ

   “ไหนยื่นหน้ามานี่ซิ”

   “ทำไมครับ” สิบสามยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “มีอะไรหืม....”

   จุ๊บ....จุ๊บๆ ๆ ๆ ๆ

   “กินข้าวได้ ผมพอใจแล้ว”

   สิบสามยิ้มกว้างออกมา แก้มขาวขึ้นสีแดงระเรื่อ “พี่เฌออะ....”

   “ทำเขิน....ทีเมื่อคืนไม่เขินแบบนี้ แก้มก็ไม่แดงเท่า”

   “มันไม่เหมือนกันนี่ครับ แต่เมื่อคืนก็แดงนะครับ....แค่ไม่ใช่ที่แก้ม”

   ฉ่า

   “สิบสาม” ผมทำตาโตใส่เขา “พูดอะไรเนี่ยะ”

   “ผมหมายถึงเนื้อตัวผมเนี่ยะ ตอนนี้ก็แดงพี่เฌอดู” เขาจ้องผมอย่างจับผิด “พี่อะ....คิดอะไรลามกแน่ๆ เลย”

   “ไม่ต้องนังน้อน คุณรู้อยู่แก่ใจดีนั่นแหละ”

   “ผมเปล่าสักหน่อย”

   “หึ....”

   ฝากไว้ก่อนเถอะเจ้าเด็กแสบ

   ผมมองสร้อยมือที่ตัวเองสวมพลางนึกถึงคำที่เขาพูด คบกันมา 1 เดือน เหมือนกับเป็นจุดเริ่มต้น มีเรื่องราวเกิดขึ้นเยอะแยะเลยในช่วงเวลาที่ผ่านมา ความสัมพันธ์นี้คือสิ่งที่ผมต้องการมาตลอด ไม่เหนื่อย ไม่ฝืนตัวเอง ไม่ต้องคิดอะไรมาก หลังจากนี้ก็แค่ประคับประคองกันไปเรื่อยๆ แค่นั้นมันก็พอแล้ว

   “สิบสาม....”

   รักนะ

   “บอกรักทั้งทีก็ออกเสียงสิครับ” เขายกมือผมขึ้นไปจุ๊บ “....รักนะครับ”

   แพ้ว่ะ

   นังน้อนแม่ง....

   

   

   

   

   

   TBC.

   สวัสดีค่ะชาลมาส่งสามเฌอแล้วนะคะ หืดหาดจัง หืดหาดตั้งแต่ตอนแต่งเลยนะคะ ใช้เวลานานมากสำหรับบทนี้ ชาลไม่เก่งเรื่องแต่ง Nc นะ ไม่่ถนัด แต่พยายามที่สุุดแล้ว ถ้าแปร่งๆ ต้องขออภัยด้วยนะคะ

   จะหายไปสักหลายวันหน่อย มีเรื่องต้องจัดการ มาอีกทีวันอาทิตย์ค่ะ ก็รออย่างใจเย็นเนอะ ถ้าไม่รู้จะอ่านอะไรก็อ่านวนไม่ก็อ่านเรื่องอื่นในโปรเจ็กต์ที่เขียนจบไปแล้วก็ได้นะคะ หรือนอกโปรเจ็กต์ที่จบไปแล้วก็ได้เหมือนกัน สำหรับสามเฌอจะเป็นยังไงต่อรอติดตามน้า

   สามารถติดต่อข่่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th

   ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค้าบ

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 18 รู้จัก



   “วันนี้พวกมึงจะมาที่ห้องกูกันกี่โมง”

   “ก็สักทุ่มนึงแหละ ทำไมอะ”

   “อ๋อ กูต้องไปซื้อของเข้าหอ ไม่รู้ว่าจะนานไหม เออกุญแจสำรองกูอยู่กับใครอะ”

   “อยู่กับกู ไม่เป็นไรเดี๋ยวถ้ามึงกลับช้าแล้วกูถึงก่อน เดี๋ยวโทรบอกละกัน”

   “เออได้” ผมรับคำทะเลก่อนจะเก็บของใส่กระเป๋าคาดอก “เดี๋ยวกูไปก่อนนะ เจอกันมึง”

   “แล้วเจอกัน” พอได้ยินแบบนั้นผมก็เดินออกมาจากห้องเรียน หมดแล้วสำหรับงานที่ต้องส่ง หลังจากนี้ก็เหลือแค่สอบไฟนอลอีก 3 วัน เสาร์อาทิตย์นี้ก็ต้องอ่านหนังสือ

   วังวนของนักศึกษาที่แท้ทรู

   ตอนนี้เกือบ 4 โมงเย็นแล้วครับ ผมเพิ่งเคลียร์งานส่งอาจารย์เสร็จ หลายวันมานี้ล้ามาก นอนน้อยเพราะต้องจัดการอะไรหลายๆ อย่าง แต่เดี๋ยววันหยุดผมจะนอนแม่งทั้งวันเลย ตื่นมาค่อยอ่านหนังสือ หรือว่าตอนนอนจะเอาหนังสือหนุนไว้ใต้หมอนด้วยดีวะ คือบางทีในหัวก็คิดนะว่าเราจะทำแบบนั้นทำไม แต่คิดไปคิดมามันก็ไม่ได้เสียหายหรอก ตื่นมาหนังสืออาจจะยับนิดหน่อยหรือไม่ก็ขาดสักหน้าสองหน้า

   งั้นเอาเป็นว่าอ่านดีดีก็แล้วกัน

   ผมมีนัดกับสิบสามที่ห้าง AA ซึ่งป่านนี้เขาคงรออยู่ที่นั่นแล้วล่ะ วันนี้นังน้อนเลิกเร็วกว่าผมครับตั้งแต่ตอนเที่ยง เขาบอกว่าเรียนเสร็จแล้วจะไปติวกับเพื่อนที่ห้องสมุดของคณะ สักบ่าย 3 จะมารอที่ห้างก่อน ผมไลน์ไปบอกเขาแล้วแหละว่ากำลังไป อาทิตย์ที่ผ่านมาเราสองคนได้อยู่ด้วยกันมากขึ้นนะตอนที่เลิกเรียน คงเพราะเขาไม่ต้องซ้อมคฑาแล้ว มันจะสอบไงก็เลยงดซ้อม แต่ถ้าผ่านช่วงไฟนอลไปก็คงซ้อมตามตารางเหมือนเดิม

   เหนื่อยแย่เลยเจ้าแฟน

   ช่วงปิดเทอมของมหา’ลัยผมมันสั้น จากเทอม 1 ไปเทอม 2 มันแค่เดือนนิดๆ เอง เหมือนโรงเรียนมัธยมฯ เลย แต่ช่วงเปลี่ยนปีการศึกษาจะปิดนานนะ แต่ด้วยความที่ผมอยู่ในฐานะของหนึ่งในคณะกรรมการนักศึกษา ช่วงปิดเทอมยังมีงานที่ต้องเข้ามาประชุมวางแผนเลยอะ แล้วรุ่นผมทำกันอยู่แค่ 5 คน มารุ่นพวกสยามถึงได้เพิ่มคน อย่างน้อยก็เยอะกว่ารุ่นเฌออะครับ แต่ช่างเถอะ หน้าที่ของรุ่นผมมันจบตั้งแต่รับน้องแล้ว ที่เหลือก็ปล่อยให้น้องๆ ทำไป

   ไม่โชคดีมันก็โชกเลือดแหละ....มีอยู่แค่ 2 อย่าง

   ผมนั่งรถเมล์จากหน้ามหา’ลัยมาจนถึงห้าง AA ความจริงเมื่อเช้าก็ตั้งใจจะเอารถมานะ แต่ไม่รู้ว่ากุญแจรถอยู่ที่ไหน เมื่อวานจำได้วางไว้หลังตู้เย็น พอมาวันนี้คือหาไม่เจอ น้องมันก็ไม่น่าจะเดินไปไหนได้ป้ะวะ ผมก็งง ตอนเด็กๆ เคยคิดด้วยว่าบางทีการที่เราหลับไปเนี่ยะ สิ่งของในห้องอาจจะมีชีวิตแล้วก็แอบปาร์ตี้กัน ย้ายที่ไปตรงโน้นตรงนี้แล้วก็ไม่ยอมกลับมาอยู่ที่เดิม พอเป็นแบบนั้นเราที่ตื่นมาตอนเช้าก็จะหาของไม่เจอ

   เก่งจังเฌอเรื่องเพ้อเจ้ออะ

   “พี่เฌอ”

   ผมหันมาเสียงเรียกก็พบร่างสูงที่สวมชุดนักศึกษาเต็มยศ วันนี้เซ็ตผมเสยไปด้านหลังอย่างเนี้ยบ รู้สึกว่าจะไปถ่ายรูปอะไรสักอย่างให้คณะนี่แหละ ไม่สวมแมส ไม่ใส่แว่น หน้าใสเพียวๆ ทุกอย่างคือหล่อคมไปหมดยกเว้นที่ถือกระเป๋าลิตเติ้ลทวินสตาร์

   น่ารักมากค้าบ

   “รอนานไหม”

   “ไม่เท่าไหร่ครับ พี่กินอะไรมารึยัง”

   “ยัง.....ไปหาอะไรกินก่อนไหมแล้วค่อยไปซื้อของ”

   “ได้นะครับ ผมก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย” สิบสามเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าก่อนจะหยิบกุญแจรถผมส่งมาให้ “พี่ลืมเอาไว้บนหลังตู้เย็นห้องผม”

   เห็นไหมว่าผมวางไว้หลังตู้เย็นจริงๆ.....แค่ไม่ใช่ห้องตัวเองเท่านั้นแหละ

   “ขอบคุณนะคุณ” ผมเก็บน้องกุญแจรถใส่กระเป๋าตัวเอง “เมื่อเช้าผมหาแทบตาย”

   “อยู่ที่ห้องผม พี่คงหาเจอหรอก”

   “เอาน่า ก็ยังดีที่อยู่ห้องคุณ” ผมยิ้มแป้นให้เขา “ไปกันเถอะ ผมหิวแล้ว” ว่าแล้วผมก็เดินนำสิบสามเพื่อหาร้านอาหาร กินอะไรดีวะ ชาบูก็ดีนะ อยากกินอะไรที่มันเยอะๆ อะ

   มือเรียวเลื่อนมาจับมือผมเอาไว้ “....ลากผมไปหน่อย”

   “ลากอะไรของคุณ” ผมหลุดหัวเราะพลางมองมือเขาที่ประสานเข้ามือตัวเอง “หลอกจับมือผมกลางห้างเลยเหรอนังน้อน ร้ายนักนะ”

   “ไม่ได้หลอกครับ ผมจับให้เห็นเลย”

   “คุณไม่กลัวว่าจะมีคนมองเราแปลกๆ เหรอ”

   “คนอื่นคือคนอื่นครับ....แต่พี่คือแฟนผม” สิบสามหันมองผมนิ่งๆ “ผมจับมือแฟนตัวเอง ไม่เห็นจะแปลกเลย ถ้าใครคิดว่าการที่ผมทำแบบนี้แล้วแปลกๆ มันน่าจะเป็นปัญหาของเขานะครับ”

   ตึกตัก

   ความไม่แคร์นี้มันดีจริงๆ

   ผมขยุ้มหัวนังน้อนไปทีนึงด้วยความมันเขี้ยว น่ารักเกินไปแล้วโว้ยยยย การที่เราจับมือกันในที่สาธารณะมันก็เป็นสิทธิ์ของเรานะ เป็นแฟนกัน จับมือกันไม่ใช่เรื่องแปลก นี่เบสิกมากเลยสำหรับผม ความจริงการโอบไหล่ก็ไม่ถือว่าแปลกเหมือนกัน ตราบใดที่การกระทำไม่เข้าข่ายอนาจารแล้วผิดกฎหมาย ก็ไม่นับว่าแปลกทั้งนั้นอะ มันเป็นเรื่องปกติที่ใครก็สามารถทำได้ การที่สิบสามบอกว่าใครก็ตามที่มองเราสองคนด้วยสายตาแปลกๆ มันก็เป็นปัญหาของเขาจริงๆ อะ

   ถ้าไม่ชอบใจก็รบกวนแพลนสายตาไปทางอื่นนะครับ

   ตั้งแต่เป็นแฟนกันมาก็เดือนกว่าแล้วใช่ไหมครับ คือคนรอบข้างเรารับรู้เรื่องนี้ ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีปัญหา บรรดาเพื่อนๆ ก็สนับสนุนผมมาตั้งแต่ตอนแรกแล้วสำหรับการเป็นแฟนกับสิบสาม คือหลายคนรู้เรื่องที่เราคบกัน ในเฟซบุ๊กก็ตั้งสถานะเอาไว้ แต่มันก็ยังมีคนที่เข้ามายุ่งวุ่นวายและก็วอแวอยู่นะ ส่วนมากจะเป็นผมมากกว่าที่มีคนทักเข้ามาขอคุยด้วย ต่อให้ผมมีแฟนก็ไม่เป็นไร เขาโอเคถ้าจะแอบคุยกัน

   น้องโอเคแต่พี่ไม่โอเคครับ

   แฟนพี่ก็คงไม่โอเคอย่างมาก

   คือมันก็มีเหตุการณ์แบบนี้ตลอดต่อให้จะกับแฟนคนไหนก็เถอะ ซึ่งผมจะปฏิเสธแล้วตัดคนแบบนั้นออกไปจากชีวิตทันที คนดีดีที่ไหนจะมาคุยกับแฟนคนอื่น ความสัมพันธ์ของคนรัก การนอกใจเป็นอะไรที่เลวร้ายที่สุดแล้ว เวลาโดนนอกใจแม่งเจ็บจริงๆ นะ พอเราถามว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้น อีกฝ่ายก็จะหาเหตุผลแสนข้อมาอ้างว่าเพราะเราอย่างนั้น เพราะเราอย่างนี้ คือเหตุผลพวกนั้นเราไม่ควรมาได้ยินหลังจากที่เขานอกใจเราป้ะวะ

   เราควรรับรู้ตั้งแต่แรก....จะได้ปรับไงถ้ามันเป็นปัญหา

   นอกใจก็คือนอกใจ....เหตุผลอะไรก็ฟังไม่ขึ้น

   โมโหอะไรวะเนี่ยเฌอ

   “สิบสาม”

   “ว่าไงครับ”

   “ห้ามนอกใจผมนะ”

   เจ้าตัวหันมองผม “....ครับ”

   “หื้อออ...อ....พูดก่อนว่า น้องสิบสามจะไม่นอกใจครับ”

   “น้องสิบสามจะไม่นอกใจครับ”

   “จะรักพี่เฌอ”

   “....จะรักพี่เฌอ”

   ฉ่า

   ให้เขาพูดเองก็เขินเองว่ะ

   “ดีมากนังน้อน ” ผมยิ้มให้เขาอย่างชอบใจ “เป็นแฟนพี่ต้องทำตัวน่ารักนะครับ”

   “พี่ก็ด้วย ห้ามนอกใจผม แต่ความจริง.....ผมก็มั่นใจอยู่นะว่าจะไม่มีใครทำให้พี่เปลี่ยนใจไปจากผมได้ ใครจะรักพี่เฌอได้เท่าที่ผมรักอะ ไม่น่ามีป้ะครับ”

   “คุณนี่มัน.....” อย่าบอกรักทั้งๆ ที่หน้านิ่งแบบนั้นสิวะ ใครจะทำตัวถูกล่ะสิบสาม

   “ผมพูดจริงๆ นะครับ”

   “....เฌอ”

   ผมหันตามเสียงเรียกก็พบกับร่างสูงและลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ด้านข้าง “.....ป๊า”

   “สวัสดีครับ” สิบสามยกมือไหว้หลังจากที่ได้รับรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร คือสถานการณ์นี้คิดเอาไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้นแต่ไม่ใช่ปุบปับแบบนี้ไหมวะ

   “อื้ม....สวัสดีนะ เธอคงเป็นแฟนของเฌอใช่ไหม”

   “ครับ ผมชื่อสิบสาม เป็นแฟนพี่เฌอครับ” เจ้าตัวเอ่ยเสียงเรียบพลางยิ้มบางๆ อย่างเป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะทำได้ เห็นนิ่งๆ อย่างนั้นแต่รู้ได้เลยว่าเขากำลังประหม่ามาก นังน้อนที่เป็นแบบนี้ก็ตลกเหมือนกันนะ

   “แล้วนี่กำลังจะไปไหนกันล่ะ”

   “กินข้าวน่ะครับ”

   “งั้นเอางี้ไหม เดี๋ยวป๊าเลี้ยงเอง ไปกินข้าวกัน”

   ผมพยักหน้ารับเบาๆ “เอาแบบนั้นก็ได้ครับ เฌออยากกินชาบู”

   “ได้ เออวัณลพ ไปเดินเล่นก่อนก็ได้นะ เสร็จแล้วเดี๋ยวฉันโทรหา”

   “ได้ครับคุณท่าน” คุณวัณลพรับคำก่อนจะเดินไปอีกทาง ส่วนป๊าก็เดินนำผมไปที่ร้านชาบูซึ่งอยู่ชั้น 4 ของห้าง

   กินข้าวด้วยกันครั้งล่าสุดก็โน่นแหละ เดือนก่อนอะที่สาดน้ำใส่หน้าไอ้ภัทร ผมไม่มีปัญหากับการกินข้าวกับป๊านะ ยิ่งถ้ากินนอกบ้านแล้วไม่มีคุณเกสรอยู่ด้วย ทุกอย่างมันก็ปกติไง ตอนนั้นก็เคยบอกกับภัคอยู่ว่าถ้าอยากกินข้าวด้วยก็ให้นัดไปกินข้างนอกเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะคารมกัน คือกับเมียป๊า เฌอน่าจะยังมีปัญหาอยู่ แต่ถ้ากับบรรดาพี่น้องด้วยกันคงไม่มีแล้วแหละ เมื่อวันก่อนไอ้น้องเวรมันซื้อสติ๊กเกอร์ในไลน์มาใหม่ มันก็มาลองเทสกับไลน์ผม

   เทสสติ๊กไลน์ตอนตี 3 อะ.....หึ

   อย่าให้พี่เจอหน้านะน้อนภัทร

   ผมกับสิบสามนั่งลงฝั่งตรงข้ามป๊า มือเรียวหยิบกระดาษไปจดยุกยิกๆ ผมก็จัดแจงสั่งโน่นนี่นั่นพลางถามป๊าว่าเอาอะไรบ้าง เขาบอกว่าเอาอะไรก็ได้ โอเคเลย เดี๋ยวจดไปว่าเหมาทั้งร้าน เก็บเงินที่เจ้าสัวกฤตคนที่รวยๆ อะ ฮ่าๆ ๆ ๆ พนักงานต้องเป็นงงแหละถ้าเขียนไปแบบนั้น

   “ขำอะไรครับ”

   ผมทำหน้ามุ่ยใส่นังน้อน “คนเราก็ต้องคิดอะไรในใจแล้วขำออกมาบ้างแหละ ทำไม คุณไม่เคยเป็นรึไง”

   “ไม่เคยครับ”

   “จืดจางมากเลยอะ คุณไม่มีจินตนาการอ๋อ”

   “ผมแค่ไม่ขำเท่านั้นแหละ” เขาบอกก่อนจะส่งกระดาษจดให้พนักงานแล้วรินน้ำให้ผมกับป๊า “นี่ครับ”

   “ขอบใจเธอนะ เออแล้วนี่....คบกันมานานเท่าไหร่แล้วล่ะ”

   “เดือนกว่าแล้วครับ” สิบสามตอบก่อนจะแย่งปากกาไปจากมือผม “แขนผมเลอะไปหมดแล้ว พี่นี่เหมือนเด็ก”

   “ผมกำลังวาดหน้าแบด แบดให้คุณนะ”

   “พี่จะวาดบนแขนผมไม่ได้นะครับ หมึกปากกาเป็นสารเคมีนะ ถ้าจะวาด วาดบนกระดาษนี่ครับ” เจ้าตัวหยิบกระดาษโพสอิทจากกระเป๋าส่งมาให้

   “คุณไม่เคยดู Your Name อะดิ”

   “นั่นมันอนิเมชั่นไงครับ พอเลย เลิกเถียงผมได้แล้ว คุณพ่อพี่ขำใหญ่แล้วนะครับ”

   ผมหันขวับไปมองทางป๊าทันที “ขำอะไรอะป๊า”

   “ขำเฌอไง เหมือนเด็กจริงๆ อย่างที่สิบสามเขาว่า อายุเยอะกว่าเขาจริงรึเปล่าเนี่ยะ”

   “จริงสิป๊า” ผมหยิบปากกาจากมือคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะหรี่ตามองเขา “ระวังตอนหลับเถอะคุณน่ะ”

   “หึ....”

   ไม่ต้องมาหึเลย

   “สิบสาม” ป๊าเอ่ยเรียกนังน้อน

   “ครับ”

   “เธอเรียนอะไรเหรอ”

   “เรียนหมอครับ ตอนนี้ปี 2 แล้ว”

   ป๊าพยักหน้ารับรู้ “คบกันเฌอมาเดือนกว่าสินะ รู้จักเขามากแค่ไหนล่ะ”

   “พี่เฌอเป็นคนขี้ลืมครับ ลืมของเก่งเป็นที่หนึ่ง วางของสลับที่ไปหมด เขาไม่เคยจำได้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน แต่พอเป็นเรื่องอื่นๆ อย่างเช่น เรื่องที่ทำให้เขามีความสุขหรือเสียใจ เรื่องแฟนเก่าของเขาแต่ละคน ไม่เคยลืมเลยครับ จำได้แทบทุกอย่าง”

   “อื้ม....แล้วยังไงอีก”

   “พี่เฌอชอบสีเขียวครับ ชอบสูบบุหรี่และดื่มเหล้ามาก เวลาเมาชอบล้ม แล้วก็จำอะไรไม่ได้ ดีหน่อยที่ตั้งแต่คบกันเขาลดเรื่องพวกนี้ลง ผมค่อยหายเป็นห่วงหน่อย”

   “นอกจากขี้ลืมแล้วก็ขี้เหล้าสินะ”

   “ป๊า!!!! เฌอลูกป๊านะ”

   “ดีแล้วที่ลดได้บ้างน่ะ แล้วยังไงหืม....เธอเล่าต่อสิ”

   “พี่เฌอมองโลกในแง่ดีมากครับ เขาไม่ค่อยคิดอะไรที่เป็นด้านลบ เขาเป็นคนอัธยาศัยดี ให้เกียรติคนอื่น ใจดีกับสัตว์มาก อะไรก็ตามดูเป็นน้องสำหรับเขาไปหมด ชอบการเอาชนะเหมือนกันนะครับ บางอย่างยอมไม่ได้ ทำอะไรก็จะพยายามให้มันออกมาดีที่สุด ใจเย็นในสถานการณ์ที่ไม่น่าจะใจเย็น เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี”

   “อื้ม....มีอีกไหม”

   “เขาไม่ชอบเลข 13 ครับ เขาบอกว่ามันเป็นอาถรรพ์ที่เขาเจอมาตั้งแต่เด็ก ทุกวันที่ 13 มักจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นกับเขา เวลาเขามีแฟน ความรักก็มักจะจบลงวันที่ 13 หรือวันที่ครบรอบการคบกัน 13 วัน ซึ่งถ้านับเรื่องของความรักจริงๆ ผมเป็นคนแรกที่ผ่านอาถรรพ์มาได้และผมคงเป็นคนสุดท้ายนั่นแหละครับ.....คุณพ่อยกพี่เฌอให้ผมนะครับ”

   ตึกตัก

   นังน้อนนนน

   “ยกให้แล้วจะยังไงต่อ”

   “ผมก็จะดูแลเขาให้ดีที่สุดและทำให้เขามีความสุขในทุกๆ วันครับ”

   “เธอนี่สุดยอดจริงๆ เลยนะสิบสาม” ป๊ายิ้มให้ชอบใจพลางมองผม “เขาคงเป็นเลข 13 ที่ดีที่สุดในชีวิตของเฌอแล้วล่ะ”

   “ก็คงแบบนั้นแหละป๊า”

   13 ไหนจะดีเท่านี้คงไม่มีแล้ว

   ผมยกมือขึ้นลูบหน้าร้อนๆ ของตัวเองอย่างประหม่า เขารู้จักผมเยอะกว่าที่ผมรู้จักตัวเองอีก คือบางอย่างตัวเราจะไม่รู้หรอก มันต้องคนอื่นมอง นี่ถ้าป๊าไม่ถามว่าสิบสามรู้จักผมมากแค่ไหน ผมคงไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองที่เขารู้จักเป็นยังไง โคตรรู้สึกดีเลยอะ ใครจะไปคิดว่าภายใต้บุคลิกนิ่งๆ ที่ไม่ค่อยสนใจอะไรแบบนั้นจะจดจำเรื่องราวของคนอื่นได้มากขนาดนี้ หรือเพราะว่าคนอื่นนั้นคือผมนะ....ก็อาจจะใช่แหละ

   ใจสั่นไปหมดตอนที่บอกให้ป๊ายกผมให้

   จริงจังแหละเรื่องจะเป็นลูกเขยน่ะ สถานการณ์เมื่อกี๊คือจำลองการสู่ขอครับ นังน้อนแม่ง....ทำอะไรไม่นึกถึงใจกันเลย เขินว่ะ ป๊าคงชอบใจเขาน่าดูจากคำพูดเหล่านั้น แล้วสิบสามอะ ไม่ใช่คนที่มีแต่คำพูดไง คือเวลาปกติก็ไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว ทุกอย่างจะออกทางการกระทำเสมอ จริงเลยที่บอกว่าจะดูแลผมและก็ทำให้มีความสุขทุกวัน แล้วอินเนอร์ตอนพูดนะ หน้าโคตรจริงจัง ไม่มียิ้มหลุดสักนิดเดียว

   สิบสามก็ยังเป็นสิบสาม

   ถึงแม้จะต่อหน้าพ่อแฟนก็เถอะ

   “งั้นป๊าก็ต้องฝากเฌอด้วย ตัวป๊าเองก็ไม่ได้ทำหน้าที่พ่อได้ดีสักเท่าไหร่ เรื่องนั้นถ้าอยากรู้ก็ถามเฌอเอานะ”

   “หื้อออ....ป๊าทำหน้าที่ของป๊าได้ดีเท่าที่ทำได้แล้ว ไม่ต้องคิดเยอะหรอก” ผมหยิบหมูไปใส่ถ้วยป๊า “ตอนนี้เฌอโตแล้ว บางอย่างเข้าใจถึงเหตุผล ไอ้ส่วนที่ไม่เข้าใจก็ต้องใช้เวลา มันเป็นเรื่องปกติ ป๊าตามใจเฌอมาตลอด คอยเป็นห่วง ส่งลูกน้องมาตามดู มีปัญหาก็พร้อมจะช่วย แค่นั้นก็มากพอแล้วป๊า”

   “เฌอไม่โกรธป๊าแล้วเหรอ”

   “ไม่เข้าใจมากกว่าแต่มันก็เรื่องสมัยก่อนอะ ชีวิตเฌอน่ะนะ ขอแค่ไม่มีปัญหากับคุณเกสร แล้วเขาไม่มาว่าแม่ก็พอแล้ว ถ้าเฌอโกรธป๊า เฌอไม่มากินข้าวกับป๊าหรอก”

   “ได้ยินแบบนี้ป๊าก็สบายใจ อื้ม....เดี๋ยวป๊าจะโอนเงินให้เฌอนะเรื่องที่ใช้หนี้พนันบอลให้เจ้าภัทร”

   “ป๊ารู้ด้วยอ๋อ” ผมเทน้องกุ้งใส่ในหม้อ “รู้ได้ไง”

   “รู้เพราะลูกน้องรายงาน ความจริงรู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าเจ้าภัทรไปเล่นพนันบอล เขาประชดแม่เขาน่ะ เรื่องเรียนนั่นแหละ แต่เจ้าตัวคงคิดไม่ถึงว่าผลที่ตามมามันรุนแรงยังไง”

   “สอนมันไปยัง ถ้ายังไม่สอนเดี๋ยวจะด่ามันให้”

   “ก็บอกไปแล้วแหละว่ามันไม่ดี มีอะไรก็มาคุยกับป๊าตรงๆ เรื่องอยากซิ่วไปเรียนออกแบบ ป๊าก็ไม่มีปัญหา ป๊าไม่เคยบังคับอะไรลูกๆ อยู่แล้ว อยากทำอะไร ถ้ามันไม่เดือดร้อนใครก็ให้ทำ ป๊าไม่อยากให้พวกเราเจอแบบที่ป๊าเคยเจอ ก็อยากให้ใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองต้องการ”

   “แล้วคุณเกสรอะป๊า เขาไม่ยอมจะทำไง”

   “ก็ช่างเขา เงินที่เจ้าภัทรใช้ทุกวันก็เป็นเงินป๊าอยู่แล้ว คุณเกสรไม่ได้มาให้เงินลูก ถ้าเขาไม่พอใจก็เป็นปัญหาของเขาแล้วล่ะ เชื่อเถอะ สักวันนึงเขาจะคิดได้เองว่าอะไรมันควรเป็นยังไง”

   “เป็นแบบนั้นก็ดีแล้วนะป๊า” ผมมองนังน้อนที่เอาหมี่หยกไปลวก “คุณลวกหมี่หยกอ๋อ”

   “ใช่ครับ พี่ไม่ลวกเหรอ”

   “ไม่ลวก สงสารน้องกระเทียมเจียว” ผมบอกก่อนจะคีบกุ้งใส่ปาก

   “ไม่แกะเปลือกกุ้งก่อนเหรอครับ”

   “คุณไม่รู้เหรอว่าเราจะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการแกะกุ้งเลยถ้าเรากินมันทั้งเปลือก” แต่ต้องเคี้ยวให้ละเอียดด้วยนะเพื่อป้องกันการติดคอ

   “ทุกทีผมก็เห็นพี่ไม่กินเปลือกกุ้งนะ”

   “ก็ทุกทีคุณแกะให้” ผมบอกก่อนจะแย่งหมี่หยกที่เหลือครึ่งจานมากิน กินแบบลวกก็เหมือนมาม่าป้ะวะ เส้นพองๆ อืดน้ำ แถมน้องกระเทียมเจียวก็ละลายไปกับน้ำซุปอีก

   สงสารว่ะ

   ใครจะกินยังไงมันก็เป็นสิทธิ์ของเขาครับ ความชอบไม่เหมือนกันมันเป็นเรื่องปกติ เราสามคนใช้เวลากินชาบูด้วยกันพักใหญ่ก่อนจะแยกย้าย ป๊าบอกว่าต้องไปงานเลี้ยงตอนค่ำ อื้ม....แล้วก็กินชาบูไปเยอะมากๆ ด้วย ก็ช่างเขาเถอะ งานสังคม แค่ไปก็พอแล้วล่ะมั้ง ส่วนผมกับนังน้อนก็มาซื้อของเข้าหอที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นล่างสุด เหมือนวันนั้นเลยที่ผมมาซื้อของขวัญให้น้องเดียร์อะ

   พูดถึงน้องเดียร์....

   จากวันที่ปาดรถผมคว่ำก็ยังไม่จบไม่สิ้นครับ มันเป็นเหมือนสงครามผ่านแอคหลุมบนโซเชี่ยลอะ เขาคิดว่าผมไม่รู้มั้ง น่ารำคาญนะเอาจริงๆ ควรพอได้แล้วไหม เสียเวลากับตรงนี้มันมีความสุขเหรอวะ ไม่เข้าใจเลย เธอน่าจะยอมรับความจริงสักที

   คิดแล้วเพลียใจว่ะ.....พอๆ เลิกคิด

   “เป็นไงบ้างคุณ ป๊าผม”

   “ใจดีกว่าที่คิดเยอะเลยครับ” สิบสามเข็นรถมาที่โซนขนมก่อนจะหยิบคารามูโจ้มาใส่เต็มไปหมด “ตอนแรกผมนึกว่าคุณพ่อพี่จะดุมากกว่านี้”

   “แต่เขาหน้าดุอยู่นะ ผมรู้ว่าคุณประหม่าตอนที่เขาทักตอนแรก”

   “ประหม่าสิครับ ผมล่วงเกินพี่ไปแล้ว ยังไม่ได้ขอเขาเลย”

   ผมหยิกแขนเขาเบาๆ “พูดอะไรเนี่ยะ”

   “ก็จริงนี่ครับ แต่ตอนนี้สบายใจแล้วเพราะขอแล้ว”

   “เดี๋ยวจะโดน”

   เจ้าตัวเอียงหัวมาใกล้ “....อยากโดนจังเลยครับ”

   “หึ....นังน้อน” วอนซะแล้ว

   ผมหยิบขนมใส่รถเข็นก่อนจะลากไปที่โซนอื่นต่อ วันนี้มีติวเพราะงั้นต้องเตรียมเสบียงไว้เยอะหน่อย แต่ละคนในแก๊งค์ปลาทองคือกินจุมาก แดกเยอะแบบถล่มทลาย เวลาพวกมันไปห้องผมนะ ของกินคือหมดเลยไอ้เวร แต่เอาเถอะ ไปห้องใคร ห้องคนนั้นก็ของกินหมดนั่นแหละ วันนี้ผมน่าจะติวยันสมองพังกันไปข้าง ซื้อเบียร์ไปสักลังดีกว่า อ่านหนังสือไปจิบเบียร์ไป โคตรสุนทรีย์เลยอะ

   กินเบียร์สักพักก็พากันหลับ

   หนังสือไม่ต้องอ่านมันละ

   “คืนนี้ผมไม่ได้ไปนอนด้วย ถ้าคิดถึงก็อดทนเอานะ” ผมยักคิ้วให้เขาอย่างกวนส้นตีน “ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ก็โทรมาหาได้ จะคุยด้วยสักจึ๋งนึง”

   “แค่จึ๋งเดียวเองเหรอครับ”

   “ใช่ ถ้าคุยมากกว่าจึ๋งนึงเดี๋ยวจะไม่ได้ติวซะก่อน”

   “ทำไมไม่ได้ติวล่ะครับ”

   “ก็จะขับรถไปหาคุณแทนไง” ผมมองคนที่ยืนอยู่ข้างกัน “กลับหอแล้วคุณจะทำไรอะ อ่านหนังสือเหรอ”

   “ก็คงแบบนั้นครับ พี่เฌอจะติวจนดึกเลยเหรอ”

   “ไม่แน่ใจเหมือนกันอะ ปกติมักจะเป็นแบบนั้น คือคุณเก็ทฟีลว่าเพื่อนๆ ผมมันก็มีแฟนไหม แต่ทุกคนก็แยกย้ายกันทำหน้าที่ของตัวเองอะ ช่วงสอบก็เป็นแบบนี้”

   “ผมเข้าใจครับ พี่ก็ตั้งใจติว อาทิตย์หน้าก็สอบแล้ว เดี๋ยวพอสอบเสร็จ เวลาว่างก็ค่อยอยู่ด้วยกันก็ได้”

   “ผมกลัวเด็กแถวนี้จะงอแงน่ะสิ”

   “ผมเนี่ยนะจะงอแง” มือเรียวหยิบแกลอนนมมาใส่รถเข็น “ให้พูดอีกทีครับ”

   “เออ ผมเองก็ได้ที่จะงอแงอะ แค่คิดว่าตัวเองจะต้องคิดถึงคุณผมก็แบบ....” ผมผ่อนลมหายใจ “ทำไมผมติดคุณจังวะ” แบบนี้ที่เพื่อนๆ แซวว่าผมติดผัวก็จะเป็นความจริงอะดิ

   ไม่อยากยอมรับแต่แม่งจริง

   ตั้งแต่วันนั้นที่มีอะไรกันอะ ผมติดสิบสามมากขึ้นจริงๆ นะ อยากอยู่ด้วยตลอดเวลาเลยแต่ด้วยหน้าที่ของแต่ละคนที่ต้องรับผิดชอบมันก็เลยทำแบบนั้นไม่ได้ไง ผมไม่รู้ว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ คือเวลาไม่ได้อยู่ด้วยกัน ในหัวก็คิดว่าเออ ทำงานตรงนี้ให้เสร็จ ตั้งใจทำนะ ถ้าเรียบร้อยหมดทุกอย่างก็จะได้ไปหานังน้อนแบบสบายใจ เอออีกอย่างคือความขี้หวงของผมก็เพิ่มขึ้น บางทีก็หงุดหงิดตัวเอง เฌอไม่เคยเป็นแบบนี้เลยอะ

   เพราะมีผัวแน่ๆ ดูออก

   “ติดผมน่ะไม่แปลกครับ” มือเรียวเขี่ยผมที่ปรกหน้าออกให้ “แต่ถ้าติดคนอื่นละก็น่าดู”

   “ผมมีแค่คุณนะ” ผมยิ้มหวานให้เขา พอสิบสามเห็นแบบนั้นเขาก็ยิ้มออกมาเหมือนกัน ข้างแก้มขึ้นสีระเรื่อ เขินแน่ๆ ล่ะอาการแบบนี้

   “น่ารักจังครับ ใจไม่ไหวอะ อยากกอด อยากหอมให้หัวโยก” นังน้อนเอ่ยเสียงอ่อนพลางก้มเอาจมูกถูไหล่ผม อ้อนเก่ง เก่งกว่าใครทั้งโลกเลยค้าบ

   “ขนาดนั้นเลยเหรอ”

   “ขนาดนั้นเลยครับ ไปกันเถอะ จ่ายเงินแล้วผมจะได้ไปส่งพี่ที่ห้อง พี่เฌอจะเอาอะไรอีกไหมครับ”

   “ไม่แล้วล่ะ ไปจ่ายเงินกัน”

   ร่างสูงเข็นรถเดินนำมาที่แคชเชียร์เพื่อจ่ายเงิน หลังจากจัดการอะไรต่างๆ เสร็จ สิบสามก็เข็นรถออกมาที่ชั้นจอดรถ เราช่วยกันเอาของยัดไว้ที่เบาะหลังก่อนที่ผมจะขึ้นมานั่งประจำแหน่งตัวเองพร้อมกับคาดเบลท์เรียบร้อย นังน้อนที่นั่งอยู่ข้างๆ มองผมอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมออกรถสักที

   อะไรของเขาวะ

   “ไม่ออกรถอะคุณ”

   นิ้วเรียวจิ้มที่แก้มตัวเองเหมือนเป็นสัญญาณ “....เร็วครับ”

   “เห้อะ....คุณนี่มัน” ผมยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มเขาดังฟอด “พอใจยัง”

   “ยังครับ”

   “สิบสาม”

   “จุ๊บก่อน”

   จุ๊บ

   “อะ....คุณต้องการอะไรอีก”

   “ไม่ต้องการอะไรแล้วครับ ผมมีพี่เฌอก็เกินพอแล้ว”

   ตึกตัก

   เห้อะ....เจ้าเด็กนี่

   “ฝากไว้ก่อนเถอะ....นังน้อน”

   อย่าให้ถึงคราวเฌอนะ

   

   

   

   

   

   TBC

   สวัสดีค่ะชาลมาส่งสามเฌอแล้ว ก็เจอครอบครัวครบทั้ง 2 ฝ่ายแล้วนะคะ ชอบบทสนทนาตอนกินชาบูมาก นังน้อนเขาใส่ใจรายละเอียดทุกอย่างของคนพี่มากนะ ก็กำหนดบทจบแล้วค่ะ จะจบลงบทที่ 23 นะคะ ก็เหลืออีก 5 บท น่าจะแสนเวิร์ดนิดๆ ไม่รวมตอนพิเศษ ถ้าจบแล้วชาลจะแก้คำผิด รีไรท์ให้นะคะ เรื่องจะเป็นยังไงต่อรอติดตามน้า

   สามารถติดต่อข่าวสาร + ข่าวสารได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th

   ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค้าบ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
หลงกันเอง หาทางออกไม่เจอแล้วววว

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 19 ไฟนอล




   [บันทึกพิเศษ : สิบสาม]

   

   “วันนี้คุณสอบเสร็จกี่โมงอะ”

   “เที่ยงครับ แล้วพี่เฌอล่ะ”

   “บ่าย 3 โน่น เสร็จแล้วไปไหนต่อไหม”

   “ยังไม่ได้คิดว่าจะไปไหนต่อนะครับ แล้วพี่เฌอจะทำอะไรต่อ”

   “ก็อาจจะไปฉลองที่สอบเสร็จ คุณไปด้วยกันไหมล่ะ”

   ผมส่ายหัวเบาๆ “ไม่ล่ะครับ พี่ไปสนุกกับเพื่อนๆ เถอะ ไว้ขากลับเดี๋ยวผมค่อยไปรับ ดีไหม”

   “ก็ได้ ผมตามใจคุณ” รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนใบหน้าก่อนที่เขาจะแย่งตับในถ้วยโจ๊กผมไป ความสดใสในวันสอบนี้มันเป็นกำลังใจที่ดีมากเลยจริงๆ

   ตอนนี้เกือบ 8 โมงแล้วครับ เรานั่งกินโจ๊กด้วยกันอยู่ที่ร้านประจำ วันนี้พี่เฌอดูต่างจากทุกวันอาจเพราะชุดนักศึกษาที่เขาต้องใส่เพื่อเข้าสอบ ทุกทีเจ้าตัวมักจะสวมเพียงเสื้อยืด กางเกงยีนส์ขาดๆ พร้อมสวมเสื้อช็อป รองเท้าผ้าใบอีกหนึ่งคู่ ถ้าวันไหนรีบหน่อยก็รองเท้าช้างดาวที่ผมซื้อให้ คณะเขาให้แต่งตัวได้อิสระเหมือนกันนะ หรือว่าอาจจะไม่ให้แต่งแบบนั้นหรอกแต่เขาดื้อจะแต่งเอง

   อื้ม....มีความเป็นไปได้สูง

   เมื่ออาทิตย์ก่อนผมมีโอกาสได้เจอคุณพ่อพี่เฌอด้วย เขาใจดีกว่าที่ผมคิด พอเป็นแบบนั้นผมก็เลยทำการเอ่ยขอลูกชายจากเขา สีหน้าของพี่เฌอตอนที่ผมบอกว่าตัวเองรู้จักเขามากแค่ไหนคือตลกมากเลยครับ ในใจคงรู้สึกดีด้วยแหละที่ผมพูดออกไปแบบนั้น มันไม่น่าใช่เรื่องแปลกถ้าผมจะจดจำอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับคนที่ผมรักได้ เวลาผมชอบหรือสนใจอะไร ผมมักจะทุ่มเทให้กับมันเสมอ

   ความจริงผมยังต้องเรียนรู้ความเป็นเขาอีกเยอะเลยครับ

   เดี๋ยวเขาจะไปฝึกงานแล้ว ส่วนผมก็เรียนแล้วทำหน้าที่ในงานกิจกรรมต่างๆ มันเป็นช่วงเวลาที่เราต้องห่างกัน ผมคงคิดถึงเขามาก มหา’ลัยที่ไม่เขามันคงเงียบเหงา ไม่รู้สิ เมื่อก่อนผมไม่ค่อยสนใจใคร อยู่คนเดียวมาตลอด แต่พอมีพี่เฌอแล้วมันก็ดีขึ้นนะครับ อย่างน้อยเวลาที่ผมว่าง ผมก็รู้ว่าตัวเองควรไปไหน ในวันที่มีเรื่องหงุดหงิดใจ แค่ได้เห็นเขายิ้ม ผมก็รู้สึกดีขึ้น ไม่รู้เลยว่าช่วงเทอม 2 ที่เขาไม่อยู่ ผมจะหม่นหมองมากแค่ไหน

   ต้องงอแงแล้วขับรถไปหาเขาบ่อยๆ แน่

   “ทำไมทำหน้าแบบนั้นหืม....” นิ้วเรียวจิ้มที่กลางระหว่างคิ้วผม “เหมือนไม่สบายใจ”

   “มองออกเหรอครับ”

   “มองออกสิ ผมเป็นแฟนคุณนะ ต่อให้คุณจะหน้านิ่งเหมือนแบด แบดตลอดเวลา แต่ผมรู้อยู่หรอกว่าคุณรู้สึกยังไง”

   ผมเท้าคางมองเขา “เก่งจังเลยนะครับ”

   “ชอบป้ะคนเก่ง”

   “ชอบครับ พี่เก่งเรื่องอะไรบ้างล่ะ”

   “เรื่องที่เกี่ยวกับคุณ....ผมก็เก่งอยู่นะ” เขาแย่งโจ๊กทั้งชามของผมไป ถ้าไม่พอกินพี่ไม่สั่งเพิ่มล่ะครับ แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมสั่งใหม่เองดีกว่า เขาอยากทำอะไรก็ปล่อยให้เขาทำ

   “ป้าครับ ขอโจ๊กหมูเพิ่มอีก 1 ถ้วยครับ” ผมบอกป้าเจ้าของร้านก่อนจะหันมามองพี่เฌอ “เก่งเรื่องเกี่ยวกับผมงั้นเหรอ”

   “อื้ม....”

   “รวมถึงเรื่องบนเตียงที่ได้ทำกับผมไหมครับ”

   “แค่กกกก.....คุณพูดอะไรเนี่ย” คนที่สำลักโจ๊กโวยวายใส่ พอเห็นแบบนั้นผมจึงหยิบทิชชู่ส่งให้เขา มือเรียวรับไปพร้อมกับทำหน้าโหดใส่

   “พูดจริงนี่ครับ ก็พี่บอกว่าตัวเองเก่ง ผมก็เลย....” ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบประโยค เขาก็เลื่อนมือมาปิดปากผมไว้ซะก่อน

   “ไม่ต้องพูดแล้ว กินโจ๊กไปเลยนะคุณ”

   ผมจับมือเขาออก “พี่แย่งโจ๊กผมไปกินอะ”

   “นี่ไง ชามใหม่มาแล้ว กินไปเลย” พี่เฌอส่งโจ๊กชามใหม่มาให้พร้อมกับทำหน้ามุ่ยใส่ น่าฟัดชะมัด ทำไมชอบทำหน้าแบบนั้นตอนที่อยู่ข้างนอกก็ไม่รู้ ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองน่ะสิ

   เขานี่มันจริงๆ เลย

   ผมตักโจ๊กเข้าปากพลางมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ทำยังไงให้คนเลิกยุ่งกับเขาดีนะ เลิกยุ่งแบบไม่ต้องทักมาในไลน์หรือข้อความของช่องทางต่างๆ ผมหึง ไม่ชอบใจเลยครับ คือรู้ว่าพี่เฌอไม่มีทางคุยกับคนพวกนั้นแต่ถึงยังไงผมก็ไม่ชอบอยู่ดี ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง ก็ได้แต่อดทน ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้คบกันก็พอรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นที่นิยมมากแค่ไหน คนชอบเขาเยอะมากกว่าที่มีคนชอบผมด้วยซ้ำ อาจเพราะเขาอัธยาศัยดี เป็นมิตร มีเสน่ห์

   ใครเห็นก็ต้องชอบกันทั้งนั้นแหละ

   แต่ไม่ยกให้หรอกนะครับเพราะเขาเป็นของผมแล้ว

   พี่เฌอทำให้ผมเล่นโซเชี่ยลเยอะขึ้นมากๆ ในช่วงแรกเพื่อติดตามดูเขาและเพื่อบอกให้คนอื่นได้รับรู้ว่าคนๆ นี้สำหรับผมแล้วเขาพิเศษมากแค่ไหน ไอจีผมที่เคยลงแต่ของเกี่ยวกับลิตเติ้ลทวินสตาร์ก็มีรูปที่ถ่ายคู่กับพี่เฌอเต็มไปหมด บางทีเขาก็เอาไปถ่ายเอง เราสองคนสามารถเอาโทรศัพท์ของอีกฝ่ายมาเล่นได้ครับ ผมสามารถเข้าไปดูได้ทุกอย่างและรับรู้ว่ามีใครทักมาหาพี่เฌอบ้าง ช่วงที่คบกันใหม่ๆ มีคนทักมาด่าเขาด้วยนะซึ่งเจ้าตัวก็ปล่อยเบลอไม่สนใจแต่อย่างใด

   ก็เหมือนผมนั่นแหละ

   รักกัน....คบกัน เรื่องพวกนี้เป็นสิทธิ์ของใจเราทั้งนั้น ไม่ชอบก็เรื่องของคุณ ผมไม่แคร์หรอก ใครจะมองหรือคิดว่ามันแปลกก็คงต้องช่างเขา รู้สึกได้แต่ขออย่าระรานกัน อะไรที่มันเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น เราไม่ควรทำอยู่แล้วครับ

   “สิบสาม”

   “ครับ”

   “พรุ่งนี้ไปดูหนังกันนะ”

   “ตามใจพี่เฌอเลยครับ” ผมตักตับไปใส่ชามเขา “พาผมไปซื้อชุดนอนด้วยนะ”

   “ชุดนอนอะไร”

   “สีเขียวพาสเทล ลายใหม่ของลิตเติ้ลทวินสตาร์ ลงขายช็อปวันพรุ่งนี้พอดี”

   เขาเลิกคิ้วมองผม “ซื้อชุดนอนทั้งๆ ที่ตัวเองก็ใส่แต่บ๊อกเซอร์เนี่ยนะ”

   “ก็เอาไว้ให้พี่เฌอใส่”

   “ไม่ต้องโบ้ยมาให้ผมเลย คุณซื้อมา คุณต้องใส่สิ”

   “งั้นผมใส่กางเกงแล้วพี่ใส่เสื้อไหมครับ” แค่นึกภาพตามก็รู้สึกใจอยู่ไม่สุขเลย แต่อยากเห็นเหมือนกันนะ

   “ไม่ต้องเลยนะนังน้อน เดี๋ยวคุณคิดไม่ดีกับผม”

   “ผมเนี่ยนะที่จะคิดไม่ดีกับพี่”

   “คุณรู้ตัวเองดีนั่นแหละ” เขาเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า “อิ่มยัง ไปกันเถอะ”

   “ครับ” ผมรับคำก่อนจะเดินไปจ่ายเงินแล้วตามร่างโปร่งออกจากร้าน

   มองคนที่เดินนำอยู่จากด้านหลังแล้วอยากพุ่งไปกอดจัง แต่ตอนนี้คงทำไม่ได้ ไว้อยู่กับเขาแค่สองคนในห้องน่าจะเหมาะกว่า สำหรับผม พี่เฌอไม่ใช่คนตัวเล็กนะ ยิ่งถ้าเทียบเขากับคนอื่นน่ะถือว่าตัวใหญ่เลยล่ะ เพื่อนๆ เขาก็ตัวประมาณนี้กันทั้งนั้น ผมชอบที่เขาตัวประมาณนี้นะครับ ทนไม้ทนมือดี ลองคิดดูว่าถ้าเขาตัวเล็กกว่านี้ แล้วผมตัวเท่านี่ มันคงแบบ.....

   ไม่พูดดีกว่า....รู้สึกหน้าร้อนอะ

   เราสองคนเดินมาหยุดที่ทางเดินระหว่างตึก พี่เฌอหันมาขยุ้มหัวผมเหมือนอย่างที่เขาชอบทำก่อนจะยิ้มหวานให้ “ตั้งใจสอบนะคุณ”

   “พี่ก็ด้วยนะครับ” ผมจับมือเขาที่ขยุ้มหัวตัวเองอยู่มากุมไว้ “ถ้าสอบเสร็จ ไลน์หาผมด้วยนะ”

   “โอเค งั้นเดี๋ยวผมไปก่อน”

   “ครับ แล้วเจอกัน”

   “อื้มมมม” เจ้าตัวรับคำก่อนจะเดินไปทางตึกคณะตัวเอง

   ผมยืนมองเขาจนลับตาก่อนจะเดินเข้ามาในตึกแพทย์ฯ ห้องสอบของผมอยู่ชั้น 3 ริมสุดที่ด้านข้างเป็นสวนพฤกษ์ กับการสอบไฟนอลครั้งนี้ผมค่อนข้างมั่นใจอยู่นะอาจเพราะเตรียมดีด้วยแหละ วิชาที่ว่าโหดๆ ก็สอบไปตั้งแต่วันแรกแล้วครับ ส่วนวันสุดท้ายนี้ก็ถือว่าไม่เท่าไหร่ ผมตั้งใจจะเรียนสายนี้ตั้งแต่แรกแต่ก็ยอมรับนะว่าวันที่รู้สึกเหนื่อยมากๆ ก็มีเหมือนกัน เมื่อก่อนตอนอยู่คนเดียว คนในครอบครัวก็จะแชร์ความรู้สึกต่างๆ ออกไป

   แต่ตอนนี้ผมมีคนที่ช่วยแชร์เรื่องราวเพิ่มมาแล้วล่ะ

   เป็นคนที่สำคัญต่อผมมากๆ ด้วย

   ปั๊กกกก

   “ขอโทษนะสิบสาม เดียร์ไม่ระวังเอง” เสียงหวานเอ่ยก่อนจะก้มลงไปหยิบชีทที่กระจายอยู่บนพื้น

   ผมก้มลงช่วยเธอเก็บก่อนจะส่งให้ “ไม่เป็นไรครับ”

   “นั่นมัน....”

   “หืม....”

   “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” เดียร์บอกปัดพลางมองผมด้วยสายตาแปลกๆ “เดียร์ถามอะไรหน่อยสิ”

   “....อะไรครับ”

   “กับ....กับพี่เฌอเป็นยังไงบ้างเหรอ”

   “รักกันดีครับ” ผมผ่อนลมหายใจออกมา “ไหนๆ คุณก็พูดเรื่องพี่เฌอแล้ว ผมก็ขอพูดหน่อยแล้วกันนะ”

   “อะไรเหรอ”

   “เลิกตามตอแยพี่เฌอได้แล้ว ผมรู้นะว่าคุณทำอะไรเขาบ้าง ผมรู้ว่าคุณรู้สึกยังไง แต่คุณก็ควรรู้เหมือนกันว่าผมรู้สึกยังไง ผมไม่ชอบใครก็ตามที่มาคอยระรานแฟนผม เหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 ผมโกรธที่คุณกับเพื่อนทำแบบนั้น”

   “....สิบสาม”

   “คุณเรียนหมอนะครับ....อย่าลืม”

   “นักศึกษาเข้าห้องสอบได้ค่ะ” หลังจากได้ยินเสียงอาจารย์แจ้ง ผมก็เดินเข้าห้องสอบทันที

   ผมปล่อยเรื่องนี้มานานพอสมควร ไม่เคยเอาเรื่องเธอสักทีแต่คิดว่ามันถึงเวลาที่ต้องพูดให้ชัดเจนแล้วล่ะ หวังว่าเดียร์จะเข้าใจในคำพูดของผม ถ้าเธอยอมรับความจริงตั้งแต่ตอนที่ประกวดดาวเดือนปีก่อน เธออาจจะมีความรักดีดีกับคนที่เหมาะสมกับเธอไปแล้วก็ได้ วิ่งตามความรักจากคนที่ไม่สนใจ ผมว่ามันออกจะเหนื่อยและเสียเวลา เข้าใจนะครับว่าเพราะรู้สึกชอบมากๆ แต่สุดท้ายแล้วเราก็ต้องยอมรับความจริงอยู่ดี

   พอละ....เลิกคิดดีกว่า

   ผมต้องตั้งใจกับเรื่องสอบมากกว่าคิดถึงเรื่องอื่นๆ เพราะถ้าคะแนนออกมาดี ผมจะได้เอาไปต่อรองขอรางวัลจากพี่เฌอได้ แค่คิดแบบนี้ก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาเป็นร้อยเท่าแล้วครับ เพราะงั้นผมจะต้องตั้งใจให้มากที่สุด

   พยายามเข้านะสิบสาม

   
***

   
---------- 50% ---------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 19 ----------



   “เชิญออกจากห้องสอบได้ค่ะ” หลังเสียงแจ้งของอาจารย์ บรรดานักศึกษาที่กำลังทำข้อสอบก็หยุดมือลงรวมถึงผมด้วย ความจริงทำเสร็จแล้วล่ะครับ แต่นั่งไล่ดูคำตอบอยู่ ก็ไม่น่ามีอะไรผิดพลาดไปจากนี้นะ

   ค่อนข้างมั่นใจ

   ผมเก็บของใส่กระเป๋าก่อนจะเดินออกมาจากห้องสอบ ตอนนี้เที่ยงตรงเลยครับ ผมอาจจะไปหาข้าวกินก่อนแล้วไปห้องสมุดหาหนังสืออ่านฆ่าเวลาระหว่างรอพี่เฌอสอบ ความจริงฝั่งเขาก็คงเบรกเหมือนกันแต่ว่าให้อยู่กับเพื่อนๆ เขานั่นแหละ เผื่อจะทบทวนก่อนเข้าสอบกันด้วย เขาจะได้มีสมาธิ อีกอย่างมันก็แค่ 3 ชั่วโมง เดี๋ยวเราก็เจอกันแล้ว โล่งเหมือนกันนะที่สอบเสร็จ ทีนี้ก็มีแค่งานกิจกรรมที่ต้องรับผิดชอบ

   “สิบสาม”

   ผมหันกลับไปมองก็พบกับร่างบางที่ยืนคุยกันก่อนเข้าห้องสอบ “มีอะไรครับ”

   “เดียร์มีเรื่องต้องคุยกับสิบสาม” เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดี “เรื่องของเรา”

   ใช้คำว่าเรื่องของเรา....จะใช่งั้นเหรอ

   ผมกับเธอไม่มีคำว่าเราสักหน่อย

   “คุณมีอะไร พูดมาเลยครับ”

   “สิบสามก็รู้ว่าเดียร์รู้สึกยังไงอะ ทำไมล่ะ เป็นเดียร์ไม่ได้จริงๆ เหรอ เดียร์ไม่ดีตรงไหน พี่เฌอเขาดีกว่าเดียร์ตรงไหน”

   ผมข่มอารมณ์หงุดหงิดของตัวเองอย่างใจเย็น “คือคุณก็ดีในส่วนของคุณ พี่เฌอก็ดีในส่วนของเขา มันไม่เกี่ยวเลยครับว่าใครจะดีมากกว่า ผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้น สำหรับผมแล้วความรู้สึกที่ผมมีต่อพี่เฌอมันมากกว่าและมันก็ชัดเจนมาก ผมชอบเขา ผมถึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาเป็นของผม”

   “ทั้งๆ ที่พี่เฌอเป็นผู้ชายน่ะนะ”

   “ใช่ครับ คุณอาจจะคิดว่าผมเป็นไบเซ็กชวลแต่มันไม่ใช่ ผมไม่ได้รู้สึกชอบผู้หญิงมาตั้งแต่แรก บ่อยครั้งที่ผมไม่เข้าใจคุณ เหมือนคุณเองก็รับรู้เรื่องนี้ แต่คุณไม่สนใจคนอื่นเลย คุณสนใจแต่ความรู้สึกตัวเอง”

   “ก็เพราะว่าเดียร์รักสิบสามไง” เธอเอ่ยเสียงดังจนเพื่อนๆ หันมามอง “เพราะว่าเดียร์รัก เดียร์ถึงทำทุกอย่าง”

   “ทำทุกอย่างทั้งๆ ที่คุณก็รู้ว่ามันไม่ถูกต้อง....ความรักของคุณมันแปลกมากเลยเดียร์ คุณทำร้ายความรู้สึกคนอื่น มีเหตุถึงขั้นทำให้บาดเจ็บ เนี่ยเหรอความรัก” ผมเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างเหลืออด “ถ้าคุณให้ค่าความรักของตัวเองเป็นแบบนั้น....ผมก็ไม่ต้องการ”

   “ฮึกกกก....ทำไมสิบสามพูดแบบนี้กับเดียร์ล่ะ....ฮืออออ” เธอร้องไห้ไม่หยุด เสียงสะอื้นนั้นทำให้ผมรู้สึกผิดเหมือนกัน แต่สิ่งที่พูดทั้งหมดมันก็ความจริงทั้งนั้น สุดท้ายแล้วสิ่งที่เดียร์ทำ มันก็จะย้อนกลับมาส่งผลแบบนี้นั่นแหละ

   “เลิกยุ่งกับผมได้แล้ว ผมมีแฟนแล้ว และก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณมาตั้งแต่แรก”

   “ฮือออ.....”

   “สิ่งที่ผมปฏิบัติต่อคุณมันไม่ได้ต่างจากคนอื่น เพราะงั้นตัดใจจากผมสักที”

   “ฮึกกกก....รักพี่เฌอมากเลยใช่ไหม” มือบางคว้าเข้าที่ข้อมือผมก่อนจะกระชากสร้อยข้อมือที่มีเกียร์ติดอยู่ออกไปอย่างแรงจนมันขาด

   “เดียร์!!!!”

   “เขาให้เกียร์นี้กับสิบสามใช่ไหม....มันคงสำคัญมากเลยสิ”

   “ผมขอเกียร์คืน” ผมเอ่ยอย่างหัวเสีย “คุณกำลังทำผมโกรธมากเลยนะ”

   “อยากได้คืนนักใช่ไหม” เดียร์โยนมันออกไปด้านนอกตึกซึ่งด้านล่างเป็นสวนพฤกษ์ ผมกำหมัดแน่นด้วยความโมโห ต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยสินะ

   “.....พอใจคุณแล้วนะครับ” ผมรีบวิ่งลงมาจากตึกทันที โกรธ โมโห เจ็บใจ ไม่เคยรู้สึกเลือดขึ้นหน้าขนาดนี้มาก่อนเลย ทำไมเธอเรื่องแบบนี้ได้โดยไม่คิดถึงคนอื่นวะ

   แย่ที่สุด

   ผมวิ่งเข้ามาในสวนพฤกษ์เพื่อหาสร้อยข้อมือที่เดียร์โยนลงมา ไม่รู้เลยว่ามันจะอยู่ส่วนไหน สวนค่อนข้างใหญ่แล้วเกียร์มันก็อันแค่นั้นน่ะ พี่เฌอบอกผมแท้ๆ ว่าให้ตัวเองรักษามันเอาไว้ให้ดีดี ไม่คิดเลยว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ถ้าผมเอะใจตั้งแต่ตอนก่อนเข้าห้องสอบที่เธอมองข้อมือผมก็น่าจะดี ความผิดผมเอง ผมน่าจะระวังตัวกว่านี้

   ไม่น่าเลย

   เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี๊ เพื่อนร่วมเซกเยอะเลยนะครับที่เห็นเพราะผมกับเดียร์มีปากเสียงกันดังพอสมควร เธอเป็นดาวคณะของรุ่น แต่ด้วยนิสัยต่างๆ มันก็เลยทำให้มีคนไม่ชอบเธออยู่เยอะเลยล่ะ แล้วยิ่งมาทำแบบนี้กับผมอีก มันไม่สมควรเลย

   แค่กกก....อื้ออออ....แสบตา

   ผมขยับออกห่างจากพุ่มดอกไม้ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อออกมาปิดจมูกตัวเอง เกสรดอกไม้พวกนี้กำลังเล่นงานผม คือรู้สึกแย่ก็ว่าเกินพอแล้วนะ ยังจะมามีอาการแพ้แบบนี้อีก เมื่อเช้าผมกินยาแล้ว แต่การมาสัมผัสกับเกสรดอกไม้พวกนี้โดยตรง ยังไงก็มีอาการแพ้ รู้สึกคันใต้ท้องแขนไปหมด ผื่นแดงเริ่มลามขึ้นเยอะเรื่อยๆ และอาการจามอย่างรุนแรงนี่ทำให้ผมหายใจลำบากจริงๆ

   เกียร์พี่เฌออยู่ตรงไหนนะ

   “ฮัดเช้ย....” ผมทรุดลงเมื่ออาการแพ้รุนแรงขึ้น

   “สิบสามมมมม” เสียงของปราชญ์ดังขึ้นจากด้านหลังก่อนจะเขาจะรั้งผมเอาไว้ “พอแล้ว คุณไม่ไหวหรอก”

   “แต่สร้อยข้อมือผม ฮัดเช้ย.....” ผมยกผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาตัวเองเพราะอาการเคือง “มันสำคัญ ผมต้อง...แค่กกก...”

   “คุณฟังเรานะสาม” เสียงของลินินดังเข้ามาพร้อมกับแรงลมจากพัดที่เธอโบกให้ “เรารู้ว่ามันสำคัญต่อคุณมากแต่คุณอย่าลืมว่าชีวิตคุณก็สำคัญ ถ้าเกิดภาวะแพ้รุนแรงขึ้นมาจะเป็นยังไง คุณอาจจะช็อก หมดสติ ขาดออกซิเจนคือคุณรู้อยู่แล้วว่ามันรุนแรงขนาดไหน ถ้าเป็นถึงขนาดนั้น ของสำคัญของคุณ คุณไม่มีโอกาสได้เห็นนะ”

   ใช่....มันจริงแบบที่ลินินพูด

   “ผม....ฟื้ดดดดด....ผมเข้าใจแล้ว”

   “โอเค งั้นเราออกไปจากตรงนี้กันนะ ผื่นคุณขึ้นทั้งตัวแล้วอะ เห้ยแพ็ค ช่วยประคองสิบสามออกหน่อย”

   “มาๆ ” แพ็คเข้ามาช่วยปราชญ์ประคองผมก่อนจะพาออกมาจากสวนพฤกษ์ เพื่อนๆ ในคณะกรรมการนักศึกษาหลายคนช่วยปฐมพยาบาลแก้อาการแพ้เบื้องต้นให้

   “ผมไม่คิดเลยว่าเดียร์จะทำแบบนี้กับคุณ” จอมบอกพลางพับแขนเสื้อผมขึ้นให้ “นี่มันร้ายแรงมากเลยนะสิบสาม”

   “ใช่ เราก็ไม่คิดเหมือนกัน อาการแพ้คุณหนักมากเลยอะสาม ไปหาหมอดีกว่านะ มันไม่น่าจะหายได้เองเลย”

   “ผมเห็นด้วยกับนินนะสิบสาม คุณไปหาหมอดีกว่า ส่วนเรื่องสร้อยข้อมือคุณ เดี๋ยวพวกเราจะช่วยหาให้ เจอไม่เจอไม่เจอค่อยว่ากันอีกที โอเคไหม”

   “.....ได้ครับ แค่กกก....ผมฝากด้วย” ผมมองพวกเขาก่อนจะยิ้มบางๆ ให้ “ขอบคุณพวกคุณนะ”

   “ไม่เป็นไรเลยคุณ เรื่องเล็กน้อย งั้นเอางี้ปราชญ์ เดี๋ยวกูกับจอมพาสิบสามไปหาหมอ ส่วนมึงติดต่อบ้านสิบสามแล้วก็หาเกียร์”

   “ได้มึง ได้ความยังไงเดี๋ยวกูโทรบอก”

   “โอเค ป่ะกันสิบสาม” แพ็คบอกก่อนจะประคองผมมาที่รถยนต์เขาที่จอดอยู่หลังตึก จอมจัดแจงปรับเบาะเอนให้ผมเสร็จสรรพ

   รู้สึกขอบคุณพวกเขาจริงๆ ที่ช่วยผม ถ้าไม่มีปราชญ์มาห้ามหรือคำพูดของลินินมาเตือนสติ ผมคงหมดสภาพอยู่ในสวนพฤกษ์แน่ๆ ผมรู้ว่าตัวเองแพ้ แต่ยังไงก็อยากได้เกียร์พี่เฌอคืนอยู่ดี ผมดื้อและดันทุรังมากเลย สุดท้ายแล้วก็มีอาการแพ้หนักขนาดนี้ มันยิ่งกว่าครั้งก่อนที่แพ้เกสรดอกกุหลาบต่อหน้าพี่เฌออีก ถ้าเขารู้ เขาต้องดุผมแน่ๆ ที่บุ่มบ่ามทำอะไรแบบนี้

   ผมจะไม่ดื้ออีกแล้วครับพี่เฌอ

   หวังว่าพี่จะไม่โกรธผมนะ....

   

   [จบบันทึกพิเศษ : สิบสาม]

   

   สอบไฟนอลจบเหมือนชีวิตจะจบไปด้วย

   หัวจะปวดชิบหาย

   ผมยืนตั้งสติอยู่หน้าห้องสอบ พลางมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ บ่าย 3 แล้วครับ ผมต้องไลน์บอกนังน้อนสินะว่าสอบเสร็จแล้ว พอคิดได้แบบนั้นผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไลน์หาสิบสาม สายตามองบรรดาเพื่อนๆ ที่โบกมือแยกย้ายไปคนละทาง เดี๋ยวเจอกันอีกทีตอนกลางคืนเลยไง ยังไงก็นัดกันเอาไว้แล้ว ผมมองหน้าจอน้องโทรศัพท์ที่มีเบอร์ของคนที่ผมไม่รู้จัก ใครอีกวะเนี่ย อย่าบอกนะว่าคนเดิมคนนั้น

   คราวนี้จะหาคำอะไรมาด่าผมอีกเนี่ยะ

   “ฮัลโหลครับ”

   (สวัสดีครับ เฌอใช่ไหม ผมเองนะ....เจ็ด)

   “อ๋อ พี่เจ็ด มีอะไรรึเปล่าครับ”

   (สิบสามเข้าโรงพยาบาลนะครับ เนื่องจากมีอาการแพ้เกสรดอกไม้รุนแรง)

   “ขะ....เขาเป็นอะไรมากไหมครับ เขา....”

   (เขาปลอดภัยดีแล้วครับ ได้รับยาและหลับไปสักพักแล้วล่ะ เพื่อนๆ เขาบอกว่าสาเหตุที่เขามีอาการแพ้เป็นเพราะว่ามีปากเสียงกับผู้หญิงที่ชื่อเดียร์ เธอกระชากสร้อยข้อมือของสิบสามแล้วปาเข้าไปในสวนพฤกษ์ สิบสามไปตามหาก็เลยมีอาการแพ้แบบที่เห็น)

   “.....สิบสาม” ผมยกมือขึ้นกุมอกตัวเอง “แล้วเขาหาเกียร์เจอไหมครับ”

   (ไม่เจอครับ เพื่อนๆ เข้าไปห้ามเขาก่อน แต่มีเพื่อนๆ ส่วนนึงที่ยังหาเกียร์อยู่นะ ยังหาไม่เจอน่ะครับ)

   “โอเคครับ งั้นเดี๋ยวผมไปหาต่อเอง แล้วสิบสามอยู่โรงพยาบาลไหนครับ เสร็จแล้วผมจะไปหาเขา”

   (โรงพยาบาล H ครับ ห้องพิเศษ 313 )

   “โอเคครับ ขอบคุณนะครับที่โทรมาบอกผม”

   (ครับ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ)

   “ครับ สวัสดีครับ” ผมกดวางสายก่อนจะรีบเดินออกจากตึกแล้วมุ่งหน้าไปที่ตึกแพทย์ฯ ทันที

   สิบสามแพ้เกสรดอกไม้รุนแรงเพราะมาหาเกียร์ในสวนพฤกษ์ซึ่งเดียร์เป็นคนปาลงมา เธอทำแบบนั้นทำไมวะ หรือเธอไม่รู้ว่าสิบสามแพ้เกสรดอกไม้ คือมันไม่น่าเป็นไปได้ป้ะ เดียร์ชอบนังน้อนมาก ไม่มีทางที่จะไม่รู้เรื่องสำคัญแบบนี้ จะว่าตั้งใจก็ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ อาการแพ้อะไรสักอย่างมันไม่ใช่เล่นๆ เลยนะ ทำแบบนี้มันเกินไปแล้วจริงๆ

   ผมเดินมาจนถึงสวนพฤกษ์ก็เห็นมีนักศึกษาหลายคนกำลังหาของอยู่ “พวกคุณ ใช่เพื่อนสิบสามไหมครับ”

   “พี่คงเป็นพี่เฌอใช่ไหมคะ”

   ผมพยักหน้ารับคำน้องผู้หญิงที่เอ่ยถาม “ใช่ครับ”

   “หนูชื่อลินินนะคะ พวกเราทั้งหมดเป็นทีมคณะกรรรมนักศึกษาที่สามทำงานด้วยบ่อยๆ พี่คงรู้แล้วว่าตอนนี้เขาอยู่โรงพยาบาล”

   “รู้แล้วครับ มันเกิดอะไรขึ้น พี่รู้ว่าเขามีปากเสียงกับเดียร์เหรอ”

   “ใช่ค่ะ รุนแรงมาก แล้วเดียร์ก็กระชากสร้อยข้อมือของสามปาทิ้งลงมาที่นี่ ตอนนั้นพวกเราตกใจมาก ไม่คิดว่าเดียร์จะทำอะไรแบบนั้น” น้องลินินแสดงสีหน้าเป็นห่วงออกมาอย่างชัดเจน “หนูรู้ว่าสร้อยข้อมือเส้นนั้นสำคัญกับสามมาก เพราะเขาดูโกรธแบบที่เราไม่เคยเห็นเลยค่ะ”

   “มันเป็นเกียร์ของพี่เอง พี่ให้เขาก่อนที่เราจะคบกัน”

   “พี่เก่งมากเลยนะคะที่ได้ใจคนแบบเขาไป” น้องลินินก้มหาตามพุ่มไม้ “สามน่ะเปลี่ยนไปเยอะเลยค่ะตั้งแต่ที่รู้จักพี่ เขาคุยกับคนอื่นมากขึ้น เป็นมิตรมากขึ้น”

   “เป็นเรื่องดีใช่ไหม”

   “ดีค่ะ ดีขึ้นเยอะเลย ปกติถ้าเป็นเขาเมื่อก่อนอาจจะไม่ฟังใคร แต่เขาในตอนนี้ยอมฟังคนอื่น อย่างตอนที่หนูเตือนสติเขาว่าไม่ใช่แค่เกียร์ที่สำคัญ แต่ชีวิตเขาเองก็สำคัญ บอกแบบนั้นเขาถึงยอมหยุด เพื่อนๆ ก็ช่วยประคองเขาออกไปข้างนอกสวน”

   “พี่ขอบคุณน้องลินินมากเลยนะที่เตือนสติเขาน่ะ ขอบคุณจริงๆ ”

   “ไม่เป็นไรค่ะพี่เฌอ สามก็เพื่อนพวกเรา ช่วยกันมาเยอะ เรื่องแค่นี้เล็กน้อยค่ะ” เธอบอกก่อนจะเดินไปหาอีกทาง ส่วนผมก็มุดพุ่มไม้หาไปเรื่อยๆ

   สิบสามไม่ค่อยเล่าเรื่องเพื่อนให้ฟังหรอกครับ ผมเองก็รู้แค่ว่าเขามีเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน แต่ไม่รู้ว่าสนิทมากน้อยถึงขั้นไหน เท่าที่ฟังจากน้องลินินเล่าก็คือรู้จักเป็นเพื่อนแต่ไม่ได้สนิทขั้นสุดแน่ๆ ล่ะ เพื่อนๆ ดูเว้นระยะความเป็นส่วนตัวให้นังน้อนสูงเหมือนกัน แต่มีปัญหาอะไรก็พร้อมที่จะยินดีช่วย ดูอย่างนี่สิ น้องลินินเตือนสติ คนอื่นๆ ช่วยพาเขาออกจากสวน สิบสามโชคดีจริงๆ ที่มีน้องพวกนี้เป็นเพื่อน

   ช่วงที่ไม่เจอกันผมจะได้คลายกังวลหน่อย

   ผมกับน้องๆ ยังคงหาเกียร์กันไปเรื่อยๆ สวนพฤกษ์ใหญ่ชิบหาย สวนหย่อมคณะผมยังไม่ใหญ่เท่านี้เลย เชื่อไหมว่าการที่สิบสามเข้ามาหาเกียร์โดยรู้ทั้งรู้ว่าตัวเองแพ้เกสรดอกไม้ มันทำให้ผมรู้สึกผิดนะ เพราะผมบอกกับเขาว่าให้รักษามันให้ดีดี ซึ่งการบอกแบบนั้นมันอาจจะทำให้เขายึดติดกับมันมากเกินไป จนเอาตัวเองไปเสี่ยง ผมคงต้องคุยกับสิบสามใหม่ อย่างน้อยถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เขาจะได้ระวังมากกว่านี้

   นั่นมัน....

   ผมมุดเข้าไปในพุ่มคริสติน่าเมื่อเห็นอะไรห้อยอยู่ที่กิ่งด้านบน สร้อยข้อมือที่มีเกียร์ติดอยู่ ผมหยิบมันก่อนจะออกมาจากตรงนั้นพร้อมกับหันไปหาน้องๆ “ทุกคนครับ พี่หาสร้อยข้อมือเจอแล้วนะ”

   “โห พี่เฌอนี่สุดๆ ไปเลย หาเจอด้วย” น้องผู้ชายนอนแผ่ลงกับพื้นหญ้า ท่าจะเหนื่อยแหละ พวกเขาน่าจะหากันมานาน

   “มันติดอยู่บนกิ่งน่ะครับ มองพื้นก็เลยอาจจะไม่เห็น”

   “โอเคครับ หมดหน้าที่ของพวกผมแล้ว เดี๋ยวค่ำๆ พวกผมอาจจะเข้าไปเยี่ยมสิบสามนะครับ”

   “ได้ครับ เดี๋ยวพี่บอกเขาให้นะ ขอบคุณพวกเรามากจริงๆ ”

   “พวกเรายินดีค่ะ”

   “ครับ งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ” ผมยิ้มให้น้องๆ ก่อนจะเดินออกมาจากสวนพฤกษ์ ไว้นังน้อนหายดีออกจากโรงพยาบาลค่อยนัดเลี้ยงข้าวทีเดียวแล้วกัน ถือว่าตอบแทนพวกเขาที่ช่วยเหลือ

   ผมนั่งรถกลับมาที่ห้องตัวเองก่อนจะจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งหมดแล้วขับรถออกไปที่โรงพยาบาล H สิบสามอยู่ห้องพิเศษ 313 ตอนนี้เกือบ 6 โมงแล้ว ไม่รู้ว่าเขายังหลับอยู่ไหม ผมเดินมาหยุดที่หน้าห้องก่อนจะเคาะประตูแล้วเดินเข้าไป คุณพ่อคุณแม่ของสิบสามนั่งอยู่ที่ข้างเตียง ผมยกมือไหว้พวกเขาก่อนจะเดินเข้าไปหานังน้อน เขาหลับอยู่ ตามแขนและใบหน้ายังมีผื่นแดง มันเยอะกว่าครั้งที่ผมอยู่ด้วยมากเลย

   คงหนักจริงๆ นั่นแหละ

   “เขาเป็นยังไงบ้างครับ”

   “ได้ยาก็ดีขึ้นเยอะเลยจ่ะ ผื่นก็จางลงไปเยอะมาก ตอนแรกที่แม่มาเห็น แม่ใจหายเลย”

   “ผมก็ตกใจเหมือนกันครับตอนที่รู้ ผมไม่คิดเลยว่าเดียร์จะทำแบบนี้”

   คุณพ่อมองลูกชายด้วยความเป็นห่วง “เรื่องนี้เรื่องใหญ่ เฌออาจจะยังไม่รู้แต่พ่อกับแม่เคยทำหนังสือส่งทางมหา’ลัยและคณะแพทย์ฯ ว่าสิบสามเป็นโรคภูมิแพ้เกสรดอกไม้ กิจกรรมใดใดก็ตามที่ทำให้เขามีภาวะเสี่ยง เราขอหลีกเลี่ยง และได้แจ้งรุ่นพี่ที่คอยดูแลกิจกรรมต่างๆ รวมถึงเพื่อนรุ่นเดียวกัน เพราะแบบนั้นไม่มีทางที่เดียร์จะไม่รู้ว่าสิบสามมีอาการแพ้แบบนี้”

   “แม่ก็คิดว่าเขาจงใจ สิบสามเคยเข้าโรงพยาบาลแบบนี้แหละสมัยที่เขาประกวดดาวเดือน แล้วช่วงป๊อบปูล่าโหวตเนี่ยะ เขาคือคนที่ได้รับดอกกุหลาบเยอะที่สุด ตอนนั้นทีมของเด็กคณะนิเทศฯ ที่เป็นผู้ดูแล ก็แสดงความรับผิดชอบซึ่งพ่อกับแม่เข้าใจและพอให้อภัยได้ แล้วตัวสิบสามก็บอกว่าไม่เป็นไรด้วย แต่ครั้งนี้มันชัดเจนมากเลยว่าเดียร์ตั้งใจจะทำร้ายสิบสามและแม่คงไม่ยอม”

   “ผมเข้าใจครับ ช่วงก่อนหน้าเดียร์โทรมาก่อกวน แล้วก็มีวันที่เพื่อนเธอขับรถเบียดรถผมล้มที่หน้าประตูมหา’ลัย วันนั้นผมไปขอไฟล์วิดิโอของกล้องวงจรปิดมาเก็บไว้เป็นหลักฐานเผื่อจะแจ้งมหา’ลัยน่ะครับ”

   “ดี งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เฌอไปพ่อด้วยละกัน พ่อจะเอาเดียร์ออกจากมหา’ลัยให้ได้ เรียนหมอแต่ทำร้ายคนอื่น ร้ายแรงมาก”

   “ได้ครับ”

   “งั้นเดี๋ยวแม่ฝากสิบสามด้วยนะ พ่อกับแม่ยังไม่ได้กินข้าวเลยมัวแต่เป็นห่วง”

   “ครับ เดี๋ยวผมเฝ้าเขาเอง เชิญพ่อกับแม่ตามสบายนะครับ”

   “เดี๋ยวมาจ่ะ”

   ผมมองพวกเขาเดินออกไปจากห้องก่อนจะมานั่งแทนที่เก้าอี้ด้านข้าง มือก็หยิบสร้อยข้อมือเส้นเดิมขึ้นมาถอดเกียร์ออกพร้อมกับย้ายมาที่สร้อยเส้นใหม่ซึ่งหนากว่าเดิม เส้นที่ผมใส่ประจำมันเล็กนั่นแหละแล้วก็นานแล้ว ไม่แปลกเลยที่เดียร์กระชากทีเดียวแล้วจะขาด หวังว่าเส้นนี้จะดีกว่าเดิมนะ ผมเลื่อนมือไปกุมมือนังน้อนเอาไว้ ไม่อยากเห็นเขาเป็นแบบนี้เลย

   “อื้มมม....ม....” ร่างสูงลืมตามองผม “.....พี่เฌอ”

   “คุณเป็นยังไงบ้าง”

   “รู้สึกดีขึ้นเยอะครับ แต่ยังคันอยู่”

   “ผมใจหายมากเลยนะตอนที่พี่เจ็ดโทรมาหาน่ะ” ผมเขี่ยผมที่ปรกหน้าเขาออก “ผมขอโทษนะสิบสาม”

   เขาส่ายหน้าเบาๆ “ผมสิต้องขอโทษ ผมเคยบอกพี่ว่าจะดูแลตัวเอง”

   “เพราะผมบอกให้คุณรักษาเกียร์เอาไว้ให้ดีดีมันก็เลยเป็นแบบนี้” ผมยกมือเขาขึ้นมาแนบแก้มตัวเอง “เอาใหม่นะ สิ่งที่ผมอยากให้คุณรักษาเอาไว้คือความรักที่ผมมีให้ ขอให้คุณดูแลตัวเอง ดีแล้วที่ยอมฟังเพื่อนๆ ยอมถอยออกมา ผมคิดไม่ออกเลยว่าถ้ามันรุนแรงมากกว่านี้จะเป็นยังไง ผมคงรู้สึกผิดไปตลอดทั้งชีวิตเลยล่ะ”

   “ขอโทษนะครับ ผมสัญญาว่าจะรักตัวเองให้มากกว่านี้”

   “อื้ม....สุดท้ายแล้วอะ สิ่งของก็เป็นสิ่งของ ถึงจะมีค่ามากแต่มันไม่เท่ากับชีวิตคุณนะ”

   นิ้วเรียวเกลี่ยน้ำตาที่คลอเบ้าผมอยู่ “ครับ ผมเข้าใจแล้ว”

   “ดีมากนังน้อน” ผมยิ้มบางๆ ให้เขา “เรื่องเกียร์ คุณไม่ต้องห่วงนะ ผมหาเจอแล้ว และก็เปลี่ยนสร้อยข้อมือให้เรียบร้อย เส้นใหญ่กว่าเดิม คงขาดยาก”

   “ขอบคุณนะครับ” สิบสามมองเกียร์ก่อนจะยิ้มออกมา “ตอนแรกผมนึกว่าจะไม่ได้คืนแล้ว”

   “เพื่อนๆ คุณช่วยกันหานานเลยล่ะ เดี๋ยวถ้าออกจากโรงพยาบาลแล้ว ชวนพวกเขาไปกินหมูกระทะกันนะ ไปกันทั้งหมดเลย”

   “ได้ครับ ผมโชคดีมากเลยที่มีพวกเขาช่วย”

   “รักษาพวกเขาเอาไว้ดีดีล่ะ....ส่วนเรื่องเดียร์ เดี๋ยวผมกับพ่อแม่คุณจะจัดการเอง”

   “ครับ....ผมอยากหายไวไว จะได้กอดพี่เฌอได้”

   ผมหลุดยิ้มที่เขาพูดแบบนั้น “อยากหายไวไวก็ต้องเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ พักผ่อนเยอะๆ ”

   “จะไม่ดื้อครับ”

   ผมจุ๊บมือสิบสามเบาๆ แล้วมองเขาอยู่แบบนั้น นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เดียร์จะทำร้ายพวกเราได้ การที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้มันก็บ่งบอกว่าที่ผ่านมาผมใจดีเกินไปจริงๆ อะไรก็ตามที่ทำให้เดียร์ออกจากมหา’ลัยนี้ได้ผมจะทำ ครั้งนี้ไม่มีการยอมหรือใจอ่อนอีกแล้ว สิ่งที่เธอทำควรได้รับผลตอบแทนสักที

   ผมไม่ยอมให้เธอได้มีความสุขแน่

   

   


   

   

   TBC.

   สวัสดีค่ะชาลมาส่งสามเฌอแล้วนะ ก็บท 19 นะคะ มีฉากที่ตั้งใจจะเขียนมาแล้วและก็ได้เขียนแล้ว คือต้องเข้าใจว่าเรายังไม่ได้จัดการกับเดียร์ เราต้องจัดการก่่อน ด้วยวิธียังไงก็คือจัดการแน่ๆ แต่คงไม่ใช่การใช้ความรุนแรงค่ะ

   ตอนแรกชาลคิดเอาไว้ว่ามันจะรุนแรงกว่านี้มาก แต่ไปปรึกษาพาร์ทเนอร์ว่าปรับเนื้อเรื่องดีไหม ให้มันซอฟต์ลง ซึ่งน้องในทีมเห็นด้วย ชาลก็คิดว่าเออแบบนี้อาจจะดีกว่า หวังว่าบี๋คงจะรู้สึกโอเคกับบทนี้นะคะ

   สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอบล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th นะ

   ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค้าบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด