4.
สุดท้ายผมต้องยอมตื่นขึ้นมาหลังจากได้กลิ่นอาหาร ผสมกับอาการปวดหลัง ปวดคอ พี่ธีนพนั่งกินข้าวกะเพราอะไรสักอย่างอยู่ แล้วเหมือนจะอ่านกระดาษอะไรไปด้วย เขาทักผมที่ลุกขึ้นมานั่ง “กินข้าวก่อนนะ แล้วค่อยไป” แล้วดันจานข้าวมาให้ เป็นกะเพราะไก่ไข่ดาวโง่ๆ กับน้ำเปล่าหนึ่งขวด ที่ผมจะจำไปชั่วชีวิต
“ขอบคุณครับพี่” ผมหันไปไหว้เขา แล้วถัดตัวเองลงจากโต๊ะ มานั่งเก้าอี้ แล้วตักข้าวใส่ปาก พอร่างกายได้สัมผัสกับอาหาร สติสัมปชัญญะก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง อาการวิงเวียนยังคงมีอยู่บ้าง ผสมกับภาพช้า แต่อย่างน้อยก็ไม่ปวดท้อง ไม่รู้สึกอยากทิ้งตัวแล้ว
“ทำไมไม่ไปห้องพยาบาลเหรอ” เขาถาม...เป็นคำถามที่ผมไม่อยากตอบที่สุดเลย
“เอ่อ...ผม....ผมกลัวเข็มครับ” ต้องมั่วแล้วล่ะ ปรากฎว่าเขาขำพรืดออกมา แล้วเงยหน้ามายิ้มให้ “ขอโทษที ไม่น่าถามเลย” ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ใจผมกระตุกข้ามบีทไปครับแล้วจังหวะจะโคนพังพินาศหมด รีบๆแดกดีกว่า ก่อนที่จะเพ้อเจ้อไปมากกว่านี้
“พี่ครับ ค่าข้าวเท่าไหร่เหรอครับ?” ผมถาม
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ มันอยู่ในงบงานสัมมะนา”
“แต่ผมเป็นเด็กฝึกงานนะครับ...เอ่อ...มันจะ” ผมยังไม่ทันได้พูดจบ
“ไม่เป็นไรครับ ผมเลี้ยง” เขาตอบแทรกขึ้นมา
“เอ่อ....อ่า..” ผมนั่งอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น ได้แต่พูดแค่ว่า “ขอบคุณมากครับพี่” เนื่องจากผมยังไปไหนไม่ได้จนกว่าพี่แกจะออกจากห้อง เลยต้องหาอะไรทำแก้เขิน “พี่รับกาแฟไหมครับ?”
“ไม่เป็นไรครับ” เราสองคนจัดการกับอาหารเที่ยงเรียบร้อย ผมได้โอกาศออกไปจากห้องนี้เสียที “เดี๋ยวผมเก็บจานให้นะครับ” เขาพยักหน้าแล้วดันจานข้าวเปล่าๆมาให้ ให้ก่อนที่ผมเก็บจานเราสองคนซ้อนกัน “ขอบคุณนะครับพี่” ผมขอบคุณเขาอีกครั้ง ก่อนจะรีบเดินออกมา โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเอาไปไว้ไหน ผมโบกมือลาเขาหน้าประตูห้องเพราะมือไม่ว่างจะสวัสดี เขามองผมงงๆก่อนจะเพิ่งเข้าใจว่าผมจะไปแล้วนะ เขาโบกมือเงอะๆงะๆเหมือนคนบ๋ายบายไม่เป็น ผมปิดประตูห้องออกมายืนยิ้มลอยๆ ก่อนจะเจอเข้ากับใครบางคนที่กำลังเดินสวนมาจะเข้าห้องพอดี
“เอ่อ...ขอโทษครับ ขอเปิดกระตูหน่อยครับ” น้องแบมตัวน้อยนั่นเอง ตัวเล็กอย่างกับเด็กผู้หญิง สูงไม่น่าจะถึงร้อยเจ็ดสิบด้วยซ้ำ แถมดูบอบบางกว่าอีหญิงเยอะ น้องเข้าส่งยิ้มให้ผมได้สติ ฉากหลบแทบไม่ทัน “อ๋อ...ครับ” นี่เลขาจริงเหรอวะ เลขาต้องมุ้งมิ้งขนาดนี้เลยเหรอวะ ห๊ะ... พี่ชอบแบบนี้ใช่ไหมพี่! แล้วกูจะไปยุ่งอะไรเรื่องของเขาวะเนี่ย อยากตบหน้าตัวเองให้ตื่นจริงๆ
___________________________________
ผมเดินฝากจานไปจับแม่บ้านที่เดินเจอระหว่างทาง ที่ทำหน้างงใส่ว่าทำไมมึงไปเอาไปเก็บเอง ผมตีเนียนจากมา และออกไปเดินเล่นแถวสระว่ายน้ำแล้วค่อยขึ้นไปเก็บของในห้องประชุม แต่ทีศัพท์ดังเสียก่อน
“ไงมึง...” ผมรับสายหญิง
“มึงอ่ะเป็นไง?” เสียงมันดังมากเหมือนยืนอยู่กลางถนน
“กูโอเคแล้ว...นี่มึงอยู่ไหนเนี่ย”
“กรุ๊ปทัวร์จ้า...กูออกมาหอศิลป์ พาพวกนางมาเดินซื้องาน ยุ่งชิบหาย”
“เออ อยากไปมั่งว่ะ เบื่อ กูมีแต่โต๊ะกาแฟกับ.....” พอพาอารมณ์ให้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้หน้าก็ร้อนขึ้นมา
“กับไร?”
“เดี๋ยวกูค่อยเล่าได้มะ เดี๋ยววันนี้กูไปหามึงที่ห้อง”
“เออมึง...ระวังพวกอีตูนไว้นะ...”
“ตูนไหนวะ....” ผมนึกถึงคนชื่อตูนทั้งหมดในชีวิต ซึ่งมีเกินครึ่งโหล
“พวกอีตูนนน อ่ะเด็กฝึกงานกลุ่มพี่ต้าร์อ่ะ”
“ใครคือพี่ต้าร์วะ!” งงหนักกว่าเดิมอีก
“เออมึง! อย่าไปยุ่งกับคนที่มึงไม่รู้จักอ่ะ มีแต่คนนินทามึงอ่ะตอนนี้”
ผมคิดทบทวนคำว่า ‘คนไม่รู้จัก’ อยู่ซักพัก ไอ้การนินทาเนี่ยทำอะไรมไม่ได้หรอก แต่ผมไม่ชินเลยกับสภาพไม่มีเพื่อน มันเกิดขึ้นได้ยังไงวะ ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกจากผู้คนมาก่อน แบบนี้หรือเปล่าคือที่ไอ้นนท์รู้สึก นี่แม่งคือสิ่งที่เรียกว่ากรรมตามสนองใช่ไหม
“เออๆ ก็ได้วะ” ผมตอบ
“รอนั่นแหละ เสร็จแล้วกูไปหา”
หลังจากวางสายจากไอ้หญิง อารมณ์ผมเหมือนคนซึมเศร้าบอกไม่ถูก มันกระสับกระส่ายต้องการทำอะไรสักอย่าง มือผมกดโทรไปหาพี่ปันโดยอัตโนมัติ
......กรุณาฝากข้อความหลังสัญญาณต่อไปนี้ค่ะ....
“พี่ปันครับ...นี่เอ็มนะ...ถ้าพี่ว่างโทรหาผมหน่อยสิ ขอบคุณครับ”
เซ็งว่ะ....แม่ง พี่แทนก็ไม่ตอบไลน์ โทรไปก็คงไม่รับ
ผมเดินล่องลอยไปทั่วจนถึงเวลาที่คิดว่าคงไม่มีใครอยู่ที่ห้องประชุมแล้วจึงกลับขึ้นไปเก็บของตามปกติ ถอดปลั๊ก ปิดไฟ เก็บโต๊ะเก้าอี้ให้เข้าที่อยู่คนเดียว ซึ่งจริงๆแล้วไม่ได้ลำบากเลย เพราะผมถนัดมากงานกรรมกรเนี่ย
“ว้า...กูมาไม่ทันช่วยมึงยกอ่ะ!” เสียงไอ้หญิง ร่าเริงมาเชียว
“ไม่ต้องเลยมึง...อารมดีไรวะ”
“เอ้า!...กูอารมณ์ดีไม่ได้เหรอไง”
“มึงดีผิดปกติ สารภาพมา”
“เดี๋ยวกูเล่าตอนถึงหอ...แลกกับเรื่องของมึง โอเค้?” มีชูนิ้วโอเคให้ด้วยนะ
“เออไปๆ เดี๋ยวกูโทรบอกแบงค์ให้ซื้อเบียร์มาด้วย”
“เออ ต้องเมา เมาแล้วค่อยเม้า! เร็วๆๆ ไปๆๆๆ” มันกอดแขนผมแล้วลากออกไปนอกห้องด้วยความรีบอยากกลับไปเม้ามอย พออยู่หน้าประตูผมแกล้งผลักมันออก “เกะกะว่ะเตี้ย...ถอยไปจะปิดประตู!” มันตบไหล่ผมแรงๆ แล้วบ่นงุ๊งงิ๊งๆอยู่คนเดียว ผมรู้สึกชื้นใจขึ้นเยอะเมื่อมีมันอยู่ เราเดินคุยกันไปหัวเราะกันไปตลอดทางจนลงลิฟท์ ไปยันลานจอดรถ ผมอยากกลับหอมันใจจะขาด เอาตัวออกไปตั้งสติกับเพื่อนนี่แหละดีที่สุด แต่เหมือนอะไรๆมันจะไม่ง่ายอย่างนั้น
“เอ....คนไหนเป็นเด็กของป๋ากันแน่เหรอ...” ผมกับมันหันหลังไปตามต้นเสียง ด้วยความที่ลานจอดรถมันสะท้อนน่ะ เลยตกใจกันหมด “น้องผู้หญิง...น้องหรือผู้ชายอ่ะ..” ซึ่งต้นเสียงที่ว่านั่นก็คือ...เจ้หยกนั่นเอง..เจ้หยกเนี่ยนะหาเรื่องผม ไม่อยากจะเชื่อ! แล้วอีกสองสามคนนั่นเด็กฝึกงานรุ่นราวคราวเดียวกันนี่เอง จำหน้าได้ แต่จำชื่อไม่ได้
“ใครอ่ะ....สะเหร่ออ่ะ!” ไอ้หญิงสวน ผมตะครุบมันไว้แทบไม่ทัน! ถ้าโดนอีหญิงตบเจ้แม่งเละแน่ๆ แล้วผมกับมันก็คงจะติดคุกไปด้วยกัน “ไม่เอาๆ..อีหญิง...กูไม่เอานะ” ผมบอกมัน ไอ้เจ้หยกที่ยืนพิงเสาอยู่ดับบุหรี่ เดินมาไกล้ผมกับหญิง เด็กๆเดินตามมาอย่างกับลูกสมุน ดูไม่ออกว่ามาจะห้ามหรือจะมาผสมโรงด้วย
“เจ้...ไม่เอาแบบนี้ดิ มีไรไว้ค่อยคุยกัน...” ผมเดินออกไปซ้อนด้านหน้า ดันไอ้หญิงไปข้างหลัง ผมสูงกว่าเจ้หยกนิดหน่อย เลยไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่
“เจ้ไม่มีอะไรจะคุยหรอกนะ น้องเอ็ม...คนเขารู้กันหมดแล้วว่าน้องทำอะไรไว้” เจ้พูดจาแดกดัน ผมก็โมโหนิดๆวะ กูเนี่ยนะจะไปทำอะไรใคร คิดสิ คิด! หูเบาชิบหาย “เจ้...นี่ผมเองนะ....ผมทำอะไร เจ้บอกผมหน่อยได้ไหม?” ผมพยายามพูดแล้วโบกไม้โบกมือแบบโง่ๆใส่หน้าเขา ให้เขาได้สติ “เสียดายเนอะ ข้างนอกใส เน่าข้างในนี่หว่า!” เจ้เน้นเสียงใส่ “อะไรของเจ้อ่ะ...พูดไม่รู้เรื่องว่ะ พอเหอะๆ เอาไว้วันหลังเหอะ....หญิง...กลับเหอะ” ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ เอาวะ แค่ด่าก็ด่าไปอย่าทำรุนแรงใส่กันก็พอ คิดยังไม่ทันจบ ไอ้หญิงก็วิ่งหลุดออกจากผมไปผลักอีเจ้! ชิบหาย! ผมกำลังวิ่งเอาตัวเข้าไปขวางระหว่างตุ๊ดกับผู้หญิงแรงควาย เอาวะ ตายเป็นตาย
“เจ้! ไม่เอา! หญิง! หยุด! โอ้ย! เบา...เบ๊า! เจ็บ!” ผมดันไอ้หญิงที่ทั้งตบทั้วข่วนออกไปจากอีเจ้ข้างหลังที่พยายามจะหมุนดันตัวผมออกไป ทำไมกูต้องมาช่วยมึงด้วยเนี่ยอีเจ้ แต่ขณะที่ผมกำลังอยู่ท่ามกลางดงตีนนั่นเอง มีใครสักคนจากฝั่งเจ้แกวิ่งมา ตบหน้าไอ้หญิงแรงๆดังเพี๊ย!!
ทั้งภาพและเสียงก้องอยู่ในโสตประสาทผม....ผมยอมรับว่าก่อนหน้านี้มันเป็นแค่ความหงุดหงิดรำคาณ....ตอนนี้แหละที่เรียกว่าโมโห ดั่งคำว่าเลือดขึ้นหน้า ผมวิ่งเข้าไปล็อคตัวสาวคนนั้นไว้ตอนไหนก็ไม่รู้ พยามอย่างยิ่งที่จะไม่ทำอะไรรุนแรง แต่อารมณ์มันยากที่จะควบคุมจริงๆ
“เห้ย!! ทำบ้าอะไรวะ!! เพื่อนกูเกี่ยวอะไรวะ!!” ผมตะคอกใส่หน้าเขา อ๋อ....คนนี้เองสินะ น้องตูน....ผมจำได้แล้ว เสียงรอบข้างดังโหวกเหวกโวยวายตามมา แม้แต่ไอ้หญิงกับเจ้หยกยังยืนอึ้ง แต่ผมไม่สนใจ
“มึงเอาไง!! ไหนมึงพูดมาดิ!! กูอยู่นี่แล้วเนี่ย!!”
“กรี๊ดดดด! ปล่อย!! ฮือๆๆๆ ช่วยด้วยค่ะ พี่!” เธอเริ่มสะอึกสะอื้นร้องไห้ นั่นทำให้ผมได้สติกลับมา ตอนที่พี่ยามวิ่งเข้ามา ผมโดนกระชากตัวออกไป โดนกระบองยางฟาดที่แขน เจ็บชิบหาย ไอ้หญิงวิ่งมาดึงตัวผมออกไป เริ่มมีคนมองพวกเราจากหลายทิศทาง เจ้เข้าไปปลอบน้องๆของแกแล้วตะโกนด่าพวกผมอยู่นาน
ยังดีที่ผมสนิทกับพี่ๆรปภ.บางคน เพราะเราไถบุหรี่กันไปมาบ่อยๆ พี่แกเลยไม่ได้เอาความอะไร และเจ้หยกก็ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของคนพวกเขาซักเท่าไหร่ ผมเลยได้กลับบ้านพร้อมกับแผลข่วนของไอ้หญิงที่แขน และรอยช้ำตามตัวพอเป็นธรรมเนียม ผมไม่ใช่คนบอบบางร่างเล็กอะไร คิดซะว่าไปเตะบอลมาซักเกมนึงก็พอได้อยู่
“เอ็ม....กูขอโทษ...มึงเจ็บมากมั้ยอ่ะ” ไอ้หญิงพูดเสียงอ่อยขณะขับรถ หลังจากที่มันก่นด่าพวกเจ้หยกจนหมดแรง ....วันนี้มีคนขอโทษผมเยอะแฮะ
“ไม่เป็นไร...มึงอย่าคิดมาก....มึงอ่ะเจ็บมั้ย”
“ไม่เจ็บอ่ะ กูโมโหมากกว่า....มึงควรจะบอกพี่แทนไหมวะ...”
“บอกดิ! พี่แม่งเป็นคนสั่งย้ายพี่ปันนี่หว่า!”
“ปัญญาอ่อนชิบหาย ผัวมึงอ่ะ โตแล้วนะ.... หาเรื่องให้มึงชัดๆ”
“กูเองแหละที่ปัญญาอ่อนไปบอกเค้า...เค้าเป็นอย่างงี้แหละ กูลืมเอง....แล้วกูบอกแล้วไงว่าอย่าเรียกว่าผัว!”
“มึงจะกลับไปฝึกงานได้เหรอวะ...แบบนี้แม่ง มึงยิ่งโดนแกล้งแน่ๆ” มันไม่สนใจที่ผมพูดเลย
“เดี๋ยวกูให้พี่แทนย้ายแผนกให้...มึงด้วย มึงอ่ะจะอยู่ยังไง มากับกูนี่แหละ”
“มึงแน่ใจนะว่าพี่แทนมึงไม่ติงต๊องย้ายเราไปทำอะไรโง่ๆ...”
“เออ...เดี๋ยวเราก็ช่วยกันคิดไง แล้วกูจะไปขอเค้าเอง”
ผมกับไอ้หญิงเปิดตารางกรุ๊ปของสัปดาห์หน้าดู ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าตัวเองทำอะไรอยู่ ทั้งหมดนี้คืองานสัมมะนาของ ยูโอกรุ๊ปหรือกลุ่มผู้ร่วมทุนธุรกิจท่องเที่ยงการโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดที่ผมทำก็คือยืนหาไออุ่นจากเครื่องทำน้ำร้อนในห้องประชุม นอกจากนั้นผมเพิ่งได้รู้ว่ามันกินเวลาเกือบเดือน ทั้งกิจกรรมต่างๆรวมไปถึงการประชุมของบอร์ดบริหารที่มักจะล่าช้าและซ้ำซาก
“เราย้ายไปตรงไหนได้มั่งวะ..” ไอ้หญิงถาม ผม และแบงค์ กำลังเปิดฝาเบียร์กันคนละขวด เราเข้ามามุงกันที่จอโน๊ตบุ๊คของมัน
“มีแต่งานเลขา กูทำได้นะ แต่มึงอ่ะดิ” มันหันมามองผมด้วยสายตาเหยียดหยาม “กูไม่ทำก็ได้วะ เดี๋ยวกูให้พี่แทนเขียนโม้ๆไป” ผมตอบ
“อีคนขี้โกง! กูไม่มีเพื่อนก็เพราะมึงและผัวมึงนะ จะไม่อยู่เป็นเพื่อนกูหน่อยเหรอ!” เออมันพูดถูก
“เออๆ มีงานพวก ยาม แบกหามไร ให้กูทำมะ...เห้ยๆ กูเลนดนตรีได้นะ!”
“แล้วมึงจะอยู่เป็นเพื่อนกูยังไง!”
“เออ มึงควรอยู่ด้วยกันนะ อย่าแยกกันอยู่เลย เกิดอะไรขึ้นมึงจะได้ช่วยกันไง” ไอ้แบงค์แทรกเข้ามา แม่งพูดเข้าท่าด้วยสิ
“มีตลกมั้ยวะ ไปเล่นตลกกัน หญิง! กูกะมึงเล่นตลกได้นะ!” ผมชวนมัน
“ขอสาระได้มะ....”
หลังจากที่มันขอสาระ พวกผมก็ไม่ได้พูดอะไรอีก.... ผมกับแบงค์นั่งรูดเฟสบุ๊คดูรูปตลกๆตอนที่เราไปเที่ยวกัน รูปผมแก้ผ้าว่ายน้ำในทะเลตอนกลางคืน รูปไอ้หญิงเมาหน้าทิ่มอยู่ที่ชายหาด ไอ้เต๋า ไอ้ปู ไอ้เนม และเพื่อนๆอีกเป็นสิบๆคนในสารรูปดูไม่ได้ มันเป็นฟูลมูนปาร์ตี้ที่สุดยอดมากๆ
“เออเอ็ม...มึงมีอะไรจะเล่าให้กูฟังเหรอ” ไอ้หญิงหันมาถามผมกับไอ้แบงค์ที่หัวเราะคิกคักกันอยู่สองคน
“เออ...ขอกูเมาอีกหน่อยนะ” ผมหันไปตอบมันแล้วเปิดเบียร์ขวดใหม่ ขณะที่เรากำลังดูรูปไอ้หญิงเต้นท่าชาวเกาะอยู่ ผมก็ได้รับข้อความใหม่เข้ามารัวๆ
Chanakarn : เอ็มพี่โทรไปได้ไหม
Chanakarn : คิดถึงมากนะ
Chanakarn : ขอโทษด้วยนะ
Chanakarn : พี่ขอโทรไปนะ อย่าโกรธพี่เลยนะคับ
ผมกับแบงค์มองหน้ากันเหมือนเห็นผี เหมือนโทรศัพท์เป็นลูกระเบิด
แล้วเสียงเรียกเข้าก็มา.....
ผมตัดสายทิ้งตามสัญชาติญาณ
“มึงไม่รับอ่ะ” แบงค์ถาม
“กูไม่อยากคุยกะคนนี้แล้วอ่ะ”
“ทำไมวะ...มึงเบื่อเหรอ?”
“เค้าชอบตื้ออ่ะมึง เค้ากดดันกูอ่ะ” ผมตอบมันไปพร้อมกดตัดสายโทรศัพท์อีกรอบ “คือเค้าก็หล่อดีนะ กูชอบนะ แต่พอคุยๆไปแล้วเฉยๆว่ะ”
“มึงไม่ต้องตัดสายก็ได้นะ แค่วางไว้แล้วปิดเสียง มึงตัดเค้าก็ยิ่งโทรดิวะ”
“เออถูกๆ” ผมเปลี่ยนโทรศัพท์เป็นโหมดเงียบแล้วโยนขึ้นไปบนเตียง
“ทำไมมึงไม่ปี้ๆให้มันจบไปวะ เค้าจะได้เลิกงองแง” แบงค์ถามคำถามจี้ใจ “แม่งหล่อกว่ากูอีก” มันพูดขณะที่กำลังส่องเฟสบุ๊คพี่ปาร์ค
“กูกลัวแม่งจริงจังอ่ะดิ กูชวนไปดูหนังแล้วรอบนึงแล้วไง แล้วแม่งดูแบบเด็กๆอ่ะ กูไม่อยากสานต่อ” ผมบอก แบงค์หัวเราะ “เออกูเข้าใจ”
“กูไม่เข้าใจ!!” ไอ้หญิงแว้ดขึ้นมากลางวง ผมกับแบงค์สะดุ้ง “ผู้ชายแม่งเป็นอะไรกันวะ!! ทำไมไม่ชอบคนจริงจัง กูถามหน่อยเหอะ!!”
“กูเป็นเกย์ กูไม่เกี่ยว” ผมรีบปัดไปทางไอ้แบงค์
“กู....ชอบนะคนจริงจัง แต่ก็ต้องเป็นคนที่กูจริงจังด้วยไง ไม่ใช่ทุกคนป่าววะ”
“ถูกกกกก” ผมยกขวดเบียร์ชนกับมัน “ถูกต้องครับผมมม”
“แล้วคนที่มึงไม่ได้ชอบ มึงจะไปคุยกับเค้าทำไม...” ไอ้หญิงยังไม่จบ
“ก็ชอบบบบ...แต่ไม่ได้ชอบขนาดนั้นไง” ผมชี้แจง “เก็ทป่ะ...ทีเพื่อน ยังมีเพื่อนธรรมดา กับเพื่อนสนิทเลย ก็แบบเดียวกันแหละ” ไอ้หญิงยังทำหน้าไม่เข้าใจ “สมมุติว่าเพื่อนที่มึงไม่สนิท อยู่ดีๆมานอนค้างที่ห้อง มาแดกของในตู้เย็นมึง มึงจะชอบมะ?” ผมอธิบายต่อ
“แถสัด...” มันตอบกลับพร้อมทำหน้าเหม็นเบื่อ ผมจิ๊ปากแบบเบื่อหน่ายแล้วส่งเบียร์ให้มันแทนคำตอบของทุกๆอย่าง
“ฮือออ...เอ็มมมมม กอดกูหน่อย” ไอ้หญิงทิ้งตัวใส่ผม หัวมันกระแทกขวดเบียร์ในมือผมด้วยแต่ดูไม่ยักจะเจ็บ แสดงว่าเมาได้ที่ “โอ๋นะเตี้ยนะ” ผมกอดมันกลับ ไอ้แบงค์โดดเดี่ยว
“กูอยากโทรหาพี่กาย...ซิกๆ” พี่กายแฟนเก่ามันนั่นเอง
“ไม่เอา! คุยกับกูนี่มา ไหนมึงบอกมึงจะเล่าอะไรให้กูฟัง” ผมเปลี่ยนเรื่อง
“อ๋ออ ...เอออออ....พี่สิงห์ขอเบอร์กู!” มันลุกขึ้นมาร่าเริงทันที “มึงงงง!! จำได้ไหมพี่สิงห์อ๊ะ!” มีเหรอผมจะจำหนุ่มหล่อในวันปฐมนิเทศไม่ได้ พี่สิงห์แห่งแผนกพีอาร์ จริงๆก็กะว่าจะแวะไปเต๊าะเล่นซะหน่อยอยู่เหมือนกัน แต่ดันไม่ค่อยได้เจอ
“เกย์.....” ผมตอบ
“อะไรนะ?”
“เกย์....เกย์ร้อยเปอร์เซ็นต์” ผมย้ำ
“เค้า...ขอ...เบอ...กู...” ไอ้หญิงทวนทีละคำ
“เกย์...แน่...นอน” ผมพูดช้าๆ ชัดๆ “เดี๋ยวกูพิสูจน์เอง”
“พิสูจน์อะไร! มึงจะทำอะไรพี่เค้า!” มันตบไหล่ผมดังผลั่ก “มึงห้ามเยพี่เค้านะ!”
“เออ! กูไม่เยเค้าแน่ๆ... แต่ถ้าเค้าจะเยกู กูช่วยไม่ได้นะ” ผมหันไปยักคิ้วกวนตีนใส่ มันดึงขวดเบียร์ไปจากมือผม
“เออ!...ก็ได้ กูจะให้มึงลอง“ แล้วดื่มอึกใหญ่ ก่อนจะส่งกลับมา “แต่ถ้าเค้าไม่ใช่มึงต้องช่วยกู...”
แล้วเราก็ชนขวดกันต่อทั้งคืน ผมทำเนียนในเรื่องของตัวเองไป พามันไปคุยเรื่องโน้นบ้างเรื่องนี้บ้าง ผมเป็นคนเก่งในการพูดคุยและควบคุมบทสนทนา เราแซะพี่สิงห์เล่นเสียจนล่อนจ้อน ไปจนถึงขั้นผมพนันกับมันว่าพี่แกจะอยู่ที่ 6 หรือ 7 นิ้วกันแน่
____________________________________________________________________
โทรศัพท์ผมลั่นจนแบตหมดเพราไอ้พี่ปาร์คกระหน่ำโทรเข้ามา ผมกลับจากหอไอ้หญิงมาถึงหอตัวเองราวๆ ตี 1 และประตูห้องดูจะหนักขึ้นเป็นพิเศษเมื่ออากาศเย็น ผมพยายามเอาบัตรแตะตรงกลอนประตูเงอะๆงะๆอยู่สักพักจนอยู่ดีๆมีมือยื่นเข้ามาจับแขนผม!
“เห้ย!” ผมตกใจนึกว่าผี!
“เอ็ม....คุยกันก่อนได้ไหม” คล้ายๆกับผีนั่นแหละ แต่เป็นพี่ปาร์กตัวเป็นๆ เขาบีบข้อมือผมแน่น
“พี่! ปล่อย!” ทำไมเราต้องเจอกันตอนเมาทุกทีเลยวะ ผมสะบัดมือออก พี่ปาร์กดันผมติดประตู “มันมีกล้องนะพี่...แล้วพี่ขึ้นมาได้ยังไงเนี่ย” ผมตอบ
“พี่ไม่สน...พี่แค่อยากจะมาคุย...” สีหน้าจริงจังของเขาทำให้ผมหวั่นเล็กๆอยู่ในใจเหมือนกัน แต่ถ้ามันจะมาถึงขนาดนี้เราผมก็ไม่รู้จะลีลาไปให้มันยากทำไม
“พี่จะเอาอย่างงี้ใช่ไหม?” ผมถาม พี่แกไม่ตอบ ผมหยิบบัตรในกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาปลดล็อคประตู พี่ปาร์กทำหน้าสับสน เมื่อผมเปิดประตูห้องให้ “เข้ามาดิพี่”
ผมไม่ได้กลับห้องมาหลายวัน แต่พี่แทนเป็นค่าจ่ายค่าดูแลและแม่บ้าน มันจึงใหม่เอี่ยมอยู่เสมอ เพราพี่แกทนไม่ได้ในสภาพห้องที่ผมอยู่เอง
“ผมอาบน้ำก่อนนะครับ” ผมหยิบผ้าเช็ดตัวจากตู้เสื้อผ้า แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ในห้องมีรูปผมกับพี่แทน ที่พี่แกเอามาบังคับวางไว้ที่หัวเตียง พี่เขาคงจะเห็นแหละ ช่างแม่งเหอะ อย่างกับจะมีใครแคร์
ผมกลับออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียว จะใส่เยอะไปทำไมในเมื่อเดี๋ยวก็ต้องถอด พี่ปาร์กที่นั่งอยู่บนโซฟาถึงกับเหวอ แหม...ทำมาเป็นงง เบื่อจริงๆคนเงี่ยนแล้วทำเป็นไม่รู้เรื่องเนี่ย
“พี่จะคุยอะไรเหรอครับ” ผมตอบไปพร้อมกับเช็ดผมตัวเอง
“เอ่อ...อ๋อ....พี่แค่อยากจะ...” เหวอหวาอะไรครับแล้วนั่นอะไรแข็งโด่ขึ้นมาครับพี่ ดูเข้าสิ ดูสภาพคนแค่อยากจะมาคุย
“พี่อยากจะอะไรเหรอ..” พี่ปาร์กถึงอ้ำอึ้ง แหมนึกว่าจะพูดขอโทษซะอีก ผมเช็ดจนผมหมาดแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆเขาที่วางมือลงบนต้นขาแบบโดยอัตโนมัติ “พี่พูดสิ...พี่ไม่พูดผมไม่เริ่มนะครับ” ผมนั่งรอ ยิ้มใสๆทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทำไมต้องให้สอนว้า....
“พี่...พี่...คือ” ปากเขาไม่พูดนะ แต่มือนี่มาทั้งสองมือแล้ว “พี่ขอได้ไหม...เอ็ม”
“ขออะไรเหรอพี่?....อ้าวไหนบอกจะอยากคุยไง...ไม่คุยแล้วเหรอครับ?” ผมถาม ผมรู้ดีว่าเขาทรมาณและสับสนแค่ไหน ผมสงสารเขาเหมือนกัน แต่บุคลิกของเขามันกระตุ้นต่อมความเลวในตัวผมเข้าเต็มๆ และในที่สุดเส้นบางๆของความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขาก็ขาดลง.....
........
“เอ็ม...อ่า...อื้ม..อื้ม” ขาผมพาดอยู่บนไหล่ของเขา และร่างกายของผมถูกดันขึ้นๆลงๆอยู่บนเตียง ผมยอมรับว่าพี่ปาร์กไม่เลวเลยตอนลงสนาม แม้ว่าเขาออกอาการตื่นเต้นมากไปหน่อย กดแล้วแช่ กดแล้วแช่.... มันเป็นอาการของคนหิวโหย หรือความผิดพลาดของพวกมือใหม่ แต่ก็เรียกน้ำจากร่างกายผมไอ้ไม่น้อยเลย
“อือออ...เสียวจังครับพี่...โอ้ย...ตรงนั้นแหละครับ” ผมแกล้งแหย่
“เอ็ม...อา....พี่ก็เสียว...” สติสตังของเขากระจัดกระจาย ผมกลายเป็นคนคุมเกมโดยสมบูรณ์....
__________________________________
ไรท์ตั้งใจจะอัพให้ได้อาทิตย์ละ 2 ตอนนะคะ นี่เป็นครั้งแรกที่ทำสำเร็จ 5555
ขอบคุณทุกคอมเม้นมากๆจ้า ไรท์ขอไม่บอกนะว่าใครคือพระเอก