ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ๐๕
เป็นเพลาหลายสัปดาห์ที่ชมนาดเข้าเป็นสนมเอกในองค์ภุมรินอยู่ที่ตำหนักหลวง คนตัวเล็กนั่งพับเพียบร้อยมาลัยมะลิ โดยมีพุดจีบนอนขดอยู่ข้างๆ
“แบบนี้หรือจ๊ะคุณท้าว”เอ่ยถามเสียงหวานพลางประคองดอกไม้หอมสีขาวนวลให้คนแก่ดู
“เพคะพระสนม งามนักเพคะ”เอ่ยชมพลางตบหลังมือขาวเบาๆให้กำลังใจ
“ขอบคุณจ้ะ”ยิ้มหวานให้ก่อนจักก้มหน้าร้อยดอกไม้ต่อ
“องค์ภุมรินเสด็จเจ้าค่ะคุณท้าว”ข้าหลวงสาวกระซิบบอกคุณท้าวที่กำลังสอนพระสนมร้อยดอกไม้
“พระสนม องค์ภุมรินเสด็จเพคะ”กระซิบบอกร่างบางที่ก้มหน้าสนแต่ดอกไม้สีขาวหอมตรงหน้าอีกทอด
มือเล็กวางพวงดอกมะลิที่ยังร้อยไม่เสร็จลงบนพาน ขยับหมอบกราบเมื่อพระวรกายกำยำเสด็จเข้ามาในศาลาริมสระหลวง
“...ข้าเจ็บท้อง...ใคร่เข้าห้องน้ำนัก ขอตัวก่อนหนาจ๊ะคุณท้าว”หันไปบอกข้าหลวงเฒ่าก่อนจักขยับกายลุกขึ้นแต่เมื่อหันกายออกก็ต้องผงะ ร่างบางปะทะเข้ากับพระวรกายสูงกำยำ พระกรแข็งแรงโอบตวัดรอบเอวเล็กไว้ไม่ให้น้องล้ม แย้มพระโอษฐ์เมื่อเห็นดวงตากลมหวานเบิกกว้าง ริมฝีบางสีระเรื่อเผยอตกใจ มือบางทั้งสองข้างวางทาบลงบนพระอุระกว้าง
“ใยจึงชอบหลบหน้าพี่นักเจ้าชมนาด นี่ผัวหนา”ตรัสกระเซ้าเย้าแหย่
“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”เสียงหวานเอ่ย หลุบตาลงต่ำพลางเบี่ยงกายออกจากอ้อมพระกรอุ่น
“คุณท้าว”
“เพคะฝ่าบาท”
“ข้าขอตัวเจ้าชมนาดก่อนได้หรือไม่คุณท้าว”
“แต่หม่อมฉันยังร้อยมาลัยไม่เสร็จหนาพระเจ้าค่ะ”
“นี่น่ะหรือ”พระหัตถ์หยิบพวงมะลิที่ยังไม่สมบูรณ์ขึ้นชม
“เพคะ”เป็นคุณท้าวที่ตอบแทนพระสนม
“งามนัก ร้อยให้พี่ใช่หรือไม่”พระราชปุจฉา
“มิใช่พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันจักร้อยไปถวายพระที่ตำหนักศาสน์”ตอบพลางเบือนใบหน้าหวานหนี มิใคร่เห็นพระเนตรกรุ้มกริ่มนั่นสักเท่าใด
“เยี่ยงนั้นหรือ มิเป็นไร”วางพวงดอกไม้ลงบนพาน แลหันพระพักตร์มาคว้ามือบางขึ้นจรดพระนาสิก สูดพระปัสสาสะเข้าพระปับผาสะ
“......”ดวงตาหวานเบิกกว้างชักมือกลับ
“หอมนัก เจ้าดอกข้าวใหม่ของพี่ หึหึหึ คุณท้าวข้าขอตัวชมนาดก่อนหนา”
“เพคะฝ่าบาท”
“แต่...”
“อย่าดื้อกับพี่”จับคางแหลมเขย่าไปมาเบาๆ รวบเอวบางรั้งร่างเล็กให้เดินตาม
“ฝ่าบาท! หม่อมฉันมิไปหนาพระเจ้าค่ะ”พยายามขืนตัวไว้ แต่ก็ไม่อาจสู้แรง
.
.
.
องค์ภุมรินพาร่างแน่งน้อยมาที่ห้องบรรทม ณ ตำหนักหลวง ชมนาดสะบัดกายออกจากพระวรกายกำยำ น้องน้อยเดินหนีพระภัสดารูปงามมาหยุดอยู่ที่พระแท่นบรรทมคลุมด้วยพระวิสูตรปักลายดอกไม้สีหวาน เดิมทีเครื่องบรรทมแลพระวิสูตรในห้องบรรทมตำหนักหลวงเป็นสีเข้มทึบ หากแต่มีรับสั่งให้เปลี่ยนเครื่องบรรจถรณ์ แลพระวิสูตรเป็นสีหวานปักลายดอกไม้ต้อนรับเจ้าชมนาดที่จักเข้ามาอยู่ตำหนักหลวงตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป
“ใยจึงใจร้ายใจดำกับพี่เยี่ยงนี้หนาเมีย”ทรงตรัสด้วยพระสุระเสียงหวานพลางรวบกายบางเข้ามาในอ้อมพระกรจากด้านหลัง
“ฝ่าบาท!”
“โกรธเคืองพี่มากหรือ ไฉนเลยจึงไม่ยอมใจอ่อนให้อภัยกันเสียที”
“หม่อมฉันควรอภัยให้คนที่หักหาญน้ำใจหม่อมฉันง่ายๆหรือพระเจ้าค่ะ”ผินหน้ามาถามอย่างเอาเรื่อง
“แต่นี่ผัวหนา”ประคองมือบางขึ้นแนบพระปราง อ้อนจนเจ้าชมนาดหน้าม้าน
“...”
“พี่รักเจ้าหนาเจ้าชมนาด มิเช่นนั้นคงมิใจง่ายตามไปถึงเรือนเจ้าดอก”
“...”
“แลน้องเล่ารักพี่บ้างหรือไม่”จรัสคลอเคลียปรางขาว
“...หม่อมฉันมิทราบพระเจ้าค่ะ”
“พี่มิเร่งรัดเจ้าดอก พี่ขอแค่อย่าปั้นปึงใส่พี่แค่นี้ก็พอใจหนักหนาแล้ว”
“...”
“อย่าใจร้ายเลยหนาแม่คนดี”กดจูบที่แก้มนุ่ม
“หม่อมฉันขอประทานอภัยโทษพระเจ้าค่ะ หากทำกิริยามิเหมาะมิควร แต่จักให้หม่อมฉันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เอาอกเอาใจฝ่าบาทเยี่ยงพระสนมองค์อื่น หม่อมฉันคงทำมิได้”หันกายเข้าหาพระวรกายกำยำ มือบางพนมกราบลงบนพระอุระ
“หึหึหึ”ยกพระกรตระกองกอดร่างน้อย
“...”
“พี่บอกเจ้าไปแล้วหนาว่าพี่มีเจ้าเป็นสนมคนเดียว มิมีใครอื่นอีกเลยหนาเมีย”วางพระพักตร์แนบกับลาดไหล่เล็ก
“...ฝ่าบาท”ชมนาดยืนตัวแข็ง ฝ่ามือบางยกกั้นพระโอษฐ์ที่เคลื่อนมาใกล้แก้มขาว
“มิเชื่อพี่หรือ”
“...เป็นไปมิได้ดอกพระเจ้าค่ะที่พระองค์จักมิมีสนมปรนนิบัติ”ร่างบางเบือนใบหน้าสวยหนีแลกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พลางขืนกายออกจากอ้อมพระกรอุ่น ก่อนจักเดินไปนั่งหันหลังให้พระภัสดาที่ปลายพระแท่นบรรทม
“ก็ได้ๆ พี่สารภาพอย่างที่เมียว่าเป็นไปมิได้ที่พี่จักมิมีหญิงมาบำเรอ”เสด็จตามไปประทับข้างร่างน้อย รั้งร่างบางเข้ามากอด แม้อีกคนจะขัดขืนก็ตามที
“...ทรงปดเก่งเหลือเกิน”ตัดเพ้อด้วยความน้อยใจ กี่ครั้งแล้วที่โดนลวง
“พี่มีหญิงบำเรอก็จริงหนา แต่มิมีใครที่พี่ตั้งให้เป็นสนม”
“...”
“น้องคนเดียวที่จักได้ใจพี่หนาเจ้าชมนาด”พระโอษฐ์ได้รูปงามป้อนคำหวานจนชมนาดใจแกว่ง
“...เชื่อได้หรือพระเจ้าค่ะ”
“แน่สิ พี่มิกล้าปดเจ้าอีกแล้ว เมียจ๋า”
“เหอะ พระโอษฐ์หวานเยี่ยงนี้หม่อมฉันกลัวนักว่าจักต้องเจ็บเข้าสักวัน”
“ชมนาด พี่สัญญาหนาหากวันใดที่เจ้าจักต้องเสียใจ เสียน้ำตา นั่นคือวันที่พี่ตายเท่านั้นแล”
“ฝ่าบาท!! ทรงตรัสกระไรออกมาพระเจ้าค่ะ มิเป็นมงคลเสียเลย”ชมนาดพลิกกายหันมายกมือเล็กปิดพระโอษฐ์ คิ้วเรียวขมวดอย่างมิใคร่พอใจ
พระหัตถ์ประคองมือบางที่ปิดพระโอษฐ์ตัวอยู่ออก กดจูบที่กลางฝ่ามือหอม พระนาสิกไล้ไปตามมือบาง ขบเม้มจนใบหน้าสวยของสนมเอกเห่อแดง
“เป็นห่วงพี่หรือ”
“...อย่างไรเสียหม่อมฉันก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียพระองค์”ว่าพลางเบือนหน้าหนี
“หึหึหึ”
“ทูลฝ่าบาท”นายทวารหมอบคลานเข้ามาในห้องบรรทม
“มีกระไร”พระราชปุจฉาแต่ยังตระกองกอดร่างน้อย
“แม่นางปิ่นบุตรีท่านเสนาฝ่ายขวามาขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ”
“แม่นางปิ่นหรือ...บอกให้นางรอที่ห้องโถงก่อนประเดี๋ยวข้าจักตามไป”
“รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ”
“เจ้าชมนาด”
“พระเจ้าค่ะ”
“ไปกับพี่หนา”
“มิควรกระมังพระเจ้าค่ะ หม่อมฉัน...”
“มิมีกระไรมิควรสำหรับเจ้า”
“...พระเจ้าค่ะ”ทรงตรัสเยี่ยงนี้จักปฏิเสธได้อย่างไรเล่า
.
.
.
“ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท”หญิงงามหมอบกราบชายสูงศักดิ์อย่างอ่อนช้อย งดงามสมเป็นบุตรีของขุนนางใหญ่
“แม่ปิ่นมาเข้าเฝ้าข้ามีเรื่องกระไรหรือ”ทรงตรัสถามหลังจากที่ประทับบนแท่นประทับพร้อมชมนาดข้างกายแล้ว
“หม่อมฉัน....”หญิงงามเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวาน หากแต่เห็นร่างบางอรชรข้างพระวรกายของชายที่หมายปอง รอยยิ้มงามก็ค่อยๆเลือนหายไป
“...นี่เจ้าชมนาด พระสนมเอกของเรา แลจักเป็นพระชายาในวันหน้า”ตรัสแลมอบแย้มพระโอษฐ์หวานให้เมียรัก
“...พะ เพคะ? พระสนมเอกหรือเพคะ?”
“ใช่...เอาล่ะเข้าเฝ้าข้ามีเรื่องอันใด”พระราชปุจฉา
“...หม่อมฉัน...นำผ้าไหมทอด้ายทองมาถวายเพคะ”
“งามนัก เจ้าได้มาจากไหนหรือ”ทรงหยิบผ้าไหมบนพานทองขึ้นทอดพระเนตร
“หม่อมฉันทอเองกับมือเพคะ ทรงโปรดหรือไม่เพคะ”
“อืม..ขอบใจเจ้ามาก”
“หามิได้เพคะ”ยกยิ้มเอียงอาย
“งามหรือไม่เจ้าชมนาด”ทรงหันไปพระราชปุจฉากับร่างบางที่เงียบมาแต่ต้น
“งามพระเจ้าค่ะ”เสียงหวานตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ แต่แค่นั้นก็ทำเอาพระทัยเจ้าหลวงไหววูบกับรอยยิ้มเมีย
“เยี่ยงนั้น...พี่ยกให้เจ้า”ว่าอย่างเอาอกเอาใจ โดยมิสนหญิงงามที่นั่งต่ำกว่าตน
“มิดีกระมังพระเจ้าค่ะ นางถวายให้พระองค์”
“ของผัวก็เหมือนของเมีย ผ้าไหมแค่ผืนเดียวพี่ให้เจ้าได้ แม้แต่วังนี้หากเจ้าใคร่ได้พี่ก็จักยกให้”
“ฝ่าบาททรงตรัสกระไรเยี่ยงนั้นพระเจ้าค่ะ”
“รับไว้เถิดเมียจ๋า หนา..รับไว้ให้พี่ชื่นใจหน่อยเถิด”ประคองมือบางลูบไล้ออดอ้อน จนหญิงงามบุตรีเสนาฝ่ายขวาต้องก้มหน้าซ่อนความเจ็บปวดระคนริษยา
“พระเจ้าค่ะ ขอบพระทัยฝ่าบาท”พนมมือกราบลงบนพระอุระ องค์ภุมรินยกพระโอษฐ์แย้มยิ้มกว้าง กดพระนาสิกสูดกลิ่นหอมบนกลุ่มผมนุ่ม
“ขอบใจมากหนาแม่นางปิ่น”ตรัสขอบใจหญิงสาวอีกคราหลังจากผละออกจากร่างบางของเมียรัก
“หามิได้เพคะ”ฝืนยิ้มก่อนจะทูลลา
รีบเร่งมาเข้าเฝ้าหลังจากเสด็จประพาสป่าเป็นเพลานาน ไหนจักผ้าไหมที่เพียรทอหลังขดหลังแข็ง ใคร่อยากนำมาถวายชายผู้เป็นที่รัก หากแต่กลับต้องมาพบเจอเรื่องปวดหัวใจ พระองค์ทรงมีพระสนมเอกแล้ว แลจักตั้งเป็นพระชายาในวันหน้าอีกด้วย เฝ้าฝันมานานหลายปี หวังจักได้ขึ้นเป็นชายาคู่ขวัญเคียงกายเจ้าหลวง ไฉนเลยจึงเป็นเช่นนี้
“อึก ฮือออออ ฮึก ฮือออออ”หญิงสาวร่ำไห้ราวกับถูกมือที่มองมิเห็นกระชากหัวใจนางทิ้งพื้นกรวด แลเหยียบซ้ำ เจ็บยิ่งนัก แลยิ่งเห็นพระองค์ผู้สูงศักดิ์รักใคร่เอาอกเอาใจมันผู้นั้น ก็ยิ่งเจ็บแค้น
“..ฮือออออออ เจ้าชมนาด!!”เปล่งชื่อมันผู้นั้นด้วยความเกลียดแค้น องค์ภุมรินจักต้องเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว ใครหน้าไหนที่เป็นเสี้ยนหนามหัวใจนาง มันจักต้อมิตายดี!!!!
.
.
.
“นุ่งให้พี่ดูหน่อยหนาน้อง”ส่งผ้าไหมผืนงามให้คนเป็นเมีย
“.....หม่อมฉันมิใคร่โปรดพระเจ้าค่ะ”มิใช่ว่าผ้ามิงามเลยมิใคร่โปรด หากแต่เป็นเพราะผ้าไหมงามผืนนี้เป็นของที่สตรีถวายแก่พระภัสดาต่างหาก จึงมิใคร่โปรด
“หืม...ไหนน้องว่างาม”ตรัสถามพลางวางผ้าไว้บนพานทองดังเดิมแลขยับเข้าไปหาร่างบาง เอาใจยากจริงแม่เนื้อเย็น
“งามพระเจ้าค่ะ แต่หม่อมฉันมิใคร่โปรด”
“เยี่ยงนั้นพี่จักเก็บไว้เองก็แล้วกันหนา”
“...แลหม่อมฉันก็มิใคร่โปรดจักให้พระองค์เก็บไว้เองพระเจ้าค่ะ”สิ้นพระสุระเสียงร่างน้อยก็ตวัดสายตากลับมากล่าวเสียงเรียบ
“หา...แล้วจักให้พี่ทำเยี่ยงไรจึงจักถูกใจน้องหรือเจ้าชมนาด”
“แล้วแต่พระองค์เถิดพระเจ้าค่ะ สตรีนางนั้นถวายแด่พระองค์มิใช่หม่อมฉัน”
“อ่า...เยี่ยงนั้นพี่จักประทานให้คุณท้าวก็แล้วกัน”
“....”
“พอใจหรือไม่”
“...แล้วแต่พระองค์เถิดพระเจ้าค่ะ”
“แล้วแต่พี่มิได้ดอก ก็เมียหึงเยี่ยงนี้”
“ฝ่าบาท!! เยี่ยงนั้นก็ประทานให้คุณท้าวท่านไปเสียพระเจ้าค่ะ”
“หึหึหึ รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะพระสนมเอก”
“....”ค้อนควักเข้าให้
“เยี่ยงนั้นพี่มีผ้าอีกผืนจักให้เจ้า”
“สตรีนางใดถวายให้อีกหรือพระเจ้าค่ะ”
“หึหึหึ สตรีผู้นี้เป็นรักแรกแลรักเดียวของพี่”พระสุระเสียงที่ตรัสพร้อมแย้มพระโอษฐ์ ทำเอาใจดวงน้อยหล่นวูบ
“...”หันกายหนีด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
“นางเป็นสตรีสูงศักดิ์ งดงามราวนางในวรรณคดี อีกทั้งยังมีจิตใจเมตตาราวนางอัปสรบนสวรรค์ เจ้าใคร่รู้หรือไม่ว่านางเป็นใคร”
“...”
“นางคือ พระพันปีหลวง แม่ของพี่เอง”
“พระพันปีหลวงหรือพระเจ้าค่ะ”
“ใช่”ตรัสตอบก่อนจะเสด็จไปเปิดหีบทองที่มุมห้องบรรทม ก่อนจะเสด็จกลับมาพร้อมผ้าไหมยกดิ้นทองสีแดงชาดลายดอกตำลึง
“งามเหลือเกินพระเจ้าค่ะ”นิ้วเล็กลูบแผ่วเบาไปตามเนื้อผ้า
“ใคร่โปรดหรือไม่”
“....”ช้อนตามองจนพระภัสดาเอ็นดู
“พี่ยกให้น้อง”
“มิได้พระเจ้าค่ะ”
“มิใคร่โปรดดอกหรือ”
“หามิได้พระเจ้าค่ะ ผ้าผืนนี้งดงามนักแลมีค่านัก หม่อมฉันรับไว้มิได้ดอก”
“รับไว้เถิด ถือซะว่าเป็นของรับขวัญเมียองค์ภุมริน”
“แต่ฝ่าบาท มันมีค่ามากเกินไปพระเจ้าค่ะ”
“...เพราะน้องมีค่ามาก พี่จึงมอบของที่มีค่ามากให้น้องหนา เจ้าชมนาด”
“.....”
“รับไว้เถิดหนา คนดี”
“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”ก้มกราบลงบนพระเพลา พระหัตถ์อุ่นลูบไหล่บางเบาๆ
.
.
.
“เป็นพระมหากรุณาเพคะฝ่าบาท ผ้าผืนนี้ช่างงามเหลือเกินเพคะ”ข้าหลวงเฒ่าหมอบกราบ
“มิเป็นไรดอกคุณท้าว ถือซะว่าข้าตอบแทนน้ำใจที่ท่านช่วยดูแลเจ้าชมนาด”
“คุณท้าวชอบหรือไม่จ๊ะ”ชมนาดเอ่ยถาม
“ชอบเพคะพระสนม ขอบพระทัยเพคะ”
“มิต้องขอบใจข้าดอกจ้ะ”
“ข้าไม่มีกระไรแล้ว เชิญคุณท้าวพักผ่อนเถิด”
“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันทูลลาเพคะ ฝ่าบาท พระสนม”
“จ้ะ”
หญิงเฒ่าออกจากตำหนักหลวงด้วยรอยยิ้ม ทรงเมตตานางเหลือล้นทั้งเจ้าหลวงแลพระสนม มือเหี่ยวประคองผ้าไหมผืนงามไว้แนบอก เดินลัดเลาะกลับเรือนด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข อยู่เป็นข้ารับใช้ในวังมาก็ค่อนชีวิต ได้สิ่งของตอบแทนมาก็มาก แต่ก็ยังดีใจที่ทรงเมตตาประทานผ้าไหมผืนนี้ให้ อีกทั้งพระสนมก็ยังน่ารักน่าเอ็นดูมิถือตัวกับนางเลยสักนิด ปฏิบัติกับนางราวญาติผู้ใหญ่ ทำเอาซึ้งใจยิ่งนัก
“ประเดี๋ยวคุณท้าว”เสียงหวานของบุตรีท่านเสนาบดีฝ่ายขวาทำเอาคนเฒ่าหยุดชะงัก
“มีกระไรหรือแม่”
“ผ้าไหมผืนนั้น ท่านจักเอาไปไหนหรือ”ทำไมจักจำผ้าผืนที่นางนั่งทอหลังขดหลังแข็งไม่ได้กัน
“ฝ่าบาทแลพระสนมทรงประทานให้ข้า เจ้ามีกระไรหรือ”ถามกลับไป ลอบมองกริยาขบฟัน กำมือของหญิงสาวอย่างแปลกใจ
“ฝ่าบาทแล..พระสนมทรงประทานให้ท่านหรือ”
“ใช่..เห็นว่ามีคนนำถวายแต่พระสนมมิใคร่โปรดจึงประทานให้ข้า”
“...เยี่ยงนั้นดอกหรือ”หลับตาสูดลมหายใจก่อนจะเดินกระแทกเท้าจากไป
“ไปมิลามามิไหว้ นี่หรือบุตรีขุนนางใหญ่”ส่ายหน้าอย่างระอาใจ
.
.
.
“ผ้าที่หม่อมฉันนั่งทอหลังขดหลังแข็ง เพียงเพื่ออยากให้ชายอันเป็นที่รักได้ใช้สอย แต่กลับทรงประทานให้อีขี้ข้าเฒ่านั่น ใยจึงทำกับหม่อมฉันเยี่ยงนี้ ทรงประทานของที่หม่อมฉันตั้งใจถวายให้กับมัน!!! หนำซ้ำยังทำร้ายหัวใจของหม่อมฉันจนยับเยินเพียงเพราะมันผู้นั้นมิใคร่โปรด ฮึก เจ้าชมนาด เห็นทีกูกับมึงคงอยู่ร่วมโลกกันมิได้เสียแล้ว”แค้นใจนัก คอยดูเถิด ข้าจักทำให้เจ้าพินาศไม่เหลือชิ้นดีเลย
.
.
.
“ฝ่าบาท!!!”เสียงหวานร้องเมื่อถูกพระภัสดารวบกอด
“ขอพี่กอดหน่อยหนา มิเช่นนั้นพี่คงนอนมิค่อยจักหลับ”พระกรแกร่งรัดร่างบางไว้แนบอก ก่อนจะออกแรงกดร่างบางให้นอนลงแลดึงผ้าคลุมพระองค์ขึ้นห่ม
“บรรทมมิหลับหรือพระเจ้าค่ะ หลายวันมานี่หม่อมฉันก็เห็นพระองค์ทรงบรรทมได้”
“ก็วันนี้พี่นอนมิค่อยจักหลับอยากกอดเมีย”
“แต่หม่อมฉันมิให้กอด”
“แต่เจ้าเป็นเมียหนา”
“.....”
“หรือจักให้พี่ไปกอดคนอื่นเล่า”
“...เยี่ยงนั้นก็เชิญเถิดพระเจ้าค่ะ ใคร่จักไปกอดใครก็แล้วแต่พระองค์เถิด”เสียงหวานเอ่ยพลางขืนกายออกจากอ้อมพระกรอุ่น
“...ใคร่จักกอดเจ้านี่แล”ตรัสแลสูดพระนาสิกกับปรางนุ่ม
“กลั่นแกล้งหม่อมฉัน สำราญนักหรือพระเจ้าค่ะ”
“รักดอกจึงหยอกเล่น”
“...”
“ชมนาดจ๋า”
“...”
“รักเจ้าหนาคนดี”
“.....”แกล้งหลับตานิ่งประหนึ่งเข้าสู่ห่วงนิทราไปแล้ว แต่ใบหน้างามกลับมีสีแดงระเรื่อ
“ฝันดีหนาน้อง”
“.....ฝันดีเช่นกันพระเจ้าค่ะ”
.
.
.
รุ่งเช้า
หน้าที่ของพระสนมอย่างชมนาดในทุกวัน คือ ปรนนิบัติพระภัสดาตั้งแต่สรงน้ำ แต่งองค์ แลปรนนิบัติพระองค์ยามเสวยพระกายาหาร
ฟอด
“ฝ่าบาท ทรงหยุดก่อนได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”
“ก็ปรางน้องหอมนัก พี่อดใจมิได้ดอก”
“แต่หม่อมฉันกำลังแต่งองค์ให้พระองค์อยู่หนาพระเจ้าค่ะ”
“พี่ก็มิได้ทำการใดเสียหน่อย แค่หอมให้ชื่นใจเองหนา”
“...ทรงอยู่นิ่งๆเถิดพระเจ้าค่ะ”
“...ก็ได้ๆ”ตรัสพลางยกพระหัตถ์ยอม แต่ก็มิวายฉกพระโอษฐ์จูบกลีบปากนุ่มของอีกคน
จุ๊บ
“ฝ่าบาท!!!”ผงะถอยออกมา ใบหน้าสวยแดงซ่าน
“หึหึหึ พี่มิแกล้งแล้วคนดี”
“หม่อมฉันจักโกรธแล้วหนาพระเจ้าค่ะ”
“โธ่ เจ้าชมนาดคนดีใยจึงใจร้ายใจดำกับผัวนัก หือ”
“....”มิตอบโต้ให้ได้เสียเปรียบ มือบางคว้าเครื่องพระสุคนธ์มาป้ายตามแอ่งชีพจรให้พระภัสดาเป็นอันเรียบร้อย
“ขอบใจหนา”
“มิได้พระเจ้าค่ะ”
สายพระเนตรทอดมองร่างบางที่เก็บเครื่องพระสุคนธ์เข้าที่เดิม ร่างบางอรชรนุ่งโจงกระเบนของพระพันปีหลวงที่พระองค์ประทานให้ สีแดงชาดช่างขับผิวขาวๆของน้องน้อยให้ขาวผ่องน่ามอง เสื้อแขนกระบอกสีงาช้างนั้นก็ยิ่งขับให้พระสนมของพระองค์ดูสง่านัก
“ทอดพระเนตรหม่อมฉันเยี่ยงนั้น...”
“งาม”
“พระเจ้าค่ะ?”
“งามนักเมียพี่”
“.....”ใยจึงขยันทำให้หัวใจน้องเต้นแรงเช่นนี้
“งามจริงๆหนา”
“เสด็จเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวเสวยช้าจักปวดพระอุทร”
“...”ไม่ตรัสตอบแต่เสด็จมาโอบเอวบาง
.
.
.
ร่างบางป้อนพระกายาหารให้พระภัสดา ปรนนิบัติดีเสียจนเจ้าหลวงแย้มพระโอษฐ์มิหุบ
“พอแล้วน้อง พี่อิ่มแล้ว”ตรัสบอกแม่เนื้อเย็น
“พระสุธารสพระเจ้าค่ะ”ยกขันเงินใส่พระสุธารสลอยดอกมัลลิกาจรดพระโอษฐ์ สีหน้าตั้งอกตั้งใจทำเอาองค์ภุมรินเอ็นดูมิน้อย
“วันนี้น้องจักเรียนการบ้านการเรือนกับคุณท้าวใช่หรือไม่”
“พระเจ้าค่ะ”
“วันนี้พี่มีงานราชการมากนัก แต่กระนั้นพี่จักกลับมาเสวยกลางวันกับน้องหนา”
“พระเจ้าค่ะ...หม่อมฉันจักรอ”
“พูดจาเยี่ยงนี้ ทำให้พี่มิใคร่จักไปทำการแล้วสิ”
“หึหึหึ ไปเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันจักให้คุณท้าวสอนเข้าครัวทำเครื่องคาวถวายมื้อกลางวันนี้”
“หึหึหึ พี่จักรอหนา”
“พระเจ้าค่ะ”
******************************************************