เรื่อง :: บอกแล้วใช่ไหม ก่อนจีบให้ดูดีๆ ::
เขียน ::
ผู้ซึ่งหลงรักหญิงสาวในภาพวาด ::
บทที่ 12 : เขาคิดยังไงกับหนูกันแน่
“อะไรของมึง”
ไอ้ฟักนั่งเท้าคางอยู่หน้าเตา
“ทำงานไง แปบนะ เตาโต๊ะยี่สิบยังไม่ได้เลยพี่!” ผมตะโกนเรียกหาเด็กยกเตาย่าง ลูกค้ารอนานแล้ว ปล่อยงี้เดี๋ยวร้านก็โดนด่ากันพอดี “แดกไรอีกมั้ย ไปตักเองนะมึง”
มันยังมองผมแบบประชดประชันไม่เลิก ไอ้หน้าตานิ่งๆเฉยๆนั่นแหละ ตัวประชด!
“ก็คนมันขาด กูก็เลยมาช่วย ว่างๆอะ งานที่ร้านก็ไม่ได้เยอะ”
ผมแต่งชุดสีส้มๆ มีผ้ากันเปื้อนด้วยไม่อยากจะบอก ร้านหมูกระทะของเพื่อนพ่อที่รู้จักกัน คนเยอะอยู่ ผมมาช่วยได้อาทิตย์กว่าแล้ว
“แม่งไม่เมกเซ้นส์” มันทำปากบึนๆ “ไม่เลย”
ไอ้ฟักถอดสูทเหลือแต่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวๆ มันพับแขนเสื้อขึ้นแล้วเริ่มปิ้งหมูปิ้งไก่ ของเต็มโต๊ะ โดยเฉพาะผัก มันแบกมาทั้งสวนเลยมั้ง
ผมคอยประจำการอยู่ที่โต๊ะนู้นโต๊ะนี้เสร็จ พอคนเริ่มบางลงหรืออยู่ตัวถึงค่อยเดินไปบอกลุงชัย ก่อนจะมาหามันที่โต๊ะ
“พ่อมึงติดหนี้เขาเหรอ” มันถามหน้าตาเหมือนไม่รู้สึกรู้สา ตาหลุบมองกระทะ ปากพูดแจ้วๆ “กูช่วยมั้ย จ่ายขัดดอกด้วยร่างกายอะไรยังงี้”
“ก็บอกว่ามาช่วยเฉยๆ คนมันขาด เอ้อ”
ผมยกผ้าขนหนูที่พาดคออยู่ซับหน้า จากที่ดำอยู่แล้วตอนนี้เพิ่มระดับเข้าไปอีกหลายเฉด หนวดก็ไม่ได้โกน สักวันผมอาจจะลองไปแคสติ้งบทพระเอกอินเดีย พอเห็นหมูกำลังสุกก็ถือวิสาสะแย่งมันมาแล้วตักเข้าปากตัวเอง ผมเป่าปู้วๆ “ฮ้อน”
“เออ สม แย่งกูดีนัก”
หลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมช่วยงานที่บ้านกับที่อู่ พองานหมด ใครมีอะไรให้ช่วยก็เลยเหมาจนครบ ตั้งแต่ซ่อมประตูยันบ้านแมว ทั้งคิดตังค์และทำฟรี
โชคดีที่บ้านผมไม่เคยเปรียบเทียบผมกับพี่ชาย ผมเลยค่อนข้างมีความสุขดีสุดๆที่ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนั้น ทำงานช่วยที่บ้านไป ส่วนพี่ติ๊กแม่งก็อยากเป็นหมอมาตั้งนาน สุดท้ายก็ได้เป็น เงินดี แฟนสวย แฟนก็หมอ ทุกอย่างดูแฮปปี้ไปหมดเลยเว้ย
“มีอะไรจะบอกกูมั้ย”
“อะไรวะ”
“กูเปิดโอกาสให้มึงขนาดนี้แล้วนะ”
ไอ้ฟักดูหรูหราเกินกว่าจะมากินหมูกระทะแบบนี้ ทำไมมันต้องสร้างภาพลักษณ์ให้ผมรู้สึกว่าสิ่งนั้นคือไม่ได้วะ มันหน้าแดงๆ ปากก็แดง คงเพราะทั้งอากาศร้อนและกินของร้อนๆด้วย ความจริงตั้งแต่เกิดเรื่อง นี่เป็นครั้งแรกที่มันถามผม
ผมถอนหายใจ ก่อนจะคีบผักกาดเข้าปาก เคี้ยวดังกร๊วบๆ “กูเลิกกับคุณแก้วแล้ว”
“ดี”
“แล้วก็ ไอ้สัด” ผมวกไปด่ามันก่อนเล่าต่อ แต่ก็เหมือนมีก้อนจุกๆที่คอ ผมรู้สึกแน่นอก จุกเสียดและเริ่มวิงเวียนหน่อยๆ “กูรู้สึกแย่”
“เบียร์หน่อยมั้ย”
“ไม่ ไม่เอา เดี๋ยวกูทำงานไม่ได้ วันนั้นที่มึงเอาบัตรกูไปรูดๆ กูแทบไม่มีเงินใช้เลยรู้มั้ย”
“นั่นเขาเรียกว่ามึงซื้อให้ตัวมึงเอง”
“อือ กูล้อเล่น จริงๆตอนนี้ก็มีติดอยู่สองสามพัน”
“ดี”
ผมเหม่อ เผลอนึกไปถึงสมัยเด็กๆหน่อย ผมอกหัก เมาแล้วก็มีไอ้ฟักอยู่ข้างๆตลอด สมัยนั้นก็เคยมากินเลี้ยงอย่างนี้ แต่ช่วงแรกประสบการณ์ใหม่มันรุนแรง ผมเลยมักจะฟูมฟายแล้วก็สภาพไม่ต่างจากหมาสักตัวเสียงในร้านดังจ๊อกแจ๊ก มีเสียงรถติดถนน
“กูจำได้ว่าตอนมึงอกหักกูดูแลมึงดีกว่านี้นะ” ผมพูดแบบฟีลเร็วขึ้นมานิดหน่อย ไอ้ฟักเลิกคิ้ว มันแกะเบียร์แล้วยกซด สภาพค่อยเหมือนพวกพนักงานกินเงินเดือนฉลองวันศุกร์
“เหรอ แล้วไงต่อ”
ผมดื่มเบียร์ต่อจากมัน สักพักถึงพูดต่อ “คุณแก้วบอกกูว่าเขาไม่ใช่ผู้หญิง”
ไอ้ฟักอืมในลำคอ มันดูเฉยมากจนผมแปลกใจแต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป นอกจากนั่งเงียบๆดื่มเบียร์อึกแล้วอึกเล่า เออ ฉิบหาย ลืมไป นี่ในเวลางานเปล่าวะต๊อบ
นับตั้งแต่ตอนนั้นจนตอนนี้ผมก็ยังคิดอะไรไม่ออก
ผมคิดอะไรไม่ออกจริงๆ
ไอ้ที่วางไว้ ภาพในหัว หายหมดเลย
ผมซึมลง และมันแตกต่างจากที่แล้วมาอย่างไรไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่ามันอาจจะเป็นยังนี้นานมาก สมัยวัยรุ่นนั่นกลับดูฉาบฉวย ผมเมาและผมก็ลืม พอมองย้อนกลับไปจึงดูเป็นเรื่องตลก
“กูรู้สึกเหมือนกูแก่มาก มีเด็กสาวเข้ามาทำให้กูรู้สึกดี แต่กูดันพบว่ากูอยู่ได้อีกแค่เจ็ดวัน แน่นอนว่าเธอคงโตไม่ทัน และกูคงตายก่อน”
“แต่เธอสวย”
“อือ”
“แล้วถ้าเธอไม่สวย มึงจะยังชอบอยู่มั้ยวะ”
“ก็คงไม่ ไม่สิ ถ้าพูดว่าในตอนที่กูอยู่กับเขา สิ่งแรกที่ทำให้กูชอบคือหน้าตา แต่ไอ้ตอนที่อยู่ด้วยกันรู้นิสัย ตอนนั้นแหละที่กูคิดทันทีเลยว่าต่อให้เธอไม่สวยกูก็ยังจะอยู่กับเธออะไรแบบนั้น”
“เออ นี่ไง”
“ไม่ แต่ว่า คุณแก้วเขาไม่ใช่”
“ไม่ ต๊อบ ประเด็นที่ว่าคือเขาโกหกมึง”
“ใช่ กู” ผมเงียบไป “ทำไมต้องโกหกวะ”
“กลัวมึงรับไม่ได้มั้ง กูบอกแล้วให้ลองเย็..”
“มึงจะพูดไร สัด หุบปากลงเดี๋ยวนี้เลย” ผมทำท่าจะขว้างผักใส่มัน
“มึงคะ ตอนนั้นใครบอกกูว่าถ้ายังอยากเอาก็กลับไป ใครเหรอ?” มันลวกๆผักแล้วคีบใส่จาน “กูลอกเอาคำพูดมันมาเป๊ะ” เดี๋ยวนี้มีคะมีเคอะ
คำพูดนั้นเป็นผมเองที่บอกไอ้ฟักตอนมันทะเลาะกับเมีย ก็ตอนนั้นมันคิดอย่างนั้นจริงๆ แล้วมันก็เคยได้กันไปแล้วด้วย ในเมื่อน้ำยังหวานก็กินต่อไปแค่นั้น ผมหยิบมาพูดได้เพราะเป็นไอ้ฟัก จากการวิเคราะห์แล้วมันปากแข็งกว่าหิน จะให้พูดสวยๆอะไรไปก็คงไม่เกิดผลหรอกนอกจากพูดตรงๆแบบไร้ศิลปะการโน้มน้าวใจ อีกอย่างมันเป็นเรื่องของคนอื่น อะไรๆเลยดูง่าย
“กู กูรู้สึก มึงกูรับไม่ได้ว่ะ กู คือกูชอบเธอมากแต่เธอดันเป็นผู้ชาย กู หรือเป็นกูที่ผิดปกติวะ กูควรไปหาหมอมั้ย กูเครียดหัวแทบแตก กูว่าจะไปพบจิตแพทย์อยู่ กูแบบ กูเครียดจริงๆนะ แต่กูไม่มีตังค์ กูดูแล้วถ้าใช้ประกันอาจจะรอนาน แต่กูไม่เอาโรงบาลที่พี่กูอยู่นะ ไปไกลๆ กูกลัวเจอมัน”
“หมายความว่ากูก็ผิดปกติ? นี่คือเหยียด? มึงคิดงี้เองเหรอ”
มันพูดเรียบๆ ผมลืมไปว่าฟักมันก็เป็นเกย์และผมก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีเพียงแต่ “เปล่า ไม่ใช่ฟัก โอเค กูขอโทษ กูสับสนว่ะ”
“กูก็สับสนกับหัวมึงเหมือนกัน ทรงเหี้ยไรเนี่ย” มันใช้ตะเกียบชี้ๆแบบรังเกียจ
“หัวกูฟู ฟูน่ะสัดฟู”
แม่งได้ฟังที่ผมพูดอย่างจริงจังบ้างไหม ไอ้ห่านี้ ทำเป็นเล่น เพื่อนกำลังอยู่ในสภาวะอารมณ์ที่พร้อมจะสลายได้ตลอดเวลานะโว้ย ไอ้ฟักมันถอนหายใจปนขำๆ มันคงเป็นห่วงแต่มันเก๊กไม่อยากให้ผมรู้ “หน้าตายังกับคนโดนของ”
“กูโดนหลอก”
“มึงรู้มั้ยว่ากูไม่คิดจะแต่งงาน”
ผมมองมัน “อาฮะ”
“กูโคตรเฉยๆกับเรื่องความรัก กูไม่อิน กูไม่อะไรทั้งนั้น กูเชื่อว่าสักวันยังไงมันก็จะหมดลง ฉะนั้นกูสนแค่ว่ากูโอเคกับใคร กูอยู่กับใครแล้วสบายใจ นั่นแหละ ผักร้านมึงนี่มีสารพิษมั้ย”
“ไม่น่ามี แต่กูก็ยังเห็นมึงเอาคนนั้นคนนี้”
“นั่นมันกิจกรรมอย่างหนึ่งที่กูทำ ร่างกายก็ต้องการปลดปล่อยหรือเปล่า ฝืนสร้างกรอบให้ตัวเองทำไมวะ สุขอนามัยกูดีกว่ามึงอีกมั้ง อีพรหมจรรย์ อีคนบริสุทธิ์ยันรูจมูก”
“อือ”
“แต่มึงไม่เหมือนกู มึงยังมีพ่อแม่ครอบครัว กูอิสระกว่า”
“กู ฟัก กูไม่เคยคิดว่ากูจะชอบผู้ชายมาก่อน แถมกูจูบกับเขาแล้วด้วย แล้วกูเสือกโคตรโอเค แต่มัน แต่ตอนนั้นคุณแก้วเขาเป็นผู้หญิงไง กูคิดว่าเขาเป็นผู้หญิง”
“ก็เขาเป็นผู้หญิงไงมึง จริตทุกอย่างเขาเป็นผู้หญิง ติดแค่ไม่มีมดลูก มึงลองตัดสถานะที่ถูกสร้างขึ้นมาดิ แล้วมึงลองดูว่ามึงยังจะชอบเขาอยู่มั้ย”
“หมายถึง”
“กูจะไม่ชักนำมึงหรอกนะแต่ถ้าสมมติ เราก้าวผ่านข้อจำกัดโง่ๆที่มโนกันขึ้นมาหลังยุคไดโนเสาร์แล้วมองที่ว่านั่นคือคนๆหนึ่ง มึงยังโอเคมั้ย” เสียงมันทุ้มๆ ดูเหมือนตอนที่กำลังจีบผู้หญิง ผมหมายถึงไอ้ฟักมันกำลังมีเสน่ห์โดยไม่รู้ตัว ไอ้เหี้ย มันกำลังทำหล่อ
“กูไม่คิดว่ามันจะผิดอะไรเลย กูรู้สึกว่าทุกคนต้องการความรัก เราจะไปจำกัดเพื่ออะไรวะ” ผมพูดออกมา
“เออ”
“กูไม่สนด้วยว่าใครจะว่ากูยังไงตอนคบกับมึง”
“มึงกันพวกที่แกล้งกูได้ดี เพราะอะไร เพราะตอนนั้นมึงก็คิดใช่มั้ยว่ากูน่ารัก น่าคบหา ต่อให้ดูเหมือนตุ๊ดแล้วไง กูหมายถึงตอนนั้นกูเหมือนตุ๊ดไปหน่อย แต่เพราะเป็นกูไง ถึงตอนนั้นมึงจะหน้าตาน่าเกลียดจนตอนนี้กูก็ยังคบมึง เพราะอะไร เพราะกูไม่ใช่คนที่เอาแต่มองเปลือกหรือเปล่า กูดูสันดาน”
แม่งพูดเข้าข้างตัวเองสุดๆ
“กูขี้เหร่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
“เออ” มันตอบแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย “กูยังสงสัยว่าทำไมเขาถึงยอมมาเดตกับมึง”
“เอ้า”
“แล้วไง ขนาดผู้หญิงยังทิ้งมึงไปหาผัวใหม่เยอะแยะ อะไรการันตีได้กูถามหน่อย”
“วันนั้นที่กูไปเที่ยวกับคุณแก้วที่ท้องฟ้าจำลองอะ คุณแก้วเขาถามกูว่าชอบเด็กผู้ชายหรือผู้หญิง กูตอบผู้หญิง เขาถามทำไม กูเลยตอบเพราะกูอยากได้ลูกสาว หลังจากนั้นแปบนึงเขาเงียบๆไปแล้วก็ร้องไห้ หนีกูไปเลย ทิ้งกูงงอยู่คนเดียว ยามเดินมาสะกิดกูถึงเริ่มรู้สึกตัวแล้วกลับบ้านมาอย่างงงๆ กูหลับไปสองวัน”
“แล้วเขาบอกมึงเหรอว่าเขาไม่ใช่ผู้หญิง”
“เออ เขาคงรู้สึกผิด”
“แล้วก่อนหน้านี้มึงไม่รู้สึกแปลกๆอะไรเลยเหรอ”
ผมขมวดคิ้ว
“ไม่นะ เขาสวยออก แถมยังน่ารัก เรียบร้อย ดูยังไงก็ผู้หญิงอ่ะ” ผมพูดต่อ “เออ ตอนแรกที่เขาบอกว่ามีลูกให้ไม่ได้ กูนึกไปว่าคุณแก้วเป็นหมันด้วย”
ไอ้ฟักทำตาเหลือกๆ กลอกไปกลอกมาอย่างระอา ผมสงสัยว่ามันอาจจะกำลังด่าผมอยู่ในใจ มึงมีไรแน่จริงมึงพูดออกมาเลยดีกว่าไอ้ฟัก
“แล้วได้คุยกันบ้างยัง”
“เขาบล็อกกูว่ะ” มือเสยผมขยี้เบาๆ “กูอื้อๆไปเลย กูงงๆบอกไม่ถูก”
“การที่มึงคบกะเทยก็ไม่ได้แปลว่ามึงต้องเป็นเกย์นะ วันนึงมึงเลิกกับเขา มึงก็ชอบผู้หญิงเหมือนเดิม ไม่เห็นแปลก โลกแบ่งแยกมากพอแล้ว แล้วแต่มึงเถอะ อยู่กับใครแล้วดีแล้วสบายใจก็พอ”
“มึงเป็นพี่ก้อยพี่ฉอดแน่ๆเลยว่ะ”
“พี่อ้อยมั้ย”
“เออ นั่นแหละ”
“กูไม่ชอบฟังพวกชะนีเด็กที่โทรเข้าไปพูดเสียงป้อแป้”
ผมกับมันเงียบไปสักพักเหมือนมีเรื่องในใจให้ครุ่นคิด ต่างฝ่ายต่างก้มหน้าแดกผักและหมูที่ปิ้งเสร็จ ผมถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วนั่งดื่มเบียร์ต่อเรื่อยๆพร้อมกับใจที่ฟุ้งๆ ลุงครับ ผมขออู้อย่างเป็นทางการ
ผมยอมรับว่าผมมีเสี้ยวหนึ่งที่ผิดหวังมากจนมันพูดไม่ถูกทีเดียว
“มึงรู้ตัวอยู่แล้วว่ามึงชอบเขา แต่มันก็มีเหตุผลที่มาแย้งบอกมึงว่าไม่ยอมรับ อย่างเช่นครอบครัวมึง พ่อมึงแม่มึงพี่ชายมึง”
“ตอนนี้กูอยากวิ่งออกไปให้รถชนตายมากเลยว่ะ”
“จะตายก็ที่วัดดีกว่ามะ เดือนร้อนคนอื่น”
“แต่เขาโกหกกูไง”
“เขาเคยพยายามจะบอกมึงบ้างยัง”
“ไม่รู้ว่ะ” ผมนึก “หรือเขาพยายามแล้วแต่กูไม่รู้เองว่ะ เฮ้ย แต่ถ้าคนมันจริงใจจริง ก็ต้องบอกกันแต่แรกแล้วหรือเปล่า”
“คุณแก้วมึงนี่แปลงยัง”
“แปลงไร อ่อ ไม่รู้”
“เออ ดี”
“ดูไงล่ะ ไอ้เหี้ย มึงจะให้กูถกกระโปรงเขาเหรอ กูก็มารู้ตอนเขาบอกนั่นแหละ”
ผมถอนหายใจก่อนจะเงียบลงไปอีกครั้ง ศอกเท้าไปด้านหลังกับหลังเก้าอี้ เบียร์หมดแล้ว ผมห้ามใจตัวเองไม่ให้แกะกระป๋องใหม่ไม่สำเร็จ
“เอฟเฟ็กมึงแปลกๆนะ ก่อนหน้านี้มึงฟูมฟายแทบเป็นแทบตาย ตอนที่คิดว่าเขามีผัว”
“ก็นั่นแค่คิด แต่ตอนนี้ความจริงเสือกเป็นอีกแบบ กูตึ้บอยู่ เออ ถ้ามึงมาหากูสามวันแรกก็ได้อยู่ กูจะงอแงให้ดู”
“งานการกูก็มี ไม่ว่าง” มันเขี่ยๆหมึกไปอีกทางของเตา เพราะมันไม่ชอบกิน แต่ผมชอบกิน “มึงนี่ดูโง่ๆแต่จริงๆก็โง่เนอะ”
ผมขมวดคิ้วมุ่นๆ “เชี้ยไรเนี่ย”
“มึงเจอเขาบ้างยัง”
“กูไม่ได้ไปหาเขาที่บ้านอะ กูว่าเขาคงไม่อยากเจอกูหรอก หนีซะขนาดนั้น” ผมวาดนิ้ว “กูกลัวไปแล้วกูจะผิดหวัง แล้วก็กูอาจจะรับไม่ได้ไปเลย กู มึงไม่กอดกูเหรอ ตอนมึงร้องไห้กูกอดมึงนะ มึงลูบนมกูด้วย”
“ไป ไปไหนก็ไปไอ้สัด ลุกจากโต๊ะกูได้ละ”
ดูมัน ดูมันไล่เพื่อน เหมือนควันหมูเข้าตา
“ที่กูรับไม่ได้คือเขาโกหกกูไง”
ผมกระพริบตาหลายๆที พูดเสียงอู้อี้เพราะเนื้อเต็มปาก สักพักไอ้ฟักมันก็ลุกมานั่งข้างๆผมก่อนจะแย่งเนื้อปลาในชามไปกินแล้วตบไหล่ผมสองสามที
“เออ กูรู้”
TBC
[25/5/2559]
โถ่ คุณแก้ว มีลูกให้ต็อบไม่ได้ ไม่เป็นไรนะคะ
ไมไ่ด้เป็นผู้หญิง ก็ไม่เป็นไรนะคะ
เป็นผัวต๊อบก็พอแล้วค่ะ ไม่เศร้า ๆ ไม่ร้องไห้โน๊ะ
อ่านคอมเม้นต์แล้วกระชุ่มกระชวยมากเลยข่ะ