เรื่อง :: บอกแล้วใช่ไหม ก่อนจีบให้ดูดีๆ ::
เขียน ::
ผู้ซึ่งหลงรักหญิงสาวในภาพวาด ::
บทที่ 15 : วางยามัน เอาให้มันตายใจก่อน
“คุณแก้ว เอ่อ ผมขอโทษแทนแม่ด้วยนะครับ”
หลังจากการพบปะพ่อแม่ผู้ปกครองอย่างไม่ได้นัดหมายที่ทำเอาผมเกือบบ้าตาย ผมพาคุณแก้วไปส่งที่รถ แม่ไม่น่าไปทำอะไรแบบนั้นเลย ผมน่ะผู้ชายไม่เป็นอะไรหรอก แต่คุณแก้วนี่สิ เขาจะเสียหาย กี่ครั้งแล้วต๊อบ!
“ขอโทษอะไรกันค่ะ แก้วเข้าใจ ไม่เป็นอะไรหรอก” คุณแก้วยิ้มละไม ก่อนจะจัดคอเสื้อผมเบาๆ “ก็เรื่องจริงทั้งนั้นเลย…”
ผมคิ้วกระดิก รู้สึกงงๆ คุณแก้วเห็นก็หัวเราะก่อนพูดต่อ “ก็แก้วมาชอบลูกชายเขา คนเป็นแม่ก็หวงเป็นธรรมดา”
รอบๆบ้านเปิดไฟสีส้มๆเหลืองๆ พอกระทบกับต้นไม้ต่างๆที่ปลูกรอบรั้ว ทำให้ดูสวยมาก แถมลมยังพัดเย็น จุดที่บ้านผมตั้งอยู่ลมจะผ่านพอดี แถมแม่ยังสร้างบ้านซะสวย ตอนกลางเปิดไฟมันจึงยิ่งดูดี ดูโรแมนติกสุดๆ
ก็มาชอบลูกชายเขา
ชอบลูกชายเขา…
ขาเขอรู้สึกเปลี้ย
ผมพยายามเก็บความเขิน ก่อนจะคิดว่าการที่พ่อกับแม่ไม่พูดอะไรอาจจะไฟเขียวแล้ว แต่คงต้องทำให้เห็นว่าผมจริงจังมากกว่าที่คิด อีกอย่างคุณแก้วเคยบอกว่าคุณแก้วอยู่คนเดียว และเธอก็ไม่ค่อยพูดเรื่องครอบครัวตัวเองเลย อาจจะเป็นไปได้ว่า
“ถ้าถึงบ้านแล้วโทรบอกผมด้วยนะ”
อยู่ดีผมก็รู้สึกซึ้ง และอยากจะดูแลเธอไปนานๆเท่าที่จะทำได้
เรามองกันสักพัก เหมือนกับว่าไม่อยากจะจากกัน ยื้อเวลาในนานอีกสักนิด
ต๊อบ
แค่ส่งคุณแก้วกลับบ้าน ไม่ได้ไปเกณฑ์ทหารเว้ย!
ผมเข้าใจ ช่วงรักหวานๆ แม้วัยจะเลยหวานมาแล้วนิดหน่อย แต่ก็ทำยังไงได้
“เอ่อ”
พูดขึ้นมาพร้อมกัน ผมอึกอัก ก่อนจะพูดก่อน “คุณแก้วครับ”
“ว่าไงค่ะ” คุณแก้วตอบ เธอมองผม ริมฝีปากยิ้มน้อยๆ ผมนึกถึงตอนที่คุณแก้วหนีผมไปแล้วร้องไห้ ลมพัดเอื่อยๆ ทำให้แม้จะอยู่ข้างนอกแต่ก็ไม่ร้อนเท่าไร ผมเพิ่งรู้ว่าสวนหน้าบ้านผมมันสวยมากก็วันนี้
“คุณแก้วขับรถไหวนะครับ”
“ไหวสิ” เธอพูดเสียงอ่อน แววตาก็อ่อนโยน ทุกอย่างดูนุ่มนิ่ม มนๆ ดูน่าซุกไปหมดเลย
“ผมจำได้ว่าคุณแก้วบอกว่าไม่ชอบขับรถ”
“ใช่ค่ะ แต่ว่าบางทีมันก็เลือกไม่ได้ เวลาทำงานไกลๆ หรือเวลาอยากมาที่ที่อยากมาเร็วๆ”
“แปลว่าคุณแก้วอยากมาง้อผมเร็วๆ”
“แล้วง้อสำเร็จมั้ย?”
เป็นเพราะเรายังอยู่หน้าบ้าน คุณแก้วแค่ยืนสวยๆ เอียงคอนิดหน่อย แล้วจ้องผมด้วยสายตาแบบนั้น คุยเสียงเบาๆกันสองคน กับไฟรอบบ้านสีเหลืองๆนวลๆ และเสียงน้ำพุตรงบ่อปลา
เกิดมาชาตินี้ เพิ่งเคยถูกง้อกับเขา
คุณแก้วยิ้มแล้วก็หอมแก้มผมเบาๆก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกไป ผมยืนเกาต้นคอลามไปถึงขยี้เส้นผมไปงั้นๆเพื่อแก้อาการอย่างเขินๆอายๆ
“ต๊อบ”
พอเข้าบ้านมา สิ่งแรกที่แม่ทำคือเรียกผมแบบคาดคั้นบางอย่าง อาการอย่างนี้เหมือนตอนรู้เกรดผมสมัยประถมสี่ แบบว่าเกรดไม่ดีด้วย
“ไหนเล่าให้แม่ฟังสิ”
ผมเดินไปนั่งอย่างงงๆ หน้าตาเหมือนไม่เข้าใจคำถามนิดหน่อย ก่อนจะกลั้นใจพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ ไม่ได้มีท่าทีร้อนรน
“แม่ ผมขอนะ” ผมพูดแฝงความมั่นคงชัดเจน “คนนี้ผมจริงจัง”
“มีผู้หญิงตั้งเยอะตั้งแยะ ต๊อบ”
การที่แม่เรียกผมมาคุยส่วนตัวแบบนี้ ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี แต่ทั้งๆที่ตอนคุณแก้วอยู่ แม่กับพ่อก็ดูไม่มีปัญหา แม่ทำหน้าเรียบๆ ไม่ได้ดูโกรธมาก แต่ดูเหมือนเป็นห่วงมากกว่า ถึงจะไม่ได้พูดมาตามตรง แต่ผมรู้ว่าแค่นี้มันคงไม่ทำให้ยอมรับได้ง่ายขนาดนั้น
ขนาดผมยังต้องใช้เวลาคิดกับตัวเองเกือบเดือน
มันไม่เหมือนกัน
“ก็ผมรักคนนี้”
แววตาแม่อ่อนลง ก่อนจะเงียบไปสักพัก ผมมองหน้าแม่รอคำตอบ ไม่ได้อึกอัก คุณแก้วไม่ได้มีอะไรเสียหายเลย แถมเธอยังมีชีวิตที่ดี การงานก็ดี นิสัยก็ดีอีก ผมมองไม่ออกว่ามีอะไรต่างจากคู่รักปกติยังไง นานมาก นิดเดียวก็จริงแต่เหมือนโคตรนาน
“เอาเถอะ แล้วแต่ต๊อบละกัน”
กระทั่งแม่พูดออกมาก่อนจะถอนหายใจ ผมเข้าไปกอดแม่เบาๆแล้วยิ้มแฉ่งอย่างออดอ้อน “ขอบคุณครับ หนูก็รักแม่นะ”
แม่ดูหมั่นไส้ ส่งเสียงเฮอะฮะใหญ่ เห็นอย่างนี้ผมก็รู้สึกโล่งใจสุดๆ ในใจก็คิดถึงแต่คุณแก้ว คุณแก้ว แล้วก็คุณแก้วเต็มไปหมด
เมื่อคืนคุณแก้วถึงบ้านแล้วก็ส่งข้อความมาหาผมตามที่สัญญา เราคุยกันอีกสักพักใหญ่ๆจนดึกมาก ผมบอกให้คุณแก้วไปนอนก่อนเพราะกลัวเธอตื่นสายแล้วทำงานไม่ทัน ผมงานอยู่บ้าน ตื่นสายได้ อู้ได้ ไม่เป็นไรหรอกครับ ถึงใจจะบอกอย่างนั้นแต่จริงๆแล้วก็อยากจะคุยกันต่อมากๆ
หลังจากวันนั้น ผมก็พยายามหาทางชวนคุณแก้วมาที่บ้านบ่อยๆ ไปทานอาหารด้วยกันกับครอบครัว เพราะอยากให้พ่อกับแม่ชอบคุณแก้วมากที่สุด อย่างน้อยให้เห็นว่าการที่เราคบกันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรสักนิด อีกทั้งมีแต่สิ่งดีๆเข้ามาอีกด้วย
แต่ผมก็ถามคุณแก้วอยู่ตลอดว่าโอเคไหม เธอชอบมีทริกการซื้อของไปให้ผู้ใหญ่จนผมยังทึ่ง ซึ่งความจริงผมไม่รู้มาก่อนว่าควรซื้อไรไปบ้าง แต่เพราะบางทีผมรู้สึกได้ว่าคุณแก้วกับแม่มีการพูดคุยกันทางสายตาและทางจิตอยู่บ่อยๆ ถ้าผมไม่ได้คิดไปเอง หรือจริงๆแล้วนั่นจะเป็นการเข้ากันได้ดีระหว่างแม่สามีกับว่าที่ลูกสะใภ้วะ
แต่คุณแก้วสวยมาก ดูแลตัวเองดีมากๆตลอดจนลามมาถึงผมด้วย แล้วเธอยังทั้งเก่งทั้งฉลาด ดูยังไงก็คงเป็นผมต่างหากที่จะทำให้คุณแก้วเสียหาย
เราเคลียร์กันแล้ว เบอร์หรืออื่นๆก็เลิกบล็อก ส่วนเรื่องส่วนตัวกว่านั้นผมยังไม่ได้ถามมากเพราะอยากให้คุณแก้วค่อยๆเล่าออกมาเอง
ช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยได้เจอไอ้ฟักเท่าไร มันเองก็บอกติดงานๆ แต่เห็นเช็กอินตามร้านอาหารร้านขนมบ่อยมาก มีไปซื้อรองเท้าใหม่อีกแล้วด้วย บ้านมันจะกลายเป็นร้านมือสองขนาดย่อมๆไปแล้ว เห็นใส่อยู่ไม่กี่คู่ เสียดายตังค์ชิบหาย แต่ช่างหัวแม่ง ตอนนี้ผมติดแฟนมากกว่า ยังไงก็เลือกคุณแก้วเสมอครับ อั๊ยๆๆๆ
วันนี้คุณแก้วแต่งตัวดูเบาๆ กระโปรงยาว มันเป็นชุดบางๆดูสบายๆพร้อมถอดได้ทุกเมื่อ เหมือนไว้เดินอยู่ที่สวนหน้าบ้าน เรานัดกันมาช่วยกันเลือกซื้อของไปทำอาหารที่บ้านคุณแก้ว หากิจกรรมทำด้วยกันเยอะๆ เพราะผมอยากอยู่กับคุณแก้วนานๆ
ผมก็เคยมาช่วยหิ้วถุงผักในซุปเปอร์มาร์เก็ตให้ไอ้ฟักมันบ่อยๆ วันไหนบ้าบออยากแดกสลัดก็ไม่ยอมซื้อเอา อยากจะทำเอง อยากดูเฮลตี้ มีความเป็นพ่อเรือน แต่เสือกลำบากผมซะงั้น
แต่สำหรับคุณแก้ว ไม่เป็นไรเสมอครับ ทำขนมทำอาหารด้วยกัน น่ารักมุ้งมิ้งจะตาย
“บึ๊น บึ๊นๆ บรึ๊น”
ผมเท้าแขนไว้บนที่จับแล้วลากรถเข็นตามคุณแก้ว ปากเป่าเป็นคลื่น ผมใส่แค่เสื้อกล้ามกับเสื้อช็อปอีกตัว ทำให้แอบหนาวๆอยู่เหมือนกันพออยู่ในห้างที่แอร์เย็นชิบหายนานๆเข้า เลยต้องหาอะไรขยับร่างกายสักหน่อยเพื่อความอบอุ่น แต่จะให้ดีต้องกอดกันครับ กอดคุณแก้ว
“อะไรคะ” คุณแก้วหันมา หัวเราะใหญ่ “นิ่งๆสิ เล่นเป็นเด็ก”
เธอกำลังเลือกแป้งสักอย่าง ไว้ทำเค้กถ้าผมเดา ร่างเพรียวๆ ผมเป็นลอน ปากสีหวาน ขนตาก็ยาวสวย เสื้อผ้าที่ใส่ก็น่ารัก พอทุกอย่างประกอบกัน มันดูลงตัว ดูสวยสุดๆจนผมมองแล้วอดยิ้มไม่ได้อย่างภูมิใจ
“คุณแก้ว ผมจะซิ่งแล้วนะครับ”
“นี่ เดี๋ยวเถอะ” คุณแก้วยิ้ม แก้มแดงเปล่งปลั่ง ดุผมเบาๆ พอผมเข็นรถไปยืนข้างๆเธอได้ คุณแก้วก็หยิกไม่จริงจังทีนึง
“เจ็บนะคะ ตีเค้าทำไม”
อย่าให้ไอ้ฟักหรือใครๆมาเห็นเชียว มันคงอ้วกออกมา ผมเป็นผู้ชายที่ต่อหน้าคนอื่นจะเงียบขรึมหล่อเหล่าขี้อายนิดๆ แต่พอสองต่อสองกับนางในฝันมันก็อีกแบบไงครับ โธ่
คุณแก้วพยายามกลั้นยิ้ม กลั้นความหมั่นไส้ไม่ให้บีบๆผมอีก “หมั่นเขี้ยว”
หลังจากวันนั้น ทุกอย่างก็เหมือนเดิม อาจจะดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ ผมไม่ได้รู้แปลกอะไรเลยแม้แต่น้อย ยิ่งอยากดูแลคุณแก้ว อยากอยู่กับเธอไปทุกๆที่
“กัดมั้ย กัดได้นะครับ”
ไอ้เชี้ยต๊อบ ไอ้ต๊อบคนแรกที่มันบอกว่าขี้เขินต่อหน้าสาวๆหายไปไหน นี่แสดงให้เห็นถึงความสนิทสนมอีกระดับหนึ่งระหว่างความสัมพันธ์ยังไงล่ะครับ ก้าวหน้าขนาดนี้ ปรบมือให้ผมด้วย
จริงๆเราคุยกันเบาๆ เบามาก คำถามเลยดูทีเล่นทีจริงไปหมด แถมยังไม่มีสาระอะไรเลยด้วย
“กลับบ้านก่อนเถอะ”
คุณแก้วยิ้มเหมือนจะคาดโทษผมไว้ มือดึงแก้มผมยืดออกไปทีนึง
เธอแตะแขนผมตอนเราจะเข็นรถไปทางแคชเชียร์ ดูเป็นธรรมชาติอย่างมากโดยที่ผมก็ไม่ได้รู้สึกตัวมาก่อน พอซื้อของเสร็จ ก็กลับไปที่บ้านคุณแก้ว แล้วเริ่มช่วยกันทำเค้กวนิลา ความจริงผมไม่ชอบกินเค้กเท่าไร แต่ไม่ได้บอกคุณแก้ว ต่างจากเธอที่ดูจะชอบของเบาๆ ขนมๆ หวานๆ ดูเข้ากับบุคลิกคุณแก้วดี เธอน่ารักราวกับตุ๊กตากระเบื้อง จะกอดก็กลัวทำแตก ถึงหุ่นจะไปเหมือนนางแบบวิคตอเรียก็เถอะ
“คุณต๊อบตอกไข่เป็นใช่มั้ย ตอกไปเลยค่ะสองฟอง”
“ตอกเลยนะครับ” ชิบหาย แม่ง เปลือกไข่ ผมรีบเขี่ยออกตอนที่คุณแก้วกำลังดูสูตรในแท็บเล็ต “แฮะๆๆ เสร็จแล้วครับ”
“แล้วก็” คุณแก้วเอียงคอ เธอรวมผมขึ้นเกล้าไว้แบบไม่จริงจังจึงมีปอยผมหลุดออกมาบ้าง แต่ดูโคตรเซ็กซี่
ผมหันไปอีกทาง ก่อนจะหลับตา กำมือเคาะอกสองสามที เป็นบุญของกูจริงๆ
“เอาไข่ขาวออกค่ะ” คุณแก้วหันมา
“ตักออกเลยเหรอครับ”
“นี่ ยังนี้ค่ะ” เธอยืนใกล้ๆผมแล้วก้มหน้านิดๆก่อนจะจับมือสอน หยิบถ้วยเล็กๆสองใบ แล้วย้ายไข่ไปมา ให้เหลือแต่ไข่แดงมากที่สุด ห้องครัวคุณแก้วจะมีเคาร์เตอร์อยู่ตรงกลางเป็นเหมือนไว้วางของทำอาหาร เธออยู่ใกล้ๆอย่างนี้ ผมเลยหอบหายใจเอากลิ่นหอมๆไปเต็มเปา
ท้องฟ้าเมฆเยอะไปหน่อย แถมอากาศยังร้อนมาก ถ้าไม่เปิดแอร์อาจตายได้
“คุณต๊อบตีแป้งให้แก้วหน่อย”
“มาครับมา” งานใช้แรงงานถนัด “คุณแก้วก็ทำไม่เป็นเหรอครับ”
“แก้วก็ลืมๆ ต้องดูสูตรถึงจะพอได้”
“ผมไม่เคยทำอาหารเท่าไร ปกติกินอย่างเดียว”
“นี่ไง” คุณแก้วเท้าคาง ดูผมตีแป้ง “เดี๋ยวแก้วทำให้กิน”
“กินได้ใช่มั้ยครับ”
“ปากไม่ดี” คุณแก้วทำหน้ามุ่ย “อ่อ จริงๆแล้วปากไม่ดีอย่างนี้ใช่มั้ย?”
“เปล่านะครับ ฮ่าๆ โอ๊ย ผมล้อเล่นเอง” ผมพยายามหลบนิ้วสวยๆของคุณแก้ว เธอจิ้มๆที่เอวที่แขนผมอย่างเอาคืน
แป้งขาวๆพอเทออกมาก็เลอะมือเลอะหน้า คุณแก้วจิ้มผมจนหน้าขาวเป็นดวงๆ จมูกเลอะด้วย
“คุณแก้วอย่า”
“คุณต๊อบแกล้งแก้วก่อนนะ ตั้งแต่ในมาร์เก็ตแล้ว” เธอพูดพลางหัวเราะ ปากดูเข่นเขี้ยว ดูอยากจะกัดผมแล้วขย้ำๆ ผมรู้สึกขนลุกไปด้วยความรักแปลกๆ อานุภาพช่างแรงกล้า
ผมจักจี้ หัวเราะจนทนไม่ไหวมือหนึ่งเลยรวบข้อมือคุณแก้วไว้ กระทั่งใบหน้าเราใกล้กัน ทุกอย่างก็ดูเหมือนหยุดนิ่งทันที ฉิบหาย ฉากในละครแบบนี้ ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง ผมรู้สึกตาแข็ง แอบตกใจจนหน้าเริ่มร้อนผ่าวๆ รีบปล่อยมือคุณแก้ว
ผมนึกถึงคำพูดแม่ แม่บอกให้ป้องกันด้วยนะลูก บ้าแล้ว ไว้หลังแต่งงานนู่น!
มือคุณแก้วเป็นรอยแดง เธอถกแขนเสื้อขึ้นก่อนหน้านี้ ผมเห็นแล้วตกใจ รีบขอดูทันที
“เจ็บหรือเปล่าครับ”
“เป็นรอยเฉยๆ แต่ไม่เจ็บหรอกค่ะ”
“จริงนะครับ”
“จริงสิ แก้วไม่เจ็บจริงๆ เป็นที่ผิวเฉยๆ เลยดูแดง” คุณแก้วลูบแก้มผมเบาๆ “โอ๋ หมาน้อยของแก้ว หูตกเชียว”
ผมถอดเสื้อช็อปออกแล้วเลยเหลือแค่เสื้อบางๆแขนสั้นตัวใน เวลาคุณแก้วโอบคุณแก้วจับ เลยถูกเนื้อหนังกันเต็มๆ
อบเค้กอีกครึ่งชั่วโมง เราเลยเปิดหนังกันดู ก่อนจะนอนก่ายกันบนโซฟา ผมนอนหนุนหมอนบนตักคุณแก้วอีกทีอย่างสบายใจ คุยกันเรื่อยเปื่อย หาสาระไม่ได้แต่มีความสุขจัง
“คุณต๊อบออกกำลังกายหนักมั้ยคะ”
“ก็พอดีๆนะครับ ไม่ได้ถึงขนาดเข้าฟิตเนสเข้ายิมอะไรหรอก” ตอนนอนผมก็ไม่รู้ตัวว่าเสื้อเลิกขึ้นนิดหน่อย โชว์พุงต่อหน้าสาวแบบนี้ มันไม่สำรวมเลยต๊อบ ไม่เลย
คุณแก้วจิ้มนิ้วแตะอกผม เล่นปูไต่ ผมกำลังดูหนังเพลินๆมารู้สึกตอนที่นิ้วเธอต่ำลงๆ
“ฮั่นแหนะ” ผมกุมนิ้วคุณแก้วไว้ คุณแก้วหัวเราะทุ้มๆ ก่อนอีกนิ้วจะจิ้มที่อกซ้ายแล้วลากไปตรงซิกแพ็กลูกที่หก ไม่อยากจะอวดเลย ณ จุดๆนี้นะครับ
“แก้วก็มีซิกแพ็กนะ” รอยยิ้มคุณแก้วดูแพรวพราว มุกปากยกยิ้มนิดๆ
“หื๊อ” ผมหัวเราะ ทำเสียงสูงแบบแกล้งเชื่อ “คุณแก้วจะวัดกับผมมั้ยครับ”
แต่ผมก็เคยเห็นผู้หญิงที่ออกกำลังกายจริงๆแล้วหุ่นสวยสะบึ้ม จนเห็นซิกแพ็กหน่อยๆเหมือนกันนะ คุณแก้วนี่ครบเครื่องสมบูรณ์แบบไปหมดเลยครับ จะไม่ให้รักได้ไง
“คุณต๊อบแพ้แน่ แน่ใจเหรอ หื้ม” เธอก้มลงมานิดๆ ใบหน้าเราใกล้กัน ก่อนจะบีบแก้มทั้งสองข้างแล้วส่งเสียงหมั่นเขี้ยวในลำคอ ริมฝีปากเธอเกือบจะจูบผมได้อยู่แล้ว แววตาคุณแก้วดูส่องประกาย แถมยังมองผมแบบเหมือนจะทะลุเข้ามา
ผมแกล้งยอมแบบบทบาทแฟนที่ดี “ครับผม ครับ แค่นี้ก็สู้ไม่ได้แล้วครับ”
อยากจะเอาหัวมุดๆ คุณแก้วดูหวานกว่าเค้กในเตาอบนั่นอีก!
ท่าทางเธอชอบพุงผมไม่น้อย เพราะลูบบ่อยมาก เอาเป็นว่าเธอลูบทั้งตัวผมแบบที่ผมเองก็ไม่ทันจะรู้ตัว มือนิ่มๆเดี๋ยวลากที่ไหล่ ลากที่แผ่นอก ก่อนจะนวดวนๆตรงปลายคางถึงลำคอ นอกจากกลิ่นหอมๆ ประสาทสัมผัสทั้งรูป กลิ่น รส ผมแทบจะเมาบนตักคนงาม
สักพักด้านนอกลมแรง พัดจนต้นไม้ปลิวเอน ท้องฟ้ามืดครึ้ม ยังไม่ทันไรถึงจะไม่ได้ยินเสียง แต่ก็เห็นจากกระที่ไม่มีม่านและเตาอบก็ดังกริ๊งพอดี ผมสะดุ้งจากภวังค์ขณะที่สายตายังเหม่อๆดูทีวี แอร์เย็นจนขนลุกเบาๆ
“…ฝนตก…”
เสียงนั้นดูหวานหยด คุณแก้วยิ้ม คิ้วขมวดลงเล็กน้อยเหมือนช่วยไม่ได้ แววตาทอแสงอ่อนโยนเสียจนผมรู้สึกตัวอ่อนระทวย ผมมองไปทางหน้าต่างก่อนจะมองมาทางคุณแก้ว เธอยังกุมคอผมอยู่ ก่อนริมฝีปากสวยๆจะค่อยๆเอ่ยอย่างไม่ติดขัด
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้….ค้างที่นี่มั้ยคะ?”
TBC
[19/06/2559]